.oO เรื่องสั้น ปั้นแต่ง Oo.

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 22 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2013
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    a.jpg

    ...เจ้าถูกเชิดให้ร่ายรำตามทำนอง
    ให้สอดคล้องลีลาท่าอ่อนช้อย
    เปรียบชีวิต.บางคราก็เรียงร้อย
    ไปตามสร้อยฟ้ามาลาพามาชม...

    wvichakorn

    สมาชิก


    ....................................................................

    จักเฉิด จักฉาย ร่ายรำ ตามทำนอง
    จะสอด จะคล้อง สำเนียง เสียงเสนาะ

    ศิลปะ ศิลปิน ถิ่นจำเพาะ
    ที่ควร ที่เหมาะ เสาะหา กระแสศิลป์

    ควรจด ควรจำ ล้ำค่า จะหาได้
    ถึงใกล้ ถึงไกล ในหล้า ทั้งแผ่นสินธุ์
    ของเก่า ของแก่ ปู่ย่า ฝากยลยิน
    ลูกเหลน ลูกหลาน ได้จินต- นาฏการ

    กลอนสุภาพ กลบทอักขระโกศล

    สร้อยฟ้ามาลา
    สมาชิก

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    attachment.jpg
    ยลภาพ ก็ ภาพงาม..........พินิจความละเอียดดี
    กลอนกาพย์ ก วีมี ...........ลิขิตพร้องระรื่นรมย์
    หลายเรื่องวิจิตรหา ..........ระลึกพามักชวนชม
    ขอบคุณ ค รับผม ...........มิลับเลือนมิตรไมตรี
    ผูกฉันท์วิเชียรฉาย...........นิมิตหมายมุ่งชมฟรี
    สักเรื่อง อิอิ(^_^)มี ........ระลึกพาจะขอชม(^_^#)

    แอ๊บแบ้ว
    สมาชิก

    [​IMG]

    .......................................................

    สดับ กระแสเสียง................สระเรียง ระเริงร้อย-
    กรองกาพย์ วิเชียนสร้อย......ช น ชื่น จะ เชิญชม

    ยลเห็น น ร เพียร................ก ร เขียน อ ษรสม
    เชื้อเชิญ ประโยคคม...........ชะนำข่ม พินิจความ
    ขอบคุณ นะ ที่อ่าน..............อขยาน จรดตาม
    ขอผูก รจนาม.....................วิเชียรฉันท์ ฉบังฉาย


    อินทรวิเชียรฉันท์ (^_^)
    สร้อยฟ้ามาลา
    สมาชิก



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    เรื่องที่ ๔๓

    ไหว้พระเมืองแม่กลอง
    ;aa17

    วันจันทร์อีกแล้ว วันนี้ต้องไปทำงานแต่ขี้เกียจตื่นเลยหยุดงานเสียเลย อิ อิ เมื่อวานเป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ก็ออกไปใช้เสียงลงคะแนนตามหน้าที่ของพลเมืองที่ดี ก็ขอให้ท่านผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งทำงานด้วยความสุจริตและอย่าลืมทุกเสียงจากประชนชนที่เลือกท่านเข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนเป็นปากเป็นเสียงแทนเขา พอแล้วไม่พูดเรื่องการเมืองดีกว่า ไม่อยากยุ่งด้วย....น่าเบื่อ.....


    เมื่อขี้เกียจตื่นเพราะง่วงก็เลยตื่นสาย หลังจากลุกจากที่นอนได้แล้ว ก็ไม่มีอะไรทำ คุณพ่อคุณแม่ก็เลยชวนไปไหว้พระที่เมืองแม่กลองหรือจังหวัดสมุทรสงคราม ก็ไปไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมเหมือนเดิม แต่เนื่องจากวันนี้ว่างเลยคิดแผนว่าน่าจะไปไหว้พระที่วัดอื่นๆ ในจังหวัดสมุทรสงครามด้วย ก็เลยเข้าไป search หาข้อมูล มีวัดที่น่าสนใจเยอะแยะจนเลือกไม่ถูก เลยกะแผนคร่าวๆไว้ว่าไหว้พระ ๙ วัดเสียเลย ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าเพราะตื่นสาย .... นี่ก็ปาเข้าไป ๙ โมงครึ่งแล้วเพิ่งจะออกจากบ้าน ออกมาก็รถติดอีกกว่าจะหลุดถึงถนนพระราม ๒ ได้ก็ ๑๐ โมงกว่าๆ ไหว้พระ ๙ วัดก็คงไหว้ได้ไม่ครบแล้ว ไหว้เท่าที่ได้ก็แล้วกัน.......
    ได้ขับรถมาถึงวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เวลา ๑๑ โมงกว่าๆ แดดเปรี้ยงดีมาก หน้าดำอีกแล้ว....

    วัดเพชรสมุทรวรวิหาร

    เดิมชื่อว่า "วัดศรีจำปา"สร้างขึ้นในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ตามตำนานเล่าว่า ในปีพ.ศ.๒๓๐๗ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณตำบลแม่กลองเหนือวัดศรีจำปาและเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านแหลม" ตามชื่อหมู่บ้านเดิมของตนชาวบ้านแหลมได้ช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปาและเรียกวัดนี้ใหม่ว่า "วัดบ้านแหลม"ต่อมาวัดบ้านแหลมได้ยกฐานะขึ้นเป็นอารามหลวงชั้นวรวิหาร ได้รับพระราชทานนามว่า "วัดเพชรสมุทรวรวิหาร"


    [​IMG]

    วัดเพชรสมุทรวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อบ้านแหลม
    หลวงพ่อวัดบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรหล่อด้วยทองเหลืองแบบสมัย สุโขทัยตอนปลาย ภายในโปร่งขนาดส่วนสูง ๑๗๐ เซนติเมตรประดิษฐานยืนอยู่บนแท่น ภายในพระอุโบสถวัดบ้านแหลม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงครามตามประวัติที่จารึกกล่าวไว้ว่า หลวงพ่อได้ล่องลอยน้ำลงมาจากทางเหนือพร้อมกัน ๓องค์แสดงอภินิหารให้ผู้คนเห็นมาตลอดลำแม่น้ำเจ้าพระยา และ ครั้งหนึ่งได้ล่องลอยมาถึงบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาตอนสามเสนประชาชนสามแสนกว่าคนประสงค์ที่จะนิมนต์หลวงพ่อขึ้นบนฝั่งช่วยกันเอาเชือกผูกมัดองค์หลวงพ่อแล้วช่วยกันฉุดลากแต่ก็ไม่สามารถจะนำหลวงพ่อขึ้นฝั่งได้และท่านก็จมน้ำหายไปจากที่นั้น ต่อจากนั้นท่านก็ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ผุดให้คนเห็นในที่ต่าง ๆกันเรื่อยมาจนในที่สุดก็ได้มาประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญอยู่ในพระอุโบสถวัดบ้านแหลมนี้จนถึงปัจจุบัน


    [​IMG]

