โลกันตนรกเป็นนรกขุมพิเศษมีโทษหนักกว่าอเวจีมหานรก โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Komodo, 19 กันยายน 2011.

  1. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    [​IMG]
    ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

    เรื่องที่ ๑๗๑
    โลกันตนรกเป็นนรกขุมพิเศษมีโทษหนักกว่าอเวจีมหานรก


    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน


    "..โลกันตนรก เป็นนรกขุมพิเศษ ซึ่งไม่นับเนื่องกับนรกขุมใหญ่ ๘ ขุมหรือนรกบริวารหรือยมโลกียนรก นรกขุมนี้แปลกประหลาดกว่านรกขุมอื่นๆ เพราะว่านรกขุมอื่นๆ มีการลงโทษด้วยความร้อน แต่ทว่านรกขุมนี้มีการลงโทษด้วยความเย็น และสถานที่ตั้งก็ไม่ได้อยู่เรียงรายกับบรรดานรกทั้งหลาย สถานที่ตั้งของนรกขุมนี้อยู่ในระหว่างโลกทั้งสาม เปรียบเหมือนกับเอาดอกบัว ๓ ดอกมาตั้งติดกันเข้า ก็จะเกิดมีช่องว่างระหว่างกลาง ที่ตรงช่องว่างนั้นแหละเป็นสถานที่ตั้งของ โลกันตนรก แปลว่า นรกอันอยู่ที่สุดของโลก ๓ โลกคือ เทวโลก มนุษยโลก นรกหรือยมโลกียนรกหรือยมโลก

    ถ้าท่านทั้งหลายที่ได้มโนมยิทธิเวลาที่จะไปดูโลกันตนรก ตั้งจุดไว้ว่าจากโลกมนุษย์เราจะมุ่งหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก มีทางใหญ่ขาวโพลนแลดูสะอาดจะว่าเหมือนสีขาวทาก็ไม่ใช่ ใสกว่าดีกว่าถนนชั้นหนึ่งในเมืองมนุษย์ เดินไปตามทางทิศตะวันออกจะไปพบทาง ๔ แพร่ง จะพบท่าน "เทวดาอิน" ยืนยามอยู่แต่ไม่ใช่ท่านปู่พระอินทร์ สมัยท่านเป็นมนุษย์ท่านเป็นพระชื่อว่า "หลวงตาอิน" คือจากที่เราเดินไปสายหนึ่ง แล้วมีทางขึ้นทางซ้ายเป็นทางเดินค่อยๆ ลาดเป็นเนินขึ้นไปน้อยๆ เป็นทางขาวใหญ่นั่นเป็นแดนสวรรค์ อีกสายทางขวาจะเป็นทางชันเป็นแดนพรหม จากนั้นมองไปข้างหน้าเป็นทางขาวใหญ่ค่อยๆ ลาดลงตํ่าถึงที่สุดของทางนั้นเป็นแดนของนรก ถ้าถึงที่สุดทางนั้นจะเลี้ยวซ้ายนิดหนึ่งเรียกว่าตะวันออกเฉียงเหนือก็ได้ เป็นช่องว่างเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ เทวโลกและยมโลก ณ จุดนี้จะเห็นเป็นภูเขาใหญ่ ภายในเป็นถํ้าที่ใหญ่โตมโหฬารมากเรียกว่า "โลกันตนรก" ภายในถํ้ามีแต่ความมืดหาแสงสว่างไม่ได้เลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ จากดวงจันทร์และดาว มองอะไรไม่เห็นทั้งหมด แต่แสงที่จะปรากฏในโลกนี้ได้ก็คือแสงของพระพุทธเจ้า ขณะใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณวันไหน วันนั้นจะปรากฏแสงของพระองค์ลอดเข้าไปสู่ในโลกนี้แว้บหนึ่งเหมือนกับสายฟ้าแลบเท่านั้น

    บรรดาสัตว์นรกทั้งหลายมีร่างกายใหญ่โต มีเล็บมือเล็บเท้ายาว ใช้เล็บมือเล็บเท้าเกาะเชิงเขาคือข้างถํ้าไต่ไปไต่มา มองไม่เห็นกัน ในถํ้ามีความเย็นสูงมากไม่สามารถจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบกับความเย็นในโลกมนุษย์นี้ได้ เครื่องทำความเย็นทั้งหลายที่ว่าเย็นหรือตู้เย็น ถ้าจะเอาแสนมาคูณก็ยังมีความเย็นไม่เท่ากับความเย็นในโลกันตนรก มองลงไปส่วนลึกในถํ้าจะเห็นนํ้าใสเต็มไปด้วยความเย็นมาก แต่ความเย็นของนํ้าเป็นอันตรายกับร่างกาย เพราะนํ้าเย็นนี้เป็นนํ้ากรดที่มีความคมจัดสามารถจะละลายสัตว์นรกทั้งหลายที่ตกลงไปในนํ้านั้นให้ละลายหายไปในพริบตาเดียว บรรดาสัตว์นรกจะมีทั้งความเจ็บความแสบและความเย็นเข้ามาทับถม จะเกิดทุกขเวทนาอย่างสาหัสและมีความหิวเพราะไม่มีอะไรจะบริโภค ต่างคนต่างไต่ไปตามข้างๆ ขอบของถํ้าใหญ่ บรรดาแง่หินที่มีความคมก็เชือดเฉือนร่างกายของสัตว์นรกที่ผ่านไปเป็นแผลเหวอะหวะทั้งตัว เลือดไหลโทรมอยู่ตลอดเวลา และสัตว์นรกทั้งหลายเหล่านั้นถูกความเย็นเผาผลาญเกือบจะไม่มีแรงเคลื่อนตัวไปไหนอยู่แล้วแต่ก็ต้องไปเพื่อหนีให้พ้นจากความคมของแง่หิน แต่จะไปทางไหนก็ตาม ไปเกาะหินอันไหนก็ตามมันก็คมบาดตลอดเวลา ต่างก็ร้องครวญครางหาการเงียบเสียงไม่ได้ และการไต่ไปนั้นก็มองไม่เห็นแม้แต่มือและเท้าของตน

