.oO เรื่องสั้น ปั้นแต่ง Oo.

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 22 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    เรื่องที่ ๑๒

    โขนหน้าไฟ

    [​IMG]

    [​IMG]


    วันเสาร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๒ สร้อยฟ้ามาลาต้องเดินทางไปจังหวัดอ่างทองเพื่อร่วมไว้อาลัยและร่วมส่งดวงวิญญาณของคุณครูพูนสุข ภูทอง อดีตข้าราชการครู ซึ่งถือได้ว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    สร้อยฟ้ามาลาเดินทางออกจากจังหวัดนนทบุรี เวลา ๑๓.๕๕ น. ถึงวัดที่จังหวัดอ่างทองเวลาประมาณ ๑๔.๔๕ น.(ขับรถเร็วไปหน่อย) ที่ต้องรีบทำเวลาเพราะกำหนดการฌาปนกิจเวลา ๑๖.๐๐ น. ซึ่งเมื่อวานก็เดินทางมาฟังสวดพระอภิธรรมใช้เวลาเดินทางร่วม ๒ ชั่วโมง แต่มาคราวนี้ไม่ถึงชั่วโมงขาดไป ๕ นาที


    [​IMG]


    พอมาถึงก็จ๊ะเอ๋กับรถของคณะโขนที่จะมาแสดงหน้าไฟ ด้วยความมือคัน เลยถ่ายภาพมาหลายภาพ เมื่อเสร็จจากงานกลับมายังบ้าน จึงตั้งคำถามกับตัวเองว่า การแสดงโขนหน้าไฟในงานศพ มีกี่อย่าง เป็นมาอย่างไร แล้วเลยนึกย้อนไปตอนยังเด็กในงานพระราชทานเพลิงศพของคุณยายก็มีงานแสดงโขนหน้าไฟ การรำหน้าไฟ และหนังกลางแปลงเหมือนกัน และในงานศพแต่ละงานที่เคยพบมาการแสดงหรือการละเล่นก็มักจะไม่พ้นต้องมี ลิเกบ้าง ลำตัดบ้าง การฟ้อนรำบ้าง หนังกลางแปลงบ้าง และโขน ถ้างานไหนมีการแสดงโขนก็นับว่าเป็นงานใหญ่ทีเดียว ซึ่งโขนหน้าไฟที่ไปค้นคว้ามาได้ จะมี....


    [​IMG]


    [​IMG]


    โขนพากษ์ จะสวมหัวมิดชิดและใช้คนพากษ์แทน ตัวผู้แสดงก็จะร่ายรำไปตามบทกลอนหรือบทพากษ์ผู้ชมก็จะดูการร่ายรำและฟังเสียงพากษ์ที่ไพเราะ จะพบก็เวลามีงานศพของผู้มีฐานะหรือพอจะมีหน้ามีตากับเขาอยู่บ้าง


    [​IMG]


    [​IMG]



    โขนสดหรือโขนพูด ผู้แสดงจะทั้งร้องและร่ายรำเองดูกระฉับกระเฉงทะมัดทะแมงทันใจผู้ชมโขนชนิดนี้ผู้ใหญ่บอกว่าเวลาสร้างเวทีให้ปูด้วยไม้กระดานหลายๆแผ่นเรียงกันแต่ห้ามตอกตะปูเพราะเวลาผู้แสดงกระทืบเท้าตอนลิงกับยักษ์มาพบกันน่ะเสียงมันช่างดังดีแท้


    [​IMG]


    โขนชักลอก พบได้ในโขนทั้งสองอย่างที่เอ่ยมา โดยเฉพาะตอนนางลอย กับตอนที่จะต้องเหาะไปรบกันบนฟากฟ้า ผู้แสดงก็จะต้องถูกเอาเชือกมามัดโยงและชักลอกขึ้นแกว่งไปมาเพื่อให้ดูสมจริงสมจังต่อมาคงอาจเพราะกลัวว่าผู้แสดงจะเป็นอันตรายจึงใช้วิธีเลื่อนฉากหรือเปลี่ยนฉากแทน


    โขนหน้าไฟ จะเป็นการแสดงโขนในช่วงสั้นๆ ของพิธีเผาหลอกในตอนเย็นเพื่อให้ผู้มาร่วมงานศพได้ชมพอหอมปากหอมคอก่อนที่จะมีพิธีเผาจริงในตอนดึกหากติดใจก็มาชมเป็นเรื่องเป็นตอนในยามค่ำคืนตกประมาณสี่ทุ่มก็จะมีพิธีเผาจริง เจ้าภาพก็จะจุดพลุ พุ่มดอกไม้ ตะไล และไฟพะเนียงเพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย


    [​IMG]


    ปัจจุบันไม่ค่อยพบโขนชักลอกและโขนหน้าไฟบ่อยนักจะมีก็เพียงแต่ "โขนวิ่งลอกหน้าไฟ" เวลามาแสดงก็จะมาพร้อมกับรถตู้มีผู้แสดงสองถึงสามคนลงมาร่ายรำโดยจับเอารามเกียรติ์ตอนใดตอนหนึ่งแบบย่อๆมาร่ายรำพอเป็นพิธีเสร็จก็จากออกไปข้างๆเมรุ รับเงินค่าจ้างแล้วก็ขึ้นนั่งรถตู้เพื่อไปงานอื่นต่อช่วงที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเจ้าภาพที่จะดำเนินการตามแบบประเพณีไทยเพื่อเป็นการระลึกถึงและแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้วายชนม์ ซึ่งโขนที่สร้อยฟ้ามาลาชมอยู่ในงานศพครั้งนี้ก็เป็นแบบนี้ หลายคนที่มางานศพต่างก็ให้ความสนใจและตีวงเข้ามาดูกัน เมื่อโขนแสดงจบแล้วก็จบกัน แต่ดูแล้วลองถามตัวเองว่าได้อะไรกลับมา ทุกครั้งที่แสดงจบก็จบด้วยความสนุกสนาน ตอนจบก็ไม่พ้นยักษ์ตาย หรือไม่ก็นางสีดาได้อยู่กับพระราม หรือไม่ก็หนุมานเกี้ยวนางเบญจกายสำเร็จ

    [​IMG]


    [​IMG]

    ลองมองทะลุไปที่ฉากหลังของการแสดงสิ นั่นอย่างไรความตายตั้งอยู่เห็นๆ แต่ฉากหน้าที่เห็นคือการแสดงที่สนุกสนาน....ช่างเพลินดีแท้ ละครชีวิต



    ข้อมูลจาก : พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ : ศาสตราจารย์น.อ.สมภพภิรมย์ ร.น.ราชบัณฑิตพิมพ์ที่อมรินทร์การพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๒๘
    : งานพระเมรุมาศสมัยรัตนโกสินทร์โดยนายยิ้ม ปัณฑยางกูรและคนอื่นๆ กรุงเทพ ๒๕๒๘


    บทความและเรียบเรียงโดย : สร้อยฟ้ามาลา
    ภาพถ่ายโดย : สร้อยฟ้ามาลา

    ขออุทิศผลบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมาแก่คุณครูพูนสุข ภูทอง แม่พิมพ์ของชาติ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    เรื่องที่ ๑๓

    เที่ยวกระจายบุญ(บรรยากาศแห่พระบรมสารีริกธาตุ)

    กระทู้นี้ไม่เชิงเป็นกระทู้เที่ยว ถือว่าเป็นกระทู้เที่ยวกระจายบุญก็แล้วกัน อิ อิ
    (ก็สร้อยฟ้าฯ ไม่รู้จะไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดไหน อยากตั้งที่บอร์ดท่องเที่ยวของคุณบุษบาฯ อ่ะ
    คุณบุษบาฯ จะย้ายกระทู้เค้าไปที่อื่นหรือเปล่าอ่ะ)


    พอดีสร้อยฟ้ามาลา ตาเป็นสับปะรดได้ยินข่าวว่าจะมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน ณ วัดรางบัว แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในวันจันทร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๒ โดยทราบกำหนดการว่า เวลา ๑๓.๐๐ น. ประธานรัฐสภาได้มอบพระบรมสารีริกธาตุให้กับวัดรางบัว และจะตั้งขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุมาตามถนนเพชรเกษม โดยจะมาถึงวัดเวลาประมาณ ๑๕.๓๐ น. ซึ่งในครั้งนี้ก็ยังได้ทราบว่ามีวัดหลายๆ แห่งทั่วกรุงเทพมหานครที่ได้รับพระบรมสารีริกธาตุ แต่จะมีวัดใดบ้างนั้น สร้อยฟ้ามาลาไม่ทราบ


    [​IMG]


    [​IMG]
    เด็กๆ มัธยมแต่งตัวชุดไทยถือพานพุ่ม ตอนนี้กำลังรอรถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ


    [​IMG]
    เห็นคนพับดอกบัวแล้วพาดบ่าไว้ เลยนึกถึงกระทู้ของเอ่อ ของใครนะที่ตั้งไว้กล่าวถึงวิธีการพับ แต่สร้อยฟ้ามาลาพับไม่เป็น ก็ได้กระทู้นี้แหล่ะสอนพับ ก็อนุโมทนากับผู้ตั้งกระทู้ด้วย



    [​IMG]
    ดอกบัวเล็กไปหน่อย ไม่สำคัญ สำคัญที่การตั้งจิตสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่กำลังจะเดินทางมาถึง



    [​IMG]
    คุณตาพาหลานออกมารอขบวนแห่ที่จะมาถึง นี่หล่ะความงดงามของสายสัมพันธ์ในครอบครัว ที่ควรจะมีในสังคมปัจจุบัน


    [​IMG]
    พระสงฆ์นั่งคอยขบวนรถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่จะเดินทางมาถึงเพื่อตั้งกระบวนแห่



    [​IMG]
    ชาวบ้านที่ทราบข่าวก็มาร่วมกันเพื่อรอรับ และนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ


    [​IMG]
    และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง วงโยธวาทิต นำขบวนแห่ น่าจะเป็นของโรงเรียนวัดรางบัว


    [​IMG]
    ตามมาด้วยขบวนเชิญธงของเหล่า เนตรนารี พร้อมป้ายพระชาสัมพันธ์



    [​IMG]



    [​IMG]
    ตามด้วยเหล่านางฟ้า อัญเชิญพานพุ่มสักการะ


    [​IMG]
    และนักเรียนเชิญพานพุ่มดอกไม้ ตามมาติดๆ


    [​IMG]
    แล้วก็แตรวง เสียงดังสนั่น หูอื้อเลย คุณป้าชุดเขียวนี่เต้นไม่มีเหนื่อย...


