พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    กระทู้นี้ HOT เป็นระยะๆจริงๆเลยนะครับ คราวก่อนๆเรื่องปรามาสพระก็ว่าหนักแล้ว คราวนี้ปรามาสพระบรมสารีริกธาต กับ พระธาตุ
    ตัวใครตัวมันครับ ไม่รู้จักครับพวกนี้ หุหุหุ
     
  2. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    แล้วมีเพื่อนคนหนึ่งครับไปเก็บตังเพื่อนในห้องอบกว่าค่ากีฬาสีเก็บไป 500 คือคนละร้อยผมไม่โดนเก็บเพราะว่ามันรู้ว่าผมรู้ทันเรื่องชั่วๆผมเคยอยู่กับเพื่อนที่ชอบตีกันกะล่อนเช้าชู้เกเรไม่เรียนแกล้งครูผมอยู่เพื่อนแบบนี้มานานผมก็เลยรู้เขาเลยไม่มาหลอกเก็บเงินผมกับเพื่อนบางคนแรกๆก็แปลกใจทำไมช่วงนี้เขากะเพื่อนเจาคุยเรื่องไปคลองสานไปซื้อเสื้อผ้ารองเท้ากันบ่อยจัง จนเพื่อนที่โดนเก็บเงินมาบอกผมว่าเขาโดนไปหลายบาทเริ่มสงใสกันไปถามหัวหน้าสีบอกให้แค่400บาท เขาเอาไปร้อหนึ่งหรือเท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้วเพื่อนคนที่มาบอกผมไปถามเขาบอกให้หัวหน้าไป400บาท เด๋วที่เหลือมาคืนวันต่อมาบอกไม่คืนให้แล้วดูสิครับเหอๆ เพื่อนกันยังหลอกกันได้นั่งข้างหน้ากันเองเล่นกันทุกวัน แค่เสื้อผ้าทำคนเราเป็นงี้ได้
     
  3. สำรวจโลก

    สำรวจโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +579
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=baseline align=left>Moneyline News </TD></TR><TR><TD>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับคุณเพชร
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พ่ายเมลามีน
    http://www.positioningmag.com/Magazine/Details.aspx?id=75333

    อรรถสิทธิ์ เหมือนมาตย์
    Positioning Magazine พฤศจิกายน 2551

    “เมลามีน” กลายเป็นคำสืบค้นที่มีจำนวนเกือบ 5 ล้านรายการบน google.com ใกล้เคียงกับคำว่า มาริโอ้ พระเอกดาวรุ่งของไทยเลยทีเดียว อันสื่อนัยสำคัญได้ว่า เมลามีน กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมที่ผู้คนต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะปัญหาลุกลามทำลายอุตสาหกรรมอาหารไปแล้วทั่วโลก

    ชาวโลกตื่นตัวกับวิกฤตเมลามีนเมื่อพบเด็กทารกชาวจีน 4 รายเสียชีวิตด้วยอาการไตวายจากการบริโภคนมผงผสมสารเมลามีน อีกทั้งมีเด็กตัวเล็กตัวน้อยเกิดอาการนิ่วในไตนับหมื่นราย โดยมีการรายงานข่าวเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2551

    ดูเหมือนว่าหลังการปิดฉากของโอลิมปิก ความยิ่งใหญ่อันน่าประทับใจ จะจางหายไปประหนึ่งพลุไฟตระการตาที่เหลือทิ้งไว้เพียงท้องฟ้าสีดำอันมืดมิด ความน่าเชื่อถือของคำว่า Made in China หรือ Product of China ดูจะลดน้อยถอยลงไป (ยิ่งกว่าเดิม) ในทันที

    เป็นที่น่าตกใจว่าส่วนหนึ่งเป็นแบรนด์เด่นแบรนด์ดังที่ผู้บริโภคชาวไทยและทั่วโลกคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น Cadburry, Lotte China food ผู้ผลิต Koala เป็นต้น รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมนมของจีนอย่างSanlu, Mengnui, Yiliรวมถึงลูกอมตรากระต่ายขาวจากจีน ขณะที่ส่วนหนึ่งเป็นสินค้าลอบนำเข้าจากจีน เช่น ช็อกโกแลตตรา Orphic ที่นำเข้าตามตะเข็บชายแดนแถบ จ.มุกดาหาร

    เมลามีนทำให้ตลาด Confectionary และ Dairy Product ได้รับผลกระทบโดยถ้วนหน้า แทบจะทั่วโลก EU ดูจะมีมาตรการจัดการที่เข้มงวดที่สุด โดยออกมาตรการขั้นเด็ดขาดห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กที่ผลิตจากจีน

    ขณะที่สถานการณ์ในจีน ไต้หวัน ฮ่องกง ที่เกิดขึ้นคือ สินค้าที่มีส่วนผสมของนม และนมผง ต่างลดราคาลงมา หรือนี่คือมาตรการแก้ปัญหา ขายสารพิษในราคาถูก??

    จากการสังเกตร้าน 7-eleven หลายสาขาในฮ่องกง เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนพบว่าขนม ช็อกโกแลต หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่มีส่วนผสมของนม ต่างใช้กลยุทธ์ลดราคาด้วยกันแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะการซื้อ 2 แถม 1 สื่อถึงนัยได้ว่าผู้บริโภคเกิดอาการหวาดหวั่น วิตกกังวลไม่กล้าเสี่ยงและหลีกเลี่ยงไปบริโภคขนมหวานอย่างอื่นแทน

    www.fda.moph.go.th เว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ เมลามีน โดยแบ่งแยกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านและผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด นับตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2551 เป็นต้นมา ทั้งนี้ค่ามาตรฐานที่กำหนดคือ 2.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่บรรดาสินค้าต่อไปนี้ล้วนมีปริมาณเมลามีนในสัดส่วนที่สูงเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดทั้งสิ้น 15 รายการ (อย. ตรวจและประกาศตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 7 พฤศจิกายน 2551)

    โคอะลา (Koala) โดนหนักสุดถึง 6 ตัว สตรอเบอรี่ สติ๊ก ตราฮาจูกุ (Hajuku) ช็อกโกแลตแท่ง ตราออฟิค (Orphic) ครีม แครกเกอร์ ตราโอโมโต (Omoto) ชีส แซนด์วิชและพีนัท แครกเกอร์ ตราจูลี่ย์ (Julie’s) ลูกอมไวท์ แรบบิท (White Rabbit) ซึ่งทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในจีนและมาเลเซีย ล้วนไม่ผ่านมาตรฐานที่ อย. กำหนด

