ยังมีชีวิตอยู่ อย่าหนีปัญหา

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 11 มกราคม 2009.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    [​IMG]


    ยังมีชีวิตอยู่ อย่าหนีปัญหา

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค. 2536 สมเด็จองค์ปฐมทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้ดังนี้<O:p
    1.ในเมื่อพวกเจ้ายังมีร่างกายอยู่ในโลก เรื่องที่จักหนีปัญหาต่างๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นหมดอารมณ์ 2 ที่ครองใจเมื่อใดนั้นแหละ มิใช่ว่าปัญหาของโลกจักหมดไป หากแต่จิตของพวกเจ้าจักยอมรับนับถือว่า ปัญหาของโลก เหล่านี้มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก อารมณ์จิตจักไม่ยึดถือปัญหาเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ที่ขุ่นข้องหมองใจ เห็นแต่ปัญหานั้นๆ ดูเป็นปกติธรรดาของโลกใบนี้
    <O:p
    <O:p

    2.จิตของพวกเจ้ายังตัดอารมณ์ 2 ยังไม่ได้ ก็พึงคิดว่าเหตุการณ์อดีตที่เป็นปัญหานั้นผ่านไปแล้ว ไม่ควรจักยึดถือนำมาคิดให้ติดข้องอยู่ในอารมณ์ และอนาคตที่ครุ่นคิดว่าจักมีปัญหาที่เกิดขึ้นมาก็ยังมาไม่ถึง จึงไม่ควรจักนำมาครุ่นคิด ให้ติดข้องอยู่ในอารมณ์เช่นกัน เพราะการคิดถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง โดยยกเหตุแห่งปัญหาขึ้นมาเป็นหลักเกาะยึด นั่นเป็นความทุกข์ของจิต<O:p</O:p
    <O:p


    3.ทางที่ดีสมควรจักอยู่ในธรรมปัจจุบัน ขณะนี้ปัญหาในธรรมปัจจุบันนั้นยังไม่มี ก็จงรักษาอารมณ์จิตให้เป็นสุข สุขในขณะนั้น ๆ ให้อาหารธรรมแก่จิตที่ต้องการความสงบหรือต้องการอารมณ์คิด<O:p</O:p
    <O:p


    4.การย้อนพิจารณาถึงปัญหาทางโลกไม่ควรคิด เพราะจักทำให้จิตเป็นทุกข์ แต่การย้อนพิจารณาถึงหลักธรรมปฏิบัติที่ผ่านมาแล้วควรทำ เป็นหลักอนุโลม ปฏิโลม (พักหรือเพียร , สมถะหรือวิปัสสนา) ถอยหน้าถอยหลังทบทวนมรรคผล จุดนี้เพื่อความมั่นคงของจิต จักเห็นได้ง่าย
    <O:p

    5. อย่างในทางโลก หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นเป็นที่กระทบกระเทือนใจมาก จิตจักครุ่นคิดแต่เรื่องนั้นระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่ยอมปล่อยวาง จนอารมณ์จิตนั้นจดจำเหตุการณ์เหล่านั้น จนนำจิตไปสู่ภพสู่ชาติตามอารมณ์นั้นจนขึ้นใจ จนในบางครั้งร่างกายตายไปแล้ว จิตมันสภาพจำเหตุการณ์เหล่านั้น จนนำจิตไปสู่ภพชาติตามอารมณ์นั้น ก็มากในบุคคลชาวโลกทั่วไป<O:p
    <O:p

    6.จากกำลังจิตจุดนี้ พวกเจ้าจักนำมาใช้ในทางธรรมปฏิบัติ ย้อนต้นปลายเหตุการณ์ ทบทวนคำสอนครุ่นคิดไม่ว่าง ระลอกแล้วระลอกเล่า จิตมันก็จักมีสภาพจำคำสอนนั้นๆ จิตไม่วางพระธรรม ก็สามารถทำปัญญาให้เกิดจากสัญญาความจำที่มั่นคงนั้นๆ (แบบวิปัสสนาข้อ 9 สัจจานุโลนิกญาณ) ในที่สุดเมื่อจิตเกิดปัญญามากขึ้นๆ ตามลำดับ จนกระทั่งถึงปัญญาวิมุติเกิดขึ้นกับจิต จิตก็จักมีกำลังตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปาหานได้