    [​IMG]
    ถ่ายให้ดูนางฟ้าเชิญพานพุ่มอีกครั้ง พอดีเขาตั้งกระบวนใหม่อีกที ยังไม่เรียบร้อย พี่ที่ทำงานฉุดมือสร้อยฟ้ามาลาให้ช่วยเก็บภาพ เด็กๆ ให้หน่อย...



    [​IMG]
    รถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาถึงแล้ว กำลังจะเลี้ยวเข้าซุ้มประตูวัด


    [​IMG]
    ทุกสายตาต่างชะเง้อจับจ้องไปที่รถอัญเชิญ ความศรัทธาของชาวพุทธยังมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย



    [​IMG]
    ใกล้เข้ามาแล้ว


    [​IMG]


    [​IMG]
    พระบรมสารีริกธาตุ บรรจุอยู่ในเบญจรงค์น้ำทอง ตั้งบนบุษบกฉลุลายด้วยหยวก...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]
    ตามมาด้วยพระสงฆ์ วัดรางบัว


    [​IMG]


    [​IMG]
    แล้วก็แตรวง (ลำดับภาพผิดคิวไปหน่อย)


    [​IMG]



    [​IMG]
    ตอนนี้สร้อยฟ้ามาลาเดินตามขบวนรั้งท้าย ก็เก็บภาพของ ชาวบ้านที่ต่างก็ตั้งโต๊ะหมู่บูชากันหน้าบ้าน ถือเป็นมงคลดียิ่ง...


    [​IMG]


    [​IMG]
    ตอนนี้กำลังจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงจากรถ เพราะต้องเดินข้ามสะพานโค้งข้ามคลองภาษีเจริญซึ่งรถยนต์ขึ้นไม่ได้ ทุลักทุเลกันนิดหน่อย


    [​IMG]
    อีกฝั่งหนึ่งของสะพานซึ่งเป็นลาน จะเรียกว่าลานวัดได้หรือเปล่าไม่รู้ เพราะไม่ทราบว่าเป็นที่ของวัดหรือเปล่า แต่ก็เป็นลานกว้างๆ สำหรับจอดรถ คนเยอะมากๆ



    [​IMG]



    [​IMG]
    ตอนนี้กระบวนแห่มาถึงพระอุโบสถแล้ว



    [​IMG]


    [​IMG]
    ตอนเวียนทักษิณาวัตรรอบพระอุโบสถนี้


    [​IMG]
    แต่สร้อยฟ้ามาลาไม่เข้าไปเวียนกับเขาด้วย คนเยอะมากๆ พระอุโบสถหลังใหญ่ๆ แคบไปถนัดใจเลย


    [​IMG]
    บริเวณลานพระอุโบสถจะมีวงดนตรีไทยของโรงเรียนวัดอ่างแก้วมาร่วมขับกล่อมด้วย....



    [​IMG]
    เห็นเด็กๆ ตีขิม แล้วมือไม้คัน อยากตีกับเขาบ้าง...



    [​IMG]
    ความงดงามของพระอุโบสถ


    [​IMG]


    [​IMG]



    พอเวียนทักษณินาวัตรเสร็จแล้วก็อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานในพระอุโบสถ จำนวน ๒๕ องค์ ประธานฝ่ายฆารวาสจุดธูปเทียนสักการะ ประธานฝ่านสงฆ์ให้ศีล สวดพระพุทธมนต์ ธรรมจักกัปวตนสูตร
    จากนั้นถวายไทยธรรมแก่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา ก็เสร็จพิธี

    ซึ่งในส่วนพิธีการในพระอุโบสถนี้สร้อยฟ้ามาลาไม่ได้เข้าไปเก็บภาพ เพราะเป็นแขกไม่ได้รับเชิญแล้วก็มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้นเลยไม่กล้าเข้า...

    บอกเลยว่า ขณะที่เห็นรถอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาไกลๆ ยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอเคลื่อนมาใกล้ๆ รู้สึกเกิดความปิติ น้ำตาจะไหล...


    [​IMG]


    [​IMG]
    คุณป้าเสื้อเขียว คุณป้าบอกว่าไปงานไหนมีแต่คนขอถ่ายรูป คุณป้า แกน่ารักนะ



    [​IMG]


    [​IMG]ฝากฝากนางฟ้า(เด็กๆ) ไว้อีก ๒ รูป



    ...................................................



    ลืมบอกไปอีกอย่าง ในการแห่พระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ มีผู้ใจบุญนำดอกบัวมามอบให้แก่คนทั่วไปที่ไม่ได้นำดอกไม้มา
    [​IMG]


    สุดท้ายนี้อันกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรมคุณพระสงฆ์ คุณบิดาคุณมารดา วงศาคณาญาติ คุณครูบาอาจารย์ เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย คุณแม่พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ พระยายมราช เจ้ากรรมนายเวรและขอให้ผลบุญจงได้สำเร็จผลแด่เพื่อนๆ สมาชิกในเว็ปพลังจิต ทุกท่าน


    <EMBED height=80 type=application/x-shockwave-flash width=315 src=http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=1&songID=V24EEF74PA0 wmode="transparent" scale="noscale">


    [​IMG]
    .....................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    เรื่องที่ ๑๔

    สร้อยฟ้ามาลาพาเที่ยว ตอน ๑ วัน ๓ วัด ณ นนทบุรี

    ห่างหายไปนานร่วมเดือน ที่ไม่ได้ไปซนจริงๆ จังๆ ที่ไหนเลย พอดีได้รับสาส์นจากพี่พิชชี่ ว่าคุณครูอำนวยกรณ์พร้อมคณะมาเข้าค่ายอบรมธรรมะ ณ เสถียรธรรมสถาน ในวันที่ ๑๒ – ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ (ใช่หรือเปล่าจำกำหนดวันไม่ได้) หลังจากนั้นคุณครูอำนวยกรณ์ก็ขอแยกทางจากคณะมาตระเวนพบปะเพื่อนๆ น้องๆ ที่กรุงเทพมหานคร โดยจะอยู่ที่กรุงเทพมหานคร วันที่ ๑๖ – ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ และเดินทางกลับตอนเย็นโข คุณครูอำนวยกรณ์และพี่พิชชี่เลยนัดสร้อยฟ้ามาลาและแมงปอแก้ว ไปทานส้มตำกันแถวๆ ซอยรางน้ำ ใกล้ๆอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีเจ้าภาพคือ คุณหนู BNBK ในเย็นวันศุกร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ ระหว่างทานก็มีสมาชิกมาสมทบอีกหนึ่งท่านคือคุณพี่ K.JIT ดีใจจังได้รู้จักหน้าคร่าตาหลังจากที่ได้คุยกันในเว็ปพลังจิต พี่หนู BNBK นี่น่ารักและคุยสนุก แต่พอพี่ K.JIT มาสมทบนี่อืม.... แย่งพูดกันไม่ทันเลยอ่ะ คุยเก่งจัง มันส์ๆขำๆ ดี สร้อยฟ้าฯ ก็เป็นคนคุยไม่เก่งนั่งฟังอย่างเดียว ก็ขอขอบคุณอย่างสูงในน้ำใจไมตรีที่เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารในมื้อค่ำยามฝนโปรยปราย ณ กลางกรุง เจ้าค่ะ

    หลังจากทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายกับกลับบ้าน พี่พิชชี่ได้ให้สร้อยฟ้ามาลาช่วยพาไปทัวร์ยังวัดต่างๆ ในจังหวัดนนทบุรี ในวันเสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ โดยโปรแกรมให้สร้อยฟ้าฯ คิดเองว่าจะพาไปไหน


    วันรุ่งขึ้น.... วันเสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ เมื่อคืนสร้อยฟ้าฯ นอนดึก แต่ตื่นไม่สายนะ โปรแกรมยังไม่ได้คิดเลยว่าจะไปไหน ๐๙.๓๐ น. นัดเจอกันที่กระทรวงศึกษาธิการ การไปซนครั้งนี้ก็มี คุณครูอำนวยกรณ์ คุณพี่พิชญ์ คุณสร้อยฟ้ามาลา คุณแมงปอแก้ว และเพื่อนนอกเว็ปของแมงปอแก้วอีกหนึ่งคน กองทัพต้องเดินด้วยท้องยังไม่มีใครทานข้าวเช้าเลย นอกจากคุณครู คุณครูในฐานะเจ้าถิ่นเลยพาคณะไปทานอาหารข้างๆ ซอยในกระทรวงฯ


