"HAARP" Mind Control สะกดจิตผ่านกระแสแม่เหล็กทางอากาศ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Kschardonnay, 6 มิถุนายน 2016.

  1. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาออกมาอ้างว่ามันคือเสาส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อหาคลื่นใต้ดินและหาแหล่งของน้ำมัน

    แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันโดยทั่วไปว่ามันคืออาวุธทำลายล้างชนิดใหม่ที่ใช้บังคับสภาพดินฟ้าอากาศ หลักการคือยิงคลื่นแม่เหล็กหลายพันล้านโวลต์ขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ มีชื่อเรียกว่าไอโอโนสเฟียร์ และส่งผลให้ชั้นบรรยากาศบริเวณนั้นมีการเปลี่ยนแปลงและสร้างคลื่นสะท้อนกลับมายังพื้นผิวโลก สามารถส่งไปยังเป้าหมายที่ต้องการได้ รวมไปถึงสามารถส่งพลังงานลงไปสู่ชั้นหินใต้ดินเพื่อก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนหรือแผ่นดินไหวในประเทศต่างๆทั่งโลก ซึ่งผลงานการกระทำของมนุษย์ชิ้นนี้มีผลอย่างมากกับคลื่นกระแสแม่เหล็กของโลก จนทำให้เกิดพายุและการละลายของเทือกเขาน้ำแข็ง รวมถึงการก่อคลื่นใต้น้ำสึนามิ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างมากมาย

    โลกถูกห่อหุ้มด้วยสนามแม่เหล็ก เส้นวงกลมของสนามแม่เหล็กเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่องลงไปขั้วโลกเหนือและโผล่ออกมาจากขั้วโลกใต้ ชั้นบรรยากาศซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้าคลื่น 100 กิโลเมตร [62 ไมล์] เหนือแผ่นดินประกอบด้วยชั้นของอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าที่ทำหน้าที่เป็นโล่จากลมแสงอาทิตย์ได้

    คลื่นความถี่ธรรมชาติของโลกถูกสร้างขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากพลังงานไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศ และมีพลังงานไฟฟ้าเกิดจากพายุฟ้าผ่าหลาย ซึ่งเรียกคลื่นเหล่านี้ว่า "The Schumann Resonance "
    ซึ่งมีการบันทึกคลื่นความถี่อยู่ที่ 7.8เฮิร์ตซ์ หรือเรียกว่าชีพจรของโลก (Earth’s heartbeat) ซึ่งคลื่นความถี่ของโลกมีความถี่ที่เริ่มต้นที่ 7.8 และเป็นคลื่นความถี่ที่มีค่าเท่ากันกับคลื่นในสมองของมนุษย์

    แต่ดูเหมือนว่ามีใครบางคมกำลังเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่ของสนามแม่เหล็กโลกซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงทั้งในเรื่องสภาพแวดล้อม อุทกภัย ความกดดัน และรวมถึงพฤติกรรมที่รุนแรงในสังคมมนุษย์

    ในปี 2014 ทีมนักวิทย์ได้ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดย ชูมาน์เร โซแนนซ์ ได้ตรวจพบว่าโลกมีค่าความถี่ที่สูงขึ้นจากค่าปกติมาก และความเปลี่ยนแปลงนี่มีแหล่งที่มาจาก โครงการ Project HAARP!


    HAARP คือศูนย์วิจัยไอโอโนสแฟร์ (ionosphere คือชั้นบรรยากาศช่วงที่อยู่ห่างระหว่าง 80-1000 กิโลเมตรจากพื้นผิวโลก) ในเมือง Gakona รัฐ Alaska ซึ่งได้รับความร่วมมือ และเงินทุนจากมหาวิทยาลัยอาลาสก้า U.S. Air Force, the U.S. Navy และ Defense Advanced Research Projects Agency (DARPA)

    เชื่อว่าผู้สร้างออกแบบเพื่อให้มีผลกระทบสะท้อนต่อสิ่งมีชีวิต และธรรมชาติ โดยนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาใช้เครื่องส่งสัญญาณที่เรียกว่าอลาสก้า และ HAARP (High-Frequency Active Auroral Research Program) ซึ่งมุ่งเน้นการส่งแผ่พลังงานความร้อนขึ้นส่วนของบรรยากาศซึ่งอำนาจตีกลับลงมาอีกครั้ง คลื่นเอลฟ์ที่ผลิตจาก HAARP เมื่อมีการกำหนดเป้าหมายในการทำลายบรรยากาศทางอากาศและมีผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงที่มีอำนาจต่ออารมณ์ของผู้คนนับล้าน โดยคลื่นในการส่งอยู่ที่ความถี่ 1,700 พันล้านวัตต์


