*** คำถาม...มีใครบ้าง...ที่เชื่อว่า "สัจจะ" คือ หนทางหลุดพ้น !!! ****

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย หนุมาน ผู้นำสาร, 12 มีนาคม 2007.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    มีคำถาม ๑ คำถาม...คือ

    มีใครบ้าง...ที่เชื่อว่า "สัจจะ" คือ หนทางหลุดพ้น !!!

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. คนโกหก

    คนโกหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +1,413
    พระพุทธองค์ทรงบรรลุอนุตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ด้วยทรงตั้ง "สัจจะ" จะไม่ลุกจากบัลลังก์จนกว่าจะพบธรรม แม้นตายก็ยอม
     
  3. kanlayanee

    kanlayanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +399
    ข้าพเจ้าเชื่อ โอกาสต่อไปจะขออธิบายว่าเชื่ออย่างไร
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    ปฏิหาริย์...ย่อมเกิดกับผู้มี "สัจจะ"...เพราะ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ "กรรมเที่ยง"
    "กรรม ไม่เที่ยง " ... ก็มีจริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** กรรม กำลังมา จะทำอย่างไรดี ? ****

    กรรม กำลังปรากฏชัดขึ้นเรื่อย
    ณ เวลานี้
    "การกระทำ" ....เป็นสิ่งสำคัญที่สุด มีคุณค่าประเมินค่ามิได้
    เราจะหลบหลีกจากกรรม ที่จะมาถึงได้....ต้องอาศัย ..."ผลจากการกระทำ"

    การกระทำที่ดีที่สุด...คือ "การกระทำที่สร้าง กรรมเที่ยง"
    คือ "การกระทำที่เกิดจาก สัจจะ" ... และเป็นสัมมาทิฐิ
    การปลด ปลิด ละ เลิก ...สิ่งไม่ดีในชีวิต
    กิเลส นิสัย.... ที่ยังคงมีอยู่ในจิตใจของเรา

    เราจึงต้องพึ่ง "สัจจะ"...เป็นผู้นำให้กับเรา
    นำให้เกิด ...."การกระทำใหม่"
    นำให้เกิด...สิ่งที่ยังไม่เคยทำ สิ่งที่ยังไม่ได้ทำ และสิ่งที่ดีที่ยังทำไม่ได้

    เราจึงควรระลึกอยู่เสมอว่า...
    "สัจจะ เป็นที่พึ่งตลอดชีวิต"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** เข้าใจถูก ****

    คุณ The Third Eyes เข้าใจถูก...มองเห็นหนทางหลุดพ้น !!!!!!!
    มนุษย์เรา จะหลุดพ้นจากโลกไปได้...คือ ไม่กลับมาเกิดใหม่บนโลกอีก
    จะต้องหมดกิเลสทั้งปวง...คือ หมดนิสัยปลีกย่อยที่ไม่ดีต่างๆ ในตัวเอง
    การจะขจัดนิสัยตัวหนึ่ง....จะต้องตั้งใจจริง ขยัน อดทน ไม่ทำนิสัยนี้ ให้เป็นประจำจากเคยทำได้...๑ ชั่วโมง...ก็จะขยายขึ้นเรื่อย เป็น ๑ วัน..๑ เดือน...๑ ปี
    จนสุดท้าย...ตัวของเรา ก็จะทำได้เองเป็นอัตโนมัติ...คือ ตลอดไป....ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องบังคับ
    เมื่อทำได้เป็นปกติ...สมัยก่อนเขาเรียกว่า "ศีล"
    เมื่อเห็นยุงกัด เห็นมดกัด...ก็เข้าใจเขา สงสารเขาที่เกิดเป็นยุง เป็นมด...ใจมันจะเมตตามันเอง
    ตัวเราจะบอกกับตัวเราเองว่า...จะทำอย่างไรกับเขา

