รวมเรื่องพระปัจเจกพุทธเจ้า ตอนที่ 14 พญาวานร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 10 เมษายน 2008.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047

    ต่อจากนี้ไปผมจะขอรวมรวบร่วมเรื่องเกี่ยวพระปัจเจกพระพุทธเจ้าและองนิสงค์เกี่ยวกับการทำการบุญกับพระปัจเจกและเพื่อรวบรวมเป็นความรู้ต่อไป



    <O:p</O:p
    [​IMG]



    จากการที่พระอุปคุปต์ได้รับลาภผลจากพญามารถึงจากพญามารถึงสามครั้งสามคราจึงถือว่า พระอุปคุปต์ทรงเป็นพระอนุพุทธมหาลาภและพระอุปคุปต์สามารถปราบมารได้ จึงได้ชื่อว่าพระปราบมารผู้ใดได้มีโอกาสหล่อพระอุปคุปต์ ถือว่ามีอานิสงส์สูง ไม่ขาดลาภผลทั้งชนะอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงตลอดกาล<O:p</O:p
    ก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพานได้มีพุทธดำรัสกับพระอานนท์ว่า ณ นครมถุราแห่งนี้ อีกสองร้อยปีข้างหน้าหลังที่พระพุทธองค์เสด็จสู่ปรินิพพานแล้ว จะมีคนขายน้ำหอมชื่อว่าคุปตะจะมีลูกชื่ออุปคุปต์ซึ่งจะได้เป็นอนุพุทธ ที่ปราศจากมหาปุริสลักษณะจะมาสืบสานงานของพระพุทธองค์ต่อไปคำเทศนาของท่านจะช่วยพระภิกษุเป็นอันมากเอาชนะกิเลสมารได้ จนเข้าถึงอรหัตผลทำให้พระอรหันต์เกิดขึ้นมีจำนวนมากมายซึ่งต่อไปพระอุปคุปต์องค์นี้จะเป็นเอตทัคคะในบรรดาธรรมกถึกทั้งหลายของพระพุทธองค์



    พระผู้มีพระภาคเจ้ายังได้มีพุทธทำนายกับพระอานนท์อีกว่าอีกร้อยปีนับแต่พระพุทธองค์เสด็จนิพพานแล้ว พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อศาณกวาสินให้สร้างวัดขึ้นที่ภูเขาอุรุมมุณฑะ และจะให้อุปสมบทแก่อุปคุปต์ นอกจากนี้แล้วที่นครมถุราแห่งนี้ จะมีนายช่าง ๒ คน เป็นพี่น้องกันชื่อ นาฏะกับ ภฏะจะได้สร้างวัดขึ้นที่ภูเขา

    อุรุมมุณฑะ มีชื่อว่า นฏภฏิกะ เป็นวัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) ที่วิเศษสุดทั้งเตียงและตั่งจะเหมาะสำหรับการเจริญวิปัสสนาธุระ

    พระอานนท์กราบทูลว่านับว่าวิเศษแท้ที่พระอุปคุปต์จะได้ทำสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นคุณแก่มหาชนซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่าเมื่อในอดีตชาติพระอุปคุปต์ก็ได้ทำการที่นี่เพื่อประโยชน์ของมหาชน ในอดีตนั้นมีสัตว์ต่าง ๆ เป็นอันมากดำรงชีพอยู่บนไหล่เขาทั้ง ๓ของภูเขาอุรุมมุณฑะพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ พระองค์อยู่ ณ ไหล่เขาแห่งหนึ่ง ฤาษี ๕๐๐ตน อยู่ ณ ไหล่เขาอีกแห่งหนึ่ง วานร ๕๐๐ ตัว อยู่บนไหล่เขาแห่งที่สาม

