ร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่อุดม ญาณรโต พระอริยะเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำโขง รับล็อกเก็ต

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ลูกพ่อลิงดำ, 13 พฤษภาคม 2011.

  1. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]


    [​IMG]


    ร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่อุดม ญาณรโต รับ ล็อกเก็ต รุ่น "ญาณรโต อุดมมงคล มหาลาโภ"

    หลวงปู่อุดม ญาณรโต พระอริยะเจ้าแห่งแม่น้ำโขง ผู้มีข้อวัตรปฏิบัติดีงาม มากไปด้วยความเพียร ผู้เป็นสหธรรมิกหลวงปู่ลี วัดป่าเหวลึก ได้ปรารภที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์ ขององค์ท่านเพื่อประดิษฐานอัฐิธาตุพ่อแม่ครูอาจารย์และอัฐิธาตุ บริขาล ขององค์ท่านยามละสังขาร ตอนนึ้ขาดงบประมาณ อีก 200000 บาท
    พิพิธภัณฑ์ก็จะเสร็จทางวัดจึงนำล็อกเก็ตซึ้งสร้างเป็นครั้งที่ 2 ของหลวงปู่อุดม ญาณรโต นำมาออกให้บูชา โดยล็อกเก็ตรุ่นนึ้หลวงปู่กล่าวว่า "ล็อกเก็ตนึ้ดีหมด ดีคักๆ อาตมาได้อัญเชิญเทพเทวดาทั่วสากลจักรวาลมาสถิตย์ในพระรุ่นนึ้ เทวดาเค้าเป็นกายสิทธิ์เค้าสามารถแบ่งจิตมาอยู่ในพระได้" โดยทางวัดจะออกให้บูชาองค์ล่ะ 300 บาท (เฉพาะล็อกเก็ตฉากฟ้าเท่านั้น) เพื่อนำปัจจัยไปสร้างพิพิธภัณฑ์ ท่านใดสนใจโปรดติดต่อแม่ชีกระแต วัดป่าสถิตย์ธรรมวนาราม 085-406-9387 ขออนุโมทนาทุกท่านด้วยครับ
     
  2. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    ประวัติการสร้างและรายละเอียด ล็อกเก็ต พระครูอุดมศีลวัฒน์ รุ่น ญาณรโต “อุดมมงคล มหาลาโภ” ฉบับเต็ม สามารถไปอ้างอิงได้ตลอดกาล จากผู้สร้าง

