ทำไมต้องสร้างวัดให้สวย...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 24 ตุลาคม 2008.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]



    เจดีย์พุดตาน
    <O:p</O:p
    ท่านสาธุชนพุทธบริษัทหลาย วันนี้ตรงกับวันที่ 23 พฤศจิกายน 2534 เมื่อตอนเช้าเวลาประมาณ 9 นาฬิกาเศษๆ หลังจากทำงานจากหนังสือแล้วก็นอนพัก พอพักเริ่มภาวนา ก็มีพระท่านมาบอกว่า<O:p</O:p
    เรื่องการสร้างเจดีย์ก็ดี สร้างองค์ปฐมก็ดี สร้างวิหารองค์ปฐมก็ดี ทั้งหมดนี้ ควรจะทำเป็นหนังสือไว้เพื่อลูกหลานจะได้มีความเข้าใจว่าสร้างทำไม ก็ขอนำเรื่องนี้มาคุยกัน อันนี้ไม่มีตารานะ คุยแบบธรรมดาๆ<O:p</O:p
    การสร้างเจดีย์ พุทธบริษัทและลูกหลานทุกคน โปรดทราบว่าเมื่อต้นปี 2534 ตอนนั้นกำลังป่วยมาก เวลานี้ก็ป่วยมาก แต่ว่าการป่วยคราวนั้นต่างกับเวลานี้ ถ้าถึงเวลา 4 โมงเย็นมันจะเริ่มอาเจียน แล้วก็อาเจียนเรื่อยไปจนถึง 5 ทุ่ม หลังจาก 5 ทุ่มแล้วจึงนอนได้ เป็นอย่างนี้ทุกวัน <O:p</O:p
    การฉันอาหารก็ฉันไม่ได้มาก บางทีพอกินน้ำไปแก้วหนึ่งก็อาเจียนไป 3 แก้ว ท้องก็ผูก แล้วต่อมาก็โรคความดันสูงถึง 160 และก็มีน้ำในปอด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างนี้เป็นต้น ได้รับการทามานทางร่างกายอย่างหนัก<O:p</O:p
    แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธทั้งหลาย ไม่มีใครเคยคิดว่าเนื้อแท้จริงๆ ทำไมอาตมาจึงทำการก่อสร้าง ถ้าพูดถึงการก่อสร้างแล้ว เบื่อจริงๆ เวลานี้อยากหยุดทุกอย่างเพราะว่าทั้งแก่และทั้งป่วย แต่ว่าในขณะนั้นมีวันหนึ่งตอนต้นปี ขณะที่เจริญภาวนาอยู่ ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ เป็นที่พอใจเป็นสบายแล้วก็กลับพื้นที่<O:p</O:p
    เมื่อกลับพื้นที่ พอจะถอนจากสมาธิ ก็พอดีเห็นพระท่านมา ท่านบอกว่า คุณยังตายไม่ได้นะ<O:p</O:p
    ความจริงเวลานั้นหรือเวลานี้ก็ตาม อยากตายเต็มที ถ้าตายเมื่อไรก็มีความสุขเมื่อนั้น เพราะมีบ้านอยู่ แต่ก็ลองอยู่คราวหนึ่งถอยหลังจากนี้ไป 20 วันเศษๆ จะไปจริงๆ ประตู บ้านถูกปิดเข้าเขตบ้านไม่ได้ เขาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ก็ลำบากเหมือนกัน ก็ต้องกลับมานั่งทุกข์ทรมานคุยกันอยู่นี่แหละ<O:p</O:p
    ก็เป็นอันว่า พระท่านบอกว่า<O:p</O:p
    วัดยังไม่เสร็จ ยังตายไม่ได้ ประการที่สอง ทุนสำหรับบำรุงและพระสงฆ์ภายหลัง ถ้ายังมีไม่พอยังตายไม่ได้<O:p</O:p
    อย่างอื่นไม่สำคัญ แต่เรื่องทุนจะเกณฑ์ใครเขา ต่างคนต่างก็มีทุกข์ ทุกคนต่างธรรมดาหากิน พอบ้างไม่พอบ้าง ที่เหลือกินเขาก็มี เขาจำเป็นต้องกิน ต้องเก็บไว้ใช้บ้าง<O:p</O:p
    และท่านบอกว่า วัดยังขาดเจดีย์ คุณอย่าคิดนะว่าวัดนี่ทำครบถ้วนแล้วตามความประสงค์ของฉัน<O:p</O:p
    อย่าลืมนะว่าวัดนี่ทำครบถ้วนแล้วตามความสงค์ของฉัน<O:p</O:p
