คำสัญญาข้ามภพ &วิธีปลดล็อคตัวเองจากการบนและคำอธิษฐานที่จำไม่ได้

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 3 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    (ต่อ)
    เมื่อดิฉันได้ทราบจากปากคำของพี่อนันท์ ทำให้ฉันต้องเสียน้ำตา เพราะตื้นตันใจในความเป็นสุภาพบุรุษเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมอันสูง ผู้มีจิตใจแน่วแน่หนักแน่น หากดิฉันเป็นเด็กสาวคนเดิม ดิฉันจะเข้าไปกราบเท้าแล้วมอบกายมอบชีวิตจิตใจที่บริสุทธิ์ให้อยู่ในวงแขนอันอบอุ่น จิตใจอันเข้มแข็งสมเป็นลูกผู้ชายของคุณตราบเท่าดินฟ้าสลาย

    ดิฉันคิดว่าคงมีความสุขยากที่หญิงใดจะเท่าเทียมได้ เพราะผู้ชายได้บากบั่นสร้างตัวขึ้นมาเทียมหน้าเทียมตาของสังคม ต้องมีจิตใจเข้มแข็งอดทนจิตใจสูง หากหญิงใดได้มีโอกาสอยู่ในวงแขนชายเช่นนี้ ย่อมจะเกิดสุขทางกายและใจเหมือนเทพนิยาย นับว่าเป็นบุญกุศลอันสูงส่ง ดิฉันไม่ใช่เป็นคนที่บูชาเงิน บูชาเกียรติและอำนาจ แต่ดิฉันบูชาความดีความอดทนซื่อสัตย์

    แต่บัดนี้ดิฉันเสียใจที่ไม่มีคุณสมบัติเด็กสาวที่คุณเคยพบนั้นเหลืออยู่ในตัวดิฉันอีกเลย และเป็นหญิงที่ไม่มีความสาวติดอยู่ในตัว เป็นหญิงที่มีราคีคาวไม่ควรกับคุณผู้สูงด้วยจิตใจ ดิฉันเขียนจดหมายถึงคุณฉบับนี้ ดิฉันต้องเสียน้ำตาและต้องหยุดหลายครั้งหลายคราว กว่าจะเขียนได้แต่ละคำต้องสะอื้นในทรวงอกต้องกลืนน้ำตายั้งจิตใจ

    เมื่อได้ทราบว่าคุณได้รับซื้อตึก และที่ดินเครื่องใช้ในบ้านทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรอคอยหญิงในดวงใจของคุณ เพื่อครองรักที่บ้านซึ่งดิฉันได้เติบโตมาแต่อ้อนแต่ออก อยู่ด้วยความสุขสบายแต่เล็กจนเติบใหญ่ หากดิฉันยังเป็นเด็กสาวที่คุณพบครั้งแรกแล้ว ดิฉันจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในชีวิต

    แต่บัดนี้ดิฉันไม่บริสุทธิ์สมควรแก่คุณเหมือนก่อน ซ้ำยังมีบุตรชายหญิงอีก ๒ คน กำลังจะเติบโตภายหน้า ทั้งดิฉันยังเป็นหม้ายสามีถึงแก่กรรม และต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเป็นครูสอนหนังสือ มีชีวิตหาความสุขแม่ๆ ลูกๆ ไปวันหนึ่งๆ ในสภาพของหญิงที่ต้องเลี้ยงตนเองและลูกน้อย

    แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของฉันหรือของใคร มันเป็นกรรมของเรา จึงได้พาชะตาชีวิตมาสวนทาง ฝ่ายหนึ่งขึ้นไปสู่ความมั่งคั่ง อีกฝ่ายหนึ่งลงไปสู่ความตกต่ำ ไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อดิฉันได้รับจดหมายของคุณฉบับแรก ดิฉันรู้สึกเห็นอกเห็นใจคุณมาก และเมื่อทราบว่าพี่อนันท์ได้ไปแสดงกิริยาหยาบคายตามนิสัยของแก แต่คุณมีความอดทนนิ่งฟังไม่โต้ตอบ ทำให้ดิฉันแสนจะสงสารคุณจนพูดไม่ถูก

    ทั้งที่เวลานั้นดิฉันไม่มีอิสระในตัวเองเพราะผู้ปกครองท่านได้หมั้นดิฉันไว้กับชายผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นลูกชายเพื่อนรักของท่าน ทั้งๆ ที่ดิฉันก็ไม่เคยรู้จักเห็นหน้าตาของชายผู้นั้นมาก่อน ผู้ใหญ่ย่อมจะเห็นว่าความรักใคร่ไม่เป็นสิ่งสำคัญ เมื่ออยู่กันไปก็คงจะรักใคร่กันเอง ท่านไม่รู้ว่ามันขมขื่นทรมานทางจิตใจเพียงไร ที่มีชีวิตเหมือนวัตถุเดินได้

    เหมือนตนเองไม่มีสิทธิ์ในตัวเอง เมื่อดิฉันได้รับจดหมายของคุณก็เกิดความสงสารว่าเป็นผู้ที่ซื่อตรง จะบอกความจริงว่าตัวเองหมดอิสระทางร่างกาย ก็กลัวคุณจะเสียกำลังน้ำใจอาจทำลายอนาคตของคุณลงได้ และก็มิได้หลอกลวงให้คุณเข้าใจผิด เพียงแต่ส่งเสริมให้คุณเมื่อมีกำลังใจที่จะอดทนสร้างฐานะให้มั่นคงต่อไป แต่ส่วนจิตใจยังมีอิสระอยู่ ก็ได้มอบให้คุณหมดสิ้นไม่มีสิ่งใดเหลือ

    ฉะนั้น ดิฉันจึงแยกร่างกายกับจิตใจคนละส่วน ร่างกายนั้นเป็นสิ่งจะทดแทนบุญคุณปฏิบัติตามความประสงค์ของพ่อแม่ผู้มีพระคุณ ส่วนวิญญาณและชีวิตจิตใจเป็นของตัวเองโดยอิสระจึงมอบไว้แก่คุณ เราจึงมีจิตใจเดียวกันในความนึกฝันถึงความอยู่รวมกัน แต่ในความรู้สึกโดยไม่ต้องมีตัวตน ดังจดหมายฉบับแรกของคุณครั้งหลังพี่อนันท์ได้มาบอกเรื่องราวของคุณ

    ซ้ำได้มอบเช็คจ่ายเงินจำนวนมากมาให้ในนามดิฉัน ทำให้นึกถึงพระคุณอันสูงยิ่ง แต่ได้มาคิดดูว่า ดิฉันแม้จะได้แยกชีวิตของร่างกายจากกันแล้วเป็นคนละส่วน ก็ไม่ควรจะมีสิทธิ์รับเงินจำนวนนี้มาทะนุบำรุงความสุขทางร่างกาย เพราะจะทำให้เกิดความเศร้าหมองเกิดราคีทางจิตใจ

    ฉะนั้น ดิฉันจึงได้จัดมอบส่งคืนมายังคุณดิฉันไม่ต้องการใช้เงินจำนวนนี้ ถ้าหากสงสารดิฉันอย่าให้จิตใจมีราคีแล้ว ก็โปรดรับเงินจำนวนนี้คืนด้วย แม้ดิฉันร่างกายจะต้องเหน็ดเหนื่อยหาเลี้ยงชีพโดยสุจริต เพื่อทะนุบำรุงให้บุตรทั้งสองไปตามสภาพของผู้เป็นแม่พึงทำ เพราะต้องใช้หนี้กรรม แต่จิตใจนั้นเกิดความสุขประหลาด เพราะยังบริสุทธิ์และจะฝันถึงความสุขตลอดไปจนกว่าจะสิ้นเวร

    พี่อนันท์ผู้เป็นพี่ชายคนเดียวของดิฉัน เขาก็ได้จบชีวิตจากโลกนี้ไปตามกรรมที่เขาได้สร้างขึ้นเอง เพราะได้เที่ยวไปแสดงความเป็นนักเลงเบ่งข่มเหงคนไม่เลือก ตามนิสัยคนพาล คบค้ากับคนจิตชั่วใจทรามพาตัวและจิตใจให้มัวหมอง และที่สุดก็ดับลงด้วยคนพาล เป็นการใช้หนี้ชีวิตตามกฎแห่งกรรม

    แต่เป็นที่น่าเสียดาย ครั้งหลังนี้เมื่อเขาได้พบกับคุณแล้วได้เห็นความดีไม่เย่อหยิ่งจองหอง ไม่ถือตัว ซ้ำยังไม่ถือโทษโกรธเขาเมื่อครั้งแสดงกิริยาหยาบคายท่าทางนักเลง เขากลับมายกย่องสรรเสริญคุณมากมายเหมือนพระมาโปรดเห็นตัวอย่างที่ดี

    เขารู้สึกตัวจึงมีความละอายใจมาก นึกถึงที่ได้ประพฤติตนไปในทางชั่วต่ำช้าจนทรัพย์สินมากมายต้องถูกทำลายลงหมดเนื้อหมดตัว ตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กลับเนื้อกลับตัวประพฤติตนเป็นคนดีมีศีลธรรมเอาแบบอย่างคุณ แต่ไม่ทันได้ปฏิบัติ กรรมก็ตามมาทันกรรมที่เคยข่มเหงคนอื่น เคยทำลายชีวิตผู้อื่นที่สุดตัวเองก็หนีไม่พ้นกรรม จบชีวิตลงอย่างน่าเสียดายไม่ทันสร้างความดี

    สุดท้ายนี้ ดิฉันขอวิงวอนคุณอย่าได้ติดตามค้นหาดิฉันเลย เพราะจิตใจของดิฉันได้ติดตามอยู่กับตัวคุณแล้ว ไม่มีใครแย่งจิตใจของดิฉันไปจากคุณได้ ส่วนร่างกายนั้นไม่ใช่ของคุณ ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ ถ้าคุณยังรักและเห็นใจดิฉันโปรดมีความเมตตาเถิด เพราะคุณก็เคยประกาศว่า หญิงที่มีสามีแล้วหรือแม่หม้ายลูกติดไม่อยู่ในความสนใจ
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    (ต่อ)
    เมื่อฉันได้อ่านจบแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจ สงสารที่ได้ทราบถึงจิตใจอันแท้จริงของหล่อน ฉันเฝ้าแต่คิด เฝ้าแต่นึกถึงความรู้สึกในทางกระแสจิตไปสู่หล่อน เหมือนต่างคนต่างฝันถึงกัน

