พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    ลมหนาวมา พาให้น้ำ "แข็ง" <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">25 พฤศจิกายน 2554 17:25 น.</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000150019-


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">ผู้ จัดการออนไลน์ / เอเอฟพี - ความหนาวเหน็บแทรกซ่านไปทั่วทุกอณู อาศัยสายลมหอบอุณหภูมิต่ำจัดกระทบวัตถุธาตุ ทั้งที่มีชีวิตและมวลสารอื่น ๆ รอบกรุงปักกิ่ง ทำให้น้ำค้างปลายใบไม้เปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง

    เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ช่างภาพเก็บภาพน้ำค้างแข็งบนเรือนยอดและปลายใบของต้นไม้ ทอดย้อยห้อยสวยคล้ายโคมไฟในโรงแรมหรู

    ด้วยอุณหภูมิที่เหมือนอยู่ใน ตู้แช่แข็ง ทำให้รัฐบาลจีนต้องออกประกาศเตือนว่าประชาชนอาจประสบปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอใน เหมันตฤดูนี้ เนื่องจากราคาถ่านหินขยับสูงขึ้น และปัญหาภัยแล้งทำให้โรงไฟฟ้าพลังน้ำไม่สามารถผลิตจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอ

    ทัศนาภาพน้ำค้างแข็งตระการตาที่ปลายใบไม้ กรุงปักกิ่ง (ภาพเอเอฟพี)

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="550"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="550"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="550"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="550"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="550"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="550"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="550"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="550"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="550"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="550"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="550"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="550"> [​IMG]</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>


    .
     
  2. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    สอนลูกให้ 'เป็นคนดีมีคุณธรรม'

    วันเสาร์ ที่ 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    เมื่อถามคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ที่มีลูกเล็ก ๆ ว่าโตขึ้นอยากให้ลูกเป็นอะไร ก็จะได้รับคำตอบที่แตกต่างกันไป ซึ่งตอนนี้คำตอบส่วนใหญ่หนีไม่พ้นคำว่าเป็นอย่างไรก็ได้ขอแค่เป็นคนดี แล้วความดีนี้สร้างได้ไหมและจะต้องทำอย่างไรกันแน่ หมอรามาฯ ไขปัญหาสุขภาพสัปดาห์นี้ จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังหาคำตอบในเรื่องนี้ค่ะ

    จะว่าไปแล้ว คุณธรรมความดีเป็นเรื่องปัจเจก แต่ละคนแต่ละครอบครัวจะมองไม่เหมือนกัน เหมือนบ้างคล้ายบ้าง แตกต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเห็นได้ หรือสัมผัสได้เท่านั้น ส่วนการจะทำให้ลูกเล็กค่อย ๆ ซึมซับผ่านการอบรมได้อย่างไร นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยทัฟท์ กล่าวไว้ว่า จริง ๆ แล้วคุณพ่อคุณแม่จะต้องเป็นคนที่ชี้นำ เป็นต้นแบบในสิ่งที่ถูกต้องเสียก่อน ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา จริงใจ เป็นห่วงเป็นใยผู้อื่น จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ลูกน้อยจะได้เรียนรู้และทำตาม

    ถึงแม้จะยังไม่มีใครรับประกันหรือสร้างความมั่นใจได้ 100% ว่าสิ่งที่ปลูกฝังนั้น ลูกน้อยจะเอาไปใช้จริง ๆ แต่ความสงสัยของคุณพ่อคุณแม่ว่า เราจะสามารถปลูกฝังคุณธรรมความดีตั้งแต่เด็กยังเล็กมาก ๆ หรือไม่ ก็ยังคงเป็นข้อถกเถียงกันในปัจจุบัน ข้อมูลของโบสถ์โรมันคาทอลิกที่ชิคาโก พบว่า เด็กที่อายุ 7 ขวบขึ้นไปแล้วเท่านั้นจึงจะมีความเข้าใจหลักการและเหตุผลต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีมากพอที่จะสอนผิดชอบชั่วดี แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็ก จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา กลับกล่าวไว้ว่า คุณธรรมไม่สามารถเกิดได้ในชั่วข้ามคืน แต่ต้องค่อย ๆ ซึมซับจากวันเป็นปี ปีเป็นหลาย ๆ ปี ซึ่งในการสร้างความรับผิดชอบด้านคุณธรรมนั้น เด็กจะต้องมีทั้งความตระหนักทางสติปัญญาและอารมณ์ว่าสิ่งใดถูกหรือผิด ซึ่งแปลได้ว่า เด็กจะต้องรับรู้ได้ด้วยสมองและจิตใจในการทำสิ่งต่าง ๆ เช่น ถ้าสิ่งไม่ดี ก็ไม่ควรทำ เพราะสมองและจิตใจเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่จะทำ เป็นต้น และจากงานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่า แท้จริงแล้วคุณธรรมนั้นเป็นสิ่งที่สามารถสร้างได้ตั้งแต่ขวบเดือนแรกของทารก หรือจะว่าไปแล้วคือเริ่มตั้งแต่เกิดและอยู่ไปจนเสียชีวิตนั่นเอง

    ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ไม่มีคำว่าสายในการที่จะเริ่มต้นปลูกฝังคุณธรรมให้กับเด็ก ดังที่กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรมจากมหาวิทยาลัย จอห์นส ฮอพกินส์ ได้กล่าวไว้ว่า คุณพ่อคุณแม่ที่ตอบสนองทันทีต่อการที่เด็กร้องไห้เป็นการแสดงความมีคุณธรรมให้เด็กเห็นในเบื้องต้น เพราะหลังจากนั้นเด็กจะค่อย ๆ เรียนรู้และเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นเมื่อโตขึ้น ซึ่งจะว่าไปแล้ว ความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นคือคุณธรรมทางอารมณ์ข้อแรก ๆ ที่ควรจะพัฒนา บางครั้งคุณแม่สามารถสังเกตได้ว่า เด็กที่อายุก่อน 2 ขวบอาจจะยื่นตุ๊กตาหมีให้กับเพื่อนที่กำลังร้องไห้ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า เด็กได้รับการปลูกฝังคุณธรรมด้านนี้มาเป็นอย่างดี

    ประการสำคัญคือคุณธรรมที่ว่านี้ไม่ได้มีแต่เฉพาะความเข้าใจหรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเท่านั้น แต่ประกอบด้วยหลายสิ่ง ตัวอย่างที่พบเห็นบ่อยคือ การที่เด็กทำร้ายเพื่อน ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องปกติ ส่วนวิธีการที่คุณพ่อคุณแม่จะรับมือกับเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับอายุของเด็กเป็นสำคัญ ถ้าเด็กอายุ 1 ขวบ คุณแม่อาจใช้คำว่า “ไม่ค่ะ” หลังจากนั้นก็พยายามแยกเด็กออกจากสถานการณ์นั้น ๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เด็กเริ่มมีความเข้าใจในภาษาแล้ว คุณแม่อาจจะค่อย ๆ อธิบายให้มากขึ้น เช่น บ้านเราไม่ทำร้ายใครนะคะ ซึ่งเรื่องนี้ จิตแพทย์เด็กจากสมาคมจิตแพทย์สหรัฐกล่าวไว้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกอยากจะทำร้ายคนอื่นหรือเห็นแนวโน้มว่ากำลังจะทำร้ายคนอื่น คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะหาจุดเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น อาจเรียกไปเล่นด้วย หรือยื่นสิ่งของที่ชอบให้ก็ได้

    นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำการวิจัยในเรื่องคุณธรรมนี้ พบว่าเด็กสามารถพัฒนาระดับของคุณธรรมได้ตั้งแต่เล็ก ๆ เช่น ระหว่างช่วง 1-2 ขวบ เด็กสามารถที่จะเข้าใจได้ว่าครอบครัวมีกฎระเบียบ ซึ่งก็มักจะทำตามเฉพาะตอนที่ผู้ใหญ่อยู่ และเมื่ออายุ 2 ขวบเป็นต้นไป เด็กจะเริ่มทำตามกฎมากขึ้นบ้าง แม้แต่ตอนที่ผู้ใหญ่ไม่อยู่ก็ตาม และถึงแม้ว่าเด็กทุกคนจะเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่จะแสดงออกซึ่งคุณธรรม แต่ความสามารถนี้ก็สามารถลดน้อยถอยลงไปได้เช่นกัน เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือถูกทำร้ายมักจะไม่สามารถประคับประคองความรู้สึกเชื่อและเข้าใจ อีกทั้งความรู้สึกด้านชาเพราะไม่มีใครที่จะแสดงความรักและเป็นห่วงอย่างแท้จริง จะส่งผลทำให้เด็กเหล่านี้ไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเมื่อโตขึ้น ในทางกลับกัน นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้กล่าวว่า การที่คุณพ่อคุณแม่พยายามประคบประหงมลูกมากเกินไปหรือให้เห็นแต่ด้านที่ดีของสังคม แทนที่จะเป็นการสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้น กลับกลายทำให้เด็กอยู่กับตนเองและคิดว่าคนอื่นจะต้องมาเข้าใจตนเองเท่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้ว การให้เด็กออกไปเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ รอบตัว ได้พบกับคนที่มีโอกาสมากกว่าและด้อยโอกาสมากกว่าตัวเอง จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจคนอื่นได้ดีขึ้น

    ส่วนหลักการพื้นฐานในการสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ดังนี้

    1. กำหนดว่าคุณค่าของคนคืออะไร เช่น คนที่ซื่อสัตย์ คนที่ทำงานหนัก คนที่รักครอบครัว คนที่เข้าใจผู้อื่น หรือแม้แต่การพาลูกไปทำกิจกรรมช่วยสังคมในรูปแบบต่าง ๆ เหล่านี้ควรเป็นกรอบที่คุณพ่อคุณแม่สร้างเสริมให้ลูกเข้าใจและปฏิบัติในภายภาคหน้า

    2.ให้คำชมลูกสม่ำเสมอ คุณพ่อคุณแม่หลายท่านพยายามจับผิดลูก ด้วยคิดว่าจะเอาความผิดนั้นมาสอน จริง ๆ แล้วนักจิตวิทยาจากโรงพยาบาลเด็กในชิคาโกกล่าวว่า ยิ่งคุณพ่อคุณแม่พูดคำว่า “ไม่” หรือ “ห้าม” บ่อยเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ลูกรู้สึกว่าทำอะไรก็ผิดไปหมด ดังนั้นเมื่อคุณแม่ต้องการจะสอนลูกเรื่องแบ่งปัน แทนที่คุณแม่จะว่าลูกที่ไม่แบ่งปัน ก็ควรจะชมลูกเมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกแบ่งปันของให้กับผู้อื่น

    3.พยายามหาโอกาสในการสอน เช่น คุณพ่อคุณแม่อาจจะอ่านข่าวเรื่องการเก็บเงินแล้วส่งคืนเจ้าของ ก็สามารถนำเรื่องลักษณะนี้มาสอนและชื่นชมไปด้วยพร้อมกัน

    4.ลูกทำอะไรก็ควรทำด้วย เรื่องนี้นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยบอสตันกล่าวไว้ว่า โดยธรรมชาติแล้วเด็กมีแนวโน้มที่จะเลียนแบบทั้งในเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ดี ซึ่งนั่นหมายความว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เด็กดูทีวีหรือเล่นเกมที่มีความรุนแรงโดยไม่ได้รับคำแนะนำ เด็กก็มีแนวโน้มจะเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านั้นมาใช้ในชีวิตจริง ดังนั้น เด็กควรจะต้องได้รับคำแนะนำ ความรัก และความเข้าใจจากคนรอบข้าง เช่น การสอนที่ว่า จะเล่นดี ๆ ได้อย่างไร จะเล่นอย่างไรจึงจะปลอดภัยและมีน้ำใจ รวมถึงการอธิบายว่าพฤติกรรมในเกมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถนำมาใช้จริงได้และไม่ควรลอกเลียนแบบ

    5.ชี้ให้เห็นผลกระทบต่าง ๆ เช่น ในกรณีที่พี่ชายทำตุ๊กตาของน้องสาวหาย คุณพ่อคุณแม่อาจกล่าวว่า น้องเสียใจมาก ๆ เลย ถ้าหุ่นยนต์ลูกหาย ลูกก็คงเสียใจเหมือนกัน หรือถ้ามีการต้องลงโทษก็ควรให้เด็กมีโอกาสที่จะเลือกวิธีการถูกลงโทษด้วยตนเอง เช่น อาจให้เลือกใน 2 กรณี คือการโดนตัดค่าขนม หรือการไปขอโทษน้องด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ ซึ่งการให้ทางเลือกกับเด็ก จะช่วยส่งเสริมวิธีการตัดสินใจที่ดีได้ในอนาคต

    6.พยายามชี้ให้เห็นถึงใจเขาใจเรา เช่น ถ้าพี่ผลักน้อง คุณแม่อาจจะพูดว่า น้องเจ็บนะครับ ลูกจะรู้สึกอย่างไรถ้ามีคนมาผลักลูกบ้าง ซึ่งการเอาใจเขามาใส่ใจเรานี้จะเป็นคุณธรรมเบื้องต้นสำหรับการเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าต่อไป

    แบบทดสอบที่สำคัญมากในการตัดสินว่าลูกได้รับการปลูกฝังด้านคุณธรรมมากพอ คือ พฤติกรรมต่าง ๆ ที่ลูกทำลับหลังคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งด้วยความรักและความเข้าใจของคุณพ่อคุณแม่แล้ว ในท้ายที่สุด การที่ลูกเติบโตมาพร้อมกับความเป็นคนดี และมีคุณธรรมนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญและน่าภูมิใจที่สุดเช่นกัน.