    เมื่อสัตว์นรกกระเสือกกระสนไปกระทบกันเข้า ร่างกายมันมีความนุ่มนิ่มกว่าหิน สัตว์นรกมีความหิวอยู่แล้วก็เข้าใจว่าเป็นอาหาร ต่างคนต่างก็เอาเล็บจิกเนื้อซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างปลํ้ากันแต่ไม่ทันจะได้กินสักที ก็หล่นลงไปในนํ้า จะเห็นกระแสนํ้ามีควันพุ่งขึ้นมาปรากฏว่าเป็นนํ้ากรดค่อยๆ ละลายเนื้อและหนังของสัตว์นรกไปทีละน้อยๆ แต่ว่าเร็วมาก ชั่วเวลา ๒-๓ นาทีจะเห็นว่าร่างกายของสัตว์นรกไม่มีเนื้อไม่มีหนังเหลือแต่กระดูก กระดูกก็ดิ้นไปดิ้นมามีการแสบหนักขึ้นแต่ก็ไม่ตาย เมื่อถูกทรมานพอสมควรร่างกายก็มีเนื้อเต็มขึ้นมาใหม่ บรรดาสัตว์นรกก็ว่ายกระเสือกกระสนเข้าหาฝั่ง บางตัวก็ว่ายไปกลางถํ้ากว่าจะไปหาผนังถํ้าได้ก็แสนจะลำบาก ตอนนั้นถ้าพบกันเข้าก็จิกเนื้อกันกินในนํ้าอีก ปลํ้ากันไปปลํ้ากันมาต่างคนต่างจะจิกกินซึ่งกันและกัน ตอนนี้นํ้ากรดก็แผลงฤทธิ์ใหม่ค่อยๆ ละลายเนื้อและหนังของสัตว์นรกทั้งหลายเหล่านั้นที่กำลังจะกินกันออกไปทีละน้อยๆ จนกระทั่งหมดตัวเหลือแต่กระดูกล่อนจ้อน กระดูกก็ดิ้นเร่าๆ มันดิ้นสุดฤทธิ์สักครู่หนึ่งก็ปรากฏว่ามีเนื้อหนังขึ้นมา ค่อยๆ เกิดเป็นร่างกายขึ้นมาใหม่ คราวนี้ก็ว่ายไปเกาะฝั่งได้ก็ไต่ขึ้นไปข้างเขา ก็ถูกความคมของหินเหล่านั้นบาดเอาเลือดไหลโทรม วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ไม่มีการหยุดพัก ต้องถูกทรมานไปจนกว่าจะถึงที่สุดของกรรม เพราะโลกันตนรกไม่มีอายุ แล้วก็จะไปเสวยทุกขเวทนาต่อไปในอเวจีมหานรกและไล่ขึ้นมาแต่ละขุม แสดงว่าโลกันตนรกมีโทษหนักกว่าอเวจีมหานรก ถือว่าเป็นนรกขึ้นต้น

    โลกันตนรกเป็นที่อยู่ของคนอกตัญญูไม่รู้คุณคน ประกอบกรรมที่ร้ายกาจหยาบช้ามากได้แก่การประทุษร้ายบิดามารดาหรือการทรมานบิดามารดาโดยปราศจากความกตัญญูรู้คุณ และคนที่ไม่รู้คุณงามความดีของครูบาอาจารย์ สามารถจะทำลายครูบาอาจารย์ได้ทุกอย่างหรือทำลายบิดามารดาได้ทุกอย่าง นินทาว่าร้าย อิจฉาริษยาท่าน เป็นคนจอมอกตัญญูไม่รู้คุณคน.."

    ที่มา : www.luangporruesi.com/818.html

    มาเป็นเพื่อนกันกับชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต ใน Facebook ได้นะครับ


    <IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 395px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="//www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fmotanabooncom&width=450&colorscheme=light&show_faces=false&border_color&stream=true&header=false&height=395" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2011
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    บุพกรรมโลกันตนรก (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)

    บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ความจริงวันนี้คอยังไม่ดีมาก ถ้าการพูดคละกันไปมากหรือเสียงไม่ชัดก็ต้องขออภัยด้วย วานนี้รู้สึกว่าป่วยหนักไปหน่อย วันนี้ตอนกลางวันก็ต้องนอนเกือบวันแต่ทว่าเมื่อถึงเวลาแนะนำกัน ก็พร้อมที่จะแนะนำ เพราะว่าถือว่าขันธ์ 5 ไม่มีความสำคัญ วันนี้จะได้นำเอานรกพิเศษ ซึ่งไม่นับเนื่องไปด้วยนรก 8 ขุม หรือว่านรกบริวารหรือ ยมโลกียนรก นรกพิเศษขุมนี้มีนามว่า โลกันตนรก คำว่า โลกันตนรก แปลว่าอยู่ที่สุดของโลก จัดเป็นนรกขุมพิเศษและท่านกล่าวว่าเป็นนรกขุมใหญ่ ลักษณะของนรกขุมนี้ มีอาการแปลก ประหลาดกว่านรกขุมอื่นๆ เพราะว่า

    นรกขุมอื่นๆ มีการลงโทษด้วยความร้อน แต่ทว่านรกขุมนี้มีการลงโทษด้วยความเย็น มันต่างกันตรงนี้ และสถานที่ตั้งก็ไม่ได้อยู่เรียงราย กับบรรดานรกทั้งหลายที่กล่าวมาแล้ว ท่านบอกว่าอยู่นอกจักรวาลคำว่าจักรวาล ก็คงจะเป็นจักรวาลของนรก คือสาถนที่ตั้งของนรกขุมนี้อยู่ในระหว่างโลกทั้งสาม ท่านกล่าวว่าถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับว่าดอก ปทุมชาติ 3 ดอก คือ ดอกบัว ภาษาบาลีท่านเรียกดอกปทุมชาติ ผมก็ไม่ค่อยชอบพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน แต่ทว่าจะไปค้านท่านก็ไม่ได้