    ผลงานวิจัยชื่อดังก่องโลกที่หลายคนพากันหวั่นวิตกอยู่ในขณะนี้ Project HAARP
    ที่ตั้งอยู่บนแนวคิดของนาย Bernard Eastlund เจ้าของสิทธิบัตรสามใบที่จดในอเมริกา ชื่อของสิทธิบัตรของเขาได้แก่ วิธีการและเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงบริเวณในชั้นบรรยากาศของโลก, วิธีการและเครื่องมือในการสร้างเครื่องเครื่องเร่งอิเล็คตรอนไซโคลตรอน (electron cyclotron) ด้วยความร้อนพลาสมา, วิธีการผลิตอนุภาคสัมพัทธภาพ (relativistic particles) เหนือพื้นผิวโลก ซึ่งจริงๆแล้วทฤษฏีเหล่านี้ เป็นการค้นคว้าต่อจากทฤษฏีของนาย Nicola Tesla นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่โลกลืม

    Nicola Tesla เกิดเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2399 - ถึงแก่กรรม 7 มกราคม พ.ศ. 2486 (86 ปี) เป็น นักประดิษฐ์, นักฟิสิกส์, วิศวกรเครื่องกล, วิศวกรไฟฟ้า และ นักทำนายอนาคต เขาเกิดที่ Smiljan ในอดีตออสเตรีย - ฮังการี ซึ่งปัจจุบันคือสาธารณรัฐโครเอเชีย ภายหลังเขาได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกัน

    Nikola Tesla คือผู้ค้นพบวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า วิธีการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless communication) ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟแบบใช้ก๊าซให้แสงสว่าง หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์ ทฤษฎีของเครื่องเรดาร์ และผู้คิดค้นระบบรีโมตคอนโทรล

    นักวิศวกรผู้เก่งกาจ ที่ผู้คนในสมัยนั้นกลับมองว่าเขาเป็น “คนแก่สติเฟื่อง”

    ที่มีการให้การทำนายเรื่องคำพยากรณ์และปาฏิหาริย์ การเกิดเหตุต่างๆบนโลกที่ นิโคลา เทสลา พยากรณ์ไว้ได้เกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างจริงและกระตุ้นให้เกิดมีการอภิปรายค้นหาข้อมูลนี้อย่างมากในเวลา 70 ปี หลังจากที่ นิโคลา เทสลา ได้เสียชีวิตลง

    วันที่ 7 มกราคม ค.ศ. 1943 ร่างของ นิโคลา เทสลา ถูกพบเสียชีวิตที่ห้อง 3327 โรงแรม New Yorker Hotel ในเมืองนิวยอร์ก เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว รวมอายุได้อายุได้ 86 ปี

    ผู้อำนวยการหน่วย FBI เจ. เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ (J. Edgar Hoover) ได้ส่งบันทึกไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่า เรื่องราวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ นิโคลา เทสลา ต้องถูกจัดการอย่างลับที่สุด และทุกฝ่ายต้องรักษาความลับของสิ่งประดิษฐ์ของเขาให้เป็นความลับตลอดไป

    ซึ่งความจริงมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่อง " รังสีหายนะ" (Death Ray ชื่อที่หนังสือพิมพ์ขนานนามขีปนาวุธ “โทรกำลัง” ของเขา) ที่ นิโคลา ได้ให้ใว้แก่รัฐบาลอเมริกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี คศ. 1941 เพื่อหวังผลในการให้ความช่วยเหลือแก่ ประเทศยูโกสโลวาเกีย ซึ่งเคยเป็นประเทศบ้านเกิดของเขาและแพ้สงครามต่อกองทัพเยอรมันในครั้งนั้น

    แต่อีก ๒ ปีต่อมาในปี คศ. 1943 เทสลาได้โทรศัพท์ไปที่แผนกการสงครามสหรัฐฯ อีกครั้งและขอคุยกับพันเอก เออร์สไกน์ (Colonel Erskine) เพื่อเสนอยกความลับของขีปนาวุธ “โทรกำลัง” ทั้งหมด
    ให้แก่รัฐบาล เออร์สไกน์ กลับไม่รู้ว่าเทสลาคือใคร และเขาคิดว่าเป็นแค่คนบ้าคนหนึ่ง เออร์สไกน์ จึงให้สัญญาแบบปัดๆกับเทสลาว่าจะติดต่อกลับ แต่เขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับไป และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่เทสลาติดต่อกับโลกภายนอก