    นับแต่ฉันกลับมาอยู่ในกรุงเทพฯ ฉันก็ไม่เคยลืมที่จะไปคลุกคลีอยู่ที่บ้านนายฝรั่งสองสามีภรรยาเหมือนเดิม และฉันยังไปนอนห้องเก่าที่เคยอาศัยอยู่ เหมือนเมื่อครั้งที่ฉันยังไม่ได้ไปทำงานภาคใต้ และยังพยายามช่วยเหลืองานสิ่งใดที่ของนายฝรั่งสองสามีภรรยาเท่าที่จะช่วยเหลือได้อย่างเดิมมิได้ผิดแผก แม้นายฝรั่งทั้งสองจะไม่ยอมให้ทำก็ดี แต่ฉันกับแม่ก็ไม่มีความรังเกียจ นายฝรั่งทั้งสองเคยพูดกับแม่ว่า

    “แอนนา ลูกก็เป็นคนมั่งมีมากแล้ว จะหยุดทำงานกับฉันแล้วไปอยู่ตึกหลังใหญ่ทั้งแม่ลูกจะได้มีความสุขสบาย แม้ฉันจะรักจะอาลัยนายแม็กกับแอนนามากเพียงไร เพื่อความสุขของคนที่ฉันรักฉันชอบ ฉันก็ยินดี แม่ได้ยินนายพูดเช่นนั้นก็ตอบว่า “ความสุขของอิฉันไม่ได้อยู่ที่ตึกใหญ่หรือมั่งมีเงินทอง แต่หากความประสงค์ของดิฉันอยากอยู่ใกล้ชิดนายทั้งสอง ได้รับใช้นั่นแหละคือความสุขที่อิฉันต้องการในชีวิต”

    นายแหม่มเข้ากอดแม่ แสดงความรักใคร่อย่างจริงใจ แล้วพูดว่า “แอนนาดีกับเราเหลือเกิน ดีจนฉันพูดอะไรไม่ออก พูดไม่ถูก ฉันน้ำตาไหลเมื่อได้ยินแอนนาพูดเช่นนี้เพราะตื้นตันใจ เธอดีทั้งแม่ทั้งลูก ฉันไม่รู้จะขอบใจอย่างไรดี เธอเป็นเจ้าของตึกใหญ่โอ่โถง แต่นายแม็กก็ยังมานอนห้องเก่าและรับใช้เราเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ ฉันไม่คิดว่าจะมีคนอย่างนี้ หายาก แต่โอ ! นี่เป็นเมืองไทย เมืองไทยอาจมีอะไรมากกว่าที่ฉันเข้าใจ”

    สิ่งใดในโลกนี้ ย่อมจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เรื่องชีวิตของคนเราก็เช่นกัน ต่อมานายฝรั่งสองสามีภรรยาผู้มีพระคุณต่อเราสองแม่ลูก เกิดจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับเมืองซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอน เมื่อได้ข่าวว่านายฝรั่งทั้งสองจะเดินทางกลับเท่านั้นคนในบ้านทุกคนก็พากันเศร้าใจอาลัยอย่างที่สุด โดยเฉพาะตัวฉันซึ่งนายฝรั่งทั้งสองให้การเลี้ยงดูเล่าเรียนศึกษาเติบโตขึ้นมาในบ้าน ย่อมจะมีความผูกพันทางจิตใจ ในความรู้สึกของฉันอยู่ในความกตัญญูกตเวทีเหมือนบิดามารดาบังเกิดเกล้าที่ฉันรักและเคารพอันสูงยิ่ง

    เมื่อยิ่งใกล้วันที่จะออกเดินทางจากประเทศไทย ทุกคนที่อยู่ในบ้านต่างก็มีหน้าเศร้าหมอง ไม่มีใครในบ้านมีจิตใจสบายเลยต่างก็มีความอาลัยรักใคร่นายฝรั่งทั้งสอง หน้านองด้วยน้ำตา แม่ของฉันกับแหม่มนั้นต่างก็หลั่งน้ำตาด้วยกันอย่างไม่มีครั้งใดที่จะมีความเศร้าโศกเหมือนครั้งนี้ หลังจากพ่อตาย

    นายและแหม่มพูดกันว่า หากว่าไม่จำเป็นแล้วจะไม่ยอมจากเมืองไทยไปเป็นอันขาด เมืองไทยให้ความร่มเย็นเป็นสุขในชีวิตของท่านทั้งสองเกือบยี่สิบปี รักเมืองไทยเหมือนบ้านเกิดเมืองนอนของท่านเอง ทั้งได้พบแต่คนดีๆ เพื่อนฝูงที่ใจดีทั่วไป เมื่ออยู่ในท่ามกลางของคนไทยได้รับความอบอุ่นเหมือนอยู่ในวงศ์ญาติอันสนิท คิดว่าจะหาความสุขเช่นนี้ต่อไปในชีวิตไม่ได้อีก

    ก่อนไปได้นำเครื่องใช้ในบ้านแจกจ่ายไปให้คนในบ้านทั่วกัน แล้วแต่ความเหมาะสม และได้แจกเงินให้เป็นการตอบแทนความดี ผู้ใดอยากจะทำงานก็ฝากให้ทำงานกับพวกฝรั่งเพื่อนๆ ของนายทั้งสอง และผู้ใดไม่อยากไปฉันก็รับเข้าไปอยู่ในบ้านเลี้ยงดูให้เหมือนอยู่กับนายฝรั่ง

    ฉันกับแม่ได้พยายามทำทุกสิ่งเพื่อตอบแทนด้วยความกตัญญูกตเวที การเดินทางของนายได้ขึ้นรถไฟไปลงที่ปีนังแล้วลงเรือเดินทะเลเป็นเรือโดยสารชั้นหนึ่งขนาดใหญ่ต่อไป ฉันได้เดินทางไปส่งนายถึงปีนัง จนนายลงเรือโดยสาร

    เรือออกเดินทางฉันจึงกลับ ได้เห็นเรือใหญ่เป็นหมื่นๆ ตัน มีความสะดวกสบายสะอาดสำหรับผู้โดยสาร ทุกอย่างที่ทางเรือจะจัดหาให้ความสุขความสบายแก่ผู้โดยสารได้ กลางคืนมีหนังฉายให้ชม มีร้านขายของและบ่ออาบน้ำมีร้านตัดผม และมีผู้คนโดยสารกันมาก ทำให้ฉันนึกอยากจะเดินทางไปท่องเที่ยว นายว่าจะให้ความสะดวกทุกอย่างขณะเมื่ออยู่เมืองนอก

    เมื่อนายฝรั่งไปแล้ว บ้านตึกที่นายฝรั่งเช่าก็ได้คืนให้เจ้าของและเขาให้ผู้อื่นเช่าต่อไป คนที่อยู่ในบ้านก็ย้ายเข้ามาอยู่ในตึกของฉัน อันชีวิตของคนเราอย่านึกว่าทรัพย์สมบัติความมั่นคงนั้นจะมีความสุข เช่นตัวฉันเองก็เป็นผู้ที่หาความสุขไม่ได้ เงินทองไม่สามารถจะชื้ออะไรได้ทุกสิ่ง และก็ไม่มีอะไรแน่นอน คนยากจนมีความประพฤติอดทน เข้มแข็ง มีสติปัญญา ขยัน มีความรู้ก็สามารถจะมั่งมีขึ้นมาได้ และคนมั่งมีก็อาจกลายเป็นคนยากจนลงได้ เมื่อประพฤติตัวไม่ดี เช่นเดียวกันหลงใหลในการพนันท่องเที่ยวคบเพื่อนที่ชั่วเป็นคนพาล

    ฉันได้นำเงินที่จะมอบให้หญิงที่รักเมื่อได้ถูกคืนกลับมา ฉันได้นำเงินนี้ไปบริจาคการกุศล เช่น เข้าสมทบทุนสร้างโรงพยาบาล และสมทบทุนสร้างโรงเรียน และสร้างทางสร้างโบสถ์ สร้างถนน และขออธิษฐานให้แก่หญิงที่รัก หากเราได้สิ้นชีพลงแล้ว ขอให้เราจงไปพบกันในแดนสุขาวดีในสัมปรายภพ หากมี

    ต่อมาฉันเองก็รู้สึกว่า ตัวเองนั้นไม่มีความสบาย ร่างกายยังไม่เคยเจ็บป่วยหนักมาก่อน ก็รู้สึกเปลี่ยนแปลงไป เกิดรู้สึกร่างกายกำลังเริ่มผิดปกติอ่อนเพลีย แต่ก็ไม่ถึงล้มหมอนนอนเสื่อ ยังไปไหนตามปกติ ความทุกข์ทางยากจนขาดทรัพย์สินเงินทองนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นในครอบครัวของฉัน แต่ทุกข์อื่นที่จะเข้ามาแทรกแซงเกิดขึ้นมาก็คือ การเจ็บไข้ได้ป่วย

    คืนหนึ่งจวนรุ่งแจ้ง ฉันได้ฝันเห็นสิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์ว่า ฉันได้เข้าไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งคล้ายกับเป็นยานใหญ่โตมหึมา กำลังเคลื่อนที่เดินทางจะเป็นทางอากาศหรือพื้นดินหรือทางน้ำ ก็ไม่สามารถจะทราบได้ เพราะไม่มีโอกาสเห็นภายนอก รู้สึกแต่ว่ายานนั้นกำลังเคลื่อนไหวเร็วจนไม่มีความรู้สึกสั่นสะเทือนหรือโคลงเคลง หรือรู้สึกความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยคล้ายเราอยู่ในตึกใหญ่โต แต่ยาวตลอดไปไม่สิ้นสุด มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งอยู่สองข้าง

    ฉันเห็นฝรั่งนั่งสนทนากันเป็นหมู่ นอกนั้นยังมีพวกแขกอยู่กันเป็นหมู่ จะเป็นพวกแขกชาติไหนก็ไม่สามารถจะทราบได้ นอกนั้นยังมีพวกเอเซียจะเป็นจีนหรือเป็นญวนหรือภาษาใด ฉันเห็นแต่ก็ไม่สนใจ ทางยาวเป็นแถว ตรงกลางเป็นทางเดินสุดสายตาไม่สามารถประมาณได้ยาวเพียงไร ตลอดทางมีความสว่างไสว เสียงคุยกันเป็นพวกๆ ชาติใดก็รวมหมู่ชาตินั้น ข้างๆ มีห้องและทุกห้องปิดหมด นอกจากห้องตรงที่ฉันยืนดูพวกชาติต่างๆ กำลังสนทนากันนั้นเปิดแง้มอยู่ห้องเดียวตลอดทั้งแถว สัญชาตญาณทำให้ฉันรู้ว่า