    เราก็ว่าของเราแบบไทยๆ คือท่านบอกว่าเหมือนกับดอกบัว 3 ดอก เอามาตั้งติดกันเข้า ก็จะเกิดมีช่องว่างในระหว่างกลาง จักรวาลต่างๆ ก็ตั้งชิดกันเช่นเดียวกับดอกบัว ฉะนั้น ที่ตรงช่องว่างนั้นแหละเป็นสถานที่ตั้งของโลกันตนรก แปลว่านรกอันอยู่ที่สุดของโลกจักรวาล เลยไม่ต้องรู้เรื่องกัน
    รู้เรื่องไหม ถ้ารู้ก็รู้ ไม่รู้ก็จะบอกให้ สำหรับ โลกันตนรก นี้ผมจะอธิบายอีกหน่อยหนึ่ง ถ้าเราจะมาเปรียบเทียบกันคือท่านบอกว่ามันอยู่ที่สุดของโลก มันอยู่ที่สุดของโลก 3 โลก คือ

    1. เทวโลก
    2. มนุษยโลก
    3. นรก หรือยมโลกียโลก หรือยมโลก

    เป็นอันว่าโลก 3 โลกเมื่อตั้งกันแล้ว จุดช่องว่างมันก็มีอยู่ตรงระหว่างที่จะชนกัน ตรงนั้นแหละเป็นที่ตั้งของ โลกันตนรก แล้วก็ โลกันตนรก นี่ไม่ใช่นับเรื่องเช้าในนรกอะไรทั้งหมด เป็นนรกขุมพิเศษที่ลงโทษเป็นพิเศษ บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ถูกลงโทษจาก โลกันตนรก แล้ว ก็จะเข้าไปเสวยทุกขเวทนาต่อไปใน อเวจี มหานรก เราก็ดูว่าโทษของเขาเป็นอย่างไร มาว่ากันตามภาษาที่บาลี
    ท่านกล่าวไว้เสียก่อน ท่านกล่าวว่าในโลกันตนรกนั้นมีความมืด ท่านล่อท้ายเป็นที่ยิ่งที่ผมไม่ยิ่งกับท่านล่ะ เอากันมืดตื๋อ ไม่มีแสงสว่างจากเดือนดาว จากแสงพระอาทิตย์เป็นสถานที่ที่มืดมนจริงๆ

    เออ.. ท่านเล่นล่อศัพท์ทับๆ กันแบบนี้ผมก็รำคาญ ไม่อ่านก็ไม่ได้ สามารถห้ามเสียซึ่งความบังเกิดขึ้นแห่งจักษุวิญญาณ เลยไม่ต้องรู้เรื่องกัน เป็นอันว่ามองอะไรไม่เห็นทั้งหมด ง่ายๆ ดีกว่า ไม่มีดาว ไม่มีเดือน ไม่มีแสง พระอาทิตย์ แต่แสงที่จะปรากฏในโลกนี้ได้ ก็คือแสงของพระพุทธเจ้า
    ในขณะใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณวันไหนวันนั้นจะปรากฏว่า แสงขององค์สมเด็จพระจอมไตร ลอดเข้าไปสู่ในโลกนี้นิดหนึ่งแว็บหนึ่ง เหมือนกับสายฟ้าแลบ นี่เป็นอันว่าโลกนี้จะมีแสงเพียงแค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

    ท่านกล่าวต่อไปว่า บรรดาสัตว์ที่จะเกิดในโลกันตนรกนี้ มีร่างกายใหญ่โตชอบลงท้ายว่ายิ่งนักผมไม่นักกับท่านล่ะ แล้วก็มีเล็บมือเล็บเท้ายาว นี่ลงท้ายว่าหนักหนาอีกด้วย ผมไม่เอาขอตัดออกแล้วก็ต้องมีเล็บมือเล็บเท้าเกาะอยู่ คือใช้เล็บมือเล็บเท้าเกาะอยู่ตามเชิงเขา เป็นอันว่า โลกันตนรกนี้
    ขออธิบายให้ฟังว่ามันเป็นเขาลูกใหญ่จริงๆ แล้วก็อยู่ที่สุดของโลก

    ถ้าหากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายได้มโนมยิทธิ เวลาที่จะไปดูโลกนี้สำหรับ โลกันตนรก นี้จะบอกให้ ตั้งศูนย์จุดไว้ว่าเราจะไปทางด้านทิศตะวันตก เมื่อเดินไปตามทางทิศตะวันออกจะไปพบทาง 4 แพร่ง คือจากที่เราเดินไปสายหนึ่ง แล้วมีทางขึ้นทางซ้าย เป็นทางเดินค่อยๆ ลาดขึ้นไปสายหนึ่ง อีกสายทางขวาเป็นทางชันจากนั้นปลายทางจะสู่ลงต่ำค่อยๆลงต่ำ ถ้าถึงที่สุดทางนั้นจะเลี้ยงซ้ายนิดหนึ่ง เป็นช่องว่างเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ เทวโลกและยมโลก เลี้ยวซ้ายนิดหนึ่งที่เราเรียกว่าตะวันออกเฉียงเหนือก็ไม่ผิด

    ในจุดนั้นเราจะเห็นเป็นภูเขาใหญ่ ภายในเป็นถ้ำที่ใหญ่โตมโหฬารมากมองเข้าไปภายในจะมีแต่ความมืด หาแสงสว่างไมได้เลย แต่ทว่าเราอาศัยอทิสสมานกายที่เป็นทิพย์ มีอารมณ์ทั้งหมดเป็นทิพย์ เราก็สามารถจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในถ้ำใหญ่นั้นได้ คือ โลกันตนรก และในที่นั้นนั่นแหละ เราจะได้มองเห็นว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลาย มีร่างกายใหญ่โต มีเล็บมือเล็บเท้ายาว ใช้เล็บมือเล็บเท้าเกาะเชิงเขาคือข้างถ้ำ ไต่ไปไต่มา เขาทั้งหลายไม่มองเห็นกัน ในระหว่างถ้ำนั้นมีความเย็นสูงมาก

    ผมไม่สามารถจะเอาอะไร มาเปรียบเทียบกับความเย็นในโลกมนุษย์นี้ได้ เครื่องทำความเย็นทั้งหลาย ที่ว่าเย็นหรือว่าตู้เย็น ที่เราทำน้ำเป็นน้ำแข็งได้ ถ้าเราจะเอาแสนมาคูณ ก็ยังมีความเย็นไม่เท่ากับ ความเย็นใน โลกันนรก นี่มันเย็นจริงๆ