    ล็อกเก็ตรุ่นนึ้เกิดจากคำปรารภของกระผมที่ได้คุยกับคุณแม่ว่า ปีนึ้ เดือน พฤษภาคม หลวงปู่จะมีอายุ 86 ปี 62 พรรษา เราควรจะทำวัตถุมงคลให้หลวงปู่ซักรุ่นเพื่อเป็นที่ระลึกในงานฉลองอายุนึ้ จึงได้ปรารภว่า จะจัดทำล็อกเก็ตขึ้น ซึ้งล็อกเก็ตรุ่นนึ้เป็นล็อกเก็ตรุ่นที่ 2 ของหลวงปู่ และได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มีจำนวนดังนึ้ ฉากทอง 31 องค์ ฉากฟ้า 404 องค์ โดยทั้งสองฉากบรรจุจีวรและเกศาหลวงปู่ ส่วนตะกรุดที่หลวงปู่จารบรรจุเฉพาะฉากทอง การทำครั้งนึ้เป็นการทำบริสุทธิ์ ผู้สร้างและคณะไม่ได้อะไรนอกจากบุญ ไม่มีการหักค่าใช่จ่าย เงินนำไปสร้างล็อกเก็ตหมด ในส่วนฉากทองมอบเป็นที่ระลึกแด่คณะผู้สร้างซึ่งออกทุนและถวายเข้าพิพิธภัณฑ์ขององค์หลวงปู่ ส่วนฉากฟ้าบุคคลทั่วไปที่มากราบหลวงปู่และถวายเข้าพิพิธภัณฑ์ขององค์หลวงปู่ ซึ่งพระรุ่นนึ้จะได้รับการอฐิธานจิตเมื่อวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2554 ตามอัธยาศัยขององค์หลวงปู่ พระรุ่นนึ้ได้ผสมมวลสารคณาจารย์และอังคารธาตุพระอริยะเจ้า มีรายละเอียดดังนึ้ อย่างย่อ อังคารธาตุพระสุปฏิปันโน ได้แก่ หลวงปู่หล้า ขันติธโร หลวงปู่ดูลย์ อตุโล หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่หลุย จันทสโร หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต หลวงพ่อสุวัจน์ สุวโจ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ครูบาเจ้าพรหมจักร หลวงปู่กอง จันทวังโส ครูบาเจ้าอ่อนแสง เป็นต้น มวลสารศักดิศิษย์ อย่างย่อ ได้แก่ ผงทศไตรมาส –ผงว่าน 108 หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉีมพลี ผงพระพุทโธ หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ผงพลายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ผงอฐิธานจิต 8 ปี หลวงปู่หลอด ปโมทิโต ผงพระจิตรลดา ผงพระแตกหัก หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค ผงพระวัดปากน้ำ 1-3 ผงอฐิธานจิตคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ผง 300 ปี อาจารย์คง อาจารย์ขุนแผน พบในกรุวัดอยุธยา ผงอ.ชุม ไชยคีรี ผงจักรพรรดิ ผงนิพพานสูญ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ผงพระกรุวัดสามปลื้ม ผงไตรวิเวก-ผงอฐิธานจิต-ปฐวีธาตุ ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต ผงสุริยประภา-จันทรประภา-ผงรัตนะมาลา และผง 12 คัมภีร์ ที่ลงและลบโดยท่าน อ.รอด สุขเจริญ ผงพระสมเด็จวัดระฆัง-บางขุนพรหม ผงจักรพรรดิ หลวงพ่ออุตตมะ ผงหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง แป้งเสกหลวงปู่บุดดา ถาวโร ผงพระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ผงพระหลวงพ่อกวย ชุนติธโร ผงอฐิธานจิตพระอาจารย์วัน อุตตโม ครั่งเสก หลวงปู่เดิม วัดหนองโพ ผงหลวงปู่ยึ้ม วัดหนองบัว ผงพุทธคุณจากพระมหาเถราจารย์ทั่วประเทศกว่า 300 รูป ที่มีชีวิต และที่มรณะภาพล่วงลับไปแล้ว(อย่างย่อ)ได้แก่ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์ หลวงปู่นาค วัดระฆัง กรุงเทพฯ หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ลำปาง ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ตาก หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค อยุธยา หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม หลวงพ่อผล วัดหนัง กรุงเทพฯ หลวงพ่อสำเนียง วัดเวฬุวัน นครปฐม หลวงพ่อกลับ วัดตลิ่งชัน กรุงเทพฯ หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ อยุธยา หลวงพ่อรอด วัดประดู่ นครศรีธรรมราช หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก ระยอง