โครงการการตรวจวัดพลังจิตสำนึก Consciousness Project

ในห้องแล็ป Princeton Engineering Anomalies Research (PEAR) ของมหาวิทยาลัย Princeton, สหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยเรื่อง "ปฏิสัมพันธ์ระหว่างความคิดกับเครื่องจักร (mind-machine-interaction)" ตั้งแต่ปลายยุค 1970 และในช่วงปลายยุค 1980 ก็ได้พิสูจน์ว่า ไดโอดที่มี white noise(สัญญาณเสียงแบบเสียงรบกวนที่ได้ยินเป็นเสียงซ่า) อาจจะใช้ในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับเครื่องจักรได้ ตั้งแต่ปี 1998 ได้มีการติดตั้งไดโอดที่ว่านี้ไปทั่วโลก 50 กว่าจุด เพื่อไม่แค่การวัดจิตสำนึก(consciousness) เฉพาะที่แต่ว่ายังวัดจิตสำนึกของมนุษย์ทั่วโลกด้วยภายใต้การศึกษาที่ชื่อ "Global Consciousness Project" ผลลัพธ์ที่ได้ได้นำมาเผยแพร่และชี้ให้เห็นว่าเกิดการ synchronize ของไดโอดทั้งหมดเมื่อมีเหตุการณ์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างเช่น สงครามอิรัก, พิธีฝังศพเจ้าหญิงไดอาน่า หรือเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายถล่มตึกเวิร์ดเทรดเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001

 

Automatic mind reading... การอ่านความคิดอย่างอัตโนมัติ

การวิจัยที่มหาวิทยาลัย US-American Princeton แสดงให้เห็นว่าเครื่องจักรและคอมพิวเตอร์ที่มีไดโอดและผลิต white noise ได้ สามารถมีแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับความคิดและจิตสำนึกของคนที่เกี่ยวพันกับไดโอด

ความสัมพันธ์ระหว่างความคิดและเครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์ไม่ต้องใช้สายไฟและขึ้นอยู่กับความสนใจ, ความมุ่งมั่นของจิตใจของคนที่ติดต่อกับเครื่องจักร การทดลองที่รู้จักกันดีที่ทดลองเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ทำที่มหาวิทยาลัย Princeton โดยมีนักศึกษา 200 คน(ไม่ทราบว่ามีอำนาจทางจิตหรือเปล่า) ผู้ซึ่งถูกขอให้คิด "+" หรือ "-" ระหว่างการทดสอบ

การประเมินผลของข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าความคิดเกี่ยวกับเครื่องหมาย "+" หรือ "-" จะไปส่งผลกับการคำนวณของคอมพิวเตอร์ที่คำนวณสร้าง white noise ขึ้นมา


รูปที่ 1

 

The Global Consciousness Project (GCP)

Roger Nelson ผู้ซึ่งทำงานที่ห้องแล๊ป PEAR จนกระทั่งปี 2002 ได้มีความคิดว่า แทนที่จะวัดจิตสำนึกแยกเป็นที่ๆ ก็น่าจะลองเช็คว่ามีจิตสำนึกทั่วโลกหรือเปล่าและมันสามารถวัดได้หรือไม่

ตั้งแต่ปี 1998 ได้มีไดโอดที่ผลิต white noise ประมาณ 50 ตัว ได้นำไปติดตั้งทั่วโลก จินตนาการว่าพวกไดโอดเหล่านั้นเป็นวิทยุสื่อสารซึ่งส่งสัญญาณระหว่างสถานีโดยเสียงที่ไม่เป็นระเบียบ ข้อมูลดิบของเสียงเหล่านี้จะส่งมาทุกวันจากคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง มายังเครื่องแม่ที่มหาวิทยาลัย Princton ผ่านทางอินเตอร์เนต ข้อมูลได้ถูกนำมาประเมินและทดสอบทางสถิติ โดยเฉพาะกับเหตุการณ์ที่ได้มีการเผยแพร่ไปทั่วโลกผ่านทางสื่อที่มีผลกระทบต่ออารมณ์


