ปาราชิก วัตถุมงคลยังศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?

ผมมีข้อสงสัยในใจมานานแล้วล่ะครับ ถ้า
1. พระเครื่องที่ปลุกเสกหมู่ ถ้ามีพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งที่ร่วมปลุกเสกปาราชิก พระเครื่องที่ถูกปลุกเสกยังศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่?
2. พระเครื่องที่ถูกปลุกเสกเดี่ยวโดยพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่ง ตอนที่ปลุกเสกนั้นท่านยังบริสุทธิ์ดีอยู่ แต่ภายหลังท่านอาบัติปาราชิก พระเครื่องนั้นยังศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่?

ถ้าคำตอบของทั้ง 2 ข้อ คือยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ ผมอยากจะถามต่อว่าแล้วพลังของพระเครื่องลดลงหรือไม่?

 

เจตนาเป็นใหญ่............

 

เรารู้ ใจเราตก ของก็ไม่ขลัง

 

1. พระเครื่องที่ปลุกเสกหมู่ ถ้ามีพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งที่ร่วมปลุกเสกปาราชิก พระเครื่องที่ถูกปลุกเสกยังศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่?

ตามความคิดของผมไม่น่าจะสำเร็จผล เพราะตามพระวินัยกำหนดไว้ในการทำสังฆกรรมหากมีพระปราชิกร่วมหัตถบาทในการสังฆกรรมนั้นต้องอาบัติ หากเป็นการบวชพระถ้ามีพระปราชิกร่วมในการบวชผู้บวชก็ไม่ได้เป็นพระเป็นได้เพียงฆราวาสห่มเหลืองต้องทำการบวชใหม่ และพระที่ร่วมสังฆกรรมก็ต้องอาบัติด้วย

2. พระเครื่องที่ถูกปลุกเสกเดี่ยวโดยพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่ง ตอนที่ปลุกเสกนั้นท่านยังบริสุทธิ์ดีอยู่ แต่ภายหลังท่านอาบัติปาราชิก พระเครื่องนั้นยังศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่?

ตามความเห็นของผมหากท่านปลุกเสกด้วยหลักไสยศาสตร์ถือว่าเสื่อม เพราะคนเสกไม่บริสุทธิ์แล้ว

 

พระแท้ถ้าเสกด้วยพุทธคุณ ยังไงก็ขลัง เพราะน้อมนำเอาบารมีพระพุทธเจ้าลงมา และความขลังมาากการประจุพลังลงไป เสร้จแล้วก็จบ ไม่เกี่ยวพันสืบมา อีกอย่างพระท่านถ้าท่านเสกเป็น ท่านจะไม่ใช้อำนาจของท่าน แต่ท่านมักจะอาราธนาครูบาอาจารย์ รวมถึงบารมีพระพุทธเจ้าลงมาเพราะจะขลัง และเต็มเร็วมกว่ามาก อีกอย่างทุกวันนี้พระที่มาเสกบางทีก็ต้องมีพระที่ดัง แต่ไม่ใช่พระแท้ปนมาด้วยเสมอๆ แต่ของที่ออกก็ยังขลังอยู่ อีกประการของจะขลังไม่ขลัง อยู่ตัวผู้ใช้เป็นหลัก ว่าจะรักษาศีล ภาวนาได้ดีแค่ไหน คนเสกเพียงแค่อาราธนาพลังครูอาจารย์สงเคราะห์เท่านั้น เหมือนภาพพระพุทธเจ้าไม่เสกยังขลัง ขึ้นอยู่กับว่าเราลังเลสงสัยหรือไม่ นับถือที่ตัวคนเสก หรือนับถือที่ครูบาอาจารย์ หรือพระพุทธเจ้ากันแน่

 

ข้อ1 ศักสิทธิ์ อยู่
ข้อ2 ศักสิทธิ์ อยู่
= พลังเหมือนเดิม
ท่านเชื่อว่ามี ก็คือมี ท่านเชื่อว่าไม่มีก้คือไม่มี อยู่ที่ใจท่านเอง วัตถุแสงสีนั่นแค่ของภายนอก

 

ต้องถือเอาผู้ที่มิต้องอาบัติเป็นใหญ่ ถ้าท่านมีพลังจิตสูง มีจิตบริสุทธิ์ การปลุกเสกแค่องค์เดียวก็เกินพอ ถ้าองค์ที่อาบัติปาราชิกต้องแยกระหว่างพลังจิต กับ เรื่องกรรม เหมือนน้ำกับน้ำมันเข้ากันไม่ได้

 

ความ"ศักสิทธิ์" ขึ้นอยู่กับ ความ"ศรัทธา"

ใจเราเป็นผู้กำหนด ^^

 

เมื่อประมาณปี 36-37 มีพระออกมา 1 รุ่น ในมวลสารโฆษณาว่า(เสกหมู่)

ใส่เกศาพระดังรูปหนึ่งตอนนั้นพระรูปนี้ดังมาก (ร่วมเสกด้วย )

เกิดจากเทศและบั้นปลายชีวิตสงฆ์เริ่มจะปรุกเสกพระ

ตอนหลังก็ปราชิก แบบนี้.....???