    ที่สำคัญ แบรนด์ไทยชื่อดังโดนหางเลขด้วย คือ นมข้นแปลงไขมันไม่หวาน สูตรน้ำมันปาล์มตรามะลิ คุกกี้เอส แอนด์ พี ส่วนใหญ่เป็นขนมนมเนยประเภทที่นิยมซื้อเป็นของฝาก โดยเป็นขนมขายดีของตลาดกิมหยง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

    จีนรับมือวิกฤตเมลามีน

    บริษัทที่เผชิญวิกฤตเมลามีนในจีน มีวิธีการจัดการวิกฤตที่แตกต่างบ้างคล้ายคลึง

    Sanlu คือ ตัวอย่างของบริษัทที่จัดการกับภาวะวิกฤตได้แย่มาก ด้วยการปฏิเสธความรับผิดชอบในทุกกรณี มิหนำซ้ำยังโยนความผิดไปให้กับเจ้าของฟาร์มโคนมซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด จนกระทั่งความผิดชัดแจ้งจึงออกมายอมรับและเรียกเก็บผลิตภัณฑ์คืน แต่ก็สายไปเสียแล้วกับภาพลักษณ์ที่เพียรสร้างมา

    Sanlu เป็นแชมป์ในแง่ของปริมาณเมลามีนซึ่งคิดเป็นไมโครกรัมต่อกิโลกรัมของผลิตภัณฑ์ ทำให้กลายเป็นบริษัทที่รับการจับตามากที่สุดในวิกฤตเมลามีนครั้งนี้

    ด้านมาตรการแก้ไขปัญหาของบริษัทที่โดนพิษเมลามีนครั้งนี้ในไต้หวันดูแตกต่างจาก Sanlu อย่างสิ้นเชิง คือ การออกมายอมรับและมีจดหมายขอโทษจากซีอีโอของ Mengniu Diary ส่วน Yili เรียกเก็บนมผงสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี ที่ได้รับการตรวจพบว่ามีสารเมลามีนปนเปื้อนในทันที

    นับเป็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญต้องแสดงออกด้วยท่าทีที่จริงใจไม่เสแสร้ง นอกจากนี้ยังขึ้นป้ายประกาศอย่างชัดแจ้งว่าผมนมผงที่ผลิตก่อนวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งมีสารเมลามีนปนเปื้อนนั้นสามารถนำกลับมาแลกเงินคืนได้ ซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งใช้สติกเกอร์สีต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ว่านมผงชนิดนั้นๆ ปลอดสารเมลามีน

    แต่แน่นอนว่ามีผู้บริโภคส่วนน้อยที่จะยังคงซื้อแบรนด์ที่ติดรายการเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสารเมลามีน

    ด้าน ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ให้รายละเอียดว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอาหารที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นมเป็นส่วนผสม เช่น นมผง นมข้นหวาน คุกกี้ ไอศกรีม ขนมปัง เค้ก และเบเกอรี่ มียอดขายหายไป 20-30% คิดเป็นเงิน 6,000-9,000 ล้านบาท ภายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวการปนเปื้อนสารเมลามีนในอาหารของจีน จนผู้บริโภคไม่กล้าซื้อสินค้าประเภทนี้ทั้งหมด ทั้งที่ส่วนใหญ่ผลิตมาจากวัตถุดิบของไทยซึ่งไม่มีสารเมลามีนปนเปื้อน ดังนั้นเพื่อลดความกังวลใจของผู้บริโภคจะเร่งเข้าไปสุ่มตรวจระบบโรงงานอย่างเข้มงวด

    เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่อุตสาหกรรมนมและผลิตภัณฑ์ที่ใช้นมเป็นวัตถุดิบที่ไม่มีสารเมลามีนปนเปื้อน กลับได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนทำให้หลายบริษัทต้องออกมาโฆษณารวมทั้งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง วอลล์ออก Press Release ชี้แจงถึงความปลอดภัยของไอศกรีม เมจิ เดินสายไปยังสำนักข่าวต่างๆ เพื่อแจกผลิตภัณฑ์และให้ข้อมูลว่าเมจิไม่ได้นำเข้านมจากจีน หากแต่นำเข้าจากนิวซีแลนด์ ส่วนนมตราหมีของเนสท์เล่ก็ยิง TVC ซึ่งใช้ดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์แบบถี่ยิบ การันตีคุณภาพที่มีมาตลอด 75 ปี เป็นต้น

    สำหรับปริมาณการนำเข้านมเฉลี่ยปีละ 180,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10,000-14,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่นำเข้าจากนิวซีแลนด์มากสุด 37.7% รองลงมาเป็นสหภาพยุโรป 21.63% ออสเตรเลีย 15% สหรัฐ 13.77% ขณะที่นำเข้ามาจากจีนเพียง 4.14%


    เปิดผลสำรวจผู้บริโภคไทย เมินหน้าแบรนด์เจ้าปัญหา

    อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจเกี่ยวกับวิกฤตเมลามีนในทัศนคติผู้บริโภคชาวไทยโดย บริษัท ทีเอ็นเอส ซึ่งได้จัดสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมด้านการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหรือมีส่วนผสมของนมในกลุ่มผู้บริโภคทั่วประเทศจำนวน 300 ตัวอย่างในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

    ผลการสำรวจพบว่า เกือบทั้งหมดของกลุ่มตัวอย่างทราบเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มตัวอย่าง ส่วนมากไม่แสดงความกังวลเกี่ยวกับข่าวเรื่องผลิตภัณฑ์ปนเปื้อนสารเมลามีนนี้เท่าใดนัก

    มีเพียง 19% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดที่อ้างว่าค่อนข้างเป็นกังวล และอีก 9% ของกลุ่มตัวอย่างที่กล่าวว่ากังวลกับข่าวดังกล่าวมาก

    เมื่อถามถึงปฏิกิริยาของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อกระแสข่าวเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมปนเปื้อนเมลามีนพบว่า 16% ของกลุ่มตัวอย่าง หยุดการบริโภคผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ปรากฏชื่ออยู่ในรายการที่ปนเปื้อน หรืออาจจะปนเปื้อนและยังไม่กลับไปบริโภคอีก ซึ่งเท่ากับว่าแบรนด์นั้นๆ หมดความน่าเชื่อถือไปอย่างสิ้นเชิงสำหรับพวกเขาแล้ว

    ในขณะที่ 19% บอกว่าได้หยุดการบริโภคผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ปรากฏชื่ออยู่ในรายการที่ปนเปื้อน หรืออาจจะปนเปื้อน จนกระทั่งบริษัทผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าสินค้าออกมาแถลงข่าวยืนยันความปลอดภัยของสินค้านั้นๆ จึงกลับไปบริโภคตามเดิม