    วันหนึ่งพญาวานรและบริวารทั้ง ๕๐๐ ไปยังไหล่เขาที่พระปัจเจกพระพุทธเจ้าอาศัยอยู่เมื่อเห็น พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น พญาวานรบังเกิดศรัทธาปสาทะได้นำใบไม้ที่ตกหล่น รวมทั้งรากไม้และผลไม้ ไปถวายเมื่อ พระปัจเจกพุทธเจ้า เหล่านั้นเจริญสมาธิภาวนาพญาวานรได้กราบลงยังพระองค์ที่อาวุโสสูงสุดแล้วไปทางท้ายของพระองค์ที่อ่อนอาวุโสสุดแล้วพญาวานรนั่งสมาธิด้วยบ้างเหมือนกัน

    หลังจากนั้นไม่นานพระปัจเจกพุทธเจ้า ทั้งสิ้นได้เสด็จสู่มหาปรินิพานหากพญาวานรยังเอาใบไม้ที่ตกลงมาแล้ว รวมทั้งรากไม้และผลไม้ไปถวายพระคุณท่านอีกแต่เมื่อท่านไม่รับประเคน พญาวานรจึงไปจับชายจีวรแล้วจับเบื้องพระบาทแล้วจึงรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้นนิพพานเสียแล้ว พญาวานรเศร้าโศกเสียใจร้องไห้จึงไปยังอีกไหล่เขาหนึ่ง ซึ่งฤาษีทั้ง ๕๐๐ พำนักอยู่แล้วเข้าไปทำลายตบะวิธีของฤาษีที่ทรมานกายด้วยวิธีต่าง ๆเมื่อสำเร็จแล้วได้นั่งสมาธิต่อหน้าฤาษีเหล่านั้น

    ฤาษีรายงานการกระทำของลิงให้อาจารย์ได้ทราบ อาจารย์จึงแนะให้ฤาษีทั้ง๕๐๐ นั่งสมาธิ จนเข้าใจโพธิปักขยธรรมทั้ง ๓๗ ข้อและได้ตรัสรู้เป็น ปัจเจกพระพุทธเจ้าพระคุณเจ้าเหล่านี้ดำริว่า ตนได้บรรลุธรรมอันวิเศษสุด เพราะวานรตัวนี้จึงได้ปรนนิบัติพญาวานรด้วยรากไม้และผลไม้จนถึงกาลกิริยาก็ปลงศพให้โดยใช้ไม้หอมมาประชุมเพลิง

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระอานนท์ว่าพญาวานรตัวนี้คือพระอุปคุปต์ในอดีตชาติ ซึ่งเคยทำคุณแก่มหาชนบนยอดเขาอุรุมมุณฑะและอีกร้อยปีเมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานลวงไปแล้ว พระอุปคุปต์ก็จะมาทำประโยชน์ ณที่แห่งเดิมนี้อีก ดังนี้<O:p></O:p>

    พระอุปคุปต์ถือกำเนิดในตระกูลพ่อค้าน้ำหอมที่มีชื่อว่า คุปตะ ที่เมืองมถุราริมฝั่งแม่น้ำยมุนา เมื่อพระศาณกวาสินได้สร้างวัดบนภูเขาอุรุมมุณฑะแล้วได้มายังคฤหาสน์ของพ่อค้าน้ำหอมผู้นี้เนื่องด้วยทราบด้วยญาณว่าจะมีบุตรที่ชื่อว่าอุปคุปต์จะเป็นพระอนุพุทธเพื่อประกอบกรณียกิจขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านายคุปตะได้ให้คำสัญญากับ พระศาณวาสินว่า เมื่อใดที่มีบุตรจะให้บวชในพุทธศาสนา



    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    ต่อมาเมื่อนายคุปตะได้บุตรคนแรกชื่อว่า อัศวคุปต์พระศาณกวาสินได้ทวงถาม นายคุปตะยังไม่ยอมให้บวช ด้วยอ้างว่าจะต้องออกไปหาซื้อของจากเมืองไกล แต่เมื่อมีบุตรชายคนที่สองชื่อ ธนคุปต์พระศาณวาสินได้มาทวงถามอีก นายคุปตะก็อ้างว่าบุตรผู้นี้จะต้องเอาไว้ช่วยดูแลทรัพย์สินในเหย้าเรือนทั้งรับปากว่าเมื่อได้บุตรคนที่สามจะให้บวชอย่างแน่นอน