 

ตามความคิดผมนะครับ เห็นมีคนโพสกันว่าเวลาแขวนพระหรืออธิษฐานให้ท่านมาช่วย ท่านก็จะมาช่วย ถ้าไม่ได้เป็นพระแล้วท่านจะมาช่วยได้อย่างไรล่ะครับ เนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์ไม่มี (ในกรณีเสกเดี่ยวนะครับ)

 

ยกตัวอย่างของยันตระ...มีใครใช้กันบ้าง...ส่วนใหญ่ทิ้งเสียหมดทั้งที่ราคาตอนนั้นเริ่มขยับ

 

อย่าไปวิตกกังวล หากเอาจิตไปจับ แน่นอนที่สุดว่าคุณเกิดทุกข์ คุณไม่อยากคล้องพระองค์นี้แล้วหรือไม่เกิดความเชื่อมั่น คุณก็เปลี่ยนพระที่คล้องเสีย เพื่อความสบายใจ ของที่ไม่เคยปลุกเสกก็ขลังได้ หากคุณเคยฟังเรื่องทหารอมเขียด ที่หยิบเขียดขึ้นไปอม โดยเข้าใจว่าเป็นพระ หรือหากจะแขวนพระที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่จิตมิเคยศรัทธา เชื่อมั่น ก็ไม่เป็นประโยชน์ ความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่จิตเลื่อมใสครับ
คำตอบที่ตั้งไว้ตามมุมมองผมแล้ว โดยวิสัยของปุถุชนอย่างเราทราบได้ยาก เพราะ กรณีแรกเราไม่ทราบหลอกว่า หลวงปู่ หลวงตา ท่านใด เป็นพระอริยะเจ้าในระดับใด ถึงแม้จะไม่เข้าเป็นสังฆกรรม หลวงปู่ หลวงตา เหล่านั้นท่านก็สามารถใช้บารมีของท่าน เป็นส่วนตน ปลุกเสกไป ด้วยจิตที่เมตตา และหากมีมากกว่า 1 องค์ ก็ยิ่งเป็นการดี เห็นด้วยหรือไม่ครับ!!!!!
กรณีที่สองก็สามรถออกได้ทุกมุม เพราะเราไม่ใช้ผู้รู้แจ้ง ท่านปาราชิกจริงหรือไม่ หรือถูกกล่าวหา พิธีกรรมที่ท่านทำ ท่านทำอย่างไร เช่น การบวงสรวงอัญเชิญ เทพ เทวดา มาทำให้ เจตนาที่ทำทำเพื่ออะไร หรือมีผลประโยชน์อันใดแอบแฝง ซึ่งกรณีอย่างนี้ ผลที่ได้ก็น่าจะเป็นไปในแนวทางที่ไม่ดี ไม่จำเป็นต้องปราขิก ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ถึอเป็นปัจจัยภายนอกตัวคุณ ปัจจัยที่อยู่ภายในตัวคุณหากคุณศรัทธาและยึดมั่นในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้ว สิ่งที่คล้องเพื่อเป็นพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ ให้ได้ระลึกรู้ ก็เชื่อได้ว่าความศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่ เพราะอยู่ภายใต้พระรัตนไตร ดังนั้นควรฝึกจิตให้ผ่องใส ผ่องแผ้ว เป็นดีที่สุด

 

ผมว่าจะปราราชิกหรือไม่ไม่สำคัญ อยู่ที่เรามากกว่า มีของดีใช้แต่อยู่ในที่ไม่ดีหรือทำไม่ดี
ให้ของดีอย่างไรมันก็เสื่อม อย่าคิดมาก
ในความคิดของผม
อยู่ที่พลังสมาธิ(พลังจิต)ที่บรรจุลงไปมากกว่า ว่ามากน้อยแค่ไหน
ฆราวาสหลายท่านที่มีจิตกล้าแข็งมีอยู่มากมายเหลานั้นไม่ใช่พระสงฆ์
การที่พระท่านปราชิกไม่เกี่ยวกับของเสื่อมหรือไม่เสื่อมคนใช้ต่างหากจะทำ
ให้พลังที่มีในวัตถุมงคลมากขึ้นหรือน้อยลง

