OOนโม โพธิสัตวา / พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์OO

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ?????????, 2 มกราคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  2. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  3. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  4. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]



    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=27892[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2010
  5. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    OOการสวดเพื่อเข้าถึงจิตตนและกำลังแห่งมนตราOO

    อยู่ในอิริยาบถ ที่สบาย

    สวดออกมาจากใจส่วนที่เบา โล่ง วางความปรารถนาทั้งมวล ก่อน

    แล้วใจก็จะละเอียดขึ้นอีกระดับ

    สวดออกมาจาก ใจที่ละเอียด เบา โล่ง กว่าเดิมอีก

    เช่นนี้ไปเรื่อยๆ




    เทพ เทวา พระ พระโพธิสัตว์ รับรู้ด้วยจิตใจ

    การสวดที่เน้นเสียง สำเนียง ภาษา ความดัง เล่นลวดลายไพเราะ
    อาจไม่ถึงกระแสแห่งเหล่าท่านทั้งมวล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2010
  6. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    ใจ คนเรา มีทั้งส่วนที่ไม่ราบเรียบ เป็นเสมือนคลื่นบนผิวน้ำ ที่ไหวตลอด

    และ มีส่วนที่นิ่ง เย็น สงบ อยู่ข้างล่าง


    ให้สัมผัสดู ด้วยการวางเฉย สักระยะ จะเห็นด้วยตนเอง ...ด้วยใจ


    ให้วางจิต ไว้ที่ใจ ที่สงบ ในส่วนนั้นแล...


    แล้ว สวดออกมา จากใจในส่วนที่ละเอียด สงบ นั้น




    แรกๆ ยังมีการไหวของใจไปมาวุ่นวาย
    อย่าร้อนรน อย่าร้อนใจ

    ไม่เช่นนั้น เราจะถูกความอยากสงบอย่างแรงกล้า (ภวตัณหา ) ดึงดูดให้ซ้อนเข้าไปกับความไม่สงบนั้นเข้าไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว

    ให้รู้สึกว่า มันแค่ผิวใจภายนอก


    แล้ว จะเห็น ( รับรู้ ) ถึง ใจที่สงบ อยู่อีกส่วนหนึ่ง


    สวดออกมา จากจุดสงบ เบา นั้น ลึกลงไป ๆ ๆ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มกราคม 2010
  7. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]


    Ksitigarbha Bodhisattva's Six Ring Staff
    This is the Six Rings Staff of Ksitigarbha Boddisattva. Ksitigarbha Bodhisattva or Di Zang Wang Pusa is often referred to, because of his vow to not achieve Buddhahood until "all the Hells are empty", as the Bodhisattva of the Hell beings.
     
  8. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  9. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  10. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  11. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  12. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  13. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  14. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  15. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]<!-- google_ad_section_end -->



    เราพระพุทธกษิติครรภ์

    อยู่ในยมโลกได้รับฏีกามากมาย ได้ลบล้างหนี้กรรมของชนทั้งหลายไปมากแล้ว
    แต่ชนทุกท่านยังต้องระมัดระวังและจดจำไว้ ยังมีหนี้ของพวกท่านอีกจำนวนมาก ยังลบล้างไม่หมดสิ้น
    ดังนั้น จะต้องอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลอย่างต่อเนื่อง เพื่อลบล้างหนี้กรรมไปเรื่อยๆ
    เพราะอดีตชาติที่ได้ก่อหนี้กรรมไว้ไม่รู้สักเท่าไหร่

    นอกจากนั้นยังทำร้ายชีวิตคน ไม่รู้ว่าจะชดใช้ได้อย่างไร
    ดังนั้น ทุกเวลานาที มีจิตสำนึกขอขมาอยู่ตลอด
    สำนึกขอขมาที่อดีตชาติได้กระทำความผิดไว้
    สำนึกขอขมาที่ในชาตินี้ได้กระทำความผิดไว้

