เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 14 มิถุนายน 2013.

  1. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    สันโดษ

    ในพุทธศาสนา อย่าตีความเพียงการปลีกวิเวก

    แต่สันโดษ แท้จริง หมายความว่า ความเป็นผู้พอใจ ยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่ สิ่งที่ตนได้ ตามแต่กำลังความสามารถของตน ไม่เอาใจไปปรุงแต่งปราถนาอยากที่เกินความจำเป็นหรือเกินกำลังความสามารถของตน นอกจากนี้ยังหมายรวมถึงความความตั้งมั่นในเอกคตาจิต เอกคตารมณ์ อันมีอารมณ์เดียวเป็นหนึ่ง ไม่แส่ส่ายรับเอาปรุงแต่งที่ไม่ควร

    ดังนั้น สันโดษ ย่อมหมายถึงการรักษาจิตให้มีอารมณ์อันเป็นหนึ่งเดียวไม่แส่สายไม่รับเอาการปรุงแต่งหรือไม่ส่งจิตออกไปปรุงแต่วรับเอากิเลสอย่างอื่น

    ส่วนการปลีกวิเวก เป็นการฝึกฝน เริ่มจากการเอากายและใจออกห่างจากความวุ่นวาย ออกห่างจากความปรุงแต่ง อาศัยกายวิเวก จิตย่อมวิเวก จิตวิเวกย่อมเกิดธรรมารณ์เป็นหนึ่งเดียว เป็นผู้มักน้อย คือไม่ปรุงแต่งปราถนาอยาก พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่หรือตนได้รับตามอัตภาพอันสมควร

    การสันโดษ เมื่อปฏิบัติฝึกอบรมจนชำนาญแล้ว ย่อมมีผลรวมลงที่จิต คือจิตสันโดษ เมื่อจิตสันโดษได้แล้ว ไม่ว่ากายจะอยู่ที่ไหนก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะจิตเข้าถึงแล้วในความสันโดษ

    จิตสันโดษ เป็นคุณอย่างยิ่งต่อการพัตนาจิต ต่อการชำระจิต ต่อการกำจัดอาสวะกิเลส ต่อการเจริญสมาธิกรรมฐานและภาวนา และสำคัญยิ่งต่อการเจริญวิปัสสนาก่อเกิดกำลังแห่งปัญญาญาณ

    ดังนั้น นักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ต้องทำความเข้าถึงและรักษาไว้ซึ่งความเป็นผู้มีจิตสันโดษ ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2016
  2. mcusys

    mcusys เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +106
    คุณก้องครับ ผมมีเรื่องรบกวนผมส่งไปในข้อความส่วนตัวนะครับ
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ความทุกข์ เกิดกับกายใจเสมอ ทุกขณะจิต

    การรู้เท่าทัน ความทุกข์ จึงเป็นสิ่งสำคัญ

    ตัวเรา ตัวเขา ล้วนอยู่บนกองทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น

    รอบๆกายเรา ยังมีคนที่ทุกข์อีกมากมาย แต่เขาก็ยังปากกัดตีนถีบ ยืนและก้าวต่อไปได้

    เราก็เช่นกัน ทุกข์มีไว้ดับ มีไว้ผ่านพ้นไปให้ได้ อย่ายอมแพ้และจมติดอยู่ในทุกข์

    อย่าท้อถอย จงอดทน พยายาม ต่อสู้ไปให้ถึงที่สุด

    ใดๆในโลกมันก็แค่มายา เราเกิดมาไม่มีอะไรติดมาเลย ตายไปก็เอาไปไม่ได้เลย แต่ตอนมีชีวิตอยู่ทำไมอยากได้นี่ได้นั่นมากมายเหลือเกิน รู้เท่าทันความอยาก รู่้เท่าทันใจของตนให้มาก เมื่อนั้นจะพบกับความสุข

    ทุกอย่างรอเวลาแห่งการเสื่อมสลายลงไปทั้งสิ้น สิ่งที่ควรทำในชีวิต คือหน้าที่ คือความดี คือการชำระกายใจของตนให้สะอาด เพื่อประโยชน์สุขของตนเองในเบื้องต้นให้ได้ครับ สาธุ
     
