ไปงานศพอย่างไร ให้ได้กำไรกลับมา...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 30 สิงหาคม 2008.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    [​IMG]


    หลวงพ่อปานไหว้ศพ
    ตานี้เอาตอนต่อไปตอนนี้ก็ดีเหมือนกันตอนหลวงพ่อปานไหว้ศพ นี่ลูกหลานทั้งหลายน่ะก็เคยฟังกันมาแล้วนา เล่าให้ฟัง แต่ว่ามันเล่าแล้วก็หายไปนี่ คราวนี้มาเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อปานไหว้ศพประเพณีของหลวงพ่อปานแต่ความจริงท่านไม่ได้ทำเป็นประเพณีท่านทำด้วยจิตเลื่อมใสคำว่าประเพณีกับคำว่าเลื่อมใส มันไม่เหมือนกันนะลูกหลานฟังให้ดีนะ
    ทีนี้ว่ากันถึงการไหว้ศพ ไม่ว่าศพอะไรทั้งหมด จะเป็นศพเด็กศพผู้ใหญ่ ศพผู้หญิงศพผู้ชายก็ตาม เวลาเขานำมาที่วัด หลวงพ่อปานท่านก็คว้าธูปคว้าเทียน ถ้าเขามาตั้งเรียบร้อยแล้ว หยิบธูปหยิบเทียนห่มจีวรคลุมผ้าสังฆาฏิ ว่ากันเสียเต็มยศ แล้วท่านก็ไปไหว้ศพ พวกพระทั้งหมดสมัยนั้นนะ พระสมัยนั้นกับสมัยนี้ไม่ค่อยเหมือนกัน ฉันพูดพระสมัยนี้มันตื้อๆ เหมือนเรือเกลือยังไงไม่รู้ พระผู้หลักผู้ใหญ่ พระหัวหน้าจะทำอะไรไม่ค่อยดู บางทีเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
    แต่พระวัดไหนเขาดีบ้างฉันก็ไม่ทราบ เดี๋ยวนี้มันเห็นครูบาอาจารย์เป็นอะไรไปก็ไม่รู้ เห็นคนแก่คนเฒ่าพระเก่าพระแก่ก็ทำเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้แต่ว่าระบบของที่นั่นเขาคอยดูกัน มีพระคอยจ้องหน้าคอยจ้องดู ก็มีพวกฉันแหละไอ้ลิง 3 ตัวนี่ไอ้ลิงดำ ไอ้ลิงขาว ไอ้ลิงเล็ก เพราะเป็นลิงหน้าพลับพลาประจำ
    คอยสังเกตหลวงพ่อปานว่าหลวงพ่อปานจะขยับเขยื้อนอะไรก็ให้จังหวะแก่ เพื่อนบรรดาเพื่อนพระทั้งหลายก็พร้อมพรึ่บพรั่บทันที นี่เขาเตรียมกันไว้ยังงี้นาเขาไม่ได้คอยให้ครูบาอาจารย์มาตะโกนโวยๆ พระสมัยนิวเคลียร์นี่ไม่เป็นเรื่อง เป็นเหยื่อลุงพุฒิ(พระยายมราช) หมดไม่หมดก็เหลือน้อยเต็มที หรือว่าไงลุง..ฮึแกบอกว่าบวชน้อยๆน่ะบวชทันสมัยน่ะทุกรายแหล่ะ