    เมื่อพ่อค้าน้ำหอมได้บุตรคนที่สามมีชื่อว่า อุปคุปต์เป็นเด็กน่ารักงดงาม มีรูปลักษณะที่ดี ก่อให้เกิดความยินดีแก่ผู้พบเห็นเมื่ออุปคุปต์เจริญวัยขึ้น ได้มาช่วยขายน้ำหอมอยู่ใน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2008
  2. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ตลาด พระศาณกวาสินเห็นว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว จึงมาทวงถามถึงสัญญา นายคุปตะเห็นว่าบ่ายเบี่ยงไม่ได้แล้วจึงกล่าวว่า เมื่อใดที่คนนี้ไม่เป็นผลทางกำไรหรือขาดทุนอีกแล้ว ก็จะอนุญาตให้บวช

    เมื่อเป็นเช่นนี้ พญามารผู้ที่ไม่ต้องการให้อุปคุปต์บวชได้บันดาลให้นครมถุราเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นทำให้ชาวเมืองพากันมาซื้อเครื่องหอมจากอุปคุปต์กันมากขึ้น ทำให้ขายดียิ่ง ๆขึ้นไปอีก พระศาณกวาสินได้ไปยังพระอุปคุปต์ซึ่งกำลังขายของอยู่ในตลาด แล้วถามว่า
     
  3. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    พระอุปคุตปราบพญามาร<O:p</O:p
    หลังจากบวชแล้วไม่นานพระอุปคุปต์ได้รับอาราธนาให้เทศนา ณ ธรรมศาลาข่าวได้แพร่ไปทั่วนคร
    มถุราว่าพระอุปคุปต์เถระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นพระอนุพุทธ จะแสดงธรรมคนหลายแสนจึงพากันไปสดับพระธรรมเทศนา

    พระอุปคุปต์ได้เข้าสมาธิสำรวจดูว่า ในสมัยพุทธกาลมีการประชุมแสดงธรรมเช่นไร จึงทราบว่าที่ประชุมตีวงเป็นอัฒจันทร์และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนพระสัทธรรมด้วยการเขยิบหัวข้อธรรมขึ้นจากง่ายไปหายาก พระเถระเจ้าจึงสอนธรรมด้วยวิธีเดียวกัน

    ในขณะที่พระเถระเจ้าเทศนาอยู่นั้นพญามารได้บันดาลให้ไข่มุกตกลงมาท่ามกลางที่ประชุมดังเม็ดฝนทำให้ผู้มาฟังธรรมถูกความโลภครอบงำ จนไม่มีใครสนใจในข้อสัจธรรมพระอุปคุปต์ได้พิจารณาก็ทราบว่า พญามารเป็นตัวการทำลายพุทธวิธีครั้งนี้ ในวันที่สองมหาชนมาชุมนุมคับคั่ง ด้วยคิดว่าขณะที่พระอุปคุปต์แสดงธรรมมีไข่มุกหล่าลงมาเมื่อพระอุปคุปต์กำลังจะบรรยายเรื่องอริยสัจ พญามารก็บันดาลให้ทองตกลงมาที่ประชุมทำให้จิตของผู้ที่กำลังน้อมเข้าหาสัจธรรมมีความผันแปรไป ไม่มีใครได้เห็นธรรมเลยครั้นถึงวันที่สาม มหาชนมาชุมนุมกันมากยิ่งข้น เพราะคิดว่า เมื่อพระอุปคุปต์เทศนาไข่มุกและทองจะตกลงมา ดังนั้น พอพระอุปคุปต์จะเริ่มอธิบายพระอริยสัจก็บังเกิดการแสดงของเหล่าเทพยดานางฟ้าออกมาร่ายรำผู้มาฟังธรรมก็หันไปสนใจดูและฟังเสียงพิณกันจนหมดสิ้น ไม่มีใครสนใจในธรรมอีกเลย

