ความสามารถที่เหนือพระเจ้าที่มีโลกแค่ใบเดียว

พระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปยังจักรวาลอื่น


ณ สถานที่ที่หมู่
มารทั้งหลายนั่งประชุม พึงทราบว่า มารบริษัท อนึ่ง บริษัทนั้นแม้ทั้งหมด
ของมารทั้งหลาย ไม่ได้ถือเอาด้วยสามารถแห่งการเห็นสถานที่เลิศ. เพราะ
มนุษย์ทั้งหลาย ย่อมไม่อาจเพื่อจะกล่าวแม้คำปกติว่า พระราชาประทับนั่งใน
ที่นี้ เหงื่อทั้งหลายย่อมไหลออกจากรักแร้. ขัตติยบริษัทเลิศอย่างนี้.

พราหมณ์ทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้ฉลาดในเวทสาม. คหบดีทั้งหลายย่อมเป็นผู้ฉลาดในโวหารต่าง ๆ และในการคิดอักษร. สมณะทั้งหลายย่อมเป็นผู้ฉลาดในวาทะของตนและวาทะของคนอื่น.

ชื่อว่า การกล่าวธรรมกถาในท่ามกลางบริษัทเหล่านั้นเป็นภาระหนักอย่างยิ่ง. แม้อมนุษย์ทั้งหลายก็เป็นผู้เลิศ. เพราะครั้นแม้เพียงกล่าวว่า อมนุษย์ สรีระทั้งสิ้นย่อมสั่น. สัตว์ทั้งหลายได้เห็นรูป หรือฟังเสียงของอมนุษย์นั้น ย่อมปราศจากสัญญาได้. บริษัทของอมนุษย์เลิศอย่างนี้.

ชื่อว่าการแสดงธรรมกถาในอมนุษย์บริษัทแม้เหล่านั้น ย่อมเป็นภาระหนักมาก.
อมนุษย์บริษัทเหล่านั้น พึงทราบว่า ท่านถือเอาแล้ว ด้วยอำนาจแห่งการเห็น
ฐานะอันเลิศ ด้วยประการฉะนี้.

บทว่า อชฺโฌคาหติ คือ ตามเข้าไป. บทว่า
อเนกสต ขตฺติยปริส คือ เช่น สมาคมพระเจ้าพิมพิสาร สมาคมพระญาติ
และสมาคมเจ้าลิจฉวี. ย่อมได้ในจักรวาลแม้เหล่าอื่น.


ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปสู่แม้จักรวาลเหล่าอื่นหรือ. เออ เสด็จ
ไป. เป็นเช่นไร. เขาเหล่านั้นเป็นเช่นใด พระองค์ก็เป็นเช่นนั้นเทียว. เพราะ
ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ก็เราเข้าไปหาขัตติยบริษัทหลายร้อย ย่อมรู้เฉพาะแล ว่า ในบริษัทนั้น พวกเขามีวรรณะเช่นใด เราก็มีวรรณะเช่นนั้น พวกเขามีเสียงเช่นใด เราก็มีเสียงเช่นนั้น และเราให้เห็นแจ้งให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วยธรรมมีกถา และพวกเขาไม่รู้เราผู้กล่าวอยู่ว่า ผู้กล่าวนี้เป็นใครหนอ เป็นเทวดาหรือมนุษย์ และครั้นให้เห็น
แจ้งแล้ว ให้สมาทานแล้ว ให้อาจหาญแล้ว ให้รื่นเริงแล้ว ด้วยธรรมีกถาก็
หายไป และพวกเขาไม่รู้เราผู้หายไปว่า ผู้ที่หายไปนี้เป็นใครหนอแล เป็นเทพหรือมนุษย์ ดังนี้.