รูปที่ 2


The results are umambiguous

ก่อนที่จะเกิดการก่อการร้ายจู่โจมตึกเวิร์ดเทรดเซนเตอร์ เส้นการเบี่ยงเบน(รูปที่ 3 เส้นสีแดง) มีการผันแปรแทนที่จะวิ่งขึ้นลงอยู่รอบๆ เส้นสีดำ เหตุการณ์นี้ทำให้เส้นกราฟเกิดการเบี่ยงเบนที่สูง ที่เกิดขึ้นอย่างสอดคล้องกับไดโอด 50 อันทั่วโลก


รูปที่ 3

 

Morphic fields

หรือว่าสิ่งที่เกิดเป็นปรากฏการณ์ morphic? ในความเป็นจริงแล้วการที่จิตสำนึกโลกจะตอบสนองอย่างสอดคล้องกันทั่วโลกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ได้ถ่ายทอดสดไปทั่วโลกในทุกสื่อ มันจะไม่เป็นการพิสูจน์ว่าทุกคนได้ตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ไปในทางเดียวกันหรือ? Morphic field เป็นข้อสมมุติฐานของ ดร. Sheldrake ที่คาดว่าในแต่ละบุคคลจะถูกเชื่อมโยงกันด้วย morphic field ของมนุษยชาติ สนามพลังนี้อาจจะตอบสนองอย่างสอดคล้อง (synchroically) ทั่วโลก โดยปราศจากเหตุการณ์ที่เกิดอย่างตั้งใจและรับรู้พร้อมเพรียงกัน

ความจริงที่ว่าจิตสำนึกโลกได้มีการตื่นตัวตั้งแต่เวลาตี 4 (ดูรูปที่ 3) มันเป็นเวลาห้าชั่วโมงก่อนหน้าที่เครื่องบินลำแรกชน(8:45) และหกชั่วโมงครึ่งก่อนที่เครื่องบินลำที่สองจะเข้ามาชน(10:30) พิสูจน์ให้เห็นว่าจิตสำนึกโลกยังทำงานแม้ว่าจะไม่ได้มีการถ่ายทอดไปทั่วโลก เพราะว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนหรือสื่อไหนรู้เรื่องการก่อการร้ายนี้มาก่อน จนกระทั่งเวลา 8:45 จิตสำนึกโลกมีปฏิกิริยาตั้งแต่ตอนที่เครื่องบินโดนไฮแจ็คและเริ่มที่จะรู้ถึงแผนนี้ นี่เป็นหลักฐานขั้นต้นของการมีอยู่ของ morphic field ที่ซึ่งสังเกตได้ถึงการเชื่อมกันของมนุษยชาติ แม้ว่าการรับรู้ถึงเหตุการณ์นี้จะผ่านสัมผัสพิเศษ

เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้ถูกทดสอบโดย Global Consciousness Project (GCP) บนพื้นฐานทางสถิติของข้อมูลจาก 50 ไดโอดที่ได้รับมา ผลที่ได้จากการประเมินจะดูพิจารณาภายใต้ http://noosphere.princeton.edu/ (กรุณาอย่าส่งคำถามไปยังมหาวิทยาลัย Princeton แต่ติดต่อโดยตรงกับผู้อำนวยการของ GCP โดยส่งอีเมล์ไปยัง rdnelson@Princeton.EDU)

 

ณ จุดนี้เราอยากที่จะนำเอาตัวอย่างเอามาเสนออีก (รูปที่ 4 และ 5)


รูปที่ 4 พิธีฝังศพของเจ้าหญิงไดอาน่าที่มีผลต่อจิตสำนึกโลก



รูปที่ 5 การฝังศพของคุณแม่เทเรซาผู้ซึ่งเสียอายุในตอนแก่เป็นการเสียชีวิตโดยธรรมชาติ หนึ่งสัปดาห์ให้หลังเส้นกราฟดูปกติ

เหตุการณ์ในด้านบวกก็ส่งผลต่อจิตสำนึกโลกด้วย

จิตสำนึกโลกแสดงปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงกับเหตุการณ์ด้านบวกพอๆ กับด้านลบ

ระหว่างสี่ปีที่ดำเนินการ Global Consciousness Project วันหยุดทั่วโลกจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อไดโอด เหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายโจมตีนิวยอร์ค เป็นอันดับสอง