    พระอาจารย์ต่างๆ สอนวิธีให้เห็นนรก สวรรค์...เพื่ออะไร !!!!!!!
    เพื่อให้รู้ว่านรก สวรรค์ สามโลกนี้...มีจริง
    เห็นนิพพาน...ว่ามีจริง
    แต่...กลายเป็นว่า...เห็นแล้วไปไม่ถึง
    เพราะ...ไปเข้าใจว่า...วิชาที่ทำให้มองเห็นโลกจิตวิญญาณ...เป็นหนทางสู่นิพพานได้
    แต่...ลืม หรือไม่เข้าใจ...คำตรัสสอนของพระพุทธเจ้า...ที่กล่าวว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
    ซึ่งคือ..."หลักตนพึ่งตน"....
    หมายถึงว่า.... เมื่อเกิดเป็นมนุษย์...ต้องพึ่งการกระทำเก่า การกระทำที่ได้ทำไปแล้ว

    ดังนั้น...สิ่งที่เราจะพึ่งได้ดีที่สุดคือ “การกระทำ”
    และ การกระทำที่ส่งผลตอบแทนได้ดีที่สุด เที่ยงที่สุด....คือ “การกระทำด้วย สัจจะ”
    ฝืนตัวเอง บังคบตนเอง...ให้เกิดการกระทำที่ดี
    เราจึงสามารถกำหนดเวลาปฏิบัติ ให้กับตนเองได้...เพิ่มได้....ขยายได้เรื่อยๆ

    รู้ไหมว่า...
    ทุกครั้งที่เรา...ตั้งใจลดนิสัยไม่ดี เป็น สัจจะ ๑ ข้อ….แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง !!!!!!!
    เมื่อเราสัญญากับตนเอง คือ ตั้งสัจจะ ขึ้นมา....แล้วทำได้จริง
    จะปรากฏเป็น “สัญญาทำ” เป็นตัวตน เป็นสิ่งที่ทำได้อยู่บนพระนิพพาน
    เสมือน....เรามีแก้วน้ำอยู่ ๒ ใบ
    ใบหนึ่ง...อยู่บนโลก มีน้ำเต็มแก้ว
    อีกใบ....อยู่บนนิพพาน เป็นแก้วเปล่า ไม่มีน้ำ
    น้ำ...ในแก้วบนโลก ...เสมือนเป็นนิสัยสันดานของเรา
    เมื่อเรากำหนดสัจจะ...ทำได้ ๑ ครั้ง...
    น้ำในแก้วบนโลกจะหายไป ๑ หยด....แต่จะไปปรากฏในแก้วที่พระนิพพาน ๑ หยด และ ตัวตนของการกระทำบน พระนิพพาน... องค์โลกุตตระธรรม เรียกว่า “ตัวกระทำ”
    คือ “นิสัย” บนโลกลดลง...คือ การสะสม “ตัวกระทำ” บนพระนิพพาน ...นั่นเอง
    ต่...ปริมาณ น้ำ (คือ นิสัย) ของแต่ละคนที่เกิดมา ...มีไม่เท่ากัน
    การขจัดนิสัย...จึงต้องใช้ความพยายาม ใช้เวลาต่างกันไป
    เพราะฉะนั้น...เป้าหมายสูงสุดของมนุษย์ที่เห็นธรรม คือ... หลุดพ้นสู่นิพพาน
    จะไปได้...ก็ต้องขจัดนิสัยไม่ดีให้หมดไปก่อน....นี้คือหน้าที่ของทุกคน ทุกดวงวิญญาณ
    จึงต้องค่อยเป็นค่อยไป...คือ “เดินสายกลาง”
    ความตั้งใจปฏิบัติตน เพื่อลดนิสัยไม่ดี....ก็จะต้อง ไม่ยากจนเกินไป...และไม่ง่ายจนเกินไป
    นึกถึงเรื่อง น้ำ กับ แก้ว ๒ ใบนี้ไว้
    ถ้าเราขยันให้สัจจะกับตนเอง...น้ำในแก้วบนโลก ก็จะหมดเร็วขึ้น
    น้ำในแก้วที่พระนิพพาน...ก็จะเพิ่มเร็วขึ้น...คือ “ตัวกระทำ” คือ บารมี นั้นเอง