    อ.ดร.ปรียาสิริ มานะสันต์





    ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    คลื่นซัดสมิหลาเสียหาย 300 เมตร ห้ามเล่นน้ำ




    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ทางเทศบาลนครสงขลา ได้ติดป้ายประกาศเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเลในบริเวณหาดสมิหลา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คลื่นลมในอ่าวไทยทวีความรุนแรงซัดเข้าชายฝั่งของ "หาดสมิหลา" แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาได้รับความเสียหายอย่างหนัก

    ตามรายงานระบุว่า คลื่นลมที่ซัดเข้าชายฝั่งอย่างรุนแรงนั้น ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายหนัก โดยเฉพาะบริเวณก่อนถึงชุมชนเก้าเส้ง มีต้นสนล้มระเนระนาดกว่า 30 ต้น และแม้ว่าทางเทศบาลนครสงขลาพร้อมกับหลาย ๆ หน่วยงานจะร่วมกันทำแนวกันคลื่นหลายรูปแบบแล้ว แต่ไม่สามารถต้านทานความแรงของคลื่นได้ ทำให้ชายหาดเสียหายเป็นระยะทางประมาณ 300 เมตร โดยบางจุดเหลือเพียง 5 เมตรเท่านั้น ก็จะซัดถึงแนวทางเท้าเดินชมทิวทัศน์

    ด้านนายโส เหมกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา ได้สรุปพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมใน 5 อำเภอ ระหว่างวันที่ 22 - 24 พฤศจิกายน 2554 คือ อ.ควนเนียง อ.สิงหนคร อ.สะบ้าย้อย อ.รัตภูมิ และ อ.จะนะ รวมทั้งสิ้น 28 ตำบล 176 หมู่บ้าน มีประชาชนเดือดร้อน 1,422 ครัวเรือน อพยพ 435 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย คือ ด.ช.ณัฐดนัย รัตนพงศ์ อายุ 3 ปี 7 เดือน

    ส่วนในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย มีบ้านเรือนเสียหายบางส่วน 139 หลัง พื้นที่การเกษตร 120 ไร่ ถนนขาด 103 สาย สะพาน 5 แห่ง ประเมินความเสียหายแล้วสูงกว่า 8.6 ล้านบาท โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อ เนื่อง ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคกว่า 300 ชุด กระสอบทราย 2,000 กระสอบ และเครื่องสูบน้ำอีก 4 เครื่อง

    [​IMG] คลื่นทะเลกัดเซาะชายหาดชลาทัศน์ สงขลา


    เกิด เหตุคลื่นทะเลกัดเซาะชายหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา จ.สงขลา ยาวกว่า 100 เมตร ด้านเจ้าหน้าที่นำเชือกผูกต้นสน กันล้ม และวางแนวกระสอบทราย

    จากสภาพคลื่นลมในทะเลอ่าวไทย ที่ยังคงมีกำลังแรงในระยะนี้จากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัด ปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ได้สร้างความเสียหายให้พื้นที่บริเวณชายหาดชลาทัศน์ แหลมสมิหลา จ.สงขลา มากขึ้น เนื่องจากคลื่นได้กัดเซาะ ชายหาดชลาทัศน์ ทำให้ต้นสนขนาดใหญ่ที่อยู่ริมชายหาด ล้มเพิ่มเติมอีก 10 ต้น จากที่ได้ถูกคลื่นซัดลมไปก่อนหน้านี้ 10 ต้น แม้ทางเทศบาลนครสงขลา จะนำกระสอบทรายไปวางป้องกัน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของคลื่นได้

    นอกจากนี้คลื่นยังได้กัดเซาะพื้นที่ชายหาดเสียหายระยะทางกว่า 100 เมตร และลึกจนใกล้ถึงแนวถนนชลาทัศน์ ซึ่งเป็นถนนเลี่ยงเมืองเลียบชายทะเล เบื้องต้น นายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา ได้ลงตรวจสอบพื้นที่เพื่อเร่งหาทางป้องกันไม่ให้คลื่นซัดต้นสน ที่อยู่ริมชายหาดล้มอีก และทำให้แนวชายหาดเสียหายเพิ่มขึ้น โดยจะนำเชือกผูกยึดต้นสนที่อยู่ริมทะเลที่เสี่ยงจะล้ม โยงกับต้นสนที่อยู่ห่างจากชายหาด และจะนำกระสอบทรายมาเพิ่มในจุดที่ถูกคลื่นซัด พร้อมกับแจ้งเตือนให้นักท่องเที่ยว เลี่ยงลงเล่นน้ำในทะเลบริเวณชายหาดชลาทัศน์ ในระยะนี้


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG] [​IMG]




    [24 พฤศจิกายน] อุตุฯ เตือนภาคใต้ 24 -25 พ.ย. ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    กรม อุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 14 ภาคใต้ ตั้งแต่สุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนหนักถึงหนักมาก เตือนประชาชนตามที่ลาดเชิงเขาระวังน้ำป่าหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน

    กรม อุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัย "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณภาคใต้ " ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 ในช่วงวันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2554 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไป ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มริมน้ำ บริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง

    โดยเฉพาะ อ.ไชยา อ.วิภาวดี อ.ท่าฉาง อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ฯ อ.นาโยง อ.ย่านตาขาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง อ.ลานสกา อ.เมือง อ.พรหมคีรี อ.พิปูน อ.นบพิตำ อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต อ.ปากพะยูน อ.ตะโหมด อ.ป่าบอน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง อ.รัตภูมิ อ.สะบ้าย้อย อ.หาดใหญ่ อ.นาหม่อม อ.สิงหนคร อ.นาทวี จ.สงขลา อ.มายอ อ.สายบุรี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อ.เมือง จ.ยะลา อ.สุไหงโกลก อ.สุไหงปาดี อ.เจาะไอร้อง อ.แว้ง อ.จะแนะ จ.นราธิวาส

    ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ประสบภัยเพื่อทราบและติดตามข้อมูล จากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงไอซีที อย่างใกล้ชิดต่อไป

    ส่วน คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง สำหรับประชาชนที่อาศัยตามแนวชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ให้ระวังอันตรายจากคลื่นสูงที่ซัดเข้าหาฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

    อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ประกอบกับคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนจากประเทศพม่าเข้าสู่ประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนก่อนในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยมีอากาศหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง และจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบริเวณภูเขาสูงของภาคเหนือ


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG] [​IMG]


    -http://thaiflood.kapook.com/view33940.html-

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ.ศศิน ชี้น้ำท่วมไม่เท่ากัน มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง


    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="1000"><tbody><tr><td width="660">
    [​IMG]

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ค Sasin Chalermlarp

    จาก สถานการณ์น้ำท่วมตอนนี้ แม้ว่าน้ำจะเริ่มลดลงไปบ้างแล้ว จะกลับเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกมากมาย ทั้งนี้ เนื่องจากยังคงมีประชาชนอีกหลายพื้นที่ยังคงประสบกับภาวะน้ำท่วมขัง ชาวบ้านจึงรวมกลุ่มกันก่อม็อบขึ้นมาในพื้นที่ต่าง ๆ มากมาย บ้างก็ขู่ปิดถนน บ้างก็รื้อกระสอบทรายและแนวบิ๊กแบ๊ก จากปัญหานี้จึงส่งผลกระทบในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    ทั้งนี้ เนื่องจากการทำลายคันกั้นน้ำ ส่งผลให้น้ำกระจายไปยังพื้นที่บริเวณต่าง ๆ จนไม่สามารถควบคุมได้, ปัญหาการจราจรติดขัดเนื่องจากการก่อม็อบของชาวบ้าน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรียกได้ว่าวันต่อวัน เลยทีเดียว

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจารย์ศศิน เฉลิมลาภ นักวิชาการด้านธรณีวิทยา ผู้ซึ่งเคยประเมินสถานการณ์น้ำท่วม และแนวทางการรับมืออย่างต่อเนื่อง แต่มาวันนี้ อาจารย์ศศิน ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Sasin Chalermlarp โดยได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่นับวันจะยิ่งบานปลาย จนเกิดปัญหาความขัดแย้งของประชาชน เนื่องมาจากมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีข้อความดังนี้

    [​IMG]

    "สาม สี่วันนี้ ไม่ได้ดูสถานการณ์น้ำเลยครับ แวบ ๆ ในทีวี เห็นมีม็อบรื้อกระสอบวุ่นวาย หลาย ๆ ที่ เรื่องแบบนี้ สภาพความขัดแย้งที่ปรากฎบนทีวีที่เราเห็นเป็นเพียง "ยอด" ของภูเขาน้ำแข็ง ที่มีรากฐานจมอยู่ในน้ำลึกลงไป หากติดตามก็จะพบว่ารากของการเลือกท่วมเลือกแห้ง ไม่เท่าเทียม เป็นชั้นแรก แต่ลึกกว่านั้นก็มีเรื่องการเมือง เรื่องการช่วยเหลือ เรื่องการจัดการ เรื่องการไม่เตรียมการรับปัญหา หรือรุกไปจัดการปัญหา ลึกไปหาเรื่องการไม่มีแผนระยะยาวในการจัดการน้ำจัดการคน ต่าง ๆ นานา ผมไม่สามารถคาดเดาอะไรได้แล้วในเรื่องน้ำขึ้นน้ำลด เพราะปัจจัยเรื่องนี้ขึ้นกับคน และปริมาณน้ำ เองก็ไม่มีข้อมูลมากพอว่า มันจะทำให้น้ำขึ้นในพื้นที่กรุงเทพ อีกเท่าไหร่ อาจจะขึ้นน้อยมาก หรือกลับมาท่วมยาว ๆ ก็ได้ แต่จากที่น้ำเหนือ มีอีกไม่มาก และเริ่มเข้าเดือนอ้ายแล้วผมคิดว่าในที่สุดธรรมชาติจะนำน้ำลงคลองลงแม่น้ำไป เองในเวลาอันใกล้ (เฉพาะฝั่งตะวันออก และกรุงเทพชั้นใน)"



    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center">
    </td> </tr> </tbody></table> </td> <td valign="top" width="340"> <table class="related" border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table> <table class="related" border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table> <table class="related" border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table> <table class="related" border="0" cellpadding="5" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td>
    </td> </tr> </tbody></table> <table style="width: 248px; height: 35px;" class="related" border="0" cellpadding="5" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td>
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

    -http://thaiflood.kapook.com/view34088.html-

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เม็กซิโก เผยพบปฏิทินวันสิ้นโลกอันที่ 2 เผ่ามายา





    [​IMG]



    จังโก้ยันพบปฏิทินวันสิ้นโลกอันที่ 2 เผ่ามายา (ไอเอ็นเอ็น)

    มีการค้นพบปฏิทินวันสิ้นโลกปี 2012 ของชนเผ่ามายา ชิ้นที่ 2 แต่นักโบราณคดีของเม็กซิโกยันว่าไม่จำเป็นต้องกังวลมาก


    มีการค้นพบปฏิทินวันสิ้นโลก 2012 ของชนเผ่ามายา อัน ที่2 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่ามีการค้นพบปฏิทินที่อ้างถึงวันสิ้นโลกปี 201 2ถูกจารึกไว้ในปราสาทโคมัลคัลโคจริง แต่ทางการเม็กซิโกเองก็ได้ทำการเก็บรักษามันไว้เป็นอย่างดีมานานหลายปีแล้ว ก่อน หน้านี้มีการค้นพบหลักฐานทำนายวันสิ้นโลกของชนเผ่ามายาอันแรกไม่ไกลกันนักใน พื้นที่ทอร์ทูกัวโร พื้นที่ของชนเผ่ามายา ในรัฐตาบัสโก ที่ระบุวันที่เดียวกันบนศิลาจารึกแท่งหนึ่งแต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าการ แปลภาษาบนแท่นศิลาจารึกมีความคลาดเคลื่อน และเจ้าหน้าที่จากสถาบันประวัติศาสตร์และโบราณคดีของเม็กซิโก พูดมานานแล้วว่าความตื่นกลัวนี้คือการแปลความหมายแบบผิด ๆ จึงทำให้เกิดความหวาดกลัวไปกันเอง


    ไอ.เอ็น.เอ็น.

    [​IMG]



    -http://hilight.kapook.com/view/65105-

    .

     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ปภ. เตือน อันตรายจากไฟฟ้าหลังน้ำลด


    [​IMG]





    ปภ.เตือนอันตรายจากไฟฟ้าหลังน้ำลด (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

    กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนอันตรายจากไฟฟ้าหลังน้ำลด ผู้ประสบภัยที่กลับเข้าไปในบ้าน ควรตรวจสอบว่าภายในบ้านไม่มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล หากไม่แน่ใจควรสวมถุงมือยางชนิดหนา หรือใช้ผ้าแห้งหนาพันมือ รวมถึงสวมรองเท้าบู๊ตยางที่ไม่มีรูรั่ว เพื่อจะได้เข้าไปตัดกระแสไฟฟ้าในบ้านได้อย่างปลอดภัย ห้ามนำอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม มาใช้งานโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดเพลิงไหม้และไฟฟ้าดูด

    นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวเตือนอันตรายจากไฟฟ้าหลังน้ำลด ผู้ประสบภัยที่กลับเข้าไปในบ้านควรตรวจสอบว่าภายในบ้านไม่มีกระแสไฟฟ้ารั่ว ไหล และได้ทำการตัดกระแสไฟฟ้าหรือปลดวงจรไฟฟ้า ที่อยู่ชั้นล่างหรือบริเวณที่น้ำท่วมถึงแล้ว หากไม่แน่ใจห้ามสัมผัสถูกวัตถุโลหะทุกชนิดที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น กลอน ลูกปิดประตู รั้วโลหะ กริ่งหน้าบ้าน ประตูอัตโนมัติ เป็นต้น เพื่อความปลอดภัยควรสวมถุงมือยางชนิดหนาหรือใช้ผ้าแห้งหนาพันมือ รวมถึงสวมรองเท้าบู๊ตยาง ที่ไม่มีรูรั่ว เพื่อจะได้เข้าไปตัดกระแสไฟฟ้าในบ้านได้อย่างปลอดภัย

    จากนั้นให้ถอดปลั๊กหรือปลดสวิตช์อุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ชั้นล่าง และได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมออกทั้งหมดเพื่อตัดการจ่ายไฟ และควรทดสอบซ้ำ ด้วยการใช้ไขควงลองไฟเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ในการทำความสะอาดบริเวณที่น้ำท่วม ต้องทำหลังจากที่ได้ตัดการจ่ายไฟทั้งหมดแล้วเท่านั้น รวมถึงระมัดระวังไม่ให้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้รับความเสียหายมากขึ้น ที่สำคัญ ควรตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเฉพาะเต้ารับ สวิตช์ไฟ และสายไฟ หากเปียกชื้นหรือได้รับ ความเสียหายจากน้ำท่วม ห้ามใช้งานโดยเด็ดขาด ควรให้ช่างผู้ชำนาญการมาดำเนินการเปลี่ยนใหม่ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดเพลิงไหม้และไฟฟ้าดูด ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจในความปลอดภัย ควรติดต่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงหรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาดำเนินการตรวจสอบแก้ไขต่อไป




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://www.disaster.go.th/dpm/-
    [​IMG]


    -http://thaiflood.kapook.com/view34018.html-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท(เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔


    -http://www.disaster.go.th/dpm/index.php?option=com_remository&Itemid=320&func=fileinfo&id=547-


    .........


    คู่มือการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ


    -http://www.disaster.go.th/dpm/index.php?option=com_remository&Itemid=320&func=fileinfo&id=545-


    .................