หลวงพ่อเหมือน วัดโรงXXบ นนทบุรี หลวงปู่พันธ์ วัดมัชฌันติการาม กรุงเทพฯ หลวงพ่อชื่น วัดตึกมหาชยาราม สมุทรสาคร หลวงปู่หิน วัดระฆัง กรุงเทพฯ หลวงพ่อเทียน วัดโบสถ์ ปทุมธานี หลวงปู่ทอง วัดป่ากอ สงขลา หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม อ่างทอง หลวงพ่อเบี่ยง วัดทุ่งสมอ กาญจนบุรี หลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึก นครปฐม หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกเฌอ ชลบุรี หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม สิงห์บุรี หลวงปู่ดำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี หลวงพ่อเหมือน วัดกำแพง ชลบุรี หลวงพ่อธูป วัดแดงนางเลิ้ง กรุงเทพฯ หลวงพ่อใย วัดมะขาม จันทบุรี หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา สุพรรณบุรี หลวงพ่อไฉน วัดสารนาถธรรมาราม ระยอง หลวงพ่อจวง วัดนครเนื่องเขต ฉะเชิงเทรา หลวงพ่อบุญมา วัดศรีพนม สกลนคร หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี หลวงปู่น้อย วัดไชยภูมิ อ่างทอง หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ ระยอง หลวงปู่โถม วัดธรรมปัญญาราม สุโขทัย หลวงปู่จันทร์ วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย สุโขทัย หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ สุพรรณบุรี หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย สมุทรสงคราม หลวงพ่อศรี วัดสะแก อยุธยา หลวงพ่อดำ วัดมุจลินทร์ ปัตตานี หลวงพ่อจันทร์ วัดคลองระนง นครสวรรค์ หลวงพ่อเจาะ วัดประดู่โลกเชษฐ อยุธยา หลวงพ่อเส็ง วัดศรีประจันตคาม ปราจีนบุรี หลวงพ่ออี้ วัดสัตXXบ ชลบุรี หลวงพ่อลำภู วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ หลวงพ่อโกย วัดพนัญเชิญ อยุธยา ครูบาเผือก วัดไชยสถาน เชียงใหม่ หลวงพ่อแทน วัดธรรมแสน ราชบุรี หลวงพ่อวัดบางจาก นนทบุรี หลวงพ่อเผือด วัดมะกอก กรุงเทพฯ หลวงพ่อดี วัดเหนือ กาญจนบุรี หลวงพ่อสมจิตร วัดป่ากระเหรี่ยง ราชบุรี หลวงพ่อห้อม วัดหอมเกร็ด นครปฐม พระครูสังวรสมาธิวัตร(แป๊ะ) วัดราชสิทธาราม กรุงเทพฯ หลวงพ่อแขก วัดพวงมาลัย สมุทรสงคราม หลวงพ่อแฟ้ม วัดอรัญญิกาวาส ชลบุรี หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย สระบุรี หลวงพ่อพักตร์ วัดบึงทองหลาง กรุงเทพฯ หลวงพ่อปลอด วัดหลวงสุพรรณาราม ลพบุรี หลวงพ่ออินทร์ วัดสุวรรณาราม กรุงเทพฯ หลวงปู่ลี วัดถ้ำเหวลึก หลวงปู่สอ วัดป่าหนองแสง ยโสธร หลวงปู่ลี วัดถ้ำผาแดง อุดรธานี ครูบาเจ้าชุ่ม วัดวังมุย ลำพูน หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ สุพรรณบุรี หลวงพ่เกลื่อน วัดสองเขต สุพรรณบุรี เป็นต้น พระรุ่นนึ้ผมเชื่อว่าจะมากไปด้วยลาภ ป้องกันภัยจากธาตุทั้ง 4 และรังสีต่างๆ เมตตา แคล้วคลาด และสมปรารถนาทุกประการ ด้วยบารมีหลวงปู่อุดม ญาณรโต และครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะผงหลวงปู่สังวาลย์ เขมโกท่านเคยกล่าวถึงผงและพระท่านว่า “กินไม่ไหว ใช่ไม่หมด” *(พระรุ่นนึ้ก็ได้ผสมผงท่านด้วย)ส่วน หลวงปู่อุดม ญาณรโต ท่านเคยกล่าวถึงพระท่านว่า “ดีทุกประการ ” เชื่อว่าพระรุ่นนึ้จะศักดิ์ศิษย์ไม่แพ้ใคร และห้อยเดี่ยวได้ อย่าง เสือไม่กินเนื้อใคร แต่อย่างไรก็ดี การห้อยพระนั้น จุดประสงค์หลักคือห้อยเพื่อเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ และเจริญรอยตามธรรมะองค์หลวงปู่ ถือศีล 5 เป็นคนดีของสังคม ปฏิบัติภาวนา นี่เป็นจุดหลัก ผมเชื่อว่า คนดีพระต้องคุ้มครองแน่นอนและเกิดปาฏิหารย์ครับ ทั้งนึ้ต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนับสนุนและศิษยานุศิษย์ทุกคน