    ตำนานเดิมกล่าวว่าชาวบ้านแหลมซึ่งอยู่ปากอ่าวจังหวัดเพชรบุรีได้พากันมาตีอวนจับปลาในทะเลในขณะที่ลากอวนจับปลาอยู่นั้น ได้ลากพระพุทธรูปติดอวนขึ้นมา ๑ องค์ต่างพากันดีใจมากกว่ามาจับปลาแต่กลับมาได้พระพุทธรูปเห็นว่าคงจะเป็นลาภอันใหญ่หลวงแล้วจึงได้อาราธนาพระพุทธรูปนั้นขึ้นบนเรือ แล้วพากันล่องกลับจากทะเลในระหว่างทางคงจะเป็นด้วยบุญบารมีของชาวบ้านแหลมคนในเรือคนหนึ่งได้แลเห็นพระเกศของพระพุทธรูปลอยปริ่ม ๆ น้ำอยู่ไม่ไกลจากเรือที่แล่นอยู่เท่าใดนัก จึงร้องบอกให้ทุกคนทราบ แล้วเทียบเรือเข้าไปทุกคนต่างปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลืองแต่ล่องลอยอยู่ในกระแสน้ำได้ต่างพากันกราบนมัสการด้วยความเลื่อมใสในอภินิหารและอิทธิฤทธิ์ที่ได้พบเห็น ต่อจากนั้นก็ได้อาราธนาขึ้นบนเรือ อีกลำหนึ่งแล้วพากันแล่นเรือกลับด้วยความดีใจเป็นที่สุดครั้นเรือแล่นมาถึงแม่น้ำแม่กลองตอนหน้าวัดศรีจำปาได้เกิดอาเพศคล้ายกับว่าหลวงพ่อประสงค์ ที่จะอยู่วัดนี้จึงทำให้ฝนตกหนักลมพายุพัดจัดไม่ลืมหูลืมตาเรือลำที่หลวงพ่อบ้านแหลมประดิษฐานอยู่ทนคลื่นลมไม่ไหวประคองตัวไม่อยู่เรือเอียงวูบไปหลวงพ่อที่อยู่บนเรือจึงเคลื่อนตกจมหายลงไปในแม่น้ำชาวประมงบ้านแหลมพากันตกใจและเสียดายมากต่างช่วยกันเพียรดำน้ำค้นหาอยู่หลายวันจนอ่อนใจ ก็ไม่พบตกลงไม่ค้นหากันต่อไปอีกจึงนำพระพุทธรูปองค์ที่เหลืออยู่ไปยังถิ่นของตนและนำพระพุทธรูปองค์นั้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี


    กาลต่อมาชาวบ้านศรีจำปาต่างก็ช่วยกันลงดำค้นหาหลวงพ่อที่จมอยู่นั้นเป็นด้วยเพราะอภินิหารของหลวงพ่อที่จะอยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวบ้านศรีจำปาจึงทำให้ชาวบ้านศรีจำปาพบและอาราธนานำไปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีจำปา ชาวประมงบ้านแหลมครั้นรู้ข่าวเข้าว่าชาวบ้านศรีจำปาได้พระของตนที่จมน้ำนั้นแล้ว ก็ยกขบวนกันมาขอพระคืนแต่ชาวบ้านศรีจำปาไม่ยอมให้จนเกือบจะเกิดศึกกลางวัดขึ้นแต่ด้วยอภินิหารของหลวงพ่อบ้านแหลม และการมีเหตุผลด้วยกันทั้ง ๒ฝ่ายก็ประสานสามัคคีตกลงปรองดองกันได้ทางฝ่ายชาวประมงบ้านแหลมก็ยินยอมยกพระพุทธรูปที่ชาวบ้านศรีจำปางมได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีจำปาตามแต่ต้องเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ ให้ชื่อว่า “วัดบ้านแหลม” เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ที่ชาวบ้านแหลมได้พระพุทธรูปมาทีแรกตั้งแต่นั้นมาวัดศรีจำปาจึงได้นามว่าวัดบ้านแหลม มาจนทุกวันนี้

    ตามประวัติ หลวงพ่อบ้านแหลมเมื่อคราวที่ไปลอยวนอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนสามเสน นั้นประชาชนสามแสนกว่าคนประสงค์จะอาราธนานิมนต์หลวงพ่อขึ้นฝั่งช่วยกันเอาเชือกพรวนผูกมัดแล้วช่วยกันฉุดลากก็ไม่สามารถนำหลวงพ่อขึ้นฝั่งได้แล้วหลวงพ่อก็แสดงปาฏิหาริย์จมน้ำหายไปทั้ง ๓องค์ ต่อมาทราบว่าองค์หนึ่งได้ขึ้นไปประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธร คือหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา อีกองค์หนึ่งไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดบางพลีใหญ่ในคือ หลวงพ่อโต จังหวัดสมุทรปราการ ตามที่ท่านแสดงปาฏิหาริย์จมน้ำหายไปครั้งนั้นหลวงพ่อได้แสดงอภินิหารให้เห็นว่าถ้าท่านไม่ประสงค์จะอยู่ในที่ใดแล้วให้มีคนมากกว่าสามแสนคนมาฉุดดึงท่านก็ไม่รับนิมนต์แต่พอถึงที่หน้าวัดบ้านแหลมท่านก็ยอมขึ้นแต่โดยดีมิต้องใช้เชือกมัดหรือใช้ผู้คนมากมาย ไม่ต้องฉุดดึงเพียงแต่เจ้าอาวาสในสมัยนั้นกับชาวบ้านเพียงไม่กี่คนอาราธนาอัญเชิญหลวงพ่อถูกต้องตามพิธีการท่านก็รับนิมนต์ยอมขึ้นมาประดิษฐานอยู่ประจำวัดเป็นมิ่งขวัญตลอดมา



    [​IMG]

    เมื่อได้หลวงพ่อมาแล้วชาวบ้านก็ได้อาราธนานำท่านไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดบ้านแหลมและทำพิธีจัดงานสมโภชฉลององค์หลวงพ่อกันอย่างครึกครื้นแล้วพากันขอความศักดิ์สิทธิ์จากหลวงพ่อให้ช่วยคุ้มครองปกปักรักษาไม่เว้นแต่ละวันหลวงพ่อวัดบ้านแหลมมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนความศักดิ์สิทธิ์ประการใดบ้างนั้น เหลือที่จะพรรณนาให้ละเอียด


    ได้มีผู้เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเมื่อผู้ใดได้รับความเจ็บป่วย หรือทุกข์ร้อนประการใดก็มากราบนมัสการบนบานต่อหลวงพ่อความเจ็บป่วยหรืออาการทุกข์ร้อนนั้นก็พลันหายไปหรือไม่ก็ทุเลาเบาบางลงจนเป็นที่นับถือของประชาชนทั่วไปแม้แต่ชาวจีนที่เข้ามาพึ่งบรมโพธิสมภารก็พากันนับถือเป็นอันมาก พากันมาเซ่นไหว้ในวันสำคัญของจีนหรือในวันอื่น ๆ แล้วแต่โอกาสเสียงจุดประทัดบูชาดังสนั่นหวั่นไหวพวกละครชาตรีหรือละครไทยและงิ้ว ที่ประชาชนหามาแสดงจะพบเห็นอยู่เสมอกล่าวกันว่าพวกละครหรืองิ้วที่แสดงถวายนี้ถ้าไม่รำถวายมือหลวงพ่อวัดบ้านแหลมเสียก่อนบางคนถึงกับชักดิ้นชักงอหรือมีอันเป็นไปต่างๆ จึงเลยเกิดเป็นธรรมเนียมประเพณีว่า ก่อนจะแสดงเรื่องราวต่าง ๆต้องรำถวายมือต่อหลวงพ่อเสียก่อนเป็นการสักการะและครั้งหนึ่งชาวจีนได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างแรงกล้าในความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของหลวงพ่อ ได้พากันนำงิ้วมาแสดงถวายประชันกันถึง ๕โรง บางคนป่วยหนักหมดหวังในชีวิต หมอละทิ้งไม่มีผู้ใดรับรักษาพยาบาลก็มาขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยชีวิต โดยรับเอาน้ำมนต์ดอกไม้ที่บูชาหลวงพ่อเอาไปรับประทานและพอกทาอาการป่วยก็หายวันหายคืนและกลับเป็นปกติก็มีอยู่หลายราย บางคนตกทุกข์ได้ยากเป็นถ้อยร้อยความไปบนบานปิดทองนมัสการ ขอให้หลวงพ่อช่วยหลวงพ่อก็ช่วยเหลือได้สมประสงค์ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดบ้านแหลมมีมากมายจนประชาชนยกย่องเป็นพ่อบ้านพ่อเมืองมีอภินิหารปกป้องคุ้มครองประชาชนทุกผู้ทุกนามเป็นที่สักการบูชา เป็นมิ่งขวัญของชาวเมืองสมุทรสงครามมาจนตราบเท่าทุกวันนี้