    -http://www.disaster.go.th/dpm/-



    .

    http://www.disaster.go.th/dpm/index.php?option=com_remository&Itemid=320&func=fileinfo&id=547


    http://www.disaster.go.th/dpm/index.php?option=com_remository&Itemid=320&func=fileinfo&id=545


    http://www.disaster.go.th/dpm/

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    หนังสือราชการ

    การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๓[​IMG]
    การดำเนินการในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย[​IMG]
    การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท(เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
    สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔)
    คู่มือการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ
    การประชุมกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔
    การประชุมชี้แจงเกี่่ยวกับการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยา ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (ศูนย์เขต ๑-๑๘)



    -http://www.disaster.go.th/dpm/-

    .






    http://www.disaster.go.th/dpm/


    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เปิดคู่มือ "ทำความสะอาดบ้าน" ฉบับเข้มข้น ขจัดคราบน้ำท่วมด้วยตัวเอง

    ถึงตอนนี้ระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดลง ผู้คนเริ่มทยอยกลับเข้าบ้าน

    บ้าน หลังเดิมที่อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับบ้านที่ไม่ได้ยกข้าวของเครื่องใช้ก่อนเผ่นออกจากบ้าน อาจจะต้องทำใจสักพักหนึ่งก่อนจะก้าวเข้าไปชมผลงานที่น้องน้ำฝากไว้

    น้ำ จอมพลังที่อาจจะเคลื่อนย้ายทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน โยกไปคนละทิศละทาง กองระเกะระกะอยู่ทั่วบ้าน สภาพไม่เหมือนเดิมแน่นอน หรืออาจจะแค่ฝากคราบสกปรกไว้ตามพื้น ผนัง และขอบโต๊ะเก้าอี้ ขึ้นอยู่กับระดับน้ำและระยะเวลาที่น้ำคงอยู่

    ฉะนั้น ควรตั้งสติให้มั่นแล้วค่อย ๆ เดินกลับเข้าบ้านอย่างระมัดระวัง

    มี ขั้นตอนและวิธีการที่จะเข้าไปจัดการบ้านหรือที่อยู่อาศัย หลังจากที่น้ำท่วมขังมาเป็นเวลานานนับเดือนนั้น ซึ่งมีรายละเอียดมากมายที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง

    กมลพรรณ (กอวัฒนา) นุชผ่องใส กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ฟาร์อีสต์ เพียร์เลส (ไทยแลนด์) 1968 จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการทำความสะอาดแบบครบวงจรมานานกว่า 40 ปี แนะนำวิธีทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลดด้วยตัวเองไว้อย่างน่าสนใจ

    เตรียมพร้อมก่อนเข้าบ้าน

    เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อาทิ แว่นตาช่าง, หน้ากากกรองฝุ่น, ผ้าปิดปากปิดจมูก, ถุงมือยาง, รองเท้าบูต, ไฟฉาย และหมวกนิรภัย

    จาก นั้นแต่งกายให้พร้อมก่อนเข้าไปในตัวบ้าน สิ่งสำคัญคือห้ามประมาทและอย่าเข้าไปคนเดียว ต้องมีคนไปเป็นเพื่อน และต้องมีคนรออยู่ด้านนอก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดขึ้น

    ขั้นตอนก่อนเข้าไปยังตัวบ้านให้ปฏิบัติดังนี้

    1.ก่อน เข้าไปในตัวอาคารบ้านเรือน ให้เดินดูบริเวณรอบ ๆ บ้านก่อน โดยสำรวจพิจารณาดูโครงสร้างที่อาจจะเสียหายเป็นอันตรายก่อนตัดสินใจที่จะ เข้าไป

    2.ระวังเรื่องสัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่อาจหนีน้ำเข้าไปอาศัยอยู่ในตัวบ้าน

    3.สังเกตดูรอยร้าว หรือการบิดตัวของโครงสร้างก่อนตัดสินใจเข้าไป

    4.ตรวจดูที่จัดเก็บถังแก๊ส มองหาสิ่งผิดปกติที่อาจจะมีการรั่วซึม

    5.ตรวจสอบการจ่ายไฟให้แน่ใจว่า ไฟฟ้ายังไม่ได้จ่ายกระแสเข้าไปในบ้าน โดยการดูที่คัตเอาต์ว่ายังมีการสับสวิตช์ลงอยู่หรือไม่

    6.เปิดประตูให้เกิดการถ่ายเทอากาศ อย่าเหยียบเข้าบ้านทันที ให้สังเกตพื้นบ้าน ลองค่อย ๆ ใช้เท้าทิ้งน้ำหนักเพื่อทดสอบก่อน

    7.สังเกตดูเพดานว่ามีการอมน้ำ แอ่นท้องช้าง หรือมีคราบน้ำอยู่หรือไม่ เพราะเพดานอาจพังทลายลงมาได้เมื่อมีการเคลื่อนไหวให้ระมัดระวัง

    ตรวจเช็กเชื้อโรค-ระบบไฟฟ้า

    ขั้นตอนของการทำความสะอาด ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก

    "ต้อง คำนึงถึงการกำจัดการฆ่าเชื้อโรคเชื้อราที่เราอาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จากการสัมผัสหรือหายใจเอาเชื้อเหล่านี้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว" กมลพรรณย้ำ

    ดัง นั้น ต้องคำนึงถึงการป้องกันตนเอง เช่น การใส่ถุงมือยาง และรองเท้าบูต ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคเชื้อรา, ป้องกันการสัมผัสสารเคมี รวมถึงป้องกันไฟดูด รวมทั้งคาดผ้าปิดจมูกและปากที่ช่วยป้องกันการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราและไอ ระเหยของสารเคมีเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ

    ในระหว่างการทำ ความสะอาดควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบายได้มากที่สุด โดยอาจเปิดพัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ

    ข้อ ห้ามคือ ห้ามเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ จะถูกดูดเข้าไปอยู่ในระบบปรับอากาศ และจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์เชื้อราต่อไป ถือเป็นภัยเงียบที่เรามองไม่เห็น

    จากนั้นก็มาเริ่มที่ระบบไฟฟ้าของ ทั้งบ้าน ซึ่งจะต้องถูกปิดทันทีที่น้ำท่วมบ้าน ดังนั้นระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่จะต้องจัดการทันทีที่น้ำลด โดยให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพมาตรวจสอบและซ่อมแซมให้หมดก่อนจึงจะสามารถกลับไปใช้ ไฟฟ้าได้

    บางครั้งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเดินสายไฟใหม่ทั้งหมด และสายไฟจะต้องแห้งสนิท รวมทั้งสวิตช์ไฟ, เต้าเสียบปลั๊กไฟต่าง ๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำอาจจะมีโคลนตมและตะกอนที่มากับน้ำเข้าไปอยู่ จึงต้องมีการตรวจเช็กระบบอย่างละเอียด

    ระบบเครื่องปรับอากาศ หลังน้ำลดต้องเรียกช่างแอร์มืออาชีพมาตรวจเช็กระบบเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งทำความสะอาดท่อ

    ต่าง ๆ, แผ่นกรองอากาศ เปลี่ยนฉนวนกันความร้อนที่จมน้ำ ฯลฯ เมื่อช่างแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ซีลปิดไว้ก่อนจึงจะเริ่มการทำความ สะอาดบ้าน

    อย่าลืมว่าก่อนจะเปิดเครื่องปรับอากาศต้องทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมกลับเข้าไปอยู่แล้วเท่านั้น

    ถึงเวลาลงมือทำ

    หลังจากตรวจเช็กทุกอย่างจนแน่ใจแล้ว ก็มาถึงวิธีการทำความสะอาดขนานใหญ่ โดยเริ่มตามโปรแกรมดังนี้

    1.เริ่ม ด้วยการขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อสะดวกในการจัดการกับโคลนตมที่มากับน้ำ ให้ใช้พลั่วตักดินโคลนออกจากพื้นบ้านให้ได้มากที่สุด

    จากนั้นจึงใช้ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง (ถ้ามี) หรือสายยางฉีดน้ำเพื่อชะล้างโคลนออกจากพื้นผิว อุปกรณ์อย่างหนึ่งที่จะช่วยผ่อนแรงได้มากคือ ไม้ปาดน้ำ หากไม่มีและพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก สามารถใช้ผ้าขนหนูทำเป็นผ้าลากน้ำได้ โดยเน้นการกำจัดดินโคลนออกไปให้หมด

    2.เรื่องของพื้น หากพื้นบ้านของท่านมีการใช้วัสดุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวนิล, เสื่อน้ำมัน, พรม, ปาร์เกต์ ฯลฯ มีความจำเป็นที่จะต้องรื้อวัสดุปูพื้นเหล่านั้นออกเพื่อให้พื้นด้านล่างแห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งสนิทอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร

    การทำความสะอาดพื้น ทุกชนิด ต้องพิจารณาดูตามความเหมาะสมของพื้น โดยทั่วไป ๆ สามารถใช้น้ำผสมคลอรีนในอัตราส่วน 0.1% (1 CC ต่อน้ำ 1,000 CC) ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณก่อนแล้วจึงขัดถูพื้นด้วยน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ขัดถูให้ทั่วบริเวณแล้วจึงราดด้วยน้ำร้อนเดือด ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ ซึ่งต้องอ่านฉลากวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    หาก ป็นไปได้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ กำจัดกลิ่น กำจัดคราบไขมันได้

    ข้อดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ คือ สารชีวภาพเอนไซม์นั้นจะยังคงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อที่จะเกิดขึ้นใหม่ จากความชื้นต่อไปได้อีกนานประมาณ 3-6 เดือน ตราบที่พื้นยังมีความชื้นอยู่ และที่สำคัญสารชีวภาพเอนไซม์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

    สำหรับพื้นบ้านที่ปูพรม...

    คลิกอ่านรายละเอียดต่อที่ : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


    -http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeU1qSXlNelk1TWc9PQ==&sectionid=-

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    เปิดคู่มือ "ทำความสะอาดบ้าน" ฉบับเข้มข้น ขจัดคราบน้ำท่วม "ด้วยตัวเอง"


    ถึงตอนนี้ระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดลง ผู้คนเริ่มทยอยกลับเข้าบ้าน

    บ้าน หลังเดิมที่อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับบ้านที่ไม่ได้ยกข้าวของเครื่องใช้ก่อนเผ่นออกจากบ้าน อาจจะต้องทำใจสักพักหนึ่งก่อนจะก้าวเข้าไปชมผลงานที่น้องน้ำฝากไว้

    น้ำ จอมพลังที่อาจจะเคลื่อนย้ายทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน โยกไปคนละทิศละทาง กองระเกะระกะอยู่ทั่วบ้าน สภาพไม่เหมือนเดิมแน่นอน หรืออาจจะแค่ฝากคราบสกปรกไว้ตามพื้น ผนัง และขอบโต๊ะเก้าอี้ ขึ้นอยู่กับระดับน้ำและระยะเวลาที่น้ำคงอยู่

    ฉะนั้น ควรตั้งสติให้มั่นแล้วค่อย ๆ เดินกลับเข้าบ้านอย่างระมัดระวัง

    มี ขั้นตอนและวิธีการที่จะเข้าไปจัดการบ้านหรือที่อยู่อาศัย หลังจากที่น้ำท่วมขังมาเป็นเวลานานนับเดือนนั้น ซึ่งมีรายละเอียดมากมายที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง

    กมลพรรณ (กอวัฒนา) นุชผ่องใส กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ฟาร์อีสต์ เพียร์เลส (ไทยแลนด์) 1968 จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการทำความสะอาดแบบครบวงจรมานานกว่า 40 ปี แนะนำวิธีทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลดด้วยตัวเองไว้อย่างน่าสนใจ

    เตรียมพร้อมก่อนเข้าบ้าน

    เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อาทิ แว่นตาช่าง, หน้ากากกรองฝุ่น, ผ้าปิดปากปิดจมูก, ถุงมือยาง, รองเท้าบูต, ไฟฉาย และหมวกนิรภัย

    จาก นั้นแต่งกายให้พร้อมก่อนเข้าไปในตัวบ้าน สิ่งสำคัญคือห้ามประมาทและอย่าเข้าไปคนเดียว ต้องมีคนไปเป็นเพื่อน และต้องมีคนรออยู่ด้านนอก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดขึ้น

    ขั้นตอนก่อนเข้าไปยังตัวบ้านให้ปฏิบัติดังนี้

    1.ก่อน เข้าไปในตัวอาคารบ้านเรือน ให้เดินดูบริเวณรอบ ๆ บ้านก่อน โดยสำรวจพิจารณาดูโครงสร้างที่อาจจะเสียหายเป็นอันตรายก่อนตัดสินใจที่จะ เข้าไป

    2.ระวังเรื่องสัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่อาจหนีน้ำเข้าไปอาศัยอยู่ในตัวบ้าน

    3.สังเกตดูรอยร้าว หรือการบิดตัวของโครงสร้างก่อนตัดสินใจเข้าไป

    4.ตรวจดูที่จัดเก็บถังแก๊ส มองหาสิ่งผิดปกติที่อาจจะมีการรั่วซึม

    5.ตรวจสอบการจ่ายไฟให้แน่ใจว่า ไฟฟ้ายังไม่ได้จ่ายกระแสเข้าไปในบ้าน โดยการดูที่คัตเอาต์ว่ายังมีการสับสวิตช์ลงอยู่หรือไม่

    6.เปิดประตูให้เกิดการถ่ายเทอากาศ อย่าเหยียบเข้าบ้านทันที ให้สังเกตพื้นบ้าน ลองค่อย ๆ ใช้เท้าทิ้งน้ำหนักเพื่อทดสอบก่อน

    7.สังเกตดูเพดานว่ามีการอมน้ำ แอ่นท้องช้าง หรือมีคราบน้ำอยู่หรือไม่ เพราะเพดานอาจพังทลายลงมาได้เมื่อมีการเคลื่อนไหวให้ระมัดระวัง

    ตรวจเช็กเชื้อโรค-ระบบไฟฟ้า

    ขั้นตอนของการทำความสะอาด ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก

    "ต้อง คำนึงถึงการกำจัดการฆ่าเชื้อโรคเชื้อราที่เราอาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จากการสัมผัสหรือหายใจเอาเชื้อเหล่านี้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว" กมลพรรณย้ำ

    ดัง นั้น ต้องคำนึงถึงการป้องกันตนเอง เช่น การใส่ถุงมือยาง และรองเท้าบูต ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคเชื้อรา, ป้องกันการสัมผัสสารเคมี รวมถึงป้องกันไฟดูด รวมทั้งคาดผ้าปิดจมูกและปากที่ช่วยป้องกันการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราและไอ ระเหยของสารเคมีเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ

    ในระหว่างการทำ ความสะอาดควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบายได้มากที่สุด โดยอาจเปิดพัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ

    ข้อ ห้ามคือ ห้ามเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ จะถูกดูดเข้าไปอยู่ในระบบปรับอากาศ และจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์เชื้อราต่อไป ถือเป็นภัยเงียบที่เรามองไม่เห็น

    จากนั้นก็มาเริ่มที่ระบบไฟฟ้าของ ทั้งบ้าน ซึ่งจะต้องถูกปิดทันทีที่น้ำท่วมบ้าน ดังนั้นระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่จะต้องจัดการทันทีที่น้ำลด โดยให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพมาตรวจสอบและซ่อมแซมให้หมดก่อนจึงจะสามารถกลับไปใช้ ไฟฟ้าได้

    บางครั้งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเดินสายไฟใหม่ทั้งหมด และสายไฟจะต้องแห้งสนิท รวมทั้งสวิตช์ไฟ, เต้าเสียบปลั๊กไฟต่าง ๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำอาจจะมีโคลนตมและตะกอนที่มากับน้ำเข้าไปอยู่ จึงต้องมีการตรวจเช็กระบบอย่างละเอียด

    ระบบเครื่องปรับอากาศ หลังน้ำลดต้องเรียกช่างแอร์มืออาชีพมาตรวจเช็กระบบเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งทำความสะอาดท่อ

    ต่าง ๆ, แผ่นกรองอากาศ เปลี่ยนฉนวนกันความร้อนที่จมน้ำ ฯลฯ เมื่อช่างแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ซีลปิดไว้ก่อนจึงจะเริ่มการทำความ สะอาดบ้าน

    อย่าลืมว่าก่อนจะเปิดเครื่องปรับอากาศต้องทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมกลับเข้าไปอยู่แล้วเท่านั้น

    ถึงเวลาลงมือทำ

    หลังจากตรวจเช็กทุกอย่างจนแน่ใจแล้ว ก็มาถึงวิธีการทำความสะอาดขนานใหญ่ โดยเริ่มตามโปรแกรมดังนี้

    1.เริ่ม ด้วยการขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อสะดวกในการจัดการกับโคลนตมที่มากับน้ำ ให้ใช้พลั่วตักดินโคลนออกจากพื้นบ้านให้ได้มากที่สุด

    จากนั้นจึงใช้ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง (ถ้ามี) หรือสายยางฉีดน้ำเพื่อชะล้างโคลนออกจากพื้นผิว อุปกรณ์อย่างหนึ่งที่จะช่วยผ่อนแรงได้มากคือ ไม้ปาดน้ำ หากไม่มีและพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก สามารถใช้ผ้าขนหนูทำเป็นผ้าลากน้ำได้ โดยเน้นการกำจัดดินโคลนออกไปให้หมด

    2.เรื่องของพื้น หากพื้นบ้านของท่านมีการใช้วัสดุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวนิล, เสื่อน้ำมัน, พรม, ปาร์เกต์ ฯลฯ มีความจำเป็นที่จะต้องรื้อวัสดุปูพื้นเหล่านั้นออกเพื่อให้พื้นด้านล่างแห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งสนิทอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร

    การทำความสะอาดพื้น ทุกชนิด ต้องพิจารณาดูตามความเหมาะสมของพื้น โดยทั่วไป ๆ สามารถใช้น้ำผสมคลอรีนในอัตราส่วน 0.1% (1 CC ต่อน้ำ 1,000 CC) ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณก่อนแล้วจึงขัดถูพื้นด้วยน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ขัดถูให้ทั่วบริเวณแล้วจึงราดด้วยน้ำร้อนเดือด ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ ซึ่งต้องอ่านฉลากวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    หาก เป็นไปได้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ กำจัดกลิ่น กำจัดคราบไขมันได้

    ข้อ ดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ คือ สารชีวภาพเอนไซม์นั้นจะยังคงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อที่จะเกิดขึ้นใหม่ จากความชื้นต่อไปได้อีกนานประมาณ 3-6 เดือน ตราบที่พื้นยังมีความชื้นอยู่ และที่สำคัญสารชีวภาพเอนไซม์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

    สำหรับ พื้นบ้านที่ปูพรม ถ้าพื้นบ้านที่ปูพรมจมอยู่ใต้น้ำท่วมหรือน้ำเสีย ควรจะตัดใจกำจัดทิ้งไปเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ เพราะพรมเป็นแหล่งเพาะเชื้อราอย่างดี

    การทำความสะอาดพรมด้วยตัวเอง เป็นเรื่องยาก ต้องใช้มืออาชีพที่เชื่อถือได้ว่าจะใช้น้ำยาซักพรมที่ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่น และใช้เครื่องมือซักพรมชนิดพิเศษที่สามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึก แต่ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดค่อนข้างสูง ควรพิจารณาให้ดี



    -http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1321691710&grpid=09&catid=&subcatid=-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [FONT=Tahoma,]ตร.เค้นเพิ่ม"สุพจน์" โสภณโต้ ไม่ใช่เงินรถไฟฟ้า

    อ้างสร้างละครกลบน้ำ-ยันบริสุทธิ์ "เหลิม"ย้ำโกง-อีก2อาทิตย์สะเทือน ผบช.น.บี้เจ้าของบ้านบอกยอดเงิน ขอค้น5จุดบ้าน"ประพันธ์"หา9ล้าน


    <table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">[​IMG]
    โต้เหลิม - นายโสภณ ซารัมย์ อดีตรมว.คมนาคม แถลงโต้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เกี่ยวกับคดีปล้นปลัดคมนาคมที่เชื่อมโยงกับโครงการรถไฟฟ้า โดยยืนยันไม่มีทุจริตและเตรียมฟ้องกลับ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.

    </td></tr></tbody></table>"โสภณ ซารัมย์" เปิดแถลงยืนยันความบริสุทธิ์ โวยโดนลากไปโยงคดีปล้นบ้านปลัดคมนาคม ซัด"เหลิม"สร้างเรื่องหวังเป็นฮีโร่รอส้มหล่นตอนปรับครม. ขู่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย อ้างคุยกับ "สุพจน์"แค่เรื่องงาน "เหลิม"ย้ำนักการเมืองที่เคยจนมาก่อนทุจริต ท้าฟ้องแต่ระวังเจอฟ้องกลับ ลั่นอีก 2-3 อาทิตย์สะเทือนแน่ สั่งตร.ไปลาวล่าตัว"ไอ้โก้"หัวโจกให้ได้ รมช.ชัจจ์สั่งสอบโครงการย้อนหลัง รฟท.เอาด้วยรื้อสอบประมูลรถไฟฟ้า ตร.ค้นล็อกเกอร์"ประพันธ์"ที่สนามบินหาเงิน 9 ล้านแต่ไม่พบ ฝากขัง"ประพันธ์"ศาลไม่ให้ประกัน

    จากคดีอื้อฉาวสั่นสะเทือนวงการข้า ราชการและการเมือง กรณีคนร้ายบุกปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ขนเงินจากห้องนอนไปหลายกระเป๋าและกระสอบ ซึ่งนาย สุพจน์ระบุว่าถูกปล้นไป 5 ล้านบาท โดยเป็นเงินสินสอดของลูกสาว ต่อมาตำรวจจับกุมและกดดันจนได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดี 8 คน พร้อมเงินของกลางกว่า 17 ล้านบาท ยังเหลือหลบหนีอีก 3 คน รวมทั้งนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี หัวหน้าแก๊ง ซึ่งขณะนี้หลบหนีไปประเทศลาว จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าปล้นเงินไปได้ 200 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ยิ่งสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ก็ยิ่งพบความไม่ชอบมาพากลและความพิลึกพิลั่นของ ที่มาของเงิน จำนวนเงินที่แท้จริง รวมทั้งจุดประสงค์ของกลุ่มคนร้าย กระทั่งมีคำสั่งย้ายนาย สุพจน์มาช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันป.ป.ช., ปปง. เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย โดยตั้งประเด็นกับนายสุพจน์ 3 ข้อหาคือ ยื่นบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ, ร่ำรวยผิดปกติ และทุจริตต่อหน้าที่ ล่าสุดร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตอบกระทู้ในสภา ระบุว่า การปล้นครั้งนี้เป็นการสั่งมาปล้น โดยเชื่อมโยงกับการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าหลายสายสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

    "โสภณ ซารัมย์"แถลงยันบริสุทธิ์

    ความ คืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่รัฐสภา นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อดีตรมว. คมนาคม แถลงว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกระทู้ถามสดกรณีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่มีการพาดพิงและตั้งข้อสังเกตถึงการทุจริตโครง การรถไฟฟ้าสีต่างๆ สมัยรัฐบาลที่แล้วนั้น เป็น การสร้างละครในสภาอันทรงเกียรติ และพยายามสร้างข้อมูลกลบประเด็นความพยายามผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้ปัญหาน้ำท่วม

    อดีตรมว.คมนาคมกล่าวอีกว่า ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ว่าระหว่างทำหน้าที่รมว.คมนาคม ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีใดทั้งสิ้น โดย 1.รถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่อ้างถึงนั้นเคยมีการอภิปรายในสภาแล้ว และตนได้ชี้แจงไปแล้ว อีกทั้งกรณีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของป.ป.ช. ส่วนที่โยงถึงการกู้เงินจากประเทศญี่ปุ่นเป็นเพราะมีอัตราดอกเบี้ยที่ 3.5% ต่อปี เป็นดอกเบี้ยที่ถูก ไม่ใช่ไม่มีดอกเบี้ยตามที่ถูกกล่าวหา ขณะที่การยกเลิกสัญญานั้นยกเลิกเฉพาะการวางราง ถือเป็นสัญญาที่ 5 เพราะผู้ดำเนินการขาดคุณสมบัติ

    ซัด"เหลิม"ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

    อดีต รมว.คมนาคมกล่าวต่อว่า 2.รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ขอชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องกับตน เพราะลงนามตั้งแต่สมัยรัฐบาลคมช. และจัดสรรกรอบวงเงินถมทราย ซึ่งสำนักงบประ มาณเป็นผู้อนุมัติ ไม่เกี่ยวกับรมต. ขณะที่ในส่วนบางซื่อ-รังสิต ยังไม่ลงนาม เรื่องนี้ตนไม่ได้บอกว่ามีใครผิดถูก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องร้อนรนฟันธงไปก่อนขนาดนี้ ทั้งที่ควรปล่อยให้ตำรวจพิสูจน์ตามพยานหลักฐาน อีกทั้งร.ต.อ.เฉลิมก็เป็นรองนายกฯ กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่กลับไม่ดำเนินการร้องทุกกล่าวโทษทั้งที่อ้างว่ามีหลักฐานต่างๆ ทั้งเรื่องทุจริต หรือฮั้วประมูล ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิมอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

    อดีตรมว.คมนาคมกล่าวว่า ติดตามข้อมูลมาตลอด รู้ว่ามีความพยายามโยงเรื่องเข้าสู่ยุครัฐบาลที่ผ่านมา ตนพร้อมตอบทุกข้อสงสัย ก่อนหน้านี้ที่เงียบไม่ได้กลัว แต่ไม่อยากให้สังคมสับสน เพราะพูดกันไปมาก็เหมือนโต้ตอบ ยืนยันว่าตั้งแต่รับหน้าที่รมต.ไม่เคยข้องเกี่ยวกับผู้รับเหมา และยืนยันกับข้าราชการในกระทรวงตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ขอให้ช่วยทำงาน อย่าให้ต้องอายคน ซึ่งในการประชุมครม.ไม่เคยนำข้าราชการเข้าไปช่วยชี้แจง เนื่องจากต้องการเข้าใจเรื่องและงานของกระทรวงทั้งหมดด้วยตนเอง

    อยากเป็นฮีโร่ปรับครม.-ขู่ฟ้อง

    "การ ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายนั้น ผมยังไม่ประเมินว่าจะเรียกเท่าใด แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากการฟ้องร้องจะมอบให้มูลนิธิพิการ ทางสมอง การเคลื่อนไหวของร.ต.อ.เฉลิม ครั้งนี้เพื่อต้องการสร้างตัวเองเป็นฮีโร่เพื่อหวัง ส้มหล่นหากปรับครม.ในเร็วๆ นี้" นายโสภณกล่าว

    คุย"สุพจน์"แค่เรื่องงาน

    นาย โสภณกล่าวภายหลังแถลงข่าวอีกว่า หลังจากเกิดเรื่อง โทร.ไปถามนายสุพจน์ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากเป็นงานแต่งของลูกสาวนายสุพจน์พอดี แต่หลังจากนั้นเรื่องราวหนักขึ้นๆ ก็โทร.ไปให้กำลังใจ ก็แค่นั้น นอกจากนั้นไม่มี เรื่องงานไม่เคยโทร.แม้แต่ครั้งเดียว คุยเรื่องงานกันครั้งสุดท้ายแค่บอกว่าให้นายสุพจน์ต้องปรับตัว ทำงานกับรมต.ใหม่ให้ได้แค่นั้น ส่วนตนไม่เดือดร้อนอะไร ฝากทิ้งท้ายไว้ในวันที่ออกจากตำแหน่งเท่านั้น หลังจากนั้นไม่เคยคุยเรื่องงานกันเลย ส่วนการแถลงก็แถลงเองไม่มีใครสั่งว่าต้องพูดอะไร พูดในนามของตนเอง ไม่มีสคริปต์ ใดๆ เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

    ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจาก นี้จะมีการพาดพิงสมาชิกพรรคภูมิใจไทยออกมาอีกเรื่อยๆ หรือไม่ นายโสภณกล่าวว่า จะพาดพิงอย่างไรก็ได้ เพราะตั้งแต่เป็นรมต.คิดอยู่เสมอว่ายอมเป็นก็เย็นได้ ประชาธิปัตย์มาถามว่าทำไมไม่โต้ตอบ ก็ยังยืนยันคำเดิม แต่ครั้งล่าสุดนี้เย็นไม่ได้ เพราะถ้ายอมก็เท่ากับยอมรับในสิ่งที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยกล่าวหา ต้องปกป้องศักดิ์ศรีเพราะถ้าพูดเรื่องทุจริตคนเชื่อไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์ใดๆ

    "เหลิม"ย้ำนักการเมืองที่เคยจนทุจริต

    ต่อ มาร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายโสภณแถลงข่าวว่า เรื่องที่ตนอภิปรายในสภา ชี้แจงนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ว่า มีการปล้นทรัพย์จากบ้านนายสุพจน์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้เสียหายระบุว่า ทรัพย์ที่ปล้นไปมีเพียง 5 ล้านบาท แต่ตำรวจจับคนร้ายได้ 7 คน มอบตัวอีก 1 คน และยึดของกลางได้แล้ว 17.8 ล้านบาท ทางการสืบสวนมีข้อมูลเชิงลึกว่าสั่งให้ปล้น และมีผลประโยชน์ขัดแย้งกัน