    พญามารพอใจมากที่สามารถดึงความสนใจในธรรมของหมู่ชนออกมาได้จนถึงกับเอาพวงมาลาไปคล้องคอพระอุปคุปต์ ท่านจึงกำหนดจิตเพ่งดูจึงทราบว่าทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของพญามาร และได้ทราบว่า พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธพยากรณ์ไว้ว่าเรื่องการปราบมารเป็นหน้าที่ของท่านและจะต้องทำให้พญามารหันมาสมาทานศีลสิกขาในพระศาสนาให้จงได้

    เมื่อพระอุปคุปต์กำหนดจิตสำรวจดูก็ทราบว่าถึงเวลาที่พญามารจะหันมาเข้าถึงพระศาสนาแล้วพระคุณเจ้าจงนำมาร่างมาสามร่าง เป็นร่างงูตาย ๑ สุนัขตาย ๑ และคนตาย ๑และเนรมิตร่างทั้งสามให้เป็นพวงมาลา แล้วไปหาพญามาร

    เมื่อพญามารเห็นพระอุปคุปต์ พร้อมด้วยพวงมาลาก็พอใจมากคิดว่าเอาชนะได้แล้วพญามารจึงปรากฏตนเพื่อให้พระเถระมอบดอกไม้ให้อย่างเหมาะสมพระอุปคุปต์จึงได้เอาร่างงูสวมศีรษะ ร่างสุนัขสวมคอและร่างคนใส่ไว้ที่หูพลางพูดเป็นคาถาว่า

    &middot; ดุจดังที่ท่านเอาพวงมาลามาสวมให้อาตมะซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับคนที่เป็นพระ อาตมะจึงเอาร่างทั้งสามนี้มาร้อยรัดท่านไว้ด้วยร่างดังกล่าวก็ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กระหายในกามเช่นกัน ฯ

    พญามารได้ยินดังนี้จึงพยายามเอาร่างทั้งสามออก แต่เพราะรับมาเองย่อมไม่อาจสลัดได้จึงบันดาลโทสะเหาะขึ้นไปบนอากาศและกล่าวว่า จะไปให้เทพเจ้าองค์อื่น ๆที่ทรงฤทธิ์ยิ่งกว่าเป็นผู้เอาออกให้

    พระเถระเจ้าจึงกล่าวว่า

    &middot; จงไปถือเอาพระอินทร์ พระพรหม เป็นสรณะเถิด จงไปลุยไฟและลุยน้ำแต่ร่างที่รัดคอท่านอยู่นั้น ที่จะแห้งเหี่ยวไปหรือแฉะขึ้น หรือหลุดจากคอท่านก็หาไม่ ฯ

    จากนั้นพญามารก็ไปหาเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ แต่ไม่มีเทพองค์ไหนสามารถช่วยได้ในที่สุด ก็ไปหาท่านท้าวมหาพระพรหม ซึ่งแนะนำว่า แม้อำนาจของท่านจะยิ่งใหญ่แต่ก็เทียบไม่ได้กับศากยบุตรของพระตถาคตเจ้า พญามารควรกลับไปยังพระอุปคุปต์เพราะทำอะไรไว้กับใครก็ต้องแก้กับคนนั้น

    พญามารจึงได้ตระหนักว่าศักดานุภาพของพระพุทธเจ้านั้นยิ่งใหญ่เหนือคณานับแม้ท้าวมหาพรหมยังเคารพนับถือพระธรรมที่สานุศิษย์ของพระพุทธองค์นำมาสั่งสอนจึงสำนึกได้ว่ามีแต่พระอุปคุปต์เท่านั้นที่จะแก้ปัญหาให้ตนได้ ทั้งยังมีขันติไม่ลงโทษตนเองแม้ว่าสามารถทำได้ตามใจปรารถนา พญามารจึงกลับไปหาพระอุปคุปต์เมื่อพบแล้วก็ก้มลงกราบแทบเท้าเพื่อขอขมา

