ทดลองอ่านพระไตรปิฏก เล่มที่ 3 ภิกขุนีวิภังค์

ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย Aung CapA, 10 กรกฎาคม 2007.

  1. Aung CapA

    Aung CapA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +275
    หลบไปพักร้อนซะ 4 อาทิตย์ ตอนนี้เริ่มทดลองอ่านอีกแล้วค่ะ

    (bb-flower

    พระวินัยปิฎก
    เล่ม ๓
    ภิกขุนีวิภังค์
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
    ปาราชิกกัณฑ์
    ปาราชิกสิกขาบทที่ ๑
    เรื่องภิกษุณีสุนทรีนันทา

    [๑] โดยสมัยนั้น พระนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของ
    อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น นายสาฬหะหลานของมิคารมาตา มีความประสงค์
    จะสร้างวิหารถวายภิกษุณีสงฆ์. ครั้งนั้นและนายสาฬหะหลานของมิคารมาตา. จึงเข้าไปหานาง
    ภิกษุณีทั้งหลาย แจ้งความประสงค์ว่า แม่เจ้า กระผมอยากจะสร้างวิหารถวายภิกษุณีสงฆ์ ขอแม่
    เจ้าจงโปรดให้ภิกษุณีผู้อำนวยการก่อสร้างรูปหนึ่งแก่กระผม. ครั้งนั้นมีสาว ๔ พี่น้อง ชื่อนันทา ๑ ชื่อ
    นันทาวดี ๑ ชื่อสุนทรีนันทา ๑ ชื่อถุลลนันทา ๑ บวชอยู่ในสำนักภิกษุณี. บรรดาภิกษุณีทั้ง ๔ นั้น
    ภิกษุณีสุนทรีนันทา เป็นบรรพชิตสาวทรงโฉมวิไล น่าพิศ พึงชม เป็นบัณฑิต เฉียบแหลม มี
    ปรีชา ขยัน ไม่เกียจคร้าน กอปรด้วยปัญญาเลือกฟั้นอันเป็นทางดำเนินในการงานนั้นๆ สามารถ
    พอที่จะทำกิจการงานนั้นๆ ให้ลุล่วงไป. ครั้งนั้นแลจึงภิกษุณีสงฆ์ได้สมมติภิกษุณีสุนทรีนันทาให้
    เป็นผู้อำนวยการก่อสร้างแก่นายสาฬหะ หลานมิคารมาตา. และต่อมาภิกษุณีสุนทรีนันทา ไปสู่
    เรือนของนายสาฬหะ หลานมิคารมาตาเสมอ โดยแจ้งว่า จงให้มีด จงให้ขวาน จงให้ผึ่ง จง
    ให้จอบ จงให้สิ่ว. แม้นายสาฬหะ หลานมิครมาตา ก็ไปสู่สำนักนางภิกษุณีเสมอ เพื่อทราบ
    กิจการที่ทำแล้ว ที่ยังมิได้ทำ เขาทั้งสองได้มีจิตปฏิพัทธ์กัน เพราะเห็นกันอยู่เสมอ. ครั้นนายสาฬหะ
    หลานมิคารมาตา ไม่ได้โอกาสที่จะประทุษร้ายภิกษุณีสุนทรีนันทา จึงได้ตกแต่งภัตตาหารถวายภิกษุณี

    สงฆ์ เพื่อมุ่งจะประทุษร้ายภิกษุณีสุนทรีนันทานั้น. ครั้งนั้นแล นายสาฬหะหลานมิคารมาตา
    ให้ปูอาสนะในโรงฉัน จัดอาสนะสำหรับภิกษุณีทั้งหลายที่แก่กว่าภิกษุณีสุนทรีนันทาไว้ส่วนหนึ่ง
    สำหรับภิกษุณีทั้งหลายที่อ่อนกว่าภิกษุณีสุนทรีนันทาไว้ส่วนหนึ่ง จัดอาสนะสำหรับภิกษุณีสุนทรี
    นันทาไว้ในสถานที่อันกำบังนอกฝาเรือน ให้ภิกษุณีผู้เถระทั้งหลายพึงเข้าใจว่านางนั่งในสำนักพวก
    ภิกษุณีผู้นวกะ แม้ภิกษุผู้นวกะทั้งหลายก็พึงเข้าใจว่า นางนั่งอยู่ในสำนักพวกภิกษุณีผู้เถระ.

    ครั้นจัดเสร็จแล้ว นายสาฬหะหลานมิคารมาตา ได้ให้คนไปแจ้งภัตตกาลแก่ภิกษุณีสงฆ์
    ว่าได้เวลาอาหารแล้ว เจ้าข้า ภัตตาหารเสร็จแล้ว.