    ย้อนกลับมาที่เราฝึกทำจิตให้ว่าง
    แท้จริง...สิ่งที่เป็นประโยชน์ คือ... “การคลี่คลายนิสัยตนเอง” ...
    ทำให้... รู้นิสัย รู้การกระทำ รู้ผลกรรมของตนเอง
    เมื่อเรารู้นิสัยตัวเองแล้ว...
    ก็ต้องรีบนำมา...กำหนดเป็น “สัจจะปฏิบัติ”
    นิสัยตัวนั้น...มันจึงจะลดได้จริง
    เพราะ...ตั้งใจจริง...แล้วทำได้จริง ๆ

    ถ้าเรายังมีกิเลสนิสัยอยู่...
    แล้วไม่ตั้งใจ หยุดมัน ลดมัน...แล้วไม่กระทำอย่างจริงจัง
    ถามว่า... อีกนานสักเท่าไหร่...นิสัยนี้จะหมดไปจากจิตใจของเรา ???????

    - “ หนุมาน ผู้นำสาร “
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ลองพิจารณาทบทวน ****

    เหตุหนึ่งที่พระไตรปิฎกมาปรากฏ
    เพราะ... "หลักสัจจะธรรม" ความจริงในธรรมชาติถูกบดบังด้วยความเห็น
    คนไม่เห็นคุณค่าของ "สัจจะ"

    โลกุตตระ กล่าวไว้ว่า....ทำดีก็เป็นตน ทำชั่วก็เป็นตน ทำโดยเจตนาก็เป็นตน ทำโดยไม่เจตนาก็เป็นตน

    แต่ทุกวันนี้....ไปสอนตามความคิดเห็น ไม่ตรงกับความจริง
    สอนว่า ....ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีเขา ไม่มีเรา
    จึงตรงข้ามกับ "ความจริง"...ตรงข้ามกับ "หลักสัจจะธรรม"

    เพราะ
    หลักสัจจะธรรม... เป็นเรื่องของผลการกระทำที่ไม่ตาย ไม่สูญสลาย ติดตัวเราไป และมีผลตอบแทน
    ผลการกระทำ จากสิ่งที่เราได้ทำไปแล้ว ...เรียกว่า "ตัวกระทำ"
    จึงเป็นเรื่องของตัวตนทั้งสิ้น

    หาก...สิ่งนี้ไม่ตรงกับความคิดท่าน
    ขอให้ท่านลองพิจารณาถึงเหตุและผล
    หาก...ทำไปแล้วไม่มีตัว ไม่มีตน....แล้วผลตอบแทนจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
    แล้ว คนจะสะสมบารมี เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** อภิญญาใหญ่ ****

    สมัยโบราณเรียก "ปริญญา"
    อภิญญาหก...ก็คือ ปริญญาหก

    อภิญญาใหญ่...ที่รอกัน คือ "สัจจะ"
    มนุษย์ทุกคน ทุกศาสนา....สามารถปฏิบัติได้หมดทั้งโลก

    ใครทำ...ใครได้....ใครสำเร็จ
    ผู้ที่เชื่อ....ผู้ที่ทำได้...จะสำเร็จ จะบรรลุ จะหลุดพ้น

    เชื่อ ไม่เชื่อ...อยู่ที่ตัวของเรา
    ท่านจะเลือกเป็น ดอกบัวแบบไหน ???

    ข้าพระพุทธเจ้าบอกแล้วนะ
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** สัจจะธรรม ****

    ทุกวันนี้...มักพูดกันแต่
    นี่คือ สัจจธรรม ....
    มันคือ สัจจธรรม ...
    เป็นไปตาม สัจจธรรม ....