    ตอนที่ชาวประมงพบในอ่าวแม่กลองบาตรนั้นสูญหายไปในทะเลสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เคยเสด็จมานมัสการหลวงพ่อบ้านแหลมได้ถวายบาตรแก้วสีน้ำเงินถวายหลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพุทธบูชาซึ่งยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้


    [​IMG]

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาหลวงพ่อบ้านแหลม ได้พระราชทานผ้าดิ้นทองแก่หลวงพ่อจำนวนสองผืนแต่ละผืนมีขนาดหน้ากว้าง ๖นิ้ว ยาวประมาณ ๑๐ฟุตปัจจุบันทางวัดได้จัดแสดงไว้ในพระอุโบสถที่ประดิษฐานหลวงพ่อบ้านแหลม ในวันสำคัญเช่น วัดสงกรานต์ วันทอดกฐินพระราชทานจะนำผ้าดิ้นทองพระราชทานมาประดับองค์หลวงพ่อบ้านแหลมด้วย


    "หลวงพ่อบ้านแหลม"เป็นที่เคารพบูชาในหมู่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปในแต่ละวันจะมีผู้ศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศมากราบนมัสการอย่างเนืองแน่นมีการเปรียบเปรยว่า หากใครไปเมืองสมุทรสงครามไม่ได้ไปนมัสการหลวงพ่อบ้านแหลมก็เสมือนไม่ได้ไปเมืองสมุทรสงครามใครพูดถึงเมืองสมุทรสงครามไม่กล่าวถึงนามหลวงพ่อบ้านแหลมก็เสมือนไม่รู้จักสมุทรสงครามคนสมุทรสงครามคนใดไม่เคยเห็นหลวงพ่อบ้านแหลมก็เปรียบเสมือนลูกกำพร้าไม่เคยเห็นหน้าพ่อ

    งานนมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
    วัดบ้านแหลมนี้มีงานนมัสการหรืองานเทศกาล ๒ ครั้ง คือ
    ๑. งานสงกรานต์เดือน ๕ มีงานรวม ๖ วัน ๖ คืน เริ่มงานตั้งแต่วันที่ ๑๓ - ๑๘เมษายนของทุกปี
    ๒. งานวันสารท เดือน ๑๑มีงานนมัสการหลวงพ่อ ๔ วัน ๔ คืนมีประชาชนทั้งใกล้และไกลไปนมัสการหลวงพ่อกันอย่างคับคั่ง


    พระพุทธปฏิมาอันสำคัญที่ทรงอภินิหารและทรงศักดิ์สิทธิ์นั้นถ้าจะกล่าวกันไปแล้วก็ยังมีอีกเป็นจำนวนหลายวัดตามจังหวัดและอำเภอต่าง ๆทั่วประเทศทั้งในเมืองและตามชนบทถ้าจะทบทวนนับจาก หลวงพ่อโต จังหวัดสมุทรปราการหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงครามแล้วก็เห็นจะมีพระพุทธปฏิมากรที่สำคัญอีก ๒องค์ นั้นคือ หลวงพ่อวัดเขาตะเคราจังหวัดเพชรบุรี หลวงพ่อวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม ซึ่งนับว่าเป็นหลวงพ่อที่ทรงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ดุจเดียวกันเพราะมีพุทธศาสนิกชนประชาชนพากันมาสักการบูชากันมากมายเนืองแน่นไปหมดเมื่อเวลามีงานสมโภชตามเทศกาล และตามจดหมายเหตุประวัติความเป็นมาอันเก่าแก่ดั้งเดิมของทางวัด ก็ได้แจ้งไว้ว่าท่านได้ปาฏิหาริย์ลอยน้ำมาเช่นเดียวกันถึงกับบางท่านได้สรุปรวมความว่าเป็นพระพี่น้องกันซึ่งก็สามารถจัดเป็นเช่นนั้นได้เพราะท่านมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มีความศักดิ์สิทธิ์สามารถปกป้องคุ้มครองรักษาประชาชนที่เคารพนับถือสักการบูชาท่านรักษาโรคภัยไข้เจ็บภัยพิบัติต่างๆ ให้หายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ถ้าหากจะนับรวมกันอย่างที่ทราบกันมาว่าพระพุทธรูปที่มีปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา ก็คงจะมี ๕องค์ดังนี้ ซึ่งตรงกับคำว่า “ พุทธปัญจะภาคี ปาฏิหาริย์กระสินธุ์โน” พอดี

    แต่ส่วนประวัติความเป็นมานั้นทุกท่านต้องศึกษาถึงมูลเหตุพุทธประวัติอันลึกซึ้งของแต่ละองค์ ตามจดหมายเหตุประวัติและคำบอกเล่าของแต่ละที่กันเองซึ่งทุกองค์ก็มีความสำคัญมาก เช่นเดียวกันเพราะพระพุทธปฏิมาอันศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นที่เคารพนับถือสักการบูชาเป็นศูนย์รวมจิตใจอันผ่องใสเชื่อมั่นของประชาชนสาธุชนทั่วไปและตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆในสากลพิภพยังมีอยู่อีกมากมายเหลือที่จะคณานับได้ดั่งจะเห็นได้ว่ามีข่าวคราวปรากฏขึ้นที่นั่นที่นี่ตามกาลอันควรตลอดมาอยู่บ่อย ๆครั้งพระพุทธปฏิมากรที่สำคัญ ๆที่มีอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ก็มีปรากฏอยู่มากมายตามวัดต่าง ๆแต่ละจังหวัดแต่ละอำเภอกระจายทั่วไปทั้งประเทศเพื่อแผ่บารมีและพุทธคุณปกป้องคุ้มครองสาธุชนประชาชน ผู้ประพฤติปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ดีงามปกป้องประเทศชาติให้คงอยู่เป็นไทยมาจนทุกวันนี้ ก็ด้วยบุญบารมีพระพุทธคุณพระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และสิ่งต่าง ๆ ซึ่งทรงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทุกคนหรือบางคนได้ประสบมาด้วยตนเองหรือจากคำบอกเล่าจดหมายเหตุๆอันเป็นประวัติแต่ดั้งเดิมมาประเทศของเราจึงจัดได้ว่าเป็นประเทศที่นับว่าร่มเย็นเป็นสุขตามควรภายใต้พระบรมโพธิสมภาร อันมีสิ่งยึดเหนี่ยวที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์นั่นคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นสิ่งที่ทุกคนเทิดทูนเหนือเศียรเกล้าเคารพสักการบูชายึดมั่นหยั่งลึกฝังอยู่ในจิตใจของทุกคนชาวพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งชาติทุกคนตลอดมา และจะยั่งยืนตลอดไปอีกจนชั่วกาลนาน


    คำอาราธนาหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
    สะทา วะชิระสะพุททะวะวะ วิหารเร
    ปติฏฐิตัง นะระเทโวหิ ปูชิตังปัตตะหัตตัง
    พุทธรุปัง อะหัง วันทามิ ทูระโต


    คาถาหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
    นะมะระอะ นะ เท วะ อะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมเสร็จแล้วก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ไปหาอะไรทานก่อน ก็ก๋วยเตี๋ยวข้างๆ วัดนั้นแหล่ะง่ายดี ขี้เกียจเดินไกล แดดร้อนด้วย.....