    ที่มันเย็นอย่างนี้ ก็เพราะว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ไปตกนรกในโลกนี้ ก็เป็นสัตว์ที่มีความเย็นของใจ เธอมีอารมณ์ใจที่เย็นที่สุดในสมัยที่เป็นมนุษย์ สำหรับความเย็นของบรรดาสัตว์ทั้งหลายนี่เก็บไว้ก่อน เพราะว่าจะพูดถึงลักษณะของสัตว์ในถ้ำนี้นอกจากจะมีถ้ำใหญ่โตแล้ว มองลงไปส่วนลึก เราก็จะเห็นน้ำใส เต็มไปด้วยความเย็น น้ำนี่เย็นมาก แต่ความเย็นของน้ำเป็นอันตรายกับร่างกาย คือ ไม่ใช่ว่าตกลงไปแล้วเป็นก้อนน้ำแข็ง ไม่ใช่อย่างนั้น ร่างกายเราจะแข็งไปด้วย เหมือนกับเอาขอบงมาใส่ในตู้เย็น ไม่ใช่อย่างนั้น แต่น้ำเย็นนี่มันเป็นน้ำกรดที่มีความคมจัด ลองคิดดูเย็นจัด หนาวจัดมีความคมจัด สามารถจะละลายสัตว์ทั้งหลาย ร่างกายของสัตว์ทั้งหลายที่ตกลงไปในน้ำมัน ให้ละลายหายไปในพริบตาเดียว บรรดาสัตว์ทั้งหลายจะมีทั้งความเจ็บ ทั้งความแสบ ทั้งความเย็นเข้ามาทับถม จะเกิดทุกขเวทนาอย่างสาหัส

    ที่นี้มาพูดถึงอาการของสัตว์นรกทั้งหลายเหล่านี้ ที่ตกนรกขุมนี้ ก็รู้สึกว่ามีปริมาณมาก มีปริมาณไม่น้อย ถ้าเราจะเทียบกันกับ โรรุวนรก” หรือ “มหาโรรุวนรก” นรกทั้งสองนี้ยังมีปริมาณของสัตว์นรกน้อยกว่า โลกันตนรก ถ้าเราจะไปเทียบกับ “อเวจีมหานรก” ผมก็เห็นว่าจะใกล้เคียงกัน ถ้าจะถามว่า เราจะเห็นได้อย่างไรก็บอกว่าการไปมีสภาพเป็นทิพย์ นี่ผมพูดนี่แนะนำให้ท่าน ที่ได้มโนมยิทธิ รู้จักใช้อารมณ์ของตนให้ถูกต้อง ที่กล่าวนี่กล่าวตามพระบาลี พระบาลีน่ะท่านพูดไว้ไม่ผิดถ้าบังเอิญจะมีอะไรผิดขึ้นนั่นคือเราเป็นผู้ผิด เพราะว่าเรามีอารมณ์ไม่ละเอียดเท่ากับ
    ท่านผู้บัญญัติศัพท์ หรือกล่าวเรื่องราวนี้มาคือ พระพุทธเจ้า

    บรรดาสัตว์นรกทั้งหลายเหล่านั้นเต็มไปด้วยความหิว เพราะว่าไม่มีอะไรจะบริโภค ต่างคนต่างไตไปตามข้างๆ ขอบของอะไรล่ะ ขอบของถ้ำใหญ่ บรรดาแง่หินทั้งหลายที่เต็มไปหมด มันมีแง่หิน แง่หินที่ปรากฏออกมาก็เป็นแง่หินที่เต็มไปด้วยความคม เชือดเฉือนร่างกายของสัตว์ทั้งหลายที่ผ่านไปให้เป็นแผลทั้งตัวเหวอะหวะ เลือดไหลโทรมอยู่ตลอดเวลา เธอทั้งหลายเหล่านั้น ถูกความเย็นเผาผลาญไม่ใช่ความร้อน ถูกความเย็นเผาผลาญเกือบจะไม่มีแรงเคลื่อนตัวไปไหนอยู่แล้วแต่ก็ต้องไป ไปเพราะอะไร ไปเพราะว่าแง่หินทั้งหลายที่กระทบตัวอยู่นั้นมันบาดเป็นแผลเหวอะหวะ....

    เจ็บ ก็ต้องการจะไต่ไปเพื่อหนีให้พ้นจากความคมของแง่หิน แต่ว่าจะไปทางไหนก็ตาม ไปเกาะหินอันไหนก็ตาม มันก็คมบาตรตนอยู่นั่นเธอทั้งหลายก็กระเสือกกระสนเพื่อจะหนีความคมของหิน

    เป็นอันว่าไต่กันไปอย่างนั้นเลือดโทรมกาย ความหนาวเหน็บเจ็บทรวงก็ปรากฏ ต่างคนต่างก็ร้องครวญครางเรียกว่าหาความสุขหาการเงียบเสียงไม่ได้ และการไตไปของเธอทั้งหลายเหล่านั้นมองไม่เห็นแม้แต่มือและเท้าของตน ต่างคนต่างกระเสือกกระสนไป เพื่อจะให้พ้นจากความหนาวเย็น
    และความคมของหินที่บาดตน บรรดาสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้มีทุกขเวทนาอย่างสาหัส