    แต่
    ขาด...ความรู้ที่แท้จริง เกี่ยวกับ "สัจจะธรรม"
    ขาด....วิธี ที่จะนำ "หลักสัจจะธรรม" มาใช้ในชีวิตประจำวัน
    ....... นำมาใช้เป็นเครื่องนำทางหลุดพ้น จากความทุกข์ การเกิด การตาย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** หลักปฏิบัติสัจจธรรม ****

    พระโลกุตตระเขตะมารัจจะ ท่านกล่าวสอนไว้ว่า......

    สาธุชนทั้งหลาย ควรตั้งอยู่ในศีลในธรรม และมีสัจจธรรม โดยมีหลัก 3 ประการ คือ ต้องมี"ใจ"อันสัจจธรรม มี"ปาก"อันสัจจธรรม และ"ปฏิบัติ"อันสัจจธรรม.....

    1.ใจอันสัจจธรรม-เมื่อใจนึกในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามใจที่เป็นสัจจธรรม อย่าให้ออกนอกลู่นอกทาง คือ ไม่ให้เกิดกิเลส โลภ-หลง และไม่ให้ถืออาฆาตพยาบาทกับผู้ใด เมื่อผู้อื่นทำให้เราไม่พอใจ เราก็ถือใจสัจจธรรมว่า ไม่โต้ตอบ จะได้บรรลุศีลอันบริสุทธิ์ถึงขั้นอรหันต์ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามใจสัจจธรรม ที่ได้มุ่งมั่นไว้ ก็จะทำให้เราลดบารมีศีลไป

    2.ปากอันสัจจธรรม-เมื่อเราลั่นวาจาออกมาแล้วในวาจาระหว่างนี้ เป็นวาจาสัจจธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพูดว่า"ไป"ก็ต้องไป ถ้าเราพูดว่า"ไม่" ก็ต้องไม่ อย่าพูดออกมาโดยไม่ตรงกับใจ ซึ่งเป็นการผิดไปจากสัจจธรรม เช่น เมื่อเราตั้งใจว่า วันนี้จะขอสุขกายสุขใจ แต่เมื่อพบสิ่งไม่พอใจเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ปากไม่สงบ คือ ผิดไปจากปากอันเป็นสัจจธรรม จะหลั่งวาจาอันไม่สมควรฟังออกมาแก่ผู้อื่น ถ้าเราถือใจสัจจธรรมและปากสัจจธรรมแล้ว จะต้องตั้งอยู่ในสมาธิ ให้ถือขันติ มีมานะอดทน มีมุทิตา มีอุเบกขา จะได้เป็นการคล้องจองกับการถือใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม.....

    3.ปฏิบัติอันสัจจธรรม-ต้องให้คล้องจองกับปากและใจ เช่น เมื่อใจคิดว่าสวดมนต์หนึ่งเล่มธูป ปากก็ได้สวดมนต์ ในการกระทำ ก็ต้องกระทำให้ครบเล่มธูป เป็นการคล้องจองไป จะได้มีบุญบารมีสะสมไว้ใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม ถ้าสามสิ่งนี้ ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป ก็ถือว่า"ขาดศีล"ในชีวิตครอบครัว ภรรยาเป็นหลักหนึ่งที่ช่วยค้ำจุนองค์สัจจธรรม เมื่อสามีปฏิบัติสิ่งใด ภรรยาควรใช้สายตาตรวจชี้ในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าสามีจะออกนอกลู่นอกทาง ภรรยาก็ควรช่วยเตือนสติปัญญา ให้เขากลับมา แต่ภรรยาจะต้องถือใจปฏิบัติสัจจธรรม ปากถือปฏิบัติสัจจธรรม และตัวปฏิบัติถือสัจจธรรม จึงจะได้ผล อย่าโมโหโกรธา หน้าบึ้งหน้าบูดหน้าเบี้ยว เป็นกิริยาที่ไม่น่าดูไม่น่าชม แทนที่จะเป็นหลักช่วยกระตุ้นเตือนให้สามี กลับเป็นน้ำมันราดในกองเพลิงให้มันลุกช่วงโชติขึ้นมา เป็นการผิดนอกลู่นอกทางของสามี มิได้เป็นการเสริมสร้างบารมี แต่เป็นการทำลายบารมีของภรรยาเอง ผู้ใดปฏิบัติสามประการนี้ได้ ก็จะเป็นศรีภรรยาตามหลักขององค์สัจจธรรม ลูกหลานจะได้เจริญรุ่งเรือง อุปมาเหมือนปากกับท้อง ดังนี้ คือ :-