    [​IMG]
    ข้าวมันไก่จ้า


    ระหว่างนั้นก็ทานกันไปคุยกันไป คุณครูติ๋งบอกว่า นี่เธอเมื่อคืนพี่นอนดึกมัวแต่คุยกับเพื่อนในเว็ปอยู่ พอนอนก็นอนได้ไม่สนิทเพราะกลัวผี (อิ อิ คุณครูกลัวผี) เอาพระมากำไว้ในมือสองข้างเลย (ขำ ขำ) พอใกล้รุ่งสาง พระหลุดจากมือ เจอเลย มากวนพี่อีกแล้ว (ฮา ฮา) พอแระ ไม่เล่าแระเดี๋ยวครูว่าเอา แต่ขำดี


    [​IMG]
    ร้านกาแฟ


    [​IMG]
    บรรยากาศของร้าน


    ทานเสร็จสร้อยฟ้ามาลาง่วงมากเพราะนอนดึก เลยไปหากาแฟในกระทรวงฯ ทาน การจัดร้านกาแฟจัดได้น่ารัก สวยดี ดูบรรยากาศน่านั่ง แต่คณะของเราไม่มีเวลานั่งแล้ว ต้องรีบไป เดี๋ยวไม่ได้เที่ยว เอ้าขึ้นรถจ้า


    ระหว่างเดินทาง แมงปอแก้ว ก็คุยกับคุณครูว่า จะไปที่ไหนกันดี จากนั้นก็แชร์ความคิด มติออกมาว่า ที่แรกที่จะไปคือวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ที่แห่งที่สองที่จะไป ก็คือ..... ไม่บอกตอนนี้ดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนๆ ไม่ติดตามต่อ เพราะว่า เบื่อ สร้อยฟ้ามาลา โม้ มากไปหน่อย

    และแล้วก็มาถึงวัดกาญจนาบรมราชาภิเษก เวลาประมาณเกือบ ๑๑ โมงได้มั้ง พอดีสร้อยฟ้าฯ นึกถึงพี่อ้อ สายฝนฉ่ำเย็น ซึ่งบ้านอยู่แถวๆ นั้น กะว่ามื้อกลางวันจะไปทานไข่เจียว แต่พี่อ้อไม่อยู่ไปงานกฐินแถวๆ ปากเกร็ด เลย อด เลย

    ข้าวไข่เจียว ข้าวไข่เจียว......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์

    พอดีรายละเอียดของวัดแห่งนี้ สร้อยฟ้ามาลา เคยตั้งกระทู้ไว้แล้วที่ กระทู้ชื่อ สร้อยฟ้ามาลาพาไปงานวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ เลยไม่ขอเล่ารายละเอียดของวัด แต่จะเล่าเรื่องความเป็นมาของคณะสงฆ์นิกายจีนแทน นะจ๊ะ เพราะวัดบรมราชากาญจนภิเษกอนุสรณ์ ก็เป็นวัดหนึ่งในประเทศไทยที่อยู่ในนิกายนี้


    [​IMG]
    ซุ้มประตูหน้าวัด


    คณะสงฆ์นิกายจีน
    ความสัมพันธ์ ไทย - จีน


    ในพงศาวดารสมัยราชวงศ์หงวน ปีพ.ศ. ๑๘๓๗ จักรพรรดิกุบไลข่าน ส่งราชทูตมาเจริสัมพันธไมตรีกับไทย ปีต่อมา ไทยจึงส่งราชทูตไปเจริญไมตรีเช่นกัน ตั้งแต่นั้นมา การติดต่อทางการทูตและค้าขายในระหว่างสองประเทศ เจริญขึ้นเป็นลำดับ และก็เจริญยิ่งขึ้นในสมัยต้นยุคกรุงศรีอยุธยา คือปลายราชวงศ์หงวนและต้นราชวงศ์เหม็ง


    ชาวจีนที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน และลัทธิขงจื้อกับลัทธิเต๋าปนกันไป ในสมัยกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา ยังไม่ปรากฎว่ามีวัดและ พระสงฆ์ฝ่ายจีนขึ้นน่าจะมีเพียงศาลเจ้าเทวาลัยจีนเท่านั้น

    สมัยอยุธยาชาวจีนได้อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระมหากษัตริย์ไทยมากขึ้น ทรงมีพระมหากรุณาพระราชทานบริเวณที่ดินหลายแห่งทั้งในเมืองและนอกเมือง เป็นที่ตั้งภูมิลำเนาของชาวจีนในประเทศไทยเช่น ตำบลสวนพลูด้านทิศใต้ของวัดพนันเชิง และในกำแพงพระนครอีกหลายแห่ง ดังปรากฏในจดหมายเหตุว่าด้วยแผนผังกรุงศรีอยุธยา เมื่อยังเจริญรุ่งเรืองตอนหนึ่งว่า “...ย่านนายก่ายเชิงสะพานประตูจีนไปเชิงสะพานนายก่าย เป็นย่านจีนอยู่ตึกทั้ง ๒ ฟากถนนหลวง นั่งร้านขายของสรรพเครื่องสำเภา ไหม แพร ของขาเหลือง ถ้วย โถ ชาม เครื่องสำเภาครบ....ย่านสามม้าแต่เชิงสะพานนายก่ายตะวันออกไปถึงหัวสะพานมากรุงเทพมหานคร จีนทำเครื่องจันอับและขนม ทำโต๊ะเตียงละถังน้อยใหญ่และทำสรรพเครื่องเหล็ก มีตลาดขายของสดเช้าเย็น”



    [​IMG]



    การบำเพ็ญกุศลตามจารีตพุทธศาสนา ชาวจีนคงอาศัยวัดไทย ในสมัยอยุธยา ชาวจีนได้เคยร่วมกันสร้าง พระพิมพ์แบบไทย โดยเสด็จพระราชกุศล บรรจุไว้ในกรุใต้องค์พระปรางค์วัดราษฎรบูรณะ ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๒ เจ้าสามพระยา เมื่อทรงสถาปนาพระปรางค์ใหญ่ของวัดนี้ ในสมัยกรุงธนบุรี ปรากฏว่ามีญวนอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ชาวญวนก็เป็นพุทธมามกะ ฝ่ายมหายานเช่นเดียวกับชาวจีน และมีวัฒนธรรมประเพณีคล้ายชาวจีน ชาวญวนได้สร้างวัดฝ่ายมหายาน ขึ้นบนฝั่งตะวันออกของกรุงธนบุรีเป็นวัดแรก และเมื่อสร้างกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว ชาวจีนและชาวญวน ก็ได้สร้างวัดทั้งในกรุงและนอกกรุงอีกหลายวัด


    [​IMG]


    (ชั้นล่างของพระอุโบสถ ทางวัดกำลังเตรียมสถานที ในพีธีกินเจ ใครไม่สวมใส่ชุดขาวห้ามเข้าในบริวเวณนี้)


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. ๒๓๒๕ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ จะสร้างพระมหาบรมราชวังบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณที่ตรงนั้นเป็นที่อยู่ของชาวจีนอย่างคับคั่ง มีพระยาราชเศรษฐีขุนนางจีนเป็นหัวหน้าควบคุมอยู่ จึงโปรดให้ชาวจีนอพยพไปตั้งบ้านเรือนใหม่ที่สวนตั้งแต่คลองวัดสามปลื้มเป็นต้นไป ตำบลสำเพ็งจึงเป็นศูนย์กลางย่านชุมชนของชาวจีนมาตั้งแต่สมัยนั้น


    สมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ปรากฏว่าความสัมพันธ์ทางศิลปะระหว่างไทย-จีน มีมาก ยิ่งกว่ารัชกาลใดๆ จะเห็นได้จากวัดวาอารามที่มีศิลปะของจีน อาทิ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร วัดเทพธิดาราม วัดราชโอรสารามวรมหาวิหาร เป็นต้น


    สมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ชาวจีนที่เข้ามาในประเทศไทย ส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนามหายาน ลัทธิขงจื้อและลัทธิเต๋า การบำเพ็ญกุศลตามจารีตทางศาสนาต้องไปที่วัดไทยเพราะว่า สมัยนั้นวัดในพุทธศาสนามหายานไม่มี ประกอบกับชนชาวจีนจำนวนมากเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระองค์ทรงเห็นความสำคัญของชนชาวจีนและวัดจีนมหายาน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้มีการสร้างวัดจีนมหายานขึ้น และมีพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระจีนโดยอาศัยภิกษุจีนรูปหนึ่ง ชื่อ "พระภิกษุสกเห็ง" นับว่าเป็นพระภิกษุองค์สำคัญ ต่อการตั้งรากฐานของคณะสงฆ์จีนนิกายในไทย ต่อจากนั้นคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน


    พระอาจารย์สกเห็ง เป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง เกิดในสกุลพาณิชย์ เมื่ออายุได้ ๑๗ ปี ได้มีโอกาสสดับพระธรรมเทศนา จากพระอาจารย์ฮวบที แล้วเกิดศรัทธา จึงขอบรรพชาเป็นสามเณร ต่อมาได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ครั้นต่อมาเมื่อได้ทราบกิตติศัพท์ว่า ประเทศไทยเป็นแหล่ง ความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา จึงได้เดินทางมาประเทศไทย เพื่อนมัสการปูชนียสถาน ได้มาพักอาศัยอยู่ ณ ศาลาร้างพระกวนอิมข้างวัดกุศลสมาคร ชาวจีนในกรุงเทพ ฯ พากันเลื่อมใส จึงชวมกันเรี่ยไรเงินบูรณะเป็นอารามฝ่ายจีนนิกายขึ้นเป็นแห่งแรกชื่อ "วัดย่งฮกยี่" ต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า "วัดบำเพ็ญจีนพรต"