    ใน ฐานะที่เป็นตำรวจเก่าพูดชัดเจนว่าไม่ได้เอารายละเอียดจากสำนวนการสอบสวน ตนเป็นคนบอกตำรวจเองทันทีที่รายงานมา เพราะเป็นบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตนกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ดูแลการทำงานของตำรวจให้ตรงไปตรงมา ตนบอกตำรวจว่าเรื่องนี้คนที่รู้ต้องเป็นคนใน 1.คนขับรถ 2.คนแบกเงินเข้าบ้าน 3.คนใช้ในบ้าน เรื่องนี้ต้องเป็นกระบวนการ ไม่ใช่บังเอิญไปปล้น ตำรวจก็สอบต่อไป เริ่มแรกเจ้าทรัพย์ไม่อยากให้เป็นข่าว จึงแจ้งต่อนายตำรวจคนหนึ่งยศพล.ต.ต. แต่กลับไม่รู้ถึงความรู้สึกลึกๆ ของเจ้าทรัพย์คิดอย่างไร ก็วิทยุแจ้ง 191 กองปราบปราม หน่วยสืบกองบังคับการ ตำรวจ เลยยกขบวนมาจับคนร้าย แต่ได้หลักฐานเพียงกล้องวงจรปิดที่คนร้ายหยิบกระเป๋าไป 1 ใบ

    ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวต่อว่า แต่มีผู้หวังดีที่เห็นตนเอาจริงเอาจัง จึงนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดส่วนอื่นที่ตำรวจไม่มีมามอบให้ อย่างที่เห็นก็นำไปชี้แจงต่อสภา ส่วนเงินก้อนนี้มาจากไหน แหล่งข่าวตนเชื่อได้ว่ามาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง สีแดง สีเหลือง และอื่นๆ โดยเฉพาะสิ่งสำคัญคือ โครงการสายสีเขียว มีนักการเมืองทุจริตกลุ่มหนึ่ง และนักการเมืองกลุ่มนี้ยากจนในอดีตมาทั้งนั้น เหตุที่เกิดก็เพราะคนเหล่านี้มีความเชื่อว่า มีการรับเงินจากโครงการรถไฟสายสีเขียวแล้ว ก็เกิดความขัดแย้งด้านผลประโยชน์เลยโกรธ ส่วนเป็นใครนั้น ไม่ขอบอก ไม่ได้กลัวถูกฟ้อง แต่อยากให้ติดตาม

    ถามกลับแล้วรมต.รวยเท่าไหร่

    ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวอีกว่า จากนั้นจึงมีเกิดการสั่งปล้น ตนไม่ได้แสดงละคร แต่เป็นเรื่องของนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่เลว ทุจริตคอร์รัปชั่น คดีประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายเรียกว่าสืบจากศพ คดีนี้ตนบอกตำรวจให้สืบจากเงินแต่ละก้อนว่ามาจากไหน บางส่วนเบิกมาจากจ.อุดรธานี วิธีการเบิกมีช่องทางอื่นมากกว่าการเบิกทีละล้าน ซึ่งตำรวจบางทีไม่รู้กลไกนักการเมือง จึงแนะนำไปแล้ว

    "สองบริษัทแถบๆ นั้น ประมูลอะไรก็ได้หมด และนักการเมืองบางคนร่ำรวยจนไปซื้อบ้านที่อังกฤษ จนเขาจะตั้งฉายาว่าหมู่บ้านคนไทยแล้ว ผมจะขออุปมาอุปไมยว่า ถ้าวันหนึ่งปลัดกระ ทรวงมีเท่านี้ ผมไม่ได้บอกว่าปลัดกระทรวงไหน แล้วรัฐมนตรีจะมีเท่าไหร่ จะมีจำนวนเงินมากหรือน้อย ผมไม่ได้กลบเกลื่อนการจัดซื้อถุงยังชีพ เพราะไม่ได้ถูกยื่นญัตติไม่ไว้วางใจด้วย และผมจะเป็นนักสร้างเรื่องได้อย่างไร ผมเป็นคนตรงไปตรงมา และเป็นคนอภิปรายเรื่องรถไฟฟ้าสีม่วง และหากหลังน้ำลดจะมาฉายหนังซ้ำ" ร.ต.อ. เฉลิมกล่าว

    ลั่นอีก2-3อาทิตย์สะเทือนแน่

    ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวว่า รถไฟสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ ตั้งงบประมาณไว้หลายส่วน เดิมจะกู้เงินภายในประเทศ ทำให้ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท จึงหันไปกู้ไจก้า เงิน 2,000 กว่าล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำเงินนั้นมาให้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง จะไม่รวยได้อย่างไร อีกไม่เกิน 2-3 อาทิตย์นี้ รับรองสะเทือน ทั้งนี้ ตนไม่จำเป็นต้องเล่นละคร เพราะอายุเยอะแล้ว หากเป็นสมัยอายุ 25 ปีก็ว่าไปอย่าง เพราะรูปหล่อ

    ผู้สื่อข่าวถามว่านายโสภณ ซารัมย์ ปฏิเสธว่าไม่มีการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ที่พูดเป็นโครงการสาย สีเขียว และไม่ใช่นักการเมืองของรัฐบาลนี้ ตนเกรงใจ เดี๋ยวจะหาว่ากลั่นแกล้ง นำตำรวจไปค้นบ้านที่อาจจะพบเงินได้อีกนับพันล้านบาท 3-4 บ้าน ตอนนี้ส่งตำรวจแอบเฝ้าสังเกตการณ์ เห็นว่ามีการขนย้ายโดยใช้รถเป็นสิบๆ คันต่อวันกันแล้ว แต่ที่ไม่ทำ เพราะเขาไม่มีส่วนในคดีปล้น ถ้าตนไม่กลัวสื่อด่าว่า เกเร บ้าอำนาจ เชื่อว่าถ้าเข้าไปค้นต้องเจอเงิน เรื่องนี้ตนจึงยังไม่ทำเพราะยึดคดีปล้นเป็นหลัก อีกทั้งข้อมูลขัดแย้งผลประโยชน์ที่ได้ เป็นเพียงข้อมูลจากแหล่งสืบสวน จึงยังไม่ถือว่าเป็นคดี

    ท้าฟ้องแต่ระวังเจอฟ้องกลับ

    ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวต่อว่า ส่วนที่พรรคภูมิใจมองว่ากำลังใช้อำนาจแทรกแซงการทำงานของตำรวจ และเปลี่ยนสำนวนคดีปล้นทรัพย์นั้น ตนทำตามอำนาจของกฎหมาย เพราะเป็นรองนายกฯ ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สิ่งที่ทำเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ถือเป็นหน้าที่ ไม่ใช่แทรกแซง ปลัดคมนาคมจะออกมาชี้แจงก็ทำได้ ไม่มีใครห้าม และหากจะยื่นฟ้องร้องก็เชิญ แต่จะฟ้องข้อหาอะไร ในการอภิปรายสภาก็ไม่ได้เอ่ยชื่อนายโสภณสักคำ หากจะฟ้องก็เชิญ แต่ระวังหากฟ้องเท็จ จะโดนฟ้องกลับ

    เมื่อถามว่าคดีปล้นทรัพย์ดัง กล่าวจะสาวถึงผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า หากจับนายโก้ ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม และเป็นผู้ที่สั่งให้มาปล้นได้ จะมีความชัดเจน อย่างไรก็ตามประเด็นต่างๆ เหล่านี้มีคนบอกตนชัดเจนมาก ถึงขนาดว่าวันที่ถูกปล้นมีคนไปปรารภกับใครบ้าง งานนี้ตนจะขุดรากถอนโคนบุคคลที่ทำผิดให้หมด

    สั่งตร.ไปลาวล่าตัว"ไอ้โก้"

    ต่อ ข้อถามว่านายโก้ติดต่อขอมอบตัวแล้วหรือยัง รองนายกฯกล่าวว่า ยังไม่ได้ติดต่อมา แต่ขณะนี้สั่งให้ตำรวจภูธรภาค 4 เดินทางไปประเทศลาวแล้ว หลังจากนี้หากตนรู้อะไรมาก็จะบอกตำรวจ อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมที่สมบูรณ์มักทิ้งร่องรอยและหลักฐานไว้ อยู่ที่ตำรวจว่าจะมีความเชี่ยวชาญหรือไม่ เรื่องนี้ในทางพฤตินัยรู้แล้วว่าโยงถึงนักการเมือง เขาถึงเต้นเป็นเจ้าเข้า และกระทรวงคมนาคมถือเป็นกระทรวงทองฝังเพชร คนขี้โกงจะหาเงินได้เยอะ

    ร.ต.อ. เฉลิมกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "อย่าไปบอกใครนะว่า ผมรู้จักนายโสภณมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2531 ตอนนั้นผมเป็นรมต.สำนักนายกฯ ส่วน นายโสภณเป็นครูประชาบาลอยู่อ.ลำปลายมาศ แต่วันนี้กลับจะมาฟ้องผม ผมเอ่ยชื่อสักคำหรือยัง ถ้าเจอหน้าจะหยิกแก้มสักที"

    "ชัจจ์"สั่งสอบโครงการย้อนหลัง

    ด้าน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม กล่าวว่า ในฐานะที่กำกับดูแลกรมทางหลวงชนบท ได้สั่งการตรวจสอบโครงการย้อนหลังอย่างละเอียดว่าดำเนินการโปร่งใสและมี เรื่องสินบนมาเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่ อย่างไร ที่ผ่านมาพยายามติดต่อนายสุพจน์เพื่อพูดคุยสอบถาม แต่นายสุพจน์ไม่รับสาย

    ส่วน ที่มีข่าวว่านายสุพจน์จะลาออกจากประ ธานคณะกรรมการการรถไฟ วันที่ 30 พ.ย.นี้นั้น รมช.คมนาคมกล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอวันที่ 30 พ.ย.

    รฟม.รื้อสอบประมูลรถไฟฟ้า

    ขณะ ที่นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า ในฐานะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) ปฏิบัติหน้าที่ประธานที่ประชุมกรรมการรฟม.แทนนายสุพจน์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการว่า ที่ประชุมมีมติให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ซึ่งมีนาย อรรถพล ใหญ่สว่าง กรรมการ เป็นประธาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงผลการประกวดราคาโครง การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ -บางใหญ่ สัญญาที่ 6 งานระบบราง มูลค่า 3,663 ล้านบาท

    ทั้ง นี้ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ จะพิจารณาทุกประเด็น ทั้งกรณีความเห็นแตกต่างของคะแนนด้านเทคนิคเกี่ยวกับบุคลากรของบริษัทรับ เหมาก่อสร้าง ซึ่งองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า เห็นว่าบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผ่านรายเดียว ขณะที่คณะกรรมการประกวดราคา ซึ่งมีนายชัยสิทธิ์ คุรุรัตน์ รองผู้ว่าการ รฟม. เป็นประธาน เห็นว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ผ่านทั้งคู่ รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมในการสอบสวนทางวินัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ด้วย

    "เท่าที่ได้รับรายงานคือ ไจก้าใช้หลักเกณฑ์การให้คะแนนด้านบุคลากรแบบเต็มกับศูนย์ ขณะที่กรรมการประกวดราคาให้คะแนนตามสัดส่วน ซึ่งคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายฯ จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่าเงื่อนไขที่ตกลงร่วมกันเป็นแบบใด" นายถวัลย์รัฐกล่าว และว่า สำหรับขั้นตอนการประกวดราคาต่อไปนั้น ที่ประชุมให้ดำเนินการต่อไป ส่วนจะเปิดซองราคาได้หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารรฟม.พิจารณา

    "สุพจน์"เตรียมเปิดแถลง

    รายงาน ข่าวจากคนใกล้ชิดนายสุพจน์ระบุว่า ขณะนี้นายสุพจน์เก็บตัวเงียบเพื่อเตรียมข้อมูลชี้แจงป.ป.ช. และเข้าให้การกับตำรวจ ส่วนคำสั่งโยกย้ายไปช่วยราชการประจำสำนักนายกฯนั้นยังไม่เห็นคำสั่ง อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้นาย สุพจน์อาจเปิดแถลงข่าวชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนข่าวความขัดแย้งระหว่างนางนฤมล หรือตุ๋ย ทรัพย์ล้อม ภรรยานายสุพจน์ กับนางชุติมา หรือติ๋ม จันทร์ผ่อง อดีตเลขานุการทำหน้าที่หน้าห้องของนายสุพจน์นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนางนฤมลกับนางชุติมาเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน และนางนฤมลเลือกนางชุติมามาทำหน้าที่หน้าห้องสามีด้วยตัวเอง

    ผบช.น.เตรียมสอบเพิ่ม"สุพจน์"

    ด้าน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. กล่าวว่า การปล้นทรัพย์ครั้งนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุหลายราย แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนอกเหนือจากนาย วีระศักดิ์ หรือนายโก้ เชื่อลี ผู้ต้องหาคนสำคัญที่หลบหนีไปลาว ส่วนหลักฐานกระเป๋าขนเงินที่ร.ต.อ.เฉลิมนำมาอภิปรายในสภานั้น เบื้องต้นเป็นข้อมูลที่ตรงกับแนวทางการสืบสวนของตำรวจ ทั้งนี้ เตรียมเรียกนายสุพจน์มาให้ปากคำเพิ่มเติมเนื่องจากคำให้การครั้งแรกเรื่อง จำนวนเงินไม่ตรงกับของกลางที่ตรวจยึดมาได้ ซึ่งต้องพิจารณาถึงเจตนาว่าเข้าข่ายให้การเท็จหรือไม่ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะเรียกนายสุพจน์มาให้ปากคำ

    "สำหรับการติดตามตัว นายวีระศักดิ์ได้ประ สานตำรวจประเทศลาวช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีแล้ว หลังจากรองนายกฯแสดงความเป็นห่วงว่าอาจถูกฆ่าตัดตอน" ผบช.น.กล่าว

    เผยปม"เจ๊ติ๋ม"ขัดแย้ง"เจ๊ตุ๋ย"

    รายงาน ข่าวจากชุดคลี่คลายคดีเปิดเผยว่า การสืบสวนสอบสวนจนถึงขณะนี้ยังเชื่อว่าเป็นเรื่องต้องการทรัพย์สินเท่านั้น ส่วนความขัดแย้งของ"เจ๊ตุ๋ย"ภรรยานายสุพจน์กับ"เจ๊ติ๋ม"นางชุติมา จันทร์ผ่อง อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุพจน์ มารดานายชยธัช หรือเอก จันนะชัย หนึ่งในผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวก่อนหน้านี้ จากข้อมูลพบว่าเจ๊ตุ๋ยกับเจ๊ติ๋มเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยทำงานอยู่กรมทาง หลวง และเจ๊ตุ๋ยเป็นคนเลือกเจ๊ติ๋มมาเป็นเลขานุการส่วนตัวทำหน้าที่หน้าห้องของ สามี กระทั่งนายสุพจน์ได้เป็นปลัดกระทรวงคมนาคมทั้งคู่มีปัญหาไม่เข้าใจกัน เจ๊ตุ๋ยจึงลาออกโดยเออร์ลี่รีไทร์ ส่วนตัวละครชื่อ"แนท" ที่ร.ต.อ.เฉลิมอภิปรายในสภานั้น ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องหรือเป็นตัวละครเพิ่มเติมใน คดี

    เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ สว.สส.สน.วังทองหลาง นำกำลังเข้าตรวจสอบตู้ล็อกเกอร์ของนายประพันธ์ เรียงเครือ ที่บริษัท ไทยอินเตอร์การบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อค้นหาเงินของกลาง 9 ล้านบาท ตามที่นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน อ้างว่านำเงินที่ได้จากส่วนแบ่งการปล้นไปฝากให้ช่วยเก็บไว้ ผลการตรวจค้นไม่พบเงินดังกล่าว

    ค้น 5 จุดบ้านประพันธ์หา 9 ล.