  4. mcusys

    mcusys เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +106
    คุณก้องครับมีเรื่องรบกวนครับ

    ผมมีเรื่องอยากถามครับเกี่ยวกับ..ลูกชายของน้องที่รู้จักครับ

    ผมส่งข้อความส่วนตัวไปนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  5. mcusys

    mcusys เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +106
    คุณก้องครับ มีเรื่องรบกวนใน PM ครับ
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ทุกความดี ทุกบุญกุศล ย่อมให้ผลสามส่วน
    ส่วนแรก ให้ผลทันที่เมื่อทำ
    ส่วนที่สอง ให้ผลตามมาคือวิบากและเศษแห่งบุญ
    ส่วนที่สามให้ผลสืบเนื่องจากเทพพรหมที่ท่านอนุโมทนาและประทานพรดลบันดาลสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นแก่ผู้ทำความดี

    และเมื่อกล่าวถึงผลของความดีที่ได้รับ
    ผลของความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่สิ่งที่ได้รับภายนอก แต่ผลแห่งความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือผลที่เกิดกับจิตของผู้ทำ ที่ความดีเหล่านั้นมีผลในการชำระจิตให้ขาวสะอาดบริสุทธิ์ได้นั่นเอง
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    จงใช้ชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน อย่างคุ้มค่าสูงสุด

    คือการประคองกาย วาจา จิต ให้เป็นบุญเป็นกุสล

    ออกห่างจากบาปกรรม ออกห่างจากอกุศล

    มีสติและปัญญา จำแนก รูปนาม จำแนกธรรม สลัดออกจากสิ่งที่บ่อนทำลายความสะอาดของจิต

    มั่งคงมั่นในพระรัตนตรัย

    ถึงพร้อมด้วยศีลสมาธิปัญญา

    ไม่ประมาทในกรรม ในโลกธรรม มีมรณานุสติเป็นยเครื่องย้ำเตือน

    เห็นประโยชน์สุขคือการไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ทำลายความเห็นแก่ตัวและอัตตาของตนให้เบาบางลงจนหมดไป


    ทำปัจจุบันของตนให้ดีที่สุดตามกำลังความสามารถที่ตนมี และดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทนะครับ สาธุ
     
  8. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    สิ่งที่ควรสร้าง ให้เกิดขึ้นในชีวิตเรา

    คือการสร้างพระในจิตใจ

    ด้วยการน้อมนำเอาธรรมะ น้อมนำเอาพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ กำกับอยู่กับกายใจของเรา

    เมื่อใจเราอยู่กับพระ นั่นย่อมแสดงว่า เราได้ยกจิตเราสูงขึ้น พ้นจากอบายภูมิและนรกภูมิ

    ผมจึงพูดเสมอว่า โลกใบนี้ใบอดีต หรือใบไหนๆในอนาคต มันก็เหมือนกันคือมันมีมายาของโลกแบบเดียวกัน เหมือนกับโลกในปัจจุบัน อันนำมาสู่ทุกข์

    ไม่ต้องไปสร้างอะไรให้มากมาย วัตถุสร้างแค่พอประมาณ เท่าที่จำเป็นหรือสำคัญ

    แต่สิ่งที่ต้องสร้างคือ สร้างพระในจิตใจ สร้างนิสัยให้ดีงามตามธรรมดีที่ต้องน้อมนำมาปฏิบัติ

    อนาคตผมต้องบวชเป็นพระ ผมเห็นโทษ ภัย ในโลกธรรมแปด โดยเฉพาะลาภยศสรรเสริญ เงินทอง ไม่ใช่ของพระ ไม่ใช่ของสาวกนักบวชแห่งพุทธองค์ ไม่ต้องสร้างอะไรให้วุ่นวายสิ้นเปลือง แต่สิ่งที่ต้องสร้างคือ สร้างธรรมะสร้างพระให้เกิดในจิตใจคน สถานทีปฏิบัติธรรม ก็มีธรรมชาติให้ไว้แล้ว ไม่ต้องไปสร้างศาลาอะไรให้สิ้นเปลืองวุ่นวาย เอาปัจจัยไปช่วยบ้านเมืองช่วยคนที่ลำบากให้พ้นทุกข์จะดีกว่า