เหล่ากษัตริย์ทรงประดับประดาด้วยสังวาลมาลา และของ
หอมเป็นต้น ทรงผ้าหลากสี ทรงสวมกุณฑลแก้วมณี ทรงโมลี ฝ่ายพระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงประดับพระองค์เช่นนั้นหรือ กษัตริย์แม้เหล่านั้นมีพระฉวีขาว
บ้าง ดำบ้าง คล้ำบ้าง แม้พระศาสดาทรงเป็นเช่นนั้นหรือ. พระศาสดาเสด็จ
ไปด้วยเพศบรรพชิตของพระองค์เอง แต่ทรงปรากฏเป็นเช่นกับกษัตริย์เหล่า
นั้น ครั้นเสด็จไปแล้วทรงแสดงพระองค์ซึ่งประทับนั่งบนพระราชอาสน์ ย่อม
เป็นเช่นกับกษัตริย์เหล่านั้นว่า ในวันนี้พระราชาของพวกเรารุ่งโรจน์ยิ่งนัก
ดังนี้. ถ้ากษัตริย์เหล่านั้น มีพระสุรเสียงแตกพร่าบ้าง ลึกบ้าง ดุจเสียงกาบ้าง
พระศาสดาก็ทรงแสดงธรรมด้วยเสียงแห่งพรหมนั้นเทียว ก็บทนี้ว่า เราก็มี
เสียงเช่นนั้น ตรัสหมายถึงลำดับภาษา. ก็มนุษย์ทั้งหลายได้ฟังเสียงนั้นแล้ว
ย่อมมีความคิดว่า วันนี้ พระราชาตรัสด้วยเสียงอันอ่อนหวาน. ก็ครั้นเมื่อ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วเสด็จหลีกไป เห็นพระราชาเสด็จมาอีก ก็เกิดการ
พิจารณาว่า บุคคลนี้ใครหนอแล. พระองค์จึงตรัสพระดำรัสนี้ว่า บุคคลนี้ใคร
หนอแล อยู่ในที่นี้ บัดนี้ แสดงด้วยเสียงอ่อนหวาน ด้วยภาษามคธ ด้วยภาษา
สีหล หายไป เป็นเทพหรือมนุษย์ ดังนี้. ถามว่า ทรงแสดงธรรมแก่บุคคล
ทั้งหลายผู้ไม่รู้อย่างนี้เพื่ออะไร. ตอบว่า เพื่อประโยชน์แก่วาสนา. พระองค์
ทรงแสดงมุ่งอนาคตว่า ธรรมแม้ได้ฟังอย่างนี้ ย่อมเป็นปัจจัยในอนาคตนั้น
เทียว.

 

.
เขียน ๑๓.๔๐

ขออภัย สำนวนชวนปวดหัวจริง
ช่วยแปลเป็นภาษาไทยได้ไม๊ครับ ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

พระสูตรนี้เขาแปลพระพุทธวจนมาอย่างนียัตถะแล้วนี้ จะให้เราแปลเป็นเนยยัตถะ ได้อย่างไร?

ท่านพิจารณาออก ๗ สายตามจริตเจตสิกดวงจิต๗ดวง ที่แตกต่างในอารมณ์นั้นเองเถิด

มโน เอา

 

เขียน ๑๘.๐๘

ยัตถะยัตเถอะอะไร ไม่รู้จัก
เจตสิกก็ไม่อยากรู้จัก มากมายก่ายกอง
เยอะแยะยุบยับยั้วเยี้ยยุกยิกหยึกหยึยยุ่งยากแยกย่อย ปวดโหลก

วิถีแห่งธรรมของเรา เข้าด้วยประตูแบบเซ็นน่ะครับ
เรียบง่ายฉับพลันเฉียบขาดรุนแรง ตรงไปตรงมา
วิถีแห่งธรรมชาติน่ะครับ เค้าไม่จำเป็นต้องอะไรมากมายนักหรอกน่า

อย่าไปหลงกับพวกนักปัดให้มากนักเลย หึหึหึ
(นักปัด ไม่ใช่นักปราชญ์ มั่วแยะ)

ว่าแต่ แปลได้ป่าวเหอะ แบบให้ชาวบ้านอ่านรู้เรื่องอ่ะนะ เป็นป่าว หึหึหึ


กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / แสงสว่างตราค้างคาว
.