    พล.ต.ต. รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. เผยว่า ตำรวจนำหมายศาลเข้าค้นบ้านพักและบ้านญาตินายประพันธ์ เรืองเครือ ผู้ต้องหาคนล่าสุดที่เข้ามอบตัว ทั้งหมด 5 จุด ในพื้นที่อ.ลำลูกกา คลองสาม จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เชื่อว่าผู้ต้องหาอาจนำเงินสด 9 ล้านบาทไปซุกซ่อนไว้ เนื่องจากไม่ปักใจเชื่อคำให้การปฏิเสธ เพราะมีหลักฐานเชื่อว่าผู้ต้องหามีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับการปล้นครั้ง นี้ แต่จากการตรวจค้นยังไม่พบเงินดังกล่าว

    ฝากขัง"ประพันธ์"-วืดประกัน

    วัน เดียวกันเวลา 14.00 น. ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง นำตัวนายประพันธ์ เรียงเครือ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาคนล่าสุดที่เข้ามอบตัวกับตำรวจ ยื่นฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ถึง 6 ธ.ค. เนื่องจากสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 8 ปาก รอผลการตรวจประวัติ รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง และคัดค้านการประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง และไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
    [/FONT]


    .

    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakkyTVRFMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHhNUzB5Tmc9PQ==-


    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    "เฉลิม"สวน"โสภณ"ยันล้าน%คดีปล้นอดีตปลัด คค.เกี่ยวปมทุจริต ลั่นแฉรอบสอง ท้าฟ้องกลับ


    ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวตอบโต้นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่พบมีเงินสด 17.8 ล้านบาทว่า การตอบกระทู้สดเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ไม่ใช่เป็นการเล่นละครเพื่อกลบประเด็นทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพ หรือน้ำท่วม แต่ประเด็นที่ชี้แจงไปมีข้อเท็จจริงว่าทำเป็นขบวนการ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คนในต้องรู้ ไม่คนขับรถ คนที่นำเงินมาให้ ก็คนแบกเงินเข้าบ้าน โดยไม่ได้นำมาจากสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีแหล่งข่าวเชื่อถือได้นำข้อมูลมาบอกให้ทราบ นำภาพในกล้องโทรทัศน์วงจรปิดมาให้

    "เรื่องปล้นบ้านปลัด ผมยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ว่ามีเรื่องทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผมไม่บอกนะว่ามีนักการเมืองคนใดเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง ไม่ใช่ว่ากลัวถูกฟ้อง ประเด็นนี้ผมย้ำไปหลายครั้งแล้วว่าเกิดจากรถไฟฟ้าสายบางซื่อ-บางใหญ่ ที่ตอนแรกจะกู้เงินต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 2,000 ล้านบาท แต่ภายหลังปรากฏว่าไปกู้เงินจากไจก้าแทน ทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวนั้นไม่ต้องเสีย แล้วพวกอุบาทว์ก็เอาเงินดังกล่าวไปให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เป็นพรรคพวก เพื่อความชัดเจน ผมเตรียมมาฉายหนังซ้ำอีกไม่เกิน 2-3 อาทิตย์นี้ รับรองสะเทือน ทั้งนี้ ผมไม่จำเป็นต้องเล่นละคร เพราะอายุเยอะแล้ว หากเป็นสมัยอายุ 25 ปีก็ว่าไปอย่าง เพราะยังหล่อเฟี้ยวŽ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ส่วนการที่นายโสภณจะฟ้องกลับ ก็ทำได้เต็มที่ แต่อยากรู้ว่าจะฟ้องในข้อหาอะไร เพราะไม่ได้เอ่ยชื่อนายโสภณแม้แต่คำเดียวในการอภิปรายในสภา แต่ระวังไว้อย่าฟ้องเท็จ เพราะจะโดนฟ้องกลับแน่นอน และขอยืนยันไม่ได้ใช้อำนาจรองนายกฯ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปแทรกแซงคดีดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้บ้าอำนาจ หรือทำตัวเกเรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นบ้าน แม้จะมีเหตุอันควรเชื่อได้ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ทราบว่ามีนักการเมืองที่ยากจนที่ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หากสามารถจับกุมนายโก้หัวหน้ากลุ่มได้ จะทำให้คดีมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ยังไม่ได้ติดต่อมาเพื่อขอมอบตัว ซึ่งขณะนี้ได้ให้ตำรวจภูธรภาค 4 เดินทางไปประเทศลาวแล้ว อย่างไรก็ตาม อาชญากรรมที่สมบูรณ์มักทิ้งร่องรอยและหลักฐานไว้มากที่สุด อยู่ที่ตำรวจว่าจะมีความเชี่ยวชาญหรือไม่ เรื่องนี้ในทางพฤตินัยรู้แล้วว่าโยงถึงนักการเมือง เขาถึงเต้นเป็นเจ้าเข้า

    "หากผมไม่กลัวถูกสื่อด่า จะส่งตำรวจไปค้นบ้าน 3-4 หลังข้างๆ เชื่อว่าจะได้อีกหลายพัน เพราะกระทรวงคมนาคมเป็นกระทรวงทองฝังเพชร คนขี้โกงจะหาเงินได้เยอะ อย่าไปบอกใครนะ ว่าผมรู้จักคุณโสภณมาตั้งแต่ปี 2531 ตอนนั้นผมเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ส่วนนายโสภณเป็นครูประชาบาล อ.ลำปลายมาศ หากเจอหน้าจะหยิกแก้มสักที" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

    -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322202799&grpid=00&catid=&subcatid=-


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    [FONT=Tahoma,]ดูแลสุขภาพจิตในภาวะน้ำท่วม

    คอลัมน์ สดจากจิตวิทยา
    นฤภัค ฤธาทิพย์/กรมสุขภาพจิต


    สถานการณ์ น้ำในปัจจุบันได้ท่วมไปทั่วทุกพื้นที่ ส่งผลให้แต่ละคนต่างเครียด วิตกกังวล และตื่นตกใจไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรมสุขภาพจิตได้ให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพจิตตนเองที่สำคัญคือ

    1.สำรวจอารมณ์ตนเอง สร้างความพร้อมทางจิตใจ เมื่อเกิดปัญหาการมองโลกในแง่ร้าย การคิดถึงแต่เรื่องร้าย จะเพิ่มความกดดัน จึงควรสำรวจจิตใจตนเองเรียกสติให้คืนมาโดยการนับลมหายใจ จะช่วยให้จิตใจสงบและสามารถยอมรับเพื่อเผชิญกับปัญหาได้ดีขึ้น

    2.ยอมรับและเผชิญความจริงเพื่อแก้ปัญหา เมื่อมีจิตใจที่สงบเพียงพอจะสามารถยอมรับและเผชิญกับปัญหาได้มีประสิทธิภาพ มากขึ้น ให้พยายามคิดถึงการคลี่คลายปัญหาทีละขั้นตอน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตเป็นสำคัญ จากนั้นจึงหาวิธีดูแลทรัพย์สินเท่าที่ทำได้

    3.มีเครือข่ายร่วมแก้ปัญหา การแสวงหาเครือข่ายการให้ความช่วยเหลือแก่กัน การดูแลกันของครอบครัว เพื่อนบ้าน ชุมชนเป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยให้มีพลังมากขึ้น

    4.ผ่อนคลายความตึงเครียดด้วยวิธีที่เหมาะสม ดูแลสุขภาพและพักผ่อนให้เพียงพอ การเผชิญปัญหา ร่างกายจะเกิดความอ่อนล้า จึงจำเป็นจะต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ
    [/FONT]


    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dPREkyTVRFMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHhNUzB5Tmc9PQ==-


    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เตือนภัย : เฟอร์นิเจอร์ หลังน้ำลด เสี่ยงล้มทับ พังถล่ม



    เตือนภัย : เฟอร์นิเจอร์ หลังน้ำลด เสี่ยงล้มทับ พังถล่ม (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

    กระทรวง มหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนอันตรายจากการนำเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมาใช้งาน พร้อมแนะให้รีบขจัดความชื้น และตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงก่อนนำมาใช้งาน โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ประเภทที่ติดกับผนัง ให้ตรวจสอบระบบไฟฟ้า เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต

    นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนอันตรายจากการนำเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมาใช้งาน เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน จะผุพัง และไม่แข็งแรง หากนำมาใช้งานโดยไม่แก้ไขให้ถูกวิธีและประเภทของเฟอร์นิเจอร์ จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้ โดยภายหลังน้ำลด ให้รีบขจัดความชื้นออกจากเฟอร์นิเจอร์ให้ได้มากที่สุด พร้อมตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงก่อนนำมาใช้งาน โดยเฉพาะ

    เฟอร์นิเจอร์ประเภทที่ติดกับผนัง (Built In) ที่อาจทรุดตัวหรือพังถล่มลงมา ควรตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง ซึ่งต้องยึดติดกับผนังและพื้นบ้านอย่างแน่นหนา รวมถึงตรวจสอบระบบไฟฟ้า เพราะสายไฟที่ติดมากับเฟอร์นิเจอร์จะเปื่อยยุ่ย และหลุดลอก เมื่อเปิดใช้งาน จะมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ทำให้ได้รับอันตรายจากไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อตได้ ควรให้ช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบและแก้ไขให้อยู่ในสภาพปลอดภัย

    เฟอร์นิเจอร์ไม้ ห้ามนำไปตากแดดอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้บิด งอ บวม และแตกหักได้ง่าย หากนำมาใช้งาน อาจได้รับอันตราย ควรนำไปวางไว้ในที่ร่ม ซึ่งอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อระบายความชื้นที่อยู่ในไม้ ในการทดสอบความชื้นในไม้ ให้ใช้แผ่นพลาสติกและแผ่นเทปกาวปิดไว้กับเฟอร์นิเจอร์ประมาณ 1 – 2 วัน หากยังมีไอน้ำแสดงว่ายังมีความชื้นอยู่

    เฟอร์นิเจอร์ ประเภทโลหะ เช่น เหล็ก ทองแดง ทองเหลือง อาจเป็นสนิทได้ ให้ขัดสนิมออกและหมั่นสังเกตเฟอร์นิเจอร์ หากผุกร่อนบริเวณข้อต่อหรือบานพับเปิดปิด ให้ทำการซ่อมแซมและแก้ไข

    เฟอร์นิเจอร์ประเภท ที่บุด้วยผ้านวม หรือนุ่น ห้ามนำกลับมาใช้งานอีก เพราะแม้จะตากแดดแห้งแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
    <hr align="center" size="2" width="100%">
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

    วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3244-

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    การฟื้นฟูและทำความสะอาดภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วม (ตอนที่ 1)


    การฟื้นฟูและทำความสะอาดภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วม (ตอนที่ 1)

    โดย ปราโมทย์ โอภาสมงคลชัย

    น้ำ ท่วมนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายนานับประการกับทรัพย์สินแล้ว มากไปกว่านั้นยังส่งผลต่อการติดเชื้อ และโรคร้ายต่างๆที่มากับน้ำ ตลอดจนแมลง สัตว์ กัด ต่อย เช่น ยุง หรือแม้กระทั่งสุนัข แมว หนูที่เกิดความเครียดไม่แพ้กับคนก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของโรคพิษสุนัข บ้า(Rabies) ได้ ที่นำไปสู่การเป็นอัมพาตที่กล้ามเนื้อ และระบบทางเดินหายใจ

    สิ่งแรกที่ต้องคิดคือการปกป้องตัวของเราเอง (Protect Yourself)

    ทุกครั้งที่ทำความสะอาด ฟื้นฟูสภาพต่างๆภายหลังน้ำท่วม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่าน โดยเฉพาะช่วงพักเบรก พักรับประทานอาหาร หรือภายหลังเลิกงาน และต้องมั่นใจด้วยว่าน้ำที่เอามาล้างต้องสะอาดและได้รับการับรอง หรือผ่านการต้มเดือดนานเกินกว่า 10 นาที

    พนักงานที่ทำหน้าที่ทำความสะอาดและฟื้นฟูจะต้องสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) ในการปกคลุมร่างกาย โดยต้องเข้าใจว่าสารปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ การสัมผัสร่างกาย หายใจ และกลืนกิน อุปกรณ์พื้นฐานประกอบไปด้วย ชุดคลุมร่างกาย, ครอบตานิรภัย, ถุงมือยาง, รองบู้ท และอุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเติมที่ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน

    น้ำท่วม (Flood water)

    ส่วนใหญ่น้ำท่วมจะมีพวกจุลชีพ รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรีย เช่น E. coli, Salmonella และ Shigella; ไวรัสตับอักเสบ A (Hepatitis A Virus) เชื้อไทฟรอย์ กับพาราไทฟรอย์ (Typhoid and paratyphoid) และ บาดทะยัก (tetanus) สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเริ่มจะเป็นผู้ป่วยแล้ว คือ คลื่นไส้ (nausea), อาเจียน (vomiting), ท้องเสีย (diarrhea), ตะคริวที่ท้อง (Abdominal cramps), ปวดกล้ามเนื้อ (muscle aches) และมีไข้ (fever) อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการกลินกินน้ำที่ท่วมโดยที่ไม่ตั้งใจจากการเปื้อนที่มือ หรือภาชนะและหยิบจับมารับประทาน แต่บาดทะยัก (Tetanus) จะเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียแกรมบวกชนิดที่ไม่ต้องการออกซิเจนชื่อว่า Clostridium tetani แทรก ซึมเข้าไปในชั้นของผิวหนังที่ฉีกขาด ขีดข่วน ถลอก หรือเป็นแผล บาดทะยักเป็นเชื้อที่มีผลต่อระบบประสาท และกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ โดยอาการเริ่มแรกจะมีอาการปวดศีรษะก่อน และจะเริ่มกลืนกินลำบาก และอ้าปากไม่ได้ ซึ่งแท้ที่จริงไม่ใช้เกิดจากเหล็กที่มีสนิมแต่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ ตะหาก

