เล่าเรื่องบ้านสายลม ........ของหลวงพ่อ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 20 เมษายน 2008.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    [​IMG]


    เล่าเรื่องบ้านสายลม <O:p</O:p





    <HR align=center width="100%" color=white noShade SIZE=1>

    หากได้มีโอกาสไปฝึกอบรมกรรมฐานที่ห้องญาณ ๘ บนชั้น ๒ ที่ซอยสายลมครูเปี๊ยกมักจะเอ่ยชื่อ"หลวงตาแสง"อยู่เสมอ จึงอาจจะพาให้หลายๆท่านเกิดความสงสัยว่าท่านคือใคร ซึ่งหากได้อ่าน"เรื่องเล่า"นี้แล้วจะเข้าใจเอง...

    เล่าเรื่องบ้านสายลม
    โดย .... ลูกสาวท่านโกษา

    ได้อ่าน" เล่าเรื่องบ้านสายลม "โดย..ลูกสาวท่านโกษาในหนังสือธัมมวิโมกข์ฉบับที่๒๕๐ประจำเดือน มกราคม๒๕๔๕เอ่ยถึงความเป็นมาของบ้านสายลมก็เลยถือโอกาสนำมาลงให้ท่านที่ไปทำบุญหรือปฏิบัติพระกรรมฐานที่บ้านสายลมรุ่นใหม่ (ไม่เกี่ยวกับอายุ ) เช่นเดียวกับข้าพเจ้าที่ยังไม่ทราบความเป็นมาของซอยสายลมและบ้านสายลมว่ามีความเป็นมาอย่างไรเหมือนกันก็จะได้มีโอกาสรับทราบไปพร้อม ๆ กัน

    พุทธบริษัทลูกศิษย์เจ้าประคุณพระราชพรหมยานเถระส่วนใหญ่คงจะได้เคยไปกราบนมัสการ และทำบุญกับหลวงพ่อที่บ้านสายลมบ้างไม่มากก็น้อย บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ เคยโทรศัพท์มาติดต่อถามไถ่แต่ยังไม่เคยมาก็มี แต่ทุกคนก็รู้กันเป็นส่วนใหญ่ว่าบ้านเลขที่ ๙ ซอยสายลม ๑ เป็นสำนักในกรุงเทพ ฯของหลวงพ่อจึงจะขอเล่าประวัติของบ้านไว้ก่อนที่จะหายไปกับสายลมเหมือนชื่อซอย

    บ้านสายลมเป็นบ้านของพลอากาศโทหม่อมราชวงศ์เสริมศุขสวัสดิ์อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศและเจ้ากรมสื่อสารทหาร กับคุณเฉิดศรีหรือรู้จักกันทั่วไปในนามของคุณผู้เป็นภรรยาคุณอ๋อยซื้อที่นี้ไว้เมื่อกว่า ๕๐ ปีมาแล้วด้วยราคาตารางวาละ ๙ บาทเมื่อที่นี่ยังไม่มีรถเมล์ผ่าน ยังเป็นทุ่งนาบ้านที่สร้างตอนแรกมีลักษณะเป็นกระท่อมมากกว่า และเกือบจะเป็นบ้านหลังเดียวของซอยเล่ากันว่าเปิดวิทยุทีหนึ่งได้ยินเกือบถึงปากซอยความที่เงียบคุณอ๋อยกับเพื่อนบ้านเป็นผู้ไปปักป้ายหน้าซอยว่าซอยสายลมเพราะลมแรงจริง ๆ

    เจ้ากรมเสริมอย่างที่หลวงพ่อเรียกและคุณอ๋อยมีความเคารพหลวงพ่อเป็นอย่างสูงและเริ่มไปทำบุญกับหลวงพ่อที่วัดท่าซุงอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า๓๐ ปี(เจ้ากรมเล่าไว้ในหนังสืองานศพคุณอ๋อย)ถ้าใครไปวัดและข้ามไปด้านที่ติดกับแม่น้ำก็จะเห็นชื่อทั้ง ๒ท่านปรากฏอยู่ตามถาวรวัตถุอยู่ประปราย คุณอ๋อยเองพื้นเพเป็นชาวอุทัยแต่ก็ติดตามคุณพ่อซึ่งเป็นนายอำเภอและข้าหลวงหลายจังหวัดการได้ไปปฏิบัติธรรมและทำบุญที่วัดท่าซุงนั้นจึงเหมือนกลับไปเยือนบ้านเก่าด้วย