 

"ไม่รู้เซ็น ไม่รู้พุทธ" สินะ

แล้วคิดว่า เรา เซ็น หรือ ไม่เซ็น มาก่อน

แล้วถ้าเป็น เซ็น มาก่อน ทำไมต้องมาเรียนปริยัติ ตราบใดที่เซ็นไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง และไม่มียัง ปาฎิหาริย์ ๓ และ ปฎิสัมภิทา ๔ ตราบนั้น"เซ็น "ก็ไม่มีวันได้รู้จัก"พุทธ"จริงๆ

 

เขียน ๑๙.๕๓

ไม่รู้เซ็น ไม่รู้พุทธ
ไม่รู้เซ็น แต่รู้พุทธ
รู้เซ็น ไม่รู้พุทธ
รู้เซ็น และรู้พุทธด้วย
อะไรยังไง ก็ช่างปะไร รู้มากคิดมาก ปวดหัวมาก ขอบอก หึหึหึ

แล้วคิดว่า เรา เซ็น หรือ ไม่เซ็น มาก่อน
อันนี้ตอบง่าย ท่านเคยเป็นทหาร ต้องเคยเซ็นมาก่อน แน่ๆ ๕๕๕

ท่านมาเรียนปริยัติ เพราะอยากรู้แยะๆ ให้ครบๆ เผื่อสอนคนอื่น
แต่สมัยนี้ โดยเฉพาะแถวนี้ มีแต่คนอยากสอน คนอยากเรียนไม่ค่อยมีนะ เนอะ

ส่วนเราไม่เรียนปริยัติ ไม่ชอบเรียน เรื่องมาก รำคาญชิบ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ
ความรู้เรื่องธรรม เรื่องพุทธะ เกือบทั้งหมดได้จากสวนโมกข์
ท่านพุทธทาสแปลไทยเป็นไทย ให้อ่านง่าย เข้าใจลึก นึกตามได้ ไม่มีมั่ว หึหึหึ

บอกตรงๆ นะ ว่า วิถีแห่งพุทธะของเรา ไม่เรื่องมากหรอกนะ ขอบอก
ศัพท์ยากๆ แยะๆ เราโยนทิ้งหมดแหละนะ เนอะ

เหลือแค่ไม่กี่ชุด เช่นฝึกอาณาปาณสติให้ดี จะได้สติชั้นยอด
แล้วฝึกสติชั้นยอดให้ได้ขั้นเทพ แค่เนี้ย ก็ตามสกัดกิเลสตัณหาอุปาทานได้หมด
หยุดทุกข์ได้ทัน ช้าบ้างก็ช่างหัวมัน เมื่อไม่ทุกข์แล้ว ก็หมดกิจกัน ไม่ยาก

ธรรมะของเรา เรียนด้วยใจ ผลการเรียนออกมาที่กาย
ออกมาที่การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ไม่ได้ออกที่ปาก ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ

แล้วถาม "เซ็น" รึยัง ว่าเค้าอยากรู้จัก "พุทธ" แบบไทย สมัยนี้รึป่าว ๕๕๕


กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / สิบกว่าเต้บในสวน
.

ปล.นานเสร็จ เพราะติดข่าวในพระราชสำนัก ไม่ได้คิดนาน หึหึหึ

 

แล้วถาม "เซ็น" รึยัง ว่าเค้าอยากรู้จัก "พุทธ" แบบไทย สมัยนี้รึป่าว ๕๕๕

นั่นสิ!นะ

ไม่อยากรู้ แล้วจะถามไปทำไม ดังนี้

ว่าแต่ แปลได้ป่าวเหอะ แบบให้ชาวบ้านอ่านรู้เรื่องอ่ะนะ เป็นป่าว หึหึหึ


(kiss)

 

เมื่อบุคคลทำเมตตาในสัตว์ทั้งหลาย บุญสัมปทานั้น ย่อมมีผลมาก จนถึงสามารถให้บรรลุพุทธภูมิได้

https://youtu.be/d9hJ82ljx7A

 