    นอกจากนี้ ก็มีผู้บริโภคอีกจำนวนหนึ่งที่แนะนำให้สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงงดการบริโภคสินค้าที่อยู่ในรายการปนเปื้อนหรือสงสัยว่าจะปนเปื้อน

    ด้วยความที่คนไทยส่วนมากให้ความสนใจและติดตามข่าวสารใดๆ อยู่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนักที่ในขณะนี้มีเพียง 42% ที่ยังติดตามข่าวผลิตภัณฑ์นมปนเปื้อนสารเมลามีนอยู่

    ขณะที่อีก 22% ได้ติดตามข่าวนี้อยู่ซักระยะหนึ่ง แต่ในขณะนี้ได้หันไปสนใจข่าวอื่นแทนแล้ว อย่างไรก็ตาม 44% อ้างว่าไม่ได้บริโภคสินค้าที่อยู่ในรายการปนเปื้อนหรือสงสัยว่าจะปนเปื้อนตั้งแต่แรกแล้ว

    อันที่จริงแล้วเชื่อว่าเราทุกคนต่างบริโภคเมลามีนผ่านผลิตภัณฑ์จากนมโดยไม่รู้ตัว มากบ้างน้อยมากมานมนาน วิกฤตครั้งนี้อาจช่วยย้ำเตือนเราๆ ท่านๆ ได้ว่า อย่าหลงใหลคลั่งไคล้ขนมหรืออาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป เพราะประเหมาะเคราะห์ร้ายอาจโดนแจ็กพอตกลายเป็นโรคนิ่วในไตได้โดยไม่รู้ตัว

    ตลาดผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมของไทย มูลค่า 32,500 ล้านบาท
    ไอศกรีม 10,000 ล้านบาท
    เบเกอรี่ 7,500 ล้านบาท
    เครื่องดื่มธัญพืช 500 ล้านบาท
    อื่นๆ 14,500 ล้านบาท


    เมลามีนคืออะไร

    เป็นสารเคมีอินทรีย์ โดยทั่วไปพบในรูปของผลึกสีขาว เมื่อเอาเมลามีนมาผสมกับฟอร์มาลดีไฮด์ จะได้เป็นเมลามีนเรซิน (Melamine Resin) เป็นพลาสติกที่ขึ้นรูปด้วยความร้อน มีความทนทาน มีการนำมาใช้ในผลิตโฟมทำความสะอาดพื้นผิว แผ่นฟอร์ไมกา กาว จานชาม ไวท์บอร์ด เป็นต้น

    ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการนำเมลามีนมาใช้ผิดวิธีด้วยการจงใจเติมเข้าไปในน้ำนมดิบเพื่อให้มีค่า
    โปรตีนที่สูงขึ้น อันจะทำให้น้ำนมดิบขายได้ราคาดี

    สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีการกำหนดค่าปนเปื้อนสูงสุดที่ร่างกายได้รับต่อวันโดยไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ หรือ Tolerable Daily Intake (TDI) โดยสหรัฐอเมริกากำหนดไว้ที่ 0.63 มก.ต่อน้ำหนักร่างกาย 1 กิโลกรัม ขณะที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ที่ 0.50 มก. ต่อน้ำหนักร่างกาย 1 กิโลกรัม

    ดังนั้น ถ้าเรามีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม เราต้องได้รับเมลามีน 25 มก. ต่อวันถึงจะเป็นอันตราย ถ้าหากนมที่เราดื่มมีการปนเปื้อน เมลามีน 1 มก. ต่อน้ำหนักนม 1 กิโลกรัม นม 1 กล่อง มีปริมาณ 250 กรัม เราต้องกินนมถึง 100 กล่องต่อวัน ถึงจะเป็นอันตราย แต่ถ้าเป็นเด็ก เช่น เด็กที่มีน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ก็จะต้องกินนมถึง 40 กล่อง จึงจะได้รับอันตราย
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เลือกของขวัญอย่างไรให้โดนใจ
    http://variety.mcot.net/inside.php?docid=2750

    [​IMG]

    [​IMG]


    เลือกของขวัญอย่างไรให้โดนใจ
    เทศกาลแห่งความสุขกำลังใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว หลายคนอาจจะกำลังวางแผนจะซื้อของขวัญให้คนพิเศษของคุณ โดยที่บางคนอาจมองว่าการเลือกซื้อของขวัญนี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่ความจริงแล้วคุณรู้หรือไม่ว่าของขวัญส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้รับได้อย่างที่ควรจะเป็น เราจึงขอนำเสนอแนวทางต่อไปนี้ในการเลือกซื้อของขวัญเพื่อให้ถูกใจผู้ให้ และผู้รับมากที่สุด


    หลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
    1. ความผิดพลาดอันดับต้น ๆ คือการซื้อของขวัญที่ผู้ซื้อเลือกซื้อตามความชอบของตนเอง มันอาจจะเป็นเรื่องสนุกสำหรับคุณ แต่ควรระลึกไว้เสมอว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบสี มีรสนิยมในการตกแต่ง ชอบแฟชั่น หนังสือ หรือกีฬาแบบเดียวกับคุณ
    2. อย่าให้ตัวคุณถูกชักจูงด้วยต้นแบบที่คุณคิดเอาเอง เด็กผู้หญิงไม่ได้ชอบสีชมพู หรือชอบเสื้อผ้าที่มีขนฟู ๆ กันทุกคน และก็ไม่แน่ว่าเด็กผู้ชายจะอยากได้ลูกฟุตบอลเสมอไป ผู้หญิงบางคนอาจจะเลือกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แทนที่จะเลือกสร้อยคอ หรือผู้ชายบางคนก็พอใจที่จะได้รับหนังสือดีๆ ซักเล่ม แทนตั๋วชมการแข่งขันชกมวยก็เป็นได้
    3. เพียงเพราะว่าคนที่คุณให้ของขวัญเขามีสัตว์เลี้ยง แต่เขาก็อาจจะไม่อยากได้ของกระจุ๋มกระจิ๋มเป็นรูปสัตว์เสมอไป เพราะเขาคงไม่ใช้โปสเตอร์รูปสุนัขดาคซ-ฮุนท หรือห่วงรัดผ้าเช็ดปากเป็นรูปแมวก็ได้
    4. ในการแลกของขวัญกัน บางครั้งของขวัญบางชิ้น อาจมองดูว่าธรรมดา แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าคุณซื้อของขวัญที่เฉพาะเจาะจงสำหรับบุคคล คุณควรจะหลีกเลี่ยงการซื้อแก้วกาแฟ หมวกเบสบอล แผ่นรองเมาส์ หรืออื่น ๆ ยกเว้นถ้าคุณรู้ว่าเขาต้องการสิ่งนั้น
    อาศัยคำบอกใบ้
    บางคนก็บอกใบ้สิ่งที่เขาต้องการไว้โดยที่เขาไม่รู้ตัว ดังนั้นคุณจึงต้องสวมบทเป็นนักสืบค้นหาสิ่งที่เขาต้องการ เช่นถามจากเพื่อน และครอบครัวว่าเขาชอบอะไร สำรวจดูว่าเขามีอะไรอยู่แล้วบ้าง อะไรที่เขาน่าจะใช้ และอะไรที่มีประโยชน์กับเขา เสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าเขามีสีอะไรหรือมีสไตล์ไหนมากเป็นพิเศษ เขาชอบนักร้อง นักเขียน ศิลปิน นักกีฬา หรือนักแสดงคนไหน หรือเขาชอบทำอะไรเวลาว่าง เป็นต้น ซึ่งในบางครั้งของขวัญที่ทำขึ้นเองมีคุณค่ามากกว่าของขวัญที่หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป

    เมื่อวิธีอื่นใช้ไม่ได้ผล
    การให้ของขวัญมีกฏอยู่ข้อหนึ่งคือ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาบอกนิดนึงครับ

    ผมเองไม่ได้เห็นหลวงปู่ขรัวขี้เถ้าครับ แต่ที่ผมได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงปู่นั้น พระอาจารย์ผมเป็นสื่อให้ครับ

    ส่วนองค์ที่ผมเห็นด้วยตาเนื้อของผมเอง คือหลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ซึ่งหลวงปู่ท่านยังดำรงกายเนื้ออยู่ ยังไม่ได้ทิวงคตตามประวัติศาสตร์ครับ

    ส่วนหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า ท่านจะเป็นพระอรหันต์แล้วหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องคิดและกังวล เพียงแต่เราปฎิบัติธรรมที่ท่านสอนก็เพียงพอแล้ว เรื่องอื่นๆเป็นเรื่องที่เรารู้แล้ว แต่ไม่สามารถที่จะไปพระนิพพานได้ หากเราปฎิบัติธรรมนั่นแหละ เราจึงไปพระนิพพานได้ ต้องทำด้วยตนเอง ไปพระนิพพานด้วยตนเองเท่านั้น ส่วนหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า,หลวงปู่พระโสณเถระเจ้าหรือหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้าที่ท่านสำเร็จอรหันต์ไปแล้ว แต่ทำไมจึงไม่อยู่ที่แดนนิพพาน คำตอบอยู่ในประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (ในกระทู้หลวงปู่โลกอุดร ) (ลิงค์กระทู้ประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร อยู่ในลายเซ็นผม บรรทัดสุดท้าย ลิงค์แรกครับ ลิงค์นี้ครับ หลวงปู่โลกอุดร )

    พระเครื่อง(พระพิมพ์) และวัตถุมงคลต่างๆ ของวังหน้า หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ บอกผมว่า สร้างขึ้นเพื่อชาติและพระศาสนาเท่านั้น

     
  10. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ลายเซ็นท่านปาทานนี่เหมือนลายแทงขุมทรัพย์ความรู้นะครับ สังเกตกันให้ดีๆ ต้องตีความกันพอสมควรสำหรับคนที่เข้ามาใหม่

    ปล. ลิงค์ พระวังหน้า ที่เข้าชมรมวังหน้า ช่วงนี้กดแล้วไม่เข้าไปในชมรมเลย แต่ต้องไปต่ออีกทอดหนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ
     
  11. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    only in vietnam นะคะ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image002.jpg
      image002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.8 KB
      เปิดดู:
      236
    • image016.jpg
      image016.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.8 KB
      เปิดดู:
      235
    • image020.jpg
      image020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.7 KB
      เปิดดู:
      228
  12. สำรวจโลก

    สำรวจโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +579
    CAMRY !...อืม...เข้าใจทำนะครับ แต่ซ้อน8 กับบรรทุกของนี่สิครับ ผมสงสารรถจังเลยครับ

    [​IMG]
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ทางเว็บน่าจะมีการปรับปรุงใหม่

    เรื่องกาแฟที่เคยเล่าให้ฟังว่า เวลาที่กินกาแฟ ตักกาแฟ 1 ช้อนโต๊ะ ,เมท 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ น้ำร้อนครึ่งแก้ว แก้วตามรูปครับ

    [​IMG] [​IMG]

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 24112008605.jpg
      24112008605.jpg
      ขนาดไฟล์:
      330.9 KB
      เปิดดู:
      52
    • 24112008606.jpg
      24112008606.jpg
      ขนาดไฟล์:
      346 KB
      เปิดดู:
      55
    • p.jpg
      p.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.1 KB
      เปิดดู:
      496
    • 20112008587.jpg
      20112008587.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177.8 KB
      เปิดดู:
      49
    • 21112008589.jpg
      21112008589.jpg
      ขนาดไฟล์:
      179.3 KB
      เปิดดู:
      54
    • 22112008590.jpg
      22112008590.jpg
      ขนาดไฟล์:
      398.1 KB
      เปิดดู:
      56
    • 22112008592.jpg
      22112008592.jpg
      ขนาดไฟล์:
      283.7 KB
      เปิดดู:
      46
    • 23112008597.jpg
      23112008597.jpg
      ขนาดไฟล์:
      365.1 KB
      เปิดดู:
      52
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ประกาศ

    [​IMG]

    ประกาศเรียกค่าไถ่

    ผมให้เวลาคุณ :::เพชร::: เป็นเวลา 3 ชั่วโมง (จนถึงเวลา 23.00 น.) หากไม่นำเงินจำนวน 2,000,000 บาท มาไถ่พระสมเด็จ 2 องค์นี้ ผมจะดำเนินการยึดพระสมเด็จทั้งสององค์ และไม่คืนให้คุณ :::เพชร::: ครับ โปรดติดต่อผมด่วน
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วัดมณีชลขัณฑ์
    http://www.tru.ac.th/culture2008/book_1-1-4.php

    [​IMG]