    ห้องนั้นเขาจัดไว้สำหรับฉันทั้งที่ไม่มีใครบอก ฉันได้เดินเข้าไปในห้อง ก็มองเห็นภายในห้องมีแสงสว่าง ในห้องนั้นตบแต่งอย่างสวยงามเกินกว่ามนุษย์สามัญจะทำได้ มองเห็นเตียงนั้นอยู่มุมหนึ่ง มีหญิงสาวรูปร่างสวยงามกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้ เสียงค่อยๆ ซิกๆ อยู่ที่เตียงคนเดียวเห็นจะเกรงคนนอนหลับจะตื่น แต่ฉันมองดูหน้าไม่ถนัดนัก รู้ว่าหล่อนสวยงามมาก นอกนั้นมีคนนอนอยู่ตามพื้น ๔ - ๕ คนรู้สึกว่าล้วนแต่เป็นหญิงสาวๆ ทำให้ฉันมีจิตใจสงสารหญิงผู้นั่งร้องไห้ และเกิดความรักอย่างจับใจต่อสาวผู้นั้น

    ความรักความสงสารดึงดูดทำให้ฉันเดินเข้าไปหาหล่อนอย่างไม่รู้สึกตัว แล้วก็ก้มลงตะแคงหน้าจูบแก้มและผมหล่อนอย่างทะนุถนอม หล่อนมิได้สนใจ ฉันสูดรสรักอย่างดูดดื่ม สดชื่นที่สุดในชีวิตของฉัน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย ทำให้ฉันรู้สึกหลงใหลอย่างงงงวย ซาบซึ้งอิ่มเอิบทางจิตใจพลางกระซิบข้างหูหล่อนว่า

    “ฉันมาแล้ว หยุดร้องไห้เถิด เราจะหมดกรรมกันอยู่แล้ว”

    ฉันเองไม่รู้ความหมายคำพูดถึงอะไร พูดออกไปโดยไม่ได้นึก เห็นจะพูดด้วยอำนาจตามสัญชาตญาณ เหมือนหล่อนกับฉันเคยรักใคร่กันมาก่อนอย่างแยกไม่ออกว่าเคยพบหล่อนที่ใดมาก่อน แต่หล่อนก็มิได้แสดงกิริยาผิดปกติ คล้ายๆ กับว่าไม่รู้สึกผิดแปลกไปกว่าธรรมดา แต่ความรู้สึกของฉันนั้น แสนรักแสนสงสารเกาะหัวใจแน่น แต่แล้วฉันก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา ที่มาแอบจูบหล่อน นึกว่านี่เราทำผิดอะไรในศีลธรรมหรือเปล่า ที่แอบไปจูบหล่อนกำลังเศร้าโศกร้องไห้อยู่เช่นนี้ ฉันจึงรีบออกจากห้องมานั่งอยู่หน้าห้องอย่างหัวใจปั่นป่วน

    ทันใดนั้นฉันได้เห็นชายหมู่หนึ่งประมาณ ๔ - ๕ คน หัวหน้าแต่งตัวรุ่มร่ามใส่เสื้อสักหลาดดำยาว ใส่หมวกแบนกลมสีน้ำตาลแปะไว้บนหัว ส่วนพวกติดตามนั้นไม่มีหมวกใส่ เมื่อเขาเดินมาถึงหมู่ฝรั่ง เขาก็ถามชื่อเสียงและจดลงไปในสมุดแล้วถามถึงการถือศาสนา และทุกคนได้ลงชื่อลงนามในสมุดนั้น ไม่ว่าแขก เจ๊ก เขาก็จดลงในสมุดทุกคน แต่เมื่อเขาเดินผ่านฉันเขายิ้มและก้มหัวให้อย่างเป็นมิตร ฉันจึงย้อนตอบแล้วบอกว่า

    “ผมจะต้องลงบัญชีเหมือนคนอื่นหรือเปล่า”

    เขายิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “สำหรับคุณยังไม่ถึงกำหนดเวลา นี้คุณเป็นผู้รับเชิญของเราให้ดูเหตุการณ์ล่วงหน้า”

    แล้วเขาก็พาพวกเดินเลยไปถามปากคำผู้อื่นที่อยู่ถัดไป ฉันจึงนั่งอยู่ที่โต๊ะมองดูคนที่ชุลมุนกันอย่างสับสน ทันใดนั้นหญิงสาวที่ร้องไห้ ก็เดินออกมาจากห้องที่ฉันนั่งอยู่น้ำตายังชุ่ม หล่อนเดินตรงมาหาแล้วก็ก้มลงเอียงแก้มมาถูกจมูกฉัน ฉันก็ได้ประคองหน้าหล่อนแล้วจุมพิตอย่างสุดรัก เมื่อได้เห็นหน้าหล่อนแล้วก็ตกตะลึง ช่างสวยงามหยดย้อยอะไรเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ยังมีคราบน้ำตา แต่ก็คล้ายกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก ฉันโอบกอดหล่อนแล้วสูดกลิ่นมันหอมหวน ทำให้ฉันหลงใหลในความรู้สึก หล่อนกระซิบที่หูฉันว่า

    “คุณปล่อยให้ดิฉันคอยคิดถึงคุณอยู่คนเดียว คุณมาช้าจนดิฉันต้องร้องไห้” ฉันจูบแก้มให้สมรักอย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย แต่ก็อดรำพึงแก่ตัวเองไม่ได้ว่า ฉันจำไม่ได้เธออยู่ไหน ชื่ออะไรแต่เหมือนเราจะเคยรักกันอย่างแนบแน่นมาก่อนแล้ว หล่อนค้อนฉัน แล้วยิ้มอย่างน่ารักแล้วพูดว่า

    “คุณจำนวลน้อยของคุณไม่ได้หรือค่ะ”

    ฉันได้สติพิจารณาดูก็เห็นเค้าหน้าขึ้นมา ตื่นเต้นจนลืมตัว ร้องออกไปด้วยความดีใจว่า “โอ้โฮ เธอสวยขึ้นอีกมาก จนฉันจำไม่ได้ ถ้าเธอไม่บอก ก็จำไม่ได้ แทนที่เธอจะแก่ลง เธอกลับสาวกลับสวยขึ้นอย่างประหลาดมหัศจรรย์จริงๆ”

    หล่อนยิ้มแล้วพูดว่า “ต่อไปนี้ดิฉันจะไม่มีวันแก่ มีแต่วันสวยและสาวอยู่ตลอดไป และคุณก็ไม่มีวันแกเช่นเดียวกัน”

    ฉันได้บรรจงประคองหล่อนและจูบแก้มทั้งซ้าย ทั้งขวา หล่อนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ฉันไม่สนใจแล้วว่าฉันจะอยู่ที่ไหน แต่ขอให้หล่อนอยู่เคียงข้างด้วยเท่านั้นเป็นความพอใจของฉัน แต่สัญชาตญาณในความรู้สึกว่า ยานอันมหึมานั้นกำลังจะเดินทางไปสู่ดินแดนอันลี้ลับที่มนุษย์ไม่ถึง แต่แล้วความรู้สึกก็ดับวูบลงทันใดนั้น ฉันต้องตกใจเมื่อเสียงฟ้าร้องดังก้อง แสงฟ้าแลบเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนสว่างแวบๆ เป็นระยะ และฟ้าร้องคำรามเปรี้ยง คล้ายฟ้าจะผ่าลงมาทำลายแผ่นดินให้แตกแยก โลกจะถล่มทลายลง

    ฉันต้องรีบลุกขึ้นจากที่นอน เดินไปปิดหน้าต่าง เพราะกลัวฝนสาดเข้ามา แล้วเปิดไฟดูนาฬิกาตี ๕ พอดี ฉันฝันอย่างแปลกประหลาด นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาฉันก็นึกแต่ความฝันถึงหล่อนคล้ายความจริงไม่เหมือนฝันธรรมดา ในยานประหลาดหรือดินแดนในสุขาวดีเป็นความรู้สึกของฉัน ซึ่งความรู้สึกชนิดนี้ไม่มีในโลกมนุษย์
    การป่วยของฉันค่อยเป็นค่อยไป ความอ่อนเพลียเข้ามาครอบงำมากขึ้น แม่ได้พยายามหาหมอมารักษาแต่อาการไม่ดีขึ้น แต่ยังไม่ล้มหมอนนอนเสื่อ ที่สุดก็ได้ให้หมอฝรั่งชาติเยอรมันเป็นผู้รักษา เพราะเมื่อครั้งนายฝรั่งสองสามีภรรยาเคยรักษาเป็นหมอประจำบ้านและเคยแนะนำไว้ว่า ต่อไปหากเจ็บไข้ก็ให้ไปรับหมอคนนี้มารักษา นายฝรั่งเคยให้มารักษาตัวฉันและแม่เมื่อเกิดป่วยเจ็บมาก่อน

    ที่สุดหมอก็ได้มาตรวจดูอาการอย่างถี่ถ้วน แล้วแอบกระซิบแม่ว่า ฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ต่อไปไม่เกิน ๖ เดือนเพราะโลหิตขาวแดงเป็นพิษ ไม่มีโอกาสจะรักษาให้หายได้ แม่รู้แล้วก็อดกลั้นความรักอาลัยในลูกที่จะตายจากไปไม่ไหว ก็เสียใจร้องไห้จนตาบวม แต่ก็ไม่พยายามบอกความจริงต่อฉัน แต่ฉันก็เดาออกว่าแม่ร้องไห้นั้นต้องมีเหตุผล ไม่มีเรื่องอะไร นอกจากเรื่องการเจ็บป่วยของฉันเท่านั้น

    ฉันได้พยายามถามแม่และถามหมอซึ่งได้มาเยี่ยมฉัน เพราะฉันรู้สึกว่าโรคของฉันคงไม่มีโอกาสรักษาหายได้ เหมือนโรคฝีในท้องที่จะคอยทำลายชีวิตคอยเวลาตายเท่านั้น ฉันได้บอกว่าใจฉันแข็งไม่กลัวความตาย เพราะไม่เร็วก็ช้าต้องตายเหมือนกันทุกคน จะตายเร็วหน่อยหรือช้าหน่อยก็ไม่แปลกอะไร ที่สุดเมื่อเห็นจิตใจฉันเข้มแข็งจริงๆ พอจะรับฟังได้ แม่และหมอก็บอกฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน ๖ เดือน