    บวชซื้อนรก
    บวชแบบทันสมัยนี่ทุกรายฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ฆ่าวัว ฆ่าควาย บวชกินเลี้ยงทุกราย ถ้าไม่ทำความดีรีบหนีละก็เสร็จ ลงอเวจีเป็นแถว ฟังให้ดีเวลาพระพุทธเจ้าท่านบวชท่านไม่ได้มีแห่นะ เวลาที่ใครไปบวชกับท่านก็ไม่มีพิธีรีตองมาก ท่านเรียกเอหิภิกขุอุปสัมปทาว่าเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด เท่านี้แหละ เอหิภิกขุนะ เธอจงเป็นภิกษุมาเถิดเท่านี้ ต่อมาให้ถึงติสรณคมน์ ก็ให้ว่าพุทธัง ธัมมัง สังฆังก็เป็นอันบวช ต่อมาให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ให้มีพระคู่สวด พระอันดับก็ไม่มีแห่อะไร ไม่ต้องทำพิธีมาก ที่ทำกันมากน่ะนอกเรื่องนอกราว ไม่เกี่ยวกับพระศาสนาทำเลี้ยงต้องเลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้ง ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่บาปมันมากกว่าบุญ จะไปสวรรค์กันได้ยังไง พวกแบบนี้เขาเรียกว่าลงทุนซื้อนรก
    เวลาบวชเข้าไปแล้วก็ไม่ปฏิบัติหรอกนะ อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ไม่เอา ไปคุยกันถึงเรื่องสาวบ้านนี้ จะทำงานบ้านโน้นจะหาลาภอย่างนี้จำร่ำรวยอย่างนั้น อยากจะได้ยศแบบนี้ ยศขั้นนั้นหมดไปนรกหมดไม่เหลือ บวชแล้วไม่ได้เป็นพระหรอก เป็นพระแต่หัวกับผ้าเหลือง ใจไม่ได้เป็นพระ
    พระที่เขาบวชต้องถือ นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตังกาสาวัง คะเหตวา หรือว่าคำขอบรรพชาแบบธรรมยุตขึ้นต้นก็ขอพระนิพพานเลย เป็นอันว่าจิตเราจะบวชเพื่อพระนิพพานอย่างเดียวบวชเข้าไปแล้วก็เริ่มปลดอารมณ์ อารมณ์ที่เป็นฆราวาสทั้งหมดเริ่มปลดลง ไปปลดมันขาดไปไม่ได้ก็ยับยั้งไว้ชั่วขณะก็ยังดี อย่างนี้เรียกว่าบวชเล็กถ้าปลดได้เลยเป็นบวชใหญ่
    ถ้าบวชสะสมทรัพย์ บวชปรารถนายศถาบรรดาศักดิ์ เสร็จแล้วก็เมายศด้วย ลุงพุฒิว่าไง แกบอกว่าตอบแล้วนี่เมื่อวาน เสร็จทุกราย ที่ใครได้ยศแล้วไม่เมายศ มีลาภแล้วไม่เมาลาภยังดี ได้ยศแล้วเอายศวางเสียเวลาใช้ค่อยใช้กัน ไม่ถึงเวลาใช้ก็วางเก็บไว้ก่อน มีลาภสักการะก็ทำเป็นสาธารณประโยชน์แล้วก็เลี้ยงตัวพอสมควร เหลือก็เอาไปทำในส่วนที่เป็นสาธารณประโยชน์
    ในเมื่อมีศพทุกศพ หลวงพ่อปานท่านถือดอกไม้ธูปเทียน พาดสังฆาฏิ ทำกันเต็มยศ ท่านไม่ชวนใคร
    ไม่ตีระฆัง ท่านก็ลงไปที่ศาลาไหว้ศพพระทั้งหมดพอศพมาก็ต้องเตรียมผ้าสังฆาฏิ เหมือนกันไม่ต้องบอกกัน
    เห็นหลวงพ่อปานลุกจากหน้ากุฏิ กุฏิท่านอยู่ลึกเข้าไปศาลาอยู่อีกด้านหนึ่ง มายืนจุกกันอยู่ทางปากทางหมด พอหลวงพ่อปานเดินออกหน้าต่างคนต่างเดินเรียงกันตามลำดับอาวุโสไม่ใช่ตามสำดับยศไอ้ยศน่ะ
    พระศาสนาเขาไม่ใช้หรอก ไม่ใช่เรื่องของพระพุทธเจ้าในศาสนานี้ถืออาวุโสเป็นสำคัญ ยศไม่เกี่ยว เป็นเรื่องข้างนอก ยศเป็นโลกธรรมไม่ใช่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงยกย่อง ไม่ใช้ ผิด
    เมื่อเดินกันตอมลำดับอาวุโสไปถึงหน้าศพ หลวงพ่อปานก็จุดธูปเทียน พวกพระก็จุดบ้าง หลาวงพ่อปานกราบ พระก็กราบบ้างกราบแล้วท่านนั่งเฉย ประเดี๋ยวพระก็นั่งบ้างเวลาท่านลุกกลับก็กลับบ้างคนอื่นเขานึกยังไงฉันไม่รู้ สำหรับตัวฉันไม่รู้หรอกเห็นท่านกราบก็กราบ เห็นท่านนั่งก็นั่ง เห็นท่านกลับก็กลับ อย่างนี้เรียกว่าขึ้ตามช้างกราบแบบนี้ประมาณ 10 ศพ