    <O:p
    7.จิตติดปัญหาทางโลก คิดมากเท่าไหร่ ยิ่งโง่มากขึ้นเท่านั้น เพราะไม่มีใครจักเอาปัญญาส่วนตนไปแก้ปัญหาของโลกให้ไหมด ตถาคตหรือพระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็แก้ปัญหาของโลกให้หมดไปไม่ได้ (พระองค์ยกเว้นไม่โปรดสอนพวกปทปรมะ คือไม่ศรัทธาในพระองค์ ) โลกทั้งโลกตกอยู่ในไตรลักษณาญเป็นปัญหา เพราะโลกมีความพร่องอยู่เป็นนิจด้วย กิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม ความพอดีของโลกไม่มี โมหะ โทสะ ราคะ ครองโลกอยู่ ทำให้ความพอดีไม่เกิดแก่โลก ทุกอย่างมีปัญหาด้วย อนิจฉา ทุกขัง อนัตตา เป็นปกติ

    <O:p
    8.บุคคลผู้ฉลาดเป็นบัณฑิตจักยกจิตตนให้พ้นจากปัญหาทางโลก คิดแต่จักหาธรรมวิมุติ เพื่อยกจิตตนให้พ้นจากโลกเพิ่มพูนปัญญาให้เกิดในโลกุตธรรม แก้ปัญหาส่วนตนเป็นหลัก ไม่ผูกมัดจิตให้ตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหาอุปาทาน และอกุศลกรรม โมหะ โทสะ ราคะ มีอำนาจก็ทำร้ายจิตได้น้อยเต็มที

    <O:p
    9.บุคคคลผู้เป็นบัณฑิตย่อมชำระอารมณ์ไม่ให้ตกเป็นทาสแห่งกิเลสตัณหานั้น ทำความพอดีให้เกิดแกจิตของตนเป็นหลักใหญ่ เมื่อจิตเกิดความพอดีแล้ว คำว่าโยกคลอนไปในปัญญหาย่อมไม่มี มิใช่เพียงสักแต่ว่าปัญหาโลกภายนอกจักโยกคลอนจิตของบุคคลผู้นั้นมิได้ แม้แต่ปัญหาได้ เพราะเนื่องจากความพอดีที่ถึงแล้วในจิต และคิดตกแล้ว (หมดความหวั่นไหว) จากเหตุแห่งปัญหาที่เกิดเป็นปกติในโลก ทั้งภายในและภายนอกนั้น

    <O:p
    10.เพราะฉะนั้น พวกเราจงหมั่นรักษาอารมณ์จิตให้อยู่ในธรรมปัจจุบันเป็นดีที่สุด เห็นธรรมทั้งหลายในโลกที่เข้ามากระทบจิตเป็นเรื่องธรรมดา เป็นไตรลักษณ์เกิดดับอยู่เป็นปกติ ไม่มีใครหลีกพ้นไปได้ จึงไม่ควรจักยึดธรรมที่มีความเที่ยง ปรวนแปรอยู่เป็นปกติ หมั่นพิจารณาธรรมนั้นให้ถึงจุดอนัตตา จิตจักคลายจากอารมณ์ที่เกาะยึดติดอยู่ในธรรมของชาวโลกนั้นๆ ทำความเบื่อหน่ายและปล่อยวางลงได้ในที่สุด<O:p</O:p
    <O:p