    อย่าลืมนะบรรดาท่านพุทธบริษัท วัดท่าซุงที่สร้างขึ้นนี้ไม่ได้สร้างตามความประสงค์ของอาตมา อาตมาเองหนีการก่อสร้างมาจากวัดบางนมโค เบื่อการสร้าง หวังจะหาอยู่ที่สงัด<O:p</O:p
    เมื่อเห็นวัดท่าซุงมีสภาพเหมือนวัดร้าง ก็คิดว่า วัดอย่างนี้ไม่ค่อยมีคนมา เราจะสร้างกุฏิสักหลังเดียวแบบกระต๊อบเล็กๆ ก็สบายใจแล้ว แต่ที่ไหนได้ นั้นเป็นความประสงค์ของอาตมา<O:p</O:p
    ต่อมาก็กลายเป็นความประสงค์ของพระ พระท่านมากะเนื้อที่ว่าต้องสร้างให้เต็มตามบริเวณ มีเนื้อที่เท่านั้น สร้างรูปอย่างนั้น สร้างรูปอย่างนี้ เวลานี้สตางค์ก็ไม่มี เงิน 100 บาทยังไม่เคยติดกระเป๋า<O:p</O:p
    จึงได้ถามว่า จะสร้างได้อย่างไร...?<O:p</O:p
    ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ฉันจะช่วยหาสตางค์<O:p</O:p
    ในเมื่อท่านรับปากจะช่วยก็บอกรับว่า เมื่อมาถึงขั้นนี้ มันก็ใกล้จะเสร็จ ยังขาดอยู่วิหาร 25 ไร่ ยังไม่ได้ทาสีทางเดินรอบ 100 ไร่ยังไม่ประจบกัน ถึงอย่างไรก็ดี ก็ต้องพบกันจนได้ ค่อยๆ ทำไปจนเสร็จ ถ้ายังไม่ตาย<O:p</O:p
    ท่านบอกว่า ที่คุณคิดว่าเสร็จ มันก็ยังไม่เสร็จ กุฏิไม้ที่สร้างไว้นครั้งก่อนหลังโบสถ์ ให้รื้อขึ้นมาเป็นคอนกรีตให้หมดจะได้ไม่พัง และอีกประการหนึ่ง วัดต้องมีเจดีย์ เลยชี้ให้ท่านดูยอดวิหารว่า วิหารหรือมณฑปทุกหลังมียอดทั้งหมด คล้ายเจดีย์อยู่แล้ว ท่านบอกว่า นั้นมันยอดวิหารยอดมณฑปใช่เจดีย์ คุณต้องสร้างให้ครบถ้วน<O:p</O:p
    ก็เลยถามว่าจะสร้างที่ไหน ผมไม่มีที่จะสร้าง ท่านบอกว่า สร้างที่ 100 ไร่ก็ได้ เลยกราบเรียนท่านบอกว่า ถ้าที่ 100ไร่ไม่สร้าง ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะว่าที่ 100 ไร่ปลูกต้นไม้ไว้เต็ม ต้องการให้เป็นป่า เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของคนและสัตว์ วันแรกตกลงกันไม่ได้ ท่านกำหนดเจดีย์ใหญ่มาก และก็สูงมาก<O:p</O:p
    ต่อมาวันที่สองมาใหม่ ในเวลาเดียวกัน คือเวลาประมาณเกือบตีสี่ เลิกเจริญกรรมฐาน ท่านมาพูดอีกทีอาตมาก็ไม่ยอมรับว่า ถ้าจะให้ผมซื้อที่ใหม่ ผมไม่ซื้อ ที่ที่เหมาะสมที่จะสร้างเจดีย์ไม่มี ถึงอย่างไรก็ตาม เจดีย์ขนาดใหญ่นั้นผมไม่ทำแน่นอน ท่านก็นิ่งแล้วท่านก็กลับไป<O:p</O:p
    คืนที่สามท่านมาใหม่ ท่านบอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน องค์ใหญ่ไม่ต้องทำ แต่ให้ทำองค์เล็กๆ แต่ต้องราคาแพงถามท่านว่าราคาเท่าไร ท่านบอก ไม่รู้ละ ฉันหาให้ทันก็แล้วกัน เรื่องราคาไม่แน่นอน เพราะของมันจะขาด ของมันจะขึ้นราคาภายหน้า ไม่ช้าของจะขาดมือลง ในท้องตลาดราคาจะสูงขึ้น ถ้ากำหนดราคานี้ก็ใช้ไม่ได้<O:p</O:p
    ก็เป็นอันว่า ถ้าจะสร้าง เอาที่ตรงนี้นะ เอาที่ใกล้ๆ พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร ต้องทำให้สวย แล้วก็ต้องมีดอกไม้ แล้วดอกไม้ต้องปิดทอง ตามร่องปิดกระจกให้มองเห็นความสวย<O:p</O:p