    แท้จริง พระพุทธองค์ก็ไม่ได้มีอะไรไม้ได้สร้างอะไร พระองค์สร้างเพียงสิ่งเดียวคือ สร้างพระให้เกิดในใจคน ให้คนมีธรรมะมีพระในจิตใจ พระที่ว่าคืออริยะบุคคล มีที่สุดคือพระนิพพานอรหันต์ เท่านั้น

    เมื่อเราเป็นสาวกของพุทธองค์ เราก็ต้องทำตามเดินตามพระพุทธองค์เท่านั้น สิ่งที่นอกเหนือจากนั้น เราจะไม่ทำ เรามีศีลเป็นเครื่องรักษาความประพฤติ มีธรรมะเป็นเครื่องชำระ มีพุทธองค์เป็นแบบอย่าง ตลอดจนพระอริยะหลายท่านก็ทำเป็นแบบอย่างให้เราเห็นมีมากอยู่

    ดังนั้น สุดท้ายแล้ว เมื่อเรามีสติปัญญามากขึ้นแล้ว ย่อมจำแนกรู้แจ้งในความจริงและหน้่าที่ และรู้ดีว่า ตนควรจะก้าวเดินไปอย่างดีงามถูกต้องอย่างไร


    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    โรคภัยไข้เจ็บ เกิดขึ้นกับเราได้เสมอไม่จำกัดเวลา ความไม่มีโรคภัยเป็นลาภอันประเสริฐอย่างหนึ่งของชีวิต ดูแลสุขภาพกายใจให้ดีนะครับ ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท
    ขอทุกท่านจงปราศจากโรคภัย หรือแม้หากใครที่มีโรคภัยเบียดเบียนอยู่ก็ขอให้หายโดยเร็วพลันครับ
     
  10. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    พุทธภูมิ ต้องทำงานทั้งทางโลกและทางธรรม อย่างเต็มกำลังความสามารถที่มี ให้ดำเนินชีวิต อยู่อย่างไม่ประมาท

    ในคราวที่ชะตากรรมไม่ดีให้ผล ต้องมีขันติอดทนผ่านพ้นไปให้ได้ ให้ถือว่าได้ฝึกฝนบารมีของตนในด้าน ขันติบารมี เนกขัมะบารมี วิริยะบารมี อุเบกขาบารมี

    เมื่อใดที่ฟ้าเปิดผลบุญเก่าที่ดีให้ผลประกอบร่วมกับบุญในปัจจุบัน
    เมื่อนั้นจงใช้โอกาสนี้ สร้างบารมี ทานบารมี สร้างเมตตาบารมี สร้างวิริยะบารมี และบารมีอื่นๆ ให้เต็มที่ อย่าปล่อยเวลาทิ้งไปอย่างสูญเปล่าครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320

    ขอนำมาเผยแผ่เห็นว่ามีประัโยชน์ จากการที่ผมได้แนะนำ สหายธรรมท่าหนึ่ง มีรายละเอียดดังนี้

    =======================
    การฝึกสมาธิ ทำไมถึงิยากได้มโนมยิทธิ
    ทำไมไม่อยากได้สติปัญญา
    ทำไมไม่ฝึกจิตของตนให้ขาวรอบ ยกจิต้ป็นจิตบุญ.ให้ได้ก่อน
    ทำไมไม่เจริญ ศีล สมาธิ ปัญญา


    ถ้าสมาธิพื้นฐานเราได้ มโนมยิทธิเราก็ทำได้

    นิมิตของผู้ที่ยังชำระจิตได้ไม่ขาวรอบ ย่อมสกปรก ไม่น่าเชื่อถือ หรือไม่จริงเป็นส่วนใหญ่

    จิตที่ขาวรอบ ตัดอาสวะได้มากแล้ว มีพระอนาคามีขึ้นไปย่อมเกิดนิมิตที่เป็นจริงเป็นส่วนใหญ่