สงครามในอิรักก็ส่งผลด้วยเช่นกัน

ภัยพิบัติธรรมชาติที่มองเห็นได้ชัดว่าเกิดจากธรรมชาติแม้ว่าจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างสูงแต่มันก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดน้อยที่สุดที่เคยวัดได้ จะเป็นช่วงการแข่งกีฬาและเหตุการณ์ทางการเมืองอย่างเช่นการเลือกตั้ง


รูปที่ 6 แสดงกราฟที่ได้ในคืนก่อนปีใหม่ ปี 2001/2002

 

(ช่วงนี้แปลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ขออภัยถ้าอ่านแล้วงงๆ )

The Individual Consciousness Project (ICP)

ตามการวิจัยของ "Campus study centre for applied naturopathic treatment"ที่ Munich Individual fields of consciousness(สนามพลังของจิตสำนึกจำเพาะบุคคล) ได้ถูกนำมาวิเคราะห์ในเวลาเดียวกับที่จิตสำนึกโลกได้ทำการวิจัยในอเมริกา เหมือนกับที่มหาวิทยาลัย Princeton ทำ ได้นำเอาไดโอดที่ผลิต white noise มาใช้ ความแตกต่างอยู่ตรงที่โปรเจคของอเมริกาได้ติดตั้งไดโอดไป 50 ที่ทั่วโลกและส่งสัญญาณมาสม่ำเสมอ Global Consciousness Project จะวิเคราะห์เสียงที่ได้รับมาและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงกราฟที่วาดจากค่าสถิติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก

แต่ว่า Individual Consciousness Project (ICP) นั้นจะสแกนสนามพลังจิตสำนึกเฉพาะบุคคลผ่านทางไดโอดและเชื่อมต่อ สัญญาณเสียงที่ได้จากไดโอดเข้ากับฐานข้อมูล ที่ซึ่งมีข้อมูลสถานะจิตสำนึกในรูปแบบต่างๆ เก็บอยู่ โดยวิธีการนี้ข้อมูลสถานะของสนามจิตสำนึก(field of consciousness) ที่สามารถอธิบายได้จะถูกเก็บลงไปตรงๆ ในฐานข้อมูล

การทดลองที่ทำขึ้นที่มหาวิทยาลัย Princeton (ห้องแล็บ PEAR) ตามที่ได้อธิบายไปส่วนแรกของบทความนี้ รวมถึงไดโอดที่สร้าง white noise ที่เชื่อมต่อเข้ากับฐานข้อมูลและข้อมูลจิตสำนึกส่วนบุคคลที่อ่านค่าเข้ามา "Campus study centre for applied naturopathic treatment" ที่ Munich ได้ทำการทดลองอย่างที่ว่ามา อย่างไรก็ตามฐานข้อมูลไม่ได้มีแค่สองค่า ("+" กับ "-") แต่จะมีเยอะกว่านั้น ขณะที่ นักศึกษาอเมริกาในการทดลองที่ Princeton ถูกขอให้คิดถึงเครื่องหมาย "+" หรือ "-" แต่ที่ Individual Consciousness Project(ICP) จะสแกนหาค่าโดยไม่มีคำสั่ง

"มัน"(จิตสำนึก) คิดอยู่เสมอ(โดยไม่รู้สึกตัว)

ผลลัพธ์จะถูกกรอกบันทึกลงฐานข้อมูล ซึ่งจับคู่กับข้อมูลของสนามพลังของจิตสำนึก คล้ายกับจิตสำนึกในการทดลองที่อเมริกาในการคิดถึงเครื่องหมาย "+" ที่จะยืนยันโดยคอมพิวเตอร์จะแสดง "+"

ฐานข้อมูลจะเก็บข้อมูลจำพวก doctrines(หลักคำสอน?), affirmations, จุดฝังเข็ม, การรักษาโดยวิธี homeopathic, exposures และอื่นๆ ไดโอดแสดงข้อมูลในฐานข้อมูลที่เหมือนกันกับสนามพลังที่สแกนเข้ามาโดยไม่มีการปฏิสัมพันธ์กันมนุษย์ ฐานข้อมูลประกอบด้วยข้อมูลสภาพต่างๆ ที่เป็นไปได้ของสนามพลังที่นำมาวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมที่กำหนดไว้ก่อนนี้แล้วทำให้สภาพปัจจุบันของสนามพลังถูกแสดงออกมาอย่างถูกต้องโดยคอมพิวเตอร์

