ตำนานผีไทย: ผีปอบ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย wong3210, 5 มกราคม 2008.

  1. wong3210

    wong3210 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    553
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,392
    [​IMG]


    ผีปอบ

    "ผีปอบ" มีต้นกำเนิดมาจากผู้ที่มีวิชา ไสยศาสตร์ มนต์ดำจนแก่กล้า สามารถใช้อำนาจอันเข้ม ขลังจากเวทมนตร์คาถาไปกระทำร้ายหรือทำลาย ชีวิตผู้อื่นได้ เช่น ทำ เสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝัง รอยเสกหนังควาย เสกตะปูเข้าท้อง หรือใช้มนตราบังคับวิญญาณ ภูตผีไปเข้าสิง วิชาไสย ศาสตร์เหล่านี้มีข้อห้าม ข้อปฏิบัติกำกับอยู่ด้วย ผู้ที่มีวิชาอาคมทางไสยศาสตร์ซึ่งพระ พุทธเจ้า ทรงระบุว่า เป็นเดียรฉาน วิชา จะต้องระวังไม่ให้ละเมิด ข้อห้าม ข้อปฏิบัติโดยเด็ดขาด หากกระ ทำผิด ข้อห้าม ซึ่งชาวอีสานเรียกว่า "คะลำ" ก็จะเกิดโทษหนักในข้อ "ผิดครู" วิญญาณบรมครู จะลงโทษ ให้กลายเป็น ปอบ หรืออีกประการหนึ่งของผู้ที่ กลายเป็นปอบก็คือ เล่น คาถาอาคม อย่างคลั่งไคล้ และใช้ความขลังแห่งวิชา มนต์ดำไปทำลาย ทำร้ายผู้อื่นอย่างไม่กลัว บาปกลัว กรรมกระทำชั่วเป็นอาจิณกรรม กระทั่งถูกอาถรรพณ์ของไสยเวทย์ย้อนกลับมาเข้าตัวเองกลาย เป็น ปอบไปในที่สุด

    ....................
    "ผีปอบ" ยังแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น
    ................... . "ปอบ ธรรมดา" หมายถึงคนที่มีปอบสิงอยู่ใน ร่าง (คือตนเองเป็นปอบ ) เมื่อคนประเภทนี้ตายไป ปอบที่สิงสู่อยู'ก็จะ ตายตามไปด้วย
    .................... "ปอบเชื้อ" หมายถึงครอบครัวใดพ่อแม่เป็นปอบเมื่อพ่อแม่ตายไปลูก หลานก็จะสืบทอดให้ เป็นปอบต่อไป อีกประการหนึ่งเป็นกรรมพันธุ์ไม่ว่า จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรียกว่า เป็นปอบต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบ
    .................... "ปอบแลกหน้า" หมายถึง ปอบเจ้าเล่ห์ถนัดเอาความ ผิดไปโยนให้ผู้อื่น กล่าวคือเวลาไปเข้าสิงใคร เมื่อถูกสอบ ถามว่ามีผู้ใดเลี้ยงหรือบังคับ ปอบ จะไม่บอกความจริงหากไปกล่าวโทษว่าเป็นคนนั้นคนนี้โดยที่ผู้ถูกระบุชื่อ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เลย
    .................... ปอบกักกึก (กึก ภาษาอีสานแปลว่า "ใบ้") หมายถึงปอบที่ไม่ยอมพูดอะไรเวลามีคน ถาม จนกว่าญาติพี่น้องจะไปตามหมอผีมาขับไล่ จึงจะยอมเปิดปากพูดว่าตนเป็นปอบของ ใครมีใครใช้ให้มา เข้าสิง ผู้ที่ถูกผีปอบเข้าสิงหรือที่ชาวอีสานเรียกว่า "ปอบเข้า" จะมีอาการแตกต่างกันไป บางคนแสดงกิริยาอาการ ดุร้ายบางคนจะนอนซมซึมคล้ายกับป่วยไข้อย่างหนัก บางคนจะ ร่ำไห้รำพันไปต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าจะมีทีท่า อาการอย่างไร