    ความดีที่ทั้ง ๒ ท่านเป็นผู้มีเพื่อนมากไม่ช้าท่านก็ชักชวนเพื่อนในวงการต่าง ๆ เข้ามากราบนมัสการหลวงพ่อมากขึ้นและการที่ท่านเป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาปสาทะในปฏิปทาของหลวงพ่อเป็นอย่างสูงจึงได้กราบอาราธนาหลวงพ่อให้เข้ามาสอนพระกรรมฐานและพักที่บ้านสายลมเป็นประจำกว่า ๓๐ปีมาแล้วนอกจากหลวงพ่อท่านจะเริ่มเข้ามาสอนพระกรรมฐานแล้วและพักที่บ้านสายลมเป็นประจำทุกเดือนแล้วบ้านสายลมยังเป็นที่วางจำหน่ายวัตถุมงคล หนังสือและเทปของหลวงพ่อแต่เพียงแห่งเดียวนอกจากวัดท่าซุง

    หลวงพ่อท่านเล่าว่าสถานที่นี้เคยเป็นวัดมาก่อนท่านเจ้าอาวาสสมัยนั้นมีนามว่าหลวงตาแสงและเดี๋ยวนี้ท่านก็ยังคงคุ้มครองดูแลอยู่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายจึงมักเรียกบ้านสายลมว่าวัดหลวงตาแสงหลวงตาแสงนั้นตามที่หลวงพ่อเล่าท่านบรรลุอรหัตผล ณ ทีนี้และยังมีอีกหลายองค์ที่ได้บรรลุมรรคผลในทีนี้หลวงพ่อท่านว่า ที่ใดก็ตามที่เคยเป็นวัดเคยมีผู้บรรลุมรรคผลที่นั่นจะทำกรรมฐานได้ผลดี เมื่อสมัยแรก ๆที่หลวงพ่อมาโปรดพุทธบริษัทที่นี่ ท่านจะทำบวงสรวงในวันเกิดท่านเจ้ากรมคือ วันที่ ๒เมษายน ต่อมาการบวงสรวงในเดือนเมษายนของทุกปีหลวงพ่อท่านจึงให้ถือเป็นวันไหว้ครูของบ้านสายลม

    เมื่อสมัยที่หลวงพ่อมาโปรดพุทธบริษัทที่บ้านสายลมใหม่ ๆนั้นตัวบ้านยังมีขนาดเล็กห้องที่เป็นห้องพระกรรมฐานนั่งกันได้ประมาณ ๒๐ คน ก็ชักจะแน่นๆ แล้วเวลานั้นคนเก่า ๆคงจะจำได้ว่า
    คุณอ๋อยจะเป็นต้นศรัทธาคอยดูแลควบคุมความประพฤติของบรรดาลูกศิษย์ให้ดูงามอยู่เสมอใครที่นั่งขัดสมาธิกับหลวงพ่อจะโดนคุณอ๋อยเอ็ดใครกิริยาวาจาไม่สุภาพเรียบร้อยจะถูกดุ ใครมีปัญหาหัวใจปรึกษาคุณอ๋อยได้ลูกศิษย์หลวงพ่อรุ่นแรก ๆ จึงไม่มีใครไม่รู้จักบ้านสายลมและเจ้าของบ้านคือเจ้ากรมเสริมและคุณอ๋อย

    หลวงพ่อท่านจะใช้คุณอ๋อยในการจัดการเรื่องธุรการต่างๆ ของวัดที่ต้องเนื่องกับทางโลกคุณอ๋อยก็จะใช้ลูกทั้ง ๕ คนซึ่งก็มีความศรัทธาและมีความเคารพต่อหลวงพ่อเช่นเดียวกันเป็นมือเป็นไม้รวมทั้งกลุ่มลูกศิษย์ลูกหาที่รับหน้าที่ไปตามความถนัดเจ้ากรมและคุณอ๋อยตลอดจนผู้ทำงานวัดจะมั่นในหลักที่หลวงพ่อสอนในเรื่องการรักษาสมบัติของสงฆ์และยึดเป็นสรณะในการทำงานถวายวัด

    งานวัดในสมัยแรก ๆ จะมีคุณอ๋อยเป็นหัวแรงตั้งแต่งานเล็กงานน้อย จนถึงงานใหญ่เช่นการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถพระลูกศิษย์หลวงพ่อจะมีความคุ้นเคยกับ" โยมอ๋อย "เป็นอย่างดีลูกศิษย์หลวงพ่อที่ไม่รู้จักบ้านสายลมและครอบครัวของเจ้ากรมกับคุณอ๋อยแทบจะไม่มี