ท่านมาเรียนปริยัติ เพราะอยากรู้แยะๆ ให้ครบๆ เผื่อสอนคนอื่น
แต่สมัยนี้ โดยเฉพาะแถวนี้ มีแต่คนอยากสอน คนอยากเรียนไม่ค่อยมีนะ เนอะ

อันนี้กล่าวได้ดีมาก เข้าท่าที่สุดตั้งแต่ได้ติดตามอ่านมา(kiss)(f)

แบกภาระจริงๆ

 

เขียน ๒๒.๒๗

บ๊ะ คำตอบก็อยู่ตรงหน้า ยังจะมาถามอีก เฮ้อ...

ไม่อยากรู้ แล้วจะถามไปทำไม ดังนี้

ว่าแต่ แปลได้ป่าวเหอะ แบบให้ชาวบ้านอ่านรู้เรื่องอ่ะนะ เป็นป่าว หึหึหึ

เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักป่ะ แบบว่าเห็นอะไรสวยงาม ก็อยากให้คนอื่นเห็นบ้างน่ะ
เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้นี่เอง หึหึหึ

แล้วที่บ้านท่าน ทำฟาร์ม อนุโมทนา กับเลี้ยง like ไว้เองหรือ
เห็นแจกจังเลย ๕๕๕ ไม่กลัวหมดรึไงท่าน



กระต่ายป่า ข้างวัด / ดร.ดิเรก ผัวประภาพี่ประไพ
.

 

เขียน ๒๒.๓๗

เอ..อ่านไปอ่านมา นี่มันชม หรือท่านประชดกันแน่เนี่ย ฮิฮิฮิ
สองแง่สามง่ามจริงแฮะ ปวดหัวกะตัวเองเหมือนกันนะ ขอบอก ๕๕๕

เขียนตอบคนอื่น หรือคนอื่นให้เราเขียนตอบตัวเองกันหว่า ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ งงเต๊ก


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

ปล.รูปของท่านน่ะ มาจากในหนังหรืออย่างไร
หน้าเค้าทายางพารา หรือว่าใส่หน้ากากครับ หึหึหึ อยากรู้นักเชียว

 

ไม่เกี่ยวกับการที่จะดีหรือร้าย เพราะเป็นผลที่ใส่ใจก็ได้ ไม่ใส่ใจก็ได้
ผู้พิจารณาดีแล้ว จึงไม่ต้องนึกตะขิดตะขวงใจ
จริงๆแล้ว คิดแบบตนเอง คือ แผ่เมตตาจิตให้เขา
หากผิดก็หวังให้เขาพ้นจากภาวะนั้นๆ
หากถูกก็ส่งเสริมให้เขาเจริญๆขึ้น
คิดอย่างนี้เลยให้ LIKE เขาด่ามาก็ไลค์
ไลท์บอยกับไม่ไลท์บอยอยู่ด้วยกัน


เป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผลน่ะ


ท่านที่อ่านอยู่ อยากจะพูดจะกล่าวอะไร?บ้าง ก็กล่าวได้น๊า ไม่มีกั๊ก

 

หุ่นกระบอก
ตัวแทน เทพเจ้าจากสวรรค์ฝ่ายหัวหน้าพุทธ ในPILI น่ะ

พระโพธิสัตว์ ธรรมราชา เนียวไร ฯลฯ

มีหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง ช่วยเหลือ ทั้งโปรดทั้งปราบ

มีสามร่าง ร่างมาร ร่างพระ ร่างมนุษย์

สู้กับพวกเดียร์ถีย์นอกพระศาสนา

ปริศนาธรรมน่ะ
https://youtu.be/Rb4tlb8FwrI?