    [​IMG]

    เนื่องจากในจังหวัดสมุทรสงคราม มีเพียงวัดเพชรสมุทรวรวิหารแห่งนี้ที่รู้จักเป็นอย่างดี ส่วนวัดอื่นๆ ที่ตั้งโปรแกรมไว้ว่าจะไปก็ไม่รู้อยู่ทางทิศไหนแล้ววัดไหนจะถึงก่อนถึงหลังก็ไม่รู้ จึงได้เดาสุ่มๆ ไป พึ่ง GPS อีกแล้ว สุ่มไปสุ่มมาก็ตกลงว่าไปวัดบางกะพ้อมก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ไปไหว้พระกันต่อกัน...


    [​IMG]

    วัดบางกะพ้อม
    เป็นวัดโบราณ สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.๒๓๑๒สมัยกรุงศรีอยุธยาไม่ปรากฏนามผู้สร้าง มีตำนานเล่าขานกันมาว่า มีตระกุลคหบดีมีฐานะดีตระกูลหนึ่งได้ลงเรือพาครอบครัวพร้อมทั้งทรัพย์สินหนีข้าศึกพม่า เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยารอมแรมถึงแหลมบางกะพ้อมแห่งนี้ เห็นเป็นที่เหมาะสมร่มรื่น จึงได้พักแรมสร้างที่อยู่อาศัยโดยอาศัยการสานกระบุง ตะกร้า เสื่อลำแพน และกะพ้อมใส่ข้าวเป็นสินค้านำไปขายเพื่อเป็นค่ายังชีพ ต่อมามีคนมาบอกว่ากองทัพข้าศึกยกมากำลังทำการสู้รบกันอยู่ที่ค่ายบางกุ้งให้รีบหนีแต่คหบดีผู้นั้นเห็นว่าคงหลบหนีไม่ทันจึงได้เข้าไปแอบอยู่ในกะพ้อมที่สานเอาไว้เพื่อจะขายพร้อมกันนั้นได้ตั้งสัตยาธิษฐานต่อ พระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า "ขออย่าให้ทหารข้าศึกพบเลย หากรอดพ้นไปได้จะจัดการสร้างวัดและวิหารขึ้นตรงนี้"ซึ่งทหารข้าศึกก็ผ่านไปโดยมิได้พบเห็น ต่อมาจึงได้จัดสร้างวิหารวัดบางกะพ้อมขึ้นตามที่ตั้งสัตยาธิษฐานฐานไว้ โดยตั้งชื่อวัดว่า "วัดบังกับพ้อม" ต่อมาคงเพี้ยนไปบ้างหรือเพื่อความเหมาะสมจึงชื่อ "วัดบางกะพ้อม" มาจนถึงปัจจุบัน

    ครอบครับของผู้สร้างวัดนี้ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนในสมัยนั้นได้สร้างอุโบสถเรือนไม้ มีพระพุทธรูปศิลาแลงสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นพระประธาน และได้สร้างวิหารเป็นที่ประดิษฐ์รอยพระพุทธบาท ๔รอย เดิมสร้างไม่เสร็จเรียบร้อยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่ามีเชื่อพระวงศ์ในพระราชจักรีวงศ์ทรงผนวช และจำพรรษา ณวัดนี้ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระเถระผู้ใหญ่และเป็นเจ้าอาวาสวัดท่านได้บูรณะภาพจิตรกรรมฝาผนังนูนอันเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สร้างด้วยฝีมืออันประณีตงดงาม



    [​IMG]

    วิหารวัดบางกะพ้อม
    เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนมีอิทธิพลของสถาปัตยกรรมจีนตามแบบศิลปะพระราชนิยมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าปั้นเป็นลายปูนปั้นแบบจีน ประตูทางเข้าเป็นทรงกลมมีปูนปั้นเป็นรูปทหารฝรั่งยืนเฝ้า ๒ข้างประตู ภายในวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังนูนที่สวยงามแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง โดยแบ่งเป็น ๔ ด้าน คือ



    [​IMG]



    [​IMG]


    ด้านที่ ๑ กล่าวถึงพระพุทธบาททั้ง ๕ แห่ง ที่ประดิษฐาน ณ สุวัณเณมาลิก, ภูเขาสุวรรณบรรพต, ภูเขาสุมนกูฏ, เมืองโยนกและรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐาน ณแม่น้ำนัมมทานที
    ด้านที่ ๒ เป็นภาพพระพุทธประวัติวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์นิพพาน
    ด้านที่ ๓ เป็นภาพที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วได้ ๗ วันได้นำพระศพของพระพุทธเจ้า ขึ้นตั้งบำเพ็ญกุศล
    ด้านที่ ๔ เป็นภาพพุทธประวัติรวมๆ คือ ภาพตอนตรัสรู้ภาพตอนได้อัครสาวกซ้ายขวา



    [​IMG]

    พระพุทธบาท ๔ รอย ภายในพระวิหาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    วิหารหลวงพ่อคง, วิหารหลวงพ่อ ๖ องค์, วิหารหลวงพ่อดำ
    วิหารหลวงพ่อคงเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อมพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งจังหวัดสมุทรสงคราม, วิหารหลวงพ่อ ๖องค์, วิหารหลวงพ่อดำซึ่งอยู่ในบริเวณวัดแห่งนี้




    a.jpg

    ประวัติหลวงพ่อคง ธมฺมโชโต วัดบางกะพ้อม จังหวัดสมุทรสงคราม

    หลวงพ่อคงท่านเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน ๒๔๐๘ ตรงกับวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู ณบ้านสำโรง ปัจจุบันคือ ตำบลโรงหีบ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นบุตรรักของ นายเกตุกับนางทองอยู่ ต่อมานามสกุลที่ท่านใช้คือ นามสกุล "จันทร์ประเสริฐ"ซึ่งเป็นต้นสกุลของหลวงพ่อคง

    เมื่ออายุได้ ๑๒ ปี โยมบิดาและโยมมารดาให้ท่านบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเหมืองใหม่ อำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมระหว่างเป็นสามเณรสนใจในวิชาเมตตามหานิยม พอใกล้บวชพระได้สึกจากสมเณรและได้ทดลองวิชาเมตตามหานิยมดูว่าจะขลังจริงหรือไม่โดยเสกสีผึ้งละลายน้ำไปให้หญิงผู้หนึ่งซึ่งอยู่ทางใต้น้ำ ปรากฏว่าเย็นวันนั้นหญิงสาวหอบผ้าหอบผ่อนมาหาท่านถึงบ้าน และร้องไห้จะขออยู่ด้วยให้ได้ทำให้วุ่นวายชี้แจงกันเป็นการใหญ่

    พออายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงได้ลาโยมบิดาและมารดา เพื่อเข้าอุปสมบท ณ วัดเหมืองใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๗โดยมี พระอาจารย์ด้วง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการจุ้ย วัดบางเกาะเทพศักดิ์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการทิม วัดเหมืองใหม่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้นามฉายาว่า "ธมมฺโชโต" อันแปลว่า เป็นผู้รุ่งเรืองโดยธรรม


    a.jpg
    หลังอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาที่วัดเหมืองใหม่ จนกระทั่งพรรษาที่ ๒๑ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๘ ชาวบ้านใน ตำบลบางกะพ้อมได้อาราธนาท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อม ด้วยตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง

    หลังจากที่ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อมหลวงพ่อได้ทำการฟื้นฟู บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัด ซึ่งชำรุดทรุดโทรมด้วยท่านมีฝีมือในการพัฒนาเป็นทุนเดิมจึงทำให้การสร้างความเจริญให้แก่วัดสำเร็จลุล่วงในเวลาอันสั้นหลวงพ่อคงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลบางกะพ้อม และแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์ใน พ.ศ.๒๔๖๔ และท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายชนิดด้วยกัน เช่น

    เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกสร้างในปีพ.ศ.๒๔๘๔ และเหรียญรุ่น ๒ สร้างในปี พ.ศ.๒๔๘๖ และเหรียญหล่อ อรุณเทพบุตร และเหรียญหล่อหนุมานแบกพระสาวก เหรียญรุ่นแรกของท่านสร้างประมาณ ๓,๐๐๐ เหรียญ

    เท่าที่พบเจอมีเนื้อทองแดงผสมทองเหลือง ถ้าในบางเหรียญที่ผ่านการใช้จะมีลักษณะเหมือนเหรียญฝาบาตร
    ส่วนเหรียญที่ออกปี พ.ศ.๒๔๘๖ เรียกว่า "เหรียญปาดตาล" มีทั้งเนื้อเงิน ฉลุลงยา และเนื้อทองแดงเหรียญเงิน
    เหรียญอรุณเทพบุตรเป็นเนื้อโลหะผสมหล่อด้านหลังเรียบ และเหรียญหนุมานแบกพระสาวกเป็นเหรียญหล่อ
    ส่วนเรื่องของปลอมระบาดหนักมากสำหรับทุกรุ่นของหลวงพ่อคง ของเก๊หรือทำเลียนแบบทำได้ใกล้เคียงมากไม่ว่าจะเป็นเหรียญปั๊มหรือเหรียญหล่อหากต้องการบูชาควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุดให้เขารับประกันให้ดีกว่าไม่ต้องเสี่ยง
    รุ่นแรกเหรียญ ๒๔๘๔ด้านข้างเหรียญมี ๒ พิมพ์ คือ
    ๑.บล็อกข้างกระบอก ด้านข้างของเหรียญมีลักษณะเรียบเนียนไม่มีริ้วรอย
    ๒.บล็อกขอบสตางค์ ด้านข้างของเหรียญมีลักษณะเป็นรอยเลื่อยถี่ๆมีลักษณะขอบเหมือนเหรียญบาทที่เราใช้อยู่ จึงเรียกว่า ขอบสตางค์ ทั้งนี้ขอบสตางค์จะมีราคาแพงกว่าข้างกระบอกเล็กน้อย เนื่องจากหายากกว่า


    ในส่วนของพุทธคุณของเหรียญหลวงพ่อคงนั้นมีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า มีพุทธคุณด้านคงกระพัน โดยเฉพาะเหรียญรุ่นปาดตาลแม้ว่าจะสร้างหลังจากมรณภาพแล้วก็ยังมีความคงกระพันอยู่ ซึ่งมีเรื่องเล่าว่ามีคนถูกแทงด้วยมีดปาดตาล ซึ่งถือว่าเป็นมีดที่คมมากแต่ไม่เข้าจากนั้นก็ร่ำลือกันต่อๆ มา ในที่สุดก็เรียกเหรียญรุ่นดังกล่าวว่า เหรียญรุ่นปาดตาล

    อย่างไรก็ตามการเรียกชื่อพระเครื่องและเหรียญตามประสบการณ์ใช้นั้น ยังปรากฏในเหรียญรุ่นอื่นๆอีก เช่น พระหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ได้สร้างพระขึ้นรุ่นหนึ่งซึ่งเป็นพระผงรูปเหมือนของท่านทรงสี่เหลี่ยมนั่งอยู่บนโต๊ะจากนั้นมีผู้นำไปใช้แล้วถูกฟ้าผ่าไม่เป็นไร จึงเรียกพระรุ่นดังกล่าวว่าพระสมเด็จฟ้าผ่า พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ รุ่นปลดหนี้เนื่องจากผู้นำไปใช้แล้วมีประสบการณ์จากผู้ที่เป็นหนี้ก็หมดหนี้ จึงเรียกว่าพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ รุ่นปลดหนี้

    หลวงพ่อคงมรณภาพวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๖ สิริอายุ ๗๘ ปี พรรษาที่ ๕๘



    a.jpg

    เมื่อครั้งอาจารย์เภา ศกุนตะสุต ปรมาจารย์เหรียญผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ยังมีชีวิตอยู่มีผู้เรียนถามท่านว่า


    "...หลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่าหลวงปู่เฒ่าวัดหนัง หลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติอาจารย์เภาจะเลือกพระเถระองค์ใดว่าท่านเด่นดังมากที่สุด..."

    อาจารย์เภาตอบว่า "...ฉันขอเลือกหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เพราะว่าท่านเป็นหลวงพ่อของฉันถึงจะยิงกันฉันก็ไม่กลัว..."

    จากหลักฐานนี้แสดงให้เห็นว่าอาจารย์เภา ศกุนตะสุต ท่านมีความเชื่อมั่น และเคารพหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อมอยู่เหนือพระเถระองค์อื่นๆ ทั้งหมด นี้เป็นประสบการณ์จากการสนทนากับปรมาจารย์เหรียญผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าทรงคุณวุฒิทางด้านนี้อย่างแท้จริง


    คาถาบูชาหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
    นะโม ๓ จบ
    พุทธัง เพชร คงฆัง ธัมมัง เพชรคงฆัง สังฆังเพชรคงฆัง
    พุทธัง มาเรโส ธัมมัง มาเรโส สังฆังมาเรโส



    คาถาหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม

    นะโมพุทธายะ มะอะอุ สิวัง มหาอุตมังคลานิ สัมพุทธคัพภเวสันโต


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ออกจากวัดบางกะพ้อมก็ตั้ง GPS ไปวัดจุฬามณี ก็ขับตามที่เครื่องบอก แต่เครื่องนำทางเจ้ากรรมดันพาไปไหนก็ไม่รู้ บอกว่า “ท่านได้มาถึงจุดหมายแล้ว สิ้นสุดระบบนำทาง” แต่พอหันซ้ายหันขวา ไม่เห็นมีวัดสักกะแห่ง งั้นก็ไม่ไปแล้ว ไปวัดอื่นก็ได้ เลยตั้งจุดหมายใหม่ไปวัดภุมรินทร์กุฎีทองก็ต้องกลับรถเพราะเลยทางเข้าวัดมาแล้ว พอกลับรถได้ อ้าว ทางเข้าวัดจุฬามณีอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เองแล้วเครื่องนำทางดันนำไปไหนก็ไม่รู้ แต่ไม่ไปแล้วตรงไปวัดภุมรินทร์กุฎีทองเลยก็แล้วกัน ทางที่จะไปวัดภุมรินทร์กุฎีทองนี้เป็นถนนลาดยางสองเลนส์วิ่งสวนกัน ต้องขับรถผ่านแมกไม้และสวนซึ่งบางช่วงคดเคี้ยวและมีโค้งหักศอก ซึ่งถนนอย่างนี้สร้อยฟ้าฯ ชินแล้วหล่ะ และในถนนเส้นนี้มีก็วัดที่น่าสนใจอยู่หลายวัดมาก เห็นชื่อแต่ละวัดก็อยู่ในรายการแนะนำไหว้พระ ๙ วัดทั้งนั้นเลย ตอนนี้เวลาเดินไปถึงบ่ายโมงเกือบครึ่งแล้ว คงไม่ได้ ๙ วัดแล้วหล่ะ.....



    a.jpg
    วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
    เดิมมีชื่อว่าวัดภุมรินทร์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองปากคลองประชาชมชื่นฝั่งตะวันตก ตรงข้ามอุทยานพระบรมราชานุสรณ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัยตำบลสวนหลวงอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยนางพุ่มหรือนางสาวพุ่ม พงษ์พิทักษ์เป็นผู้สร้างจึงเรียกว่าวัดภุมรินทร์ นอกจากนางสาวพุ่ม พงษ์พิทักษ์แล้วก็มีนายแจ้ง นางชม พงษ์พิทักษ์เป็นผู้ร่วมบริจาคทรัพย์สร้างด้วย นางสาวพุ่มเป็นบุตรตรีนายเหล็งพงษ์พิทักษ์ เกี่ยวเนื่องเป็นวงศ์ญาติกับตระกูลอัศเวศน์และนาคสวัสดิ์นางภู่พงษ์พิทักษ์ ภรรยานายเหล็ง มารดานางสาวพุ่มเป็นคนนครปฐมเป็นเถ้าแก่โรงหีบอ้อยประวัติวัดภุมรินทร์ก็เกี่ยวเนื่องอยู่ในสามตระกูลนี้


    a.jpg
    ส่วนคำว่ากุฎทองมาจากที่ในวัดมีกุฎีเป็นเรือนไม้สักทองขนาดใหญ่ ปิดลวดลายทองสวยงามกุฎีทองหลังนี้ตามประวัติเล่าว่า เศรษฐีบิดาของคุณนาค (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๑) ให้สมภารวัดบางลี่ตรวจดูดวงชะตาคุณนาค สมภารทำนายว่าจะได้เป็นพระราชินี เศรษฐีบิดาคุณนาคจึงให้คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวายให้วัดบางนาลี่น้อย และยังมีเครื่องใช้ส่วนพระองค์ถวายไว้ที่วัดนี้จำนวนมาก

    วัดภุมรินทร์กุฎีทอง อำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงครามนี้แต่เดิมมีวัดบางลี่ตั้งอยู่ใกล้กันสองวัดวัดหนึ่งอยู่ริมฝั่งน้ำตอนเหนือเมื่อล่องเรือไปตามลำน้ำแม่กลองจะถึงวัดนี้ก่อนเรียกว่า วัดบางลี่บนอีกวัดหนึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำ เรียกว่า วัดบางลี่ล่างต่อมาวัดบางลี่ล่างเจริญรุ่งเรืองจึงเรียกว่า วัดบางลี่ใหญ่ส่วนวัดบางลี่บนซึ่งตั้งอยู่บนหัวคุ้งข้อศอกถูกกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งพังลงเรื่อยๆพระอธิการเกียเจ้าอาวาสวัดภุมรินทร์จึงรื้อย้ายกุฎีวัดบางลี่น้อยมาสร้างที่วัดภุมรินทร์โดยเพิ่มช่อฟ้าใบระกาใหม่ทั้งหลังเพื่อใช้เป็นที่สวดมนต์เมื่อวัดบางลี่ถูกกระแสน้ำกัดเซาะพังทลายหายไปวัดภุมรินทร์จึงอยู่ปากคลองบางลี่แทนด้วยเหตุที่เป็นวัดที่ได้นำกุฎีทองของวัดบางลี่น้อยมาสร้างรวมไว้ วัดภุมรินทร์จึงได้มีชื่อเรียกในเวลาต่อมาว่าวัดภุมรินทร์กุฎีทอง

    ในวัดภุมรินทร์กุฎีทอง ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า ๓๐๐ปีเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ปางมารวิชัย นามว่าพระพุทธรัตนมงคลหรือหลวงพ่อโตและยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประดิษฐานอีกด้วย


    a.jpg
    ภายในกุฎีทอง ปัจจุบันยังปรากฏลวดลายจิตรกรรมอยู่บนเพดานและตามฝาผนัง ซึ่งเป็นลวดลายที่เก่าแก่ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑ ส่วนเสาภายในตัวกุฎีทองนี้ยังคงหลงเหลือเสาเรือนดั้งเดิมอยู่เพียงเสาเดียวและเสาต้นนี้เป็นเสาที่พิเศษ เพราะเป็นเสาไม้ตะเคียนเป็นที่สิงสถิตของนางไม้ นามว่า “องค์หญิงสาวิตรี” ซึ่งสามารถอธิษฐานขอโชคขอลาภได้



    a.jpg


    เสาตะเคียนที่มีนางไม้ อายุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ออกจากวัดภุมรินทร์กุฎทองเป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ ตั้งจุดหมายต่อไป คือวัดบางกุ้ง วัดนี้เคยคิดจะมาตั้งนานแล้วเพราะมีจุดเด่นคือพระอุโบสถปรกโพธิ์ คลับคล้ายคลับคลาว่าใครเลยลงไว้ในกระทู้แล้วจำไม่ได้ แต่ก่อนจะถึงวัดบางกุ้ง ก็จะผ่านวัดบางแคใหญ่ วัดบางแคน้อย และวัดต่างๆ อีกหลายวัดที่จดรายชื่อวัดไว้ว่าจะไป ก็คงไม่ได้เข้าแล้วหล่ะ เวลามีไม่พอ ก็ตรงไปวัดบางกุ้งเลย....