    ด้วยความเคารพจากผู้สร้าง

    นายธนกร เตมียบุตร นายชัยพร ประคองเค็บ และ คณะผู้ร่วมสร้าง คณะศิษย์ชาวกรุงเทพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC04173.JPG
      DSC04173.JPG
      ขนาดไฟล์:
      985.4 KB
      เปิดดู:
      284
    • DSC04196.JPG
      DSC04196.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      978
    • DSC04175.JPG
      DSC04175.JPG
      ขนาดไฟล์:
      934.3 KB
      เปิดดู:
      259
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 พฤษภาคม 2011
  3. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560


    หลวงปู่กล่าวถึง วัตถุมงคล รุ่นนึ้

    "ล็อกเก็ตนึ้ดีหมด ดีคักๆ อาตมาได้อัญเชิญเทพเทวดาทั่วสากลจักรวาลมาสถิตย์ในพระรุ่นนึ้ เทวดาเค้าเป็นกายสิทธิ์เค้าสามารถแบ่งจิตมาอยู่ในพระได้" และ "จิตที่บริสุทธิ์มีอานุภาพมากทะลุเขา ทะลุทุกอย่าง ท่านพระอาจารย์ปิ่น ชลิโต เล่าให้อาตมาฟังว่า งานของท่านไม่มีพุทราพิเศกมีแต่นั่งสมาธิ เพราะอานุภาพของจิตนั้นถือว่าสูงสุด" ผมถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่เข้าสมาบัติอฐิธานจิตล็อกเก็ตรุ่นนึ้หรือมั่ย ? ท่ีานบอก "เข้าสิ อานุภาพของสมาบัตินั้นสามารถทำให้พระเกิดปาฏิหารย์ได้" ถามต่อไปว่า หลวงปู่วสีใช่มั่ยครับ ไม่ต้องเข้านาน ท่านบอกว่า "ใช้"
     
  4. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560

    กร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับหลวงปู่อุดม ญาณรโต



    หลวงปู่ตื้อก่อนจะเจอหลวงปู่อุดมนั้นได้นิมิตเห็น ช้างเผือกตัวใหญ่มาหา วันรุ่งขึ้นพระภิกษุอุดมได้เข้าไปกราบหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ตื้อเห็น หลวงปู่ตื้อเรียกท่านว่า "พระช้างๆๆ" หลวงปู่ตื้อเห็นท่านใข้บาตร จีวร จนบาตรเก่า จีวร ขาด หลวงปู่ตื้อได้เมตตาท่านมากนำจีวรและบาตรของท่านเองให้

    หลวงปู่ลี วัดถ้ำเหวลึก พระอริยะเจ้าผู้อัฐิแปรภสาพ กล่าวกับศิษย์ก่อนมรณภาพว่า "ถ้าเราตายแล้วให้ไปกราบอาจารย์อุดม ท่านเป็นคู่ทุกข์คู่ยากของอาตมา"

    หลวงปู่อุดม เล่าให้ฟังว่า "ภูล้อมข้าว สหัสขันธ์ก็เป็นอีกที่สำคัญมาก ที่นั้นเป็นที่ภาวนาแล้วได้อะไรดีๆกลับมา" และ "ท่านเห็นธรรมขั้นสูงสุดที่วัดป่าพระอาจารย์ตื้อเมื่อปี่พ.ศ.2514 " โดยมีหลวงปู่ตื้อและหลวงปู่แหวนเป็นผู้ให้กรรมฐาน หลังจากนั้นมาท่านหายสงสัยในธรรม ในโลกธาตุ การเกิดตายของสัตว์ จิตหมดความยึดมั่นถือมั่นในตัว อวิชชา สังโยรณ์ทั้ง 10 ได้พังทลายไปจากใจ เหลือ แต่จิตเดิม ที่ใส สะอาด บริสุทธิ์ หรือ ธรรมธาตุ นั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 พฤษภาคม 2011
  5. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]