    แม่น้ำลพบุรีบริเวณวัดมณีชลขัณฑ์หน้าน้ำหลาก
    ทุ่งพรหมาสตร์ยามหน้าน้ำหลาก เรือกระแชงจำนวนนับร้อยๆ ลำถูกลากโยงขึ้นมาเพื่อลำเรียงสินค้าขาส่งและ นำไปขาย เช่น ข้าวเปลือก พืชไร่ ดินสอพอง ไม้ฟืน อิฐ ในภาพเห็นเรือกระแชงจอดหัวเสยตลิ่ง "เกาะแก้ว" วัดมณีชลขัณฑ์เต็มไปหมด กลางลำน้ำมีเรือสำปั้นแจว คงจะเป็นเรือจ้างรับส่งคนโดยสารข้ามฟาก เป็นภาพถ่าย
    เมื่อครั้งแม่น้ำ ยังมีบทบาทต่อวิถีชีวิตผู้คน

    [​IMG]

    วัดมณีชลขัณฑ์และเจดีย์หลวงพ่อแสง
    วัดมณีชลขัณฑ์เดิมชื่อวัดเกาะแก้ว เป็นวัดเก่าแก่ จดหมายเหตุครั้งรัชกาลที่4 จ.ศ. 1216 (พ.ศ. 2397) ฉบับหนึ่ง
    ซึ่งรักษาอยู่ ณ หอสมุดแห่งชาติเป็นร่างตราถึงเมืองลพบุรีให้เกณฑ์เลก ข้าพระ เผาปูนทำวัดเกาะแก้ว มีรายละเอียดว่า "หนังสือเจ้าพระยาจักรีมาถึงพระลพบุรี ด้วยมีพระบรมราชโองการตรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่าวัดเกาะแก้วเมืองลพบุรี แต่ก่อนเคยเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปนมัสการพระและประทับแรมอยู่บ้าง แต่พระอุโบสถ กุฏิศาลาการเปรียญ และศาลาท้องพรหมาสตร์ชำรุดยับเยินมาช้านาน โปรดเกล้าฯให้สถาปนาขึ้นใหม่ให้รุ่งเรืองสุกใส จะได้เป็นที่กราบไหว้ที่สักการะบูชา…" จากหลักฐานนี้แสดงว่าระยะแรกของการบูรณะเป็นบทบาทของพระลพบุรี
    อย่างไรก็ตามประวัติของการสร้างวัดที่ทราบกันดีนั้นคือเป็นวัดที่เจ้าพระยายมราช (เฉย ยมาภัย) เป็นผู้สร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
    เจ้าอยู่หัว มีพระราชนิพนธ์ในระยะทางเสด็จประพาสมณฑลอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2421 และได้เสด็จพระราชดำเนินมา
    ที่วัดมณีชลขัณฑ์ว่า "ในพระวิหารมีพระกะไหล่ทองตั้งบนบุษบกองค์หนึ่งเป็นพระของ ท่านยมราช สร้างดูภูมิวัดแล การที่ทำงามพอสมควรเป็นอย่างดีอยู่แล้ว กับพระเจดีย์สูงอีกองค์หนึ่งอยู่ข้างเกาะ สร้างมาช้านานหนักหนาแล้ว ตามเสด็จขึ้นมาแต่ก่อนทีไรก็เห็นก่อค้างอยู่อย่างนั้น ครั้นมาเมื่อปีวอกดูเหมือนแล้วไป พระเจดีย์องค์นี้เขาว่าเป็นของขรัวแสง คนทั้งปวงนับถือว่าเป็นผู้มีวิชา เดินตั้งแต่เมืองลพบุรีเช้าลงไปฉันเพลที่กรุงเทพได้ เป็นคนกว้างขวางเจ้านายรู้จักมาก หน้าเข้าพรรษาไปจำพรรษาอยู่วัดอื่น ถ้าถึงออกพรรษาแล้วมาปลูกโรงอยู่ริมพระเจดีย์องค์นี้ ก่อเองคนเดียวไม่ยอมให้คนอื่น
    ช่วย ราษฎรที่นับถือพากันช่วยเรี่ยไรส่งอิฐปูนแลพระเจดีองค์นี้เจ้าของจะทำแล้วเสร็จตลอดไป หรือจะทิ้งผู้อื่นช่วยเมื่อตาย
    ไปแล้วไม่ได้ถาม ดูของเธอก็สูงดีอยู่"

    พระราชนิพนธ์ดังกล่าวนี้ได้ชี้ช่องให้เห็นข้อมูลอื่นๆ ว่า

    1. พระเจดีย์นี้แล้วเสร็จเมื่อปีวอก ซึ่งหมายถึง พ.ศ. 2415 (เพราะปีขาลที่มีพระราชนิพนธ์ตรงกับพ.ศ. 2421)
    2. เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดมณีชลขัณฑ์เมื่อ 2421 นั้นหลวงพ่อ แสงมรณภาพแล้ว

    [​IMG]

    วัดมณีชลขัณฑ์
    ความสำคัญของภาพนี้มีอยู่สองประการคือเขื่อนรอบวัดก่ออิฐคล้ายรูปเรือสำเภาที่เห็นหัวเรียวแหลมข้างคอสะพาน ในปัจจุบันไม่เหลือให้เห็นแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบันทึกไว้ใน "ระยะทางเสด็จประพาส มณฑลอยุธยา เมื่อปีขาล พ.ศ. 2421" ว่า รอบวัดนั้นลงเขื่อนอิฐทั้งสิ้น เขื่อนนี้เจ้าพระยายมราชได้ลงคราวก่อนครั้งหนึ่ง แล้วไม่อยู่ครั้งนี้ลงอยู่ได้ ที่ลึก 3 -4 ศอกก็มี ที่ถึง 7 - 8 ศอกก็มี สะพานไม้ข้ามร่องน้ำบางขาม ด้านทิศตะวันตกของเกาะแก้วเพื่อเชื่อมต่อกับตลิ่งอีกฟากของลำน้ำ สะพานดังกล่าวนี้ปัจจุบันคือสะพานคอนกรีตของทางหลวงสายลพบุรี - สิงห์บุรี

    [​IMG]

