ผลงานวิจัยจากรัซเซีย-ใช้เสียงเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางพันธุกรรมใน DNA ได้ (2)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 1 กันยายน 2010.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    หมายเหตุ:

    กระทู้ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในกระทู้นี้ก็คือลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ

    "การเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมและซ่อมแซม-dna-ด้วยคลื่นเสียง"

    http://palungjit.org/threads/การเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมและซ่อมแซม-dna-ด้วยคลื่นเสียง.255677/

    .......................................................................................................

    จุดวิกฤติของวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต: การตอบสนองต่อพันธุศาสตร์คลื่น

    โดย: P.P. Gariaev*, M.J. Friedman**, and E.A. Leonova- Gariaeva***



    ที่มา:
    Gariaev 06

    [​IMG]



    บทคัดย่อ:

    ในจะการสร้างสิ่งมีชีวิตสักชนิดขึ้นมา เราจะต้องใช้โปรแกรมในการสร้างสองโปรแกรมด้วยกัน
    โปรแกรมแรกคือโปรแกรมทางเรขาคณิต ซึ่งก็คือ แผนการว่าจะออกแบบร่างกายของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆอย่างไร


    ส่วนโปรแกรมที่สองจะอยู่ในรูปแบบของเนื้อหาที่มีความสำคัญมากๆที่มีชุดคำสั่งต่างๆและคำอธิบายต่างๆบรรจุอยู่
    ว่าจะใช้โปรแกรมแรกอย่างไร และจะทำความเข้าใจและสร้างอวัยวะนั้นๆได้อย่างไร

    โปรแกรมทั้งสองชุดนี้อยู่ในรูปของ “วีดีโอเทป DNA” ซึ่งจะถูกใช้งานโดยระบบพันธุกรรม
    และจะทำงานเหมือนกับเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต

    เมื่อคอมพิวเตอร์ที่มีชีวิตนี้ อ่านวีดีโอเทปเหล่านี้แล้ว ภาพและเสียงก็จะปรากฏขึ้น
    ซึ่งจะเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ และเมื่อการสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
    ภาพยนตร์ชุดนี้ก็จะจบลง

    จากนั้นภาพยนตร์เรื่องที่สองก็จะเริ่มฉายขึ้น ซึ่งจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการบำรุงรักษาให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ
    ดำรงชีวิตอยู่ได้ตราบนานเท่านาน ไม่มีขีดจำกัดด้านเวลา

    แต่ว่าโชคไม่ดีที่วีดีโอเทปชุดที่บรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับการมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตนั้นๆ
    ถูกทำให้ค่อยๆสึกกร่อนเสื่อมโทรมไปทีละเล็กละน้อยตามกาลเวลา (การเปลี่ยนแปลงของ DNA)
    จึงทำให้เนื้อหาสำคัญของมันค่อยๆถูกบิดเบือนและผิดเพี้ยนสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
    จนทำให้สิ่งมีชนิดนั้นๆเริ่มเจ็บไข้ได้ป่วย, แก่ขึ้น และตายไปในที่สุด

    มันดูเหมือนจะเป็นไปได้อย่างมากว่าวีดีโอเทป DNA ชุดนั้น จะสามารถทำให้กลับมาใหม่และถูกต้องเหมือนเดิมได้
    ด้วยความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับวิธีการทำงานของระบบพันธุกรรมนี้ จึงทำให้มีความเป็นไปได้ว่า
    เราจะสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีอยู่ทั้งหลาย มาช่วยบำบัดรักษาผู้คน และทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวได้
    และนี่แหละคือหัวใจของพันธุศาสตร์คลื่น (Wave Genetics) และประโยชน์ของมัน


    ............................
    [FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    1). พันธุศาสตร์ และปัญหาของมัน

    ที่มา: Gariaev 06



    ความเชื่อกระแสหลักเกี่ยวกับพันธุศาสตร์

    ระบบพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตบนโลกทุกชนิด รวมถึงของมนุษย์ด้วย จะประกอบไปด้วยโครโมโซม
    ซึ่งเป็นที่ๆรหัสทางพันธุกรรมทั้งหมด เช่น DNA และ RNA บรรจุอยู่

    แบบจำลองหรือความเชื่อกระแสหลักเกี่ยวกับพันธุศาสตร์ และโมเลกุลระบุว่า:

    1). ระบบพันธุกรรม จะทำงานในรูปแบบของโครงสร้างทางวัตถุธาตุเพียงอย่างเดียว

    2). ส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมด้านพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตชนิดใดๆ จะอยู่ใน 2% ของ DNA ทั้งหมด
    ซึ่งเรียกว่า “DNA รหัส” ส่วนที่เหลือของระบบพันธุกรรมอีก 98% ไม่ได้มีไว้ทำอะไร จึงเรียกว่า “DNA ขยะ”
    ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสุสานของ DNA ไวรัส
    (มีรหัสของลำดับเบสที่ซ้ำๆกันไปมาตั้งแต่ 100 – 10,000 ครั้ง - ผู้แปล)

    2% ของ DNA ทำหน้าที่สร้างโปรตีนและ RNA แต่อย่างไรก็ตาม ยีนของมนุษย์ ของแมลงวัน
    ของหนอน หรือของพืช ก็เหมือนกันจนแทบจะแยกกันไม่ออกเลยทีเดียว


    นักชีววิทยาและนักพันธุศาสตร์ทั้งหลาย ใช้การเปรียบเทียบและการอุปมาอุปมัย
    เพื่อช่วยอธิบายว่าระบบพันธุกรรมทำงานอย่างไร

    ระบบพันธุกรรมประกอบไปด้วยโครโมโซม 46 ชิ้น ซึ่งอุปมาเหมือนกับห้องสมุดหนึ่งมีหนังสืออยู่ 46 เล่ม
    ซึ่งหนังสือแต่ละเล่ม (โครโมโซม) บรรจุเนื้อหาของหนังสือเอาไว้ภายใน (เกี่ยวกับวิธีการสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ)
    ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวนั้น ก็จะประกอบไปด้วยประโยคต่างๆมากมาย (DNA)

