บริจาคโลหิต - ช่วยชีวิต

ขออนุโมทนา ด้วยครับ

ผมบริจาคมาแล้วประมาณ 4 ครั้งแล้วครับ ทุกๆ 3-4 เดือน

หลังๆนี้ ไม่ค่อยได้ บริจาค ครับ เนื่องจากสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง นอนดึก เครียด ทำงานเยอะ ครับ

ผู้ที่บริจาค ก็รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงด้วยนะครับ นอนให้เพียงพอ และไม่กินของมันๆ ครับ

เคยไปครั้งเดียว อยากบริจาคเต็มที่ กลับต้องผิดหวัง เมื่อเขาซักถามว่า นอนกี่โมง ผมบอกไป นอนเที่ยงคืน เขาไม่รับบริจาค ครับ ทั้งที่ก็นอนครบ 8 ชม. ครับ

 

วันที่อาทิตย์ที่15ก.พ.2552เวลา9.00น-15.00น.จะไปร่วมงานรวมพล(ครอบครัว)คนพันธุ์ rh-ปี2552ที่ห้องประชุมมหิศรธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด(มหาชน)สำนักงานใหญ่รัชโยธิน คนพันธุ์rh-ใครที่รู้ตัวเป็นคนพันธ์เดียวกัน
อย่าลืมแวะไปเจอกันนะคะ
แจ้งเข้าร่วมได้ที่เบอร์0-2255-4567 0-2263-9600 -99ต่อ1753
จริงๆแล้วครบกำหนดวันที่2นี่แล้วแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากเดินทางไกล
เพราะชอบเข้าบริจาคที่สภากาชาดโดยตรง
ถ้าไปบริจาคครั้งนี้เป็นครั้งที่9ที่บริจาคกับสภากาชาด
แต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้วที่บริจาค
เพราะบริจาคให้หลายที่โดยไม่ได้บันทึกไว้

 

อนุโมทนาด้วยครับ

ผมบริจาคล่าสุดวันที่ ๙ ธ.ค. ๕๑ เป็นครั้งที่ ๑๒

เมื่อบริจาคแล้วจะบริจาคครั้งต่อไปไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ ๓ เดือนนะครับ

ขาดได้ประมาณ ๒ อาทิตย์ เพราะว่าเราสามารถบริจาคได้ไม่เกินปีละ ๕ ครั้งครับ

ข้อมูลตรงนี้ผมเคยถามสภากาชาดครับ แต่ส่วนใหญ่เค้าจะบอกว่าต้อง ๓ เดือนเท่านั้น

แต่ความจริงแล้วเค้าเผื่อเวลาให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขึ้นมาใหม่ครับ

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของผู้ที่จะบริจาคด้วยครับ

 

ข้อมูลเกี่ยวกับการบริจาคเลือด
ปัจจุบันส่วนใหญ่ธนาคารเลือดจะขาดเลือดสำรองกรุ๊ป A,Ab,Bมากที่สุดน่ะค่ะ เพราะคน100คนอาจมีเลือดกรุ๊ปนี้ค่อนข้างน้อยทีเดียวค่ะ ส่วนกรุ๊บอื่น อย่าน้อยใจไปค่ะ บริจาคได้หมดเลยค่ะมีคนมากมายที่รอคอยเลือดอยู่น่ะค่ะ เช่น กรุ๊ป โอ ที่มีเยอะมาก งั้นก็ต้องช่วยกันบริจาคเยอะๆด้วยน่ะค่ะ^^


ก่อนที่เราจะบริจาคโลหิตต้องเตรียมตัวมาอย่างไรบ้าง
1.ต้องอายุ17 ปีบริบูรณ์-70 ปี
2.สุขภาพร่างกายแข็งแรงน้ำหนักมากกว่า45 กิโลกรัม
3.ไม่เป็นโรคติดต่อ หรือเสี่ยงต่อโรคติดต่อ
4.ไม่อยุ่ในช่วงการผ่าตัดใหญ่มาก่อน3เดือนก่อนมาบริจาค
5.ไม่อยู่ในหลังช่วงคลอดบุตร
7.ไม่อยู่ในช่วงหน้า7หลัง7ของการเป็นประจำเดือน
8.ไม่ได้รับประทานยาต่างๆมาก่อน24ชั่วโมงก่อนมาบริจาค
9.ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ ก่อนมาบริจาค
10.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
11.อย่าลืม!! รับประทานอาหารเช้ามาด้วยน่ะค่ะ
12.เตรียมใจ อย่าเกร็ง สู้ๆๆค่ะ^^