    เมื่อทราบแล้วจิตใจฉันก็ปกติ ไม่สะดุ้งกลัวมรณภัย ทำให้หมอแปลกใจที่ฉันผิดกว่าคนไข้อื่นๆ ที่หมอเคยรักษามา ฉันรู้สึกมีความสำนึกผิดว่า วิญญาณของฉันคงจะไปเกิดในที่มีความสุขดีกว่าที่ฉันเป็นมนุษย์อยู่ในโลกเวลาปัจจุบันนี้เป็นแน่

    หากฉันตายวิญญาณนั้นจะต้องไปสู่ดินแดนที่เคยชินเห็นมาก่อน เพราะฉันไม่เคยสร้างบาปสร้างกรรม จะเป็นกรรมก็เป็นกรรมเก่าที่ฉันได้ใช้หนี้ในชาตินี้แล้ว ฉะนั้น จิตใจฉันจึงเป็นปกติมิได้เดือดร้อนตื่นเต้น เกรงกลัวต่อความตายเลย ฉันได้มีโอกาสมอบทรัพย์สินสมบัติทั้งหมดให้แม่คนเดียวก่อนฉันจะจากแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ

    ฉันเมื่อรู้วันใดจิตจะดับแล้ว ฉันก็จะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบเท้าลาคุณแม่ผู้มีพระคุณที่เลี้ยงฉันมาจนเติบโต ถ้าฉันมีอะไรผิดก็ขอให้แม่อโหสิกรรมให้ฉันด้วย แล้วฉันจะเขียนจดหมายไปกราบลานายฝรั่งและนายแหม่มที่เมืองนอก นึกถึงพระเดชพระคุณที่อุปการะฉันมาแต่น้อย ถ้าฉันจะเกิดมาเป็นมนุษย์อีก ฉันขอเกิดมาเป็นลูกของแม่และขอให้พบกับนายฝรั่งและนายแหม่ม ขอให้ฉันได้มีโอกาสทดแทนบุญคุณท่านทั้งสองบ้าง

    แม้ฉันจะมีใจเข้มแข็งเพียงไร เมื่อนึกถึงพระเดชพระคุณของแม่และของนายฝรั่งทั้งสอง ฉันก็ต้องสะอื้นน้ำตาไหล แต่ซ่อนน้ำตาไว้ไม่ให้แม่เห็น เพราะเรามีอยู่ด้วยกันเพียงสองแม่ลูกเท่านั้น เวลาเราจนก็หาญาติพี่น้องยาก เมื่อยามมั่งมีก็มีคนมาอ้างเป็นญาติสืบสาวรายเรื่องเก่าๆ ฉันก็ไม่สนใจ ทรัพย์สมบัติยกให้แม่แล้ว จะแบ่งให้ใครนั้นฉันได้อนุญาตให้เป็นหน้าที่ของแม่ แต่แม่ได้บอกต่อหน้าว่า

    “หากลูกหาบุญไม่แล้ว ทรัพย์สินเงินทองของลูกก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับแม่ เพราะถ้าแม่แลกได้ แม่จะต้องการความยากจน แต่มีลูกอยู่ด้วย ถ้าสิ้นบุญลูกแล้ว แม่จะขายทรัพย์สินให้หมดแล้วก็ทำบุญ ส่วนแม่ก็จะไปอยู่วัดบวชชีถือศีลจนกว่าชีวิตจะหาไม่”

    แม่พูดพลางร้องไห้พลาง แต่ฉันกลับหัวเราะปลอบแม่ไม่ให้คิดมาก ทรัพย์สินของฉันนี้มอบให้แม่แล้วสุดแต่แม่จะทำอะไรได้ตามใจชอบ ฉันได้ชี้แจงให้แม่ทราบถึงความตายเป็นของธรรมดา จนแม่ค่อยสร่างความเศร้าลงได้บ้าง

    ต่อจากนั้นฉันก็ใช้เวลาที่เหลือน้อยอยู่แล้ว รีบจดบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของฉันตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงกำหนดอายุขัย ต่อไปก็คงไม่มีอะไรที่น่าสนใจ ฉันอยากจะส่งบันทึกฉบับนี้ไปให้หล่อนผู้ที่ฉันยังหลงรักยิ่งชีวิตจิตใจ ให้ได้รู้ได้อ่าน ทราบถึงชีวิตรักที่หลงคอยคืนคอยวัน ทุกข์ทรมานแสนสาหัสทางจิตใจ แต่ฉันไม่สามารถจะส่งให้ถึงหล่อนได้ เพราะไม่รู้ว่าหล่อนอยู่แห่งหนตำบลใด หล่อนอาจเปลี่ยนชื่อเสียงใหม่ทำให้พวกที่ฉันส่งออกไปเที่ยวสืบค้นหาแทบทุกแห่งก็ไม่พบ

    เวลาของฉันที่จะอยู่ในโลกมนุษย์ก็เหลือน้อยใกล้อวสานเข้ามาแล้ว จึงเก็บข้อความบันทึกของฉันเข้าซองแล้ว จัดการซ่อนไว้ในเปียโนที่ฉันแสนหวงแสนรักเพราะเป็นอนุสรณ์ชีวิตรัก แต่ฉันก็รักษาไว้ไม่ได้แม้ชีวิตของฉันก็จะต้องจากโลกนี้ไปในไม่ช้า เพราะฉันทราบว่า เมื่อฉันตายแล้วของทุกสิ่งในบ้านจะต้องถูกขายออกไปหมด

    สำหรับเปียโนอันนี้ ฉันรักเท่าชีวิตเป็นที่แห่งเดียวเหมาะสมที่จะเก็บเอกสารความรู้สึกเป็นอมตะไว้ภายในอย่างมิดชิด แล้วฉันก็จัดการทำให้เสียงเปียโนไม่ดังโดยยัดกระดาษลงไปให้แน่น บางตอนความจริงเปียโนอันนี้ยังดีพร้อมทุกอย่าง ฉันทำเช่นนี้ก็เพื่อให้คนเห็นซองบันทึกของฉัน

    เมื่อได้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขออธิษฐานด้วยจิตบริสุทธิ์ จงดลบันดาลให้ผู้ที่จะมารับซื้อเปียโนอันนี้ไปเป็นกรรมสิทธิ์ จงเป็นคนดีมีศีลธรรม เป็นผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อเปิดซองดูได้พบเห็นข้อความบันทึกแล้ว ขอให้สงสารฉันผู้อาภัพรัก

    ช่วยกรุณาจัดการตามคำร้องขอเพื่อเป็นสื่อนำข้อความที่ได้บันทึกให้หล่อนได้ทราบ หากหล่อนได้จากโลกนี้ไปแล้ว วิญญาณของหล่อนก็คงจะรู้เรื่องดี แล้วฉันก็จะหมดความกังวลห่วงใยต่อไป ก่อนที่ฉันจะจบบันทึกที่ใช้เวลาแรมเดือนด้วยความลำบาก ต้องพยายามเพราะสังขารทรุดโทรม แล้วก็จบลงไม่ค่อยสมบูรณ์นัก

    ทุกวันพระ แม่ได้นิมนต์พระสงฆ์มาบ้าน เพื่อให้ฉันได้มีโอกาสได้รับศีลและฟังพระธรรม ทำจิตใจให้บริสุทธิ์สงบ แล้วฉันก็คอยวันคืนนับเวลาที่ปิดฉากจบละครชีวิต ก่อนอื่นฉันไม่ลืมที่จะบริจาคทานและสร้างบุญกุศลตลอดมา ต่อจากนั้นฉันก็จะเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปสู่ดินแดนอันลี้ลับในสัมปรายภพด้วยจิตใจสงบ

    เพราะฉันสำนึกว่าวิญญาณของฉันจะต้องไปสู่ที่สุขสูงกว่าโลกมนุษย์ ตามกฎแห่งกรรมของสัตว์โลกทั้งหลาย ย่อมจะมีกรรมดีกรรมชั่วนำไปไม่มีผู้ใดหนีพ้นไปได้ หากว่าฉันจะต้องกลับมาเกิดอีก ฉันขออธิษฐาน ขอให้มาเกิดในร่มโพธิ์ของพระพุทธศาสนาจนกว่าจะได้บรรลุธรรมชั้นสูงสุดล่วงพ้นทุกข์ทั้งปวงเถิด



    .................. เอวัง ..................
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    สัจจะสองกำพร้า แม้อยู่ต่างภพก็ไม่อาจขวางกั้น ด้วยคำมั่นสัญญา

    PLODLOCK - ปลดล็อค
    Published on Nov 24, 2017
    ก่อนอื่น ขอยกเอาเรื่องราวของการระลึกชาติ ซึ่งเล่าขานจนเป็นที่รู้จักกันดีในแถบลุ่มน้ำสองฝั่งโขงมาเป็นเรื่องกล่าวนำ คือเรื่องของ หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรี บางระจัน จ.สิงห์บุรี ผู้มี อตีตังสญาณ และคุณธรรมสูงส่งที่คนไทยเคารพรัก ท่านจำอดีตชาติได้มาตั้งแต่เด็กแล้ว นอกจากนี้ยังระลึกย้อนไปอีกไกลถึงสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งได้ร่วมทำบุญตักบาตรพระอรหันต์เจ้า ๕๐๐ รูป เมื่อคราวทำปฐมสังคายนา และยังเคยช่วยในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระพุทธองค์ด้วย ในลำดับต่อมาไม่ว่าเกิดในแคว้นใด ที่ไหน เป็นใคร และตายเมื่อใดก็จำได้หมด และที่สองฝั่งโขงนี้ได้ท่องเที่ยววนเวียนเสวยภพชาติมาไม่น้อยเลย ในชาตินี้ท่านมาเกิดกับพี่ชายในอดีตซึ่งเคยรักและตามใจน้อง พอตอนอายุราว ๑๐ ขวบ ถูกพ่อเฆี่ยนตีก็ถึงกับตะโกนว่าพ่อว่า “พ่อโกหก พ่อโกหก” “พ่อสงสัยจึงถามว่า “ทำไมลูกพูดแบบนี้” ทีแรกท่านไม่ยอมบอกแต่พอแม่เข้าไปปลอบถามว่าทำไมจึงได้เล่าเรื่องอดีตชาติให้แม่ฟังว่า “พ่อไม่รักษาคำพูด ว่าจะไม่ทอดทิ้ง ไม่ตี ไม่ดุ แต่พ่อยังหลงตีลูกอีก ตีลูกก็ถูกน้องชาย น้องชายมาเกิดด้วยพี่ชายก็ไม่รู้จัก”
    เรื่องพระไตรปิฏกนี้แม้ไม่ได้เรียนก็รู้และจำได้ไม่ลืมเพราะได้ เรียนรู้ คัดลอก ท่องจำ สร้าง และชำระ มาหลายภพชาติแล้ว สำหรับเศษกรรมเรื่องผู้หญิงยังได้บอกเล่าไว้เป็นธรรมสังเวชว่า ในชาติหนึ่งนั้นเป็นชายหนุ่มที่นึกพอใจหญิงสาวบ้านใกล้เคียงจึงเข้าไปพูดคุยด้วย แต่ถูกฝ่ายหญิงพูดลำเลิกท้าวความไปในอดีตชาติว่า “ในชาตินั้นท่านเป็นผู้ทำให้ดิฉันถูกทุบตี ถูกจับผูกทรมานให้อดอาหารจนท้องกิ่วตาย พอมาชาตินี้จะมารักดิฉันทำไม” ต่อมาท่านระลึกได้ว่า ในอดีตหนึ่งนั้นเป็นสมภารเจ้าวัด วันหนึ่งขณะนอนป่วยได้มีสุนัขตัวเมียได้มาลักลอบกินอาหารที่เด็กวัดเก็บไว้ ท่านร้องบอกเด็กวัด พวกเด็กวัดจึงไล่ตีแล้วจับไปผูกไว้กับรั้วให้ห่างจากที่สมภารนอนป่วย ด้วยความที่เด็กวัดห่วงแต่ความเจ็บป่วยและยุ่งยากวุ่นวายกับการมรณภาพของสมภาร ทำให้ลืมนึกถึงสุนัขทำให้มันต้องอดอาหารและตายลงอย่างทรมาน เมื่อมาระลึกได้อย่างนั้นจึงทำให้ท่านเกิดความสลดสังเวชใจยิ่งนัก.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2017
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    วิธีปลดล็อคตัวเองจากการบนและคำอธิษฐานที่จำไม่ได้
    สิงหาคม 11, 2012 โดย ธ. ธรรมรักษ์