    ในที่สุดก็เป็นตลกอย่างร้ายกาจ ที่รังสีหายนะของ เทสลา กลับกลายเป็นเรื่องจริง วงการวิทยาศาสตร์เพิ่งตามเขาทันเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง เมื่อปี 1993 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เริ่มก่อสร้างศูนย์วิจัยไอโอโนสเฟียร์ (ionosphere คือชั้นบรรยากาศโลกที่ความสูงตั้งแต่ 70-500 กิโลเมตร) ในเมืองกาโคนา มลรัฐอะแลสกา

    ศูนย์นี้มีชื่อว่า HAARP (High Frequency Active Auroral Research Program)

    ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อาทิ อะแลสกา สแตนฟอร์ด คอร์แนลล์ ยูซีแอลเอ และเอ็มไอที ในการดำเนินโครงการเพื่อศึกษาคุณสมบัติการสะท้อน (resonant properties) ของโลกและชั้นบรรยากาศโลก โครงการนี้มีความเกี่ยวโยงกับงานของ นิโคลา เทสลา อย่างชัดเจน กล่าวคือ HAARP กำลังศึกษาปรากฏการณ์เดียวกันกับที่ นิโคลา เทสลา ค้นคว้าที่โคโลราโดเมื่อกว่า 100 ปีก่อน

    โดยความเห็นของคนหลายๆกลุ่มได้กล่าวว่าการทดลองค้นคว้าที่รัฐโคโลราโด อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นใน ทังกัสก้า ไซบีเรียในปี 1908 และการนำไปสู่โครงการ HAARP

    อนึ่งเครื่อง HARRP นี้ ยังสามารถประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีร่วมกับดาวเทียม และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อควบคุมกระแสลมกรด ซึ่งเป็นกุญแจของธรรมชาติที่จะนำพากลุ่มเมฆ น้ำฝน ความร้อน ความแห้งแล้งและความหนาวเย็น และอื่นๆ อีกมากที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและอุทกภัยของโลก

    อย่างไรก็ตามในปี 1997 วิลเลียม โคเฮน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯขณะนั้น แสดงความกังวลต่อเครื่อง HAARP นี้ ในกรณีที่มันสามารถก่อความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ จุดชนวนแผ่นดินไหวและควบคุมการปะทุของภูเขาไฟด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

    ทั้งนี้ สหรัฐประกาศว่า ปัจจุบันโครงการ HAARP กำลังอยู่ในชั้นตอนสุดท้ายของการขยายกำลังส่ง และคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ให้ใช้การได้เต็มที่ในราวปี 2549 มีอีกหลากหลายความคิดและการการกล่าวอ้าง แม้ธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปจนน่าตกใจในขณะนี้ ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใด แต่ที่แน่ๆจากมนุษย์ทำลายธรรมชาติอย่างแน่นอน ตอนนี้แม้ทุกฝ่ายจะเร่งแก้ปัญหา แต่เหมือนยิ่งแก้ก็ยิ่งเกิดทวีความรุนแรง เพราะอะไร สาเหตุอันใด ล้วนแต่เริ่มจะหาทางใส่ร้ายและแก้ตัวกันของแต่ละประเทศ แต่หารู้ไม่ว่า กรรมใดๆที่ก่อ ก็เกิดจากเรากระทำ ผลกรรมที่กระทำก็กระทบกับเราโดยตรงนั่นเอง แล้วคุณคิดว่าสาเหตุใดมนุษย์จึงทำร้ายกันเอง แล้วลูกหลานเราในอนาคตอยู่อย่างปลอดภัยได้อย่างไรบนโลกเล็กๆใบนี้


    ข้อมูลเบื้องต้นบางส่วน : อ้างอิงจาก

    http://en.wikipedia.org/wiki/High_Frequency_Active_Auroral_Research_Program





    "ทฤษฏีสมรู้ร่วมคิด" เจสซี่ เวนทูร่า

    ได้ออกมากล่าวพิสูจน์เรื่อง โครงการ HAARP ว่าเป็นโครงการที่สร้างขึ้นเพื่อควบคุมและบิดเบือนธรรมชาติ เพื่อประโยชน์ในการทำลายล้าง และมีความเสี่ยงต่อความสมดุลของโลก


