OOนโม โพธิสัตวา / พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์OO

ภูเขาจิ๋วหัวซานในมณฑลอานฮุย เป็นหนึ่งในจตุรมหาคีรีที่มี
ชื่อเสียงของจีน เป็นพุทธมณฑลของพระกษิติครรภโพธิสัตว์
พระกษิติครรภโพธิสัตว์(地藏王菩薩) เป็นหนึ่งในจตุรมหา
โพธิสัตว์ผู้กระทำหน้าที่ภาคปฐพีและภพวิญญาณ


เล่าในคัมภีร์มหายานว่า....
พระองค์ได้รับการมอบหมายจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้รับ
ภาระอันสำคัญยิ่งในการอบรมสั่งสอนสรรพสัตว์ใน 6 ภูมิ โดย
เฉพาะอย่างยิ่งการสืบสานสายงานในยุคกึ่งพุทธกาลหลัง

“กษิติครรภโพธิสัตว์....ท่านจงจดจำคำของเรา ตถาคต ขอ
ให้ท่านจงลงไปโปรดเวไนย์สัตว์ในสากล นำพาพวกเขาให้ละ
จากการทำชั่ว อันเป็นการตระเตรียมการไว้จนกว่าองค์พระศรี
อาริยเมตไตรย์จะเสด็จลงมาตรัสรู้บนโลก

เวลานั้น ผู้ใดได้สดับฟังพระสัจธรรมอันล้ำเลิศ จากท่านแล้ว
สามารถบรรลุสู่ความรู้แจ้ง บุคคลผู้นั้นก็จะถูกรับไว้เป็นหน่อเนื้อ
พุทธางกูรสืบต่อไป..”

“พระเจ้าข้า....ข้าพระบาทจะแบ่งภาคออกไปฉุดช่วยเหล่า
สรรพสัตว์ทั่วทุกสารทิศ เพื่อพวกเขาทั้งหลายได้กลับเข้าสู่หน
ทางแห่งแสงสว่างอย่างแท้จริง” และแล้วพระองค์ท่านก็ได้แบ่ง
ภาคลงมาเกิด เพื่อสืบสานศาสนจักร อาณาจักร พุทธเจ้า มรรค
ผล นิพพาน ในฝ่ายสัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว ในหลายยุคหลาย
สมัย แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือ ภาค ตี่จั่งอ๊วง








<CENTER>

</CENTER>
เมื่อปีพ.ศ. 1239 พระกษิติครรภลงจุติเป็นมกุฎราชกุมาร
แห่งราชอาณาจักรซิงลอก๊ก (新羅國 เกาหลีใต้ ปัจจุบันนี้) มี
พระนามว่า “ กิมเคียวกัก ” (金喬覺 จีนอ่านว่า จินเฉียวเจียว)
หน้าผากท่านจะนูนโปน ร่างสูง 7 ฟุต มีพละกำลังมหาศาลดุจ
คนเป็นร้อย รูปลักษณ์ดุ แต่จิตเปี่ยมไปด้วยเมตตา ฉลาดหลัก
แหลม

ท่านปลงผมออกบวชเมื่ออายุ 24 ปี ได้เดินทางล่องเรือจาก
ซิงหลอมาถึงแดนเจียงหนัน ประเทศจีนในรัชสมัยถังเสียนจง
แสวงหาความวิเวกสงบตามป่าเขา โดยพาสุนัขแสนรู้สีขาวชื่อ
ซ่านทิง (善聽) ไปด้วย ลุเขาถึงภูเขาจิ๋วหัวซาน (九華山)
มณฑลอานฮุย ก็รับรู้โดยญาณว่า .......พื้นที่นี้เป็นของท่าน
หมิ่นยั่งเหอ ท่านเศรษฐีแห่งอำเภอชิงหยาง

ท่านกิมเคียวกัก ได้ขอบิณฑบาตที่หนึ่งจีวรจากท่านเศรษฐี
หมิ่นยั่งเหอ ท่านเศรษฐีตกลง แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อท่านกิม
เคียวกักคลี่จีวรออก แล้วปาขึ้นฟ้า ปรากฏว่าผ้าจีวรคลุมยอด
เขาถึง 9 ยอด