    เรื่องนี้ที่อยากให้ทุกท่านได้เข้าใจและรีบทำเป็นอันดับแรกนั่นก็คือ การปลดล็อคตัวเองเสียก่อน เราคนอาจจะสงสัยว่า เราเคยไปล็อคอะไรไว้ถึงจะต้องไปปลดมันออกเสียก่อน


    ปลดล็อคที่ว่าถึงนี้ คือ การไปอธิษฐาน การไปบนบาน หรือสาบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ทั้งในชาตินี้และในอดีตชาติที่เราไม่รู้

    การอธิษฐาน นั้น เราอาจจะไม่เคยทำเลยในชาตินี้ แต่ในอดีตชาติเรารู้เลยไม่ว่าเราแค่ทำมาหรือไม่ ถ้าเคยอธิษฐานเอาไว้ในชาตินี้เราจำไม่ได้ เรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญ จะยกตัวอย่างให้ฟังสักเรื่องหนึ่งจะได้เข้าใจ

    ครูบาอาจารย์คนสำคัญท่านหนึ่ง ที่เชื่อกันว่าท่านไปถึงซึ่งพระนิพพานแล้ว ซึ่งมีครูบาอาจารย์หลายท่านยืนยันว่าท่านไปสู่พระนิพพานแล้วแน่นอน ที่คนไทยรู้จักกันดีและเคารพรักท่านสุดหัวใจ ท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมชั้นสูงที่สามารถระลึกชาติได้ ท่านเคยเล่าว่า ท่านย้อนไปพิจารณาถึงชาติต่างๆ ของท่านที่เวียน ว่าย ตายเกิดมานับไม่ถ้วน

    เคยเกิดเป็นทั้งคน พรหมเทพเทวดา สัตว์เดรัจฉานติดต่อกันหลายร้อยชาติ เป็นพระอริยสงฆ์ที่มุ่งสำเร็จโพธิญาณ เคยตั้งจิตอธิษฐานที่จะเป็นพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกกันว่า “พุทธภูมิ

    ซึ่งการที่จะไปถึงเป้าหมายที่อธิษฐานเอาคือ การบรรลุธรรม ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปนั้นไม่ง่าย เพราะต้องสร้างบุญบารมีให้ครบทั้ง 30 ทัศ จึงต้องติดอยู่ในการเวียน ว่าย ตาย เกิดในภพภูมิต่างๆ อีกนับล้านๆ ชาติจนกว่าบารมีจะเต็มตามคุณสมบัติของการเป็นพระพุทธเจ้า

    อย่างที่บอกไปแล้วว่าครูบาอาจารย์ท่านนั้น เป็นผู้มีอภิญญาระลึกชาติได้ ท่านเห็นความทุกข์ทรมาน เกิดความเบื่อหน่ายของการกลับมาเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเกิด แก่ เจ็บ ตาย และรู้ว่าถ้าท่านไม่ถอนคำอธิษฐานที่เคยอธิษฐานไว้ในอดีตชาติ ท่านก็จะต้องมาเกิด มาเจ็บ มาตายอีกนับไม่ถ้วนจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายในคำอธิษฐานที่ได้ทำเอาไว้

    ท่านจึงตัดสินใจถอนคำอธิษฐาน ขอลาจากพุทธภูมิ มาสู่สาวกภูมิเพื่อเป็นสาวกเดินตามพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันไปสู่แดนนิพพาน ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว เรื่องนี้คงพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งในเรื่องของการไปอธิษฐาน ล็อคตนเองไว้กับสิ่งหนึ่งซึ่งจะต้องไปตามนั้นจนกว่าจะสำเร็จ ซึ่งไม่มีทางรู้เลยว่าจะนานอีกกี่ชาติภพจะต้องเกิดมาอีกกี่ชาติถึงจะสำเร็จ

    หลายคนในชาตินี้ อาจจะเคยอธิษฐานขอเกิดเป็นพระสงฆ์ หรือผู้ปฏิบัติธรรม หรืออาจจะเคยอธิษฐานว่าขอเป็นคนธรรมดา อยากอยู่เงียบๆ ไม่ต้องรวยเพราะอาจจะเบื่อในเรื่องของทางโลก พอมาเกิดในชาตินี้ทำมาหากินอะไรก็ไม่รวยสักที เพราะคำอธิษฐานนั้นปิดทางรวยเอาไว้

    หลายคนในชาตินี้ อาจจะเคยอธิษฐานว่าไม่ขอมีคู่ครองอีก เพราะอาจจะเบื่อชีวิตครอบครัว การทะเลาะเบาะแว้ง มาในชาตินี้จึงไม่สมวังในความรัก ผิดหวังในเรื่องความรักตลอดเวลา เป็นคนอับโชคในเรื่องความรัก

    หลายคนอาจจะเคยอธิษฐานเพื่อกลับมาแก้แค้นใครบางคนในอดีตชาติ เมื่อมาเกิดในชาตินี้จิตใจจึงมีแต่ความแค้นเคือง จนไม่คิดที่จะทำให้ตนเองไปสู่ความสุขที่แท้จริง วันๆ จิตใจมีแต่อิจฉาริษยา คอยแต่คิดจะทำลาย ทำร้ายผู้อื่น

    หลายคนถูกจริตกับการเป็นทหารรับใช้ชาติแผ่นดิน อธิษฐานขอกลับมาเกิดรับใช้แผ่นดินต่อ แต่ทว่าในชาตินี้กลับอยากจะเป็นพ่อค้าวาณิช หรืออยากร่ำรวยเหมือนมหาเศรษฐีเขา พยายามทำเท่าไรก็ไม่รวยสักที มีแต่อุปสรรค จะไปร่ำรวยได้อย่างไรเพราะคำอธิษฐานล๊อดเอาไว้ ยังมี อีกหลายเรื่องที่ผลมาจากการอธิษฐานในอดีตชาติที่เราจำไม่ได้ ซึ่งควรจะแก้ไขเสียก่อนเป็นอันดับแรก

    สำหรับการไปบนบาน หรือสาบานเอาไว้ในอดีตชาติ หรือในชาตินี้ หรือแม้แต่ไปสัญญาอะไรกับใครเอาไว้แล้วไม่ทำตามที่พูด ไม่ทำตามสัจจะ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตต้องติดขัดตลอด เพราะมีกรรมทางวาจาขวางเอาไว้

    หลายคนไปบนบาน สาบานว่าจะเลิกกินเหล้า แต่ยังแอบไปกินแบบหลบๆ ซ่อนๆ แม้คนรอบข้างที่รู้จักจะไม่รู้ แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์และกฎแห่งกรรมนั้นรู้และทำหน้าที่แน่นอน ชีวิตนี้จึงทำอะไรติดๆ ขัดๆ ตลอดเวลา ดูเหมือนจะดีแต่ไม่ดี

    หลายคนสัญญาว่าจะช่วยคน หรือแม้แต่ตั้งใจจะไปทำบุญเท่านั้นเท่านี้ แต่ถึงเวลาจริงๆ เสียดายเงิน ไม่ให้หรือไม่ทำเลย หรือแม้แต่ให้ช่วยเหลือและทำบุญก็จริง แต่ลดจำนวนเงินลง ชาตินี้หวังสิ่งใดก็จะได้น้อยกว่าที่หวังตลอดเวลา เวลาไปเสี่ยงโชคซื้อหวยอะไรก็ตาม จะไม่ถูกแบบเฉียดๆ ซื้อเลข 64 แต่ออก 63 หรือ 65 หรือแทนที่จะมีลาภสัก 5 หมื่นอาจจะได้สัก 500 บาทแทน

    ยิ่งคนที่ไปสาบาน บนบานในเรื่องสำคัญ เช่น สาบานว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่อาจจะลืมหรือมีความจำเป็นอะไรก็ตาม ยังไปฆ่าหรือทำลาย ทำร้ายสัตว์อีก แบบนี้หนัก 2 เท่า เพราะนอกจากผิดสัจจะ ผิดคำสาบานไม่ทำตามที่สาบานเอาไว้ ยังไปสร้างเจ้ากรรมนายเวรใหม่ขึ้นมาอีก

    และขอบอกไว้เลยว่า กรรมนี้เป็นกรรมหนักที่ต้องส่งผล อย่างน้อยที่สุดเจ้ากรรมนายเวรเขาก็จะไปขวางโชคลาภไม่ให้เราได้ อะไรที่เป็นความสุขในชีวิตเขาจะมาพรากเอาไปเมื่อกับที่เราได้พรากชีวิตเขา ครอบครัวจะมีแต่เรื่องวุ่นวายและเสียเงินเสียทองที่ไม่น่าจะเสียก็เสีย อย่าว่าแต่จะมีโชคลาภเลย ของเดิมบุญเดิมเงินเก่าที่มีก็จะหมดไปด้วย