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2009
  2. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    โยมอ๋อยติดตามหลวงพ่อไปโปรดพุทธบริษัทในที่ต่าง ๆเป็นแรงสำคัญในการที่หลวงพ่อไปให้กำลังใจทหารตามชายแดนทำพิธีทางศาสนาเพื่อบรรเทาเคราะห์ของประเทศชาตินำพุทธบริษัท
    ออกไปนมัสการพระอริยสงฆ์(ล่าพระอาจารย์)บ้านสายลมจึงเคยเป็นที่พักของพระอริยสงฆ์ นับตั้งแต่หลวงปู่คำแสนเล็กหลวงปู่คำแสนใหญ่ หลวงปู่ธรรมชัย หลวงปู่วงศ์ หลวงปู่ชุ่มนั้นท่านว่าเจ้ากรมและคุณอ๋อยเคยเป็นโยมท่านมาก่อน ท่านขอให้ถ่ายรูปร่วมกันไว้และเมื่อท่านมรณภาพก็ยังมาตั้งศพมาตั้งไว้ที่บ้านสายลมอยู่วันหนึ่งกล่าวได้ว่าการที่หลวงพ่อท่านมาโปรดพุทธบริษัทที่บ้านสายลมนั้นได้นำมงคลมาสู่บ้านสายลมเป็นเอนกอนันต์และบ้านสายลมก็ยังรับใช้
    พระพุทธศาสนาโดยยึดปฏิปทาหลวงพ่ออยู่อย่างต่อเนื่องและเหนียวแน่น
    ฝ่ายเจ้ากรมท่านเป็นผู้มีความรักทางวิชาการท่านศึกษาพระไตรปิฎก เมื่อมีปัญหาใดทางพุทธศาสนา ท่านก็จะกราบเรียนถามหลวงพ่อและไม่มีปัญหาใดที่หลวงพ่อตอบให้หายข้องใจไม่ได้เมื่อ
    ฟังท่านเทศน์และเล่าเรื่องเกร็ดทางศาสนาและความรู้พิดศษต่างๆ มากเข้าเจ้ากรม ฯ จึงอาราธนาให้หลวงพ่อท่านอัดลงเทปและเจ้ากรมก็ลงมือถอดเทปเองจัดพิมพ์เป็นหนังสือ และเพื่อตัดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์หลวงท่านจึงมอบลิขสิทธิ์หนังสือที่จัดพิมพ์ในตอนต้นทั้งหมดให้เจ้ากรมเจ้ากรมก็เอาเงินตัวเองลงทุนพิมพ์หนังสือจำหน่ายเงินที่ได้ก็ใช้เป็นทุนหมุนเวียนพิมพ์ต่อไปและถวายวัดสนับสนุนกิจการของโรงเรียนสุธรรมวิทยาเพื่อเป็นธรรมทานด้วย

    ต่อมาเมื่อคุณอรอนงค์ อรรถไกวัลวที</B>เพื่อนของคุณอ๋อยขออนุญาตหลวงพ่อนำหนังสือประวัติหลวงพ่อปานไปพิมพ์แจกในงานศพมารดาของเธอก็ปรากฏว่าเป็นที่สนใจของพุทธบริษัทในวงกว้าง
    ขึ้นอีกมากจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตและการขยายตัวของสำนักของหลวงพ่อที่ซอยสายลม

    เจ้ากรมกับคุณอ๋อยต่อเติมบ้านอีกหลายครั้งเพื่อให้พอรับกับศรัทธาที่หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็แคบเกินไปทุกที เมื่อคุณอ๋อยเจ็บหนักเมื่อปี ๒๕๑๙ ก่อนเสียชีวิตคุณอ๋อยได้กล่าวกับทางหลวงพ่อถวายบ้านสายลมให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเมื่อคุณอ๋อยสิ้นชีวิตไปแล้วเจ้ากรมก็ยังดำเนินตามแนวปฏิบัติแต่ดั้งเดิมมาโดยตลอดจนกระทั่งหลวงพ่อท่านมรณภาพไป