    วจีกรรมจะต้องระมัดระวัง วจีสุจริต แต่ละคำ แต่ละประโยคจะต้องตรึกตรองโดยรอบคอบก่อน แล้วจึงค่อยพูด
    ลองคิดตามคำพูดของตัวเองว่า ถ้าพูดออกมาแล้ว

    จะให้ร้ายกับใครบ้างหรือเปล่า
    จะทำให้อาณาจักรธรรมเสียหายหรือเปล่า
    คำพูดนี้ไม่น่าจะพูดออกมาเลย

    คำพูดแต่ละคำต้องระมัดระวังให้มาก
    ถ้อยคำเพียงคำเดียว หากพูดได้ดี สามารถสร้างชาติได้ หากพูดให้เสียหาย ก็ก่อให้เกิดสงครามทำลายไปหลายชาติ
    มีคำกล่าวว่า

    หนึ่งคำพูดสร้างชาติ
    หนึ่งคำพูดทำให้สูญเสียชาติ

    ในอาณาจักรธรรม หนึ่งคำให้กำลังใจ ช่วยให้คนท้อแท้สูญเสียกำลังใจ กลับมามีความเชื่อมั่นอีก
    ทำให้หนทางการบำเพ็ญของเขาเต็มไปด้วยความหวัง มีความหวังในการเดินบนเส้นทางนี้ต่อไป
    นี่เท่ากับขยายต่อปัญญาญาณของผู้บำเพ็ญ

    หากแต่หนึ่งคำพูด ทำให้เกิดความโกรธแค้น อาจทำให้การบำเพ็ญปัญญาญาณของเขาขาดไป
    ทำให้เขาหมดหวังกับอาณาจักรธรรม รู้สึกว่าอาณาจักรธรรมไม่อบอุ่น
    ไม่ให้ความสนใจ จึงเหินห่างอาณาจักรธรรม

    คำพูดไม่ถูกใจเกิดความโกรธแค้น ทำให้การบำเพ็ญปัญญาญาณของคนอื่นขาดไป
    ทำให้เขาระเหเร่ร่อนไปบนเส้นทางเวียนว่าย บาปกรรมนี้หนักหนามาก
    ดังนั้น เมธีทุกท่านต้องระมัดระวังและเข้มงวดกับคำพูด
    ทุกอย่างจงคิดแล้วคิดอีก จึงค่อยพูดค่อยทำ
    คำที่จะกล่าวออกมา ควรตรองแล้วตรองอีก<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2010
  16. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  17. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  18. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  19. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]