    สำหรับคนที่ไปบนบาน สาบานอะไรไว้แบบมั่วไปหมด เมื่ออยากจะได้อะไร อยากขอความช่วยเหลือก็เอ่ยปากบนบาน สาบานไปทั่วจนจำไม่ได้แล้วไม่ได้แก้หรือทำตามที่บนบาน สาบานเอาไว้

    พวกนี้ก็อย่าไปหวังเลยว่าจะมีโชคลาภ ร่ำรวย เพราะกรรมทางวาจาเข้าข่ายไปดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือไปสาบานอะไรไว้ต่อหน้าพระอริยสงฆ์ ผู้ปฏิบัติธรรมชั้นสูง แล้วไม่ทำตาม ตัวอย่างมีมากมายที่ชีวิตนี้มีแต่อุปสรรคมาขัดขวาง

    อะไรที่ควรได้ก็จะไม่ได้ ลาภใหญ่ที่ต้องได้ด้วยบุญที่ทำมาก็มาส่งผลไม่ได้ เพราะมีกรรมหนักฝ่ายไม่ดีมาขวางเอาไว้หรือมาชิงส่งผลเสียก่อนเพราะเป็นกรรมหนักกว่าที่ต้องส่งผลก่อน หรืออาจจะได้แบบโชคลาภเล็กๆ น้อยแทนที่จะได้รับแบบเต็มที่

    ทางที่ดีที่สุดที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำเอาไว้ ให้ปลดล็อคตัวเองเสียก่อนด้วย 2 วิธีสำคัญคือ

    1. การขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานนั้นเสีย ซึ่งในชาตินี้ อาจจะไม่เคยไปอธิษฐาน บนบาน สาบานอะไรไว้ เพื่อความไม่ประมาทควรทำเสีย เพื่อปลดล็อคตัวเองเสีย

    2. ให้ทำตามในสิ่งที่เราไปบนบาน สาบานเอาไว้ทันที หากจำไม่ได้ ครูบาอาจารย์ท่านก็แนะนำทางแก้ไว้ให้แล้ว เป็นการแก้บนรวม ที่รวมเรื่องการบนที่จำไม่ได้แล้วด้วย

    ก่อนที่จะทำการถอนคำอธิษฐาน คำสาบาน หรือแก้บนอะไรก็ตามให้ต้องสร้างบุญใหม่ก่อน ขอย้ำอีกครั้งว่า ต้องสร้างบุญใหม่ เพราะด้วยเหตุที่เราลำบาก ติดขัด ไม่มีโชคก็เป็นเพราะบุญเก่าเราไม่พอที่จะส่งผล และเพื่อนำบุญใหม่นี้อุทิศให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปฏิบัติธรรม หรือดวงจิตวิญญาณต่างๆ เพื่อการไปขอขมาลาโทษ

    เหมือนกับการที่เราไปขอโทษคน ลองนึกดูว่าระหว่างไปด้วยปากเปล่า มือเปล่ากับมีสิ่งของที่เขาต้องการไปให้ แบบไหนจะเขาจะยกโทษให้ได้มากกว่ากัน และที่สำคัญสิ่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ปฏิบัติธรรม หรือดวงจิตวิญญาณต้องการมากที่สุดคือ “บุญ” ไม่ใช่สิ่งของอะไร เพราะบุญนั้นเป็นความสุข เป็นพลังงานที่สะอาดบริสุทธิ์ที่สุดในโลก

    การสร้างบุญนั้นอาจจะเป็นการใส่บาตร ทำสังฆทาน บริจาคเงินตามตู้ ช่วยเหลือคนอื่น อะไรก็ได้ที่เป็นทานวัตถุ ทำบุญให้เหมาะสมกับตนอย่างให้ตนเองเดือดร้อนหรือผู้อื่นเดือดร้อน เพราะอาจจะไม่ได้บุญจะได้บาปไปแทน


    สำหรับคนที่เดือดร้อนไม่มีเงินเลยจริงๆ ก็สร้างบุญแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียวได้ด้วยการสวดมนต์ ถือศีล 5 หรือทำสมาธิ หรือแม้แต่ทำไม่ได้อีกให้ร่วมอนุโมทนาบุญกับคนอื่นเขา

    เช่น เห็นคนเขาทำบุญก็มีจิตร่วมยินดีกับบุญที่เขาทำ ไม่ว่าต่อหน้าที่เราเห็นหรือในหนังสือพิมพ์ หน้าทีวี ในอินเตอร์เน็ต หรือใครมาเล่าให้ฟังก็ได้บุญทั้งนั้น ซึ่งน้อยกว่าคนที่เขาทำบุญนั้น แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้บุญเอาเสียเลย

    หลังจากนั้นก็อุทิศบุญไปให้กับพระอริยสงฆ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ ผู้ปฏิบัติธรรม ดวงจิตวิญญาณ เจ้ากรรมนายเวรเขาเสีย เพื่อขออโหสิกรรม ขอขมาลาโทษท่านเสียก่อนและให้ทำตามขั้นตอนดังนี้

    วิธีถอนคำอธิษฐาน แก้บนที่จำไม่ได้ด้วยบุญ
    ตั้งจิตให้มั่นคงเสียก่อน แล้วกล่าวตั้งนะโมฯ ๓ จบ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ

    ข้าพเจ้าชื่อ………………….สกุล…………………ด้วยสัจจะอธิษฐานทั้งในอดีตชาติและชาตินี้เรื่อง …………………………..(เอาที่จำได้ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดถึง) สิ่งของใดๆ ที่ได้บนบาน สาบาน สาปแช่ง ที่จำได้ก็ดี และจำไม่ได้ก็ดี มาถึงบัดนี้ ข้าพเจ้าขอถอนคำอธิษฐาน บนบาน สาบาน สาปแช่งทั้งหมด ถวายแก้บนทั้งหมด ณ บัดนี้

    ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากรรมนายเวร ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายโปรดมารับ โปรดมาโมทนา โปรดมาอโหสิกรรม และโปรดสงเคราะห์ตามความประสงค์ขอข้าพเจ้าในครั้งนี้ โปรดถอนตัวจากอุปสรรคทั้งปวงทั้งในเรื่องการงาน การเงิน สุขภาพ ขอโปรดเมตตาให้ข้าพเจ้าได้พบกับกรรมดี บุญกุศลที่เคยทำมา มีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง จนตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
    เคล็ดวิธีที่นำมาให้รับทราบนี้ เป็นการ“วิธีถอนคำอธิษฐาน แก้บนที่จำไม่ได้ด้วยบุญ” ที่รวมเรื่องคำสาปแช่งไว้ด้วย เพราะเราอาจจะเคยแค้นเคืองคนอื่นเขาจนไปสาปแช่งอะไรไว้ มันจะย้อนเข้าหาตนเองเมื่อช่วงที่ดวงตกเอามากๆ เป็นช่วงที่วิบากกรรมไม่ดีมาส่งผลเต็มที่

    เป็นวิธีที่แสนง่ายดาย แต่ได้ผลซึ่งไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย และไม่เสียเงินทองมากหรือไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว และเป็นการเปิดทางใหม่ของตนเองไว้อย่างยาวเลย เพราะกว่าจะเข้าถึงพระนิพพานที่ถือว่าเป็นสุดทางของการเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ที่ต้องเกิดมาอีกหลายชาติกว่าจะถึงซึ่งพระนิพพาน

    แต่ที่สำคัญมากๆ ก็คือ เมื่อได้วิธีถอนคำอธิษฐาน แก้บนที่จำไม่ได้ ถอนคำสาปแช่งแล้ว อย่าได้ไปทำอีกเป็นอันขาด ถ้าไม่ใช่เป็นการอธิษฐานเพื่อสร้างบุญกุศล สร้างกรรมดีเพราะจะต้องมานั่งแก้ไขในเรื่องนี้ตลอดเวลาของชีวิต

    ท่านที่เจอเรื่องหนักๆ อุปสรรคต่างๆ มาตลอดชีวิตแนะนำว่าให้ทำการถอนคำอธิษฐาน แก้บนที่จำไม่ได้ด้วยบุญนี้ทุกครั้งหรือเท่าที่นึกได้ตลอดเวลาก็จะดีต่อท่านมาก ทำเถอะไม่ได้เสียเวลา เสียเงินอะไรเลย

    หากชีวิตยังพบกับอุปสรรคอีก ก็ขอให้เข้าใจตรงกันว่า เรานั้นเกิดมาหลายภพชาติไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียว สร้างกรรมไม่ดีและกรรมดีมากมาย เมื่อกรรมไหนส่งผลแล้วก็จบสิ้นไปกรรมอื่นก็ต้องเข้ามาส่งผล เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม
    แต่แก้ไขได้ด้วยการสร้างกรรมดีใหม่ที่เป็นกรรมหนักฝ่ายดีให้มากตลอดเวลา เพื่อพาตนเองหนีกรรมไม่ดี ยิ่งทำมากเท่าใด กรรมไม่ดีนี้ก็ตามไม่ทัน มาส่งผลไม่ได้

    ชีวิตก็จะพบแต่เรื่องดีๆ มีโชค มีลาภ มีความสุข
    ได้ทุกสิ่งที่ถูกธรรมตลอดชีวิตที่น้อยนักนี้แน่นอน

    จากหนังสือเรื่อง สุดยอดวิชาศักดิ์สิทธิ์ เล่ม 3 ทำแล้ว รวยโคตร โดย ธ.ธรรมรักษ์
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    วิธีใช้บุญเพื่อบันดาลผลสำเร็จในชีวิตปัจจุบัน
    ขั้นตอนแรก ให้ทำการขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวร ที่เราเคยทำผิดต่อเขา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งจำได้และจำไม่ได้ โดยการอาศัยอานุภาพของพระรัตนตรัยเข้าช่วย ดังนี้

    “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลกระแสขอขมาของข้าพเจ้า ให้ไปถึงนายเวรที่เข้ามาเบียดเบียนข้า ขอท่านเหล่านั้นจงรับทราบ และยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าด้วยเถิด ข้าสำนึกในความผิดทั้งหลายที่ได้ทำไปแล้ว บัดนี้ข้าขอขมา ขอหมู่ท่านจงยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าด้วยเถิด ข้าจะทำบุญไปให้ และขอท่านจงมีส่วนแห่งบุญที่ข้าทำทุกๆ ครั้งด้วยเทอญ ..” (ว่าห้าครั้ง)