ไดโอดที่สร้าง white noise เป็นเทคโนโลยีสำคัญสำหรับการสแกนจิตสำนึก

ตัวกำเนิดค่าแบบแรนดอมอย่างอื่นที่ไม่มีไดโอดน่าจะนำมาพิจารณาด้วย แต่ว่าโปรเจคงานวิจัยของทั้งสองอันนี้(Global และ Individual Consciousness Project) ใช้เทคโนโลยีที่ยอมรับได้ แม้ว่าจะราคาสูง

 

แม้แต่สัตว์ก็มีสนามจิตสำนึก(field of consciousness)

ไดโอดที่สร้าง white noise ที่มีปฏิสัมพันธ์กับรูปแบบของจิตสำนึก เนื่องจากสัตว์ก็มี จิต(ใต้)สำนึก พวกมันก็น่าจะเอามาพิจารณาด้วย

ตัวอย่างที่ดีคือการทดลองของ Rupert Sheldrake ที่เขียนในหนังสือ "The seventh sense of animals"(สัมผัสที่เจ็ดของสัตว์) ของเขา ในหน้า 322

ในการทดลองนี้ ลูกนกที่พึ่งฟักออกมาจะถูกทำให้เคยชินกับหุ่นยนต์ที่ถูกควบคุมโดยไดโอดที่สร้าง white noise มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้ลูกนกที่เพิ่งฟักออกมาเชื่อว่าหุ่นยนต์เป็นแม่ของมันเหมือนอย่างที่ Konrad Lorenz ทำในการทดลองที่มีชื่อเสียงของเขากับห่านเทา: ลูกนกจะมองว่าสิ่งแรกที่มันเห็นหลังจากที่ฟักออกมาคือแม่ของมัน


รูปที่ 7
รูปที่ 7 แสดงให้เห็นถึงส่วนแรกของการทดลองนี้ กรงที่ว่างเปล่าอยู่ด้านขวาและหุ่นยนต์ที่ถูกควบคุมโดยไดโอดที่สร้าง white noise จะเคลื่อนที่ในพื้นที่ที่ถูกกำหนด เส้นที่เห็นแสดงถึงเส้นทางการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์



รูปที่ 8
ระหว่างส่วนที่สองของการทดลองลูกนกที่ถูกทำให้เชื่อว่าหุ่นยนต์เป็นแม่ของมันได้ถูกวางไว้ด้านขวาของกรง เส้นทางเดินแสดงให้เห็นว่าจิตสำนึกของลูกนกที่เข้าใจว่าหุ่นยนต์เป็นแม่ของมัน ทำให้หุ่นยนต์เคลื่อนไหวเข้ามาใกล้ๆ กรง

การทดลองนี้ทำให้คิดได้ เพราะว่าลูกนกไม่รู้ว่าอะไรคือหุ่นยนต์และไม่รู้ว่าอะไรคือไดโอด และก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้หุ่นยนต์เดินไปทางตรง-ขวา-ซ้าย ดังนั้นมันจึงเป็นความปรารถนาของจิตใต้สำนึก ความคาดหวังของลูกนกที่ซึ่งทำให้ควบคุมหุ่นยนต์ผ่าน "ไดโอด" ได้ในที่สุด เป็นการประสานกันระหว่างความคิดกับเครื่องจักร

 