    เจริญศรัทธา
    <O:p</O:p
    ถามท่านว่าทำไมจึงต้องสวย<O:p</O:p
    ท่านบอกว่า เป็นการเจริญศรัทธา ทุกอย่างที่ทำนี่ไม่ต้องการโอ้อวด ไม่ต้องการแข่งขันกับใคร จึงทำไม่เหมือนใคร ต้องการอย่างเดียว ให้ทุกคนที่มองเห็นแล้วติดตาติดใจ วัดท่าซุงมีอะไรที่ชอบบ้างที่เราชอบใจ ถ้าเวลาก่อนเขาจะตาย จิตเขาจะได้นึกขึ้นมาว่า เราเคยเห็นวัดท่าซุง ชอบใจตรงนั้น ชอบใจตรงนี้ ในขณะนั้นพร้อมกับเขาตายไปเขาจะสวรรค์ทันที<O:p</O:p
    อันนี้เป็นลีลาของพระท่าน ที่ต้องการให้คนไปสวรรค์โดยใช้รูปแบบสวยๆ<O:p</O:p
    จึงเรียกนายช่างประเสริฐกับจำเนียร สองสามีภรรยาเป็นนายช่างประจำวัด ช่างปั้นพระ เรื่องความสวยงามต้องยกให้สองคนนี้ สองคนนี้มีความรู้บวกกันแล้วเป็น ป.8 ก็มาปรึกษาหารือ ให้กะสถานที่ว่า ถ้าที่ตรงนี้จะสูงขนาดไหน เธอกะสถานที่แล้วก็บอกว่าตรงนี้ จะสูงได้ไม่ต่ำก็ประมาณพระยืนเฉพาะยอดนะเอาถึงยอดก็เป็นที่พอใจ<O:p</O:p
    ก็บอกว่าเธอว่า เจดีย์นี้ต้องมีดอกพุดตานปิดหมดก็ปิดกระจกขาวใส ห้ามใช้กระจกสีเพราะว่าเวลาไม่สวยเวลาสะท้อนแสงแดด ก็ตกลง เธอก็ใช้เวลาผ่านมานาน ใกล้ฤดูฝน เห็นจะเป็นพฤษภาคม 2534 ก็ลงมือทำ<O:p</O:p
    ก่อนที่จะทำก็มีคุณอภิชาต สุขุม รู้ข่าวเข้า ก็ไปถ่ายภาพเจดีย์มาจากวัดต่างๆ วัดโพธิ์บ้าง วัดไหนบ้างก็ตาม เอามาหลายภาพ เอามาให้เลือก เมื่อเลือกแล้ว ไม่เป็นที่พอใจของพระท่าน ทีนี้จึงให้ประเสริฐเขียนภาพมาสองภาพ แบบเรียบๆ กันแบบมีขึ้นตอน เธอเขียนขึ้น ท่านก็เป็นที่พอใจ<O:p</O:p
    ต่อมากก็ลงมือสร้าง ส่วนล่างทั้งหมดจนถึงระฆังเป็นเรื่องของประเสริฐกับจำเนียร ด้านคอระฆังเป็นเรื่องของพระสามารถ ซึ้งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางนี้พอสมควร ก็เป็นการก่อสร้างเจดีย์ ก็เป็นอันเริ่มขึ้น<O:p</O:p
    เจดีย์มีความสำคัญอย่างไร ก็ขอตอบว่า ถ้าเฉพาะเจดีย์จริงๆ ก็มีความสำคัญ เพราะว่าเจดีย์เป็นองค์แทนขององค์สมเด็จพระสัมสัมพุทธเจ้า ถ้าเราเห็นพระเจดีย์เรานึกถึงพระพุทธเจ้าเป็น พุทธานุสสติ ถ้าเราเห็นพระเจดีย์ เรานึกถึงพระสงฆ์ผู้สร้าง ก็เป็น สังฆานุสสติ เห็นภาพเจดีย์สวยเป็นกุศล ตายไปสวรรค์ทันที ถ้าเรามีจิตใจมั่นคงมาก ก็ไปพรหมโลกได้ นี่เฉพาะเจดีย์<O:p</O:p
    การก่อสร้าง ทุนไม่มี บรรดาท่านพุทธบริษัท คงจะมีคนมาทำบุญรวมแล้วทั้งหมดไม่เกิน 3000บาท เพราะไม่ได้โฆษณาเมื่อเริ่มก่อสร้าง คุณอภิชาต สุขุม ที่อยู่กรุงเทพ ก็นำทุนมาให้หนึ่งแสนบาท ต่อมาให้อีกหนึ่งแสนบาท ต่อมาให้อีกหนึ่งแสนบาท รวมแล้วเป็นสามแสนบาท เป็นทุนสำรอง<O:p</O:p