    ครั้นปรากฏว่าสัตว์บางตนไปกระทบกันเข้า เมื่อกระทบร่างกายซึ่งกันและกัน ร่างกายของสัตว์ทั้งหลายเลห่านั้นมีลักษณะไม่เหมือนหิน มันมีความนุ่มนิ่มดีกว่า บรรดาสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นที่มีความหิวอยู่แล้ว ก็เข้าใจว่า ของทั้งหลายเหล่านั้นที่เรากระทบเป็นอาหาร ต่างคนต่างเอาเล็บจิกเนื้อซึ่งกันและกัน เมื่อได้เนื้อมาแล้วก็เอาใส่ปากของตัว ต่างคนต่างปล้ำกัน ต่างคนต่างจิก เนื้อซึ่งกันและกันก็เห็นว่าจะไม่ทันจะได้กิน เห็นทีไรไม่ทันได้กินสักที ไอ้มือ และเท้ามันก็ปล่อยจากการเกาะหิน ปล้ำกันแบบนั้นก็หล่นลงในน้ำ เมื่อหล่นลงไปในน้ำ เราะเห็นกระแสน้ำที่เต็มไปด้วยความใสและความเย็น มีควันพุ่งขึ้นมา ปรากฏว่าเป็นน้ำกรด ค่อยๆ ละลายเนื้อและหนังของสัตว์ไปทีละน้อยๆๆ แต่ว่าเร็วมาก มองไปชั่วเวลา 2-3 นาทีจะเห็นว่าร่างกายของสัตว์ทั้งหมด ไม่มีเนื้อไม่มีหนังเหลือแต่กระดูก กระดูกก็ดิ้นดิ้นไปดิ้นมา ถึงแม้ว่าเหลือแต่กระดูกสัตว์ตัวนี้มันก็ไม่ตาย มีการแสบหนักขึ้นในไม่ช้าถูกทรมานพอสมควร ร่างกายมีเนื้อเต็มขึ้นมาใหม่ เมื่อมีเนื้อเต็มขึ้นมาใหม่ตอนนี้

    น้ำกรดไม่ทำอันตราย แต่ความเย็นและความแสบยังปรากฏ บรรดาสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นก็ว่ายกระเสือกกระสนเข้าหาฝั่ง แต่ความจริงเธอก็ไปแบบเดาบางตัวก็ว่ายไปหากลางโน่น กลางถ้ำ กว่าจะไปหาผนังถ้ำได้ก็แสนจะลำบาก ตอนนั้นถ้าเจ กันเข้าก็จิกเนื้อกันกินน้ำอีก ปล้ำกันไปปล้ำกันมา
    ต่างคนต่างจะจิกกินซึ่งกันและกัน ตอนนี้น้ำกรดก็แผลงฤทธิ์ใหม่ ค่อยๆ ทำลายเนื้อและหนังของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นที่กำลังจะกินกัน ออกไปทีละน้อยๆ จนกระทั้งหมดตัวเหลือแต่กระดูกล่อนจ้อน กระดูกก็ดิ้นเร่าๆ ดิ้น... ไม่รู้จะอธิบายว่าอย่างไร มันดิ้นสุดฤทธิ์ สักครู่หนึ่งก็ปรากฏว่ามีเนื้อหนังขึ้นมาร ค่อยๆ เกิดเป็นร่างกายขึ้นมาใหม่คราวนี้ว่ายมาว่ายไป ไปเกาะฝั่งได้ก็ไต่ขึ้นไปข้างเขา ก็ถูกความคมของบรรดาหินทั้งหลายเหล่านั้นบาดเอาเลือดไหลโทรม
    นี่เป็นลักษณะของสัตว์นรกใน โลกันตนรก ผมก็ขอพูดย่อๆ ย่อๆ พอได้ความ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นแนวทางของบรรดาท่านทั้งหลายที่ไดม้ โนมยิทธิ จะไดห้ าทางไปสู่ที่ๆ นั้น หาทางพิสูจน์คำสั่งและคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ทีนี้เราก็มาว่ากันถึงว่า อำนาจความดีหรือความชั่ว ที่บรรดาสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ที่มีโอกาสไปตก โลกันตนรก นรกนี้เป็นนรกขุมเย็น ผมบอกท่านแล้วว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้ที่จะไปตกนรกก็เพรา.. ตกเพราะความเย็น เย็นตรงไหนล่ะ กรรมของเขามันกรรมเย็น ไอ้กรรมก็คือกรรม อกตัญญู ไม่รู้คุณคน แล้วก็ไม่มองเห็นโทษของคน ท่านบอกว่าสัตว์ทั้งหลายที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้ ที่จะต้องตำนรกขุมนี้ก็คือ เคยประกอบกรรมที่ร้ายกาจหยาบช้ามาก ได้แก่การประทุษร้ายบิดามารดา หรือการทรมานบิดามารดา โดยการปราศจากความกตัญญูรู้คุณ ความจริงคุณของบิดามารดานี่เหลือล้น ถ้าเราไม่มีบิดามารดา เราลองคิดซิว่า เราจะมีร่างกายขึ้นมาได้ไหม ไม่เหมือนกับคนจัญไร ที่คิดว่าบิดามารดาไม่ได้ตั้งใจให้เราเกิด ความจริงหากว่าท่านไม่ตั้งใจให้เราเกิด แล้วเราเลือกเกิดมาทำไม เมื่อเราเกิดมาแล้ว ถ้าหากว่าท่านไม่รักไม่เมตตาเรา ท่านปล่อยเราๆ ก็ตาย คลอดมาแล้วท่านไม่สนใจเราก็ตาย แต่ว่านี่ท่านผู้มีคุณ เมื่อเราเกิดมาแล้ว ท่านจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามที ปรากฏว่า

    ลูกน้อยนี้เกิดขึ้นในครรภ์ของมารดา มารดาก็ประคับประคอง บิดาก็พยายามทะนุถนอมไม่ให้มารดาทำงานหนัก เกรงว่าลูกน้อยในครรภ์จะตาย นี่เจตนาของบิดามารดาดีขนาดนี้จะมานั่งพูดถึงคุณอีก 3 ปีก็ไม่จบ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะผมเป็นคนชอบบูชาคุณบิดามารดา นี่ไม่ใช่อวดหรือบูชาคุณบุคคลผู้มีคุณ แม้แต่ให้ข้าว ให้น้ำกิน เพียงแค่ข้าวต้มสักกระบวย ข้าวสวยสักทัพพี น้ำสักหยด

    หนึ่ง นี้เราก็ต้องถือว่าเป็นผู้มีคุณ

    แต่บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่มาตกนรกนี้ไม่ได้มองเห็นคุณงามความดีของบิดามารดา ผมจึงบอกว่าเขาเย็นมาก ใจเขาเย็นจนกระทั่งไม่มีความรู้สึกว่าบิดามารดามีคุณ สามารถจะทรมานท่านได้กลั่นแกล้งท่านได้ มีความอกตัญญูเห็นว่าบิดามารดาเลวกว่าตนได้ และท่านบอกว่าเหมือนกับคนมีตามืดมองไม่เห็นคุณนี่ประการหนึ่งแล้วอีกประการหนึ่งท่านก็กล่าวว่า เป็นคนที่หาคุณไม่ได้ ได้แก่