    เมื่อพญามารละพยศลงแล้วก็หวนระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าตนได้เคยทำร้ายและทรมานต่างๆ นานาตั้งแต่ในวันที่จะตรัสรู้ใต้ต้นมหาโพธิ และที่อื่น ๆแต่พระพุทธองค์ไม่เคยโต้ตอบแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อพญามารรู้สึกสำนึกถึงโทษที่ตนเองได้กระทำไว้และขณะเดียวกันก็รู้สึกเลื่อมใสในคุณของพระพุทธองค์จึงได้ถามพระอุปคุปต์ถึงพระพุทธประสงค์ที่ทรงมีเมตตากรุณาต่อพญามารแม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้งทำร้ายต่าง ๆ นานา

    พระเถระเจ้าตอบว่า
     
  4. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    พระอุปคุตปราบพญามาร<O:p</O:p
    หลังจากบวชแล้วไม่นานพระอุปคุปต์ได้รับอาราธนาให้เทศนา ณ ธรรมศาลาข่าวได้แพร่ไปทั่วนคร
    มถุราว่าพระอุปคุปต์เถระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นพระอนุพุทธ จะแสดงธรรมคนหลายแสนจึงพากันไปสดับพระธรรมเทศนา

    พระอุปคุปต์ได้เข้าสมาธิสำรวจดูว่า ในสมัยพุทธกาลมีการประชุมแสดงธรรมเช่นไร จึงทราบว่าที่ประชุมตีวงเป็นอัฒจันทร์และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนพระสัทธรรมด้วยการเขยิบหัวข้อธรรมขึ้นจากง่ายไปหายาก พระเถระเจ้าจึงสอนธรรมด้วยวิธีเดียวกัน

    ในขณะที่พระเถระเจ้าเทศนาอยู่นั้นพญามารได้บันดาลให้ไข่มุกตกลงมาท่ามกลางที่ประชุมดังเม็ดฝนทำให้ผู้มาฟังธรรมถูกความโลภครอบงำ จนไม่มีใครสนใจในข้อสัจธรรมพระอุปคุปต์ได้พิจารณาก็ทราบว่า พญามารเป็นตัวการทำลายพุทธวิธีครั้งนี้ ในวันที่สองมหาชนมาชุมนุมคับคั่ง ด้วยคิดว่าขณะที่พระอุปคุปต์แสดงธรรมมีไข่มุกหล่าลงมาเมื่อพระอุปคุปต์กำลังจะบรรยายเรื่องอริยสัจ พญามารก็บันดาลให้ทองตกลงมาที่ประชุมทำให้จิตของผู้ที่กำลังน้อมเข้าหาสัจธรรมมีความผันแปรไป ไม่มีใครได้เห็นธรรมเลยครั้นถึงวันที่สาม มหาชนมาชุมนุมกันมากยิ่งข้น เพราะคิดว่า เมื่อพระอุปคุปต์เทศนาไข่มุกและทองจะตกลงมา ดังนั้น พอพระอุปคุปต์จะเริ่มอธิบายพระอริยสัจก็บังเกิดการแสดงของเหล่าเทพยดานางฟ้าออกมาร่ายรำผู้มาฟังธรรมก็หันไปสนใจดูและฟังเสียงพิณกันจนหมดสิ้น ไม่มีใครสนใจในธรรมอีกเลย

    พญามารพอใจมากที่สามารถดึงความสนใจในธรรมของหมู่ชนออกมาได้จนถึงกับเอาพวงมาลาไปคล้องคอพระอุปคุปต์ ท่านจึงกำหนดจิตเพ่งดูจึงทราบว่าทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของพญามาร และได้ทราบว่า พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธพยากรณ์ไว้ว่าเรื่องการปราบมารเป็นหน้าที่ของท่านและจะต้องทำให้พญามารหันมาสมาทานศีลสิกขาในพระศาสนาให้จงได้

    เมื่อพระอุปคุปต์กำหนดจิตสำรวจดูก็ทราบว่าถึงเวลาที่พญามารจะหันมาเข้าถึงพระศาสนาแล้วพระคุณเจ้าจงนำมาร่างมาสามร่าง เป็นร่างงูตาย ๑ สุนัขตาย ๑ และคนตาย ๑และเนรมิตร่างทั้งสามให้เป็นพวงมาลา แล้วไปหาพญามาร