    สังขารร่างกาย
    ทรัพย์สินเงินทอง
    อย่ามัวประมาท
    โลกนี้แท้จริง
    สังขารร่างกาย
    เกิดแก่เจ็บตาย
    จะห้ามไม่ฟัง
    อำนาจใดๆ
    สังขารเรานี้
    เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
    หนาวก็จะตาย
    ต้องกินต้องถ่าย
    สังขารร่างกาย
    ไหลเข้าไหลออก
    น้ำเลือดน้ำหนอง
    ข้างนอกเน่าเหม็น
    สังขารร่างกาย
    ต้องนอนเปลือยกาย
    ผู้ดีเข็ญใจ
    ลูกหลานหญิงชาย
    สังขารร่างกาย
    หมู่หนอนชอนไช
    กระดูกเกลื่อนกลาด
    ต้องถูกทอดทิ้ง
    กระทำให้แจ้ง
    หยุดความกระหาย
    จะได้หยุดเกิด
    รีบภาวนา ต้องตายเป็นผี
    เป็นของสาธารณ์
    โอกาสยังมี
    เป็นสิ่งมายา
    อยู่ไม่กี่ปี
    ร่างกายผุผัง
    จะรั้งไม่หยุด
    อย่าไปวิงวอน
    เป็นสิ่งที่สังเวช
    ปวดร้าวอาลัย
    ร้อนไปก็จะแย่
    ทนไปทุกวัน
    ทั่วไปเน่าเหม็น
    ย้อนยอกมากมี
    ล้วนของปฎิกูล
    มอลเห็นทุกวัน
    ไม่ใช่ตัวตน
    ให้ไฟลุกลาม
    ก็ตายเหมือนกัน
    ส่งได้แน่นอน
    ล้วนตายเป็นศพ
    ตอมไต่กายา
    เรี่ยราดทั่วไป
    นอนกลิ้งในดง
    เจาะแทงตลอด
    มุ่งไปนิพพาน
    มันไม่ประเสริฐ
    เพื่อละอัตตา อยู่ในโลกนี้
    ไม่ใช่ของท่าน
    อย่าหลงโลกีย์
    เป็นสิ่งลวงตา
    ก็ตายเป็นผี
    ทุกวันเดินทาง
    เป็นสิ่งสมมุติ
    ให้ช่วยเราตอน
    มันเป็นสาเหตุ
    หิวอิ่มเกินไป
    ลำบากแท้ๆ
    ดูน่าสงสาร
    มีของกากเดน
    ล้วนเป็นสิ่งที่
    ไหลมาเป็นมูล
    อีกข้างในนั้น
    เกิดมาเป็นคน
    เมื่อเจ้าโดนหาม
    อย่างหลงสังขาร
    ก็แค่กองฟอน
    ถูกแผ่นดินกลบ
    เป็นเหยื่อนกกา
    เอ็นเล็กเอ็นใหญ่
    เป็นป่ารกพง
    ให้จิตนี้ปลอด
    ไม่หลงสังขาร
    ตราบใดยังเกิด
    ข้ามพ้นมายา ไม่มีแก่นสาร
    ลูกหลานต้องลา
    จะมีปัญหา
    ใช่ว่าจีรัง
    ไม่มีความหวัง
    สู่ยังกองฟอน
    ตามพุทธะสอน
    ที่วันสิ้นใจ
    สังเกตเอาไว้
    ก็อยู่ไม่นาน
    นี่แลสังขาร
    คิดกันให้ดี
    มองเห็นทุกที
    มีอยู่ทั่วกัน
    พอกพูนหลายชั้น
    ล้วนขั้นไม่งาม
    ไม่พ้นโดนหาม
    สู่เชิงตะกอน
    ปลงกันไว้ก่อน
    แล้วย้อนกลับมา
    อยู่ในป่าช้า
    หมูหมาในดง
    ไร้จุดประสงค์
    เฝ้าดงกันดาร
    หลุดรอดสังขาร
    ทั่วกันด้วยเถิด
    อยู่ในสงสาร
    ทั่วหน้ากันเทอญฯ