    ชีวประวัติหลวงปู่อุดม ญาณรโต ว.ป่าสถิตย์ธรรมวนาราม อ.พรเจริญ จ.หนองคาย
    ชาติกำเนิด
    หลวงปู่อุดม ญาณรโต ท่านเกิดในตระกูลชาวนา บิดาและมารดาท่านเป็นชาวนา หาปูหาปลากินตาม
    ธรรมชาติ ท่านเกิดเมื่อประมาณวันที่เท่าไรท่านก็ไม่สามารถบอกได้ ท่านเล่าว่าคนสมัยก่อนไม่ค่อย
    จำกัน ท่านบอกได้แต่ปีที่เกิด และเดือนที่ท่านเกิดคือ ประมาณ วันอังคารที่ ๒ เดือนพฤษภาคม ปีขาล พ.ศ.
    ๒๔๖๙ อยู่ในสกุล เชื้อขาวพิมพ์ ลักษณะรูปร่างของท่าน สันทัด สีผิวดำแดง โดยมีโยมบิดาชื่อ นายแว่น เชื้อขาวพิมพ์และมารดาชื่อนางบับ เชื้อขาวพิมพ์ มีพี่น้องร่วมสายเลือดทั้งหมด 4 คน รวมหลวงปู่ คือ
    1. นางสม เชื้อขาวพิมพ์ (เสียชีวิตแล้ว)
    2. หลวงปู่อุดม ญาณรโต
    3. นายพรหมา เชื้อขาวพิมพ์
    4. นางลับ เชื้อขาวพิมพ์

    ชีวิตวัยเยาว์
    ชีวิตในสมัยเด็ก ท่านก็เหมือนเด็กชาวนาทั่วไป บิดามารดาทำนา ท่านก็ไปช่วยทำนา หลวงปู่เล่าให้ฟังว่า ท่านชอบในเพศบรรพชิตมาก ท่านเห็นพระภิษุสงฆ์เดินผ่านมา ท่านก็เกิดความเลื่อมใสขึ้นมาเอง ตั้งแต่วัยเด็ก นี่ก็เนื่องมาจากโยมบิดาและมารดาของท่านได้พาปฏิบัติศาสนกิจต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ในพุทธศาสนา เช่น ครูบาอาจารย์ในสมัยท่านพระอาจารย์มั่น บิดามารดาท่านมักพาไปปฏิบัติศาสนกิจมาด้วยโดยตลอด เช่น หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม ว.ป่าสาลวัน หลวงปู่มหาปิ่น ซึ่งเป็นน้องชายของหลวงปู่สิงห์ เป็นต้น ท่านเล่าว่าโยมบิดาท่านเคยได้บวชเณรอยู่ และสึกออกมามีครอบครัว ส่วนมารดาของท่านก็เข้าวัดทำบุญอยู่เป็นปกตินิสัย จึงทำให้ท่านมีความสนิทสนม และใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนามาโดยตลอดนั่นเอง


    บรรพชา
    เนื่องจากในวัยเด็ก ท่านเห็นพระภิษุสงฆ์แล้ว เกิดความปีติเลื่อมใสในสมณะสงฆ์ (มีความสุขเมื่อได้เห็นพระสงฆ์) ท่านคงมีความคิดที่อยากออกบวชอยู่ภายในใจมาโดยตลอด จากนั้นเมื่อท่านเริ่มโตเป็นหนุ่มท่านเคยได้อ่านหนังสือสวดมนต์และปฏิบัติสมาธิภาวนา ของหลวงปู่สิงห์ ขัตยาคโม และพระอาจารย์มหาปิ่น ซึ่งทำให้ท่านจับจิตจับใจ มีจิตใจเข็มแข็งเด็ดเดี่ยว และมั่นใจในการที่จะได้บวชถือคลองเพศสมณะ ท่านได้ช่วยบิดามารดาทำนา หาปูหาปลา ตามประสาชาวโลก ท่านเล่าว่าปูปลาสมัยก่อนหาง่ายมาก ตัวก็ใหญ่โตทั้งนั้น ท่านเคยดำน้ำเพื่อหาปลา น้ำลึกมากๆหลายเมตรอยู่ ทำให้ท่านเลือดไหลออกมาจากหู (หูหนวก) ท่านมีอาการหูหนวกอยู่แรมเดื่อนกว่าจึงจะหายเหมือนเดิม ท่านบอกว่าชีวิตฆราวาสนั้นเป็นทุกข์ ต้องทำบาป สร้างกรรมเวรอยู่โดยตลอด จนในที่สุดเมื่อท่านมีอายุครบ ๒๓ ปี ท่านจึงได้ขอบิดามารดาของท่าน เข้าบรรพชาอุปสมบท ในวันที่ ๒๒ เมษายน ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ซึ่งเป็นปีที่หลวงปู่มัน ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส มรณะภาพนั่นเอง โดยมีพระอุปัชฌาย์คือ พระครูอรุณสังฆกิจ (มหาเถื่อน อุชุกโร) วัดกุดเรือคำ ต.กุดเรือคำ อ. วานรนิวาส จ. สกลนคร และพระครูพิพิธธรรมสุนทร (พระคำฟอง เขมจาโร) วัดสำราญนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และได้ฉายาทางภิกษุว่า ญาณรโต (ซึ่งแปลว่าผู้ทรงไว้ซึ้งญาณ) และในปีนั้นนั่นเอง ท่านได้เดินทางไปร่วมพิธีเผาศพหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร พร้อมทั้งพระอุปัชฌาย์ และพระกรรมวาจาจารย์ของท่านทั้งสองด้วย ท่านบอกว่างานศพหลวงปู่มั่นใหญ่โตมาก มีพระกรรมฐานมากมายเต็มไปหมด โดยสมัยก่อนวัดป่าสุทธาวาสยังคงมีสภาพเป็นป่าดงพงไพรอยู่ มีต้นไม้ใหญ่มากมายไม่เหมือนสมัยปัจจุบันที่เต็มไปด้วยหมู่บ้านเต็มไปหมด
    (ข้อมูลตามพรรษานี้ เป็นข้อมูลที่อัด และทอดเทปจากการสนทนาถาม-ตอบกับหลวงปู่อุดม ญาณรโต เมื่อท่านอายุ 82 ปี)