    ซึ่งแต่ละประโยคก็จะประกอบไปด้วยคำมากมาย (ยีน) และคำแต่ละคำก็จะประกอบไปด้วยตัวอักษรอยู่ 4 ตัว
    (ตัวอักษรชื่อย่อของเบสที่อยู่ในยีน ได้แก่ A,C,G,และ U หรือ T) กล่าวคือ ตัวอักขระทางพันธุกรรม
    มีแค่ 4 ตัวเท่านั้น

    ภาพลักษณ์ทางกายภาพของโมเลกุล DNA รู้จักกันดีในนามของสายเกลียวคู่ (Double helixes)
    ซึ่งประกอบไปด้วยส่วน (segment) ต่างๆมากมายที่เรียกว่ายีน (gene)


    โดยหลักการสำคัญแล้ว ระบบพันธุกรรมจะทำงานดังนี้, เนื้อหาที่ถูกเขียนขึ้นด้วย “ภาษา DNA”
    จะถูกแปลเป็น “ภาษา RNA” ก่อน จากนั้นก็จะถูกแปลไปเป็น “ภาษาโปรตีน” อีกต่อหนึ่ง
    ซึ่งโปรตีนนี้เองที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของร่างกายมนุษย์ (นอกเหนือจากน้ำ)

    โปรตีนมีหน้าที่หลักอยู่สองอย่างด้วยกัน ได้แก่ เผาผลาญสารอาหารที่เรากินเข้าไป
    และมีส่วนร่วมในการสร้างโครงสร้างทางร่างกายของเรา นั่นคือทำหน้าที่สร้างองค์ประกอบร่วม
    ของโลก-อวกาศ (spatial-temporal organization) ของสิ่งมีชีวิตขึ้นมา


    ในที่นี้ส่วนที่เป็น “เนื้อหา” ก็คือ 2% ของ “DNA รหัส” นั่นเอง ซึ่งหมายความถึง DNA
    ที่เป็นวัตถุธาตุทางกายภาพเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เหมือนกับหนังสือทั่วๆไปสักเล่มหนึ่งนั่นเอง


    [FONT=&quot].......................................
    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2010
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Gariaev 06

    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
    สิ่งที่พันธุศาสตร์ในปัจจุบันไม่สามารถอธิบายได้



    ตอนนี้เราจะมาพูดถึงข้อเท็จจริงที่สำคัญๆบางอย่าง ที่ความเชื่อกระแสหลักของพันธุศาสตร์
    ไม่สามารถอธิบายได้ ก็คือ อย่างที่ทุกๆคนทราบดีแล้วว่า สิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์
    จะถ่ายทอดลักษณะทางชีวภาพของตนเอง ที่แตกต่างกันอย่างมากมายในแต่ละสายพันธุ์ จากพ่อแม่ไปสู่ลูก

    หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มันมีความแตกต่างทางพันธุกรรมระหว่างสิ่งมีชีวิตแต่ละสายพันธุ์ อยู่อย่างมากมายมหาศาล
    ในขณะที่ยีนและโปรตีนทั้งหลายในสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ กลับเหมือนกันเกือบจะทั้งหมด

    เพราะฉะนั้นโปรตีนจึงเปรียบเสมือนกับก้อนอิฐ ที่จะสามารถนำมาใช้ก่อสร้างหรือซ่อมแซมบ้าน (สิ่งมีชีวิต)
    แบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นพืช, สัตว์ หรือมนุษย์ก็ตาม ปัญหาที่ยังหาคำตอบไม่ได้ก็คือ
    เราจะอธิบายถึงความแตกต่างที่มีอยู่อย่างมหาศาลเกี่ยวกับรูปร่างลักษณะของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้อย่างไร ?
    เช่น ในช่วงของพัฒนาการของตัวอ่อนเป็นต้น

    เพราะฉะนั้นแล้ว สารพันธุกรรมทั้งหมด หรือจีโนม (genome) ของสิ่งมีชีวิตชนิดใดๆ
    จึงไม่น่าที่จะประกอบไปด้วยส่วนที่เป็นขยะได้ถึง 98% เพราะว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย และขัดแย้งกับหลักการของวิวัฒนาการ ที่ว่าอะไรที่ไม่จำเป็นจะถูกตัดทิ้งไป
    ด้วย


    นักพันธุศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนทั้งหลาย ได้ค้นพบโปรตีนพิเศษบางชนิด
    ที่เป็นตัวทำหน้าที่กำหนดรูปร่างและขนาดของชิ้นส่วนของตัวอ่อนบางชิ้นส่วน เช่น มือ และหู เป็นต้น

    แต่อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้ก็ยังมีประเด็นสำคัญ
    ที่ยังแก้ไม่ตกอยู่อีก นั่นก็คือ ในเมื่อโปรตีนเหล่านี้ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา
    ในจุดเพียงจุดเดียวในตัวอ่อนของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ
    แล้วพวกมันไปสั่งการอย่างทันทีทันใดในบริเวณอื่นๆของตัวอ่อน
    ที่อยู่ห่างออกไปตั้งหลายร้อยเซลได้อย่างไร?

    ปรากฏการณ์สั่งการระยะไกลแบบทันทีทันใดแบบนี้
    ยังหาคำอธิบายไม่ได้


    ......................................
     
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Gariaev 06

    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> 2). ข้อมูลจากผลการทดลอง ไม่สอดคล้องกับความเชื่อกระแสหลัก
    ด้านพันธุศาสตร์ และแบบจำลองของวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต



    ข้อมูลผลการทดลองที่สำคัญๆหลายการทดลอง ได้ถูกรวบรวมขึ้นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
    ข้อมูลเหล่านี้ ชี้บ่งอย่างชัดเจนว่าความเชื่อกระแสหลักด้านพันธุศาสตร์ยังมีช่องโหว่
    และความไม่สอดคล้องอยู่อีกมาก

    ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลเหล่านี้ยังท้าทายพวกเรา ให้ค้นหาความกล้าในตัวเราเอง
    เพื่อลุกขึ้นมาคิดใหม่และแก้ไขสมมุติฐานเดิมเกี่ยวกับธรรมชาติของชีวิต ที่พวกเราเคยคิดว่า
    พวกเราเข้าใจแล้วใหม่ทั้งหมด ต่อไปนี้เป็นสรุปสาระสำคัญของข้อมูลเหล่านี้:

    ........................
     