    นอก จากนี้น้ำท่วมยังมีการปนเปื้อนของเสียจากการเกษตร และสารเคมีจากอุตสาหกรรม ผู้ป่วยจะมีอาการตามชนิดของสารเคมีที่สัมผัส โดยส่วนใหญ่จะมีอาการที่เกิดจากแพ้พิษสารเคมี ปวดศีรษะ เป็นผดที่ผิวหนัง คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย หรือตื่นตระหนกตกใจ

    การฟื้นฟู และทำความสะอาดภายหลังน้ำท่วม (Flood Cleanup and recovering)

    แม้ว่าน้ำท่วมส่วนใหญ่จะไม่ทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรง หรือเกิดพิษจากสารเคมีมากนัก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเจ็บป่วยของผู้ปฏิบัติงานที่สัมผัสกับมัน อันเกิดจากอันตรายจากไฟฟ้า และอัคคีภัยได้จากการเชื่อมโยงกับสายไฟฟ้า

    ยุง และแมลงกัดต่อยสามารถป้องกันได้โดยการสวมเสื้อคลุมยาว (long-sleeved shirts) และ กางเกงขายาวคลุม (long pants) และ ยาทา หรือฉีดกันยุงพอช่วยได้บ้าง อย่าลืมล้างมือด้วยน้ำสะอาดด้วยสบู่ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง และภายหลังการเข้าห้องน้ำ สำหรับเด็กเล็กต้องป้องกันไม่ให้เข้าไปเล่นในที่น้ำท่วมโดยเด็ดขาด และของเล่นที่โดนน้ำท่วมต้องล้างให้สะอาด และฆ่าเชื้อด้วย

    ถ้ามีอาการตามที่กล่าวมา

    ให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และไปพบแพทย์ ถ้าพบบาดแผลฉีกขาด ถลอก ที่อาจนำไปสู่การเป็นบาดทะยักจำเป็นต้องรับวัคซีนป้องกันการเกิดบาดทะยัก ถ้าวัคซีนที่เคยได้รับมาแล้วนานกว่า 5 ปี

    จำไว้ว่า

    • ก่อนที่จะเข้าทำงานในพื้นที่น้ำท่วม ต้องแน่ใจว่าวัคซีนที่เราเคยได้รับจากการป้องกันเชื้อบาดทะยักยังมีภูมิป้องกันให้เราอยู่
    • น้ำมีความไม่ปลอดภัย จนกว่าได้รับการประกาศ ยืนยัน และได้รับการรับรองแล้วจากเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในท้องถิ่น
    • ไม่ใช้น้ำเหล่านี้ชำระล้างร่างกาย ภาชนะ เตรียมอาหาร แปรงฟัน หรือทำน้ำแข็ง
    • เตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอสำหรับบริโภค และอุปโภค
    • กระตือรือร้นในการป้องกันในกรณีที่สารเคมีปนเปื้อน หรือเชื้อโรคมากับน้ำท่วม
    • ทำ ป้ายเตือนในพื้นทีที่อาจมีความเสี่ยงจากสารเคมี ไฟฟ้า อัคคีภัย เช่น ถังโพรเพน หรือวัตถุมีพิษ หรือไวไฟควรได้รับการดำเนินการป้องกันโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    <hr align="center" size="2" width="100%">
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    Blog : Safety Officer Thailand

    วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3242-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    การฟื้นฟูและทำความสะอาดภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วม (ตอนที่ 2)



    การฟื้นฟูและทำความสะอาดภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วม (ตอนที่ 2)

    โดย ปราโมทย์ โอภาสมงคลชัย

    จาก ตอนที่แล้วเราทราบแล้วว่าน้ำท่วมทำให้เกิดโรคร้ายที่ตามมาเช่น บาดทะยัก ฉี่หนู ไทฟอยด์ ไวรัสตับอักเสบ ไข้หวัดชนิดต่างๆ สำหรับตอนที่ 2 นี้เราจะเพิ่มสิ่งที่ควรระมัดระวังขึ้นอีก คือ “เชื้อรา (fungi)” ที่ เป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยได้ เชื้อราเกิดขี้นบนพื้นผิวของวัสดุ และโครงสร้างต่างๆที่ถูกทำลาย หรือปนเปื้อนจากน้ำท่วม หรือการเน่าของผัก ขยะ ซากต่างๆ เชื้อราสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้จากการหายใจเข้า แต่อย่างไรก็ตามเชื้อราส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายร้ายแรงนัก แต่บางชนิดก็ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบทางเดินหายใจได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่ปฏิบัติงานฟื้นฟู ซ่อมแซมภายหลังภาวะน้ำท่วมที่อาจมีอาการแพ้ได้ เช่น หอบ หืด หายใจลำบาก ระคายตา หายใจมีเสียงวี๊ดๆ ในกรณีที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วจะเกิดได้รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นหน้ากาก ถุงมือ และอุปกรณ์ป้องกันดวงตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ให้น้อยที่สุด การสัมผัสนานๆและบ่อยๆ อย่างต่อเนื่องและมีเหงื่อออกด้วยอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่ผิวหนังได้ แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถบรรเทาลงได้โดยการทำความสะอาดร่างกายอย่างถูกวิธี ด้วยน้ำอุ่น และสบู่อ่อนๆ แล้วเช็ดให้แห้ง

    จำไว้ว่า


    - ต้องหลีกเลี่ยง เชื้อราที่เกิดจากต้นเหตุที่กล่าวมา
    - ใช้หน้ากากมาตรฐาน N-95 NIOSH
    - ทิ้งของเสียทั้งหมดที่ชำรุด เพื่อลดการติดเชื้อ ถ้าอันไหนไม่มั่นใจก็ให้ทิ้งไป
    - พื้นผิวใดที่มีราไม่มากนักให้ขัดออกด้วยน้ำอุ่น และน้ำยาฆ่าเชื้อ
    - ภายหลังเสร็จงานให้ล้างนิ้ว มือและหนังศีรษะด้วย
    - ถ้าพบว่าอาหารและน้ำดื่มมีการปนเปื้อนให้ทิ้งไป

    สำหรับผู้ปฏิบัติงานให้พิจารณาสิงต่อไปนี้


    - ถ้าน้ำท่วมถึงขนาดที่ทำลายบ้านเรือนได้ ย่อมมีโอกาสที่เชื้อราเติบโตได้มากให้ปรึกษาบริษัทประกัน หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านเชื้อรา
    - ต้องสวมใส่หน้ากากมาตรฐาน NIOSH-approved Respiratory มาตรฐาน N-95 ตามข้อกำหนด ของ OSHA’s Respiratory Protection Standard (29CFR 1910.134) และสวมใส่ถุงมือยาง และแว่นตานิรภัย
    - กำจัดซากที่เปียกชื้น และมีเชื้อราโดยทิ้งในถุง และผูกให้เรียบร้อย หรือถุงที่ปิดฝามิดชิด
    - ถอด และทิ้งพวกวัสดุที่ทำงานสารอินทรีย์และมีพื้นผิวเป็นรูพรุน (porous organic materials) เพราะพวกนี้จะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อราจำนวนมาก เช่น ฉนวน ระบบระบายอากาศ พรม เบาะ และที่นอน
    - ทำความสะอาดพวกวัสดุที่ไม่ทำจากสารอินทรีย์ (non-porous organic materials) ด้วยผงซักฟอก หรือคลอรีนเจือจาง
    - การใช้สารเคมีในการกำจัดเชื้อเหล่านี้ อย่าลืมสวมหน้ากาก NIOSH-approved ที่เหมาะสมและใช้คู่กับตลับกรองอากาศที่ถูกต้องตามชนิดของสารเคมี อย่าลืมแว่นตานิรภัย และถุงมือด้วยครับ
    <hr align="center" size="2" width="100%">
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    Blog : Safety Officer Thailand

    วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3243-

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เตือนภัยฤดูหนาวสภาพอากาศแห้งเสี่ยงเพลิงไหม้






    [​IMG]
    เตือนภัยฤดูหนาวสภาพอากาศแห้งเสี่ยงเพลิงไหม้ (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เตือนฤดูหนาวสภาพอากาศแห้งเสี่ยงเพลิงไหม้สูง พร้อมแนะประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับไฟทุกประเภท ปิดสวิทซ์ไฟ ถอดปลั๊กไฟ ปิดวาล์วถังก๊าซหุงต้มให้สนิททุกครั้ง กรณีก่อกองไฟ เผาขยะ สูบบุหรี่ จุดธูปเทียนบูชาพระ ควรดับไฟให้สนิท ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร พร้อมจัดสิ่งของภายในบ้านให้เป็นระเบียบ ไม่กีดขวางทางหนีไฟ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยในช่วงฤดูหนาว

    นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า สภาพ อากาศในฤดูหนาวจะแห้งแล้ง มีความชื้นต่ำ และลมกระโชกแรง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยมากกว่าปกติ เมื่อเกิดเพลิงไหม้จึงลุกลามอย่างรวดเร็วและยากต่อการควบคุม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับไฟทุก ประเภท ดับไฟ ธูปเทียนให้เรียบร้อย ปิดสวิทซ์ไฟ ถอดปลั๊กไฟ และปิดวาล์วถังก๊าซหุงต้มให้สนิททุกครั้ง ห้ามเปิดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ เช่น เครื่องต้มน้ำไฟฟ้า เปิดพัดลม เป็นต้น ไม่ปล่อยให้ถ่านในเตาไฟมอดดับไปเองอย่างเด็ดขาด ไม่อุ่นอาหารทิ้งไว้ ดับก้นบุหรี่ให้สนิท ไม่โยนก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับลงบนพื้นบ้าน กองหญ้า หรือแหล่งเชื้อเพลิงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ไม่เผาขยะและหญ้าแห้งในที่โล่งแจ้งบริเวณที่มีลมพัดแรง และดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมถังใส่น้ำไว้ใกล้ๆ เพื่อป้องกันไฟลุกลาม พร้อมตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟฟ้าให้อยู่สภาพปลอดภัย หาก ตรวจสอบพบว่าชำรุดให้รีบซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ในทันที ไม่เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดในเต้าเสียบเดียวกัน เพิ่มความระมัดระวังในการก่อกองไฟเพื่อผิงไฟให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ห้ามก่อกองไฟบริเวณใกล้บ้าน ที่นอน พงหญ้าแห้ง เพราะสะเก็ดไฟอาจกระเด็นไปติด ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้ ควรดับไฟให้สนิทก่อนเข้านอน เพราะหากเผลอหลับในขณะที่ไฟยังติดอยู่ อาจถูกไฟคลอกเสียชีวิตได้ สุดท้ายนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและความสูญเสียที่เกิดจากอัคคีภัย ควรติดตั้งระบบป้องกันเพลิงไหม้ และเครื่องดับเพลิงไว้ประจำบ้าน โดยติดตั้งไว้ในจุดที่สามารถใช้งานได้ง่าย รวม ทั้งจัดสภาพบ้านเรือนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย กำจัดวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง จัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบไม่กีดขวางประตู เส้นทางอพยพหนีไฟ หากเกิดเพลิงไหม้จะได้อพยพหนีไฟได้ทันท่วงที
    <hr align="center" size="2" width="100%">
    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

    วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2554


    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3241-

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ดีเอสไอ ลุยใช้ พ.ร.บ.คอมฯ เล่นงานมือป่วนเน็ต เต็มรูปแบบ




    [​IMG]



    นับถอยหลัง "23 สิงหา" ดีเดย์ ประกาศ พ.ร.บ.คอมฯ มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ "ญาณพล" เชื่อมั่นสาวถึงตัวมือป่วนเน็ต มือส่งภาพ-คลิปโป๊ เน้นเก็บข้อมูลการจราจรทางเน็ต ขู่ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 5 แสน

    หลังจาก 1 ปีที่ พ.ร.บ.คอมฯ มีผลบังคับใช้ มาแล้วนั้น ให้จับตา 23 สิงหาคม นี้ เพราะประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะมีผลบังคับเต็มรูปแบบ ให้ทุกหย่อมหญ้า ผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต เล็ก-ใหญ่ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา ไม่เว้นร้านเน็ต เกมออนไลน์ ทั่วประเทศ ที่ได้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่บุคคลหรือลูกค้าในองค์กร ต้องเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ อย่างน้อย 90 วัน "ดีเอสไอ" เชื่อสาวถึงตัวป่วนเน็ต และพวกชอบส่ง-อัพโหลด ภาพลามก เผยองค์กรใดไม่ทำตาม เตรียมรอโทษปรับ 5 แสนบาท

    ปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้ กลายเป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมืองและโลกการ ค้า การบริโภคข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการความฉับไวเป็นอันดับต้นๆ แต่ความรวดเร็ว ฉับไวนั้นก็มาพร้อมๆ กับความเสี่ยงและความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจทำให้ "ความลับ" ที่เป็นส่วนตัวของคน และองค์กร ถูกนำมาใช้โดยมิชอบหรือเพื่อประโยชน์ด้านอื่น หรือถูกก่อกวนเพื่อให้เกิดความผิดพลาดเสียหาย นำไปสู่การสูญเสีย ชื่อเสียง ภาพพจน์ ทรัพย์สิน และบางครั้งอาจรวมถึงชีวิตของคนที่เรารักก็เป็นได้ ความเสียหายเหล่านี้กระทบกระเทือนต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน

    ดังนั้น ความสำคัญของการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์และอาจก่อให้เกิดความเสีย หายนี้ จึงได้รับความสำคัญจากภาครัฐได้ตราเป็น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ขึ้น และเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่ 18 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้มีประกาศกระทรวงไอซีที ถึงระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน เมื่อ 23 สิงหาคม 2550

    หนึ่งปีเต็มสำหรับผลการบังคับใช้ พ.ร.บ. ดังกล่าว แต่การสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามตัวผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวมารับโทษยังมีข้อจำกัดหลายด้าน โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสืบสวนสอบสวนนำตัวผู้กระทำผิดมา ดำเนินคดี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงได้ออกประกาศกระทรวงฯ ให้กลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ทยอยดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งคำว่า "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" นั้นหมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการหรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น