    [​IMG]
    ลูกนิมิต

    ต่อมาเมื่อมีพระสงฆ์จีนนิกายมากขึ้น จึงได้เลือกชัยภูมิบริเวณ ถนนเจริญกรุง ตำบลพลับพลาไชย สร้างเป็นอารามใหญ่ ด้วยพระบรมราชูปถัมภ์ และการช่วยเหลือจากพุทธบริษัทไทย - จีน จึงได้สร้างพระอารามแห่งใหม่เสร็จ โดยใช้เวลาถึง ๘ ปี ชื่อว่า วัดเล่งเน่ยยี่ และพระอาจารย์สกเห็ง ก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร" ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายจีนนิกาย และพระราชทานสมณศักดิ์แก่พระจีนอีก ๒ รูป คือ หลวงจีนคณาณัติจีนพรต ตำแหน่งปลัดขวา กับหลวงจีนธรรมรสจีนศาสน์ ตำแหน่งปลัดซ้าย คณะสงฆ์จีนนิกายจึงเริ่มมีทำเนียบสมณศักดิ์นับแต่นั้น และได้รับพระราชทานนามวัดเล่งเน่ยยี่ ว่า วัดมังกรกมลาวาส


    [​IMG]
    เจ้าแม่กวนอิม ประดิษฐานอยู่ชั้นล่างของพระอุโบสถ


    ต่อมาได้มีการสร้างวัดเล่งฮกยี่ หรือวัดจีนประชาสโมสร ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และเตรียมสร้างวัดเล่งฮั้วยี่ ที่จังหวัดนนทบุรี อีกแห่งหนึ่ง แต่ท่านเกิดอาพาธ ถึงแก่มรณภาพเสียก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายจีนนิกาย


    a.jpg


    เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายจีนนิกาย มีสมณศักดิ์เป็นที่พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร ตามที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และรูปแรกคือ พระอาจารย์สกเห็ง ตามที่กล่าวมาแล้ว


    a.jpg


    เจ้าคณะใหญ่ ลำดับที่ ๒ คือ พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (กวยหงอ) พุทธบริษัทรู้จักท่านในนามของ พระครูแมว ท่านเป็นผู้สนิทสนมคุ้นเคยกับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ครั้งพระองค์เสด็จกลับจากประพาสยุโรป ยังได้มีสิ่งของมาพระราชทานให้


    a.jpg


    เจ้าคณะใหญ่ ลำดับที่ ๓ คือ พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (โล่วเข่ง) ต่อมาท่านได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว เดินทางกลับประเทศจีน พระภิกษุฟุกยิ้นจึงได้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาสอยู่หลายปี


    a.jpg


    เจ้าคณะใหญ่รูปที่ ๔ คือ พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (ย่งปิง) ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส และเป็นเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย


    a.jpg


    เจ้าคณะใหญ่รูปที่ ๕ คือ พระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร (เซี่ยงหงี่) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส และเจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย


    a.jpg


    เจ้าคณะใหญ่ลำดับที่ ๖ คือ พระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีนพิเนตุ ฯ (โพธิแจ้งมหาเถระ) และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิแมนคุณารามองค์แรก และเป็นประธานคณะกรรมการสงฆ์จีนนิกายรูปแรก


    a.jpg


    เจ้าคณะใหญ่ลำดับที่ ๗ คือ พระคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีนเนตา (เย็นเต็ก) ประธานคณะกรรมการสงฆ์จีนนิกายรูปที่สอง เจ้าอาวาสวัดโพธิแมนคุณาราม รูปที่ ๒


    a.jpg


    a.jpg


    (เป็นรูปเทพเจ้าในวิหารท้าวจตุโลกบาล)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    บูรพาจารย์ผู้สืบทอดมหายานในประเทศไทย

    นอกจากเจ้าคณะใหญ่ที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีคณาจารย์รูปอื่น ๆ ที่มีการบันทึกประวัติ และผลงานไว้ดังนี้


    [​IMG]
    (พระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ พระประธานในพระอุโบสถ)


    พระอาจารย์กวยหลง เป็นผู้ช่วยพระอาจารย์สกเห็ง เจ้าคณะใหญ่ ลำดับที่ ๑ มีความรู้แตกฉานทางด้านมหายาน ได้ช่วยเหลือในการสร้างวัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดนี้


    [​IMG]
    (ด้านหลังพระประธาน)

    พระอาจารย์ตักฮี เจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสรรูปต่อมา ได้เคยแสดงธรรมแก่ประชาชนชาวจีน ณ สำนักสงฆ์เต๊กฮ่วยตึ้ง จังหวัดเพชรบุรี เป็นประจำ ก่อนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสร ได้ทำการบรรพชาอุปสมบทศิษย์ จำนวน ๓๐ กว่ารูป ซึ่งต่อมาได้เป็นพระอาจารย์จีนที่มีชื่อหลายรูปด้วยกัน ต่อมาท่านได้จาริกแสดงธรรมมาถึงจังหวัดชลบุรี และได้สร้างวัดเทพพุทธารามขึ้น ชาวจีนเรียกว่า วัดเซียนฮุดยี่ เนื่องจากท่านเคยถือคติลัทธิเต๋ามาก่อน เพื่อมาบวชในพุทธศาสนาแล้ว จึงได้นำคติเต๋ามาผสมกับพุทธศาสนา จึงให้ชื่อวัดดังกล่าว


    [​IMG]
    (พระโพธิสัตว์กวนอิมพันมือพันตา ในวิหารอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ )

    พระอาจารย์เซี่ยงหงี ได้บรรพชาเป็นสามเณรในฝ่ายเถรวาท ที่วัดต้นไทร จังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาได้บรรพชาเป็นสามเณรในนิกายจีน เป็นศิษย์พระอาจารย์ตั๊กฮี และต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในสำนักพระอาจารย์กวยหงอ แล้วเดินทางไปบูชาปูชนียสถานในประเทศจีน เมื่ออายุได้ ๓๕ ปี ได้เดินทางมาประเทศไทยอีก และได้เป็นเจ้าอาวาสวัดจีนประชาสโมสร ต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระอาจารย์หลวงจีนวังสสมาธิวัตร เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส และได้เป็นพระอุปฌาย์จีนนิกาย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๒


    พระอาจารย์เซี่ยงซิว เป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง ได้เป็นกำลังช่วยพระอาจารย์ตั๊กฮี ในการสร้างถาวรวัตถุ อันเป็นประโยชน์ต่อสังคม มีสะพานและถนน เป็นต้น เป็นผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติด้านกัมมัฏฐาน และได้ออกจาริกเทศนาสั่งสอนประชาชนด้วยความเมตตากรุณา

    พระอาจารย์เซี่ยงกี่ เป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง ได้ออกบวชในสำนักพระอาจารย์ตั๊กฮีที่วัดจีนประชาสโมสร ได้ออกธุดงควัตรไปที่เขาพระพุทธบาท สระบุรี เข้าไปปฏิบัติโยคะธรรมที่ถ้ำประทุน และได้นำประชาชน สร้างวัดเซ็งจุ้ยยี่ขึ้น มีศิษย์หลายรูปที่มีชื่อเสียง เช่น พระอาจารย์โพธิแจ้ง เป็นต้น

    พระอาจารย์ฮ่งเล้ง เป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง เมื่อเดินทางมาประเทศไทยได้บวชที่วัดเช็งจุ้ยยี่ สมาทานธุดงควัตรตลอดเวลากว่า ๑๐ ปี แล้วกลับไปสักการะปูชนียสถานที่มาตุภูมิ ประชาชนถวายนาม ท่านว่าพระลิปห่วยโพธิสัตว์ ปัจจุบันสำนักสงฆ์ลิปห่วย (หลับฟ้า) ตั้งอยู่ที่ตำบลวังใหม่ สะพานอ่อน พระนคร เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ตัวท่าน

    พระมหาคณจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร (โพธิแจ้งมหาเถระ)เจ้าอาวาสวัดโพธิแมนคุณาราม เจ้าคณะใหญ่จีนนิกายรูปที่ ๖ และเจ้าอาวาสวัดโพธิเย็น ตลาดลูกแก จังหวัดกาญจนบุรี กับเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิทัตตาราม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นพระราชาคณะชั้นสัญญาบัตร (เทียบชั้นธรรมพิเศษ) ฝ่ายวิปัสสนา



    [​IMG]


    พระอาจารย์โพธิแจ้ง เป็นชาวมณฑลกวางตุ้ง เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๔ เมื่อวัยหนุ่มได้เข้ารับราชการทหาร ที่มาตุภูมิอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาได้เดินทางมาประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๐ เพื่อศึกษาหลักธรรม และสักการะปูชนียสถานต่าง ๆ และได้ขอบรรพชา ณ สำนักสงฆ์ถ้ำประทุน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๑ มีฉายาว่า โพธิแจ้ง ท่านเห็นว่าพระสงฆ์จีน ไม่เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย และชาวจีนมากนัก จึงควรปฏิรูปปรับปรุงคณะสงฆ์จีนเสียใหม่ ท่านจึงได้ออกบำเพ็ญเพียรศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ ๖ พรรษา จนแตกฉานในพระไตรปิฎก เป็นที่เคารพนับถือของบรรดาพุทธบริษัทมาก ต่อมาได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่ สะพานอ่อน กรุงเทพ ฯ ณ สำนักสงฆ์หมี่กัง ได้รับสานุศิษย์ (กุยอี) เข้าปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะเป็นรุ่น ๆ รุ่นละกว่าร้อยคน เป็นการสร้างคนก่อนสร้างวัตถุ

    เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๗ ได้เดินทางไปประเทศจีน เพื่อเข้ารับการอุปสมบท แล้วอยู่ศึกษาธรรมเพิ่มเติมอีก ๒ ปี จึงได้เดินทางกลับประเทศไทย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔ ได้เดินทางไปประเทศจีนอีกครั้งหนึ่ง และได้ธุดงค์ไปถึงธิเบต เพื่อศึกษาลัทธิมนตรยาน ซึ่งเป็นนิกายหนึ่งในฝ่ายมหายานจนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๐ ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย และในปีต่อมาได้เดินทางไปประเทศจีนเป็นครั้งที่สาม ได้รับแต่งตั้งเป็น พระปรมัตตาจารย์ จากประมุขเจ้านิกายวินัยของประเทศจีน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓ ได้เดินทางกลับประเทศไทย และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็น หลวงจีนธรรมรสจีนศาสน์ ตำแหน่งปลัดซ้าย เจ้าคณะใหญ่คณะสงฆ์จีนนิกาย


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]
    (พระอมิตาภพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวร และพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ ในวิหารหมื่นพุทธสุขาวดีพุทธเกษตร)


    พระอาจารย์โพธิแจ้ง ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์มาตามลำดับ รวม ๗ ตำแหน่งด้วยกัน อันเป็นสมณศักดิ์ฝ่ายจีนนิกาย ตามลำดับดังนี้
    ปี พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นที่หลวงจีนธรรมรสจีนศาสน์ ตำแหน่งปลัดซ้าย
    ปี พ.ศ.๒๔๙๔ ได้เป็นที่ หลวงจีนคณาณัติจีนพรต ตำแหน่งปลัดขวา
    ปี พ.ศ.๒๔๙๗ ได้เป็นที่ พระอาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร ตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่สงฆ์จีนนิกาย ลำดับที่ ๖ โดยข้ามสมณศักดิ์ที่พระอาจารย์จีนวินยานุการ ในตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าคณะใหญ่ และ สมณศักดิ์ที่พระอาจารย์จีนธรรมคณาธิการ ในตำแหน่งรองเจ้าคณะใหญ่


    [​IMG]
    พระอมิตาภพุทธเจ้า


    ปี พ.ศ.๒๕๐๗ ได้เป็นที่ อาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีนเนตา พระราชทานพัดยศเสมอด้วยพระราชาคณะชั้นราชแห่งคณะสงฆ์ไทย ฝ่ายวิปัสสนา
    ปี พ.ศ.๒๕๑๐ ได้เป็นที่ พระคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทวิเนตา สาธุชนธรรมประสิทธิ์ บรมนริศรานุวัตร พระราชทานพัดยศเสมอด้วยพระราชาคณะชั้นเทพแห่งคณะสงฆ์ไทย ฝ่ายวิปัสสนา


    [​IMG]
    พระอวโลกิเตศวร


    ปี พ.ศ.๒๕๑๓ ได้เป็นที่ พระคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีนพิเนต วิเทศธรรมประสิทธิ์ บรมนริศรานุวัตร พระราชทานพัดยศเสมอด้วยพระราชาคณะชั้นธรรมแห่งคณะสงฆ์ไทย ฝ่ายวิปัสสนา ตั้งคณานุกรมได้ ๖ รูป คือ หลวงจีนธรรมรส ๑ หลวงจีนวินัยธร ๑ หลวงจีนปลัด ๑ หลวงจีนสังฆรักษ์ ๑ หลวงจีนสมุห์ ๑ และหลวงจีนใบฎีกา 1
    ปี พ.ศ.๒๕๒๐ ได้เป็นที่ พระคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร พุทธบริษัทจีนพิเนต วิเทศธรรมประสาท นวกิจพิลาสประยุกต์ ทำนุกจีนประชาวิสิฐ สถิต ณ วัดโพธิแมนคุณาราม พระราชทานพัดยศเสมอด้วยพระราชาคณะชั้นธรรมพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนา ตั้งคณานุกรมได้ ๖ รูป คือ หลวงจีนปลัดธรรมสมาธิวัตร ๑ หลวงจีนวินัยธร ๑ หลวงจีนธรรมธร ๑ หลวงจีนสังฆรักษ์ ๑ หลวงจีนสมุห์ ๑ และหลวงจีนใบฎีกา


    [​IMG]
    และพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์


    ก็จบความเป็นมาของคณะสงฆ์นิกายจีนเพียงประการฉะนี้แล....แต่รูปของวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ยังไม่หมดนะ ขอพักรูปของวัดแห่งนี้ไว้ก่อน

    จากที่พากันเดินอย่างเพลิดเพลินภายในวัด ได้เวลาอันพอสมควรแล้วก็จะไปยังวัดแห่งที่สอง แต่พอขับรถออกจากประตูวัด ต่างคนต่างกระหายน้ำเพราะว่าแดดร้อน เหลือบไปเห็นเขากางเต็นท์ขายเฉาก๋วยเย็นๆ อยู่ หน้าวัด ซึ่งตอนนี้กำลังจัดร้านและกางเต็นท์เพื่อขายอาหารในเทศกาลกินเจกันอยู่ สร้อยฟ้ามาลาเลยจอดรถข้างทางตรงใกล้ๆ ที่แม่ค้าขายของต่างๆ ส่วนด้านหน้ารถเป็นที่จอดของรถจักรยานยนต์ แล้วให้แมงปอแก้วกับเพื่อนของแมงปอแก้วลงไปซื้อให้ ส่วนสร้อยฟ้ามาลา คุณครูอำนวยกรณ์และพี่หญิงพิชญ์ นั่งคอยอยู่ในรถ
    .........

    ทันใดนั้น ก็มีเสียงโวยวายมาจาก เจ๊ เจ้าของร้านที่สร้อยฟ้ามาลาขับรถจอดหน้าร้าน เจ๊ ท่าทางไม่พอใจ ตะโกนบอกว่าจอดตรงนี้ไม่ได้และไล่ให้ไปจอดที่อื่นเพราะว่าบังหน้าร้าน สร้อยฟ้ามาลาจึงเปิดกระจกลงมามองหน้าเจ๊ เห็นเจ็ แขวนพระแม่..... ปางดุเสียด้วย ล้อมด้วยคริสตัลแวววาวองค์บะเร่อ กะโชว์เต็มที่ว่า ฉันแน่ ฉันขาใหญ่ มีพระแม่.....ปางดุอยู่กับตัว สร้อยฟ้ามาลาเลยบอกว่า ขอจอดซื้อของแป๊ปเดียวเอง เจ๊ ก็ตะโกนบอกว่า ถ้ายอมให้จอดเดี๋ยวคันอื่นก็มาจอดต่ออีก แล้วไล่ให้ไปจอดในซอย สร้อยฟ้ามาลาเลยถามว่า จะให้จอดตรงไหนหล่ะ แต่เมื่อ เจ๊ หันมามอง คุณครูอำนวยกรณ์กับคุณหญิงพี่พิชญ์ เจ๊ แก ถอยฉากกลับร้านไปเลยซึ่งขณะนั้นเจ๊แกก็อีกมือหนึ่งคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยนะ อืม... สงสัยเจอของจริงแฮะ คิก คิก สร้อยฟ้ามาลาก็เลยจอดหน้าร้าน เจ๊ นั่นแหล่ะ แต่จอดไม่นาน เมื่อสองคนที่ไปซื้อเฉาก๋วยกลับมาที่รถ พอออกรถสร้อยฟ้ามาลาก็มองไปที่ เจ๊ อีกแต่ไม่ได้มองหาเรื่องนะ แล้วก็คุยกับคนในรถว่า แปลกดี แล้วตรงที่จอดก็ถนนหลวงนี่หน่า สงสัยอยากเป็นเจ้าถนน............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    พออกจากวัดบรมราชากาญจนภิเษกอนุสรณ์แล้ว ก็เป็นเวลาเกือบจะบ่ายโมงได้แล้วมั้ง หิวแล้วสิ ก็คุยกันว่าจะทานอะไรในมื้อกลางวันดี ก็ตกลงกันได้ว่า ก๋วยเตี๋ยว ก็เลยแวะทานกันตรงแถวๆ บางบัวทองนั่นแหล่ะ


    [​IMG]
    เฉาก๋วย ต้นเหตุ



    [​IMG]
    ลูกชิ้นย่าง ในร้านก๋วยเตี๋ยว
    จะถ่ายรูปก๋วยเตี๋ยวมาให้ดู แต่คุณครูอำนวยกรณ์บอกว่าอย่าถ่ายเลยอายเขา.....ก็เลยไม่ถ่าย

    ......................

    พอทานกันพออิ่มแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ทางถนนเส้นบางกรวย - ไทรน้อย ท่าน้ำนนทบุรี แล้วพวกเราก็มาถึงวัดพร้อมกับหมู่เมฆฝนมหึมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    และแล้วคณะของพวกเราก็มาถึงวัด วัดแห่งนี้อยู่ใกล้ๆ กับท่าน้ำนนท์ เป็นวัดใหญ่เอาการ คุณครูอำนวยกรณ์และคุณพี่พิชญ์บอกว่า ต้องรีบมาให้ถึงเร็วๆ เพราะกลัวเข้าฉากถ่ายละครไม่ทัน ครูอำนวยกรณ์บอกว่า จะไปเป็นนางพันธุรัตน์ แต่สร้อยฟ้ามาลว่าคิดว่า คุณครูน่าจะเป็นแม่ของนางเอกได้นะ....