    พรรษาที่1-2 (พ.ศ.2492-2493)
    ท่านอยู่กับพระอุปัชฌาย์ พระครูอรุณสังฆกิจ (มหาเถื่อน อุชุกโร) ที่วัดกุดเรือคำ ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
    พรรษาที่ 3-5 (พ.ศ.2494-2497)
    ท่านเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆและกลับมาอยู่ที่วัดภูข้าวหลวง อ.สหัสขัน จ.กาฬสินธุ์

    พรรษาที่ 7-15 (พ.ศ.2498-2506)
    วัดบ้านนาโสก อ.นาแก ต.บ้านแก้ง จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านญาติของท่านและเป็นบ้านเกิดของท่านเองต่อจากนั้นท่านได้ไปพักอาศัยอยู่กับ หลวงปู่ลี ฐิตธัมโม ตอนนั้นหลวงปู่ลี ท่านอยู่วัดศรีชมพู ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

    พรรษาที่ 20 (พ.ศ.2507-2515)
    ท่านธุดงค์ไปอยู่ทางภาคเหนือบ้าง เช่น สุโขทัย แพร่ น่าน ลำปาง อุตรดิตถ์ พิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เลื่อยมา โดยท่านได้ไปพบกับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ หลวงปูตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอาจารย์ตื้อ จ.เชียงใหม่, หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่, หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย จ.ลำปาง, หลวงปู่หลวง กตปุญโญ วัดคีรีสุบรรพต ต.พระบาท จ.ลำปาง โดย
    ช่วงระยะเวลาที่ธุดงค์ในแถบภาคเหนือตั้งแต่จังหวัดเพชรบูรณ์นั้น ท่านมีสหธรรมมิกที่ร่วมเดินทางไป
    ด้วยกัน คือ หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล วัดอนาลโย จ.พะเยา และหลังจากที่ท่านไปธุดงค์ที่เชียงใหม่
    กลับมาท่านจึงได้มาอยู่ที่วัดป่าสถิตธรรมวนาราม ต.ศรีชมพู อ.พรเจริญ จ.หนองคาย จนกาละสมัย
    ปัจจุบันนี้ (นี้เป็นเพียงประวัติย่อๆเท่านั้นส่วนรายละเอียดปีกย่อยสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ประวัติหลวงปู่ลี ฐิตธัมโม )