การนำมาประยุกต์ใช้จริง

Individual Consciousness Project ใช้เครื่องจักรเหมือนกัน แทนที่จะใช้ลูกนก, พืช, ทะเลสาป, สนามหญ้า, บ้าน และวัตถุอื่นๆ แทนที่จะเป็นหุ่นยนต์ด้วยฐานข้อมูลที่มีบันทึกแค่สามอัน(ตรง, ขวา, ซ้าย) ก็เป็นฐานข้อมูลที่ประกอบไปด้วยวิธีการแก้ปัญหาทั้งหมดที่เป็นไปได้ในการแก้ใขสิ่งผิดปกติของวัตถุที่นำมาวิเคราะห์อาจจะมี การวิจัยที่ "Campus study centre for applied naturopathic treatment" ใน Munich แสดงให้เห็นว่า ไดโอดที่สร้าง white noise อาจจะใช้ในทางนี้ได้และมันระดับของข้อมูลและแสดงคลื่นความถี่ของจิตสำนึกที่ในระดับที่ยอมรับได้ ความเป็นจริงแล้วการวิจัยนี้เป็นการพิสูจน์ว่าจิตสำนึกและ morphic field ที่อยู่รอบๆ ไม่เพียงแต่มีเฉพาะในคนและสัตว์เท่านั้นแต่ว่าพืชแและสิ่งที่ไม่มีชีวิตด้วย

พระเจ้าอยู่ในทุกสิ่ง หลับอยู่ในหิน, เป็นลมหายใจในพืช, ความฝันในสัตว์และตื่นตัวอยู่ในมนุษย์

ทุกๆ สิ่งมีจิตสำนึกของมันเองที่สามารถสแกนได้โดยไดโอดที่มี white noise และนำมาประเมินได้

 

วิทยาศาสตร์

งานวิจัยที่ ห้องแล็ป PEAR ที่มหาวิทยาลัย Princeton ที่อเมริกา และ มหาวิทยาลัย Freiburg ในเยอรมันและรวมถึง "Global Consciousness Project" ที่ได้อธิบายไว้แต่แรก เป็นเรื่องจริงจัง เรื่องเหล่านี้ได้นำมาศึกษาในทางวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย Princeton อาจจะพิจารณาเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเรื่องฟิสิกส์ ไอสไตน์ก็ได้มาสอนที่นี่หลังจากออกมาจากเยอรมัน วงล้อหนึ่งของนักวิทยาศาสตร์ที่มีผลกระทบต่อยุคของเรา ผลที่ได้จากมหาวิทยาลัย Princeton จะถูกนำมาคิดจริงจัง

"Campus study centre for applied naturopathic treatment" ใน Munich เป็นสถาบันเอกชน เวลาจะบอกว่าการขาดสถานะภาพการเป็นมหาวิทยาลัยของศูนย์การศึกษานี้จะทำให้ผลการวิจัย "Individual Consciousness Project" ออกมาไม่มีคุณภาพหรือไม่

ที่มา http://www.m-tec.ag/dasneueste.asp?lang=eng และ http://gnosis9.net/view.php?cisloclanku=2006040012

 

ที่เวป วิกิพีเดียก็มีพูดถึงโครงการณ์ Global Consciousness Project เหมือนกัน http://en.wikipedia.org/wiki/Global_Consciousness_Project

ส่วนนี้เป็นลิงค์ของโครงการ Global Consciousness Project http://noosphere.princeton.edu/

ที่เวปนี้จะมีอธิบายถึงวิธีการทดลอง วิธีการเอาค่ามาคำนวณและวิเคราะห์ทางสถิติ รูปเครื่องมือ


http://noosphere.princeton.edu/results.html นี่เป็นหน้าเวปที่เก็บรวมรวมเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลก และสามารถกดเข้าไปดูข้อมูลได้ บางครั้งจะเป็นการเก็บข้อมูลเมื่อมีการนัดกันทำสมาธิทั่วโลก นี่ก็เป็นตัวอย่างข้อมูลตอนที่เกิดซึนามิที่อันดามัน http://noosphere.princeton.edu/earthquake.tsunami.html


ถ้าใครต้องการดูข้อมูลสดๆ ก็เข้าไปดูได้ที่ http://noosphere.princeton.edu/bsktobsrv/basketobserver.wall.html หรือถ้าเข้าไปหน้านั้นแล้วไม่เห็นอะไรก็ดูที่ http://noosphere.princeton.edu/bsktobsrv/nishith/basketobserver.html