    พูดมาขยายความอีกนิดคิดว่าหลายคนคงเริ่มเดาถูกว่าคือวัดอะไร นั่นคือ วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร มาอ่านประวัติความเป็นมาของวัดกัน


    วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร


    [​IMG]

    เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศตะวันตก (ฝั่งขวา) ที่ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี เยื้องศาลากลางจังหวัดไปทางทิศเหนือประมาณ ๑ กิโลเมตรเศษ มีเนื้อที่ประมาณ ๒๔ ไร่ ๗ งาน ๒๒ ตารางวา แบ่งออกเป็น ๓ เขต คือ เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และเขตนอกกำแพงใหญ่สาเหตุที่มีลักษณะเป็นกำแพงเมืองโบราณ ก็เพราะว่าเดิมคือ ป้อมเก่าริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา



    [​IMG]


    วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ที่มีความสำคัญ คู่บ้านคู่เมือง มาร่วม ๑๓๕ ปีแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดให้ทำการสร้างขึ้น ด้วยทรงมีพระราชดำริว่า บริเวณป้อมเก่า (ป้อมทับทิมสมัยกรุงศรีอยุธยา) ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ใต้วัดตลาดขวัญ


    [​IMG]


    เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๐ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ขึ้นครองราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๗ ได้สถาปนาสมเด็จพระราชชนนี แห่งพระองค์ท่านขึ้นเป็น "กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย" ต่อมาทรงมีพระราชดำริว่า บริเวณป้อมทับทิมเก่าฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันตกนั้น เป็นนิวาสสถานเดิมแห่งอัยกาพระอัยกี ทั้งเป็นสถานที่ประสูติของกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัยพระราชชนนี จึงสมควรสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงขึ้นสักแห่งหนึ่ง จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เป็นแม่กองสร้างวัดขึ้นบริเวณนั้น และโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างกำแพงเมือง และป้อมปราการก่ออิฐถือปูนรอบวัด มีใบเสมาทำนองเดียวกับกำแพงพระบรมมหาราชวัง พระราชทานนามว่า "วัดเฉลิมพระเกียรติ"


    [​IMG]


    การสร้างวัดเฉลิมพระเกียรตินี้ได้อนุรักษ์รูปแบบเดิมเอาไว้ แม้สิ่งก่อสร้างที่ร่วมสมัยนั้น ก็ได้สร้างให้กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมเดิม จึงทำให้วัดเฉลิมพระเกียรติได้รัยรางวัล
    "อาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๖ จากสมาคมสถาปนิกสยาม"


    [​IMG]

    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จไปทรงก่อพระฤกษ์พระอุโบสถ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๙๐



    [​IMG]


    วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๓ โปรดเกล้าให้อาราธนา พระประชาเฉลิม (เกษ) กับพระฐานานุกรมวัดอรุณราชวราราม ลงเรือแห่ไปจำพรรษา ณ วัดเฉลิมพระเกียรติ ในวันต่อมาโปรดเกล้า ฯ บำเพ็ญพระราชกุศลพระสงฆ์ขึ้นกุฏิใหม่ที่ทรงสร้างจำนวน ๕๓ หลัง


    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเสียก่อนที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ แต่เมื่อทรงพระประชวนก็ห่วงการก่อสร้าง จึงได้มีพระดำรัสขอเงินจากท้องพระคลังจากพระเจ้าอยู่หัวองค์ต่อไป ๑ หมื่นชั่ง เพื่อนำมาสร้างวัดให้แล้วเสร็จ


    [​IMG]


    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติจนแล้วเสร็จตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๓ และยังโปรดให้ปิดทองพระประธานในพระอุโบสถ ไปพระราชทานพระกฐิน โปรดให้แห่พระบรมธาตุขึ้นไปบรรจุไว้ในเจดีย์ และให้แห่พระศิลา ๓ องค์ จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติ


    [​IMG]


    ในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๕ โปรดให้อาราธนาพระปรีชาเฉลิม (แก้ว) ไปเป็นเจ้าอาวาสวัด แต่ในตอนนั้น (พ.ศ. ๒๔๓๑) กุฏิสงฆ์ทรุดโทรมมากจนเจ้าอาวาสต้องพักอยู่ในพระอุโบสถ จึงพระราชทานเงิน ๑๑๕ ชั่ง เพื่อสร้างกุฏิใหม่สำหรับพระสงฆ์ และได้จัดตั้งโรงเรียนธรรมและบาลีขึ้นในยุคนี้


    [​IMG]


    ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงบริจาคทรัพย์ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัด และเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๔ พระบาทสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้นำเสด็จเจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเคนท์ เสด็จพระราชดำเนินลอยพระประทีป ณ วัดเฉลิมพระเกียรติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    สถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัด


    [​IMG]

    หากเข้าทางประตูหลังวัด เมื่อจอดรถแล้วจะมองเห็น "มอ" หรือน่าเรียกว่าภูเขาหิน ที่สร้างขึ้นให้เหมือนเขา มีต้นไม้ มีน้ำตก มีถ้ำลอด กล่าวว่าเป็น "มอ" ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยทีเดียว อยู่ทางด้านซ้าย

    พระบรมธาตุเจดีย์ ด้านหลังพระอุโบสถ


    [​IMG]
    พระอุโบสถ


    [​IMG]
    ลวดลายบนบานประตูพระอุโบสถ


    [​IMG]
    พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา


    พระอุโบสถ เป็นสถาปัตยกรรมไทยปนจีนตามแแบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ ๓ ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนหลังคามุงกระเบื้องรางดินเผาชนิดกาบกล้วยไม่เคลือบสี ถือปูนทับแนวทำเป็นลอนลูกฟูกแบบเก๋งจีน หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีสลับลายลวดลายใบดอกพุดตาล กระจังฐานพระ ช่อฟ้า ใบระกา ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีสลับลายจากประเทศจีนเช่นเดียวกัน ผนังด้านใน เขียนสีลายพุ่มข้าวบิณฑ์ก้านแยกมีช่อดอกพุดตาลภายใน เพดานฉลุปิดทอง ซุ้มประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นรูปดอกพุดตาลพื้นประดับกระจก บานประตูหน้าต่างด้านในเป็นภาพเขียนสีฝุ่นลายกอบัวและสัตว์ประเภทปลาและนก ด้านนอกเขียนลายรดน้ำภาพตราแผ่นดิน พระจันทร์เต็มดวง เครื่องยศและโกฐิ ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยซึ่งหล่อด้วยทองแดงทั้งองค์ (ปัจจุบันปิดทอง) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถวายพระนามว่า "พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา"


    [​IMG]
    พระวิหาร


    [​IMG]
    พระศิลาขาว

    พระวิหาร มักเรียกกันว่า พระวิหารศิลาขาว อยู่ด้านทิศใต้ของพระอุโบสถ ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับพระอุโบสถผนังภายในเขียนสีลายดอกไม้ร่วงสีฉูดฉาดบาดตา บานประตูหน้าต่างด้านในมีลวดลายเช่นเดียวกับพระอุโบสถ ด้านนอกเป็นลายกำมะลอ เขียนสีแกมทอง ภายในพระวิหารนี้ มีบุษบกไม้สักลงรักปิดทองประดับกระจกลวดลายวิจิตรอ่อนช้อยองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนบุษบกไม้สัก ลงรักปิดทอง ประดับกระจก มีลวดลายวิจิตรอ่อนช้อยสวยวามมาก ซี่งเป็นที่ประดิษฐาน "พระศิลาขาว" ประธานพระวิหาร พร้อมอัครสาวก

    พระเจดีย์ อยู่ด้านทิศตะวันตกของพระอุโบสถ เป็นเจดีย์ทรงกลม หรือทรงระฆัง มักเรียกกันว่า ทรงลังกา เนื่องจากได้รับแบบอย่างมากจากลังกา พร้อมกับการแพร่เจ้ามาของพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ มีฐานแปดเหลี่ยมสองชั้นสูง ๔๕ เหมตร ภายในบรรจะพระบรมธาตุ


    [​IMG]
    การเปรียญหลวง


    [​IMG]
    ลวดลายประตูวิหารการเปรียญ


    [​IMG]
    พระปฏิมาชัยวัฒน์

    การเปรียญหลวง อยู่ด้านทิศเหนือของพระอุโบสถติดเขตสังฆวาส เป็นอาคารผสมผสานระหว่าอาคารทรงไทยกับเครื่องบนหลังคาแบบจีน ลักษณะเป็นตึกทรงโรงมีเสาอยู่ข้างในประธานสถาปัตย์ภายนอกแบบเดียวกับพระอุโบสถ ผนังภายในเขียนสีลายดอกไม้ร่วงรูปช่อพุดตาล สีอ่อนลุมุนนุ่มนวลอ่อนหวานสบายตา บานประตูหน้าต่างด้านในแบบเดียวกับพระอุโบสถ ด้านนอกเป็นลายกำมะลอไม้ดัดเขียนสีแกมทอง ภายในประดิษฐาน "พระปฏิมาชัยวัฒน์" ซึทหาชมได้ยากพร้อมด้วยคู่อัครสาวกที่ทรงฤทธานุภาพ