    การคิดประทุษร้ายกับบุคคลที่มีคุณ คือมีครูบาอาจารย์เป็นต้น ครูบาอาจารย์ที่สอนตนให้มีความรู้

    คำว่า “ครู” นี่ไม่ได้หมายถึงว่าต้องอยู่ในโรงเรียน คนที่แนะนำสั่งสอนให้เรารู้จักดีรู้จักชั่วจะเป็นคนสูงสุดตั้งแต่พระมหากษัตริย์ ลงมาถึงคนยากจนเข็ญใจของทานก็ตามที อันนี้องค์สมเด็จพระชินศรีกล่าวว่าเป็นผู้มีคุณ คนที่ให้วิชาความรู้เรา คือเขาทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ใช่เรานะ คำว่า“เรา” เดี๋ยวจะหาว่า เกณฑ์ว่าบรรดาพวกท่านทั้งหลายเป็นสัตว์ใน โลกันตนรก ล่ะก็ซวยจัด หรือว่า

    พวกเราใครบ้างที่มีความรู้สึกอย่างนี้ มีขึ้นจะไปก็ตามใจเถอะนะ แต่ผมไม่อยากให้ท่านไป ถ้าไปๆชมล่ะก็ไป อย่าไปอยู่นะ พยายามพิจารณาใจของเราให้ดี
    รวมความว่าสัตว์นรกที่มาตกในนรกขุมนี้ ก็เป็นสัตว์ที่ประกอบไปด้วยความอกตัญญู ไม่รู้คุณ คือไม่รู้คุณความดีของบิดามารดาประการหนึ่ง ไม่รู้คุณงามความดีของครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์นี่อย่าลืมนะ ผมไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นครูในโรงเรียน แม้แต่เพียงเด็กเล็กๆ ถ้าชี้หนทางที่เราหลง บอกความไม่เข้าใจที่เราไม่เข้าใจอยู่ ให้เราเกิดความเข้าใจ แม้แต่คำเดียว คนประเภทนี้ท่านกล่าวว่าเป็นครูแล้วก็ครูนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า มีคุณอย่างยิ่ง

    เราจะเห็นว่าในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสวยพระชาติเป็น “พระเจ้าสุตโสม”เวลานั้นมีคนจะมาสอนอรรถธรรมแก่พระองค์ แต่ว่าเขาเป็นคนจน เมื่อเวลาเข้าไปศึกษาธรรม เพียงแค่ธรรมะคำสอนเพียงแค่ 4 บาท เป็นภาถาบทหนึ่งเท่านั้น องค์สมเด็จพระภควันต์ซึ่งเป็นกษัตริย์ ก็ทรงให้ครูนั่งบนพระแท่นที่พระองค์เคยประทับ แล้วพระองค์ก็เสด็จมานั่งกับพื้นข้างล่าง เป็นการบูชาครู นี่องค์สมเด็จพระบรมครู ทรงมีความกตัญญูรู้คุณถึงเพียงนี้
    แต่ทว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่มาเกิดใน โลกันตนรก นี้ ไม่มีการรู้สึกในคุณของบุคคลที่มีคุณคือได้แก่ครูบาอาจารย์ สามารถจะทำลายครูบาอาจารย์ได้ทุกอย่างหรือทำลายบิดามารดาได้ทุกอย่าง

    พ่อแม่ที่เลี้ยงมาก็ลืมคุณของท่าน ทรมานท่านได้นินทาว่าร้ายท่านได้ อิจฉาริษยาท่านได้ ครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนวิทยาการต่างๆ ก็เช่นเดียวกัน มองไม่ได้เห็นความดีของครูบาอาจารย์ เป็นคนจมอกตัญญูไม่รู้คุณคนสามารถจะทำลายความดีของครูบาอาจารย์ให้พินาศไป ตามเจตนารมณ์ของตน
    เช่น พระเทวทัต แต่ว่า พระเทวทัต นั่นยังมีความดีกว่าพวกนี้อยู่ เพราะก่อนที่จะตายนึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระบรมครู จึงเลี่ยงไม่ต้องตกนรกขุมนี้ ไปลง อเวจีมหานรก เพราะตอนนั้นมีความรู้สึกตนว่าผิด มีการขอขมาโทษต่อพระบรมครู

    นี่เป็นอันว่านรกขุมนี้เป็นที่อยู่ของคนอกตัญญูไม่รู้คุณคน คือไม่รู้จักสภาวะของคน
    สามารถทำลายสร้างจิตใจ คือทำลายความดีของบุคคลผู้มีคุณ บิดา มารดาเป็นต้น ได้คนประเภทนี้ไม่มีความรู้สึกดี ไม่มีความรู้สึกชั่ว ผมจึงกล่าวว่าเขามีโทษในความเย็นคือใจเขาเย็นเกินไปจนกระทั่งไม่มีความรู้สึกอะไร ว่าโทษอันใดที่มันจะเกิดกับเราเพราะอาศัยการอกตัญญูไม่รู้คุณคนนี่ไม่มีสำหรับเขา ผมจึงเรียกว่าเขาเย็นไม่มีความร้อน

    เอาล่ะบรรดาเพื่อนพุทธบริษัททั้งหลาย ตามที่องค์สมเด็จพระชินวร ทรงแนะนำมาอย่างนี้รับฟังแล้วก็ฟังกันไว้ก่อน เพื่อเป็นการเปลื้องความสงสัย ในการแนะนำขององค์สมเด็จพระชินวรจงใช้มโนมยิทธิติดตามคำแนะนำ ขององค์สมเด็จพระชินศรีบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไปดู จะได้ทราบชัดว่า คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมครูจริงหรือไม่จริงเพียงใด จะว่ากันไปเวลามันก็หมดแล้วในวันนี้ ก็ขอความสุขสวัสดิจงมีแก่ท่านผู้รับฟังทั้งหลาย