    แต่นิมิตทั้งปวงย่อมไม่เที่ยง ไม่ควรยึดมั่น สักแตาว่ารู้

    พึงทำวันนี้ปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด

    อย่าไปสนใจกับสิ่งที่ปรุงแต่ง ให้มุ่งตรงสู่การตั้งมั่นในจิตที่ดีงาม

    แม้พบว่ามีการปรุงแต่งไม่ดีเราก็สักแต่ว่ามีสติรู้ทันปล่อยวาง รู้ปล่อยวาง รักษาจิตให้ดีงาม มีศีล มีพุทธานุสติเป็นรากฐาน

    ให้ฝึกกรรมฐาน ตามความเหมาะสม ฝึกสติปัฏฐานสี่ ทำตรงนี้ให้ดี ให้ได้


    มโนมยิทธิ เป็นผลพลอยได้ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อภิญญาที่ดีต้องเกิดตามมาหรือเกิดด้วยสติปํญญาที่ดี คือควรต้องเกิดจากจิตที่ขาวสะอาดที่ทำได้แล้ว ย่อมได้อภิญญาที่ดีตามมา เพราะจิตเราชำระได้ดีแล้ว

    สิ้นสุดการสนทนา สาธุ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ความสมบูรณ์แบบในชีวิตไม่ใช่ความร่ำรวย

    แต่ในหลักพุทธศาสนา คือความสมบูรณ์ของชีวิตที่ตนสามารถสร้างตนให้เป็นที่พึ่งของตนเองได้และสามารถเผื่อแผ่ถึงผู้อื่น เป้นที่พึ่ง ของคนอื่นได้ด้วย

    นั่นเพราะตนได้สามารถยังประโยชน์สุขให้ได้ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

    ความเห็นแก่ตัวมีได้เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ต้องมีความเห็นแก่ตัวในแบบที่ต้องทำเพื่อตัวเองน้อยลงแต่ควรทำเพื่อผู้อื่นมากขึ้น อายุที่มากขึ้น สายตาที่ยาวขึ้น ผมที่หงอกขาวเพิ่มขึ้น ย่อมหมายถึงสติปัญญาที่มองโลกที่กว้างไกล สมองคิดแต่ในสิ่งที่ขาวสะอาดมากยิ่งขึ้นจิตสงบลงมากยิ่งขึ้น ทำลายความเห็นแก่ตัวด้วยการเผื่อแผ่ช่วยเหลือและทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น

    นั่นแหละชีวิตที่มีคุณค่า ที่ควรสร้างให้เกิดกับชีวิตของเรา ก่อนที่เราจะจากไปและเอาอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากความภาคภูมิใจและคุณความดีที่เรามอบไว้ให้โลกใบนี้
     
  13. มิ้นท์99

    มิ้นท์99 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +52
    อ่านตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายจบในเวลาอันรวดเร็ว

    รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสอ่านธรรมะ ข้อคิดเตือนใจ เกร็ดพระพุทธศาสนา เรื่องเล่าจากประสบการณ์และคำแนะนำในการปฏิบัติธรรม ตลอดจนเรื่องราวของจิตวิญญาณภพภูมิต่างๆ ที่คุณ tjs ได้เล่าไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างมาก บางข้อความดิฉันต้องขออนุญาตเซฟไว้เพื่อจะได้สมาทานเข้าไปในจิตใจและน้อมนำมาปฏิบัติในฐานะฆราวาสที่ยังต้องอยู่กับภาระหน้าที่ทางโลกต่อไป

    ขอให้บุญกุศลทั้งหลายที่คุณ tjs ได้รับจากการสาธยายธรรม และให้คำแนะนำต่างๆ แก่สหายธรรมทั้งหลายในกระทู้นี้ หนุนนำให้คุณ tjs เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ขอนำมาขยายครับ
    =================