    11.ตายแล้วไปไหน จุดนี้ควรจักโจทย์ถามจิตเอาไว้ให้มาก ๆ เพื่อป้องกันความประมาทในอารมณ์ เมื่อเกิดความฟุ้งซ่านติดในปัญหาของโลก คิดสรุปเอาตรงที่ไม่ช้าไม่นาน เมื่อร่างกายนี้ตายแล้ว ก็จักทิ้งปัญหานี้จากไปแต่ถ้าหากตัดไม่ได้ จิตก็จักนำปัญหานี้เกาะติดไปสู่ภพสู่ชาติมันดีนะหรืออย่างนี้

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    12 .อย่าลืมความตายเกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต หายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย การปล่อยอารมณ์จิตให้ติดปัญหาของโลก ล่วงเวลามากไปเท่าไหร่ เท่ากับประมาณต่อความตายมากขึ้นเท่านั้นการไม่รับรู้ปัญหาเลยนั้นก็เป็นไปไม่ได้ อยู่ในโลกก็จำเป็นต้องรับรู้ แต่รู้ก็ให้เพียงแต่สักว่ารู้ อย่าผูกจิตให้เกาะติดปัญหานั้นมากเกินไป ต้องพยายามระงับ ตัดปัญหาปล่อยวางปัญหานั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จักมีกำลังทำได้

    <O:p</O:p
    13.จุดนี้แหละ พึงถามจิตตนเข้าไว้ ตายแล้วจักไปไหน เกาะอยู่ในโลกตามนั้นไปพระนิพพานได้ไหม ถามให้บ่อยๆจิตจักคลาย ปล่อยวางปัญหาของโลกไปได้ตามลำดับแก้ไขได้ก็แก้ไขไป แก้ไขไม่ได้ก็ช่างมัน อีกมิช้านานร่างกายนี้มันก็จักตายไปเสียจากโลกนี้แล้ว พวกเจ้าก็จักต้องรักษาอารมณ์ของจิตให้ตายไปจากโลกนี้แล้ว อย่าให้จิตเกาะติดโลกอีก ไม่ว่าโลกใด ๆ พรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก อบายภูมิ 4 ตัดเด็ดขาดมุ่งจิตตัดตรงพระนิพพานจุดเดียวเท่านั้น คิดไว้ตามนี้ จักได้ไม่หลงลืมปล่อยอารมณ์ให้ฟุ้งซ่านกับปัญหาของทางโลกจนเกินไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    14.สุขทุกข์อันเกิดแก่อารมณ์ บัณฑิตย่อมฉลาดป้อนอาหารธรรมทำให้จิตเป็นสุขได้ แต่ในบุคคลผู้โง่เขลา ย่อมป้อนยาพิษร้านทำร้ายจิตให้รับทุกข์อยู่เป็นประจำ ไม่มีใครทำร้ายเราได้มากกว่าที่จิตเราทำร้ายตัวเราเอง ขอให้พวกเจ้าคิดดูให้ดี ไม่ต้องโทษใคร กฎของกรรมมันเป็นอย่างนั้น ปัญหาเป็นเรื่องปกติของโลก โลกธรรมเป็นเช่นนั้น จักไปยึดถือมาเป็นอารมณ์ทำร้ายจิตเพื่อประโยชน์อันใด<O:p
    <O:p</O:p


    15.ปัญหาของรวมอยู่ในโลกธรรม 8 ทั้งสิ้น ไม่ว่าโลกภายนอกหรือโลกภายใน มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุขก้เพราะร่างกาย มีเสื่อม - ลาภ เสื่อม- ยศ มีนินทา

    “ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ ”<O:p</O:p
    โดย พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)

    <O:p</O:pรวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  2. kriengkripob

    kriengkripob เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,326
    ค่าพลัง:
    +2,048
    อนุโมทนา อักษรทุกตัวมีคุณค่า เกิดปัญญามีสติ ขอขอบพระคุณ สาธุ
     
  3. seahero

    seahero เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +602
    ขอบคุณครับ
     
  4. ดับเพลิงกิเลส

    ดับเพลิงกิเลส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +10
    ร่วมโมทนาบุญ ด้วยครับ อ่านแล้ว ได้ แง่คิดดีๆในการดำรงชีวิต ในโลกนี้ต่อ ไป
     