    ที่มา : บุพกรรมโลกันตนรก (พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2011
  3. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมอ่านแล้วน่าสนใจจึงเอามาฝากครับ มีคำตอบสำหรับหลาย ๆ คนเลย

    1. คนเนรคุณ (อกตัญญู) ต่อผู้มีพระคุณ (รวมประเทศด้วย) มีที่ไปเช่นไร
    2. คนที่คิดว่า พ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมา ควรเปลี่ยนความคิดใหม่ครับ
    3. คนที่ไม่รู้จริง แต่ชอบสอนคนอื่น ถ้าสอนพลาดและทำให้คนเป็นมิจฉาทิฏฐิจะเป็นเช่นไร
    4. ศิษย์คิดล้างครู มีที่ไปเช่นไร​
     
  4. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    อนุโมทนาครับ

    กำลังอ่านอยู่ ยาวหน่อย แต่น่าสนใจมากเลยครับ

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กันยายน 2011
  5. toyhonda

    toyhonda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +1,782
    อยากให้คนที่กำลังเนรคุณ(ประเทศ) ได้เข้ามาอ่านจังเลย!
     
  6. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    อนุโมทนา ในข้อคิดเตือนใจให้สังวรณ์ในกฏแห่งกรรมด้วยครับ
     
  7. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ถ้าพวกเขาได้มาอ่านเมื่อไหร่ สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำก็คือ"ปิดหน้านี้จากหน้าจอคอม"

    ด้วยเหตุผลคือ"กว่าจะตายก็อีกหลายปี ตอนนี้ก็ขอเสพสุขกับความหรูหราฟู่ฟ่า(กับแบ๊งค์พันปลอมที่ได้รับค่าจ้างมา)ให้เต็มอิ่มก่อน :)
    และอีกเหตุผลหนึ่งคือ "งมงาย ไร้สาระ"

    ปล. ธนบัตรปลอมระบาดในช่วงรัฐบาลก่อนนะอย่าลืม
     
  8. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    เนรคุณประเทศไม่น่าเข้าข่ายมั้งครับ

    อย่างประเทศไทยจริงๆ ก็ประกอบด้วยรัฐหลายรัฐ จนร.5 รวมเป็นประเทศเดียว ยุบพวกเจ้า ที่ครองมณฑณ ต่างๆทิ้งหมด แบบนี้พวกเค้าถือว่าเนรคุณประเทศหรือไม่

    แล้วประเทศไทย ก้อโดนแบ่งแยกไปเป็นของประเทศอื่น อีกเยอะแยะเช่น จีน มาเล พม่า ลาวๆลๆ แล้วคนในเขตนั้นถือว่าเนรคุณประเทศไทยหรือไม่
     
  9. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    จีน มาเล พม่า ลาว ฯลฯ เขาไม่ได้ใช้สวัสดิการณ์ที่มาจากอธิปไตย์ของไทย
    อาทิเช่น การแพทย์ การศึกษา การสื่อสาร แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งที่ทำกิน สิ่งอำนวยความสะดวกด้านอุปโภคบริโภค

    ของต่างๆเหล่านี้ ส่วนหนึ่งมาจากภาษีอากรประชาชนที่มีเจตจำนงชำระให้แก่ทางรัฐอย่างถูก่ต้องตามกฎหมาย และส่วนหนึ่งมาจากทรัพย์ส่วนพระองค์

    เมื่อเขาไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่เรียกว่าพวกเขาเนรคุณประเทศไทย
     
  10. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    ไม่ครับ สมัยก่อนเขาอาศัยเราเพราะเป็นส่วนหนึ่งของสยามครับ แต่แบ่งแผ่นดินไป สินสองปันนานั่นก็ของไทยก็โดนจีนเอาไปรัฐเปรัค ปะริศๆลๆ ซึ่งตอนเป็นสยามพวกเขาได้ การแพทย์ การศึกษา การสื่อสาร แหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งที่ทำกิน สิ่งอำนวยความสะดวกด้านอุปโภคบริโภค ในแผ่นดินสยามครับ อย่างล้านนา ทั้งหมด พึ่งรวมตัวกับสยามเมื่อ 100ปี ที่ผ่านมานี่เอง สมัยก่อนเขามี ภาษาพูด แม้ตัวอักษรเขียน วัฒนธรรม ก็มีเป็นของตัวเอง หาใช่ของสยามสักนิดไม่ แต่สยามไปตีชิงเอามา แล้วล้มจ้าวล้านนาเสียสิ้นแล้วผนึกรวมเป็นส่วนหนึ่งของสยาม จากนั้นส่งคนส่วนกลางไปปกครอง อยากทราบว่า ชาวล้านนาเนรคุณกับแผ่นดินตัวเองหรือไม่ ?? เพราะล้านนามีมา700กว่าปีแล้วนะครับ กรุงรัตนโกสินมีแค่ไม่กี่ 100ปี เท่านั้น
     
  11. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เรื่องแต่ละเมืองแข็งข้อนั้น ผมคิดว่าไม่นับครับ เพราะเขามีสิทธิของเขา

    แต่ถ้าคนในชาติเดียวกันและทำร้ายกัน ผมคิดว่า น่าจะนับ (พิจารณาแบบละเอียดไว้ก่อน ไม่เสียหายครับ)

    อ่านคำที่หลวงพ่อสอนไว้นะครับ

    หนึ่ง นี้เราก็ต้องถือว่าเป็นผู้มีคุณ

    แต่บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่มาตกนรกนี้ไม่ได้มองเห็นคุณงามความดีของบิดามารดา ผมจึงบอกว่าเขาเย็นมาก ใจเขาเย็นจนกระทั่งไม่มีความรู้สึกว่าบิดามารดามีคุณ สามารถจะทรมานท่านได้กลั่นแกล้งท่านได้ มีความอกตัญญูเห็นว่าบิดามารดาเลวกว่าตนได้ และท่านบอกว่าเหมือนกับคนมีตามืดมองไม่เห็นคุณนี่ประการหนึ่งแล้วอีกประการหนึ่งท่านก็กล่าวว่า เป็นคนที่หาคุณไม่ได้ ได้แก่