    [​IMG]

    ยายฟู
    คราวหนึ่งยายฟูแกตาย ยายฟูนี่น่ะเป็นคนที่มาทำงานวัดทุกวัน มาดายหญ้า บ้างถูกฏิบ้างอะไรบ้างตอนเย็นแกก็กลับรู้สึกว่าตอนนี้แกไม่เอางานบ้านเลย แกสนใจอยู่กับวัด เป็นคนรับใช้หลวงพ่อปาน ทำอาหารการ บริโภค ทำครัว ถูกุฏิ กวาดวัดมีเรื่องตักน้ำตักท่าจิปาถะ ยายฟูนี่เอาทุกอย่าง แต่ว่าฉันเห็นว่าแกแก่ แล้วฉันก็ไปช่วยแกถ้าเวลาแกตักน้ำฉันก็คว้าหาบไปช่วยแก บอกแกว่าน้าฟูไม่ต้องทำน้าฟูแก่แล้วทำตรงนี้ทำตรงเบาๆ ตรงหนักๆนี่ฉันทำแทนสงสารแกตอนนั้นเห็นแกมีน้ำใจดี แล้วหลวงพ่อปานก็เรียกยายฟูว่า อีฟู จะธุระอะไรก็อีฟูแต่ฉันเรียกน้าฟู
    พอยายฟูตายเขานำศพยายฟูจากบ้านมาขึ้นศาลา หลวงพ่อปานก็พาดสังฆาฏิอีกแล้ว ไม่ต้องห่วงละกี่ร้อยศพก็ทำแบบนี้ แบบนั้นตอนที่ฉันเป็นหัวหน้าพระ ฉันก็ทำตามท่านเสมอแต่ตอนนี้ขึ้นมาสายเหนือนี่ทำไม่ได้หรอก ไม่เห็นเขาเอาท่าเอาทางกันนี่เขาไม่เอาไหนกันเลยนะเขาเอาอย่างเดียว บังสุกุลมาติกาหาสตางค์กินเท่านั้นส่วนสาธารณประโยชน์ เขาก็ไม่ค่อยทำกันพระสายเหนือนี้เขามีอุเบกขาบารมีดีมากไม่เอาไหนหรอก
    เรื่องธัมมะธัมโมนี่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยสนใจกัน พระสายเหนือนี้เขามีอุเบกขาบารมีดีมากไม่เอาไหนหรอก
    เรื่องธัมมะธัมโม นี่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยสนใจกัน ไม่ค่อยตรงกับพระไตรปิฎกไปๆมาๆเขาบอกว่าทำเป็นประเพณี ไปก็ดีเหมือนกันนะลุงนะเสร็จลุงพุฒิบอกแบบนี้เสร็จ จดแหง ไม่ได้จดหรอกมันขึ้นเองลุงพุฒินั่งยิ้มวันนี้มานั่งพูดตรงนี้นะ หลวงพ่อท่านยิ้มใหญ่บอกเออ..พูดไปพูดไปท่านว่ายังงั้นตรงนี้ดีว่ะ ท่านว่ายังงั้นตอนฉันอยู่น่ะท่านก็พูดยังงี้เหมือนกันไอ้ลิงดำเอ๊ยอย่างนี้ดีว่ะ อย่างนี้ไม่ค่อยดีนะ ไอ้ลิงดำเอ็งอย่าทำยังงี้นาอย่างนั้น เอ็งอย่าทำนะฮื่อ..แล้วท่านว่าไงแกขโมยอะไรข้าบ้าง แกก็บอกเขาด้วยนะแน่ะมาซ้อม ไว้นี่มันสั่งไว้เดี๋ยวนี้เอง
    แกขโมยอะไรข้าบ้าง แกบอกให้ชาวบ้านเขาฟังไว้นะ แกอย่างไปปกปิดเขานา แล้วก็ยิ้มหัวเราะชอบใจ หลวงพ่อท่านใจดีปกติ ท่านใจดีเสมอท่านสงเคราะห์ฉันอยู่เสมอ แต่ฉันก็เป็นลูกศิษย์หัวรั้นไม่ใช่เล่นเหมือนกันแบบฉันนี่อย่าตามมันนักนา ถ้าจะตามก็ตามแบบดีแบบเลวอย่างตามนะมันไม่เกิดประโยชน์
    ต่อไปพอศพยายฟู มาก็ไปกันตามเดิมหลวงพ่อปานท่านก็กราบ กราบแล้วท่านก็นั่งเฉยๆนั่งตามแบบฉบับซีตอนนั้น ท่านนั่งปลงแต่ฉันไม่ได้ปลงหรอกฉันไม่รู้นี่ ท่านนั่งฉันก็นั่งมั่งซี ท่านหลับตาฉันก็ทำตายิบๆๆๆ กลัวท่านจะลุกมาแล้วฉันไม่รู้กลับเป็นกระต่าย พอท่านนั่งเสร็จแล้วท่านลืมตาขึ้นมาฉันหรี่ตาไว้นี่ ทำไมฉันจะไม่รู้ท่านลืมตา