    [​IMG]

    วัดบางกุ้ง
    เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปีพ.ศ. ๒๓๐๘ กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงทรงมีพระราชดำรัสสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตก หลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ค่ายบางกุ้งก็ตกอยู่ในสภาพค่ายร้าง


    [​IMG]


    เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีแล้ว โปรดให้ชาวจีนรวบรวมสมัครพรรคพวกมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่ายเก่าที่บางกุ้ง จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง” ในปี พ.ศ.๒๓๑๑ หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาไปประมาณ ๘ เดือน กองทัพพม่านำโดยเจ้าเมืองทวายยกทัพบกและทัพเรือลงมาล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้ ทหารจีนที่รักษาค่ายบางกุ้งสู้รบอย่างเต็มที่แต่มีกำลังน้อยกว่าเกือบจะเสียค่ายแก่พม่า กรมการเมืองสมุทรสงครามจึงมีหนังสือกราบทูลไปยังกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทราบจึงยกกองทัพมาตีทัพพม่าแตกพ่ายไป และต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๑๗ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกกองทัพเรือนำทหารไปออกศึกที่บางแก้ว เมืองราชบุรี ในระหว่างการเดินทางได้หยุดกองทัพพักพลเสวยพระกระยาหารที่วัดกลางค่ายบางกุ้ง


    หลักฐานโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระอุโบสถก่ออิฐถือปูนปัจจุบันถูกต้นไทรขึ้นปกคลุมทั้งหลังหน้าบันของพระอุโบสถ มีปูนปั้นลวดลายพันธุ์พฤกษาประดับด้วยเครื่องถ้วยซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย



    [​IMG]

    ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย สลักจากหินทรายแดง แสดงปางมารวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” ที่ฝาผนังของพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพระพุทธเจ้า และภาพพุทธประวัติ นอกจากนี้ยังมีสระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดความกว้างประมาณ ๕ เมตร ความยาว ๗ เมตร ที่ขอบสระมีกำแพงเตี้ยกั้น และกรุด้วยอิฐถือปูนลักษณะสอบลงไป ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดบางกุ้งเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙


    ที่วัดบางกุ้งนี้มีศาลอยู่ทางด้านหลัง โดยมีชื่อว่า "ศาลนางไม้เจ้าจอม" หรือศาลขององค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ มีคนให้ความเคารพนับถือกันมาก

    ศาลมีประวัติความเป็นมาดังนี้
    ศาลนางไม้เจ้าจอม วัดบางกุ้ง (ข้อมูลนี้ได้มาจากนิตยสารมิติหลอน เล่าโดยร.ศ. หญิงพจน์ฤดี ข้าราชการสังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข)

    เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๑ บริเวณวัดเป็นป่ารกร้าง พระวินัยธร องอาจอาริโย ได้เดินธุดงค์มาที่บริเวณวัดบางกุ้ง ปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่ข้างอุโบสถหลวงพ่อนิลมณีหรืออุโบสถปรกโพธิ์ ซึ่งเงียบสงบเหมาะแก่การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานฐาน ท่านได้เดินสำรวจบริเวณวัดซึ่งทราบมาบ้างว่า วัดนี้เคยเป็นค่ายทหารจีนบางกุ้งสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานีมาก่อน ยามดึกขณะเจริญกรรมฐานมักจะเกิดนิมิตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดไทยโบราณมากราบไหว้หลวงพ่อนิลมณีหน้าอุโบสถปรกโพธิ์เป็นประจำ มีลักษณะผอมสูงผมยาวใบหน้างาม แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร ต่อมาไม่นานเสาคานที่หน้าอุโบสถหล่นตกลงมาพิงอยู่ข้างอุโบสถ คืนนั้นเองท่านได้นิมิตเห็นผู้หญิงชุดไทยคนเดิมมาบอกให้นำไม้ท่อนนี้มาไว้ที่หลังอุโบสถแล้วให้สร้างศาลด้วยท่านก็ทำตามโดยให้ชาวบ้านช่วยกันนำไม้มาไว้หลังอุโบสถแล้วสร้างศาลให้ตามคำขอร้อง และนำไม้ท่อนนั้นแกะสลักเป็นรูปหน้าผู้หญิงไม่มีแขนขาไว้ภายในให้ชื่อว่า “ศาลนางไม้เจ้าจอม” ผู้คนให้ความเคารพนับถือกันมากเพราะมีความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารแก่ผู้คนอยู่เสมอ



    [​IMG]


    ต่อมาพระวินัยธรฯ ได้ฟื้นฟูวัดบางกุ้งร่วมกับประชาชนจนเป็นวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง ผู้หญิงแต่งกายชุดไทยโบราณมาปรากฏในนิมิตอีกได้บอกว่าเป็นองค์หญิงนามว่า “องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า)”ต้องการให้สลักรูปองค์หญิงจากไม้ต้นโพธิ์ซึ่งมีอายุประมาณ ๑๐๐ ปีโดยขอร้องให้แกะสลักทั้งองค์ หลังจากนั้นท่านได้ปรึกษาหารือญาติโยมหาช่างแกะสลัก โดยนายช่างคิดราคาค่าแรง ๘๐,๐๐๐ บาท เมื่อตกลงราคากันแล้วพอช่างจะลงมือแกะสลักกลับไม่รู้ว่าจะแกะสลักเป็นรูปองค์แบบใด เพราะไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาองค์หญิงมณฑาทิพย์มาก่อนทำให้แกะสลักไม่ได้ เมื่อการเป็นดังนี้ท่านเจ้าอาวาสจึงลงมือแกะสลักเองทั้งที่ไม่เคยแกะสลักไม้รูปใดๆ มาก่อนเลย การแกะสลักไม้เป็นรูปคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ท่านได้ใช้ความพยายามอย่างสูงแกะสลักแบบที่เห็นองค์หญิงในนิมิต เหมือนมีอำนาจอย่างหนึ่งมาดลบันดาลให้แกะได้สำเร็จ สลักอักษรไว้ที่ฐานว่า “องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า)”


    ภายหลังพระวินัยธร องอาจอาริโย พบหนังสือ “กฎแห่งกรรม” ของคุณ ท.เลียง พิบูรณ์ เข้าโดยบังเอิญพบเห็นเรื่องราวขององค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๒๙๑ เช่นเดียวกับที่เคยนิมิตเห็นน่าจะเป็นองค์เดียวกัน มีเนื้อหาดังนี้ “องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) เกิดเมื่อปลายปีกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.๒๒๙๑ เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างสมัยพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) กับพระเจ้าสุริยามรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) องค์หญิงเป็นบุตรตรีของกรมหลวงบวรวังในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ บ้านเมืองมีเหตุเดือดร้อนมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงผู้ใดประจบสอพลอผู้นั้นจะได้เป็นใหญ่ทั้งที่ไร้ความสามารถ ผู้ครองแผ่นดินได้แต่ลุ่มหลงและเสพสุขในกามา หากใครมีบุตรีต้องนำตัวมาถวายใครขัดขืนจะถูกประหารชีวิต เหลืออยู่ก็แต่กรมหลวงบวรวังในที่ท่านไม่ยอมข้องเกี่ยวกับการเมืองแต่อย่างใด ไม่คบค้าสมาคมกับใคร เมื่อบุตรีเติบโตเป็นสาวให้แต่งตัวเป็นชายพร้อมทั้งข้าทาสบริวารที่เป็นหญิง ๓๐๐ คน เป็นชายอีก ๑๖ คน จัดให้ฝึกอาวุธเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว เช่น ฟันดาบ กระบี่กระบอง หมัดมวย ตำราพิชัยสงคราม องค์หญิงเชี่ยวชาญอาวุธตลอดจนเวทมนตร์คาถา มีความสามารถด้านวิชาอาคมยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน เมื่อกรุงศรีอยุธยาถูกข้าศึกพม่ายกกองทัพประชิดเมือง ผู้เป็นบิดาสั่งให้บ่าวไพร่ต่อเรือใหญ่ ๓๐ ลำ เรือเร็ว ๑๐ ลำ เรือแจว ๒๐ ลำ พร้อมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร อุปกรณ์การก่อสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ลงด้วยอาคมพร้อมเรือคุ้มกันองค์หญิง ซึ่งแต่งกายเป็นชายเยี่ยงชายชาวบ้านธรรมดาหลบหนีออกจากกรุงตอนกลางคืน แต่บิดามิได้มาด้วย กองเรือได้ล่องน้ำมาเป็นระยะเวลา ๓ วัน พบกองเรือพม่าบรรทุกกระสุนดินดำ จึงสั่งให้พลพรรคเข้าโจมตีตอนเวลาดึก จึงเกิดไฟลุกโชติช่วงฆ่าทหารพม่าซึ่งกำลังหลับเพราะเมามายแทบหมดสิ้น จนรุ่งเช้าพม่าส่งกำลังติดตาม องค์หญิงสั่งให้กองกำลังหลบตามป่าชายฝั่งแล้วร่ายเวทมนตร์กำบังพรางตาจนพม่าพ้นไป กองเรือหนีเล็ดรอดไปได้อย่างปลอดภัย แล้วหาทำเลสร้างเมืองเล็กๆ อยู่