    ไม่ใช่ให้ยืมนะ คุณอภิชาติ ให้ทำเลย ก็ทำเรื่อยไปจนกระทั้งจบ ไอ้จบนี้ไม่รู้รู้ว่าราคาเท่าไร เพราะวัดนี้ก่อสร้างไม่ค่อยรู้ราคาแน่นนอน เพราะทำงานทำร่วมกันหมดคราวละหลายสถานที่ ซื้อของมาพร้อมกัน<O:p</O:p
    ถ้าจะให้ตีราคาคร่าวๆ เรื่องของเจดีย์ ทั้งองค์เจดีย์ด้วยในองค์เจดีย์ด้วย ให้ตีราคาสัก 5 ล้านยังไม่พอ<O:p</O:p
    ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะคุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>อภิชาต สุขุม กับคุณแสงเดือน แม้นวงค์ ไปซื้อแก้วเจียระไนจากฝรั่งเศส ไม่ใช่ลุกเดียวนะ เขาสวยงามมาก มีกิ่งก้าน มีเครื่องประดับประดาสวยงาม เป็นแก้วใหญ่มาก ราคาเรือนแสน เอามาเป็นที่ใส่พระบรมสารีริกธาตุ <O:p</O:p
    และในนั้นก็จะพระที่มีคุณค่าสูง อย่าง พระทองคำเป็นทองคำบุ คณะคุณ<st1:personName w:st="on" ProductID="สันต์ ภู่ภร">สันต์ ภู่ภร</st1:personName> พิษณุโลก นำมาถวายพร้อมด้วยเครื่องประดับ เอาบรรจุใส่ไว้ในกล่องไว้ในนั้น และก็พระสมัยรุ่นโน้น เขาลือกันว่าเป็นสมัยพระเจ้าศรีธรรมปิฎก<O:p</O:p
    พระเจ้าศรีธรรมปิฎกหรือสมัยเจ้าพรหมมหาราช มาสร้างวัดๆหนึ่ง ใกล้เขตพิษณุโลกกับเพชรบูรณ์ติดต่อกันไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนแน่ และก็สร้างเจดีย์ บรรจุพระพุทธรูปเทวรุปไว้มาก คณะคุณโยมสันต์ ภู่กร ทราบข่าวว่ามีคนเขาไปขุด ก็เลยไปติดต่อขอซื้อ เขาก็ให้<O:p</O:p
    เป็นอันว่าชาวคณะนี้ลงทุนไปหลายหมื่นบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลับใส่พระบรมสารีริกธาตุเขาคิดหมื่นบาทความจริงเป็นตลับไม้ ท่านก็ซื้อมา คณะนี้ศรัทธาสูงมาก<O:p</O:p
    แต่ก่อนซื้อมา ท่านบอกว่า ก่อนที่จะทำการขุด ว่าคนที่ขุดพบ เขาขายเอกสิทธิ์ เขาขุดพบ เขาได้อะไรไปบ้างก็ไม่ทราบ ทีนี้คณะนี้ต้องการจะขุดต่อไป เขาขายเอกสิทธิ์ของเขาทั้งๆ ที่ไม่ใช่ที่ของเขา เขาขายให้ในราคาหลายหมื่นบาท จำไม่ได้ได้ว่าสามหมื่นหรือสี่หมื่น ก่อนที่จะลงมือขุดก็ทำพิธีบวงสรวง<O:p</O:p
    คำว่าบวงสรควงบรรดาพุทธบริษัท ถ้าเป็นนักธรรมเกินไปละก็ มันจะไร้เหตุผล แต่ว่าเป็นพิธีกรรมที่มีผล เป็นพิธีที่เชิญเทวดามาได้ เชิญพรหมมาได้ อาราชธนาพระมาได้ก็แล้วกัน อย่างเจ๊กที่เขาทรงในพิธีของเขา เขาทำอะไรแปลกๆ ก็เห็นอยู่แล้วว่า สิ่งลี้ลับมีอยู่ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้มีอยู่<O:p</O:p
    เมื่อทำพิธีบวงสรวงเสร็จ เสียงใต้ดินมีเสียงคึ่งคั่กๆคล้ายเสียงขนของหนี เสียงดังสะท้านขึ้นมาเหนือแผนดิน คุณสันต์ ภู่กร บอกว่า ไม่ได้เอาไปไหนหรอก จะขุดไปถวายหลวงพ่อที่วัดท่าซุง เพราะหลวงพ่อท่านก็เป็นพระ ท่านก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ เพราะของนี้เป็นของสงฆ์ ก็ถือว่าถวายหลวงพ่อก็แล้วกัน พอบอกเสียงนั้นก็เงียบ แล้วก็ขุดได้ตามความประสงค์<O:p</O:p