    โดยแท้จริงแล้ว ผู้มีปัญญาแจ้งแล้วในอริยะมรรค ที่พระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ดีแล้ว ย่อมสรุปรวมลงได้ว่า ทางโลกและทางธรรมนั้น แท้จริงไม่ได้เป็นสิ่งที่สวนทางกัน ผู้ที่มีสติปัญญามากพอแล้วย่อมเห็นแจ้งและรู้ว่า ทางโลกและทางธรรมนั้นเป็นของคู่กันที่ทำร่วมไปด้วยกันได้อย่างปกติสุข การเหยียบเรือสองแคมก็ไม่ได้หมายความว่า มันสวนแกระแสกันหรือสวนทางกัน แต่มันอยู่ที่ว่าคุณจะเหยียบเรือสองแคมแบบไหน ให้เรือไม่ล่มไม่จม และสามารถประคองเรือที่คุณเหยียบอยู่นี้วิ่งไปแล่นลอยไปให้ถึงฝั่ง พร้อมด้วยมีญาติธรรมบันทุกเต็มลำเรือ ไปด้วยกัน ถึงฝั่งไปด้วยกัน ครับ สาธุ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ขอนำมาขยายต่อครับ
    =============

    เอกคตาจิตเป็นหนึ่งในหลายอย่างในเอกคตารมณ์ เอกคตารมณ์มีหลายอย่าง เป็นสภาวะที่ทรงอารมณ์หนึ่งเดียว เช่นฌาณ1 ก็ทรงอารมณ์แบบหนึ่ง ที่เป็นกุศลแบบหนึ่ง ฌาณ8ก็เป็นเอกคตารมณ์แบบหนึ่งที่ทรงอารมณ์อย่างหนึ่งในแบบเนวสัญญานาสัญญายตะนะ อรูปาวัจจะสภาวะ เป็นต้น ภาวนาให้มากทำให้เห็นด้วยจิตตนเอง

    เอกคตารมณ์ ทำได้ง่าย แต่เอกคตาจิตทำได้ยากว่า เพราะอารมณ์หนึ่งเดียวที่สะอาดบริสุทธิื ชาวบ้านหรือใครก็ทำได้ แต่พื้นฐานต้องได้จึงทำได้

    เอกคตาจิต ในฌาณสี่
    เอกคตจิต ที่ขาวสะอาด เมื่อทำได้แล้ว จะรักษาประคองไว้ให้มีต่อเนื่อง อันนี้ทำได้ยากต้องอาศัยการฝึกฝนอาศัยความเพียร อาศัยขันติ อาศัยบารมีหลายอย่างช่วยประคองไป มีมหาสติเป็นเสาหลัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2016
  16. มิ้นท์99

    มิ้นท์99 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2016
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +52
    เรียนถามคุณ tjs

    เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ของดิฉันท่านเป็นคนไม่เข้าวัดเข้าวา และไม่ได้สนใจการศึกษาธรรมะหรือปฏิบัติธรรมเลย มีแต่ทำทานบ้างนานๆ ครั้งตามโอกาส

    ถ้าดิฉันอยากให้ท่านทั้งสองสนใจธรรมะอย่างน้อยที่สุดก็ให้ทานสม่ำเสมอ รักษาศีล สวดมนต์บ้าง ดิฉันควรทำอย่างไรบ้างคะ ทุกวันนี้เวลาทำบุญใหญ่ดิฉันจะอธิษฐานให้ท่านทั้งสองมีสัมมาทิฏฐิ ขอให้เทวดาประจำตัวคุณพ่อคุณแม่ดิฉันมาดลจิตดลใจให้ท่านใฝ่ทำบุญ ดิฉันอธิษฐานถูกต้องหรือไม่คะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017
  17. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    เอกคตาจิต ในฌาณสี่

    ผู้มีความเพียร ย่อมหาทางเห็นทาง และเดินเข้าสู่ ญาณที่เป็นการดับความปรุงแต่งหรือสังขาร

    เมื่อนั้น เอกคตาจิต ย่อมเจริญก้าวหน้า เข้าสู่วิปัสสนาญาณ เป็นปัญญาขั้นสูงละเอียดมากตัวหนึ่ง

    นั้นคือ จิตเสวยปัญญา ที่เรียกว่า จิตก้าวหน้าสู่ สังขารุเปกขาญาณ อันเป็นญาณปัญญาที่เห็นธรรมชาติของสังขาร ที่ปรุงแต่งเกิดดับ เมื่อปัญญามีมากถึงจุดนี้แล้ว