    การคิดประทุษร้ายกับบุคคลที่มีคุณ คือมีครูบาอาจารย์เป็นต้น ครูบาอาจารย์ที่สอนตนให้มีความรู้

    คำว่า “ครู” นี่ไม่ได้หมายถึงว่าต้องอยู่ในโรงเรียน คนที่แนะนำสั่งสอนให้เรารู้จักดีรู้จักชั่วจะเป็นคนสูงสุดตั้งแต่พระมหากษัตริย์ ลงมาถึงคนยากจนเข็ญใจของทานก็ตามที อันนี้องค์สมเด็จพระชินศรีกล่าวว่าเป็นผู้มีคุณ คนที่ให้วิชาความรู้เรา คือเขาทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ใช่เรานะ คำว่า“เรา” เดี๋ยวจะหาว่า เกณฑ์ว่าบรรดาพวกท่านทั้งหลายเป็นสัตว์ใน โลกันตนรก ล่ะก็ซวยจัด หรือว่า

    พวกเราใครบ้างที่มีความรู้สึกอย่างนี้ มีขึ้นจะไปก็ตามใจเถอะนะ แต่ผมไม่อยากให้ท่านไป ถ้าไปๆชมล่ะก็ไป อย่าไปอยู่นะ พยายามพิจารณาใจของเราให้ดี
    รวมความว่าสัตว์นรกที่มาตกในนรกขุมนี้ ก็เป็นสัตว์ที่ประกอบไปด้วยความอกตัญญู ไม่รู้คุณ คือไม่รู้คุณความดีของบิดามารดาประการหนึ่ง ไม่รู้คุณงามความดีของครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์นี่อย่าลืมนะ ผมไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นครูในโรงเรียน แม้แต่เพียงเด็กเล็กๆ ถ้าชี้หนทางที่เราหลง บอกความไม่เข้าใจที่เราไม่เข้าใจอยู่ ให้เราเกิดความเข้าใจ แม้แต่คำเดียว คนประเภทนี้ท่านกล่าวว่าเป็นครูแล้วก็ครูนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า มีคุณอย่างยิ่ง

    แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ถือว่าเป็น "ครู"
     
  12. thontho

    thontho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +612
    สมเด็จโต บอกไว้ที่สำนักปูสวรรค์ นรกมี 18 ขุม(สงสัยโบราณ คัดลอกไปๆมาๆเลยตก เลข 1 เหลือแค่ 8 ขุม ขุมที่ 18 ที่พระเทวทัตต์ถูกจองจำในขณะนี้ และต่อไปจะมีคนที่ทำลายงานสันติภาพโลกของท่านตามไปอีกคนหนึ่ง......ฟังหู ไว้หู นะ อย่าเพิ่งเชื่อง่ายๆ
     
  13. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ไม่รู้แฮะ เพราะผมพิจารณาจาก"ใครดูแลคนในปกครองอย่างไร" มากกว่า

    ผมเองก็ไม่สามารถยืนยันได้หรอกว่าจ้าวเมืองล้านนาดูแลชาวเมืองกับเชลยอย่างไร รวมทั้งไม่สามารถยืนยันได้อีกเช่นกันว่า กษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินดูแลชาวเมืองและเชลยอย่างไร

    และที่มากไปกว่านั้น ผมเองก็ไม่สามารถที่จะยืนยันได้เลยจริงๆว่า เรื่องจริงที่เกิดขึ้น กับ ประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึก มีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
     
  14. ttt2010

    ttt2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +904
    อนุโมทนาสาธุ บุญนี้ ขอยกให้กับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยเทอญ...
    ttt2010 ศิษย์พระอาจารย์บุญยง อภิลาโส ภิกขุ
    _____________________________________________________

    บอกบุญแหล่งทำบุญ
    ท่องวัดและศาสนสถานที่สำนักสงฆ์พรหมรังศรี
    เปิดดวง พิธีกรรมแก้ดวงชะตา (สำนักสงฆ์พรหมรังศรี)
    ร่วมบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถวัดดอนพัฒนาราม พระนครศรีอยุธยา
    ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างศูนย์วิปัสสนาศิริธรรม(นายาง)ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  15. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เพื่อป้องกันความสับสนนะครับ

    1. อย่าเอาเรื่องเมืองขึ้นมาถกเถียงกัน เพราะมันไม่จบ

    2. จะเข้าข่ายหรือไม่นั้น ถ้าเรามองว่าบาป เราก็ไม่ควรทำ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเรามองว่า "กรรมหนัก" ทุกเรื่อง เราก็จะระมัดระวังในศีลมากขึ้นครับ

    โมทนา
     
  16. รากแห่งธรรม

    รากแห่งธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    667
    ค่าพลัง:
    +3,173
    อดีต คือ อดีต ปัจจุบัน คือ ปัจุบัน อนาคต คืออนาคต จะเอามารวมแล้วเขย่า ออกมา ตรรกะ อย่างนั้นไม่ได้ อดีตก่อนนั้น คนละแว่นแคว้น ปัจจุบัน ชนชาติเหล่านั้นรวมกันเป็นชาติไทย เป็นคนไทย มีพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจของพระองค์ ภายใต้พระมหาเศวตฉัตรแห่งพระบรมราชจักกรีวงษ์ เงินภาษีทั้งหลายทีใช้กันก็มาจากภาษีของคนชาติไทย ที่ทำงานแล้วเสียภาษีบำรุงประเทศไทย ไม่ได้อยกกันเสียหน่อยว่า ภาษีฉันนี่บำรุงของล้านนา บำรุงปริศ บำรุงสิบสองปันนา บำรุงมาลายู ซะเมื่อไหร่ เมื่อเสียไปแล้วก็เสียไป ไอ้ที่เหลืออยู่ก็คือชาติไทย ถ้ายังทะเลาะยังเนรคุณ แตกแยก ล้มล้างกันอญู่แบบนี้ ก็มีโลกันต์นรก ผมว่าหน้านี้ พระคันหู ที่เพชรบูรณ์น่าจะได้มาอ่านบ้าง
     
  17. danit

    danit สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +4
    ขออนุโมทนาสาธุครับ คนทื่คิดทำลายประเทศก็เข้าข่ายนี้ถือเป็นกรรมหนักครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...