    เมื่อขุดไปๆแล้ว เธอก็มาแจ้งข่าวให้ทราบว่า ยังไม่ได้พระบรมสารีริกธาตุ ก็บอกว่า ให้ไปบูชาใหม่ว่า พระบรมสารีริกธาตุอยู่ทางไหน ให้ตั้งใจขุดทางนั้น ให้คิดว่าจะขุดทางนั้นก็เป็นอันว่าได้พระบรมสารีริกธาตุ ได้พระพุทธรูปเทวรูปมามากฉะนั้น เจดีย์องค์นี้ จึงได้บรรจุของทั้งหมดที่คณะโยมสันต์ภู่กร พิษณุโลก คณะของท่านนำมาเอาไว้ในเจดีย์องค์นี้ และก็ยังมีของอื่นอีกมาก ที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทบูชา ที่เป็นแก้วแหวนเงินทองบูชาพระรัตนตรัย ถ้าจะคิดจริงๆ ราคาทั้งในเจดีย์และเจดีย์ ถ้าใคร ให้ 5 ล้าน หรือ 10 ล้านก็ไม่ขาย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะพระไม่มีน่าที่ขายเจดีย์<O:p</O:p
    พระไม่มีอาชีพขายพระพุทธรูป<O:p</O:p
    ก็รวมความว่า เจดีย์มีค่าสูงสุด ที่มีความสำคัญจริงๆบรรดาท่านพุทธบริษัท ที่พระท่านมาจัดการสร้างเอง ท่านเคี่ยวเข็ญให้ต้องสร้าง ตรงนี้ เพราะบริเวณนี้เป็นที่มีพระบรมสารีริกธาตุมาก สร้างทับลงไป กับวิหารพระพุทธเจ้าองค์ปฐมอีกหลังหนึ่งทับที่พระบรมสารีริกธาตุ ท่านขึ้นอยู่เสมอ<O:p</O:p
    เวลาที่ขึ้นมาจากดินสวยอร่ามเหมือนกันดวงดาวใหญ่เหนือยอดไม้อยู่บ่อยๆ ลอยวนไปวนมาแล้วก็กลับไปที่เดิมวิหารท่านก็สั่ง ต้องสร้างตรงนั้น ตรงนั้นก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์รถแทรกเตอร์เวลาเกรดที่อยู่ดีๆ ถึงตรงนั้นดับ ไปไม่ได้ แต่ถอยสตาร์เครื่องติด ทำงานอื่นได้พอถึงที่ตรงนั้นเครื่องดับห้ามผ่าน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติเล่มที่ 18 </O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pic15mini8.jpg
      pic15mini8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.3 KB
      เปิดดู:
      4,338
    • pic15mini4.jpg
      pic15mini4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.1 KB
      เปิดดู:
      3,893
    • pic15mini7.jpg
      pic15mini7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.1 KB
      เปิดดู:
      3,865
    • pic15mini6.jpg
      pic15mini6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.3 KB
      เปิดดู:
      204
    • pic15mini5.jpg
      pic15mini5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.1 KB
      เปิดดู:
      3,834
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2008
  2. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ
     