    เอกคตาจิต ที่ดำรงตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมสะอาดบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นไปอีก อันเป็นความก้าวหน้าทางจิตที่ทำได้ยาก และรักษาไว้ได้ยากครับ สาธุ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    การเดินทางต่อไปข้างหน้า วิชาใดๆในโลก พลังงานใดๆในโลก สิ่งวิเศษบริสุทธิืดีเยี่ยมใดๆในโลก ก็ไม่วิเศษบริสุทธิเท่า จิตอันบริสุทธิืที่เราชำระได้ด้วยตัวเอง

    =================
    พระโพธสัตว์ทั้งหลาย ไม่มีเพศ เช่นเดียวกับพระอริยะ
    ความว่างเป้นธรรมชั้นสูง
    ความไม่มีเพศเกิดได้จากหลายสภาวะแห่งปัญญาที่เข้าถึง หรือ กำลังของสมาธิที่เข้าถึง
    เพราะแท้จริงจิตไม่มีเพศ เรื่องเพศ ความจริงแล้ว ร่างกายของสัตว์ หรือมนุษญ์มันเป็นสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดมาแบบนี้ ไม่มีหรอกหญิงชาย หรือกะเทย

    ================

    มันเป็นธรรมดา ในกาย เพศมันมีมาก็เพื่อสืบพันธ์ อาการสืบพันธ์มันก็เหมือนการเสพอื่นๆของร่างกาย
    ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของร่างกาย ไม่ยึดติด ไม่หลงไหลไปกับมัน มันก็จะทำให้เราเห็นความจริงมากขึ้น
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    พูดถึงความปรุงแต่ง ของจิตใจ

    สังขาร คือความปรุงแต่ง ปรุงแต่ง รู้่สึกจากกาย จากเวทนา
    การดับมันมีหลายแบบ ตามเหตุปัจจัย
    ธรรมดามันก็ดับของมันได้ ถ้าปัจจัยมันส่งเสริมให้ดับ

    การดับที่ไม่เป็นไปตามธรรมดา คืออาศัยสติปัญญาเข้าไปดับทันที ไม่ขึ้นอยู่กับเวลาหรือปัจจัยอื่น แต่ขึ้นอยู่กับสติปัญญาที่อบรม

    การดับด้วยพลังบริสุทธิ์ ส่วนนี้เข้าใจได้ว่า ดับด้วยกำลังที่มีจิตเป็นสื่อกลางรับเอาเข้ามา ทำลายดับลง

    วิธีหลังแท้จริงก็คือต้องใช้กำลังใจ ในทางสายวิมุุตติ ผมเข้าใจว่าเป็นกำลังของเจโตวิมุตติ

    คนที่ใช้กำลังส่วนนี้ เขามีกำลังใจที่พิเศษจึงทำได้

    แต่ก็เป็นการช่วยดับ ทั้งของตนเองและผู้อื่นได้ แต่เป็นการดับที่ไม่ถาวรทั้งหมด แต่ก็ช่วยได้มากพอสมควรครับ

    จิต เข้าใจว่า คือ ความ สักแต่ว่ารู้
    ส่วนใจคือ ความรู้ อันมีส่วนของความนึกคิดปรุงแต่ง หรือมีสังขารปรุงแต่ง

    จิตเป็นได้ทั้งความสว่างและความว่าง

    ในจิตเองยังมีเจตสิก คืออาการ หรือกริยาของจิต หรือ อนุสัย สันดานของจิต เราเรียกว่า ส่วนของสังขารอย่างละเอียดที่ประกอบอยู่กับจิต
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    ที่สุดแล้ว ย่นย่อได้ว่า
    =================

    การค้นพบตัวตนที่แท้จริง

    นั้นคือจุดเริ่มต้นของการเข้าถึง ความไม่มีตัวตนที่แท้จริงของตน

    เพราะเมื่อเราเป็นผู้รู้แจ้งแล้วในอัตตลํกษณ์ ตัวตนของตนดีแล้ว

    ย่อมรู้่กำพืชอาสวะกิเลสของตน เมื่อรู้แล้วย่อมดับที่เหตุได้

    แต่ถ้ายังไม่รู้ก็ยากมากกว่าจะหาเจอและดับมันได้ ครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...