 

ข้อ1 น่าจะยังขลังเหมือนเดิม
ข้อ2 ก็ต้องเสื่อมไปธรรมดาของปุถุชนยังไม่ใช่พระอริยะครับ

 

ความคิดเห็นของผม.....
กล่าวกันว่า การสร้างวัตถุมงคลใดๆประกอบไปด้วยหลักสามส่วนใหญ่ๆ 1.ความตั้งใจ 2.มวลสาร 3.ผู้ปลุกเสก - หากความตั้งใจในการจัดสร้างดี+มวลสารที่ใช้ก็ดีและถูกต้องตามหลักวิชา+อีกทั้งผู้ปลุกเสกมีสมาธิจิตที่แน่วแน่มั่นคง "วัตถุมงคลนั้นๆก็จะดีตาม" ไม่ว่าการปลุกเสกเดี่ยวหรือปลุกเสกรวม สมาธิจิตจิตของผู้ปลุกเสกก็จะเป็นผู้กำหนดให้วัตถุมงคลนั้นๆเป็นไปตามวาระจิตของผู้ปลุกเสก ดังนี้แล้ว ต้องดูว่าในช่วงเวลาที่ปลุกเสกนั้น ผู้ปลุกเสกมีสมาธิจิตเป็นเช่นไร ซึ่งจะทราบได้ยากมากๆ....แต่หากจะให้คำจำกัดความตามข้อของกระทู้ "จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน" น่าจะใช้ได้ หากจิตตกหรือระแวงเสียแล้ว ความเชื่อมั่นในวัตถุมงคลนั้นๆจะลดลง ทำให้วัตถุมงคลนั้นๆไม่สามารถสื่อกับผู้ใช้ได้ ก็จะแสดงผลไม่เต็มที่ (สัญญาณคลื่นวิทยุแรงประกอบกับเครื่องรับสัญญาณคุณภาพดี-เสียงก็ออกมาชัดเจน)...ครับ ส่วนจะเสื่อมหรือไม่นั้น ดูที่ความมั่นใจของผู้ใช้ครับ "จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน" ครับ หากไม่มั่นใจผมว่าก็อย่านำมาติดตัวเลย หรือนำไปให้กับพระอาจารย์ที่เราเคารพนับถือและมั่นใจ ให้ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกให้อีกครั้ง หรือนำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกตามวาระต่างๆ หรือจะนำไปใส่ในบาตรของพระสงฆ์บวชใหม่ในพิธี ฯลฯ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจกับวัตถุมงคลนั่นเองครับ ในทางกลับกัน หากวัตถุมงคลใดๆที่เข้าพิธีหนือผ่านการปลุกเสกพิธีใหญ่ๆแล้ว ผู้ใช้ยังขาดความมั่นใจในพุทธคุณของวัตถุมงคลชิ้นนั้น (ไม่ว่าสาเหตุใดๆก็ตาม) วัตถุมงคลชิ้นนั้นจะยังคงมีพุทธคุณหรือไม่ ???
หลวงปู่คำพันธ์ อธิษฐานจิตเสกหินจากแม่น้ำโขง (เรียกกันว่า-ปฐวีธาตุ) จนปรากฏพุทธคุณเป็นที่กล่าวขาน ?
ทหารที่ไปรบในสมรภูมิเกาหลี รอดพ้นมาได้ เพราะใช้ผ้าถุงของมารดาตนเอง แขวนคอไว้ ?
นักการเมืองรุ่นเก๋าท่านหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต โดนผู้ร้ายลอบยิงโดยใช้อาวุธสงคราม แต่รอดมาได้ทั้งๆที่ปรากฎปลอกกระสุนจำนวนมาก โดยตนเองแขวนหลวงปู่ทวด เพียงองค์เดียว ภายหลังปรากฏว่า "หลวงปู่ทวดองค์นั้น -ไม่แท้-" ?
........ จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ......

 

เมื่อข้องใจก็ไม่ยาก...เอาไปเข้าพิธีใหม่.....หรือเอาไปให้ครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ...อธิฐานซ้ำ.......ความติดขัดใจใจก็คลาย......

 

ความคิด

 

เพิ่งเจอกระทู้นี้ น่าสนใจมากครับ ขออนุญาตขุดขึ้นมา 55555555555555

 

ดูที่เจตนา แต่เมื่อมีเหตุแล้วใครจะกล้าแขวนครับ...

 

สถานการณ์เข้ากับปัจจุบันจริงๆ ครับ..ผมว่าหลายคนกำลังคิดแบบนี้อยู่เหมือนกันกับกรณีสดๆ ร้อนๆ ที่เกิดขึ้นนี้