    สามีทั้งหลาย ให้ถือว่าเป็น"ปากเป็นเสียง" ภรรยา ให้ถือว่าเป็น"ท้อง" เมื่อสามีใช้ปากดำเนินกิจการต่างๆ ปฏิบัติงานต่างๆ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัว ภรรยาก็เป็นท้องสำหรับรองรับ เมื่อสามีปฏิบัติตามในหลักธรรมที่ถูกต้อง คือ หาเลี้ยงชีพอย่างสุจริตชน ไม่โกงเขา ไม่โลภหลง เงินทองที่ทำมาหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย สร้างความภูมิใจ เท่ากับว่า เป็นอาหารอันโอชา เมื่อเงินทองที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ก็เป็นอาหารทิพย์ เมื่อเอามาเลี้ยงท้อง ท้องก็จะอยู่ดี รับด้วยความสบาย มีพลังเข้าถึงหลักธรรมได้ ปากกับท้องนี้ ต้องอยู่คู่กันไปตลอดชาติ เมื่อท้องแข็งแรง ปากก็ดี ก็พลอยให้จิตใจของเราดีไปด้วย เมื่อจิตใจเราดี ผู้นั้นย่อมเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันสิ้นสุด

    เมื่อปากที่ให้สมมุติฐานว่าเป็นสามี ได้เงินได้ทองมาในสิ่งที่ผิดๆ เมื่อเอามาเลี้ยงท้องแล้ว ก็จะเกิดเป็นพิษ เมื่อท้องปวดท้องเจ็บ ก็ต้องอุทธรณ์ให้สามีเลิกปฏิบัติการในสิ่งที่ผิด เมื่อปากปฏิบัติถูกต้องแล้ว ท้องก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ปากก็จะอยู่เป็นสุข ไม่เป็นพิษไม่เป็นภัยถ้าภรรยาซึ่งเป็นท้อง กินทุกสิ่งทุกอย่าง โลภไม่มีวันหยุด หลงไม่มีวันหยุด ก็พลอยให้ปากผิดไปด้วย ถ้าสามียึดมั่นอยู่ในธรรมะ ก็จะไม่ปฏิบัติตามท้อง ท้องก็จะอาละวาด ทำให้ครอบครัวไม่มีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ถ้าสามีที่เป็นปากนี้ เกิดไปหลงผิดตามท้อง หาในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามมาป้อนให้ท้องได้สบอารมณ์หมาย แต่ในบั้นปลายผลรับจะเป็นอย่างไร ผลรับนี้ ก็จะทำให้เสียทั้งปากทั้งท้อง

    การปฏิบัติใดๆ ถ้ามีธรรมะ เมื่อเกิดหลงผิดแล้ว ก็ยังมีทางที่จะชำระได้
    บุญ- หมายถึง สิ่งอันบริสุทธิ์สดใส
    กรรมชั่ว-หมายถึง สิ่งที่ดำมืด ไม่มีให้ความสว่าง

    ขอให้สาธุชนทั้งหลาย ค่อยๆศึกษา ค่อยๆปฏิบัติกันไป ให้บรรลุถึงใจสัจจธรรม ปากสัจจธรรม และปฏิบัติสัจจธรรม ให้ครบสามประการ สิ่งใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง จงใช้อารมณ์เย็นเข้าลูบ เมื่ออารมณ์เย็นเข้าสู่ร่างกายของเราแล้ว ก็จะเกิดสติปัญญาขึ้น และจะมีความสดใสชั่วกาลนาน.........

    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=89717

    -
     

แชร์หน้านี้

Loading...