    [​IMG]
    ส่วนหนึ่งของป้อมปราการ

    กำแพงและป้อมปราการ เป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน มีใบเสมาเหมือนกับกำแพงพระบรมมหาราชวัง มีป้อมปราการทั้งสี่มุมมีความสำคัญคือเป็นสถานที่พักกองทัพจัดกระบวนทัพ และประกอบพิธีกรรมในการยกทัพไปทางเหนือหลายครั้ง ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เท่าที่พบหลักฐานมี ๔ ครั้ง คือ
    ๑. พ.ศ.๒๓๙๕ กรมหลวงวงศาธิราช ยกทัพไปตีเมืองเชียงตุง
    ๒. พ.ศ.๒๔๑๘ เจ้าพระยา๓ธราภัย(นุช บุณยรัตนพันธุ์) ยกทัพไปปราบฮ่อ
    ๓. พ.ศ.๒๔๒๘ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี(เจิม แสงชูโต) ยกทัพไปปราบฮ่อ
    ๔. พ.ศ.๒๔๓๐ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ยกทัพไปปราบฮ่ออีกครั้ง

    กุฏิไทย อยู่ทางด้านทิศเหนือเขตพุทธาวาสจำนวน ๑๖ หลัง ซึ่งสร้างและจัดแผนผังอย่างมีระเบียบ เป็นเรือนไทยภาคกลางทรงมะลิลาใต้ถุนสูง มีความสวยงามบ่งบอกถึงความเป็นศิลปะแบบไทยๆ สง่างามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ชมวัดกันเสร็จ เหนื่อยแล้วหล่ะ เมื่อยด้วย แล้วต่างคนต่างเดินหายไปไหนกันหมดแล้ว หากันไม่เจอ สร้อยฟ้ามาลาเลยเดินเข้าไปยังอุทยานซึ่งอยู่ด้วยหลังค่อนไปด้านข้างของวัด อุทยานแห่งนี้ชื่อว่า อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก

    อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก อยู่ติดกับวัด กรมธนารักษ์สร้างขึ้นด้วยงบประมาณ ๙๐๐ ล้านบาท เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติ ๕๐ ปี ได้สร้างอย่างประณีตบรรจง ใช้เวลาในการก่อสร้างถึง ๕ ปี จึงแล้วเสร็จ มีเนื้อที่ประมาณ ๑๐๐ ไร่ และเพื่อเป็นที่พักผ่อนของประชาชน และเป็นศูนย์รวมพันธุ์ไม้น้ำ ไม้ชายน้ำ พืชสวน และสัตว์น้ำชนิดต่างๆ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๕.๓๐ - ๑๘.๓๐ น. โดยไม่เสียค่าเข้าชมอาคารที่เป็นจุดเด่น คือ วิมานสราญนวมินทร์ เป็นพลับพลาโถงเครื่องยอดแหลม ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาลดชั้นยอดแหลมทรงมณฑป ประดับฉัตรสามชั้นสัญลักษณ์แสดงเครื่องยศของประเภทอาคารชั้นสูง



    [​IMG]
    วิมานสราญนวมินทร์


    [​IMG]


    [​IMG]
    เรือนไทย

    ถัดมาไม่ไกลเป็นเรือนไทยหมู่สำหรับพักผ่อนและบริการ เป็นเรือนไม้สักทั้งหลัง ประเภทเครื่องสับลูกประสัก(ลูกประสักคือไม้หมุดสำหรับตรึงกงเรือนต่างตะปู)ระดับชั้นคหบดีแต่โบราณ


    [​IMG]
    พลับพลาจตุรมุข


    [​IMG]


    บริเวณริมน้ำจากท่าเรือรับเสด็จเป็นส่วนของอาคารพลับพลาโถงจตุรมุขรับเสด็จ เป็นศาลาโล่งหลังคาลดชั้นสี่ทิศ และศาลาบริวารทั้งสามหลังเป็นงานไม้เครื่องลำยองรูปแบบอย่างโบราณ ลวดลายประยุกต์ออกแบบตามฉันทลักษณ์ ใช้ไม้สักแกะลงรักปิดทองคำเปลวร้อยเปอร์เซ็นต์ ประดับกระจกสีให้เหมาะกับลักษณะใช้สอยที่เป็นอาคารประกอบพิธี


    สุดมุมริมน้ำเป็นอาคารบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีแต่เดิม เป็นจุดเริ่มเข้าไปยังบรรยากาศของสวนผลไม้ที่อนุรักษ์ไว้ มีทั้งสวนกระท้อน ทุเรียน มังคุด ขนุน มะพร้าวน้ำหอม เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    จบแล้ว ๒ วัด แถมให้ ๑ อุทยาน

    จากนั้นสร้อยฟ้ามาลาและคณะก็เดินทางออกจากวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร เวลาประมาณเกือบบ่าย ๓ โมงเย็น ไปยังวัดที่ ๓ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันสักเท่าไหร่ ประมาณ ๑๕ นาทีก็ถึงมั้ง ลองทายดูกันใหม่นะว่าวัดอะไร
     
  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ออกจากวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร แล้วพวกเราก็ไปวนกลับรถใต้สะพานพระราม ๕ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแคบๆ แป๊ปเดียวก็ถึงวัดได้ประมาณบ่าย ๓ โมงกว่าๆ วัดนี้ก็คือ "วัดสังฆทาน"

    เมื่อประมาณ ๓ - ๔ อาทิตย์ก่อน สร้อยฟ้ามาลาเห็นมีสมาชิก เพื่อนๆ ในเว็ปได้เคยลงประวัติวัดไปแล้วโดยใช้ชื่อกระทู้ว่า
    เที่ยวทำบุญวัดสังฆทาน นนทบุรี โดยคุณ deneta ก็ขออนุญาตลงซ้ำ เพราะว่าข้อมูลของวัด search หาแล้วน้อยจัง.....

    มาอ่านทบทวนกันใหม่นะเจ้าคะ เรื่องของ วัดสังฆทาน


    วัดสังฆทาน

    ได้ลงทะเบียนไว้กับ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๐๐/๑ บ้านบางไผ่น้อย หมู่ที่ ๓ ตำบลบางไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม แวดล้อมไปด้วยสวนของราษฎร มีปูชนียวัตถุ คือ พระประธานนามว่า"หลวงพ่อโต"


    [​IMG]
    หลวงพ่อโต


    วัดสังฆทาน สันนิษฐานว่าเดิมชื่อ วัดศาริโข สร้างขึ้นในราวสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีหลวงพ่อโต พระพุทธรูป ปางมารวิชัยเป็นพระประธาน ต่อมาได้กลายเป็นวัดร้าง ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง และที่อื่น ๆ ยังคงมา เคารพสักการบูชาองค์หลวงพ่อโตมิได้เสื่อมคลาย เพราะถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ด้วยเหตุที่เป็นวัด ร้างไม่มีพระภิกษุจำพรรษา ชาวบ้านจึงต้องนิมนต์พระจากละแวกใกล้เคียงมาเพื่อถวาย- สังฆทาน จนถูก เรียกขานกันติดปากว่า "วัดสังฆทาน" ความเป็นมาเนื่องจากวัดสังฆทานเป็นวัดร้างนับเป็นร้อยๆปีขึ้นไปการจดบันทึกไม่มี มีเพียงการเล่าต่อถึงความศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นดังนั้น จึงได้มีการวิเคราะห์จากหลักฐานพุทธลักษณะ จากองค์หลวงพ่อโตกระเบื้องเชิงชายหน้าอุดของหลังคาอุโบสถหลังเก่า และอิฐที่สร้างองค์พระกับฐานอุโบสถกระเบื้องเชิงชาย หรือกระเบื้องหน้าอุดเป็นหลักฐานอันสำคัญชิ้นหนึ่งที่ค้นพบและ เก็บรักษาไว้ในวัดสังฆทานหลักฐานชิ้นนี้ใช้เป็นกระเบื้องประดับตกแต่งเชิงชายบนหลังคาอุโบสถสืบทอดจนถึงปัจจุบัน


    จะพบเห็นทั่วไปตามวัดหลวงใช้ประกอบกับกระเบื้องกาบกล้วยเพื่ออุดรูไม่ให้นกหนูเข้าไปทำรังลักษณะกระเบื้องเชิงชายหน้าอุดของวัดสังฆทานมีลวดลายดอกบัวที่คลี่คลายปรับเปลี่ยนมาเป็นลายกนกท้ายที่สุดเป็นลายประเภทใบไม้๓แฉกซึ่งเป็นเค้าโครงดั้งเดิมของดอกบัวทำด้วยดินเผาสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่๒๑๒๒


    [​IMG]

    วัดสังฆทานจะมีประเพณีทำบุญสงกรานต์ และสรงน้ำพระในเดือนเมษายน (วันที่ ๑๓-๒๐เมษายน)ทุกปี พร้อมทั้งเปลี่ยนผ้าห่ม องค์พระหลวงพ่อโตผ้าห่มที่ถูกเปลี่ยน จะนำมาฉีกแบ่งกันไปผูกข้อมือผูกคอชาวบ้านถือว่าศักดิ์สิทธิ์การบน หลวงพ่อโต มักโดยจะบนด้วยการจุดปะทัดเป็นเครื่องแก้บน "สังฆทาน" จึงกลายเป็นชื่อของวัดมาแต่เดิม

    กว่าจะมาเป็นอุโบสถแก้ว

    ปี๒๕๑๑ หลวงพ่อสนองพบวัดสังฆทานร้างอยู่กลางสวนมีเพียงหลวงพ่อโตกับศาลาไม้มุงสังกะสีเก่าๆบนที่ไร่เศษพิจารณาแล้วว่าที่นี่เหมาะแก่การเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนวทางธุดงคกรรมฐานเนื่องด้วยอยู่ใกล้แหล่งของผู้มีกำลังและปัญญาที่สามารถช่วยศาสนาได้ดีในอนาคตท่านจึงตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่แต่ขณะนั้นท่านคิดว่าตนเองยังมีบารมีไม่เพียงพอที่จะเป็นผู้นำที่นี่ได้ด้วยเหตุผลที่ว่าที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นการจะเข้ามาทำอะไรนั้นทำได้ยาก จะต้องให้เขาเห็นดีให้เขาเข้าใจเพราะเป็นการเผยแผ่ธรรมะให้กับผู้มีปัญญาท่าน จึงตั้งใจกลับไปปฏิบัติธรรมในถ้ำหมีและถ้ำกระเปาะอีก ๖ ปี