    1. สร้างพายุเฮอริเคน หรือทำให้พื้นที่นั้นๆ แห้งแล้งหนัก (CA ณ เวลานี้) หรือน้ำท่วมใหญ่ ที่จะส่งผลให้เกิดแผ่นดินยุบตัว โคลนถล่ม ไฟป่า โดยการการควบคุมกระแสน้ำอุ่นใต้มหาสมุทร หรือ Jet Stream ให้เคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ต้องการ ซึ่งเจ้า Jet Stream หรือกระแสน้ำอุ่นใต้มหาสมุทรที่เดินทางไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลกนี่แหละที่เป็นกุญแจของเรื่องนี้ เพราะเป็นกลไกของธรรมชาติหรือเป็นตัวกำหนดฤดูกาลตั้งแต่โลกมนุษย์ใบนี้ถูกสร้างขึ้น หรือจะพูดอย่างง่ายๆก็คือถ้าคุณสามารถควบคุม Jet Stream ได้ คุณก็ควบคุมฤดูกาลได้นั่นเอง

    2.สร้างแผ่นดินไหว โดยการยิงคลื่นความถี่ต่ำในปริมาณมหาศาลถึง 1,000 ล้านวัตต์ ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศแล้วให้ตกกระทบลงบริเวณที่ต้องการเพื่อสร้างแผ่นดินไหวในบริเวณต่างๆ ที่ต้องการ โดยอาศัยหลักการของชั้นบรรยากาศที่ปกป้องโลกโดยการสะท้อนรังสีต่างๆจากดวงอาทิตย์ เพราะฉะนั้นถ้ายิงขึ้นไปก็สะท้อนกลับลงมาด้วยเช่นกัน แล้วบาดแผลที่เกิดจากการยิงโดยเครื่อง HAARP ขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ จะทำให้เกิดรอยใหม้ที่ชั้นบรรยากาศที่มีลักษณะสีสรรสวยงามที่เราเรียกว่า "ออโรร่า" นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงมีการทิ้งรอยนิ้วมือไว้หลายๆครั้งจากภาพถ่ายและคลิปวีดีโอก่อนการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ หลายๆครั้งที่ผ่านมา

    เพราะฉะนั้นถ้าลงมาที่พื้นดินก็จะเป็นแผ่นดินไหว แต่ถ้าลงในมหาสมุทรก็จะได้ทั้งแผ่นดินไหวและสึนะมิ แต่อีกประเด็นที่มีข้อมูลเพิ่มเติมคือ "การระเบิดอย่างรุนแรง" ที่ก้นมหาสมุทร ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของคลื่นสึนะมิด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการทดลองของโครง Atomic Monster โดยการจุดระเบิดนิวเคลียร์จำนวนมหาศาลที่ใต้ก้นมหาสมุทร


    3.Mind Control หรือการสะกดจิต ซึ่งมีการใช้ในสงครามอิรัคในครั้งที่ผ่านมาอย่างได้ผล โดยอาศัยหลักการทำงานเดียวกับคลื่นสมองของมนุษย์ คือเมื่อจูนความถี่ได้ตรงกันก็สามารถส่งข้อมูลหรือข่าวสารเข้าไปในสมองได้โดยตรง ในลักษณะเดียวกับเครื่องรับวิทยุเป็นต้น

    โครงการนี้ได้มีการก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา ในสมัยของ ปธน.จอร์จ ดับเบิ้ลยู บูช โดยมีการกล่าวอ้างถึงเรื่องการปรับสภาพอากาศให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์และทำให้อากาศอบอุ่นขึ้น และผู้ที่เป็นผู้อำนวยการของโครงการนี้ ณ เวลานี้คือ อดีต ปธน.จอร์จ บูช ซีเนียร์ และ ณ เวลานี้เทคโนโลกยี HAARP ได้ถูกขายและถ่ายทอดไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งกลุ่มสหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย อิหร่าน และอีกหลายๆประเทศที่ไม่มีเปิดเผย

    ในปี 2012 เกิดภัยพิบัติที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภัยทางธรรมชาติ แต่เป็นความต้องการลดจำนวนประชากรเเบบโหดร้าย โดยไม่มีการเตือนภัยเเละสั่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่จริงๆ ฉะนั้นเราไม่อาจจะทราบได้เลยว่า จะมีการสร้างภัยพิบัติใดๆต่อๆไป