    โดยกลุ่มแรกที่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.นี้แล้ว คือกลุ่ม ผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งเคลื่อนที่และระบบไร้สาย ได้เริ่มจัดเก็บข้อมูลของผู้บริโภคที่ใช้โทรศัพท์ติดต่อ หรือส่งข้อความส่งคลิปวีดีโอไปแหล่งใดหรือได้รับจากแหล่งใดผู้ให้บริการจะ ต้องเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2550 ที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้ให้บริการเข้าถึงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คือ ISP ไม่ว่าจะเป็น ทรู ซีเอสล็อกอินโฟ สามารถ เคเอสซี เอเน็ต เอเชียเน็ต TOT ได้เริ่มเก็บข้อมูลการให้บริการเหล่านี้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา

    ในวันที่ 23 สิงหาฯนี้ "กลุ่มที่ 3" ซึ่งอาจเรียกได้ว่าที่เหลือจากกลุ่มที่หนึ่งและสองทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต แก่ข้าราชการหรือพนักงานหรือลูกค้าของตน เช่น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา โรงแรม แฟลต อพารต์เม้นท์ ห้องเช่า บ้านเช่า ร้านกาแฟ ร้านเน็ตคาเฟ่ จะต้องเริ่มจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ไม่น้อยกว่า 90 วัน เช่นเดียวกัน ยกเว้นแต่ผู้ใช้ระบบอินเทอร์เน็ตตามบ้านพักอาศัยทั่วไป เท่านั้น

    พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการ สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะการส่งต่ออีเมลล์หรือดาวน์โหลด อัพโหลด เผยแพร่ ภาพลามกอนาจาร หรือการเขียนข้อความหมิ่นประมาทผู้อื่นรวมถึงก่อความไม่สงบสุขต่อบ้านเมือง จำนวนมาก ซึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของผู้กระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ พร้อมกับแจ้งเตือนประชาชนเป็นระยะ แต่การสืบหาตัวผู้กระทำความผิดแม้ที่ผ่านมาจะมีการสืบสวนสอบสวนกระทั่งได้ ตัวผู้กระทำความผิดมาแล้วหลายราย ขณะเดียวกันยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดตัว จริงมาดำเนินคดีได้

    พ.ต.อ.ญาณพล เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 สิงหาคม 2551 ที่จะถึงนี้จะเป็นวันแรกที่ ประกาศกระทรวงไอซีที ที่อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จะมีผลบังคับใช้ให้ หน่วยราชการ สถานศึกษา องค์กร ร้านค้า บริษัท ห้างร้าน ธนาคาร โรงแรม บ้านเช่า แฟล์ต อพาร์ตเม้นท์ ร้านอินเทอร์เน็ตคาร์เฟ่ ผู้ให้บริการร้านเกมส์ออนไลน์ ต้องเก็บข้อมูลการใช้บริการไม่น้อยกว่า 90 วัน โดยสิ่งที่ผู้ให้บริการร้านอินเทอร์เน็ต ต้องเก็บข้อมูล 3 ส่วน คือ ข้อมูลที่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ เช่น ชื่อ สกุล หรือ หมายเลขบัตรประชาชน เป็นต้น ส่วนที่ 2วันเวลาที่ลูกค้าเข้ามาใช้ และเลิกใช้เครื่อง และ ส่วนที่ 3 หมายเลขเครื่องที่ใช้ IP Address (ภายนอกและภายใน) และ URL ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการตามรอยผู้กระทำความผิด เช่น หากบุคคลในองค์กรไปส่งรูปลามกอนาจาร หรือทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ จะได้ตรวจสอบผู้กระทำความผิดได้ไม่ยาก

    และภายหลังจากที่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้และพบ ว่าหน่วยงานใดไม่ดำเนินการตามกฎหมายหน่วยงานหรือองค์กรนั้นๆ จะต้องรับผิดชอบโดยมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท

    ส่วนการสร้างระบบที่จะจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวเป็นหน้าที่ ของแต่ละหน่วยงาน ที่จะดำเนินการหรือสั่งการ เช่น ให้ผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรติดตั้งระบบล็อกอินก่อนเข้าเชื่อมต่ออิน เทอร์เน็ตเพื่อให้สามารถระบุผู้ใช้บริการได้ชัดเจน

    การดำเนินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดยเฉพาะในการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ดังกล่าวถือเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานของภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็กหรือใหญ่ หากยังไม่มีมาตรการใดที่จะห้ามมิให้บุคลากรในหน่วยงานของท่าน กระทำผิดกฎหมาย อาทิ ส่งข้อมูลโป๊ ลามก โกหก หลอกลวง สร้างความไม่สงบต่อบ้านเมืองหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี ส่งเมลไปให้ผู้อื่นจนทำให้เกิดความเบื่อหน่าย รำคาญใจ ส่งไวรัส สัญญาณก่อกวน แฮ๊กข้อมูลบุคคลอื่น ซึ่งล้วนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น

    "ท่านจะต้องเก็บ ข้อมูลการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรท่านไว้อย่างน้อย 90 วัน ไม่อย่างนั้นแล้วหากมีการสืบสวนแล้วพบว่า มีบุคคลในองค์กรของท่านได้ใช้คอมพิวเตอร์ของท่านเพื่อกระทำความผิดดังกล่าว แต่หน่วยงานนั้น ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ หน่วยงานของท่านจะต้องถูกปรับไม่เกินห้าแสนบาท ซึ่งไม่เพียงหมายถึงทรัพย์สิน งบประมาณ รายได้ที่ขององค์กรที่ต้องสูญเสียไปกับค่าปรับ แต่หากยังรวมถึง หน้าตา ชื่อเสียง ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ของหน่วยงานท่านด้วย" พ.ต.อ.ญาณพล กล่าว



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1218975004&grpid=01&catid=04-

    [​IMG]



    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=541-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,443
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .

    ดีเอสไอ ลุยใช้ พ.ร.บ.คอมฯ เล่นงานมือป่วนเน็ต เต็มรูปแบบ




    [​IMG]



    นับถอยหลัง "23 สิงหา" ดีเดย์ ประกาศ พ.ร.บ.คอมฯ มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ "ญาณพล" เชื่อมั่นสาวถึงตัวมือป่วนเน็ต มือส่งภาพ-คลิปโป๊ เน้นเก็บข้อมูลการจราจรทางเน็ต ขู่ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 5 แสน

    หลังจาก 1 ปีที่ พ.ร.บ.คอมฯ มีผลบังคับใช้ มาแล้วนั้น ให้จับตา 23 สิงหาคม นี้ เพราะประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะมีผลบังคับเต็มรูปแบบ ให้ทุกหย่อมหญ้า ผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต เล็ก-ใหญ่ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา ไม่เว้นร้านเน็ต เกมออนไลน์ ทั่วประเทศ ที่ได้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่บุคคลหรือลูกค้าในองค์กร ต้องเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ อย่างน้อย 90 วัน "ดีเอสไอ" เชื่อสาวถึงตัวป่วนเน็ต และพวกชอบส่ง-อัพโหลด ภาพลามก เผยองค์กรใดไม่ทำตาม เตรียมรอโทษปรับ 5 แสนบาท

    ปัจจุบัน ระบบคอมพิวเตอร์ได้ กลายเป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมืองและโลกการ ค้า การบริโภคข้อมูลข่าวสาร ที่ต้องการความฉับไวเป็นอันดับต้นๆ แต่ความรวดเร็ว ฉับไวนั้นก็มาพร้อมๆ กับความเสี่ยงและความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจทำให้ "ความลับ" ที่เป็นส่วนตัวของคน และองค์กร ถูกนำมาใช้โดยมิชอบหรือเพื่อประโยชน์ด้านอื่น หรือถูกก่อกวนเพื่อให้เกิดความผิดพลาดเสียหาย นำไปสู่การสูญเสีย ชื่อเสียง ภาพพจน์ ทรัพย์สิน และบางครั้งอาจรวมถึงชีวิตของคนที่เรารักก็เป็นได้ ความเสียหายเหล่านี้กระทบกระเทือนต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน

    ดังนั้น ความสำคัญของการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์และอาจก่อให้เกิดความเสีย หายนี้ จึงได้รับความสำคัญจากภาครัฐได้ตราเป็น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ขึ้น และเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่ 18 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้มีประกาศกระทรวงไอซีที ถึงระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน เมื่อ 23 สิงหาคม 2550

    หนึ่งปีเต็มสำหรับผลการบังคับใช้ พ.ร.บ. ดังกล่าว แต่การสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามตัวผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวมารับโทษยังมีข้อจำกัดหลายด้าน โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสืบสวนสอบสวนนำตัวผู้กระทำผิดมา ดำเนินคดี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงได้ออกประกาศกระทรวงฯ ให้กลุ่มองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ทยอยดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน ซึ่งคำว่า "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" นั้นหมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการหรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น

    โดยกลุ่มแรกที่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.นี้แล้ว คือกลุ่ม ผู้ให้บริการโทรศัพท์ทั้งเคลื่อนที่และระบบไร้สาย ได้เริ่มจัดเก็บข้อมูลของผู้บริโภคที่ใช้โทรศัพท์ติดต่อ หรือส่งข้อความส่งคลิปวีดีโอไปแหล่งใดหรือได้รับจากแหล่งใดผู้ให้บริการจะ ต้องเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2550 ที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้ให้บริการเข้าถึงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต คือ ISP ไม่ว่าจะเป็น ทรู ซีเอสล็อกอินโฟ สามารถ เคเอสซี เอเน็ต เอเชียเน็ต TOT ได้เริ่มเก็บข้อมูลการให้บริการเหล่านี้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา

    ในวันที่ 23 สิงหาฯนี้ "กลุ่มที่ 3" ซึ่งอาจเรียกได้ว่าที่เหลือจากกลุ่มที่หนึ่งและสองทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต แก่ข้าราชการหรือพนักงานหรือลูกค้าของตน เช่น หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา โรงแรม แฟลต อพารต์เม้นท์ ห้องเช่า บ้านเช่า ร้านกาแฟ ร้านเน็ตคาเฟ่ จะต้องเริ่มจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ไม่น้อยกว่า 90 วัน เช่นเดียวกัน ยกเว้นแต่ผู้ใช้ระบบอินเทอร์เน็ตตามบ้านพักอาศัยทั่วไป เท่านั้น

    พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการ สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะการส่งต่ออีเมลล์หรือดาวน์โหลด อัพโหลด เผยแพร่ ภาพลามกอนาจาร หรือการเขียนข้อความหมิ่นประมาทผู้อื่นรวมถึงก่อความไม่สงบสุขต่อบ้านเมือง จำนวนมาก ซึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของผู้กระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ พร้อมกับแจ้งเตือนประชาชนเป็นระยะ แต่การสืบหาตัวผู้กระทำความผิดแม้ที่ผ่านมาจะมีการสืบสวนสอบสวนกระทั่งได้ ตัวผู้กระทำความผิดมาแล้วหลายราย ขณะเดียวกันยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถติดตามตัวผู้กระทำผิดตัว จริงมาดำเนินคดีได้

    พ.ต.อ.ญาณพล เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 สิงหาคม 2551 ที่จะถึงนี้จะเป็นวันแรกที่ ประกาศกระทรวงไอซีที ที่อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จะมีผลบังคับใช้ให้ หน่วยราชการ สถานศึกษา องค์กร ร้านค้า บริษัท ห้างร้าน ธนาคาร โรงแรม บ้านเช่า แฟล์ต อพาร์ตเม้นท์ ร้านอินเทอร์เน็ตคาร์เฟ่ ผู้ให้บริการร้านเกมส์ออนไลน์ ต้องเก็บข้อมูลการใช้บริการไม่น้อยกว่า 90 วัน โดยสิ่งที่ผู้ให้บริการร้านอินเทอร์เน็ต ต้องเก็บข้อมูล 3 ส่วน คือ ข้อมูลที่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ เช่น ชื่อ สกุล หรือ หมายเลขบัตรประชาชน เป็นต้น ส่วนที่ 2วันเวลาที่ลูกค้าเข้ามาใช้ และเลิกใช้เครื่อง และ ส่วนที่ 3 หมายเลขเครื่องที่ใช้ IP Address (ภายนอกและภายใน) และ URL ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการตามรอยผู้กระทำความผิด เช่น หากบุคคลในองค์กรไปส่งรูปลามกอนาจาร หรือทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ จะได้ตรวจสอบผู้กระทำความผิดได้ไม่ยาก

    และภายหลังจากที่ กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้และพบ ว่าหน่วยงานใดไม่ดำเนินการตามกฎหมายหน่วยงานหรือองค์กรนั้นๆ จะต้องรับผิดชอบโดยมีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท

    ส่วนการสร้างระบบที่จะจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวเป็นหน้าที่ ของแต่ละหน่วยงาน ที่จะดำเนินการหรือสั่งการ เช่น ให้ผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรติดตั้งระบบล็อกอินก่อนเข้าเชื่อมต่ออิน เทอร์เน็ตเพื่อให้สามารถระบุผู้ใช้บริการได้ชัดเจน

    การดำเนินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 โดยเฉพาะในการเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ดังกล่าวถือเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานของภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็กหรือใหญ่ หากยังไม่มีมาตรการใดที่จะห้ามมิให้บุคลากรในหน่วยงานของท่าน กระทำผิดกฎหมาย อาทิ ส่งข้อมูลโป๊ ลามก โกหก หลอกลวง สร้างความไม่สงบต่อบ้านเมืองหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี ส่งเมลไปให้ผู้อื่นจนทำให้เกิดความเบื่อหน่าย รำคาญใจ ส่งไวรัส สัญญาณก่อกวน แฮ๊กข้อมูลบุคคลอื่น ซึ่งล้วนเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น

    "ท่านจะต้อง เก็บ ข้อมูลการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรท่านไว้อย่างน้อย 90 วัน ไม่อย่างนั้นแล้วหากมีการสืบสวนแล้วพบว่า มีบุคคลในองค์กรของท่านได้ใช้คอมพิวเตอร์ของท่านเพื่อกระทำความผิดดังกล่าว แต่หน่วยงานนั้น ไม่ได้จัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ หน่วยงานของท่านจะต้องถูกปรับไม่เกินห้าแสนบาท ซึ่งไม่เพียงหมายถึงทรัพย์สิน งบประมาณ รายได้ที่ขององค์กรที่ต้องสูญเสียไปกับค่าปรับ แต่หากยังรวมถึง หน้าตา ชื่อเสียง ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ของหน่วยงานท่านด้วย" พ.ต.อ.ญาณพล กล่าว



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1218975004&grpid=01&catid=04-

    [​IMG]



    -http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=541-

    .
    </td> </tr> </tbody></table>


    ไม่รู้ว่า เป็นโฆษณาชวนเชื่อหรือเปล่า

    อีกกลุ่มที่ต้องจัดการก็คือ พวกหมิ่นในหลวง

    ต้องจัดการมันให้เด็ดขาดครับ


    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...