    [​IMG]

    ไหว้สัจธรรมของพระพุทธเจ้า
    ฉันเลยถามว่า หลวงพ่อขอรับก็ยายฟูน่ะเวลามีชีวิตอยู่ หลวงพ่อเรียกอีฟูแล้วเวลายายฟูตายหลวงพ่อ มากราบทำไม ขอรับท่านหันมามองแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็มองพระทุกองค์คล้ายๆ กับท่านจะถามในใจของท่านว่าพระทุกองค์น่ะ คิดเหมือนไอ้ลิงดำหรือเปล่า ท่านก็บอว่าไอ้ลิงดำที่มาไหว้ศพน่ะ เขามาไหว้สัจธรรมของ พระพุทธเจ้านะ
    คำว่าสัจธรรมน่ะ เป็นแบบนี้คือว่าพระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า ร่างกายของคนน่ะอย่าพูดเลยว่าขันธ์ 5 มันยุ่งเปล่าๆขันธ์ห้าขันธ์เห้ออะไรนี่ยุ่งมันฟังยากขันธ์น่ะแปลว่ากองไม่ใช่ภาษาไทยเสียอีกเอาร่างกายก็แล้วกันร่างกายของคนและสัตว์ นี่น่ะมันเป็นอนิจจังมีสภาพไม่เที่ยง เวลาอยู่ก็เป็นทุกข์ ทุกขังแต่ในที่สุดก็ เป็นอนัตตาคือตายใครบังคับบัญชาไม่ได้ เวลาที่เรามาไหว้กันนี่ เขาไหว้พระสัจธรรมของพระพุทธเจ้าเวลากราบลงไปเขากราบพระพุทธเจ้ากันนะ
    ทีแรกกราบ พระพุทธเจ้า ว่าพระพุทธเจ้าเทศน์นี่น่ะถูกทรงเทศน์ไว้ตรง ข้าพระพุทธเจ้าขายอมรับนับถือ ขอเอาธรรมข้อนี้หรือคำสอนตอนนี้ไปคิดเป็นประจำใจ จะได้เป็นคนไม่ประมาทตกอยู่ในคุณธรรมชั้นสูง เป็นมรณานุสสติกรรมฐาน แล้วก็กราบลงไป
    ครั้งที่ 2 ก็นึกถึง พระธรรม คำสั่งสอนที่พระองค์ทรงหลั่งไหลออกมาจกาพระโอษฐ์ เหมือนดอกมะลิแก้วเพราะแพรวพราวไปด้วยความจริง แพรวพราวไปด้วยคำประเสริฐ นี่พระธรรมที่หลั่งไหล ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เป็นของจริงเป็นของประเสริฐ ทำบุคคลทั้งหลายไม่ให้เมามันให้เข้าถึงความสุข
    กราบครั้งที่ 3 พระสงฆ์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่ท่านอุตส่าห์ร้อยกรองพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้ว ไม่ปล่อยให้อันตรธานสูญไป รวบรวมเข้าไว้นี่กราบความดีของพระ 3 พระนา เขาไม่ได้กราบผีกราบศพ แกจะเห็นว่าคนที่ตายแล้วฉันมากราบแม้แต่เด็ก ฉันก็กราบนี่ความจริงฉันไม่ได้กราบเด็ก ไม่ได้กราบคนตาย ฉันกราบพระพุทธกราบพระธรรมกราบพระสงฆ์

    ไปงานศพให้ได้กำไรกลับมา