    น่าจะเป็นที่เข้าใจกันแล้วว่า HAARP คือ อุปกรณ์ที่สร้างคลื่นความถี่ที่สร้างความสั่นสะเทือน และมีผลทางสมองต่อพฤตืกรรมของมนุษย์ ใช้สมมุติฐานแบบง่ายๆคือ เมื่อเปิดเพลงดังๆ ลำโพงก็จะกระเเทกออกมาเพราะความสั่นสะเทือนที่มากเกินไป นั้นคือ ลักษณะการทำงานที่คล้ายๆกันของเครื่องสร้างเเผ่นดินไหวต่างๆรอบโลก

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีภัยพิบัติที่คนตายนานับไม่ถ้วน เมื่อยิงไปจุดไหนบนผิวโลก จะเกิดการเเปรปรวนของสภาพอากาศเเละธรณีวิทยา เมื่อคลื่นดังกล่าวสั่นสะเทือนบนอากาศ ก็ทำให้ท้องฟ้าปั่นป่วนเป็นพายุ หากยิงขึ้นบนฟ้าก็สร้างความสั่นสะเทือนเป็นแผ่นดินไหว และในประเทศจีน ที่มีคนเห็นเเสงประหลาดเหนือท้องฟ้าประเทศจีน นั้นคือ การทำงานของ HAARP

    จากข้อมูลต่างๆที่หาสาเหตุที่มาไม่ได้ ไม่ว่าจะเเสงประหลาดที่ มอสโค หรือ ลำเเสงประหลาดจาก นอร์เวย์ ภาพที่เห็นถ้าคาดไม่ผิดก็คงเป็นผลงานของ HAARP เช่นเดียวกัน เเต่ไม่มีใครรู้ว่า เขาจะทำเพื่ออะไร เเละจุดประสงค์ในการทำ คือ อะไรเพียงเท่านั้น
     
  2. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    การเดินทางในแต่ละวันที่ยังหลงอยู่ในห้วงแห่งเวลา สติล่องลอยไปกับสิ่งต่างที่เข้ามากระทบกับประสาทสัมผัส ติดเสพสุขกับอารมณ์กิเลส ควรระวังให้ดี " HARRP Mind Control" หรือการสะกดจิต ผ่านกระแส WIFI ซึ่งมีการใช้ในสงครามอิรัคในครั้งที่ผ่านมาอย่างได้ผล โดยอาศัยหลักการทำงานเดียวกับคลื่นสมองของมนุษย์ คือเมื่อจูนความถี่ได้ตรงกันก็สามารถส่งข้อมูลหรือข่าวสารเข้าไปในสมองได้โดยตรง อยู่กับสติทุกๆลมหายใจ อย่าปล่อยให้สมองคุณถูกควบคุมโดยไม่รู้ตัว
     
  3. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    .
    เขียน ๑๙.๓๗

    จริงอ่ะ มีจริงหรือ ท่านพูดแบบรู้จริงรึป่าว หรือว่ามั่ว ที่ว่า

    เมื่อสามสี่ปีก่อน ตอนที่ยังอยู่ที่สวนโมกข์ ก่อนจะมาที่วัดนี้
    ก็เคยรู้สึก และเคยโวยวายในกระทู้ไว้เป็นหลักฐานด้วย
    ว่ารู้สึกเหมือนมีใครพยายามแทรกแซงเข้ามาในจิต
    เพื่อจะขโมยบางอย่างออกไปจากในหัวเราอ่ะ
    และเหมือนจะทำเราเพี๊ยนหนัก แบบบ้าบอ
    แต่ได้ผลไม่มาก เหมือนเราจะรู้ตัวน่ะนะ
    ส่วนการเข้าควบคุมจิต ไม่ได้ผลเลย
    ระบบป้องกันของเราแกร่งกว่าแยะ

    ก็เป็นเรื่องในนิทาน ฟังเล่นๆ นะ


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / เหล่าเต้บในสวน

    .

    ปล..ตุ๊ดๆๆๆ ทราบแล้วเปลี่ยน ตุ๊ดๆๆๆ
    "ฝั่งโน้น" ฝั่งนี้ขอข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
    "ใคร" จัดการให้ปล่อยออกมาหน่อย
     
  4. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75

    มีจริงๆ สิท่าน ลองดูข้อมูลนี้เอา แล้วคิดว่าไง

    The Stargate Project โครงการสตาร์เกทหรือจะเรียกว่าโครงการ ส่งคลื่นพลังจิตคงไม่ผิดนัก โดยเป็นชื่อรหัสของโครงการย่อยที่จัดตั้งโดยรัฐบาลสหรัฐ เพื่อการศึกษาการมองระยะไกลโดยอาศัยพลังจิต (Remote Viewing) และนำมาใช้ได้จริงโดยประยุกต์ใช้ทางการทหารและงานสืบราชการลับ มีความสามารถใช้พลังจิตในการมองเห็นระยะไกลเพื่อบอกตำแหน่งสิ่งก่อสร้าง หรือสิ่งที่ซุกซ่อนในตัวอาคารได้.