    ภิกษุณีสุนทรีนันทาทราบได้ดีว่า นายสาฬหะ หลานมิคารมาตา ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ได้
    ตกแต่งภัตตาหารไว้ถวายภิกษุณีสงฆ์ ด้วยเธอมีความประสงค์จะประทุษร้ายเรา ถ้าเราไป ความอื้อฉาว
    จักมีแก่เรา จึงใช้ภิกษุณีอันตวาสินีไปด้วยสั่งว่า เธอจงไปนำบิณฑบาตมาให้เรา และผู้ใดถามถึงเรา
    เธอจงบอกว่าอาพาธ.

    ภิกษุณีอันเตวาสินีนั้นรับคำสั่งของภิกษุณีสุนทรีนันทาแล้วว่าดีแล้วพระแม่เจ้า.
    สมัยนั้น นายสาฬหะ หลานมิคารมาตา ยืนคอยอยู่ที่ซุ้มประตูข้างนอก ถามถึงภิกษุณี
    สุนทรีนันทาไปข้างไหน ขอรับ แม่เจ้าสุนทรีนันทา ไปข้างไหน ขอรับ?

    เมื่อเขาถามถึงอย่างนี้แล้ว ภิกษุณีอันเตวาสินีของนางสุนทรีนันทาตอบกะเขาดังนี้ว่า อาพาธ
    ค่ะ ดิฉันจักนำบิณฑบาตไปถวาย.

    ครั้งนั้นเขาคิดว่า การที่เราได้ตกแต่งอาหารถวายภิกษุณีสงฆ์ ก็เพราะเหตุแม่เจ้าสุนทรีนันทา
    จึงสั่งคนให้เลี้ยงดูภิกษุณีสงฆ์แล้วเลี่ยงไปทางสำนักภิกษุณีสงฆ์.

    ก็สมัยนั้น ภิกษุณีสุนทรีนันทายืนคอยมองนายสาฬหะ หลานมิคารมาตาอยู่ข้างนอกซุ้มประ
    ตูวัด นางเห็นเขาเดินมาแต่ไกลจึงหลบเข้าสู่สำนัก นอนคลุมศีรษะอยู่บนเตียง.

    ครั้นเขาเข้าไปหาแล้ว ได้ถามนางว่า แม่เจ้าไม่สบายหรือขอรับ ทำไมจึงจำวัดเสียเล่า?.
    นางตอบว่า นาย การที่สตรีรักใคร่กับคนที่เขาไม่รักตอบ ย่อมเป็นเช่นนี้แหละค่ะ.
    เขากล่าวว่า ทำไมผมจะไม่รักแม่เจ้า ขอรับ แต่ผมหาโอกาสที่จะประทุษร้ายแม่เจ้าไม่ได้
    แล้วมีความกำหนัด ได้ถึงความเคล้าคลึงด้วยกายกับนางภิกษุณีสุนทรีนันทา ผู้มีความกำหนัด.

    ก็สมัยนั้นแล ภิกษุณีรูปหนึ่งผู้ชราทุพพลภาพ เท้าเจ็บ นอนอยู่ไม่ห่างจากภิกษุณีสุนทรี
    นันทา. นางภิกษุณีนั้นได้แลเห็นนายสาฬหะ หลานมิคารมาตา ถึงความเคล้าคลึงด้วยกายกับภิกษุณี
    สุนทรีนันทาผู้กำหนัด ครั้นเห็นแล้วจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าสุนทรีนันทา จึง
    ได้มีความกำหนัด ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกายของบุรุษบุคคลผู้กำหนัดเล่า. ครั้งนั้นแล นางภิกษุณีนั้น
    ได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุณีทั้งหลาย. บรรดาภิกษุณีผู้มีความมักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความ
    รังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน แม่เจ้าสุนทรีนันทา จึงได้มี
    ความกำหนัดยินดีการเคล้าคลึงด้วยกายของบุรุษบุคคลผู้กำหนัดเล่า. ครั้งนั้นแล นางภิกษุณีเหล่านั้น
    จึงแจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุเหล่านั้นพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณี
    สุนทรีนันทาจึงได้มีความกำหนัด ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกายของบุรุษบุคคลผู้มีความกำหนัดเล่า.
    ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.185654/[/MUSIC]<!-- attachments -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2007
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,907
    ขออนุโมทนาครับผม[​IMG]

    (bb-flower
     
  3. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,698
    มืออาชีพหรือเปล่าคะ เสียงน่าฟังมากค่ะ
     
  4. maysa79

    maysa79 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    6,075
    ค่าพลัง:
    +18,575
    [​IMG]อนุโมทนาค่ะ เสียงน่าฟัง และอ่านได้คล่องมากเลยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...