    ขั้นตอนที่สอง ให้เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ขอ ให้มาปิดกั้นบาปเคราะห์เอาไว้ เพื่อบรรเทาผลร้ายให้เบาบาง เพื่อเปิดช่องให้อำนาจบุญบันดาลผลดีแก่เราได้สะดวก รวดเร็วขึ้น ..แต่ต้องเข้าใจให้ถูกนะว่า เป็นเพียงการปิดบาป (ปัดเคราะห์). ชั่วคราวเท่านั้น แต่ผลกรรมที่จะได้รับนั้นก็ยังรอโอกาสที่จะตอบสนองเราอยู่เช่นเดิม…

    “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้า ให้มาปิดบาปกรรมของข้าด้วยเทอญ” (ว่าสิบครั้ง)

    ขั้นตอนที่สาม ให้เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ขอให้มาบันดาลผลสำเร็จในปัจจุบัน เราต้องการผลสำเร็จในด้านใดก็ตั้งจิตให้อำนาจบุญ บันดาลผลสำเร็จในสิ่งนั้น เช่น การค้าขาย การสอบ การสมัครงาน ความรัก เงินเดือนโบนัส สุขภาพ หรือทรัพย์ที่หายไป เป็นต้น โดยการระบุสิ่งนั้นสั้นๆ ตรงๆ ด้วยจิตที่มั่นคงเป็นกลางสบายๆ อย่าให้ความโลภเข้าครอบงำเพราะจะทำให้ผลสำเร็จถูกตัดรอน ลง และอย่าใช้ในทางผิดเพราะจะเกิดวิบัติแก่ตัว ขอยกตัวอย่างผู้เจ็บป่วยให้ว่าดังนี้

    “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้า ให้มาปรากฏผล (ในปัจจุบัน) เป็นหมอดียาดีรักษาตัวข้าให้หายป่วยด้วยเถิด” (เฉพาะขั้นนี้ว่าได้หลายๆ ครั้ง จนกว่าจะสำเร็จผล)

    ถ้าของหายใช้ว่า “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าให้มาปรากฏผล (ในปัจจุบัน) เป็น…(ระบุ)…แก่ข้าภายในสามวันเถิด” หรือจะว่าภายในวันนี้เถิดก็ได้

    เพื่อความเจริญในหน้าที่การงานให้ใช้ว่า…เป็นงานดีเงินดีแก่ข้าด้วยเถิด.

    เพื่อการเดินทางให้ใช้ว่า…เป็นความสะดวกปลอดภัยแก่ข้าด้วยเถิด.

    เพื่อการทำงานให้ใช้ว่า…เป็นความสำเร็จในสิ่งที่ทำด้วยเถิด.

    เพื่อรักษาโรคให้ใช้ว่า…เป็นยารักษาโรคให้หายด้วยเถิด.

    (ขั้นตอนที่หนึ่งและสอง ว่าเฉพาะตอนเช้าก็พอ เฉพาะขั้นตอนที่สามนั้น สามารถว่าสับเปลี่ยนกันได้ตลอดทั้งวัน)

    (หากท่านขยันทำแล้วไซร้ จะปรากฏผลสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะมีผู้ใช้ได้ผลมาแล้วมากมาย)
    :- https://kinnok.wordpress.com/
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    คำขอขมาโทษต่อบิดามารดา (แบบย่อ)
    หากผู้ใดได้เคยทำผิดต่อพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณเมื่อผลกรรมนั้นให้ผล ย่อมทำให้เกิดความวิบัติต่างๆนานาประการ ทั้งด้านชีวิต ทรัพย์สินสุขภาพความรัก ธุรกิจ ฯลฯ ขัดโชคขัดลาภ ไม่มีความสุข บางคนประสบโรคภัยไข้เจ็บ บางคนบ้านแตกครอบครัวล่มสลาย บางคนพิการ เป็นบ้า

    หากกรรมนั้นมาถึงตัวจนเป็นไปต่างๆนานาแล้วก็ยากที่จะแก้ไข ฉะนั้นหากระลึกได้ว่าเคยทำสิ่งใดไว้กับพ่อแม่เช่น ด่าว่า ทุบตีท่าน.โกหกหลอกลวงท่าน.ลักขโมยสิ่งของเงินทองท่าน.หรือประพฤติตนไม่ดีจนท่านร้องไห้เสียใจ.

    จุดสำคัญอยู่ที่ทำให้ท่านกระเทือนใจเพราะกระแสสั่นสะเทือนนั้น จะส่งผลให้วิถีชีวิตของลูกสั่นสะเทือนไปตลอดชีวิตอุปมาเหมือนน้ำทะเลกับเรือถ้าทะเลราบเรียบเรือก็ล่องลอยไปปลอดภัยแต่หากทะเลมีคลื่นลมแรงเรือก็ย่อมโคลงเคลงไปด้วย ถ้าเป็นคลื่นสึนามิเรือก็ย่อมจมอย่างแน่นอนกระแสบาปที่ทำกับพ่อแม่ก็เช่นกันเมื่อส่งผลแล้วย่อมทำให้ขัดโชคขัดลาภทำมาหากินไม่ขึ้น เกิดความวิบัติต่างๆแม้จะบวชกี่วัด ทำสังฆทานกี่ครั้งอุทิศบุญจนเหนื่อย ก็ยากที่จะผ่านพ้นไปได้

    ดังนั้น เราจึงควรได้แก้ไขเสียตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ถ้าทำผิดเล็กน้อยกราบเท้าขอขมาก็ผ่านพ้นไปได้แต่ถ้าได้ทำผิดกับท่านหนักๆก็ควรได้เอาน้ำล้างเท้าของพ่อแม่ไปอาบสักครั้ง ถ้าหนักมากก็อาบ ๗ ครั้งรับรองว่าชะตาชีวิตที่เคยยุ่งเหยิงย่ำแย่จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

    ส่วนผู้ใดที่พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้วก็ให้ไปขอขมาต่อหน้าพระภิกษุที่ตนเคารพนับถือที่มีศีลาจารวัตรดีงามให้ท่านเป็นพยานรับรู้ต่อการขอขมานั้นจึงจะพ้นโทษได้…

    สิ่งที่ต้องเตรียมในการขอขมาพ่อแม่
    ๑.กระทงแบบวันลอยกระทง๑ ใบ ใส่ธูป ๓ ดอก เทียน ๒ เล่ม ข้าวตอก ดอกไม้พอประมาณ

    ๒.น้ำขมิ้น,ส้มป่อย ๑ ถังน้ำ + ขันน้ำ ๑ ใบ

    ๓.กะละมังขอบเตี้ยใบพอประมาณ ๑ ใบ (พอวางเท้า ๒ คน) ผ้าขนหนูเพื่อเช็ดเท้า ๑ ผืน

    ๔. เงินตามฐานะเช่น ๑๐๐ ,๒๐๐ ,๕๐๐

    อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ววางด้านขวามือเรา

    ๑.กราบหลังเท้าพ่อ ๑ ครั้ง แม่ ๑ ครั้ง (แบมือ หน้าผากจรดหลังเท้า)

    ๒.ถือกระทง ตั้งนะโม ๓ จบ คำกล่าวขอขมาว่า

    “กายกรรมวจีกรรมมโนกรรม กรรมชั่วอันใดที่ ลูกได้ทำผิดต่อพ่อแม่ ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งเจตนาและไม่ได้เจตนา ทั้งต่อหน้าและลับหลังทั้งจำได้และจำไม่ได้ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้ โดย เฉพาะเรื่องเงินทอง สิ่งของการพูดจาว่าร้าย และความประพฤติที่ทำให้พ่อแม่เสียใจกระเทือนใจ ขอพ่อแม่จงได้โปรดเมตตายกโทษอโหสิกรรมแก่ลูกด้วยเถิดเพื่อลูกจะได้สำรวม ระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป”

    ๓.เสร็จแล้วเอากระทงให้พ่อ กราบหลังเท้าพ่อแม่หนึ่งครั้ง แล้วนำกะละมังเข้ามาล้างเท้าท่านช้าๆพร้อมกับพูดขอโทษที่เคยทำผิด ทั้งชาตินี้และชาติก่อนให้พูดออกมาดังๆและให้ถอนคำพูดเหล่านี้ด้วย

    “ลูกขอถอนคำว่า เบื่อเหลือเกินบ้านหลังนี้ไม่อยู่ก็ได้ ไม่มาเหยียบก็ได้บ้านหลังนี้ ที่ลูกได้เคยพูดทั้งในชาตินี้และในอดีตชาติที่ผ่านมา และลูกขอกลับเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ ร่มไทรของพ่อแม่ตลอดไป ขอพ่อแม่จงได้เมตตารับลูก กลับเข้าสู่ร่มเงา ใบบุญของพ่อแม่ด้วยเถิด”

    ๔.ล้างเท้าเสร็จแล้วประนมมือก้มหัวลงไปหาท่าน ให้พ่อแม่ท่านยกโทษให้โดยพ่อแม่ลูบผมลูกลง พร้อมพูดว่า (เขียนให้พ่อแม่)

    “สิ่งใดที่ลูกเคยทำผิดต่อพ่อแม่ ด้วยกาย วาจา ใจ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด มาวันนี้เวลานี้ พ่อแม่ขอยกโทษ อโหสิกรรมให้กับลูกทั้งหมดทั้งสิ้นไม่ให้เป็นบาปแก่กันอีกต่อไป บุญกุศล คุณงามความดีทั้งหลาย จงปกปักษ์รักษาลูกให้มีแต่ความสุขความเจริญปราศจากอันตรายและโรคภัยไข้เจ็บ ให้มีอายุมั่นขวัญยืนครอบครัวเป็นสุขธุรกิจการงานเจริญรุ่งเรือง พ่อแม่ได้พึ่งพาอาศัยต่อไป”

    ๕.พ่อแม่คืนกระทงให้ลูก รับกระทงมาวางด้านซ้ายมือ ลูกหยิบเงินที่เตรียมไว้ขึ้นมา พูดว่า

    “เงินนี้ ลูกขอใช้หนี้เก่าคืน ต่อไปนี้ไม่ว่าสิ่งใดที่ลูกปฏิบัติต่อพ่อแม่ให้ถือว่าเป็นการใช้หนี้เก่าทั้งสิ้น” ให้เอาเงินใส่มือให้ท่าน

    ๖.เลื่อนกะละมังออกเช็ดเท้าท่านให้แห้ง กราบหลังเท้าอีก ๑ ครั้ง

    ๗.นำกระทงไปลอย จุดธูปเทียน แล้วพูดว่า

    “มีเคราะห์เข็ญเวรภัยใดๆ ก็จงไปกับกระทงนี้เถิด”