    [​IMG]


    เมื่อคราวศึกบางกุ้งองค์หญิงได้คุมกำลังเข้าช่วยรบพม่าเป็นสามารถจนได้รับชัยชนะ เมื่อสิ้นอายุขัยดวงวิญญาณยังผูกพันกับวัดบางกุ้งยังคงวนเวียนอยู่ที่ศาลคอยแผ่บารมีให้ความช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนที่มาขอพึ่งพา


    เรื่องความเป็นมาขององค์หญิงมณฑาทิพย์นับว่าพิสดารมากความศักดิ์สิทธิ์ของศาลองค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) เป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไปใครมีเรื่องทุกข์ร้อนอย่างไรมาบนบานในสิ่งที่ต้องการมักไม่ผิดหวัง เป็นต้นว่าเรื่องหน้าที่การงาน การสอบเข้างาน การสอบเรียน และทางด้านโชคลาภ มีคนได้เลขไปเสี่ยงโชคแล้วรวยมีปรากฏอยู่เสมอ แต่อย่าบนเรื่องเกณฑ์ทหารนะใครไปบนให้ช่วยแน่นอนรับรองถูกชัวร์ เพราะท่านชอบทหารที่มีเลือดนักสู้เต็มตัวเมื่อมีชีวิตอยู่


    องค์หญิงมณฑาทิพย์ (จันทร์เจ้า) จึงได้ชื่อว่า “เจ้าหญิงผู้หาญกล้า” รักชาติยิ่งชีพ แม้ร่างกายสูญสลายแต่วิญญาณแห่งความรักชาติยังคงอยู่ตราบนิรันดร ควรแก่การสรรเสริญยิ่ง



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    วัดบางกุ้งก็เป็นวัดสุดท้ายสำหรับการไปไหว้พระในครั้งนี้ เพราะหมดแรงแล้ว แต่ก่อนจะกลับก็ต้องไปแวะดอนหอยหลอดตามระเบียบ เมื่อไปถึงดอนหอยหลอด น้ำทะเลลงมองเห็นแต่พื้นดินโคลนไกลสุดลูกหูลูกตา จอดรถเสร็จสรรพ ก็ไปไหว้หลวงปู่ศุขกับกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ก่อน และซื้ออาหารทะเลกลับบ้าน ถึงบ้านห้าโมงกว่าๆ ... เป็นอันจบการไหว้พระสำหรับครานี้ ไหว้พระได้แค่ ๔ วัด เพราะตื่นสายและไม่ได้วางแผนไว้ ฉะนั้นถ้าจะไปไหว้พระ ๙ วัด ที่จังหวัดสมุทรสงครามครั้งต่อไปต้องวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าและตื่นแต่เช้า.....



    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ........................................



    ท้ายสุดนี้ กุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้
    ข้าพเจ้าขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
    คุณบิดาคุณมารดา วงศาคณาญาติทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์
    เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์ เจ้านายพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
    เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่
    ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย
    คุณแม่พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ
    ภูมิเจ้าที่ พระพิรุณ พระยายมราช พระสยามเทวาธิราช
    หลักเมือง เสื้อเมือง ทรงเมือง
    ตั้งแต่ชั้นจตุมหาราชิกาจนถึงเบื้อบนพรหมมา
    เบื้องล่างตั้งแต่อเวจีขึ้นมาจนถึงมนุษยโลก
    โดยรอบสุดขอบจักรวาล อนันตจักรวาล
    เทวดารักษาตัวของข้าพเจ้า เจ้ากรรมนายเวร
    บริวารของข้าพเจ้า
    สัตว์โลก วิญญาณโลก และวิญญาณทุกดวงในสถานที่ที่ข้าพเจ้าได้ไปเยือน
    ด้วยกุศลนี้คำว่าไม่มีจงไม่บังเกิดแก่ข้าพเจ้า
    จงเป็นเหตุปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้พบพระพุทธเจ้า
    และศาสนาของพระองค์ในทุกๆ ชาติ
    ให้ข้าพเจ้าได้ละอายและเกรงกลัวต่อบาป
    หมดซึ่งกิเลสและตัณหา
    จนถึงพระนิพพานเป็นที่สุด



    ........................................​




    ที่มาของข้อมูล


    วัดเพชรสมุทรวรวิหาร
    หลวงพ่อบ้านแหลม
    www.maeklongtoday.com/tour/watphechsamut.php
    www.moohin.com/108tripsboon/108trips003c018.shtml
    www.itti-patihan.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A1.html



    วัดบางกะพ้อม
    หลวงพ่อคง ธมฺมโชโต
    �ѧ��Ѵ��ط�ʧ���� ��ط�ʧ����,��������,��Ҵ���,ʶҹ�����ͧ������,˹�觵Ӻ�˹�觼�Ե�ѳ��,Otop,���ºҧ����,�ط�ҹ�.2,�Ҿ����,ອ�ç��,������,�͹�����ʹ,��ع���,��������,�����ͧ,
    www.itti-patihan.com/pra15.php
    �ҶҺ٪� ��ǧ��ͤ� �Ѵ�ҧ�о���
    dharmalive.isgreat.org/index.php?topic=612.0



    วัดภุมรินทร์กุฎีทอง
    www.paiduaykan.com/76_province/central/samutsongkhram/kudeetong.html
    www.banplatabtimresort.com/index.asp?autherid=124&ContentID=10000024&title=%C7%D1%B4%C0%D8%C1%C3%D4%B9%B7%C3%EC%A1%D8%AE%D5%B7%CD%A7+%CD%D1%C1%BE%C7%D2&bttcol=True


    วัดบางกุ้ง
    th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87



    ภาพโดย สร้อยฟ้ามาลา
    เรียบเรียงเรื่องราวโดย สร้อยฟ้ามาลา



    .......................





    [​IMG]






    ..............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]

    วั ด เ พ ช ร ส มุ ท ร ว ร วิ ห า ร​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]



    วั ด เ พ ช ร ส มุ ท ร ว ร วิ ห า ร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]




    วั ด เ พ ช ร ส มุ ท ร ว ร วิ ห า ร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]



    วั ด เ พ ช ร ส มุ ท ร ว ร วิ ห า ร​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]


    ห ล ว ง พ่ อ บ้ า น แ ห ล ม​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]

    พระพิฆเนณศร์ ภายในพระอุโบสถวัดเพชรสมุทรวรวิหาร​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]



    วั ด เ พ ช ร ส มุ ท ร ว ร วิ ห า ร​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]


    วั ด เ พ ช ร ส มุ ท ร ว ร วิ ห า ร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...