  5. krisdasri

    krisdasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +759
    อนุโมธนาครับ
     
  6. chatmongkon

    chatmongkon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +839
    อนุโมทนาครับ

    คำสอนของหลวงปู่สิม พุทธจาโร ในอดีต มีในเวปพลังจิตหรือเปล่าครับ ท่านผู้ใดทราบ โปรดแนะนำด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  7. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ

    ผ่านมา ๑๖ ปีแล้ว คำสอนก็ยังทันสมัยเข้ากับยุคกับเหตุการณ์
     
  8. อุดรเทวะ

    อุดรเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,925
    ค่าพลัง:
    +130
    ขออนุโมทนาสาธุครับ ปัญหามีไว้แก้ อย่าท้อแท้ และสิ้นหวัง
     
  9. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,161
    อนุโมทนาด้วยครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ช่วยแก้ไขคำบางคำให้ถูกต้องด้วยครับ ตัวอักษรทุกตัวของที่ออกมาจากพระองค์ท่านเป็นของที่มีค่ามาก ปล่อยไว้จะเป็นการปรามาสนะครับ
     
  10. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อ่านแล้วจิตสงบลึกล้ำอย่างบอกไม่ถูก ขอกราบอนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ
     
  11. sirmai

    sirmai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +98
    อ่านแล้วจิตใจสงบๆ ดีครับ อ่านแล้วคิดตาม
     
  12. aza555

    aza555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +27
    <TABLE class=tborder id=post1794316 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>อนุโมทนาครับ</IF>
    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1794316 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. Ugood

    Ugood ธรรมชาติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +490
    อนุโมทนา ครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ___________
    ธรรมคือธรรมชาติ
     
  14. Thai-si-paak

    Thai-si-paak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +52
    MO THA NA SA THU KHA
     
  15. Ugood

    Ugood ธรรมชาติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +490
    อนุโมทนา ครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ___________
    ธรรมะคือธรรมชาติ
     
  16. panaone99

    panaone99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +292
    a nu mo tha na sa thu ka.
     
  17. ขันติธรรม

    ขันติธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    545
    ค่าพลัง:
    +372
    อนุโมทนา สาธุ

    ปัญหามีไว้ให้แก้เพื่อให้พ้นทุกข์ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้มเพื่อทุกข์ต่อไปไม่มีที่สุด
     
  18. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขอกราบบูชา สมเด็จองค์ปฐม บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    และพระธรรมคำสอน ด้วยความเคารพบูชาสูงสุด

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ

    [​IMG]
     
  19. Nutthawut

    Nutthawut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +479
    คำสอนหลวงปู่สิม
    อันความตายนั้น จงระลึกดูให้รู้แจ้งด้วยสติปัญญาของตนเอง ยกจิตใจตั้งให้มั่นอย่าได้หวั่นไหวเจ็บจะเจ็บไปถึงไหนก็แค่ตาย อยู่ดีสบายอยู่ไปถึงไหนก็แค่ตาย แก่ชราแล้วไม่ตายไม่ได้ เมื่อมาถึงบุคคลผู้ไดจะให้ผู้อื่นช่วยไม่ได้ ต้องภาวนาให้พ้นจากความตาย ความตายนั้นมีทางพ้นไปได้ อยู่ที่การละกิเลส ล้างกิเลสในใจให้หมดสิ้น

    กิเลสกองไหนที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ขุ่นมัวให้รีบตัดรีบละออกไป เลิกไม้ได้ ละไม่ได้ก็ให้นึกถึงความตาย ใครจะดุร้าย ป้ายสี ก็ให้นึกว่าเขาจะต้องตาย เราคือกายกับจิตก็ต้องตายจากกันไป จะมาโกรธ มาโลภ มากหลง มายึดหน้าถือตายึดอะไรต่อมิอะไรไปทำไม จงปล่อยวางให้มันหมดสิ้นไป