ผู้ที่รอคอยเลือดที่รับเลือดบริจาค ก็อาจยกตัวอย่างได้เช่น
1.เด็กที่เป็นโรคโลหิตจาง ที่ต้องเปลี่ยนถ่ายเลือดเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
2.ผู้ที่คลอดบุตรแล้วเสียเลือดมาก ก็จะได้เลือดที่บริจาคไปต่อชีวิตได้
3.ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ผ่าตัด ซึ่งบ้างครั้งต้องให้เลือดช่วย50ถุงต่อ1คน ซึ่งก้หมายถึงต้องใช้เลือดที่บริจาคให้กับสถานพยาบาลถึง50คน!!! เลยน่ะค่ะ
4.ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ที่ต้องอาศัยเลือดเพื่อสร้างเม็ดเลือด เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด
และอาจจะมีผู้ป่วยที่ เป็นอีกหลายโรคและยังต้องการเลือดบริจาคอยู่ ซึงมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในเทศกาลสำคัญต่างๆ ที่การจราจรคับคั่ง ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมากมาย และความจำเป็นในการใช้เลือดก็เพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวแต่จำนวนผู้บริจาคยังคงตัว มันก็ไม่เพียงพอ

ที่มา http://asdf.dek-d.com/board/view.php?id=878402

 

บริจาคเลือด อย่าให้ความตั้งใจดีต้องสูญเปล่า


ระยะนี้ การบริจาคโลหิตกำลังเป็นเรื่องที่พูดถึงกันมากขึ้น สื่อที่มีช่องทางมากขึ้นทำให้เราเห็นถึงความคิดความเห็นของคนที่เคยได้ยินได้ฟัง
เกี่ยวกับการบริจาคโลหิตทั้งที่เข้าใจถูกและเข้าใจผิด ในฐานะคนที่เคยต้องให้เลือดแก่ผู้ป่วยมาเยอะและเคยต้องเจอกับเรื่องราวทั้งดีและไม่ดี
เกี่ยวกับเจ้าถุงเลือดใบน้อยนี้

ข้อมูลต่างๆดูได้ที่ http://www.nbc.in.th/data/why_blood_web.htm นะครับ เป็นของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จะมีรายละเอียด
ที่ผมอยากให้ลองอ่านก่อน(หรือหลังจากอ่านเรื่องของผมแล้ว) ซึ่งผมคงจะไม่กล่าวในเรื่องที่ซ้ำกันอย่างเช่นข้อห้ามหรือข้อควรปฏิบัติตัวซึ่งรู้ๆกันอยู่แล้ว
แต่จะขอกล่าวในจุดที่เป็นปัญหาในการให้เลือด หรือรับบริจาคเลือดแล้วกัน

1. เลือดที่บริจาคแล้ว ทำไมเวลาเอาไปให้จึงจะมีระบุราคาเอาไว้ หรือบางครั้งถึงเก็บเงินตั้งแพงเป็นพันๆบาททั้งที่บริจาคมาฟรีๆ
- เป็นคำถามยอดฮิตที่เจอเวลาให้เลือดที่มาจากสภากาชาด ทั้งนี้การบริจาคเลือดแต่ละครั้ง จะมีค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองเลือดครับ
ตรวจหมู่เลือดหลักABO และตรวจหมู่เลือดรอง ตรวจโรคต่างๆ เฉพาะค่าถุง ได้ยินมาว่าราคาก็หลายร้อยแล้วครับ

ทั้งนี้ที่ค่าใช้จ่ายสูง ก็มีส่วนหนึ่งที่มาจากความไม่ซื่อสัตย์ของคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะพวกที่จงใจมาบริจาคเลือดเพื่อหวังผลต่างๆ
เช่น ตรวจว่าตนเองเป็นเอดส์หรือไม่ ตรวจว่าตนเองเป็นโรคตับอักเสบไหมซึ่งคนกลุ่มนี้บางครั้งเมื่อตรวจพบว่าเป็นครั้งนึงแล้ว
บางครั้งก็ย้ายไปบริจาคเลือดที่อื่นต่อเพื่อยืนยันผล บางคน รู้ทั้งรู้ว่าตนเองเป็นเอดส์แล้ว ยังเคยไปบริจาคเลือดอีกหลายครั้ง
เพื่อหวังให้ผลออกมาเป็นลบซึ่งในยุคนึงเมืองไทยยังไม่สามารถตรวจโรคเอดส์ได้เต็มที่เท่าอเมริกา เพราะถ้าทำตามจะทำให้
สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าจนอาจทำให้มีเลือดลดลง..... ซึ่งเมื่อประกอบกับมีการแพร่ของโรคเอดส์และมีคนที่ใช้
การบริจาคโลหิตเพื่อตรวจว่าตนเองเป็นหรือไม่........ คิดเอาเองแล้วกันครับว่าคนที่เป็นโรคที่ต้องรับเลือดเป็นประจำในยุคนั้นจะเป็นอย่างไร