ส่วนหน้านี้จะเป็นการดูข้อมูลย้อนหลัง http://noosphere.princeton.edu/data/eggsummary/ จากหน้าแรกไปที่เมนู Data access แล้วเลือก Go to the Eggsummary Data หรือกดที่เมนูย่อย Daily Summaries ข้างบน


ส่วนหน้านี้จะเป็นหน้าแสดงตำแหน่งที่ตั้ง host แต่ละที่ http://noosphere.princeton.edu/egghosts.html สามารถดูเลข ID ของ host แต่ละเพื่อเอาไปดูเทียบกับหน้าที่แสดงข้อมูลได้ วิธีดูนั้น ตัวอย่างเช่น 65. 2044-ETH

เลขตัวสีน้ำเงินนั้นบอกแค่ลำดับเฉยๆ แต่ตัวสีแดงนั้นจะเป็นเลข ID ของ host ตัวนี้ ซึ่งตัวนี้แหละที่จะเอาไปเทียบในหน้าแสดงข้อมูล อย่างตัวอย่างที่เอามาให้ดูก็เป็น ID host ตัวที่อยู่ที่เกาะสมุยบ้านเรานี่เอง

 

ขอบคุณสำหรับการตามอ่าน และนี่เป็นข้อมูลกราฟที่ได้จากการที่วัดจากเหตุการณ์ดีๆ ที่เกิดขึ้นกับโลก เช่น นัดกันทำสมาธิหลายๆ คน หรือนัดการสวดภาวนาหลายๆ คน หรือนัดกันทำอะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งดีๆ

http://noosphere.princeton.edu/results_prayer.html
http://noosphere.princeton.edu/results_billion.html
http://noosphere.princeton.edu/grtexp2.html
http://noosphere.princeton.edu/earthday.html
http://noosphere.princeton.edu/groupmind.html
http://noosphere.princeton.edu/groupmind2.html
http://noosphere.princeton.edu/groupmind3.html
http://noosphere.princeton.edu/groupmind4.html
http://noosphere.princeton.edu/wehd2001.html
http://noosphere.princeton.edu/111111medit.html
http://noosphere.princeton.edu/ramadan.html
http://noosphere.princeton.edu/srilankamedit.html

 

สิ่งที่คิด กับ สิ่งที่ทำ ต่างกันเหมือน น้ำ กับ น้ำมัน..."การกระทำ" ที่ได้ทำไปแล้ว ไม่สูญสลายไปไหน จะติดไปกับจิตของผู้ที่กระทำไปตลอดกาล...พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า "ตัวกระทำ"....และตรัสเกี่ยวกับ "หลักสัจจะธรรม" ว่า......."ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน"... ดังนั้น ทุกการกระทำ ทุกย่างก้าวของพระพุทธเจ้าจึงต้องพิจารณาว่า จะไม่ส่งผลให้ผู้อื่นเดือดร้อน เป็นทุกข์ ทั้งทางตรง แต่ทางอ้อม ทั้งปัจจุบัน และอนาคต...หากเราปรารถนาหลุดพ้นจากความทุกข์ จาการเกิดใหม่...ก็จำเป็นต้องทำตามเยี่ยงอย่างพระพุทธเจ้า...นั้น คือ นำ "หลักสัจจะธรรม" มาปฏิบัติ....ซึ่งหมายถึง การกำหนด "สัจจะ" ขัดเกลานิสัยสันดานให้หมดไปจากจิตใจของเรา...ทำอย่างที่พระสงฆ์สมัยพระพุทธองค์ปฏิบัติกัน คือ "ทำเป็นประจำวัน"...."สัจจะ" คือ แก่นสารของพุทธศาสนา นอกเหนือ "สัจจะ" แล้วมิใช่แก่นสาร เป็นการนำความเชื่อนอกศาสนาเข้ามา - " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ชื่อโครงการนี้บางเวปก็เขียนว่า Consciousness fields can now be measured scientifically! บางเวปก็เขียนว่า Morphic fields can now be measured scientifically! ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอันไหนดี

แล้วไปเจอเวปที่มีโปรแกรมในการดึงข้อมูลในโครงการ Global Consciousness Project มาดู ชื่อโปรแกรมก็คือ EGGSHELL http://www.fourmilab.ch/eggtools/eggshell/ รู้สึกว่าต้องใช้ c++ ในการ complie นะ ถ้าเข้าใจไม่ผิด