    และเอาคนตายนี่เป็นครูฉัน ว่าเขาเกิดมาแล้วตายจริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัส แล้วท่านก็หันมาถามว่า
    "เออ..เจ้าลิงดำแล้วเองกราบอะไร"
    ก็เลยกราบเรียนท่านว่า "ที่ผมกราบไม่ใช่กราบอะไรหรอกครับหลวงพ่อผมก็กราบผี"
    ท่านก็เลยถามว่า "นี่ล่อมากี่ผีแล้วพ่อคุณ?"
    บอกว่า "สิบกว่าผีแล้วขอรับ"
    ท่านว่าแล้วกันไอ้ลิงดำ กราบผีเข้าให้แล้ว ดีเหมือนกันไอ้คนอย่างแกมันก็โง่น้อย ไม่ใช่โง่มาก หมายความว่าโง่แล้วพอพูดแล้วมันก็เกิดความฉลาด โง่น้อยยังดีกว่าไอ้คนโง่แล้วไม่พูดไม่ถามพูดแล้วก็ยิ้มๆ มองกวาดไปทางพระองค์อื่น บอกว่า ไอ้ที่โง่แล้วไม่ถามมันอาจจะมีเยอะนา ในกลุ่มที่นั่งนี่น่ะ บวชก่อนพวกแกตั้ง 10พรรษา 20 พรรษาก็มีเข้าใจกันหรือ เปล่าฉันทำให้ดูไม่เข้าใจ ก็ถามซิถ้าไม่ถามขี้ตามช้างมันก็ดีเหมือนกัน แต่ประโยชน์น้อยเอาเถอะ ก็ดีทีนี้ท่านก็เลยบอกว่าการกราบศพเขากราบคุณพระรัตนตรัย กราบสัจธรรมของพระพุทธเจ้า
    ทีนี้เวลาเผาศพก็เหมือนกันนะ อย่างตั้งหน้าตั้งตาเผา เขาเวลาเราไปเผาศพก็เผากิเลสในใจของเรา เสียด้วยกิเลสส่วนใด ที่มันสิงอยู่ที่เราคิดว่าเราจะไม่แก่ไม่เจ็บ ไม่ตายน่ะเผามันเสียให้หมด ไปเราคิดว่าวันนี้เราเผาเขาไม่ช้า เขาก็เผาเราคนเกิดมา แล้วมาตายอย่างนี้ เราจะเกิดมันทำไม ต่อไปข้างหน้าเราไม่ เกิดดีกว่าเราไปพระนิพพานนั่นละดีที่สุด
    เรื่องอัตภาพร่างกายสิ่งที่มีชีวิต หรือไม่มีชีวิตไม่มีอะไรเป็นความหมายไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง ตายแล้วหาสาระหาแก่นสาร ไม่ได้หาประโยชน์ไม่ได้ นี่ท่านสอนอย่างนี้ ก็จำไว้นะลูกหลาน เผาผีก็มุ่งไปนิพพาน ไปกราบศพ ไปเคารพศพ ก็ไปนิพพาน อย่าทำกันเป็นประเพณีนะ ประเพณีที่เขาจัดทำทำไปเถอะ แต่ใจอย่าเป็นประเพณีไหนๆก็ลงทุนเสียเวลา ไปในงานศพแล้วเอากำไร กลับมานะเอากำไรกลับมา
    คิดว่าเราต้องตายอย่างเขา เมื่อเขาอยู่ก็มีทุกข์อย่างเรา เราเกิดอย่างเขาเราก็แก่อย่างเขาเราป่วยไข้ ไม่สบายอย่างเขา เราจะต้องตายอย่างเขาถ้าหากว่าเราจะต้องตาย อย่างนี้จะต้องป่วยอย่างนี้ต้องลำบากอย่างนี้ต้องมีอาการเปลี่ยนแปลง อย่างนี้เราจะเกิดมันทำเกลืออะไร..

