6./อา.17ก.พ.51/ว่าด้วยบัณฑิตถวายโอวาทแก่กษัตริย์

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย ผ่อนคลาย, 15 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. ผ่อนคลาย

    ผ่อนคลาย Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    5,775
    ค่าพลัง:
    +12,934
    ๖. กัณหเปตวัตถุ
    ว่าด้วยบัณฑิตถวายโอวาทแก่กษัตริย์


    โรหิไณยอำมาตย์กราบทูลว่า
    [๑๐๓] ข้าแต่พระองค์ผู้กัณหโคตร ขอพระองค์จงลุกขึ้นเถิด จะมัวทรงบรรทมอยู่ทำไม จะมีประโยชน์อะไรแก่พระองค์ด้วยการทรงบรรทมอยู่เล่า ข้าแต่พระเกสวะ บัดนี้พระภาดาร่วมพระอุทรของพระองค์ ซึ่งเป็นดุจพระหทัยและนัยน์เนตรเบื้องขวาของพระองค์ มีลมกำเริบคลั่งเพ้อไปเสียแล้ว.

    พระเจ้าเกสวะ ได้ทรงฟังคำของโรหิไณยอำมาตย์แล้ว ถูกความโศกถึงพระภาดาครอบงำ รีบเสด็จลุกขึ้นทันที จับพระหัตถ์ทั้งสองของฆฏบัณฑิตไว้มั่นแล้ว เมื่อจะทรงปราศรัยจึงตรัสพระคาถา มีความว่าเหตุไรหนอ เธอจึงทำดุจเป็นคนบ้าเที่ยวไปทั่วนครทวารกะนี้ เพ้ออยู่ว่ากระต่ายๆ เธอปรารถนากระต่ายเช่นไร ฉันจักให้นายช่างทำกระต่ายทอง กระต่ายแก้วมณี กระต่ายโลหะ กระต่ายรูปิยะ กระต่ายสังข์ กระต่ายหิน กระต่ายแก้วประพาฬ ให้แก่เธอ หรือว่ากระต่ายอื่นๆ ที่เที่ยวหากินอยู่ในป่ามีอยู่ ฉันจักให้เขานำกระต่ายเหล่านั้นมาให้เธอ เธอปรารถนากระต่ายเช่นไร?

    ฆฏบัณฑิตกราบทูลว่า
    ข้าพระองค์ไม่ปรารถนากระต่ายที่อาศัยแผ่นดิน ข้าพระองค์ปรารถนากระต่ายจากพระจันทร์ ข้าแต่พระเจ้าเกสวะ ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณานำกระต่ายนั้นลงมาประทานแก่ข้าพระองค์เถิด.

    พระเจ้าวาสุเทพตรัสว่า
    ดูกรพระญาติ เธอจักละชีวิตที่สดชื่นไปเสียเป็นแน่ เพราะเธอปรารถนากระต่ายจากดวงจันทร์ ชื่อว่าปรารถนาสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา.

    ฆฏบัณฑิตกราบทูลว่า
    ข้าแต่พระองค์ผู้กัณหโคตร ถ้าพระองค์ทรงพร่ำสอนผู้อื่น ฉันใด ขอให้พระองค์ทรงทราบฉันนั้นเถิด เพราะเหตุไฉน พระองค์จึงทรงพระกรรแสงถึงราชโอรสที่ทิวงคตแล้ว แต่ก่อนมา แม้จนวันนี้เล่ามนุษย์หรืออมนุษย์ไม่พึงได้ตามปรารถนาว่าขอบุตรของเราที่เกิดมาแล้วจงอย่าตาย พระองค์จะทรงได้โอรสที่ทิวงคตแล้วซึ่งไม่ควรได้แต่ที่ไหนข้าแต่พระองค์ผู้กัณหโคตร พระองค์ทรงกรรแสงถึงราชโอรสที่ทิวงคตแล้วไม่สามารถจะนำคืนมาด้วยมนต์ รากยาโอสถ หรือทรัพย์ได้แม้กษัตริย์ทั้งหลายมีแว่นแคว้นมาก มีทรัพย์มาก มีโภคะมากมีทรัพย์และข้าวเปลือกมาก จะไม่ทรงชราและไม่สวรรคต ไม่มีเลยแม้กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คนจัณฑาล คนเทหยากเยื่อจะไม่แก่และไม่ตาย เพราะชาติของตน ก็ไม่มีเลย ชนเหล่าใดร่ายมนต์อันประกอบด้วยองค์ ๖ อันพราหมณ์คิดแล้ว ชนเหล่านั้นจะไม่แก่และไม่ตายเพราะวิชาของตน ก็ไม่มีเลย แม้พวกฤาษีเหล่าใดเป็นผู้สงบมีตนอันสำรวมแล้ว มีตบะ แม้พวกฤาษีผู้มีตบะเหล่านั้น ย่อมละร่างกายไปตามกาล พระอรหันต์ทั้งหลายมีตนอันอบรมแล้ว ทำกิจเสร็จแล้วไม่มีอาสวะ สิ้นบุญและบาป ย่อมทอดทิ้งร่างกายนี้ไว้.

    พระเจ้าวาสุเทพตรัสว่า
    เธอดับความกระวนกระวายทั้งปวงของเรา ผู้เร่าร้อนอยู่ให้หายเหมือนบุคคลดับไฟที่ราดน้ำมันด้วยน้ำนั้น ฉะนั้น เธอบรรเทาความโศกถึงบุตรของเราผู้ถูกความโศกครอบงำ ได้ถอนขึ้นแล้วหนอซึ่งลูกศร คือความโศกอันเสียบแทงแล้วที่หทัยของเรา เราเป็นผู้มีลูกศร คือ ความโศกอันถอนขึ้นแล้วเป็นผู้เย็น สงบแล้ว เราจะไม่เศร้าโศก ไม่ร้องไห้อีก เพราะได้ฟังคำของเธอ ชนเหล่าใดผู้มีปัญญา ผู้อนุเคราะห์กันและกัน ชนเหล่านั้นย่อมทำอย่างนี้ ย่อมยังกันและกันให้หายโศกเหมือนเจ้าชายฆฏะยังพระเชฏฐาให้หายโศก ฉะนั้น พวกอำมาตย์ผู้เป็นบริจาริกาของพระราชาใด ย่อมมีเช่นนี้ ย่อมแนะนำด้วยสุภาษิตเหมือนเจ้าชายฆฏะแนะนำพระเชฏฐาของตน ฉะนั้น.

    จบ กัณหเปตวัตถุที่ ๖.

    จาก... http://www.palungjit.org/thai/index.php?page=15&cat=26&u_sort=uptime&u_order=desc




    [​IMG][MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.280919/[/music][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2008

แชร์หน้านี้

Loading...