เมื่อท่านเศรษฐีคลายจากการตกตลึง ก็ให้ยินดี รีบฝากบุตร
ชายให้เป็นลูกศิษย์รับใช้ท่านกิมเคียวกัก และได้ช่วยกันสร้างวัด
ขึ้นที่นี่ ต่อมาตัวท่านเศรษฐีเองก็ได้ออกบวชเป็นศิษย์ด้วย มีผู้
คนหลั่งไหลมาปฏิบัติอย่างมากมายทำให้ดินแดนนี้เป็นพุทธ
มณฑลที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นธูปควันเทียนตลอดเวลา
พระองค์ท่านอยู่โปรดสัตว์ได้ 75 ปี จึงละสังขารเมื่ออายุ 99
ชันษา นั่งดับขันธ์ด้วยอาการสงบ

หลังจากเก็บศพไว้เป็นเวลา 3 ปี เปิดหีบศพเพื่อจะนำไปฝัง
ปรากฏว่าศพไม่เน่า หน้ายังคงสีเลือดเหมือนคนมีชีวิต เวลา
หามโครงกระดูกเคลื่อนไหว และเกิดเสียงดังเหมือนโซ่
ทองกระทบกัน ซึ่งเป็นนิมิตหมายว่าจะไปจุติใหม่ ดังนั้นผู้คนจึง
นำศพไปบรรจุในสถูปเจดีย์ ที่วัดเน็กซิงโต่ย เจดีย์นี้ชื่อว่า เจดีย์
มังสะกายกษิติครรภ ที่มีชื่อก้องแผ่นดินนั่นเอง

เจดีย์มังสะกายมีอีกชื่อหนึ่งว่า รัตนวิหารกายเนื้อ ตั้งอยู่บน
สันเขา เสินกวงของภูเขาจิ๋วหัวซาน (มี 99 ยอดสันเขา) เป็น
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธศาสนิกชนต่างมากราบนมัสการที่วิหาร
แห่งนี้ หลังคาวิหารมุงด้วยกระเบื้องโลหะ มีแผ่นป้ายเขียนตัว
อักษรจีนสีทองว่า








<CENTER>







</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>

“มหาคีรีที่ 1 ตะวันออกเฉียงใต้” </CENTER>

แผ่นใหญ่ติดเด่นหน้าประตูวิหาร และป้ายที่เขียนตัวอักษร
ว่า “รัตนวิหารกายเนื้อ” ก็ตั้งเด่นอยู่ระหว่างประตูหน้ากับประตู
หลัง บันไดขึ้นสู่มหาวิหารเป็นบรรไดศิลา 81 ขั้น (99 =9X9
=81) ภายในวิหารมีพระปางทำด้วยไม้รูป 8 เหลี่ยม 7 ชั้น สูง
ประมาณ50 ฟุต กายเนื้อ ของพระกษิติครรภ์เก็บอยู่ในชั้นที่ 3
พระปรางค์แต่ละชั้นมีแท่นพระพุทธรูป 8 แท่น ประดิษฐานพระ
พุทธรูปปิดทองปางสมาธิของพระกษิติครรภและเทวรูปของทศ
พญายม (พระองค์ท่านปกครองยมโลก ดูแลเหล่าสัตว์นรกอยู่
จนทุกวันนี้) ที่ซุ้มประตูด้านเหนือมีป้ายจารึกคำมหาปณิธาน
ของท่านว่า

ช่วยสรรพสัตว์หมดเมื่อใด จึงขอบรรลุสัมมาสัมโพธิ
หากนรกยังไม่ว่างนักโทษ ปฏิญาณไม่ขอสำเร็จเป็นพุทธ








<CENTER>
มหาปณิธานของพระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์

พระกษิติครรภ โพธิสัตว์ที่ยิ่งใหญ่
มหากรุณาจิต โปรดสัตว์ทุกตัวตน
สรรพสัตว์ไม่ข้ามฝั่ง โพธิญาณไม่บรรลุ
หากนรกยังไม่ว่าง ไม่ขอสำเร็จพุทธ

แสงธรรมเปรียบดังฟ้า โปรยปรายทั่วเวหา
ไม่ทำใครจะทำ ค่อยทำไปทุกคืนวาร
ไม่ถดและไม่ถอย ไม่พักและไม่เพียร
จิตหนึ่งที่มุ่งมั่น โปรดสัตว์ว่างอบาย

สรรพสัตว์ไม่คืนฝั่ง สัมโพธิไม่ขอรับ
ทางตรงเวียนลงนรก ทางรกวกขึ้นสวรรค์
เหน็ดเหนื่อยไม่ว่างเว้น สัตว์นรกก็ยังเต็ม
มหาปณิธาน สัตว์นรกข้ามวัฏฏา