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ชาวรัซเซียเกี่ยวกับ DNA

    สรุปเนื้อหาโดย: Baerbel

    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    ครูบาอาจารย์ที่เป็นผู้สั่งสอนด้านจิตวิญญาณและด้านศาสตร์ลึกลับทั้งหลายรู้กันมานมนานแล้วว่า
    ร่างกายของคนเรา สามารถปรับตั้งโปรแกรมใหม่ได้โดยใช้ภาษา, คำพูด และความคิด
    ซึ่งเรื่องนี้ บัดนี้ได้รับการพิสูจน์โดยวิทยาศาสตร์แล้ว


    DNA ของมนุษย์ ทำหน้าที่เสมือนเป็นระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตชีวภาพ แต่มันมีศักยภาพหลายๆด้าน
    ที่เหนือกว่าระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจริงๆของเราอยู่มาก


    ผลงานการวิจัยชิ้นล่าสุดของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวรัซเซีย ได้ช่วยอธิบายถึงปรากฏการณ์พิเศษต่างๆ
    ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งได้แก่ การมีสัมผัสทิพย์, การมีญาณหยั่งรู้,
    การบำบัดรักษาโรคระยะไกล/โดยสัญชาตญาณ, การบำบัดรักษาตัวเอง, การอธิษฐาน,
    แสงสว่างหรือแสงออร่ารอบตัวบุคคล (โดยเฉพาะคุรุทางจิตวิญญาณทั้งหลาย),
    การใช้พลังจิตควบคุมสภาวะภูมิอากาศ และอื่นๆอีกมากมาย


    นอกจากนี้ มันยังมีหลักฐานของวิธีการบำบัดรักษาแบบใหม่ ที่สามารถโน้มน้าว
    และปรับตั้งโปรแกรมให้กับ DNA ใหม่ได้โดยใช้เพียงคำพูดและคลื่นความถี่เท่านั้น
    โดยไม่ต้องมีการตัดต่อยีนใดๆทั้งสิ้น

    มีเพียง 10% ของ DNA ของเราเท่านั้นที่ทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีน และส่วนนี้เอง
    ที่เป็นส่วนที่นักวิจัยชาวตะวันตกทั้งหลายให้ความสนใจ, ตรวจสอบ และจัดหมวดหมู่กัน
    ส่วนที่เหลืออีก 90% ของโมเลกุลพวกเขาเข้าใจว่ามันเป็น “DNA ขยะ”


    นักวิจัยชาวรัซเซียมีความมั่นใจว่าธรรมชาติคงไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้น พวกเขาจึงรวมทีมกัน
    ระหว่างนักภาษาศาสตร์และนักพันธุศาสตร์เพื่อค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับส่วนที่เป็น DNA ขยะ 90% ที่ว่านี้

    และผลการค้นคว้า, ค้นพบ และบทสรุปของพวกเขาก็เป็นการปฏิวัติดีๆนี่เอง!

    พวกเขาค้นพบว่า DNA ของเราไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างร่างกายของเราเท่านั้น
    แต่ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บข้อมูลและเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารอีกด้วย


    นักภาษาศาสตร์ชาวรัซเซียค้นพบว่า รหัส DNA โดยเฉพาะ DNA ส่วนที่ถูกเข้าใจว่าไร้ประโยชน์
    คือส่วนที่เป็น 90% นั้น เป็นไปตามกฎเดียวกันกับที่พบในกฎของภาษาต่างๆของมนุษย์


    พวกเขาเปรียบเทียบวากยสัมพันธ์ (syntax – ความสัมพันธ์ระหว่างถ้อยคำในประโยคหรือวลี),
    semantics (การศึกษาเกี่ยวกับความหมายของภาษา) และกฎพื้นฐานต่างๆของไวยากรณ์

    พวกเขาพบว่าการเรียงตัวกันของเบสใน DNA เป็นไปตามกฎของไวยากรณ์
    และมีกฎต่างๆเหมือนภาษาของพวกเรา ดังนั้น ภาษาทั้งหลายแหล่บนโลกมนุษย์นี้
    จึงไม่น่าที่จะเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญเป็นแน่ แต่มันน่าจะสะท้อนถึงรูปแบบโครงสร้างภายในของ DNA มากกว่า
    <o>


    .........................................
    </o>
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> DNA สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเสียง - รวมถึงภาษาพูดด้วย


    นักชีวฟิสิกส์และนักชีวโมเลกุลชาวรัซเซียที่ชื่อ Pjotr Garjajev คนนั้น และผู้ร่วมงานของเขา
    ยังได้ค้นพบอีกว่า DNA ก็มีการสั่นสะเทือนด้วย


    สรุปย่อๆ เอาเฉพาะส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ

    “โครโมโซมที่มีชีวิต ทำหน้าที่เหมือนเป็น
    คอมพิวเตอร์ฉายภาพสามมิติ (holographic computer)
    โดยใช้การแผ่รังสีเลเซอร์ภายใน DNA”


    ตรงนี้หมายความว่า พวกเขาได้จัดการอะไรบางอย่าง เช่น ปรับเปลี่ยนรูปแบบของคลื่นความถี่เสียงบางรูปแบบ
    ให้กลายเป็นรังสีคล้ายแสงเลเซอร์ เพื่อนำไปทดลองกับ DNA แล้วพบว่ามันสามารถ
    ส่งผลกระทบต่อความถี่ของ DNA ได้ ซึ่งเป็นผลให้ข้อมูลด้านพันธุกรรมของ DNA ถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วย


    เพราะว่าโครงสร้างพื้นฐานของคู่เบสของ DNA
    และโครงสร้างพื้นฐานของภาษา (อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วก่อนหน้านี้)
    มีความคล้ายคลึงกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการถอดรหัส DNA แต่อย่างใด
    เราจึงสามารถใช้คำพูดและประโยคต่างๆที่มนุษย์ใช้กันอยู่นี่แหละ
    ไปทำให้ข้อมูลด้านพันธุกรรมของ DNA
    เปลี่ยนแปลงไปได้โดยตรงเลย!