    เจ้ากรมและลูก ๆก็ได้กราบอาราธนาให้ท่านเจ้าอาวาสพระครูปลัดอนันต์พัทญาโณไปโปรดพุทธบริษัทเช่นเดียวกับที่หลวงพ่อเคยทำต่อเนื่องกันมาจนปัจจุบันอย่างไรก็ตามความที่มีพุทธบริษัทมาทำบุญปฏิบัติพระกรรมฐานกันมากขึ้นบรรยากาศเก่า ๆ ที่เคยมีคุณอ๋อยเป็นต้นศรัทธาดูแลทุกอย่างใครเข้ามาในบ้านสายลมจะต้องพบคุณอ๋อยก่อน ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาบ้านสายลมเป็นสาธารณะมากขึ้นลูกศิษย์ที่เข้ามาทำบุญไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของบ้านระเบียบวินัยถดถอยไปบ้างเมื่อเจ้ากรมสิ้นชีวิตลงในปี ๒๕๔๑ลูก ๆของเจ้ากรมก็พร้อมใจกันกราบยืนยันกับท่านเจ้าอาวาสว่าจะดำเนินตามปณิธานของท่านเจ้ากรมและคุณอ๋อยอยู่ต่อไปโดยให้บ้านเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

    อย่างไรก็ตามทางมูลนิธิพระมหาวีระ ถาวโรเห็นว่ากิจการบุญของวัดขยายกว้างขวางขึ้นและมีพุทธบริษัทมาทำบุญมากมายขึ้นทุกวันจึงได้ขอซื้อที่ดินที่ติดกับบ้านสายลม เพื่อสร้างอาคารที่ทำการของมูลนิธิและขยายที่ปฏิบัติธรรมออกไปให้เป็นสัดส่วนความจริงส่วนที่ซื้อใหม่นี้ก็เคยเป็นที่ดินของ
    คุณอ๋อยมาก่อนแต่ตัดขายออกไปเมื่อหลายสิบปีมาแล้วเพื่อนำเงินมาปลูกบ้านและก็เป็นส่วนหนึ่งของวัดหลวงตาแสงเช่นกัน

    ในการออกแบบอาคารนั้นม.ล.ภาวินี สันติศิริ ลูกสาวคนที่ ๔ของท่านเจ้ากรมได้จ้างสถาปนิกมาออกแบบเพื่อที่จะให้เข้ากับอาคารเดิมได้ดี โดยเธอเป็นผู้ออกเงินทำบุญเมื่อได้แบบมาแล้วก็กราบถวายท่านเจ้าอาวาสเพื่อมอบให้แก่มูลนิธินำไปดำเนินการก่อสร้างต่อไปในอาคารใหม่นี้จะมีห้องกรรมฐาน๒ ชั้นและมีพื้นที่จำหน่ายหนังสือและวัตถุมงคลโดยที่อาคารในที่เก่าก็ยังคงเก็บรักษาส่วนที่เป็นกุฏิดั้งเดิมของหลวงพ่อไว้รวมทั้งห้องพระใหญ่จะยังคงเป็นที่ที่ท่านเจ้าอาวาสใช้
    รับแขก และโปรดพุทธบริษัทตลอดจนเป็นที่พักของท่านและพระผู้ติดตามเช่นปัจจุบัน

    ในส่วนใช้สอยของเจ้าของบ้าน เนื่องจากอาคารเดิมสร้างมา๕๐ ปีแล้ว บรรดาลูก ๆ ของท่านเจ้ากรมและคุณอ๋อยจึงเตรียมใช้เงินของตัวเองในการปรับปรุงใหม่เสียก่อนที่จะพังทลายลงมาเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยได้ดีขึ้นโดยแต่ต้องรอหลังจากที่มูลนิธิสร้างอาคารใหม่เรียบร้อยแล้วเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนการปฏิบัติธรรมของลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งหลาย

    ฉะนั้นในไม่ช้านี้วัดหลวงตาแสงบ้านสายลมก็จะขยายออกไปให้บรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อมีที่ปฏิบัติพระกรรมฐานที่กว้างขวางสะดวกสบายขึ้นสมดังที่เจ้ากรมเสริมและคุณอ๋อยรวมทั้งลูก ๆ ตั้งใจปฏิบัติมาโดยตลอด....

    http://www.sitluangpor.com/pakinnaka/main.htm


    [​IMG]
    สามารถดูกำหนดการวัดท่าซุงและซอยสายลมได้ เว็ปพระรัตนตรัยตามนี้เลยนะครับ มีปฏิทิน ปี 2551

    http://www.praruttanatri.com/<O:p</O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2009
  3. Pongroch

    Pongroch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,479
    ขอโมทนาด้วยน่ะค่ะ กำลังคิดถึงความเป็นมาของบ้านวายลมอยู่เลยค่ะ
    ขอบคุณมากๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...