</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>
</CENTER>
ทุก ๆ วันขึ้น15 ค่ำ และ แรม15 ค่ำ (วันที่ 30) เดือน 7
จีน จะเป็นวันคล้ายวันสมภพและวันบรรลุธรรมของพระกษิติ
ครรภ สาธุชนจะหลั่งไหลมาสักการบูชาเวียนเทียนจนสว่างอรุณ
รุ่ง คณะภิกษุที่จิ๋วหัวซาน จะจัดกิจกรรมขึ้นที่ตำหนัก “รัตนวิหาร
กายเนื้อ” นี้ เรียกว่า ธรรมพิธีตี่จั้ง มีการสวดมนต์ “มหาปณิธาน
ของท่านตี่จั้งอ้วง” (ตี่จั้งหวังปุนย่งเก็ง) และเฝ้าอยู่รอบเจดีย์
เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน (วันที่ 30 เดือน 7 ถึงวันที่ 6 เดือน 8
จีน) เมื่อครบ 7 วัน 7 คืนแล้ว จะมีการเลี้ยงอาหารเจ ให้
สาธุชนที่ไปร่วมพิธี

ที่ภูเขาจิ๋วหัวซานยังมีเจดีย์เนื้ออีกองค์หนึ่ง นั่นคือวังร้อยปี
บนสันเขาหมอคง ในรัชสมัยว่านลี่ราชวงศ์หมิง พระสงฆ์นาม
“ ไห่ยี่ ” แห่งเมืองหว่านผิง มณฑลเหอเป่ย จาริกจากอู่ไถ่ซัน
มาถึงจิ๋วหัวซาน มาปลูกอาศรมบำเพ็ญธรรม รับประทานผลไม้
ป่าเป็นอาหาร

ท่านใช้เวลา 20 กว่าปี ลอกเขียนคัมภีร์ “ต้าฟังคว่างฝูหัว
เหยนจิง” โดยใช้ผงทองผสมกับเลือดจากลิ้นของท่าน เขียนได้
รวม 81 เล่ม ยังคงเก็บรักษาอยู่ในสภาพดีจนทุกวันนี้ และได้
ถูกจัดเป็นศิลปวัตถุโบราณล้ำค่าของประเทศจีน

ท่านมรณภาพในปี พ.ส. 2166 รวมอายุได้ 110 ปี ชาวจีน
ขนามนามท่านว่า...ท่านผู้เฒ่า 100 ปี (ไป่ซุ่ยกง)
ก่อนมรณภาพสั่งลูกศิษย์ว่าครบสามปีให้เปิดโอ่ง เมื่อครบ
กำหนดปรากฏว่าท่านนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในโอ่ง ใบหน้าสดใส
เหมือนมีชีวิต จึงนำกายเนื้อนี้มาปิดทอง แล้วสร้างเจดีย์
ประดิษฐาน ต่อมาขยายสร้างเป็นวังร้อยปี แล้วเคลื่อนย้ายกาย
เนื้อปิดทองนี้ไปประดิษฐานอยู่ภายในวิหารที่จักรพรรดิฉงเจิน
พระราชทานนามให้ว่า “โพธิสัตว์นิรมานกาย” (อิ้งเซิงผ่อสัก)

จิ๋วหัวซาน ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 4 อัครพุทธภูเขา
ของจีน รอบอาณาบริเวณทั่วขุนเขา มีวัดอยู่รวม 78 แห่ง บน
ยอดเขาที่สูงที่สุดเป็นวัดเทียนไถ หรือวัดตี้จั้ง ตั้งอยู่บนยอดเขา
เทียนไถ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,306 เมตร เป็นวัดที่อยู่สูงสุด
ถ้ายืนมองมาจากหน้าวัดเทียนไถ

ด้านซ้ายจะเป็นเขาหัวมังกร (เหล่งเถ่าฮง)

ด้านขวาเป็นเขาแก้วมังกร (เหล่งจูฮง)

ด้านหน้าเป็นเขาสิบราชา (จับอ่วงฮง)

ด้านล่างของเขาหัวมังกร จะเป็นเขามังกรเขียว (แชเหล่งป๋วย)
บนเขาแก้วมังกรจะมีหินกลมใหญ่กลิ้งอยู่ในซอกหิน
เรียกว่า ปากแก้วมังกร (เหล่งจูเค่า) เล่าขานกันว่า........