    เรื่องนี้ก็ได้รับการทอลองพิสูจน์แล้วด้วยเช่นกัน ที่ว่าส่วนประกอบของ DNA ที่มีชีวิต
    (ในเนื้อเยื่อที่ยังมีชีวิต ไม่ใช่ในช่องท้อง) จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อแสงเลเซอร์ที่ถูกปรับเปลี่ยนโดยภาษาแล้วเสมอ
    และยังมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคลื่นวิทยุด้วย ถ้าใช้คลื่นความถี่ของเสียงที่เหมาะสม
    นี่จึงทำให้เราสามารถอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า ทำไมการอธิษฐาน, การสะกดจิต และอะไรทำนองนี้
    จึงมีอิทธิพลต่อมนุษย์และร่างกายมนุษย์มากมายนัก เพราะว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ
    และแสนจะธรรมดาเหลือเกินที่ DNA ของเราจะตอบสนองต่อภาษา


    .............................
     
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ปัญหาของการออกแบบการทดลองที่อาจเป็นไปได้


    คำว่า “ผ่านการพิสูจน์แล้ว” อาจจะดูหนักแน่นเกินไปสำหรับผลงานวิจัยชิ้นนี้ของ Gariaev และคณะ
    เพราะว่าในมุมมองของ “วิทยาศาสตร์ด้านจิตสำนึก” แล้ว การออกแบบการทดลองของพวกเขา
    อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ควรก็ได้
    นั่นคือ ประเด็นที่ว่า

    “จิตใจของผู้สังเกต สามารถส่งผลกระทบต่อ DNA
    ให้เป็นไปตามแนวทางที่ผู้สังเกตคาดหวังไว้ได้”


    พวกเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “ผู้สังเกต” มีผลกระทบอย่างมากต่อ DNA จากงานวิจัยของ ดร.Glen Rein
    ซึ่งพวกเราได้เผยแพร่ไปแล้วในหนังสือชื่อ “The Science of Peace”

    เพราะเขาพบว่า อารมณ์ด้านลบจะทำให้ DNA เกิดการหดตัว ส่วนอารมณ์ด้านบวก
    จะทำให้ DNA เกิดการคลายตัว ซึ่งสภาวะนี้เองคือวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งของการบำบัดรักษา


    การออกแบบการทดลองของ ดร. Gariaev และคณะ ควรจะทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
    “ภาษาพูด” มีผลกระทบต่อ DNA จริงๆ โดยไม่ได้รับอิทธิพลจากจิตใจของผู้สังเกตด้วย
    โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ

    นั่นคือ การทดลองควรทำในระบบปิด ที่ไม่มีจิตสำนึกของมนุษย์คนใดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเลย
    และทำหลายๆซ้ำ ซึ่งหากว่าทำเช่นนี้ได้ อย่างน้อยมันก็จะทำให้มั่นใจได้ว่า มีเพียงภาษาพูดเท่านั้น
    ที่กำลังส่งผลกระทบต่อ DNA อยู่ ไม่เกี่ยวกับผู้สังเกตแต่อย่างใด



    ...............................
    <o></o>
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="Edit-Time-Data" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_editdata.mso"><!--[if !mso]> <style> v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ตัวอย่าง: การศึกษาเรื่องน้ำของ ดร. Emoto


    ปัญหาเดียวกันนี้ ก็เกิดขึ้นกับงานวิจัยของ ดร. Emoto ซึ่งได้ทำการศึกษาโครงสร้างผลึกน้ำแข็ง
    ที่เกิดจากการแช่แข็งภายใต้สภาวะที่ได้รับพลังงานจากอารมณ์ด้านบวก และด้านลบด้วย
    ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกนำเสนอในภาพยนตร์ชุด “What the Bleep Do We Know” และสื่ออื่นๆ


    [​IMG]

    คำอธิบายภาพ:
    ภาพบน => โครงสร้างของผลึกน้ำจากเขื่อน ก่อนสวดมนต์ใส่
    ภาพล่าง =>
    โครงสร้างของผลึกน้ำจากเขื่อน หลังการสวดมนต์ใส่

    บางส่วนของการทดลองนี้ คือการเขียนข้อความไว้ข้างหลอดทดลองที่บรรจุน้ำตัวอย่างเอาไว้ว่า

    “ฉันรักเธอ” หรือ “ฉันเกลียดแก”


    พวกเรายังไม่พบหลักฐานที่หนักแน่นพอว่า ดร. Emoto ได้พบวิธีการที่จะรับประกันว่า
    อารมณ์ความรู้สึกของผู้ทำการทดลอง เช่น คนส่องกล้องจุลทรรศน์, คนสังเกตและถ่ายภาพผลึกน้ำแข็ง
    จะไม่มีไปส่งผลกระทบต่อผลึกของน้ำแข็ง ให้เป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดหวังไว้ ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่นั้นๆอยู่
    ซึ่งเป็นผลให้พวกเขาได้โครงสร้างของผลึกน้ำแข็งออกมาอย่างที่พวกเขาอยากจะให้เป็น


    ...............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    Backster ได้พัฒนาวิธีการวิจัยวิธีใหม่เพื่อใช้กับพืชขึ้น



    ดร. Cleve Backster ได้เตือนเราให้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับวีธีการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์-จิตสำนึกเหล่านี้
    จากการสัมภาษณ์ของพวกเรา (ดูบทสัมภาษณ์ได้ที่ www.primaryperception.com)

    ดร. Cleve Backster คือผู้ที่บุกเบิกการทดลองศาสตร์ด้านนี้มานานกว่า 40 ปีแล้ว
    ผลงานวิจัยของเขาเดี๋ยวพวกเราจะเอาไปนำเสนอในภาพยนตร์ Hollywood ของพวกเรา
    ที่ชื่อเรื่องว่า “Convergence” (ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสร้างอยู่ – ผู้แปล)