    เรือยนต์โดยสารข้างศาลาคอกหมู วัดมณีชลขัณฑ์
    เป็นเรือยนต์โดยสารขนาดใหญ่ ในเรือมีพระภิกษุและผู้โดยสารส่วนใหญ่หันหน้ามามองกล้องผู้ถ่ายรูปนี้ เรือลำดังกล่าวนี้จอดอยู่ข้างศาลาหลังใหญ่
    ของวัดมณีชลขัณฑ์ที่รู้จักกันในชื่อว่า ศาลาคอกหมู ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทัศนีย์ กระต่ายอินทร์ ได้เขียนบทความเรื่อง วัดมณีชลขัณฑ์เผยแพร่ในสมบัติไทย 27 ระบุเรื่องศาลาหลังนี้ว่า "พระศีลวรคุณ(นวล)เจ้าอาวาสวัดมณีชลขัณฑ์ได้กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ศาลานี้สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) สร้างถวายหลวงปู่แสง
    เพราะชื่นชมความรู้ ความเชี่ยวชาญทางพุทธศาสนา และกล่าวถึงสาเหตุที่เรียกว่า ศาลาคอกหมู ก็เพราะว่า แต่เดิมแกะวัดมณีฯหรือวัดเกาะแก้วเป็นเกาะที่เป็น
    ป่ามีสัตว์ป่ามากมายหน้าน้ำน้ำก็ท่วมรอบๆ ตัวเกาะ หน้าแล้ง น้ำก็แห้ง ดังนั้น เมื่อถึงฤดูน้ำหลากของทุกปีในบริเวณท้องพรหมาสตร์ก็จะมีเกาะนี้เป็นที่พักอาศัยของ
    สัตว์ต่างๆ ได้เพราะพื้นที่เป็นเนินดินหรือที่เรียกเป็นภาษาพื้นบ้านว่า โคก ต่อมาบ้านเมืองเจริญมากขึ้น มีอาชีพเลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยงหมู ก็ต้องมาอาศัยเลี้ยงบริเวณใกล้ศาลาเป็นประจำหมูก็ปล่อยไปตามยถากรรม คนเลี้ยงก็นอนพักที่ศาลาวัด ศาลานี้ก็เลยได้ชื่อว่า ศาลาโคกหมู และด้วยเหตุที่มีชาวบ้านมาตั้งคอกเลี้ยงหมูตอนกลางวันบางคนก็เลยเรียกว่า ศาลาคอกหมู ดังนั้น จึงมีผู้เรียกศาลาโคกหมู และศาลาคอกหมู ทั้งสองชื่อ

    สำหรับศาลาคอกหมูหรือศาลาหลังเก่านี้พระครูวินยาภิรัต (ถมยา) ซึ่งท่านเป็นคนสระเสวย (อยู่ด้านเหนือของวัดมณีฯ) อุปสมบทและจำพรรษาที่วัดนี้ตั้งแต่
    พ.ศ. 2475 ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อท่านเป็นเด็กก็ต้องมาเรียนที่ศาลาโคกหมูนี้เรียกกันว่าโรงเรียนวัดโคกหมูแต่เมื่อถึงฤดูน้ำหลากการคมนาคมไม่สะดวก
    ผู้ปกครองก็ห่วงบุตรหลานจึงต้องไปเรียนที่วัดตองปุ นักเรียนโรงเรียนนี้จึงมีที่เรียนสองแห่ง" บริเวณดังกล่าวนี้ปัจจุบันมีสภาพแตกต่างจากภาพที่เห็นโดยสิ้นเชิง เรือยนต์แบบนี้สูญหายจาก ท้องน้ำแถบนี้นานแล้ว ศาลาคอกหมูถูกรื้อไปเมื่อ พ.ศ. 2530 พื้นที่บริเวณนี้มีเขื่อนกั้นโดยรอบแต่ระดับน้ำไม่เคยท่วมสูง
    ดังในภาพนี้อีกแล้ว

    **ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักศิลปวัฒนธรรมสถาบันราชภัฏเทพสตรี **
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตำแหน่งพระมเหสีเทวี ในสมัยรัตนโกสินทร์
    http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1446.30;wap2

    หยดน้ำ:
    รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


    ในรัชกาลนี้มีการกำหนดคำนำพระนาม และลำดับพระอิสสริยยศแห่งพระมเหสีอย่างเป็นทางการ และมีแบบแผนที่ค่อนข้างแน่นอนกว่าในรัชกาลก่อนๆ ส่วนการเพิ่มพูนพระอิสสริยยศของพระภรรยาเจ้านั้น ขึ้นอยู่กับการมีพระราชโอรสเป็นสำคัญ


    ในระยะแรกของรัชสมัยนี้มีเจ้านายฝ่ายในหลายพระองค์ที่เข้ารับราชการเป็นพระภรรยาเจ้า ซึ่งมีทั้งที่เป็นลูกหลวง และหลานหลวง ดังนี้


    พระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง (พระราชธิดาในรัชกาลที่ 4) ลำดับตามพระชันษา และการเข้ารับราชการ

    พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าทักษิณชา นราธิราชบุตรี
    พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุนัทากุมารีรัตน์
    พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี
    พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา
    พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เสาวภาผ่องศรี

    พระองค์เจ้าทักษิณชา เป็นพระภรรยาเจ้าพระองค์แรกสุด และเป็นเพียงพระองค์เดียวในขณะนั้น ต่อมาเมื่อพระประชวรจนไม่อาจถวายงานได้ รัชกาลที่ 5 จึงได้ทรงรับพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์อื่นมาถวายงานแทน โดยเริ่มตั้งพระองค์เจ้าสุนันทากุมารรีรัตน์ และเรียงลำดับกันไปพระองค์ละปี 4 "...โดยพระภรรยาเจ้าทั้ง ๔ พระองค์นี้เมื่อแรกรับราชการทรงยกย่องไว้เสมอกันทุกพระองค์ พระเกียรติยศที่จะทรงเพิ่มพูนนั้นขึ้นอยู่กับการที่ทรงมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเป็นสำคัญ..." จากหนังสือสมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ ของคุณสมภพ จันทรประภา


    พระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง (หม่อมเจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ 3)

    หม่อมเจ้าปิ๋ว (หม่อมเจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์)
    หม่อมเจ้าบัว (หม่อมเจ้าอุบลรัตนนารีนาค)
    หม่อมเจ้าสาย (หม่อมเจ้าสายสวลีภิรมย์)


    เดิมพระภรรยาเจ้าทั้ง 3 พระองค์นี้ไม่ได้ทรงอยู่ในฐานะแห่งพระมเหสีเทวี เพราะพระราชโอรสธิดาที่ประสูติออกมาเป็น "พระองคืเจ้า" ตามธรรมเนียม ต่อมาภายหลังเมื่อทรงยกขึ้นเป็นพระองค์เจ้า ตลอดจนพระราชโอรสธิดาที่ประสูติจากทั้ง 3 พระองค์ก้ได้เลื่อนพระอิสสริยยศเป็น "เจ้าฟ้า" แล้ว จึงได้ทรงเป็นพระมเหสีเทวีอย่างเป็นทางการ
    หยดน้ำ:
    พระมเหสีพระองค์ที่ 1 พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าทักษิณชา นราธิราชบุตรี


    หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม่ผมถึงได้ยกล่าวถึงเจ้านายพระองค์นี้ในฐานะพระมเหสี เพราะไม่ปรากฎว่ารัชกาลที่ 5 ได้ทรงยกย่องให้มีพระอิสสริยยศของพระมเหสีเทวีอย่างใดอย่างหนึ่งเลย เหตุผลก็คือเพราะเจ้านายพระองค์นี้ทรงเป็นพระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง ตามธรรมเนียมพระราชโอรสธิดาที่ประสูติจากพระองค์ก็ย่อมต้องมีพระยศเป็น "เจ้าฟ้า" อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นทันที่ทรงมีพระประสูติกาลสมเด็จเจ้าฟ้าชาย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2515 ก็ทรงเปลี่ยนฐานะจากพระภรรยาเจ้า มาเป็นพระมเหสีพระองค์ที่หนึ่งในรัชกาลนั้น อนุโลมตามอย่างเจ้าฟ้าหญิงบุญรอด พระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 2 ที่แม้จะไม่ได้ทรงได้รับการสถาปนาพระอิสสริยยศอย่างเป็นทางการ แต่ก็ทรงเป็น "พระมเหสี" ตามธรรมเนียม เพราะทรงเป็นพระราชมารดาเจ้าฟ้า


    แต่แล้วเหตุการณ์อันโศกเศร้าได้เกิดขึ้นเมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าชายพระองค์นั้น สิ้นพระชนม์ในวันประสูติ "...ทำให้พระองค์เจ้าทักษิณาชาฯ ทรงเสียพระทัยมากจนกระทั่งถึงสูญเสียพระจริต ไม่อาจรับราชการสนองพระยุคลบาทได้อีกต่อไป จึงไม่ได้มีพรอิสสริยยศอย่างใดอย่างหนึ่ง หลังจากนั้นรัชกาลที่ ๕ ก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช .พระอนุชาร่วมเจ้าจอมมารดา... ทรงรับไปอภิบาลดุแลที่วังของท่าน ... สิ้นพระชนม์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๙ ..." พระภรรยาเจ้าและสมเด็จเจ้าฟ้าในรัชกาลที่ ๕ ของนายจิวัฒน์ อุตตมะกุล
    ศรีปิงเวียง:
    ขอออกตัวว่าน่าเสียดายแทนพระองค์เจ้าทักษิณชายิ่งนักครับ ที่ต้องมาสูญเสียพระราชโอรสพระองค์แรกในเศวตฉัตร ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นพระโอรสของพระองค์มีพระพลานามัยดูสมบูรณ์ แต่กลับทรงพระชนมชีพเพียง 8 ชั่วโมงเท่านั้นครับ(ไม่ทราบเพราะเหตุใด?)
    เท่าที่จำได้ก็คือ พระองค์เจ้าทักษิณชา(พระธิดาลำดับที่ 5 ในพระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)เป็นพระพี่นางในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรองจากพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรควรราชสุดา
    หรือถ้าจะแสดงเอาง่าย ๆ ก็คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระเชษฐาและพระกนิษฐภคินี 8 พระองค์ ที่ทรงพระชนมชีพจนถึงรัชกาลนี้มีเพียงแค่ 3 พระองค์เท่านั้น และทุกพระองค์ประสูติต่างมารดาทั้งสิ้นครับ
    ได้แก่ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์(ลำดับที่ 3) พระองค์เจ้าทักษิณชา และกรมหลวงสมรรัตน์สิริเชษฐ์(ลำดับที่ 8)
    ป.ล.ถ้ามีข้อมูลมากกว่านี้ขออนุญาตลงเสริมนะครับ
    หยดน้ำ:
    พระมเหสีพระองค์ที่ 2 พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี

    พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี เป็นพระภรรยาเจ้าพระองค์ต่อมาที่ได้ทรงเลื่อนฐานะเป็นพระมเหสี ภายหลังที่มีพระประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2420 และเป็นพระมเหสีพระองค์แรกที่ได้รับพระราชทานพระเกียรติยศให้สมกับตำแหน่งพระมเหสี

    โดยปรากฎพระราชหัตถเลขาถึงเจ้าพนักงานจ่ายเงิน กรมพระคลังมหาสมบัติ เมื่อวันอังคาร แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู นพศก 1239 ความว่า

    "ให้ตั้งเงินเดือนสุขุมาลย์มารศรีเติมขึ้น เดิม ๘ บาท ขึ้นอีก ๑๒ บาท เก่าใหม่เป็นเดือนละ ๒๐ บาท ตั้งแต่เดือน ๑๐ ปีฉลู นพศก นี้ไป ..."

    และในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2421 ได้มีพระบรมราชโองการพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสสริยยศพระองค์เจ้าสุขุมาลย์มารศรี "...สุขุมาลย์มารศรี ได้มีบุตรีกับข้าพเจ้าคนหนึ่ง คือ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าเห็นสมควรว่าสุขุมาลย์มารศรีควรจจะได้รับเครื่องยศตามตำแหน่งเช่นนี้สมควรแก่ราชตระกูล..."

    เครื่องประกอบพระอิสสริยยศพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี พระมเหสี มีดังนี้

    พานหมากทองคำลงยาราชาวดี 1
    ผอบลงยาราชาวดีปริกประดับดับเพชร 1
    จอกหมากลงยาราชาวดี 2
    ซองพลูลงยาราชาวดี 1
    ตลับขี้ผึ้งเป็นลุกลิ้นจี่ประดับทับทิมมีสายสร้อยห้อย - ไม้ควักหูเป็นต้นประดับเพชรเล็กน้อย 1
    มีดพับด้ามลงยาราชาวดี 1
    หีบหมากลงยาราชาวดีลายสระบัวประดับเพชรพลอย 1
    ตลับเครื่องในประดับมรกตเพชรสามใบเถาสำรับ 1
    ขันครองลงยาราชาวดีสำรับ 1
    ข้นล้างหน้าพานรองทองคำลงยาราชวดีสำรับ 1
    กาน้ำร้อนหูหิ้วมีถาดรองทำด้วยทองคำลงยาราชาวดีสำรับ 1

    เครื่องยศเหล่านี้สร้างขึ้นจากเงินพระคลังข้างที่ ส่วนเพชรพลอยที่ประดับเป็นของกรมพระคลังมหาสมบัติ โดยพระราชให้เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ของพระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี

    หมายเหตุ

    เครื่องยศทองคำลงยาราชาวดีนี้ จะพระราชทานให้กับสมเด็จเจ้าพระยา พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง จนถึงพระอัครมเหสีครับ
    หยดน้ำ:
    พระมเหสีพระองค์ที่ 3 พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา

    หลังจากพระองค์ิเจ้าสุขุมาลมารศรี ได้่ัรับพระราชทานพระเกียรติยศให้อยู่ในศักดิ์ของพระมเหสีได้เพียง 1 เดือน วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2421 พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ก็มีพระประสูติกาล "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ" ซึ่งเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าชายพระองค์ใหญ่ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนาจึงได้ทรงเลื่อนขึ้นเป็นพระมเหสีพระองค์ที่ 3 ในรัชกาล

    พระมเหสีพระองค์ที่ 4 พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์

    ได้เลื่อนเป็นพระมเหสี เมื่อมีพระประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์โสภางคทัศนิยลักษณ์ อัครวรราชกุมารี เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2421

    พระมเหสีพระองค์ที่ 5 พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี

    ได้เลื่อนเป็นพระมเหสี เมื่อมีพระระสูติกาลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย ประไพพรรณพิจิตร นริศราชกุมารี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2421

    สำหรับการพระราชทานพระเกียรติยศนั้น ได้ทรงมีลายพระหัตถเลขาถึงเจ้าพนักผู้รักษาเงินกรมพระคลังมหาสมบัติเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2421 ให้เพิ่มเงินเดือนพระมเหสีทั้ง 4 พระองค์เป็น 7 ตำลึงเสมอกันทุกพระองค์ และสังเกตว่าพระราชหัตเลขาสั่งราชการฉบับนี้ มีหลังจากพระองค์เจ้าสว่างวัฒนามีพระประสูติกาลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ได้ 1 เดือน และหลังจากงานพระราชพิธีสมโภชเดือนขึ้นพระอู่ได้ 3 วัน

    แต่การพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศให้กับพระมเหสีทั้ง 3 พระองค์ไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัด แต่ในพระราชหัตถเลขาแบ่งทรัพย์มรดกของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์นั้น ได้ระบุว่าพระองค์เจ้าสุนันทาฯ ทรงได้พระราชทานหนังสือสำคัญมอบเครื่องประกอบพระอิสริยยศ เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ เอกศก จุลศักราช 1241 หลังจากสมเด็จเจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย ประสูติแล้วประมาณ 1 ปี

    และสัีนนิษฐานว่าพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา พระองค์เจ้าสุนันทาฯ พระองค์เจ้าเสาวภาฯ น่าจะได้รับพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสสริยยศพร้อมกันทุกพระองค์

    และในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2421 ได้ออกพระนามพระมเหสีทั้ง 4 พระองค์อย่างไม่เป็นทางการว่า "พระนางเธอ"

    "...ทรงด้วยเงินพระนางเธอทั้ง 4 พระองค์ ก็ยังไม่สมกับเบี้ยหวัด.."

    จึงสันนิษฐานได้ว่าอย่างน้อย"ก่อน"หรือตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2421 เป็นต้นไป ได้เปลี่ยนคำนำพระนาม "พระมเหสี" ทุกพระองค์ จาก "พระเจ้าน้องนางเธอ" เป็น "พระนางเธอ"

    อนึ่งมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทรงยกย่องพระองค์เจ้าสุนันทาฯ ให้เป็นใหญ่กว่าพระมเหสีทุกพระองค์ เพราะมีแต่สร้อยพระนามพระเจ้าลูกเธอที่ประสูติจากพระองค์เจ้าสุนันทาฯ เท่านั้น ที่ใช้ว่า "อัครวรราชกุมารี"
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สุสานหลวง
    http://www.stks.or.th/hrh/?p=418

    สุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเพื่ออุทิศพระราชกุศลแก่พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชเทวี พระราชเทวี พระอรรคชายาเธอ เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม พระราชโอรสธิดา ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงสร้างขึ้นในสมัยหลัง อนุสาวรีย์ที่สุสานหลวงนี้ทำเป็นรูปเจดีย์ ปรางค์ และอาคารศิลปะยุโรป และอื่นๆ อนุสาวรีย์ที่สำคัญ 1 ในนั้นคือ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา
    อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา
    บรรจุพระสรีรางคารหรือพระศพของพระราชโอรสและพระราชธิดาในสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าและราชสกุลมหิดล ได้แก่
    1.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าวิจิตรจิรประภา อดุลยาดิเรกรัตน ขัตติยราชกุมารี (21 เมษายน พ.ศ. 2424 - 15 สิงหาคม พ.ศ. 2424)
    2.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิง (พ.ศ. 2436 - สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุ 3 วัน )
    3.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร (27 มิถุนายน พ.ศ. 2421 - 4 มกราคม พ.ศ. 2437)
    4.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ พิมลรัตนวดี (19 กรกฎาคม พ.ศ. 2431 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2441)
    5.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ (9 มิถุนายน พ.ศ. 2425 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2442)
    6.สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (1 มกราคม พ.ศ. 2434 - 24 กันยายน พ.ศ. 2472)
    7.สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร (16 เมษายน พ.ศ. 2427 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481)
    8.สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2538)
    ในหมายกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา 17.00 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มายังอนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา เพื่อทรงบรรจุพระสรีรางคารสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
    [​IMG]

    <!--/entry-content-->Posted in พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ. Tagged with พระสรีรางคาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร, สุสานหลวง, อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา.
    <!--/filed--><ADDRESS class="author vcard full-author">By titima </ADDRESS><ABBR class=published title=2008-11-14T11:47:49+0700>November 14, 2008</ABBR>
    <!--/by-line-->
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    <TABLE style="WIDTH: 100%" cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; WIDTH: 99.64%; PADDING-TOP: 0.75pt" width="99%">โทรศัพท์มือถือของท่านผลิตจากแหล่งมาตราฐานหรือไม่?

    อยากรู้ว่าโทรศัพท์มือถือของท่านเป็นของแท้หรือไม่?

    กดเครื่องหมาย
    *#06# หมายเลขรหัสจะปรากฎขึ้นมา โปรดดูหมายเลขที่ 7 และ 8 ดังนี้


    1 2 3 4 5 6 7th 8th 9 10 11 12 13 14 15
    ======================================================================================================

    -
    หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 02 หรือ 20 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบในประเทศจีนซึ่งมีคุณภาพต่ำ

    - หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น08 หรือ 80 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตในประเทศเยอรมันซึ่งมีคุณภาพปานกลาง
    - หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 01 หรือ 10 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตในประเทศฟินแลนด์ซึ่งมีคุณภาพดีมาก

    - หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น
    00 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตจากโรงงานผลิตโดยตรงซึ่งมีคุณภาพดีที่สุด
    - หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 13 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบที่ประเทศอาเซอร์ไบจันซึ่งมีคุณภาพเลวและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...