 

เขียน ๒๓.๐๕

อ๋อ ครับ เข้าใจล่ะ
มิน่าล่ะ ดูแปลกๆ
แต่งานแยะจังนะ เนอะ

แล้ว PILI นี่มันอะไรอีกล่ะครับ เฮ้อ...
ถามคำถามนึง เพื่อที่จะได้ถามอีกคำถามนึง ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

รักพระพุทธเจ้าให้มากๆ รักมากกว่าที่จะรักใคร ได้เห็นแน่ เพราะผลจากความรักนั้น จะเผื่อแผ่ไปยังผู้ที่เรารักนั้นด้วย เมื่อถึงเวลานั้น ถึงที่สุดนั้น

 

ดูตามจริต

สมัยหนึ่ง ใกล้ดิถีเข้าจำพรรษา พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่กรุงสาวัตถี. สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายจากชาวเมืองต่างๆ จำนวนมาก รับกรรมฐานในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ประสงค์จะเข้าจำพรรษาในที่นั้นๆ จึงเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า.
ได้ยินว่า สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกรรมฐานทั้งหลายที่อนุกูลแก่จริตจำนวน ๘๔,๐๐๐ ประเภท โดยนัยนี้คือ อสุภกรรมฐาน ๑๑ อย่าง คือ อสุภที่มีวิญญาณและไม่มีวิญญาณ สำหรับคนราคจริต, กรรมฐานมีเมตตากรรมฐานเป็นต้น ๔ อย่าง สำหรับคนโทสจริต, กรรมฐานมีมรณัสสติกรรมฐานเป็นต้น สำหรับคนโมหจริต, กรรมฐานมีอานาปานัสสติและปฐวีกสิณเป็นต้น สำหรับคนวิตกจริต, กรรมฐานมีพุทธานุสสติกรรมฐานเป็นต้น สำหรับคนสัทธาจริต, กรรมฐานมีจตุธาตุววัตถานกรรมฐานเป็นต้น สำหรับคนพุทธิจริต.

 

ที่จริงก็ถูกเหมือนกันนะ ข้อความที่ชาวบ้านอ่านรู้เรื่อง
ถูกต้องที่สุด
55555

 

เพราะเป็นสำนวนการแปลที่อิงหลักไวยากรณ์ ทำให้คนทั่วไปอ่านยากเข้าใจยาก

ควรทราบว่า สำนวนที่นำมาลงนี้ยังไม่ใช่พุทธวจนะ เป็นแค่สำนวนของผู้แปลเท่านั้น

และสิ่งที่ถูกแปล ก็เป็นแค่คำอธิบายของพระอรรถกถาจารย์ ที่เรียกว่า แก้อรรถ

ไม่ใช่พุทธวจนะครับ เป็นการอธิบายความสามารถของพระพุทธองค์ว่า

ทรงสามารถจำแลงกายไปปะปนกับคนเหล่านั้น โดยมีรูปร่างเหมือนกับพวกเขา

แต่งตัวเหมือนพวกเขา ใช้ภาษาเดียวกับพวกเขา แล้วแสดงธรรมให้พวกเขาฟัง

โดยที่พวกเขาไม่เฉลียวใจเลยว่าเป็นพระพุทธองค์ แม้ขณะพระองค์แสดงธรรมจบแล้ว

และอันตรธานหายไป พวกเขาก็ยังไม่ทราบว่าพระองค์เป็นมนุษย์หรือเทวดา

พระองค์ทำแบบนี้เพื่อปลูกฝังอุปนิสัยว่าในอนคตคนเหล่านี้จะได้เข้าถึงธรรมบ้าง

 

เขียน ๑๙.๒๖

อ้อ..ครับ ขอบคุณ ได้เข้าใจเนื้อหาทั้งหมดครบถ้วนซะที

ว่าแต่ ท่านอยู่สายไอ้คึกรึป่าวครับ เห็นใช้คำว่าพุทธวจนะด้วย
แต่คาดว่าคงไม่ใช่ล่ะมั้ง นะ เพราะมีสระอะ ด้วยนิ เนอะ

เอ..แล้วจ่ายักษ์หายไปเลย โดนใครยักไปวางช่องไหนซะแล้วล่ะมังหว่า ๕๕๕



กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

Yostro1310 เธอก็ไม่ใช่คนไร้ปัญญา สามารถอธิบายธรรมให้กระจ่างได้ สาธุฯ