    คุณอาจจะจำได้ว่า ดร. Backster คือนักวิทยาศาสตร์
    ผู้ที่ต่อสายไฟต้นไม้ในบ้านของตนเอง เข้ากับเครื่องตรวจจับสัญญาณ
    (polygraph) ตัวหนึ่ง แล้วได้พบว่า ต้นไม้ “กรีดร้อง”
    เหมือนกับมนุษย์ที่กำลังช็อก เมื่อพวกมันกำลังถูกเผา
    หรือแม้แต่แค่เขาคิดว่าจะเผามันเท่านั้นเอง


    ภาพต่อไปนี้คือผลจากการทดลองของเขาในปี 1966



    [​IMG]

    หลังจากนั้น ดร. Backster ยังพบอีกว่า มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะทำให้ได้ผลการทดลอง
    เกิดจากปัจจัยที่กำลังศึกษาอยู่อย่างแท้จริง โดยไม่ให้มีอิทธิพลของจิตสำนึกมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย
    ซึ่งจากการทดลองกับพืชของเขาหลายๆครั้ง เขาพบว่า มีเพียงทางเดียวก็คือ
    ต้องไม่มีมนุษย์คนไหนอยู่ในตึกนั้นเลยแม้แต่คนเดียว



    เขาเคยใช้กุ้งเป็นสัตว์ทดลอง เพื่อทดสอบดูว่าต้นไม้จะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการตายของกุ้ง
    ที่ทำให้เกิดขึ้นแบบสุ่มอย่างไรบ้าง ภาพข้างล่างนี้ คือโฉมหน้าของเครื่องมือทดลองมรณะของเขา


    [​IMG]

    <!--[if gte vml 1]><v:shape id="_x0000_i1026" type="#_x0000_t75" alt="Image" style='width:474.75pt; height:228.75pt;mso-wrap-distance-left:4.5pt;mso-wrap-distance-right:4.5pt'> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image003.jpg" o:href="http://divinecosmos.com/images/stories/dumpingdevice.jpg"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]-->เขาพบว่าพืชทั้งหลาย จะให้ความสนใจกับมนุษย์
    ที่อาศัยอยู่ในตึกมากกว่า ที่จะมาให้ความสนใจ

    กับการตายแบบสุ่มของกุ้งบางตัว

    มีเพียงช่วงที่พืชเหล่านี้หนาวและถูกทิ้งไว้ให้อยู่ลำพังเท่านั้น
    ซึ่งเพราะว่าไม่มีมนุษย์คนไหนให้มันต้องมาสนใจ
    มันจึงจะกรีดร้องออกมา ในทันทีที่กุ้งถูกฆ่าตายแบบสุ่มโดยวงจรไฟฟ้านี้



    .................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  10. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    387
    ค่าพลัง:
    +847
    ขอบคุณมากครับ

    เหมือนในเรื่องควอนตัมเลยที่เขาบอกประมาณว่า ผู้สังเกตุ จะมีอิธิพลต่อวัตถุที่ถูกสังเกตุ เหมือนกับวัตถุนั้นมีชีวิตจิตใจเป็ของตนเอง เเละรับรู้ว่าตนเองถูกสังเกตุอยู่ อะไรประมาณนี้
    เหมือนกับ Butterfly effect สุดท้ายทุกสิ่งเกี่ยวเนื่องกันทั้งหมดในจักวารเพราะมาจากเเหล่งพลังงานเดียวกันหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ
    วิทยาศาตร์เเนวนี้จะเปิดเผยเรื่องเหนือธรรมชาติอีกมากมายเลยทีเดียวนะครับผมว่า

    เป็นกำลังใจให้คุณชัยยุธโพสต่อไปครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2010
  11. tuato

    tuato เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +482
    เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ถึงต้องอ่านหลายรอบหน่อยขอบคุณมากมาย ขอให้คุณชัยยุธโพสต่อไปนะ รออ่านเจ้าค่ะ
     
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    รูปแบบของ DNA (DNA Pattern)
    สามารถถ่ายทอดไปสู่สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นได้



    ในขณะที่นักวิจัยชาวตะวันตกทั้งหลาย ใช้วิธีการตัดต่อยีนจาก DNA สายหนึ่ง
    ไปแทรกใส่ใน DNA อีกสายหนึ่ง เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทางพันธุกรรมต่างๆที่มีอยู่
    แต่นักวิทยาศาสตร์ชาวรัซเซียกลุ่มนี้ กลับใช้วิธีสร้างเครื่องมือบางอย่างขึ้นมา
    เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนคลื่นความถี่ของวิทยุและคลื่นความถี่ของแสงบางคลื่น
    ที่สามารถส่งผลกระทบต่อกระบวนเมตาโบลิซึ่มของเซลได้


    (รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเราจะเอาไปลงในตอนที่สองของบทความนี้ ที่ชื่อว่า
    “Your DNA is Changing” ซึ่งเนื้อหาที่น่าสนใจของมันก็เช่น การทำให้เซลที่ตายไปแล้ว
    เพราะได้รับรังสีจากเหตุการณ์โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในเมือง Chernobyl ประเทศยูเครนระเบิด
    สามารถกลับมาเคลื่อนไหวใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง !)

    นอกจากนี้พวกเขายังสามารถจับเอารูปแบบของข้อมูลจาก DNA ในโมเลกุลหนึ่ง
    ไปถ่ายทอดให้กับ DNA ในโมเลกุลอื่นๆได้ด้วยซ้ำไป ซึ่งเป็นผลให้เซลเหล่านั้น
    ปรับตั้งโปรแกรมของตัวเองได้ใหม่ด้วยจีโนม (genome) ใหม่นี้



    พวกเขายังประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนรูปแบบสิ่งมีชีวิต
    เช่น ตัวอ่อนของกบ ให้กลายไปเป็นตัวอ่อนของซาลาเมนเดอร์ได้
    เพียงแค่ใช้วิธีการถ่ายทอดรูปแบบของข้อมูลของ DNA เท่านั้นเอง!