    นอกจากนี้ยังรวมถึงการศึกษาเรื่องเหนือธรรมชาติ ปรจิตวิทยา (parapsychology) ให้เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของจิตเหนือธรรมชาติ (paranormal ability) ที่ตรงกับ "อภิญญา" ในพุทธศาสนา (paranormal knowledge ; PK) ซึ่งก็เกี่ยวกับการถอดจิต และญาณทิพย์ โดยโครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 1970 ถึง 1995 โดยมีสหภาพโซเวียต ประเทศรัสเซีย ซึ่งมีความเชื่อเรื่องไสย์ศาสตร์มานานหลายร้อยปีแล้ว และการที่รัสเซึยได้นำผลงานการทำงานวิจัยเรื่องอาวุธพลังจิต ออกมากล่าวถึง ทำให้สหรัฐอเมริกาตัดสินใจศึกษาหาความเป็นไปได้นั้น โดยใช้งบไปกว่า 20,000,000 ดอลลาร์ต่อปี ในการศึกษาและค้นหาพวกที่มีความสามารถพลังพิเศษดังกล่าว

    และได้มีการนำการทดลอง ผลงานของนักพลังจิตพิเศษนี้ขึ้นมาใช้งานจริงในสงครามเวียดนาม รวมถึงการใช้นักพลังจิตเป็น "ผู้นำทาง" (Point Man) ทำหน้าที่นำทางให้แก่กองทัพทหารในระหว่างที่อยู่ในเขตของข้าศึก เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักและการซุ่มโจมตี

    ซึ่งในเวลาต่อมา สหรัฐอเมริกาได้มีการเปิดเผยผลงานและโครงการนี้สู่สังคมโลก แต่ต่อมาหลังจากนั้นในปี คศ.1995 องค์กรของโครงการ Remote Viewing ได้แจ้งออกมาต่อสื่ออีกครั้งว่าโครงการ Remote Viewer ได้ยุติและปิดลงอย่างถาวร.

    " แต่ในความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้านั้น มั่นใจว่ายังมีการวิจัยและเก็บโครงการนี้เป็นความลับ"
     
  5. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    การควบคุมจิตใจมนุษย์โดยโทรศัพท์มือถือ
    สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือสามารถเปลี่ยนคลื่นสมองและพฤติกรรมของมนุษย์

    จากการสังเกตุลักษณะของมนุษย์รุ่นใหม่ Human NewAge ในสังคมรอบตัว ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนมีโทรศัพย์มือถือ และเรามีมันอยู่ตลอดเวลาเหมือนเงาตามตัว บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าสงสัยว่ายุคสมัยมันอาจจะหมุนเร็วเกินไปสำหรับตัวเอง หลายครั้งที่ต้องขึ้นรถไฟฟ้า BTS เพื่อเดินทางหลีกเลี่ยงรถติด จำได้ว่าทุกครั้งกับภาพที่เห็นเหมือนๆกันแทบทุกคราวที่นั่งอยู่ในรถไฟ คือภาพของคนแทบทุกคนทั้งเด็กวัยรุ่นผู้ใหญ่ หญิงชายในรถไฟโดยสารมีการกระทำในลักษณะอย่างเดียวกันหมดคือการจับจ้องไปที่จอโทรศัพย์มือถือของตน ดูท่าทางเหมือนถูกสะกดจิตท่าทางที่จ่องมองหาอะไรสักอย่างบนจอโทรศัพย์ อยู่อย่างนั้นตลอดเวลาโดยไม่รู้สึกตัวเลย


    หรือแม้แต่วันว่างๆที่ข้าพเจ้าไปนั่งอยู่ในร้านกาแฟ ทุกคนรอบๆนั่งจิบกาแฟเหมือนๆกันแต่มีกิจกรรมอย่างขึ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและทำเหมือนกันในขณะนั้น คือการนั่งจดจ่ออย่างจริงจังไปที่โทรศัพย์มือถือของตนเอง ไม่มีการพูดคุยสื่อสารซึ่งกันและกัน สังเกตุได้ว่าคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มเดียวกันก็ไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ แต่ยังคงจ่องมองและสาระวนอยู่กับการกดเลื่อนดูในจอโทรศัพย์ของตนอยู่อย่างนั้น ข้าพเจ้าเฝ้าดูอาการของคนเหล่านั้นจนกลุ่มได้แยกย้ายกันไป เกิดสงสัยขึ้นมาจริงๆว่า Cell Phone Mind Control Tester. น่าจะเป็นอุดมการณ์ใหม่ของใครที่แยบยลและมันเข้าถึงตัวมนุษย์ได้รวดเร็วจนเราคาดไม่ถึง ใครกันเป็นผู้วางแผนนี้?