จิ๋วหัวซานนี้ ถือเป็น “ที่เป็น” เรียกว่า อัวะเหล่งแม๊ะมังกร
เขียวอยู่บนที่สูง โดยมีแก้วมังกรอยู่เคียงข้าง และเขาสิบราชาก็
อยู่ด้านหน้า เรียกว่า สิบราชานมัสการตี่จั้งอ๊วง (จับอ๊วงเจียวตี่
จั้ง)

จิ๋วหัวซานเป็นสถานที่เจริญรุ่งเรืองมากแห่งหนึ่ง ของเจียง
หนัน ทั้งพระสงฆ์เจ้าและฆราวาส รวมทั้งคณาจารย์ลัทธิเต๋า
ต่างพากันมาแวะเวียนไม่ขาดสาย ทำให้จิ๋วหัวซานมีโบราณ
วัตถุมากมายถึงเกือบ 2,000 รายการ ทางจีนจึงจัดสร้าง
พิพิธภัณฑ์ขึ้นที่วัดฮว่าเฉิงซื่อ









<CENTER>







</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>
การที่พระกษิติครรภยังไม่อาจสำเร็จพระอนุตตร สัมมา
สัมโพธิญาณ ก็เนื่องด้วยมหาเมตตาจิตที่มีต่อสรรพสัตว์ในโล
กียโลก เหตุเพราะท่านได้เพ่งพิจารณาดูแล้วว่าต่อไปในอนาคต
อันยาวไกล จิตใจของสรรพสัตว์บนโลกก็จะยิ่งเสื่อมทรามลง
เป็นทบทวีคูณ ด้วยแรงกรรมชั่วที่พวกเขาได้สั่งสมพอกพูนเข้า
ไว้ จะยิ่งทำให้การโปรดฉุดช่วยเป็นไปได้ยากลำบากขึ้นไปอีก

และตลอดเวลาทุกยุคทุกสมัย ท่านจะค้นหาวิธีการอันเหมาะ
สมมาโปรดเวไนย์สัตว์เหล่านั้น ตามควรแก่เหตุและผล แก่
บุคคล แก่สภาวะ

เมื่อเวลาเคลื่อนมาถึงก่อนกึ่งพุทธกาล เหล่าวงศ์มังกรที่ต่าง
ลงเกิดเพื่อสืบศาสนจักร อาณาจักร มรรคผล นิพพานในฝ่าย
สัมมาทิฐิแต่ส่วนเดียว กรรมแห่งศาสนาจักรเปรียบเหมือน
กระดองเต่าเป็นภาระอันหนักหน่วงที่แบกรับไว้ ทำให้กลายเป็น
เต่ามังกร มังกรจึงเหินเวหาไม่ได้ เป็นสาเหตุให้ชาวเอเซียเป็น
ใหญ่ไม่ได้ ทั้งที่อารยธรรม ประวัติศาสตร์มีมายาวนาน อีกทั้ง
ก้อนหินแผ่นใหญ่ที่ทูลไว้เหนือกระดองเต่า คือโองการสวรรค์
แห่งนวกาพรหมขององค์พุทธทั้งห้าในภัททกัปนี้ ที่วงศ์มังกร
ต้องมาสืบสานสายงาน เปิดกรรม ถอดกระดองเต่า ให้มังกร
เหินเวหาเข้าสู่มังกรยุค 8 ที่จะถึงในกึ่งพุทธกาลหลังนี้
สัญลักษณ์เป็นนัยแห่งงานได้ถูกจัดสร้างไปทั่ว ซึ่งสามารถพบ
เห็นได้ศาสนสถานของจีน ในวัดวาอารามจะมีปรมัตถ์

-รูปเต่ามังกรแบกแผ่นหินใหญ่
-งูขดบนกระดองเต่า
-งูรัดคอเต่าจนหัวเต่าหมุนกลับ และ
-รูปภาพผังงานเจ้าหน้าที่ที่มาสืบสานสายงาน








<CENTER>
“ถอดประดองเต่า”
</CENTER>
ข้าพเจ้าทั้งหลายกราบอาราธนา.........