  3. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG][​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...[​IMG][​IMG]
     
  4. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    • ผู้ถาม : เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...........?
      หลวงพ่อ : การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปี ๆ บุญก็ยังมีอยู่ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปี ก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย ไม่ใช่เราทำบุญแล้ว เดี๋ยวเดียวมันหายไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ

      ผู้ถาม :แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ...?
      หลวงพ่อ : ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ว่าเราจะให้เขาหรือไม่ให้ การอุทิศส่วนกุศล นี่นะ ถ้าเราไม่ให้ เราก็กินคนเดียวใช่ไหม..... ทีนี้ถ้าเราให้เขาของเราก็ไม่หมดอีก ส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าช้างของมหาเศรษฐี เวลาที่ท่านทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ ท่านก็สงสัยว่าการแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ท่านรับบาตรนะ ท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า

      "สมมุติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย คนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง ก็มาขอต่อไฟที่คบของโยมแล้วคบทุกคนสว่างไสวหมด อยากทราบว่าไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม....?
      ท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ

      แล้วท่านก็บอกว่า "การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน ให้เขา เขาโมทนา แต่บุญของเราเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์"

      ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
      ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
      อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  5. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,270
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,079
    อนุโมทนาครับ วัดของหลวงพ่อมีแต่ของสวยๆงามๆทั้งนั้นครับ สาธุ
     
  6. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    [​IMG]

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2009
  7. แมวแหมว

    แมวแหมว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +49
    ส่งความจริงถึงหลวงพ่อ