2. อาการตัวร้อน ผื่นคัน ขณะได้รับเลือดเกิดจากความผิดพลาดของรพ.
- หลายๆคนเกิดอาการเหล่านี้ได้ในขณะที่รับเลือด โดยทั่วไปเกิดบ่อยในคนที่ได้รับเลือดหลายๆครั้ง แต่ในคนที่ได้รับเลือดครั้งแรกก็เกิดได้
เนื่องจากในเลือดของเรามีเม็ดเลือดขาวเป็นยามคอยต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม,,,, สิ่งแปลกปลอมก็ได้แก่เชื้อโรคต่างๆ รวมไปถึงเลือดที่ได้รับมา การคัดเลือดจากธนาคารเลือดของรพ.นั้นทำเพื่อให้เลือดใกล้เคียงกันที่สุด แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเหมือนกันจนไม่เกิดอาการ
อาการตัวร้อนและมีผื่นคันจึงสามารถมีขึ้นได้
ผมเองสมัยที่ยังเรียนอยู่ก็มีปัญหาเหล่านี้ โดยบางคน ทั้งที่ได้รับเลือดมาหลายครั้งแล้วและได้รับการอธิบายก่อนเกิดอาการว่าสามารถเกิดอาการเหล่านี้ได้ ก็ยังแสดงความไม่พอใจและเชื่อมั่นว่าโรงพยาบาลเอาเลือดผิดหมู่มาให้

การได้เลือดผิดหมู่ มักจะไม่เกิดอาการเหล่านี้ครับ เพราะมันจะข้ามขั้นไปเป็นความดันตก ไม่รู้ตัว และตายไปเลย....

3. บริจาคไปแล้วบอกว่าเอาไปให้ผู้ป่วยไม่กี่ครั้ง อีกหลายครั้งไม่ได้บอก แปลว่าไม่ได้เอาไปให้
อันนี้เป็ฯความรู้ใหม่ที่พึ่งได้ยิน ว่ามีการแจ้งให้คนบริจาครู้
เลือดถ้าใช้ได้และเก็บเอาไปใช้ ส่วนใหญ่ก็เอาไปใช้ทั้งหมดแหละครับ

4. เคยบริจาคเลือดแล้วไม่มีปัญหา ปรากฎว่าพอไปบริจาคแล้วแจ้งมาว่าติดโรค..... อย่างนี้แปลว่าติดจากการบริจาค
ผมเคยได้ยินคนพูดกันเยอะ บางคนก็บอกว่ามีการเอาเข็มเก่ามาใช้ เอาถุงเลือดเก่ามาใช้เพื่อลดต้นทุน...
ซึ่งขอบอกว่าเรื่องนี้ไร้สาระ90% (อีก9.99%บ้าครับ)
ถ้าใครเคยดูหรือไปดูการรับบริจาคจะเห็นว่าถุงหรือเข็มที่ใช้ไปแล้ว จะถูกทำลายอย่างเป็นระบบครับ มีการเก็บเอาเข็มไปใส่รวมไว้ในที่เดียวเพื่อป้องกันการไปทิ่มโดนที่โน่นที่นี่
รวมทั้งเข็มที่ใช้และถุงที่ใช้ก็เป็นของใหม่ ไร้เชื้อ
ผมไม่เคยนึกมาก่อนเลยนะครับว่าการใช้เข็มครั้งเดียวทิ้งและมีการเก็บทำลายตามมาตรฐานสากล จะทำให้คนบางคนเอาไปนึกได้ว่าเป็นการเก็บเอาไปใช้ใหม่.......... คิดง่ายๆว่าถ้าจริงคนที่เสี่ยงที่สุดคือคนที่เอาเข็มพวกนั้นมาล้างใช้ใหม่... ใครจะกล้าครับ

ถ้าสงสัยว่าติดโรคจากการบริจาคเลือด ที่จริงควรนึกให้ดีว่าตนเองหรือคนที่ติดได้ทำอะไรที่เสี่ยงหรือไม่
อย่างที่เห็นบ่อยๆ ก็คือการไปสัก... ที่เห็นว่าร้านบางร้านใช้เข็มสักที่แช่ในแอลกอฮอล์....ดูให้ดีๆนะครับ

ถ้าแช่แอลกอฮอล์น้ำเดียวตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเข็มสักไปแช่น้ำเปล่าแหละครับ เพราะแอลกอฮอล์มันระเหยได้
(แต่ปัจจุบันก็มีคนที่ยังพยายามป่าวประกาศตามnetว่าตนเองติดโรคจากการบริจาคโลหิต)

5. เส้นใหญ่มาก แต่คนเจาะไร้ฝีมือ เจาะแล้วเส้นแตก
ต้องทำความเข้าใจว่า การที่เส้นใหญ่ไม่ได้แปลว่าจะแทงเส้นง่ายครับ
อย่างเช่นในคนแก่ เส้นเลือดขาดความยืดหยุ่น พอเจาะเข้าไปแล้วจะรั่วง่าย
หรือบางคนเส้นแข็ง เหนียว พอแทงเข้าไปเส้นก็จะหลบไปมา ภาษาพยาบาลเรียกว่า"เส้นดิ้นได้"