    ในโรงพยาบาลและบนเครื่องบินโดยสารได้มีกฎการห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ เนื่องจากการส่งสัญญาณคลื่นความถี่ไฟฟ้าจากเครื่องโทรศัพย์มื่อถือ สามารถแทรกแซงและรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความสำคัญอื่นๆได้ แล้วคุณคิดว่าสมองของมนุษย์นั้นรวมอยู่ในกลุ่มของการถูกรบกวนจากกระแสคลื่นไฟฟ้าในโทรศัพย์มือถืออยู่ด้วยหรือไม่?
     
  6. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    ไม่เชื่อลองส่งจิตคิดถึง ไอเดียดีๆที่คุณอยากทำมากแต่ยังไม่มีโอกาส งานหรือโปรเจคสร้างสรรค์ ที่คุณเก็บไว้เป็นความลับมานานมาก ส่งทุกวันๆ แล้วคุณจะเห็นว่ามันเกิดขึ้นเอง อาจจะด้วยคนอื่นที่ไม่รู้จัก หรือคนใกล้ตัวเอาไปทำให้เกิด เหมือนกับการบังเอิญมีใครบางคน เดินเข้ามาชนและดูดความรู้ ไอเดียของคุณเข้าไปใช้ซะแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2016
  7. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เขียน ๒๒.๔๖


    อืม..อันนี้เจอบ่อยแฮะ ช่วงนี้น่ะ
    เรื่องที่คิดไว้ในใจ ชอบหลุดออกมา
    จะทำไอ้โน่นนี่นั่น เดี๋ยวมีใครมาจัดให้อ่ะ
    ไม่รู้ว่าจะเป็นการ ซิงค์ หรือองค์ หรือบังเอิญ
    ช้าบ้าง เร็วบ้าง ครบบ้าง หรือเกิน ล้นไปก็มี หึหึหึ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / พี่น้องญาติเพื่อน

    .
     
  8. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    ก็อย่าคิดเสียงดังนักสิท่าน ชาวบ้านเค้ารู้ความลับหมด ก็เห็นท่านคิดทุกวัน คุยเองอยู่ในหัวทั้งวัน ใครตอบท่านเหรอ???
     
  9. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เขียน ๒๑.๑๕


    เรื่องฝรั่งมะม่วงฝึกพลังจิต ก็เคยขบปัญหานี้มาบ้างนะ
    แต่สรุปว่า ยังไม่น่าเป็นห่วงซักเท่าไหร่ ข้อจำกัดยังมากอยู่
    อภิญญา ต้องมีพื้นจิตที่บริสุทธิ์ ซึ่งพวกฝรั่งมะม่วงยังสกปรกนะ
    ถ้าจะทำโดยมีเป้าหมาย มีความต้องการ ก็มิอาจไปได้ถึงปลายทาง

    หลายปีก่อนโน้น ก็เลยสรุปในที่สุมหัวลับ มั้ง
    ว่าไม่มีอะไรให้เป็นห่วง พวกนั้นยังอ่อน
    อาศัยจิตเพียวๆ ก็ทำไรไม่ได้มาก
    พัฒนายังไง ก็ยังสกปรกอยู่


    จากบันทึกในที่สุมหัวลับ / สภาหมู่บ้านในนิทาน

    .
     
  10. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เขียน ๒๑.๕๓


    โอ้โห มาบอกตอนนี้ จะทันไม๊เนี่ย ฮึ
    เกือบยี่สิบปีก่อน ที่ออกจากเกาะนาฬิเกร์
    ก็คิดดังๆ มาตลอดตลอด แต่ก็โชคดีอยู่บ้าง
    ที่ความลับเราแยะ ใครก็รู้ได้ไม่หมดหรอก เนอะ

    เรื่องคิดเอง คุยเอง ตอบเอง อันนี้เป็นตั้งกะเด็กแล้วครับ
    คงโดนสาปมาอ่ะ ให้เป็นคนชอบคิด ชอบอ่าน อยากรู้อยากเห็น
    เวลาคิดถาม ก็มักจะมีคำตอบออกมาให้ คิดว่าเป็นเรื่องปกติซะด้วยนะ
    แต่หลายปี หลังเจอกะนกนางนวล ก็ได้เทคนิคเพิ่ม จากเรื่องเป็นหนึ่งมาอีก
    พอจำได้ว่า ริชาร์ด บาก เค้าเขียนไว้ว่า ให้ตั้งคำถามให้มั่น เดี๋ยวคำตอบจะตามมา


    ฝูงบินนางนวลโจนาทาน / ต้มยำองค์ความรู้

    .
     