    [​IMG][​IMG]

    ข้อมูลทางพันธุกรรมทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างซาลาเมนเดอร์ได้ถูกถ่ายทอดเข้าไปสู่ตัวอ่อนของกบ
    โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือความขัดแย้งใดๆเกิดขึ้นเลย ไม่เหมือนกับที่มันมักจะเกิดขึ้น
    กับวิธีการตัดต่อ DNA ของพวกเรา



    ไม่น่าเชื่อเลยว่า เราจะสามารถปฏิวัติและเปลี่ยนรูปแบบของโลกได้
    โดยใช้เพียงคลื่นความสั่นสะเทือน (คลื่นความถี่ของเสียง)
    และภาษาเท่านั้นเอง คุณสามารถที่จะทำให้เกิดการโคลนนิ่งได้
    โดยไม่ต้องใช้วิธีการตัดต่อยีนแบบเดิมที่ล้าสมัยอีกต่อไปแล้ว!



    ผลการทดลองนี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงพลังอำนาจอันมหาศาลของพันธุศาสตร์คลื่น
    ที่สามารถส่งผลกระทบต่อการก่อรูปของสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ได้มากกว่าผลกระทบ
    ที่เกิดจากกระบวนการทางชีวเคมีของการเรียงลำดับของด่างอย่างเห็นได้ชัด


    ............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> เครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว
    เพราะว่าคุณเองก็สามารถตั้งโปรแกรมให้กับ DNA ของคุณเองได้



    คุรุผู้สั่งสอนด้านจิตวิญญาณและศาสตร์ลี้ลับทั้งหลาย ทราบกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วว่า
    ร่างกายของคนเราสามารถถูกตั้งโปรแกรมได้โดยใช้ภาษา, คำพูด และความคิด
    ซึ่งตอนนี้วิทยาศาสตร์ก็สามารถพิสูจน์และอธิบายเรื่องนี้ได้แล้ว



    แน่นอนว่า เราต้องใช้คลื่นความถี่ที่ถูกต้องด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม มนุษย์ทุกคน
    จึงไม่สามารถประสบความสำเร็จด้านจิตสำนึก หรือมีระดับจิตสำนึกเท่าเทียมกันหมด


    เพราะว่ามนุษย์แต่ละคนจะต้องปฏิบัติจิตหรือทำงานภายในของตนเอง เพื่อพัฒนาตัวเองขึ้น
    จนสามารถสื่อสารกับ DNA ของตนเองได้อย่างมีสติ



    กลุ่มนักวิจัยชาวรัซเซียกลุ่มนั้น ได้ใช้วิธีการอื่นที่ไม่ต้องอาศัยปัจจัยเหล่านี้ แต่ก็ได้ผลเสมอ
    เมื่อพวกเขาใช้คลื่นความถี่ที่ถูกต้อง



    แต่ว่ายิ่งใครมีระดับพัฒนาการด้านจิตสำนึกสูงมากเท่าไหร่ คนๆนั้นก็จะยิ่งไม่จำเป็น
    ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆเข้ามาช่วยในการสื่อสารกับ DNA ของตนเองเลย เพราะว่าเขา
    จะสามารถทำได้ด้วยตัวเขาเอง

    และในท้ายที่สุดแล้ว วงการวิทยาศาสตร์ก็เลิกหัวเราะเยาะแนวความคิดนี้ และกำลังหันมาช่วยยืนยัน
    และช่วยอธิบายผลของมันอยู่ แต่ว่ามันก็จะยังไม่จบแค่นั้นหรอก


    .......................
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คลื่นความถี่ 528 Hz ที่สามารถใช้ซ่อมแซม DNA ได้
    ซึ่งนักพันธุศาสตร์ทั้งหลาย ใช้กันอยู่ครับ
    เขาเรียกกันว่า Solfeggio frequencies ครับ

    <object height="385" width="480">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/tZrBRQn6K0A?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" height="385" width="480"></object>

    เข้าไปดาวน์โหลดไฟล์เสียงคลื่นความถี่ประกอบดนตรีฟรี
    ได้ที่นี่ครับ

    http://www.solfeggiotones.com/download-solfeggio-tones/


    ..........................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2010
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> DNA อินเตอร์เฟสกับพลังงานของ “สุญญากาศ”



    กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวรัซเซีย ยังได้ค้นพบอีกว่า DNA ของเราสามารถสร้างโครงสร้าง
    ที่มองไม่เห็นในพลังงานสุญญากาศของอวกาศได้ ซึ่งส่งผลให้เกิด “รูหนอน” แม่เหล็กขึ้น


    (ตรงนี้ในรายงานการวิจัยขั้นบุกเบิกของ ดร. Garaiev และ Poponin เรียกว่า
    “DNA Phantom Effect” หรือ “ปรากฏการณ์ DNA ลวง” แต่เดียวเราค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้กันทีหลัง)


    “รูหนอน” คือสะพานแห่งกาลเวลาขนาดจิ๋วของ Einstein-Rosen ที่จะเกิดขึ้นในบริเวณที่อยู่รอบๆหลุมดำ
    (black hole) (ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังกระบวนการระเบิดของดวงดาวสิ้นสุดลง)
    รูหนอนเหล่านี้คืออุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างมิติต่างๆในจักรวาล

    ดังนั้นข้อมูลต่างๆจึงสามารถถ่ายทอดผ่านเข้าออกได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับช่องว่างและกาลเวลา


    .............................
     
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ความเครียดทำให้คุณสูญเสียความสามารถ
    ในการรับข้อมูลการสื่อสารเหนือมิติ (Hyper-Communication)




    DNA จะไปดึงดูดข้อมูลข่าวสารเหล่านี้มา แล้วส่งต่อมาให้จิตสำนึกของพวกเรา

    กระบวนการสื่อสารเหนือมิตินี้ (เช่น การสื่อสารทางโทรจิต)
    จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในสภาวะผ่อนคลาย



    ความเครียด, ความวิตกกังวล หรือในสภาวะที่หมกมุ่นครุ่นคิดมากจนเกินไป
    จะไปขัดขวางการสื่อสารเหนือมิติที่ว่านี้
    หรือไม่ก็ข้อมูลการสื่อสารที่ได้รับมาอาจจะไม่ถูกต้องและไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง


    ................................
     