ผมเองก็อยู่ในหมวดหลังครับ เคยลองแทงเส้นตนเองแล้วก็พบว่ายากจริง ตกลงมันก็เป็นเพราะร่างกายเราเองเป็นส่วนใหญ่
(ลักษณะเส้น รวมทั้งสภาพเส้นเลือดในแต่ละวันแต่ละช่วงที่เราไปก็ไม่เหมือนกัน)
ส่วนที่เหลือขึ้นกับคนเจาะครับ


****************************************************

ขอยกแค่5ข้อนะครับ แต่อยากจะเสริมในส่วนอื่นๆ
ผมเองก็เป็นคนนึงที่สมัยเรียนไม่มีโอกาสบริจาคเลือด เพราะตอนนั้นเขาขอให้เป็นคนที่นอนเกิน6ชั่วโมง(ตอนหลังปรับมาเหลือ4 แต่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ดี) หลายๆคนก็คงไม่เคยบริจาคเลือด จะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่ อย่างเช่นกลัวเข็ม....... อันนี้ผมก็กลัว ทั้งที่วันนี้พึ่งผ่าทำคลอดไปเลือดกระฉูดเต็มพื้นที่ผ่าตัด ... แต่เวลามีคนถือเข็มใกล้ๆกลับรู้สึกใจคอหวิวๆ
อย่าน้อยใจครับ คุณยังช่วยเหลือประเทศชาติได้ด้วยวิธีต่างๆดังนี้
1. หยุด ละ เลิก การดื่มเหล้า
การดื่มเหล้าเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดเลือดออกในกระเพาะและหลอดอาหาร ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือดและเสียเลือดมาก ต้องให้เลือด
สมัยอยู่สมุทรสาคร1เดือน มีคนๆนึงเมาเหล้าอาเจียนเป็นเลือดเข้ามา ต้องให้เลือดช่วยชีวิต และก็กลับไปดื่มเหล้าทันทีในวันที่ออกจากโรงพยาบาล แล้วก็อาเจียนเป็นเลือดกลับมาให้หมอต้องสั่งให้เลือดไปอีกหลายถุง
บอกตรงๆว่าเสียดายครับ ของที่ช่วยคนได้กลับต้องมาอยู่กับคนแบบนี้

2. รู้กรุ๊ปเลือดตนเอง แล้วขอให้รู้ที่มาที่ไป
กรุ๊ปเลือดนั้นรู้ได้จากการเอาเลือดไปตรวจครับ ถ้าไม่เอาเลือดไปตรวจก็ไม่รู้
ผมเคยเสียเลือดไปเปล่าๆปลี้ๆ1ถุง กับคุณตำรวจท่านนึง
ก่อนหน้านั้นถามมาแล้วว่าเคยรู้หมู่เลือดไหมซึ่งแกว่าไม่รู้ ก็เอาเลือดไปตรวจและพบว่าเป็นAB ก็ขอเลือดมาให้1ถุง
พอกำลังจะให้ เลือดอยู่ในสายแล้วแกรีบบอกว่าพึ่งนึกได้ว่าแกหมู่เลือดโอ
ครั้งแรกแกหยิบบัตรประชาชนมาให้แล้วบอกว่าที่อำเภอบอกว่าแกเป็นกรุ๊ปโอ.... ผมก็บอกว่าถ้าไม่มีการตรวจเลือดก็เชื่อไม่ได้
แกก็ควักบัตรตำรวจออกมาบอกว่าตอนตรวจร่างกายปีก่อนๆหลายครั้ง ก็มีคนบอกว่าแกเลือดกรุ๊ปโอ
ก็เลยจนใจ ต้องดูดเลือดแกส่งไปใหม่พร้อมส่งเลือดถุงเดิมกลับไปเช็คซ้ำซึ่งก็ออกมาว่าถูกต้อง(แต่ใช้ไม่ได้เพราะเจาะไปแล้ว)
แกมาเฉลยว่า เลือดในใบตำรวจ ก็เอามาจากบัตรประชาชนนั่นแหละ สรุปคือแกไม่เคยเจาะเลยและมั่วหมู่เลือดเอา

ยกมาแค่สองข้อก็พอครับ กั๊กไว้วันหลังบ้าง ขอให้บริจาคให้สนุกนะครับ

#############################################

ที่มา http://www.mthai.com/webboard/7/111041.html

 