    ....................ผู้ที่ถูกปอบเข้าสิงจะเรียกร้องให้ นำอาหารสุกๆ ดิบๆ พวกหมูตับไก่ต้มมากิน เหมือนๆ กับเวลา กินก็แสดงความตะกละมูม มามและกินได้จุผิดปกติเมื่อญาติพี่น้องรู้ว่าคนป่วยถูกปอบเข้าสิง เขาก็จะไปตามหมอ ผีให้มาไล่ปอบ การไล่ปอบให้ออกจากร่างมีหลายวิธีตามแนวทางที่หมอผีได้ร่ำเรียนมา บางคนจะเอาพริกแห้ง มาเผา ให้ควันรม คนป่วยจนสำลักควันน้ำตาไหลพาก ครั้นปอบ ออกจากร่าง แล้วหมอผีจะข่มขู่สอบถามว่าผีปอบเป็นใครมาจากไหน เมื่อปอบรับสารภาพ หมอผีก็ จะปล่อยไป คนป่วยได้สติหายเป็นปกตินัยน์ตาที่แดงก่ำเนื่องจากถูกควันพริกเผา รมจะหายไปทันที แต่เจ้าของ ปอบกลับมีอาการนัยน์ตาแดงก่ำด้วยสายเลือดจนต้องหลบ หน้าอยู่แต่ในห้องไม่กลัวให้ใครพบหน้า อีกวิธีหนึ่งที่ หมอผีทั่วไปนิยมใช้ไล่ผี คือใช้หวาย เฆี่ยนไล่ปอบซึ่งก็เท่ากับเฆี่ยนคนป่วยนั่นแหละหากปอบกล้าแข็งหมอผีจะ เฆี่ยนหนักๆ กระทั่งเนื้อตัวคนที่ถูกปอบเข้าสิงเขียวช้ำด้วยรอยหวาย เมื่อปอบยอมแพ้ออกจากร่างไป ร้อยหวายก็ จะจางหายไปทันที แต่วิธีไล่ผีปอบแบบนี้เคยเป็นเรื่องเป็นข่าวมาแล้ว

    ....................เนื่องจากผู้ป่วยไม่ได้ถูกปอบเข้าสิง หากป่วยเป็นโรคประสาท ญาติคิดว่าปอบ เข้าจึงไปตามหมอผีมาไล่ หมอผีจัดการเฆี่ยนคนป่วยด้วยหวายได้รับบาดเจ็บบอบช้ำจน หลายครั้งหลายหน โดยคิดว่าปอบฮึดสู้ไม่ยอม แพ้ในที่สุดคนป่วยก็เสียชีวิตร้อนถึงตำรวจ ต้องมาจัดการกับหมอผีและญาติตามกฎหมายและหมอผีคงคิดคุก ติดตะรางไปตามระเบียบ

    ....................อีกวิธีหนึ่งหมอผีจะนำสัตว์น่าเกลียดน่ากลัวบางชนิดมาข่มขู่ให้ปอบกลัวเช่น คางคก ตุ๊กแก งู ในกรณีนี้ คนที่ ถูกปอบเข้าสิงมักจะเป็นผู้หญิงหรือตัวปอบเป็นหญิง แม้จะเป็นผีปอบ (เธอ) ก็ยังขยาดแขยงสัตว์ประเภทนี้ และ มักจะยอมออกจากร่างที่ เข้าสิงง่าย ๆ

    ....................ผีปอบที่แก่กล้าเวลาเข้าสิงใครจะอกยาก กล่าวกันว่าใครที่ผีปอบประเภทนี้ เข้าสิงมักจะถูกปอบสิงจนตาย เมื่อหมอผีดำเนินการไล่ผีปอบจากร่างที่ถูกปอบสิงมี ข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ จะปรากฏเป็นก้อนกลมอยู่ใต้ ผิวหนังปูดนูนขึ้นมา เวลา หมอผีจี้อ้อนกลมๆนี้ด้วยไพลเสก มันจะเลื่อนหนีได้ และเมื่อก้อนกลมๆนี้หายไปหมอ ผีที่มีวิชาอาคมยังไม่เก่งนักมักคิดว่าปอบออกไปแล้ว แต่ที่แท้จริงๆ ปอบมันจะเลื่อน หนีไปซ่อนตามซอกขาหนีบ หรืออวัยวะเพศ ทำให้หาไม่พบ