    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 1



    ขออุทิศบุญกุศลทั้งให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของนางอุไรรัศมีทองและอุทิศให้กับตระกูลยางรอด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC03317.jpg
      DSC03317.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.2 KB
      เปิดดู:
      15,785
    • 741360.gif
      741360.gif
      ขนาดไฟล์:
      78.8 KB
      เปิดดู:
      3,921
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2009
  2. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...
     
  3. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ผู้ถาม : เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...........?
    หลวงพ่อ : การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปี ๆ บุญก็ยังมีอยู่ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปี ก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย ไม่ใช่เราทำบุญแล้ว เดี๋ยวเดียวมันหายไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ
    ผู้ถาม :แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ...?
    หลวงพ่อ : ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ว่าเราจะให้เขาหรือไม่ให้ การอุทิศส่วนกุศล นี่นะ ถ้าเราไม่ให้ เราก็กินคนเดียวใช่ไหม..... ทีนี้ถ้าเราให้เขาของเราก็ไม่หมดอีก ส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าช้างของมหาเศรษฐี เวลาที่ท่านทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ ท่านก็สงสัยว่าการแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ท่านรับบาตรนะ ท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า

    "สมมุติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย คนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง ก็มาขอต่อไฟที่คบของโยมแล้วคบทุกคนสว่างไสวหมด อยากทราบว่าไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม....?
    ท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ
    แล้วท่านก็บอกว่า "การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน ให้เขา เขาโมทนา แต่บุญของเราเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์"


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ




    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  4. pommaibike

    pommaibike เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +115
    [​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...
     
  5. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,012
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรมของสรรพสัตว์ทั้งหลาย สาธุ
     
  6. civil60

    civil60 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +60
    นิพพานนังปรมังสุขขัง
     
  7. ธรรมะปรมัติ

    ธรรมะปรมัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +114
    โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ต่อไป เวลาไปงานศพ จะได้ไปแบบมีคุณค่ามากกว่าเดิมครับ
     
  8. อารมณ์สุนทรีย์

    อารมณ์สุนทรีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +1,740
    นิพพานัง ปรมัง สุขัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...