อนุโมทนาบุญกับทุกๆคนเป็นอย่างยิ่งครับ

ผมเป็นอีกคนที่คลั่งไคลกับการบริจาคเลือด เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วก็ไปบริจาคเป็นครั้งที่ 17 เนื่องจากบริจาคแล้วสบายใจ มีความสุขครับที่เลือดเราสามารถที่จะช่วยให้คนอื่นมีชีวิตอยู่รอดได้ เพราะเคยไปที่รพ.แล้วเห็นญาติ พี่น้องรอคอยการมามีสุขภาพแข็งแรง หรือแม้แต่การมีชีวิตใหม่อีกครั้ง เห็นแล้วสงสารอยากจะช่วยเท่าที่ทำได้ครับรวมทั้งบริจาคทุกส่วนของร่างกายเมื่อตายแล้วให้กับทางสภากาชาด เพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับคนอื่นให้มากที่สุด
เพราะรู้สึกอายเหล่า วัว ควาย ที่ตอนมีชีวิตอยู่ก็ทำงานทุกอยางให้กับมนุษย์ถึงตายทุกส่วนสามารถนำมาใช้ มากินได้หมดแต่คนนี่ซิตายแล้วยังหวงร่างกายเอาไว้อีก ต้องมาจัดงานกันให้วุ่นวายไปหมดสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ (เป็นความเห็นส่วนตัวครับ)
ถึงอย่างไรเสียเลือดเราก็มีวันหมดอายุด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรามานำเลือดนี้ไปช่วยคนอื่นกันดีกว่าครับ ขอเชิญชวนทุกๆคนที่ยังไม่เคยบริจาค มาช่วยกันเถอะครับ

 

ให้เลือดต่อชีวิต กุศลทานยิ่งใหญ่ของ รวิชญ์ เทิดวงศ์
​

ทาน หรือ การให้นั้นเป็นบารมีที่สำคัญประการหนึ่งของพุทธศาสนาที่ยังผลให้ผู้บำเพ็ญ รู้จักขัดเกลาตนเองพร้อมทั้งช่วยเหลือผู้อื่นไปในตัว โลกที่ขาดน้ำใจต่อกันย่อมแห้งแล้ง ประหนึ่งต้นไม้เพียงต้นเดียวย่อมประกอบเป็นป่าชุ่มชื่นไม่ได้ฉันนั้น

การบริจาคเลือดถือเป็นการให้ทานที่ยิ่งใหญ่ เสมือนการต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้ป่วยซึ่งรอคอยความหวัง เช่นนั้นหากเราคิดจะแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้างบางวาระ คงดีมิใช่น้อย

เช่นเดียวกับ ‘ปิ๊บ’ รวิชญ์ เทิดวงส์ นักแสดงหนุ่มที่เห็นความสำคัญของการให้เพื่อเป็นทาน ต่อชีวิตให้กับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก

“ปกติผมเป็นคนชอบทำบุญสุนทานอยู่แล้ว แต่ยิ่งเข้าใจ และเห็นความสำคัญมากขึ้นตอนได้บวชเรียนเมื่อ 15 ปีก่อน ผมได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนจากหนังสือธรรมะ ได้เห็นถึงคุณจากการทำความดีในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในตอนนั้นก็ไม่ได้เชื่อทันทีที่ได้อ่านหนังสือ แต่ยังเกิดจากประสบการณ์จริง ที่ดำรงชีวิตอยู่ ได้พบเจอเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ทำให้รู้สึกว่าการที่คนเราทำความดีไม่ช้าก็เร็ว คุณความดีนั้นย่อมกลับคืนมาสู่เราเช่นกัน

อย่างการบริจาคเลือดก็เป็นสิ่งที่ทำติดต่อมาเป็น 10 ปีแล้ว นับจนถึงวันนี้บริจาคมาทั้งหมด 26 ครั้ง จนได้เข็มกลัดที่ระลึกจากสภากาชาดไทยมา 4 อันแล้ว แถมยังเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ให้กับสภากาชาดไทยด้วย ถือเป็นความภูมิใจอย่าง

หนึ่งในชีวิตของผมก็ว่าได้” นักแสดงหนุ่มบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเป็นสุข

หลายครั้งการทำความดีย่อมต้องมีอุปสรรค ดังนั้นเมื่อมีความตั้งใจดี ยังต้อง มีความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยมอีกด้วย

รวิชญ์บอกว่า เขาเป็นคนที่ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้วก็ต้องลุยเลย เพราะถ้าผัดวันประกันพรุ่งก็จะไม่ได้ทำ โดยเฉพาะเรื่องทำบุญถือเป็นเรื่องสำคัญจะไม่ลังเล และเต็มที่เสมอ ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้ทำสักที เพราะมีแต่อุปสรรค เห็นหลายคนกลัวนั่น ห่วงนี่ อย่างบริจาคเลือดแล้วกลัวหน้ามืด หรือหาเวลาว่างไปไม่ได้ซะเลย นั่นแสดงว่าคุณไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆ

เชื่อเหลือเกินว่า หลายคนแม้พกความตั้งใจมาเต็มเปี่ยม แต่บางครั้งความหวาดกลัวก็มีส่วนบั่นทอนความมุ่งมั่นให้ลดหย่อนไปมากทีเดียว