    ....................สำหรับหมอผีรุ่นครูจะจู่โจมเข้ามัดข้อมือ ข้อเท้าและรอบคอ ด้วยด้าย สายสิญจน์เพื่อไม่ให้ปอบหนีออกจาก ร่าง จากนั้นก็จะใช้ไพลเสกจี้ลงไปที่ก้อนกลมๆ ใต้ผิวหนัง เรียกว่าก้อนกลมนี้หนีไปที่ใดก็จะตามจี้ไม่ยอมปล่อย เวลาที่ถูกไพลเสกจี้ ทางอีสานเรียกว่า "แทง" ปอยจะเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส (คนที่ถูกปอบสิงจะร้องโอด ครวญดังลั่น) หมอผีจะขู่บังคับให้บอกว่าเป็นใคร ซึ่งปอบมักจะยอมสารภาพโดยดี หลังจากทรมานปอบให้หวาด กลัวเข็ดหลาบแล้ว หมอผีจึงจะแก้มัดด้วยด้ายสายสิญจน์ ปล่อยให้ปอบออกไป หมอผีบางรายมีวิธีไล่ปอบชนิดดุเดือด ให้คนเป็นปอบอับอายขายหน้าเป็นที่เปิดเผยแก่ สาธารณชนทั่วไป โดยหมอผีจะไปหาหม้อดินของแม่ม่ายที่มีเขม่าควันไฟจับหนามา แล้วเอาหม้อดินครอบศีรษะคนถูกปอบสิง ใช้มีดโกนขูดเขม่าควันไฟ คล้ายกับโกนผมให้ หมดไปครึ่งศีรษะ จากนั้นปล่อยให้ปอบออกจากร่าง วิธีการ ไล่ปอบแบบนี้จะทำให้ผู้เป็น ปอบหรือเลี้ยงปอบไว้ต้องหลบซ่อนอยู่แต่ในห้อง หรือเวลาออกนอกห้องไปไหน มาไหน ต้องใช้ผ้าคลุมศีรษะตลอดเวลา เนื่องจากเส้นผมแหว่งหายไปครึ่งศีรษะ

    เรื่องเล่าผีปอบ

    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>....................เรื่องของปอบนี้จะลงความเห็นว่าเกิดจากความ "ความเชื่อ" หรือความงมงายไร้สาระเอาเสียเลยก็ คงไม่ได้ เพราะเรื่องราวประหลาดๆเกี่ยวกับผีปอบยังเคยปรากฏกับพระอริยสงฆ์เช่น หลวงปู่ดู่พรหม ปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาแล้ว กล่าวคือ มีหมอผีไสยเวท ชาวเวียงจันน์คนหนึ่งมาที่วัดสะแก มานมัสการหลวงปู่ดู่ บอกท่านว่าตนมีวิชาดีเป็น วิชาบิดไส้ บังฟัน ต้องการมอบวิชานี้ให้แก่ท่านเป็นการเฉพาะ เพราะเห็นว่าไม่มีใครรับถ่ายทอดวิชาเหล่านี้ได้ แล้วก็มอบคัมภีร์โบราณให้ผูกหนึ่งหลวงปู่ดู่เห็นว่าเป็นวิชาแปลกๆ ก็รับไว้โดยเสียค่าครูให้เห็น</TD><TR></TR></TBODY></TABLE>
    สลึงเป็น ธรรมเนียมได้คัมภีร์นั้นมาแล้วหลวงปู่ดู่ก็ไม่ได้เปิดดูหรือให้ความสนใจเป็นพิเศษท่านนำไปวางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชา และก็ลืมๆ ไป ส่วนหมอผีไสยเวทชาวลาวยังไม่กลับไปทันที หากขอนอนพักค้างคืนที่วัดสะแกต่อ 2-3 วัน ซึ่งหลวงปู่ก็อนุญาต คืนนั้น…หลวงปู่ดู่เกิดฝันประหลาด ฝันว่าท่านออกไปหากินคล้ายๆ กับเป็นปอบ และไปกินควายชาวบ้าน ซึ่งอยู่ในตำบลใกล้เคียง เช้าวันรุ่งขึ้นท่านก็ยังไม่ฉุกคิดอะไร กระทั่งล่วงเข้าคืนที่สอง ขณะที่หลวงปู่ดู่นอนหลับ ท่านก็ฝันในลักษณะเดียวกันอีก คือออกไปกินไส้ควายของชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้ๆ เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้มีเรื่อง มีชาวบ้านมาหาหลวงปู่ดู่ เล่าถวายรายงานต่อท่านว่า เมื่อคืนนี้ความของเขาตาย กะทันหัน โดยหาสาเหตุไม่พบ อีกทั้งลักษณะการตาย มีสภาพน่ากลัวหลายอย่าง หลวงปู่ดู่สอบถามว่าตั้งบ้านเรือน อยู่อาศัยที่ใด ชาวบ้าน ก็กราบเรียนให้ท่านทราบ คราวนี้ หลวงปู่ดู่ถึงกับสะดุ้ง เพราะที่อยู่ของชาว บ้านคน นั้นตรงกันกับบ้านที่ท่านฝันว่าไปกินไส้ควายมานั่นเอง หลวงปู่ดู่ก็คิด ว่า …อ้ายลาวไสยเวทคนนี้เห็นทีจะเอา วิชาชั่วร้ายมามอบให้ท่านเป็นแน่ ถึงได้ เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้น หากท่านเกิดฝันไปกินคนเข้า อาจทำให้ ใครต่อใคร ตายได้ และวิชาที่ท่านรับมาเห็นทีจะเป็นวิชาปอบเสียละกระมัง ดังนั้นหลวงปู่ดู่จึง ได้นำคัมภีร์ตำรา เอามาเผาไฟไหม้เป็นจุลไป เจ้าลาวหมอผีรู้ว่าหลวงปู่ดู่เผาวิชาตำรามันทิ้ง มันก็แสดงท่าโกรธเคืองไม่ใช่ น้อย ตอนออกจากวัดกลับไป ถิ่นเดิมของมัน มันไม่ยอมมาบอกกล่าวกราบลา แม้แต่คำเดียว และนับแต่นั้นก็ไม่หวนกลับมาที่วัดสะแก อีกเลย…จากเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่าอิทธิฤทธิ์ของไสยเวทมนต์ดำนั้นมีจริง มีความเข้มขลังแสดงผลให้ ประจักษ์ ได้จริงๆ แต่เป็นแนวทางวิชาทางเลวร้าย เพราะมีเจตนาเพื่อเบียด เบียนทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับความเดือนร้อน หรืออาจถึงขั้นทำอันตรายจนถึงแก่ชีวิต พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่กล่าวถึงวิชาไสยศาสตร์เล่านี้ว่า…" พวกที่เรียน ของเหล่านี้ เขาปรารถนาอเวจีเป็นที่ พึ่งทั้งนั้น "