 

ในเรื่องนี้มีพูดถึง Morphic field ถ้าใครยังไม่รู้จักเรื่องนี้ ก็ไปอ่านได้ที่ http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=5068

แล้วก็ไปเจอรูปกราฟที่เปรียบเทียบว่าเหตุการณ์แบบไหนที่ส่งผลกระทบมากที่สุด จากกราฟก็จะเห็นได้ว่าเป็นพวกงานฉลองและรองลงมาก็เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับทางจิตวิญญาณ

ที่มา http://www.firewalk.ch/newsletters/newsletter9.php

 

ขอบคุณครับ

 

เยี่ยมๆๆ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ

 

ในเวปของโครงการนี้ก็ได้มีข้อมูลอัพเดตเกี่ยวกับเหตุการณ์พายุถล่มที่พม่าและแผ่นดินไหวที่จีนเลยเอาข้อมูลมาอัพเดตกัน

สำหรับเหตุการณ์พายุถล่มที่พม่านั้น พายุได้เข้าพม่าในวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม

และนี่เป็นกราฟในวันนั้น



กราฟวิ่งขึ้นจนถึง 16:00 น. กราฟก็ได้พุ่งลงมา

เพราะว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องดังนั้นจึงต้องติดตามดูข้อมูลในวันต่อๆ มา ภาพต่อไปนี้แสดงถึงกราฟในช่วง 3 วันโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม กราฟดูมีแนวโน้มไปทางลบอย่างต่อเนื่อง


<hr>
เหตุการณ์ต่อไปเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จีนในวันที่ 12 พฤษภาคม แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในเวลา 14:28 ในเวลาท้องถิ่น และเป็นเวลา 6:28 GMT ตามเวลามาตรฐานสากล

และนี่ก็เป็นกราฟที่ได้ในวันนั้น



Ref: http://noosphere.global-mind.org/cyclone.myanmar.html และ http://noosphere.global-mind.org/china.quake.html

 

ได้มีคนทำการทดลองขึ้นเองโดยหาเครื่องสุ่มตัวเลขมาเองเครื่องที่ว่านี้ชื่อ "Orion" ซึ่งเป็นเครื่องชนิดเดียวกันกับที่การทดลองนี้ใช้ และได้ download โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลที่ชื่อ EggAnalysis มาจากเวปของโครงการนี้เพื่อมาวิเคราะห์การทดลองที่จัดขึ้นเอง

หน้าตาของเครื่อง Orion


ได้ทำการทดลองวันค่าในงานเต้นรำประจำปีของชุมชน Findhorn
งานเต้นรำจัดขึ้นในช่วงเวลา 20:00 - 22:30 น. ของวันที่ 8 กรกฏาคม 2006 และนี่เป็นกราฟที่ได้โดยวาดกราฟตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยงจนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 8 กรกฏาคม



ได้มีการทดลองอีกครั้งในงาน Planetary Game ที่จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2006 ในเกมนี้จะมีการร้องเพลงและทำสมาธิร่วมกัน

ในกลุ่มจะมีการทำสมาธิเป็นเวลาสั้นๆ และให้แผ่ความรักและคำอวยพรไปยังคู่ของตัวเอง โดยเริ่มทำในเวลา 20:00 เป็นเวลา 7 - 10 นาที

และเมื่อดูกราฟในช่วงเวลานั้นแล้วจะได้ออกมาดังนี้



ในช่วงเวลา 20:00 น.(ที่เขียนเลข 1 ในแกนนอน) จนถึงเวลา 20:15 น. กราฟมีพุ่งขึ้นเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ดีก็เป็นแค่ข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆ

ที่มา : http://mdammer.net/joomla10/content/view/16/31/

ปล. ข้อมูลในเวปนี้แปลมาไม่ได้ละเอียดเท่าไหร่ ถ้าอยากอ่านโดยละเอียดแนะนำให้เข้าไปอ่านในเวปครับ

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ แต่ถึงยังไงมันก็ยังซับซ้อนอยู่ดีค่ะ มันวัดได้ยาก