  11. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ถ้าจะใช้หาแหล่งน้ำมัน น่าจะใช้พวกทีมีความสามารถ Remote Viewing น่าจะหาง่ายกว่าเนอะ หรือพวก Remote Viewing หาไม่เจอเพราะแหล่งน้ำมันอยู่ใต้ดินใต้ทะเล ??
     
  12. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75

    ก็ว่างั้นนะ หลักการณ์ฝรั่งมันมาแบบนี้ จากการที่เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับเพื่อนชาวต่างชาติที่นี่

    เรื่องความเชื่อต่างๆและการฝึกสมาธิ จึงได้รู้ว่าในลัทธิของศาสนาต่างๆ เช่น ศาสนาคริสต์,โรมันคาทอลิก และลัทธิอี่นๆ ก็มีการฝึกทำสมาธิกรรมฐานแบบเพ่งสมถะ และทำน้ำมนต์ด้วย การเพ่งสัญลักษ์เครื่องหมาย ตราที่ศักดิสิทธ์ต่างๆ แบบสมถะ เพื่อเข้าถึงอภิญญา

    ได้มีผู้ฝึกอย่างจริงจังมานานหลายพันปีแล้ว สามารถฝึกถอดจิตเพื่อไปพบปะและสนทนากับพระเจ้าของเขาได้ อันนี้อาจารย์ที่เป็นโยคี ฤาษีฝรั่งสอน เค้าบอกมา

    มีข้อมูลว่าผู้ฝึกฝนของลัทธิบางราย อาจจะใช้กัญชา, ฝิ่น, ใบกระท่อม เพื่อหลั่งสาร DMT (Dimenthyltryotamine) จากต่อมใต้สมอง ช่วยให้ประสาทผ่อนคลายและเข้าถึงนิมิตรได้สำเร็จ

    แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แน่ๆว่า นิมิตรภาพที่ปรากฎและเห็นอยู่นั้น เป็นนิมิตรที่สมองสร้างขึ้นหรือ มโนล้วนๆ แต่เราว่าอาจารย์ฝรังฤาษีเราถอดจิตได้จริงๆ เพราะท่านอาศัยอยู่ในป่าจำศีลไม่ออกมาพบคน นานๆถึงจะส่งข้อมูลออกมาที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2016
  13. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75

    ส่งความคิดมาสิ สื่อข้ามโลกกันได้ เดี่ยวจะบอกให้ว่า ท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ก็เห็นอยู่ว่า ไม่เชื่อเรา

    พี่ริชาร์ด เกียร์ เค้าก็เห่อ buddhism ไปตามกระแส รู้ลึก จริงไม่จริง อันนี้ไม่แน่ใจ แต่ช่วงหลังเห็นฝึกหนัก คงเร่ิมซึมซาบ ในพุทธศาสนา
     
  14. Kschardonnay

    Kschardonnay Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2016
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +75
    ยังไม่ได้ไปลอง จ่ายค่าคอร์สเรียนดูอ่ะ ไม่รู้ว่าทำได้ไหม เค้ามีสอนในยูทูปด้วย ใครลองแล้วน่าจะมาเล่ามั่งว่าผลออกมายังไง
     
  15. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,285
    ค่าพลัง:
    +1,506
    เขียน ๐๘.๐๕

    แล้วริชาร์ด เกียร์ออโต้ มาจากไหนอ่ะ
    พูดถึงริชาร์ด บาก คนเขียนหนังสือ
    เรื่องนางนวลโจนาทาน ตะหาก
    ที่ถือแผนที่นำทาง อีกหนึ่ง

    เรื่องส่งจิต ก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์
    ไม่ได้อยากรู้ ไม่ใช่หน้าที่เราอ่ะ
    เงื่อนเวลาก็ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ
    ดอกปาริชาตยังไม่บานเลย
    ต้องรอสัญญานระดมพล


    กระต่ายป่า ข้างวัด / รางวัลที่หนึ่งมาซะทีดิ
    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...