    http://www.geocities.com/ghostaon/2.html

    [​IMG]

    ผ..ผ...ผีหลอกกกก .... แว๊กกกกกก!!! :d

    [music]http://palungjit.org/attachments/a.261314/[/music]

    สนับสนุนเพลง โดย [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มกราคม 2008
  2. ZyTon

    ZyTon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +377
    บ้านผีปอบ ฮามาก เคยดูตอนเด็กๆ แต่เรื่องปอบผีฟ้านี่กิดไม่ทัน แต่เพลงน่ากลัวจริงๆ แม่ผมเคยบอกว่า เป็นเพลงหนังผีที่น่ากลัวที่สุดของแม่เลยในยุคแม่ + +
     
  3. atataya

    atataya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +278
    ผีปอบทางเหนือเรียกผีกะ มักจะสิงร่างคนเพื่อหากินโดยเฉพาะของเน่าของบูด หรือไม่ก็จะกินเครื่องในหรือพลังชีวิตของคนที่ถูกสิง หากไม่มีการรักษาผู้ที่ถูกสิงร่างจะตายในที่สุด เชื้อผีกะหรือปอบจะมาทางนกเค้าหรือที่เรียกว่านกเค้าผีกะ วิธีสังเกตนกที่เป็นพาหนะของผีกะถ้าเราห้อยพระหรือคนมีของพอเดินไป ไกล้ๆมันจะหัวเราะคล้ายเสียงคนหัวเราะ หรือนกเค้าที่มีพฤติการแปลกๆผิดวิสัยนกเค้าทั่วๆไป แถวบ้านใหนที่มีผีกะอยู่ถ้ามีเด็กเกิดใหม่เด็กนั้นจะร้องไห้ตอนกลางคืนแบบผิดปกติหรือแบบที่หลับๆร้องๆทั้งคืน วิธีที่คนเหนือรักษาคนที่ถูกผีกะเข้าสิงมักไม่หายถาวรเป็นเพียงการไล่ไปเท่านั้น พอสักพักก็กลับมาเข้าสิงอีกมันจะเข้าสิงเฉพาะคนที่ขวัญอ่อนหรือดวงตกต่ำมากๆโดยเฉพาะผู้หญิง วิธีไล่ก็คืออาจนิมนต์พระ หรือพ่อหนาน(ทิด)ที่มีคาถาอาคมสูง หรือคนที่ถือครูมาไล่ อาจจะใช้น้ำมนต์ให้ทั้งกินทั้งอาบ หรือใช้หวายหรือหางปลาไม(หางปลากระเบน)ลงคาถากำกับใช้ตีจนกว่าผีกะจะออกจากร่าง หาจะให้หายจริงๆต้องไปเป็นตาหรือยายผ้าขาวถือศีล8ที่วัดตลอด ตอนเด็กๆมักจะไปดูคนเฒ่าคนแก่ไล่ผีที่เข้าสิงร่างคนบ่อยๆบางที่ก็ตลกนะหากเป็นผีที่ขี้เล่นบางทีก็น่ากลัวหากเป็นผีที่มีฤทธิ์มากๆ จบละวันหลังจะมาเล่าใหม่
     
  4. juten

    juten เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2006
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +296
    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...