“อัญเชิญพระกษิติครรภและคณะ เคลื่อนนาวาธรรม ให้รัตน
จักรอันประเสริฐเปิดโลกและเปิดกรรม ชำระสะสางมลทินแห่ง
ศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร คืนสู่ความถูกต้องเที่ยงตรงและ
เที่ยงธรรม ให้ต้นดอก-ผลบุญ ส่งผล ภายใต้ร่มโพธิ์เงิน-ไทร
ทอง ปกแผ่ไปทั่วเหล่าธาตุธรรมทั้งหลายสามารถคืนสู่ฝั่ง ”

นับเป็นศุภมงคลต่อสรรพสัตว์ทั่วสากลพิภพจักรวาล ภายใต้
มหาเมตตา มหากรุณาของพระกษิติครรภ ผู้สืบสานสายงานกึ่ง
พุทธกาลหลัง กราบอาราธนาพระองค์เคลื่อนรัตนจักร ณ. บัด
เดี๋ยวนี้เทอญ









<CENTER>
นำมอกวนหมิง ตี่จั้งอ๊วง ผ่อสัก มอฮ้อสัก
นำมอกวนหมิง ตี่จั้งอ๊วง ผ่อสัก มอฮ้อสัก
นำมอกวนหมิง ตี่จั้งอ๊วง ผ่อสัก มอฮ้อสัก</CENTER>

(พระพุทธรูปและพระรูปแกะจากไม้ ของพระกษิติครรภต่าง
น้ำตาไหลออกมาทางหางตา เป็นที่อัศจรรย์แด่ผู้คนที่พบเห็น
และต่างก็น้ำตาไหลอย่างปิติเหลือล้น)

南無光明地藏王菩薩。摩詞薩( 三稱)

千手千眼觀世音。兩眼似金燈。
佛座西方一座塔。如來會上一藏經。
文殊菩薩騎獅子，普賢菩薩騎象王。兩眼似天堂。

人里膜眼里膜。眼中醫障盡消磨。
人里膜。眼里膜。眼中雲霧盡消落。
人里明眼里明。眼中斗點盡光明。

生生世世眼光明。孔雀明王靈感應。
觀音菩薩保安寧。

唵安悉殿多薄俱那。(12 จบ)

南無光明地藏王菩薩摩訶薩。








<CENTER>


Ksitigarbha statue at Mt. Osore </CENTER>

Sanskrit: Kṣitigarbha অবলোকিতেশ্বর

Chinese: TC: 地藏菩薩, 地藏王菩薩

SC: 地藏菩萨, 地藏王菩萨

Pinyin: Dìzàng Púsà, Dìzàng Wáng Púsà

Wade-Giles: Ti Tsang, Ti Tsang Wang Pu Sa

Japanese: 地蔵 Jizō, 地蔵菩薩 Jizō Bosatsu, 地蔵
王菩薩 Jizōō Bosatsu

Tibetan: Sai Nyingpo

Korean: 지장, 지장보살, ji jang, ji jang bosal

Vietnamese: Địa Tạng Vương



ขอบพระคุณที่มา เว็บนวกาพรหม

 

พระมหาปณิธาน กษิติครรภโพธิสัตว์



นิรมาณกาย ทั่วทศทิศ
ทะเลทุกข์ สำแดงปรากฎ ดอกบัวแดง
สรรพสัตว์ทั้งหลายได้พึ่งอาศัยพักพิง
พุทธะโพธิสัตว์ ต่างกล่าวสรรเสริญ
ผีสางเทวดา พิทักษ์รักษา ธรรมสถาน
ขอเชิญชวน บำเพ็ญ ซึ่งธรรมทวารนี้
บุญกุศล อนันต์ จักย้อนคืนตอบสนองแด่โลก
โลกนี้จักเป็น จิตตวิสุทธิภูมิ
เหตุเพราะประหารทำลายขันธ์ 5 อย่างสม่ำเสมอ
รู้ตามความเป็นจริง
โดยความเป็นอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
แล้วปล่อยวาง ความยึดถือได้
อาศัย พลานุภาพแห่งองค์มหาปณิธาน
โพธิสัตว์จักสลายภัย อันตราย บันดาลดล ศุภมงคล
บรรลุอนุตปาทธรรมกษานติ (ภูมิที่จิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหว)
ไม่มีความรู้สึกว่าจะต้องขันติ
และความอดทน ในการแสวงหาธรรม
เหตุเพราะธรรมทั้งหลายอยู่ที่ตัวเรา
ปฎิบัติอย่างสม่ำเสมอย่อมได้รับความสำเร็จ
พระนั้นอยู่ที่ใจ ไม่ต้องเสาะแสวงหาจากใคร
ได้ชื่อว่า เป็นคลังแห่งธรรมรัตนะปิฎก อันไม่มีประมาณ
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน รู้แจ้ง
ภาวะเดิมแห่งแดนยมโลกอันมืดมิด
เนรมิตสำเร็จ มงคลประภัสสร