    โลกธรรม ๘ ประการ มีความสบายกายสบายใจ ก็มีความไม่สบายกายไม่สบายใจ คือมีสุขมีทุกข์อยู่อย่างนี้ มีสรรเสริญก็ต้องมีติเตียนนินทาเป็นธรรมดาของโลกอย่างนี้ มีลาภเสื่อมลาภได้เป็นธรรมดาอย่างนี้ มียศเสื่อมยศมันมีเป็นธรรมดาอย่างนี้ จิตผู้รู้ผู้ภาวนาไปอยู่ที่ไหนทำไมไม่เร่งภาวนาให้มันหลุดพ้นไปเสียที

    ถ้าลิกิเลสไม่หมด ก็ยังมาเกิดอีก
    เกิดมาอีกก็แก่ไปอีก แก่ไปอีกก็เจ็บไข้ได้ป่วยไปอีก เจ็บไข้ได้ป่วยหนักเข้าก็ตายไปอีก วนอยู่อย่างเก่านั้นแหละ ฉะนั้น "มรณัง เม ภวิสสติ" เตือนจิตของตนเองให้ได้ ทุกคนย่อมมีความตายเป็นผลที่สุด

    ดูใจภายใน ภาวนาภายใน ภายนอกจะเป็นอะไรเป็นเรื่องของภายนอก
    บางอย่างแก้ไมได้ มาจากผลของกรรม คนเราทำไว้อย่างไร ก็ได้รับผลอย่างนั้น ใครจะแก้ได้ แก้ใจนั่นแหละไม่ให้ไปทุกข์ไปร้อนกับความติเตียน นินทา ว่าร้ายป้ายสี

    การปฏิบัติ ต้องทำให้มาก เจริญให้มาก
    พิจรณาให้มาก จนกระทั่งเกิดปัญญา วิชาความรู้ขึ้นมา ไม่หลงใหลไปตามกิเลสกาม วัตถุกาม จนได้สติ ได้สมาธิ มีปัญญา เกิดญาณอันวิเศษ ละกิเลสราคะ โทสะ โมหะในตัว ในกาย วาจา จิตของตัวเราได้ จึงได้ชื่อว่าเข้าใจ เข้าในอุบายธรรม เข้าในใจไม่อยู่นอกใจ

    สงบแต่ปาก ใจไม่สงบก็ไม่ได้ ต้องให้ใจสงบ ใจสงบก็คือว่าเมื่อฟุ้งซ่านรั่วไหลไปที่อื่น ก็ให้คอยระวัง นึกน้อมสอนใจของตัวเองด้วยว่า ความเกิดเป็นทุกข์ เกิดมาแล้วเป็นทุกข์อย่างนี้แหละ จะไปเอาสุกที่ไหนในโลก ที่ไหนมันก็ทุกข์เท่าๆ กันเอาสิ่งเหล่านี้มาเตือนใจตนเอง

    พระพุทธเจ้าท่านเลิก ละกิเลสได้หมดสิ้น เราทำไมทำไม่ได้ ปฏิบัติไม่ได้ มีใครเป็นผู้ห้าม ไม่มีบุคคลใดเป็นผู้ห้าม จิตใจของเราไม่เพ่งเล็งเห็นทุกข์โทษภัยในวัฏสงสาร จึงได้มาหมกมุนอยู่ในอารมณ์สัญญากิลสตัณหาอย่างนี้แหละ ถ้าเราไม่ตั้งอกตั้งใจขึ้นมาในเวลานี้ก็จะเสียเวลา เพราะความแก่ชราไม่ไว้หน้าใคร ได้เวลาก็ต้องแก่ชรา ได้เวลาเจ็บก็ต้องเจ็บ ได้เวลาตายก็ต้องตาย