    ๘.นำน้ำล้างเท้าไปอาบ โดยเปิดน้ำผสมในถัง ๓ขันแรกราดศีรษะ แล้วอาบตามปกติจนหมด

    ๙.ให้ทำติดต่อกันอย่างน้อย๕ ครั้ง ผิดอย่างหนัก ๗ ครั้ง แล้วเคราะห์ร้ายที่คุณประสบอยู่ก็จะผ่านพ้น ไป

    พิธีเชื่อมสัญญาณบุญกับพ่อแม่
    ผู้ใดที่เคยพูดด่าใส่หน้าพ่อแม่ ด้วยคำเหล่านี้คือ เบื่อบ้านหลังนี้, เบื่อคนบ้านนี้, ไม่อยู่ก็ได้บ้านหลังนี้เป็นต้นขอให้ถอนคำพูดนั้นออกเสียด้วย มิฉะนั้นแล้วชะตาชีวิตจะต้องระเหเร่ร่อนอยู่ที่ไหนก็ไร้ความสุข เปิดค้าขายอะไรก็เจ๊ง ไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีคนอุปถัมภ์ค้ำชูโดยให้ทำพิธีแก้ไข ดังนี้

    ให้เย็บกระทงใบกล้วย๔ มุม ใส่เทียนขาว ๕ คู่ ดอกไม้ขาว ๕ คู่ เงิน ๙ บาท ฝ้ายสำหรับผูกแขน (สายสิญจน์) ๒ เส้นทุกอย่างพร้อมแล้วให้ปฏิบัติดังนี้ กราบเท้าพ่อแม่ ถือกระทงยกขึ้น ตั้งนะโม ๓ จบ กล่าวคำถอนว่า…

    “ลูกขอถอนคำว่า เบื่อเหลือเกินบ้านหลังนี้ ไม่อยู่ก็ได้ไม่มาเหยียบอีกก็ได้บ้านหลังนี้ที่ลูกได้เคยพูดทั้งในชาตินี้ และในอดีตชาติที่ผ่านมา และลูกขอกลับเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของพ่อแม่ตลอดไป ขอพ่อแม่จงได้เมตตารับลูกกลับเข้าสู่ร่มเงา ใบบุญของพ่อแม่ด้วยเถิด..” ว่า ๓ จบ

    มอบกระทงให้พ่อแม่พ่อแม่กล่าวรับขวัญ เอาด้ายผูกข้อมือลูกอวยชัยให้พรให้ลูกอยู่เย็นเป็นสุข ไปที่ไหนก็ให้มีความสุข ความเจริญ มียศมีเกียรติคุณดีงามในที่นั้นๆ ลูกกราบเท้าพ่อแม่ ๑ ครั้ง เสร็จพิธี

    ให้ทำติดต่อกัน๓ วัน (ฝ้ายผูกแขนให้ลูก – เงินพ่อแม่เก็บไว้ทำบุญ- กระทงพ่อแม่นำขึ้นบูชาพระ)
    ........................ RoseUnderline.gif
    :- https://kinnok.wordpress.com/
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    **** " วิญญานที่โดนจองจำด้วยพันธะแห่งสัญญา " *****
    คำถาม >>> กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ อยากถามพระอาจารย์ว่า จิตวิญญาณสามารถไปได้ทุกที่ทั่วโลกไหมค่ะ หรือว่าถ้าเขาตายอยู่ที่ประเทศใดแล้วจะต้องอยู่แค่อาณาเขตของประเทศนั้นไม่สามารถที่จะเข้าไปในเขตแดนอื่นได้
    เพราะแต่ละประเทศมีเทวดาเจ้าที่รักษาอยู่ คำถามนี้ในกรณีที่จิตวิญญาณยังล่องลอยน่ะค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ
    พระอาจารย์ตอบ <<< เรื่องจิตวิญญานนั้น ซับซ้อน มันมีเหตุปัจจัยแห่งวิบากเป็นปัจจัย
    จะบอกว่า ไปได้ทั่วโลกก็ไม่ได้ จะบอกว่าไปไม่ได้ก็ไม่ได้ มันมีเหตุปัจจัยแห่งวิบากในแต่ละวิญญานไม่เหมือนกัน
    สมัยหนึ่งตอนไปอินเดีย มีเหล่าวิญญานรออยู่ที่วังมหันต์ เหล่าวิญญานนั้นรออยู่ตรงนั้นมาเป็นพันๆปี
    ไม่ได้ไปเกิด ไม่ได้ไปไหน เขารอด้วยอำนาจแห่งกุศลวิบากสัญญา ว่าจะได้กลับมาเจอกัน
    มีวิบากแห่งการปลดปล่อยจากเครื่องร้อยรัดจองจำ ที่คล้องเป็นโซ่ตรวจสัญญา ไม่ให้พวกเขาไปไหน
    เมื่อพวกเราไป ไปในสถานที่ที่พวกเขารอ วิญญานพวกเขาจึงแสดงตัวออกมา เพื่อแสดงเจตนา ที่เราเคยให้สัญญากันไว้
    การสาธุคุณและโมทนาบุญ แผ่เมตาจิตของเราออกไป จะช่วยให้วิญญานที่รอคอยสงบลง
    การสงบลงแห่งการรอคอย ทำให้พวกเขามีอิสระที่จะไปไหนต่อไหนได้ตามแต่ภวังค์สัญญาที่เขาเคยบันทึก
    เมื่อปีก่อนในวันมุทิตาจิตที่เกาะบุญญพลัง เหล่าวิญญานที่มาจากวังมหันต์ ได้เข้ามาน้อมน้อมสักการะ และได้ยกผ้าไตรกัน
    นี่เป็นสิ่งยืนยันได้กับใจดวงนี้ และผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่า วิญญานเหล่านี้ ต่างมาถึงที่นี่ได้จริงๆ ทั้งๆที่ถิ่นเดิมของเขา อยู่ถึงประเทศอินเดีย
    นี่..ในกรณีที่วิญญานพวกเขาได้รับการปลดปล่อยจากห้วงวิบากแห่งสัญญาจิต
    ทำให้พวกเขา มาน้อมกราบถึงเกาะบุญญพลังได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อน พวกเขาก็ไม่มีวี่แววที่จะมาได้
    แต่ก็ยังมีวิญญานจากมหันต์ ที่มาถึงนี่ไม่ได้อีกมากมายเช่นกัน แม้ว่าจะเคยมีสัญญาวิบากต่อกันอยู่ก็ตาม
    มันยังมีเรื่องแห่งกาลในนิยามแห่งกรรมของแต่ละคน มันไม่เท่ากันไม่เหมือนกันอีก
    อีกที่หนึ่งที่มีวิญญานเยอะก็คือ ที่ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ. เชียงราย
    ที่นั่นก็เช่นกัน เหล่าวิญญานได้มากราบสักการะคุณถึงที่นี่ เมื่อก่อนก็มาไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้มาได้ และมาได้ตลอดเวลา
    สมัยก่อนเหล่าวิญญานได้เคยบอกว่า พวกเขาต่างร้องเรียกข้า อันเคยเป็นพ่อหลวงของพวกเขาที่นั้น เป็นร้อยเป็นพันครั้ง เมื่อข้าได้เดินทางผ่านหุบเขาที่นั้น
    แต่พ่อหลวงของเขานั้น ไม่เคยได้ยิน ไม่เข้ามา ไม่ใส่ใจ ทิ้งขว้างพวกเขาไป นี่..เขาบอกว่าอย่างนั้น
    ข้าเองนี่ไปเชียงรายแม่สายไม่กี่ครั้ง ไปเอาหินให้ช่างแกะพระมาไว้ให้แก่แผ่นดิน
    แต่พวกเขาเหล่าวิญญานบอกว่า เคยเรียกร้องหายามข้าผ่านไปเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
    นั่นก็หมายความว่า ไม่ใช่แค่ชาตินี้เท่านั้น แต่หมายถึงรวมในอดีตชาติที่เคยเกิดมา และได้สัญจรผ่านสถานที่นั้น
    นี่..พวกเขาเพิ่งมาสมหวังกันในอัตภาพนี้ ที่ผ่านมาคงไม่ได้เข้าหา และมีกำลังไม่พอที่จะช่วยพวกเขา ให้เข้าถึงความเป็นอิสระแห่งสัญญาที่รอการปลดปล่อย
    เรื่องจิตเรื่องวิญญานนั้นซับซ้อนหากอยากเข้าไปรู้ กาลเขากับกาลเราไม่เหมือนกัน
    เขาบันทึกด้วยภวังค์จิต แต่เราใช้ความหมายแห่งวิถีจิต การปรุงแห่งกองขันธ์มันแตกต่างกันในความหมาย
    แต่ท่านผู้เข้าใจ ท่านก็ปลงลงตรงที่ มันก็มีเหตุปัจจัยของมันเช่นนั้นแหละ
    เป็นแต่เรานี่แหละ ที่มักคิดมากและขี้สงสัย
    สัตว์ทั้งหลาย ตายที่ไหน ก็มักสถิตย์จองจำด้วยวิบากอยู่ที่นั้น ไปไหนไม่ได้
    การไปไหนได้ เราต้องสร้างสัญญาที่อยู่ให้เขาด้วยรูป ที่สำคัญ เราต้องมีบันทึกสัญญาระหว่างกันด้วยเป็นเหตุปัจจัย
    วันหลังจะเล่าเรื่องวิญญานที่ไปไหนไม่ได้ เพราะเหตุแห่งลูกหญิงชายเอากระดูกที่เผาจากเมรุใส่ผะอบ เอามาเก็บไว้ที่บ้าน
    นี่ก็เป็นสัญญาอย่างหนึ่ง ที่จองจำวิญญานไม่ให้ไปไหนด้วยเช่นกัน..
    **********************************
    พระธรรมเทศนาจากบทธรรมเรื่อง ***** " ความอบอุ่นของพี่ๆน้องๆแห่งบุญญพลัง " ****
    โดยพระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง
    ณ พุทธอุทยานบุญญพลัง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
    วันที่ 26 ตุลาคม 2559
    :- facebook]1486794481417395[/MEDIA
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    เวรกรรมข้ามภพ

    สุขใจ
    Published on May 23, 2017
     
  9. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ดันขึ้นมา ฮี๊บๆ .(รับจ้างดันกระทู้ ถ้าเจ้าของอยู่เมืองนอกเมืองนาคิดร้อยดอลฯ..เมืองไทยสิบบาท)
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,648
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    SongkranBlessingBuddha.jpg
    เย้ กลับมาแล้ว อารมณ์ขําเช่นเคย แต่แหม หน้ามีสีแดง คิดถึงนะคะ
    สุขสันต์วันสงกรานต์ทุกๆท่านค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...