  17. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    741Hz Consciousness Expansion ขยายจิตสำนึก
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=gBrocj_s-wE]YouTube - Solfeggio Harmonics - 741 HZ - Consciousness Expansion[/ame]
     
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> “สนามพลังมอร์โฟเจเนติก” (Morphogenetic field)
    ในธรรมชาติ ตอนนี้สามารถอธิบายได้แล้ว




    ในธรรมชาติ การสื่อสารเหนือมิติเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ และเกิดขึ้นมานานหลายล้านปีมาแล้ว
    เช่น การเคลื่อนที่ไปด้วยกันอย่างเป็นระบบระเบียบของพวกแมลง ก็อาศัยการสื่อสารเหนือมิตินี้เหมือนกัน

    มนุษย์ยุคใหม่หลงเหลือความรู้ด้านการสื่อสารเหนือมิตินี้อยู่น้อยมาก ที่รู้จักกันในนามของ
    “การหยั่งรู้” เท่านั้น

    แต่ว่า ในตอนนี้ มนุษย์เราเอง
    ก็สามารถที่จะนำเอาความสามารถนี้
    กลับคืนมาใช้งานได้อย่างเต็มที่เช่นกัน


    (ในรายงานส่วนนี้ พวกเขาอ้างถึงผลการวิจัยด้าน “Morphogenetic fields”
    ของ ดร. Rupert Sheldrake)


    [​IMG]

    ตัวอย่างที่มีให้เห็นอยู่ในธรรมชาติก็คือ เมื่อราชินีมด ถูกแยกออกมาจากฝูงไกลๆแล้ว
    ฝูงมดทั้งฝูงก็ยังคงพากันตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอยู่ต่อไปอย่างขะมักเขม้น

    แต่ทันทีที่นางพญามดตัวนั้นถูกฆ่าตาย
    มดทั้งฝูงก็จะหยุดทำงานทันที
    ไม่มีมดตัวไหนรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป


    มันเห็นได้ชัดว่า นางพญามด ได้ถ่ายทอด “แผนการทำงาน” ไปสู่มดทุกตัวที่อยู่ในฝูง
    ที่มี ”จิตสำนึกมวลรวม” ร่วมกันอยู่ แม้ว่าเธอจะอยู่ห่างออกไปมากแค่ไหนก็ตาม
    และเธอก็สามารถอยู่ห่างออกไป มากแค่ไหนก็ได้ เท่าที่เธอต้องการ ตราบเท่าที่เธอยังมีชีวิตอยู่


    ...............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7880.jpg
      7880.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      3,833
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  19. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> การสื่อสารเหนือมิติของมนุษย์


    สำหรับมนุษย์แล้ว การสื่อสารเหนือมิติส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นเมื่อเราเข้าถึงข้อมูลความรู้
    ที่อยู่นอกเหนือจากความรู้เดิมของเราอย่างฉับพลัน การสื่อสารเหนือมิติแบบนี้ เราจะเข้าใจว่ามันคือ
    “แรงบันดาลใจ” หรือ “การหยั่งรู้” (รวมถึงเมื่ออยู่ในสภาวะฌานด้วย)


    ตัวอย่างเช่น มีนักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลี่ยนคนหนึ่ง ชื่อ Giuseppe Tartini คืนหนึ่งเขาฝันไปว่า
    มีปีศาจตนหนึ่งมานั่งข้างๆเขาแล้วเล่นไวโอลินให้เขาฟัง พอตื่นเช้าขึ้นมา เขายังจำมันได้อยู่
    เขาเลยมานั่งเขียนมันขึ้นมา และเขาก็เรียกเพลงนี้ว่า “The Devil Trill Sonata”


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=nQ798THmR5Y&feature=related"][/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=nQ798THmR5Y&feature=related"]YouTube- Vanessa Mae - The Devil's Trill[/ame]

    หลายปีหลังจากนั้น บุรุษพยาบาลวัย 42 ปีคนหนึ่ง ก็ฝันเหมือนกันว่า เขาถูกต่อสายเข้ากับอะไรซักอย่าง
    ที่คล้ายๆ CD-ROM แห่งความรู้ จากนั้นข้อมูลที่สามารถตรวจสอบพิสูจน์ความถูกต้องได้จำนวนมหาศาล
    จากทุกสาขาวิชาก็ถูกดาวน์โหลดเข้ามาในหัวของเขา และพอตื่นเช้าขึ้นมา เขาก็ยังจำมันได้


    ข้อมูลความรู้ที่ว่านั้น มันถาโถมมายังกับว่า มันมาจากเอนไซโคพิเดียทั้งเล่มเลยยังงั้นแหละ
    และข้อมูลความรู้ส่วนใหญ่ก็อยู่นอกเหนือพื้นฐานความรู้เดิมของเขาด้วย รวมถึงรายละเอียดของมัน
    ยังลึกลงไปชนิดที่ว่า ตัวเขาเองยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ


    (เรื่องราวของชายผู้นี้ มีเผยแพร่อยู่ในหนังสือชุดนี้ ภาคภาษาเยอรมัน)


    มันยังมีตัวอย่างอื่นๆอีกมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น เมื่อราวๆปลายคริสต์ศัตวรรษที่ 18
    นักคณิตศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ที่ชื่อ Srinivasa Ramanujan ได้สร้างสูตรคณิตศาสตร์
    เพื่อใช้ในการคำนวณด้าน Hyperdimensional physics ที่ทันสมัยมากๆ
    และยังคงใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันมากมาย พอมีคนถามเขาว่าเขาไปได้สูตรที่น่าทึ่งพวกนี้มาจากไหน
    เขาก็ตอบว่า เทพที่ชื่อ Namakkal เป็นผู้มาบอกเขาในความฝัน



    เด็กอัจฉริยะหลายคน ก็ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าพวกเขาสามารถพัฒนา
    ความสามารถที่น่าทึ่งต่างๆได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