ชายหนุ่มน้ำใจงามคนนี้ก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ต้องผจญกับความรู้สึกเช่นนั้น ทว่าในที่สุดเมื่อก้าวข้ามความกลัวไปได้แล้ว ก็กลายเป็นโอกาสให้ได้สร้างกุศลทานต่อเพื่อนมนุษย์ครั้งยิ่งใหญ่

“จริงๆ แล้วผมเป็นคนกลัวเข็มมาก สมัยตอนเด็กที่มีพยาบาลมาฉีดวัคซีนที่โรงเรียน ผมก็จะงอแงไม่อยากฉีดเลย กลัวมาก จะเลี่ยงเรื่องโดนฉีดยามาตลอด จนโตเป็นผู้ใหญ่ วันหนึ่งมีเพื่อนมาชวนไป บริจาคเลือด ในตอนนั้นผมคิดขึ้นมาได้ว่าการบริจาคเลือดก็เป็นการทำบุญอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรจะทำ ผมบอกได้เลยว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่บริจาคเลือดจนถึงวันนี้ก็ยังเกร็งทุกครั้งที่ถูกเข็มเจาะ แต่ถ้าเรามีความตั้งใจจริงก็จะทำ ให้บดบังความกลัวลงไปได้ ทำให้เราไม่สนใจความกลัวนั้น

ที่สำคัญการสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายยังไม่จำเป็นต้องใช้ เพื่อให้กับผู้ป่วย ก็ไม่ได้เป็นอันตรายกับตัวเราเลย เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ ว่า ร่างกายของคนมีปริมาณโลหิต 17-18 แก้วน้ำ ร่างกายใช้เพียง 15-16 แก้วเท่านั้นเอง

ส่วนที่เหลือนั้นก็บริจาคให้ผู้อื่นได้ และสามารถบริจาคได้ทุก 3 เดือน เมื่อบริจาคเลือดออกไป อีกไม่นานไขกระดูกก็จะสร้างขึ้นมาทดแทนใหม่ให้มีปริมาณเลือดเท่าเดิม แต่ถ้าไม่ได้บริจาค ร่างกายจะขับเม็ดโลหิตที่สลายตัว เพราะหมดอายุออกมาทางปัสสาวะ อุจจาระ” รวิชญ์บอกข้อดีของการบริจาคเลือด

และด้วยความบังเอิญ เลือดของเขายังมีความพิเศษกว่าคนอื่น ตรงที่เกร็ดเลือดมีคุณสมบัติพิเศษเป็น CMV-negative ซึ่งในหลายร้อยคนอาจจะมีคนที่มีลักษณะของเกร็ดเลือดประเภทนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งทำให้ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยแบบเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

“ผมคิดว่า ความแตกต่างของเลือดใน ตัวผมถือเป็นความโชคดีที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการเลือดในกลุ่มที่พิเศษจริงๆ จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจมาก คราวนั้นมีผู้ป่วยเป็นน้องผู้หญิง เรียนอยู่จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือด ซึ่งได้ใช้เลือดที่ผมบริจาคไปพอดี นางพยาบาลไปบอกกับพ่อของน้องผู้หญิงคน นั้นว่าเป็นเลือดของผม คุณพ่อของน้องฝากขอบคุณแล้วก็บอกด้วยว่า ลูกของเขา มีความสุขมาก ขอบคุณที่ได้ต่อชีวิตให้ลูกเขา ส่วนตัวผมก็รู้สึกอิ่มเอมใจมากที่ได้ช่วยเขา” นักแสดงหนุ่มถ่ายทอดเรื่องราวประทับใจ

ที่สำคัญในช่วงเดือนเมษายนที่กำลังจะมาถึงซึ่งตรงกับเทศกาลสงกรานต์ เป็นที่รู้กันว่าเป็นช่วงเวลาที่มีจำนวนอุบัติเหตุพุ่งทะยานสูงที่สุดในรอบปี เช่นนั้นความต้องการเลือดตามโรงพยาบาลต่างๆ ย่อมมีเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน

หนุ่มน้ำใจงามจึงฝากคำเชิญชวนผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ว่า “ผมอยากให้ สภากาชาดไทยติดต่อไปตามบริษัทต่างๆ แล้วนำรถเคลื่อนที่ไปบริการถึงสถานที่ของเขาเลย พร้อมประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า ว่าจะมาวันไหน เวลาใด ให้พนักงานได้เตรียมตัว และเมื่อมาถึงสถานที่ก็อำนวย ความสะดวกให้ผู้ที่มาบริจาคเลือด

จริงๆ แล้วมีหลายคนอยากบริจาค แต่มีปัญหาเรื่องไม่สะดวก เช่น สถานที่รับบริจาคไกลบ้าง รถติดบ้าง เช่นนั้นการไปรับบริจาคยังสถานที่ที่มีคนเป็นจำนวนมาก น่าจะได้รับการบริจาคเลือดได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ก็เห็นหลายๆ บริษัทให้ความสำคัญ แต่อยากให้มีการกระจายรถบริการเคลื่อนที่เพื่อไปรับบริจาคให้มากขึ้น