    มนุษเราเอ๋ย
    มนุษย์เราเอ๋ย
    อยู่ใยมิไป
    ฉันไปมิได้
    หว่งลูกหว่งหลาน
    จะได้ไปนิพพาน
    หน้าตาแช่มช้อย
    แต่ล้วนเครื่องเหม็น
    มันมาทำเข็ญใจ
    ขนคิ้วก็ขาว
    ดำแล้วกลับหงอก
    จะลุกก็โอย
    ไม่มีเกสร
    พระอนัจจัง
    รังแต่จะตาย
    เงินทองทั้งนั้น
    ลูกเมียผัวรัก
    เปื่ยเน่าพุพอง
    เขาวางลงไว้
    อยู่แต่ผู้เดียว
    เห็นแต่ฝูงแร้ง
    ยื้แย่งกันกิน
    เรี่ยรายแผ่นดิน
    เที่ยงคืนสงัด
    พี่น้องเผ่าพันธุ์
    เห็นแต่นกแสก
    ร้องไห้หากัน
    ไม่มีแก่นสาร
    จะได้ไปสวรรค์ เกิดมาทำไม
    ตัณหาหน่วงหนัก
    ตัณหาผูกพัน
    หว่งทรัพย์สิงศฤงคาร
    ข้ามพ้นภพสาม
    งามล้วนทุกประการ
    เอ็นใหญ่เก้าร้อย
    ให้ร้อนให้เย็น
    นัยน์ตาก็มัว
    หน้าตาเว้าวอก
    จะนั่งก็โอย
    จะเข้าที่นอน
    พระอนัตตา
    ผู้ดีเข็ญใจ
    มิติดตามเรา
    เขาชักหน้าหนี
    หมู่ญาติพี่น้อง
    เขานั่งร้องไห้
    ป่าไม้ชายเขียว
    เห็นแต่ฝูงกา
    ดูน่าสมเพช
    แร้งกาหมากิน
    ตื่นขึ้นมินาน
    เห็นแต่นกเค้า
    ร้องแรกแหกขวัญ
    มนุษย์เราเอ๋ย
    อุตส่าห์ทำบุญ
    จะได้ทันเห็นพระเจ้า นิพพานมีสุข
    หน่วงชักหน่วงไว้
    หว่งนั้นผูกพัน
    จงสละเสียเถิด
    ยามหนุ่มยามสาว
    แก่เฒ่าหนังยาน
    เอ็นน้อยเก้าพัน
    เมื่อยขบทั้งตัว
    เส้นผมบนหัว
    ดูหน้าบัดสี
    เหมือนดอกไม้โรย
    พึงสอนภาวนา
    เราท่านเกิดมา
    ก็ตายเหมือนกัน
    ตายไปเป็นผี
    เขาเหม็นซากผี
    เขาหามออกไป
    แล้วกลับคืนมา
    เหลียวไม่เห็นใคร
    เห็นแต่ฝูงหมา
    กระดูกกูเอ๋ย
    เอาเป็นอาหาร
    ไม่เห็นลูกหลาน
    จับเจ้าเรียงกัน
    เห็นแต่ฝูงผี
    อย่างหลงกันเลย
    ค้ำจุนเอาไว้
    จะได้เข้าพระนิพพาน


    ยามเมื่อ
    คนึงนิจ
    พอเป็นที่
    หลังจากได้
    ที่พักกาย
    แต่ที่พักใจ
    กิเลสล้น
    อยากจะคลี่
    จะเข้าวัด
    แต่ตัวทุกข์
    พบมนุษญ์
    มีมากมวล
    สู้สำรวม
    หมั่นชำระ
    เลิกหลงโลก
    เหตุทั้งหลาย ชราร่าง
    ใฝ่หา
    พักผ่อน
    ตรำงาน
    หาได้
    สิลำบาก
    พ้นท่วม
    คลายปลด
    ลัดทาง
    ตามหรือไม่
    ก็ต้องพบ
    โลภโมห์
    กายใจ
    จิตสะอาด
    โศกรัก
    แหล่แท้ อ้างว้างจิต
    ที่อาศัย
    หย่อนกายใจ
    มานานปี
    ไม่ยากนัก
    แม้อยากหนี
    ทับทวี
    ลดจำนวน
    สงบสุข
    ใคร่สอบสวน
    สิ่งรบกวน
    โทโสร้าย
    ใฝ่ธรรมะ
    สมมาดหมาย
    จักสบาย
    เกิดแต่ใจ


    ใดใดในโลกล้วน
    คงแต่บาปบุญยัง
    คือเงาติดตัวตรัง
    ตามแต่บาปบุญแล
    ชีวิตเรา
    ย่อมแปรผัน
    ชั่วอาจดี
    เอาอะไร
    บุญกุศล
    วาสนา
    เราทำความถูกต้อง
    มีธรรมะวันละนิด อนิจจัง
    เที่ยงแท้
    ตรึงแน่น
    ก่อเกื้อรักษา
    จะเอาอะไรแน่
    เปลี่ยนจิตเปลี่ยนนิสัย
    มีอาจจนวนเวียนไป
    ได้แน่แก่ตัวตน
    เร่งสร้างกันได้
    เร่งสร้างกันไม่ได้
    ดีที่สุดแล้วหรือยัง
    ชีวิตจะเป็นสุข
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2010
  20. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...