    ยิ่งกว่านั้น “ปรากฏการณ์นักปราชญ์”
    ที่เกิดขึ้นกับเด็กอัจฉริยะเหล่านี้ ก็ยังไม่เคยมีใครสามารถ
    ให้คำอธิบายได้ดีพอเลย ว่าทำไมคนที่มีปัญหาด้านต่างๆส่วนใหญ่ จึงมีพรสวรรค์ด้านอื่นๆที่เหลืออย่างเหลือเชื่อได้


    ซึ่งประเด็นนี้เคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว ชื่อเรื่อง “Rain Man”
    ซึ่งรับบท Raymond Babbitt โดย Dustin Hoffman)


    [​IMG]

    (ปล. ตัวอย่างของบุคคลที่เรารู้จักอีกท่านหนึ่งก็คือ “พี่นักเขียน” ที่ได้เนื้อหาทั้งหมดของหนังสือชุด
    “โนวา อนาลัย” ทั้ง 10 เล่ม มาจากการสั่งสอนของ “ท่านอาจารย์ โนวา อนาลัย” ผ่านทางความฝัน – ผู้แปล)

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา: Groundbreaking Russian DNA Discoveries


    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="Edit-Time-Data" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_editdata.mso"><!--[if !mso]> <style> v\:* {behavior:url(#default#VML);} o\:* {behavior:url(#default#VML);} w\:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ปรากฏการณ์ DNA ลวง (THE DNA PHANTOM EFFECT)


    เมื่อใดที่มีการสื่อสารเหนือมิติเกิดขึ้น เราจะสามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ
    เกิดขึ้นกับ DNA และในมนุษย์คนนั้นด้วย


    กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวรัซเซียได้ทดลองฉายรังสีเข้าไปในตัวอย่าง DNA ด้วยแสงเลเซอร์



    (ภาพต่อไปนี้เป็นภาพถ่ายอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้ทำการทดลอง และเป็นภาพแผนผังของอุปกรณ์ดังกล่าว

    ภาพแรก ตัวอย่าง DNA ถูกเก็บไว้ในส่วนที่เป็นกล่องสีดำเล็กๆที่คุณเห็นอยู่ใต้แผ่นแบนๆสีขาวๆ
    นับจากซ้ายมือของภาพเข้ามาราวๆหนึ่งในสามของภาพนั่นแหละครับ และแสงเลเซอร์ก็อยู่ขวามือสุดของภาพนี้
    ส่วนในภาพที่สอง กล่องตัวอย่างใส่ DNA ที่ว่านั้นถูกเก็บอยู่ในส่วนที่เขียนว่า “Cuvette”)


    [​IMG][​IMG]

    ในจอมอนิเตอร์ ก็จะปรากฏรูปแบบของคลื่นที่ตรวจวัดได้ขึ้น เพื่อบอกให้ทราบว่ามี DNA อยู่หรือไม่


    ภาพแรก: เป็นภาพหน้าจอแสดง เมื่อไม่มีตัวอย่าง DNA อยู่ใน cuvette เลย
    จุดเล็กที่เห็นกระจายอยู่ในภาพนั้นคือ แสงโฟตอน

    [​IMG]

    <!--[if gte vml 1]><v:shape id="_x0000_i1027" type="#_x0000_t75" alt="Image" style='width:433.5pt; height:318.75pt;mso-wrap-distance-left:4.5pt;mso-wrap-distance-right:4.5pt'> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image005.png" o:href="http://divinecosmos.com/images/stories/dna-phantom-1.png"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]-->
    ภาพที่สอง: เป็นภาพรูปแบบของคลื่นที่เกิดจากการมีตัวอย่าง DNA อยู่ใน cuvette

    [​IMG]

    แต่หลังจากวัดเสร็จแล้ว พวกเขาก็นำเอาตัวอย่าง DNA ออกไป แต่ว่ารูปแบบของคลื่น
    ก็ยังคงปรากฏอยู่เหมือนเดิม มันไม่ยอมหายไปด้วยเลย ดังแสดงในภาพที่สาม


    ภาพที่สาม: คือภาพที่แสดงบนจอมอนิเตอร์หลังจากที่นำเอาตัวอย่าง DNA ออกไปแล้ว
    พวกเขาจึงเรียกว่า “DNA ผี” หรือ “DNA ลวง”(Phantom DNA)


    [​IMG]

    <!--[if gte vml 1]><v:shape id="_x0000_i1029" type="#_x0000_t75" alt="Image" style='width:430.5pt; height:4in;mso-wrap-distance-left:4.5pt;mso-wrap-distance-right:4.5pt'> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image009.png" o:href="http://divinecosmos.com/images/stories/dna-phantom-3.png"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]-->
    จากการทดลองซ้ำอีกหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาก็แน่ใจว่า รูปแบบที่ตรวจวัดได้ของ Phantom DNA นี้
    จะยังคงอยู่หลังจากที่นำตัวอย่าง DNA ออกไปแล้วจริงๆ

    สนามพลังงานของตัวอย่าง DNA จะยังคงมีอยู่ตรงนั้นต่อไปด้วยตัวของมันเองจริงๆ


    (ความจริงแล้วปรากฏการณ์ DNA Phantom Effect นี้จะยังมีอยู่ต่อไปราวๆ 1 เดือน
    หลังจากที่นำตัวอย่างออกไปแล้ว ก่อนที่มันจะค่อยๆลดลงและหายไป)


    (ปล. แม้ว่าพวกเขาจะเคยทดลองนำแกสไนโตรเจนมาเป่าทำความสะอาดให้ Phatom DNA นี้
    หายไปแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังจะกลับมาใหม่อีกภายใน 5 – 8 นาที: ผู้แปล)



    ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า DNA Phantom Effect ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากการที่พลังงาน
    จากภายนอกช่องว่างและกาลเวลานี้ ยังคงไหลผ่านเข้ามาทาง “ช่องรูหนอน” ขนาดจิ๋ว
    ที่ถูกกระตุ้นให้เปิดขึ้นแล้วอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า DNA จะถูกนำออกไปแล้วก็ตาม


    ............................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...