คงเคยได้ยินมาว่า ยิ่งบริจาคเลือด ยิ่งทำให้สุขภาพดี แต่สำหรับผมแล้วไม่เห็น ความแตกต่างว่าสุขภาพว่าดีขึ้นยังไงโดยตรง แต่สิ่งที่สัมผัสได้เห็นจะเป็นความรู้สึกที่ได้มีโอกาส ‘ให้’ กับคนอื่นที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคภัย

ผมเชื่อว่า คนเราเมื่อเกิดความรู้สึกดีๆกับตัวเองแล้วก็ส่งผลให้ร่างกายมีสุขภาพดีตามไปด้วย อยากลองให้ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องของการแข่งขันกันทำ ความดีก็ได้ อย่างกลุ่มเพื่อนของผมมีการแข่งขันกันว่าใครบริจาคบ่อยกว่ากัน แล้วถ้าใครมีเวลาว่างก็จะไปบริจาคเลือด กัน เสียเวลาไม่มาก แลกกับความภูมิใจ ที่ได้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

และเรื่องราวเหล่านี้คงถือเป็นภาพสะท้อนตัวตนอีกมุมหนึ่งของชายหนุ่มซึ่ง ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นคนดีที่ทำประโยชน์ต่อสังคม แถมยังพ่วงตำแหน่งแฟมิลี่แมนที่ห่างไกลทั้งเหล้าและบุหรี่ สมเป็นคนดังมีดีที่น่าเป็นแบบอย่างจริงๆ


(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 77 เม.ย. 50 โดย นันทยา)
ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

 

ท่านใดต้องการแจ้งข่าวสาร การขอรับบริจาคเลือด หรือจะเชิญชวน เพื่อนๆ ในเวปไปบริจาคเลือด

สามารถแจ้งได้เลยครับในกระทู้ มาช่วยกันครับ

 

อยากให้ไปบริจาค กันเยอะๆครับ

ผมไป แต่ละครั้ง คนน้อย ครับ

จะมีคนเยอะจริงๆ ก็ตอนที่ ภัยพิบัติกัน ครับ

แต่เลือดก็ต้องใช้ทุกวันครับ

 

วันนี้ไปบริจาคโลหิตมาแ้ล้วค่ะ
ไปวันธรรมดา ยังมีคนบริจาคโลหิตกันมากมาย
จดตัวเลขการสถิติการรับบริจาคมาฝากค่ะ

บันทึก ณ วันที่ 27 มกราคม 52
จำนวนที่ต้องการ 42,000 ยูนิต
รับแล้ว 32,848 ยูนิต
รออีก 9,614 ยูนิต

 

เราเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกดีมาก
เวลาบริจาคเลือดจะกระฉับกระเฉงกระปรี่กระเปร่า
แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่หลังจากบริจาคแล้วมีอาการ
แต่คิดว่าเป็นเพราะร่างกายกำลังปรับตัว
อย่างอายุก็กลางคนแล้วมันคงมีบ้าง
เพราะเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกายด้วย
แต่ก็ชอบบริจาครู้สึกว่าได้ช่วยคนโดยไม่มีเงื่อนไข
ไม่รู้ด้วยว่าให้ใคร
เป็นทานที่ให้โดยไม่เจาะจง

 

ยังไม่เคยบริจาคเลยครับ
แต่เห็นคุณครูท่านไปบริจาคบ่อยๆสมัยอยู่ประถม
แล้วท่านก็สอนเรื่องการให้เสมอ

 

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะพี่ธร ณ.ก็บริจาคอวัยวะทุกส่วนมาสิบกว่าปีแล้วเหมือนกัน
เริ่มจากดวงตา แล้วก็อวัยวะทั้งหมด ก็วันเดียวกันนั่นแหละค่ะ
ซึ่งคนสมัยก่อนหรือแม้กระทั่งสมัยนี้ยังมีความเชื่อผิดๆ กันว่า
ถ้าบริจาคดวงตา หรืออวัยวะ ถ้าเกิดชาติหน้า เราก็จะไม่มีใช้
จะกลายเป็นคนพิการ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดมากๆ
เขาไม่ได้มาเอาดวงตา หรือร่างกายตอนเรายังมีชีวิตอยู่นะคะ
เขาจะเอาตอนที่เราตายไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้เรื่องแล้วล่ะค่ะ
ซึ่งเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
ปล่อยไว้ต่อไปก็จะเน่า หรือเอาไปเผาทิ้งก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
แต่ถ้าเรายื่นเจตจำนงค์ในการบริจาค ดวงตาหรืออวัยวะ
ถือได้ว่าเราได้ทำบุญครั้งใหญ่หลังจากที่เราหมดลมหายใจ
ดวงตาของเราสามารถเปิดโลกทัศน์ เปิดโลกกว้าง ให้ผู้ที่มืดบอดได้
ให้เขาได้มองเห็น ได้รับรู้ถึง แสง สี และรอยยิ้ม
อวัยวะของเราสามารถไปต่อชีวิตให้ผู้อื่นได้
ให้เขาได้รับรู้ถึงความรัก ความหวังดีที่เราฝากไว้ให้เขา
เพื่อให้เขาได้มีโอกาสส่งมอบความรักและความเมตตาต่อไป
เพื่อให้เขาได้สามารถสร้างบุญสร้างกุศลทำความดีต่อไปอีก