<EMBED height=344 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube.com/v/aSq25vFPqNQ allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">

 

คาถา “กษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปสัจพจน์”

เป็นคาถาที่สำคัญมากที่สุดคาถาหนึ่งของพุทธศาสนามหายาน เนื่องจากเป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์มากคาถาหนึ่ง จึงเป็นที่รู้จักกันเป็นที่แพร่หลาย คาถา “กษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปสัจพจน์” ออกเสียงตามสำเนียงจีนกลางดังนี้


“อม ปอลอมิลิงทอนิง ซอพอเฮอ”

ซึ่งมาจากภาษาสันสกฤตดังนี้ “อม ปรามารตะเน สวาหา”





พระคาถานี้มีอานุภาพมหาศาล เมื่อเจริญพระคาถาให้กระทำกษิติครรภมหาโพธิสัตว์สลายบาปมุทรา แล้วจินตภาพว่า กษิติครรภมหาโพธิสัตว์ปรากฏพระองค์อยู่บนนภากาศ พระรัศมีแห่งพระองค์สาดส่องไปทั่วสรรพโลกธาตุอนันตมหาจักรวาล สาดส่องไปยังสรรพชีวิตทุกคนทุกตนทุกภพภูมิ พระรัศมีพาดร่างกายแห่งสรรพชีวิต ยังบาปกรรมที่รัศมีสีดำให้สลายไปจากทุกอณูแห่งร่างของสรรพชีวิต เหลือไว้แต่รัศมีอันเรืองรองสุกใส อันเป็นรัศมีแห่งปัญญา และมหากรุณา เมื่อจินตภาพดังนี้ และภาวนาเนิ่นนานไปบาปกรรมแห่งผู้ภาวนาจะค่อยๆเบาบางและสลายไปในที่สุด คนจำนวนไม่น้อยสำคัญผิด คิดว่าจะภาวนาคาถานี้ด้วยความโลภ เพื่อลบล้างบาปตนที่ได้กระทำมา ให้ตนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งการสวดสาธยายมนต์และธารณีในพุทธศาสนามหายานเพื่อตน จะได้ผลน้อยและเนิ่นช้า ทั้งยังขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามหายาน<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

 

[MUSIC]http://www.amitabha-gallery.org/chantDZ_stream2.m3u[/MUSIC]

 

<TABLE id=table1 border=0 width="68%"><TBODY><TR><TD>

Om Pra Ma Ni Da Ni So Ha
Click Here To Listen (mp3)
This is Ksitigabha Bodhisattva Tibetan Mantra
for Eradicating Fixed Karma. ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อนรกให้โอกาสทำดี

เพื่อสร้างสม กุศล บารมี

เป็นบันได สู่สุคติ ..ไยไม่ใช้โอกาสอันงาม

โลกมนุษย์ มีกรรมมากมายให้เลือกกระทำ
ก็ควรกระทำแต่กรรมดี ที่จะเป็นที่พึ่งต่อจิตตน ในภายภาคหน้า

เวลาในโลก ...ยืนยาวเพียงใดกัน


...ก่อนหมดเวลา ขอทุกดวงจิต ในทุกกายสังขารสำนึกได้
ที่จะทำดี เพื่อเป็นที่พึ่งของตนเอง

ไม่ช่วยตนก่อน พระองค์ใด จะช่วยได้ตลอดรอดฝั่งเล่า...

 

。。。。南无地藏王菩萨 。。。。​

 

อนุโมทนากับบทความเรื่องราวและเพลงเพราะๆของพระกษิติครรภโพธิสัตว์

งัน ปอ ลา มก เลง ทอ เนง ซอพอฮอ นำโมตี่จั่งอ้วงผู่สุก

ขอสุขสวัสดีแด่จขกท และทุกท่านที่เข้ามาครับ

บุญรักษา สวัสดีปีใหม่ครับ

 

T_T ฟังบทสวดสรรเสริญแล้วอยากร้องไห้ ซึ้งจริงๆ
พระมหาโพธิสัตว์ผู้ถือแก้วจินตามณี

นามู จีโซ โบซัตจึ นามู จีโซ โบซัตจึ นามู จีโซ โบซัตจึ