    ภาวนาให้จิตใจเป็นบุญ การนั่งสมาธิภาวนาฝึกฝนอบรมกาย วาจาจิตของตัวเองให้เป็นบุญเรียกว่า "บุญภายใน" เมื่อใจภาวนาเป็นบุญพูดจาปราศรัยอะไรออกมาก็เป็นบุญ จะทำสิ่งใดก็เป็นบุญ ฉะนั้นบุญบาปให้รวมเข้ามา มาละที่จิตนี่แหละ ให้จิตละบาปบำเพ็ญบุญ

    การภาวนาเป็นเรื่องของการบำเพ็ญเพื่อความสุข ไม่ใช่เพื่อความทุกข์ แม้จะมีความยากลำบากบ้างก็อย่าท้อถอยให้เห็นเป็นของธรรมดาขอการจะทำสิ่งมีค่าให้เกิดขึ้น

    ธรรมะหรือมรรคผล เปรียบเหมือนน้ำอยู่ใต้ดิน คนบางพวกขุดไปได้เล็กน้อยไม่พบท้อใจเลิกก็ไม่ได้น้ำ คนบางพวกขุดไปพอลึกหน่อยดินพังแล้วไม่มีปัญญาแก้ไขเลยขุดไม่ได้ถึงน้ำ ส่วนผู้ที่มีความพยายาม มีสติปัญญา เหมือนผู้มีเครื่องมือดี มีความเพียร มีความอดทน ย่อมขุดถึงน้ำได้

    ภัยต่าง ๆ ที่เห็น ๆ กันนั้น อย่างมากก็เพียงชั่วระยะเวาหนึ่งแล้วก็ผ่านไป แต่ส่วนภัยของกิเลสนั้น ตายแล้วก็ยังไม่หมดวัย มันยังเป็นภัยข้ามภพข้ามชาติไปอีก ไม่รู้สิ้นสุด ถ้าเราไม่หาอุบายวิธีกำจัดมันให้หมดสิ้นหรือเบาบางไป เราก็จะต้องประสบภัยจากมันเรื่อยไป

    เมื่อตากับรูป หูกับเสียง จมูกกับกลิ่น ลิ้นกับรส กายกับโผฏฐัพพะ ผ่านไปแล้ว มันผ่านแต่เวลา แต่มันไปเก็บไว้ในธรรมารมณ์ อารมณ์ในจิตมันยึดไว้ ถือไว้ ส่วนใดดี ชอบคอพอใจก็ติดอยู่ ข้องอยู่ ไม่รู้จักปล่อยวางอารมณ์นั้นออกไป อารมณ์ใดที่ไม่ชอบพอก็ขัดเคืองอยู่ในจิตในใจจนเกิดอิจฉา อาฆาต พยาบาท จองเวรซึ่งกันและกัน

    จิตหลง จิตมักคิดไปว่า จะมีความสุขอย่างนั้น จะเอาความสบายอย่างนี้ ที่ไหนในโลกในความสุขความสบาย พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "เกิดมาแล้วก็เต็มไปด้วยทุกข์" เมื่อเกิดมาแล้ว จะเลือกเอาแต่ว่าให้มีความสุขสบาย ความเจ็บไข้ได้ป่วยภัยพิบัติต่าง ๆ ไม่ต้องการได้ที่ไหน สภาวะธาตุ สภาวะธรรม สภาวะโลก เขาเป็นอยู่อย่างนี้ เมื่อเกิดขึ้นมาก็มีทั้งโรคภัย ไข้เจ็บ อุปัทวเหตุต่าง ๆ นานา ที่จะมาพาให้คนเราเกิดทุกข์โทมนัสคับแค้นแน่นใจ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ มันมีเต็มอัตราอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่ไปที่ไหน ก็ทุกขัง อริยสัจจัง ทั้งนั้น จงดู จงรู้ จงพิจรณา อย่าไปมัวเพลิดเพลิน ลุ่มหลงมัวเมา เก็บเอากิเลส ตัณหามาคิด ไม่จบไม่สิ้น.
     
  20. catthongmuan

    catthongmuan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +26
    เห็นด้วยกับกระทู้ที่ 13
     

แชร์หน้านี้

Loading...