    เมื่อพญามารเห็นพระอุปคุปต์ พร้อมด้วยพวงมาลาก็พอใจมากคิดว่าเอาชนะได้แล้วพญามารจึงปรากฏตนเพื่อให้พระเถระมอบดอกไม้ให้อย่างเหมาะสมพระอุปคุปต์จึงได้เอาร่างงูสวมศีรษะ ร่างสุนัขสวมคอและร่างคนใส่ไว้ที่หูพลางพูดเป็นคาถาว่า

    &middot; ดุจดังที่ท่านเอาพวงมาลามาสวมให้อาตมะซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับคนที่เป็นพระ อาตมะจึงเอาร่างทั้งสามนี้มาร้อยรัดท่านไว้ด้วยร่างดังกล่าวก็ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กระหายในกามเช่นกัน ฯ

    พญามารได้ยินดังนี้จึงพยายามเอาร่างทั้งสามออก แต่เพราะรับมาเองย่อมไม่อาจสลัดได้จึงบันดาลโทสะเหาะขึ้นไปบนอากาศและกล่าวว่า จะไปให้เทพเจ้าองค์อื่น ๆที่ทรงฤทธิ์ยิ่งกว่าเป็นผู้เอาออกให้

    พระเถระเจ้าจึงกล่าวว่า

    &middot; จงไปถือเอาพระอินทร์ พระพรหม เป็นสรณะเถิด จงไปลุยไฟและลุยน้ำแต่ร่างที่รัดคอท่านอยู่นั้น ที่จะแห้งเหี่ยวไปหรือแฉะขึ้น หรือหลุดจากคอท่านก็หาไม่ ฯ

    จากนั้นพญามารก็ไปหาเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ แต่ไม่มีเทพองค์ไหนสามารถช่วยได้ในที่สุด ก็ไปหาท่านท้าวมหาพระพรหม ซึ่งแนะนำว่า แม้อำนาจของท่านจะยิ่งใหญ่แต่ก็เทียบไม่ได้กับศากยบุตรของพระตถาคตเจ้า พญามารควรกลับไปยังพระอุปคุปต์เพราะทำอะไรไว้กับใครก็ต้องแก้กับคนนั้น

    พญามารจึงได้ตระหนักว่าศักดานุภาพของพระพุทธเจ้านั้นยิ่งใหญ่เหนือคณานับแม้ท้าวมหาพรหมยังเคารพนับถือพระธรรมที่สานุศิษย์ของพระพุทธองค์นำมาสั่งสอนจึงสำนึกได้ว่ามีแต่พระอุปคุปต์เท่านั้นที่จะแก้ปัญหาให้ตนได้ ทั้งยังมีขันติไม่ลงโทษตนเองแม้ว่าสามารถทำได้ตามใจปรารถนา พญามารจึงกลับไปหาพระอุปคุปต์เมื่อพบแล้วก็ก้มลงกราบแทบเท้าเพื่อขอขมา

    เมื่อพญามารละพยศลงแล้วก็หวนระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าตนได้เคยทำร้ายและทรมานต่างๆ นานาตั้งแต่ในวันที่จะตรัสรู้ใต้ต้นมหาโพธิ และที่อื่น ๆแต่พระพุทธองค์ไม่เคยโต้ตอบแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อพญามารรู้สึกสำนึกถึงโทษที่ตนเองได้กระทำไว้และขณะเดียวกันก็รู้สึกเลื่อมใสในคุณของพระพุทธองค์จึงได้ถามพระอุปคุปต์ถึงพระพุทธประสงค์ที่ทรงมีเมตตากรุณาต่อพญามารแม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้งทำร้ายต่าง ๆ นานา

    พระเถระเจ้าตอบว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2008
  5. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงกับคุณ teporrarit ที่ได้กรุณารวบรวมเรื่องราว
    ของพระปัจเจกพุทธเจ้านำมาเผยแพร่ เป็นสิ่งที่หาอ่านได้ยาก
    ขอเสนอแนะให้ทำลิ้งค์ไปยังกระทู้เก่า ที่เกี่ยวกับพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยก็จะดีครับ

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...