    ขอโทษนะที่แสดงความเห็นขัดแย้งกับความจริงที่พวกท่านศรัทธา แต่ที่รู้อยู่อย่างหนึ่งก็คือ ผู้ใดที่มีศรัทธาเข้มแข็งจริงย่อมไม่หวั่นไหวต่อคำพูดต่างๆ เปรียบดังภูเขาที่ไม่หวั่นไหวไปตามแรงลมของพายุ ก็ถามแล้วว่า รู้จักและเข้าใจหลักกาลามสูตรจริงๆแล้วหรือไม่ ทำไมค่ะ พอมีใครสักคนที่แสดงความเห็นขัดแย้งกับความเป็นจริงที่พวกคุณเผชิญอยู่ มันสมควรตายมากเลยใช่ไหมค่ะ เวปนี้ไม่ได้มีแต่คนไทยที่ศรัทธาและทำบุญเพียงแบบเดียวอย่างที่ท่านเข้าใจกัน เจอบททดสอบจิตวิญญาณเล็กๆ เพียงเท่านี้ พวกท่านถึงกับวุ่ยวาย อย่างหนัก แล้วถ้าเจอมารตัวจริงที่ไม่ยอมให้ท่านเปิดมุมมองเลยแล้วพวกท่านจะทำอย่างไร ท่านคิดว่าการทำบุญการเรียนรู้ธรรม มันง่ายเหมือนกับการอ่านพระไตรปิตก แล้วคิดตามนั้นอย่างเดียวเหรอ ก็ไม่ได้เป็นเทวดานางฟ้ามาจากไหน แค่คนธรรมดาที่มีอำนาจจิตอยู่บ้างก็เท่านั้น คำถามเหล่านี้ (จากการโพสต์คราวก่อน ที่บอกว่า ทำบุญสร้างวัตถุโบสถ์วิหารให้สวยงามเกินความจำเป็น ที่เหมือนกับแข่งกันสร้างวัตถุ ก็แค่เสียดายเงินที่เอาไปจมกับสิ่งสวยงาม ในขณะที่ชาวบ้านบ้างคนไม่มีข้าวกิน เด็กไม่มีโอกาสทางการศึกษา ผู้ป่วยอนาถาที่อยู่ในโรงพยาบาลรอความตายเพราะไม่มีค่ารักษาค่ายา เป็นต้น) ชาวตะวันตกนิยมถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก พวกคุณที่มีศรัทธาแข็งแกร่งตอบคำถามเหล่านี้ได้หรือเปล่า ตอบแบบชาวพุทธที่เข้าใจโลกเข้าศีลธรรมเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ แต่เท่าที่อ่านในความเห็นของกระทู้ที่ตั้งมา เป็นแบบไม่มีความเห็น ก็เลยไม่รู้ว่าผู้รู้มากมายทั้งหลายในเวปนี้ตั้งใจบอยคอดแมวแหมวเอาเข้าจริงๆ หรือเปล่า แล้วจะไม่ให้คิดได้อย่างไรว่า คนไทยนับถือศาสนาพุทธแบบงมงาย ศรัทธาแต่ขาดปัญญา วิวาทะอย่างคนที่เขามีปัญญากระทำกันก็ไม่ได้ ก็ไม่ได้ฉลาดถึงขนาดนั้น ก็แค่อยากรู้ความก้าวหน้าของผู้คนที่บอกว่านับถือศาสนาพุทธตัวจริง เรื่องแบบนี้ต้องคุยกันยาวๆ ใช่ไหม คงยากหน่อยนะ เพราะคงไม่มีโอกาสที่แมวแหมวจะได้เปิดเผยตัวจริงออกสื่อที่กว้างกว่านี้ เพราะข้อความที่โพสต์แล้วๆมา มันค่อนข้างจะขัดแย้งกับสังคมไทยในขณะค่อนข้างมาก อยากเปลี่ยนยุคจากถิ่นกาขาวไปสู่ชาวศิวิไลซ์คงยาก ตะรางไม่ได้มีไว้ขังหมา แต่แมวแหมวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างจากอองซานซูจีซักเท่าไร เพียงแต่คุกที่ขังอยู่มันเป็นคุกแห่งจิตวิญญาณ คุกตะรางโดยทั่วไปขังแค่ร่างกาย แต่คุกแห่งจิตใจมันยากที่คนธรรมดาจะเข้าใจ แต่หลวงพ่อก็คงเข้าใจ แต่ถ้าลูกศิษย์ท่านไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร นังมารร้ายก็เงี๋ย ทำความดีไม่ได้หรอก เดี๋ยวเขาจะไม่เชื่อว่าเป็นจริง อิอิ

    อนุโมทนา
     
  8. ธงสามสี

    ธงสามสี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +72
    กราบพระเจดีย์พุดตาน ด้วยเศียรเกล้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...