มาร่วมกันใช้ร่างกายเราให้เกิดประโยชน์สูงสุดกันดีกว่าค่ะ
ของแถมคือมหากุศลในเจตจำนงค์ ในการให้เพื่อเป็นทาน

 

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

ผมเองก็บริจาคอยู่เป็นประจำ ตอนนี้บริจาคไปแล้ว 41 ครั้ง แสดงความจำนงค์บริจาคดวงตาใว้ตั้งแต่ ปี 2530



ธรรมะไม่กลับมา โลกาวินาศ

 

วันนี้ได้รับเมล์ ขอรับบริจาคโลหิต เป็นเคสพิเศษส่งต่อๆกันมาค่ะ
ซันจึงนำมาไว้ที่กระทู้นี้ด้วย ท่านใดยังอยู่ในข่ายบริจาคช่วยเคสนี้ได้อยู่
ลองติดต่อดูนะคะ​

<HR id=EC_EC_EC_EC_stopSpelling>

From: jiravudh@cciauto.co.th
To: ;
Subject: Fw: BLOOD NEEDED
Date: Thu, 5 Feb 2009 12:48:40 +0700​

<STYLE>.ExternalClass .EC_hmmessage P{padding-right:0px;padding-left:0px;padding-bottom:0px;padding-top:0px;}.ExternalClass BODY.EC_hmmessage{font-size:10pt;font-family:Verdana;}</STYLE>

ช่วยบอกบุญต่อๆนะจ๊ะ คนมีที่อยู่ Mail และรู้จักคนเยอะ ร่วมด้วยช่วย กันจ้ะ ​

​

​

​

​

<TABLE class=EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_EC_MsoNormalTable style="WIDTH: 100%" cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0.75pt; PADDING-LEFT: 0.75pt; PADDING-BOTTOM: 0.75pt; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0.75pt" vAlign=top width="100%">

ช่วยส่งต่อด้วยน่ะค่ะ ​

จากน้ำ ​

น้องของน้ำเพิ่งเปลี่ยนถ่าย Stem Cell เนื่องจากเป็น มะเร็งเม็ดเลือดขาว

ตอนนี้น้องอยู่ ICU ค่ะ น้องขาดเลือด ​

กำลังต้องการเลือดจำนวนมาก

ยังไงก็ขอความกรุณาเพื่อนๆด้วยนะคะ

ว่าใครบริจาค เลือด กรุ๊ป O หรือ เกร็ดเลือด กรุ๊ป A ที่สภากาชาดไทย กรุ๊ป A,O นะคะ ​

' ระบุว่าบริจาคให้ นายเขตนันท์ วัชระมงคล ที่เพิ่งปลูกถ่าย Stem Cell' ​

ถ้ามีอะไรสงสัยโทรมาถามได้ที่เบอร์ 089-4587738 นะคะ ​

แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ^^

แค่เป็นกระบอกเสียงให้ก็ขอบพระคุณมากมากแล้ว ​

ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ ​

อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ​

ขอกราบพระคุณทุกคนล่วงหน้า​

;aa24
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ค่ะพี่ซัน

เจน กรุ๊ปเลือด O ค่ะ ... น้องชัช พี่เล็ก พี่มิ๊ง ก็เลือด ปรุ๊ป O ค่ะ ^-^ แต่เจนก็ไม่ค่อยจะมีเลือด
เท่าไหรค่ะ - -" อยากบริจากอยู่เหมือนกัน ถ้า สุขภาพ โอเค และ มีเลือด เลี้ยงตัวเองได้ สมบูรณ์
กว่านี้ ก็ จะไป บริจาค ด้วยคน ค่ะ แฮะ ๆ ขอให้ คุณ เขตนันท์ วัชระมงคล มีสุขภาพที่ดีขึ้นนะ
ค่ะ ได้มีโอกาสได้ทำความดี ได้เจริญในธรรม เข้าถึงซึ่งพระนิพพานค่ะ
........................................ สาธุ สาธุ สาธุ


( พี่ซัน รูปข้างบนที่พี่ลง มันไม่ขึ้นค่ะ )


Ps. ยังไงก็อย่าลืมเอาเหล็กมาให้เจนกินด้วยนะพี่ อิอิ