    ปี ๒๕๑๗ หลวงพ่อสนองกลับมาวัดสังฆทานอีกครั้งเพื่อจำพรรษา รวมกับพระอีก ๕ รูป ด้วยปฏิปทาตามหลักธุดงคกรรมฐาน ชาวบ้านบางคนตั้งข้อหาว่าเป็นพระคอมมิวนิสต์ ความเป็นอยู่จึงลำบาก ถูกข่มขู่ด้วยปืนและปาระเบิด บิณฑบาตเกือบไม่ได้เมื่อนำอาหารมาเทรวมกันก็มีน้อยมากทุกรูปไม่ยอมตักอาหารใส่บาตรหลวงพ่อต้องเป็นผู้ตักใส่บาตรให้น้ำดื่มต้องตักจากบ่อเก่ามาต้มฉัน ไม่มีน้ำปานะ ไม่มีไฟฟ้า

    ปี ๒๕๑๘ หลวงพ่อสนองไปรับพระอาจารย์พลอยเตชพโลวัดเขาภูคามาช่วยเป็นหัวหน้าช่าง ในการบูรณะองค์หลวงพ่อโต พร้อมพระเณรประมาณสิบกว่ารูปรวมทั้งชาวบ้านการบูรณะที่แขนชำรุดมากต้องเอาแป๊บน้ำใส่แล้วโบกปูนทับ ส่วนที่ใดเนื้อปูนยุ่ยก็ขูดออกแล้วโบกปูนทับนำปูนเก่ามาผสมปั้นเป็นหลวงพ่อสังกัจจายน์ (พระมหากัจจายนะ)

    การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของศาลาหลวงพ่อโต
    ในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๖ หลวงพ่อสนองดำริให้รื้อถอนศาลา เพื่อจะสร้างโบสถ์ใหม่ เนื่องด้วยศาลาหลวงพ่อโตมีความชำรุดทรุดโทรมและคับแคบไม่เพียงพอที่จะรองรับจำนวนพระภิกษุสามเณรและผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมได้นอกจากนี้หลังคาสังกะสีเวลาฝนตกจะมีเสียงดังมากหน้าร้อนก็จะร้อนมากดังนั้นพระภิกษุผ้าขาวและชาวบ้านจึงช่วยกันรื้อถอนแม้กระทั่งชาวอังกฤษที่เพิ่งเดินทางมาถึงก็ร่วมช่วยด้วย

    รูปแบบของโบสถ์
    ที่หลวงพ่อจะให้สร้างขึ้นใหม่นั้นเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมทำด้วยกระจกทั้งหมดและกำหนดเวลาการก่อสร้างเป็นเวลาปีครึ่งโดยท่านตั้งจุดประสงค์ว่าโบสถ์ของวัดสังฆทานต้องเป็นโบสถ์ที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุดและถูกต้องตามความเป็นจริง ขนาดของโบสถ์ต้องจุคนได้ ๖๐๐ คน เมื่อแบบจำลองของโบสถ์ออกมาก็ถูกวิจารณ์ว่าทำไมโบสถ์จึงเป็นแก้วแปดเหลี่ยม ไม่ใช่ทรงไทยที่มีช่อฟ้า ใบระกาหลวงพ่อสนองได้ให้เหตุผลว่า

    ๑. หลวงพ่อโตองค์ใหญ่มากมีความสูงหลายเมตรถ้าสร้างโบสถ์เป็นแบบทรงไทยต้องสร้างให้เศียรหลวงพ่อโตต่ำกว่าขื่อต่ำกว่าอกไก่ โบสถ์ต้องใหญ่มากต้องรับน้ำหนักมาก ทำ ๒ ชั้นก็ไม่เหมาะ เพราะต้องการประหยัดพื้นที่ แต่ถ้าทำเป็นรูปเจดีย์แล้ว สามารถให้หลวงพ่อโตอยู่ตรงกลาง หรือตรงริมก็ได้ หลวงพ่อโตก็จะดูสวยสง่า และทรงแปดเหลี่ยมสมมุติเป็นมรรคองค์แปด

    ๒.การสร้างโบสถ์ทรงไทยต้องลงทุนมากกว่าร้อยล้านบาทขึ้นไปจึงจะเสร็จแต่โบสถ์แก้วใช้ประมาณ๕๐ล้านบาทสร้างได้๒ชั้นและสามารถสร้างเสร็จได้เร็วกว่า เนื่องจากทางวัดจำเป็นต้องใช้โบสถ์ในการอุปสมบทหมู่ จุพระเป็นร้อย บรรพชาสามเณรปีละ ๓๐๐ รูป มีการประชุมพระครั้งละสองสามร้อยรูป โบสถ์นี้สามารถจุคนได้ถึง ๖๐๐ คน ด้านล่างใช้เป็นสำนักงาน ห้องเทป ห้องมูลนิธิ ห้องสมุด ฯลฯ มีประโยชน์อเนกประสงค์


    [​IMG]

    ปี ๒๕๓๗ หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโกวางศิลาฤกษ์โบสถ์แก้วตรงกับวันมาฆบูชาที่ ๒๕กุมภาพันธ์ เวลา ๐๒.๔๖ น. คณะพระภิกษุ-สามเณรจากวัดสังฆทาน วัดทุ่งสามัคคีธรรม และวัดสาขาของวัดสังฆทานทั้งหมดใขณะนั้น ๑๗ สาขา เป็นจำนวนกว่า ๒๐๐ รูป รวมทั้งสาธุชนจำนวนมากได้พร้อมใจกันน้อมจิตอธิษฐาน ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ภาวนา เวียนเทียนรอบองค์หลวงพ่อโต


    ถึงวันนี้ โบสถ์แก้วได้ตั้งตระหง่านภายในเขตสีมาวัดสังฆทาน กำลังรอสายธารศรัทธาจากสาธุชนทั่วทุกสารทิศ เพื่อโบสถ์แก้วหลังนี้จะได้เป็นศาสนสมบัติอันถาวรเป็นที่อุปสมบทแห่งกุลบุตรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาสืบไป


    ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ มีการแจกพระบรมสารีริกธาตุแก่พุทธศาสนิกชน สร้อยฟ้ามาลาจึงลงชื่อขอบ้าง ก็ได้มา ๕ องค์ เอ ใช่หรือเปล่า เดี๋ยวกลับไปนับใหม่ก่อน ลืม!

    แต่รูปที่ถ่ายมา ถ่ายได้แค่ไม่กี่ภาพเพราะแบตเตอรี่หมด แบตเตอรี่สำรองก็เสื่อมแล้วชาร์จไฟไม่อยู่ ต้องโยนทิ้งเสียแล้ว ซื้อมาแพงอ่ะ เสียดายใช้ยังไม่คุ้มเลย....

    จากนั้นคณะของเราก็ไปจับจ่ายซื้อกับข้าวกับปลาอาหารตั้งวงทานข้าวกันที่บ้านสร้อยฟ้ามาลา เมื่อถึงเวลาอันสมควรแล้ว ก็ขับรถไปส่งคุณครูอำนวยกรณ์ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง

    คราวหน้ามาเที่ยวกับใหม่นะเจ้าคะ คุณครู สนุกสนานดี....

    ขอจบการซน แค่ประการฉะนี้ เจ้าค่ะ ขอขอบคุณเพื่อนทุกท่านที่ติดตามชม ให้กำลังใจเสมอมา


    สุดท้ายนี้อันกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำในครั้งนี้ขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดาคุณมารดา วงศาคณาญาติทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์ เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์เจ้านายทุกพระองค์ เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย คุณแม่พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ พระยายมราช เจ้ากรรมนายเวร และขอให้ผลบุญจงได้สำเร็จผลแด่เพื่อนๆ สมาชิกในเว็ปพลังจิต ทุกท่าน



    <EMBED height=80 type=application/x-shockwave-flash width=315 src=http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?Autoplay=1&songID=V24EEF74PA0 wmode="transparent" scale="noscale">

    อ้างอิง :

    วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์
    ข้อมูลจาก
    www.lengnoeiyi.com

    วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
    ข้อมูลจาก :
    หนังสือของดีวัดเฉลิมพระเกียรติ โดย พระมหาศรชัย ธมฺมทินฺโน
    www.tv5.co.th
    www.nonthaburi.moph.go.th
    www.skn.ac.th
    www.tat.or.th

    วัดสังฆทาน
    ข้อมูลจาก :
    www.palungjit.org โดยคุณ deneta
    sanghathandhamma.com



    .......................



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ช่วง..... เก็บภาพมาฝาก


    วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์


    a.jpg



    ..........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2018
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]
    มังกร ตรงกระถางธูปหน้าพระอุโบสถ


    [​IMG]
    หัวระเบียง เสียดายมีรอยหยดสีเปื้อนอยู่...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ลวดลายมุกหัวระเบียงต่างๆ....

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529


    [​IMG]



    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013
  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18,828
    ค่าพลัง:
    +43,529
    ดอกไม้ สวยดี ไม่รู้ว่าดอกอะไร....



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    ...........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...