    ครูบาอาจารย์ที่หลวงปู่ได้ไปพำนักอาศัย และฟังธรรม
    ครูบาอาจารย์ เท่าที่หลวงปู่จำได้และเล่าให้กระผมได้ฟังมานั้น ในอดีตที่ผ่านมาแล้วทั้งหลาย ในบางคราวท่านก็อาจจะลืมไปบ้าง ซึ่งข้อมูลต่างๆที่ได้ ก็อาจจะไม่ละเอียดมากนัก เพราะองค์หลวงปู่เอง ท่านเป็นพระเถระผู้พูดน้อยมาก เป็นจริตนิสัยอยู่แล้ว ส่วนตัวข้าพเจ้าจะก็ต้องพยายามสอบถามท่าน เท่าที่ท่านท่านพอจะจำได้นั้น มีก็ดังนี้ต่อไปนี้ครับ
    1. หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    2. หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอาจารตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    3. หลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    4. หลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย จ.เชียงใหม่
    5. หลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก สุรินทร์
    6. หลวงปู่ลี ฐิตธัมโม วัดเหวลึก ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    7. เจ้าคุณแดง วัดป่าประชานิยม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
    8. หลวงปู่เอี่ยม วัดภูข้าวหลวง อ.สหัสขัน จ.กาฬสินธุ์

    การเดินธุดงค์
    ท่านเล่าว่าตั้งแต่โยมบิดาของท่านเสียชีวิตด้วยโรคชรา ตอนอายุ ได้ 73 ปี ก่อนท่านออกเดินธุดงค์ และมารดาท่านก็มาเสียชีวิตด้วยโรคชราเช่นกัน เมื่อตอนอายุได้ 79 ปี หลังจากที่ท่านธุดงค์กลับมาจากจ.เชียงใหม่ ท่านเล่าว่าตอนที่ท่านได้ไปพำนักอยู่ เพื่อฟังธรรมกับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋งนั้น ท่านเกิดความประทับใจมาก หลวงปู่แหวนท่านเทศแบบง่ายๆ สั้นๆ แต่มีคุณภาพมากๆ คำพูดของท่านลึกซึ้งกว้างขวางมากนัก น่าเลื่อมใสมากๆ ซึ่งในเวลานั้นหลวงปู่ลี วัดเหวลึก ท่านก็ได้ไปร่วมฟังธรรมกับหลวงปู่แหวน และกับองค์ท่านด้วย ท่านอยู่ฟังธรรมกัน ประมาณ๒-๓ คืน
    จากนั้นท่านได้เดินทางไปจังหวัดลำปาง และเพชรบูรณ์ โดยเดินเท้าไป บางทีฆราวาสเห็นก็อาสาพาไปส่งบ้าง ท่านใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 เดือนเศษ โดยท่านเดินทางผ่านจังหวัด สุโขทัย แพร่ น่าน ลำปาง อุตรดิถต์ พิจิตร และเพชรบูรณ์ และใช้เวลาเดินทางจากเพชรบูรณ์ไปเชียงใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางประมาณอีก 2 เดือน ท่านเล่าว่าตอนเดินทางผ่าน จ.สุโขทัย ได้พบฆราวาสที่กินเจ คนแถวนั้นมักใส่ขนมปัง และน้ำตาลอ้อย โดยบางครั้งเขาจะนำขนมกับข้าวสุกใส่ให้เต็มบาตรเลย ไม่มีกับข้าวคาวเลย ท่านฉันทีแรกๆก็อร่อยดี แต่หลายวันเข้ามันชักไม่อร่อย โดยในตอนนั้นท่านได้เดินทางด้วยเท้าธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์ไพบูรณ์ สุมังคโล วัดอนาลโย จ.พะเยา ซึ่งท่านทั้งสอง สนิทสนมและคุ้นเคยกันอยู่เป็นอย่างดี

    การปฏิบัติธรรม
    โดยปกติหลวงปู่อุดมท่านชอบเดินจงกรม และนั่งสมาธิภาวนาเพื่อปฏิบัติทางจิตของท่านอยู่โดยตลอด ท่านบอกว่า หากวันไหนไม่ได้เดินจงกรมแล้วหล่ะก็ เดือดร้อนไม่ได้เลยนะ จิตจะเศร้าหมองทันที สมัยที่ท่านอยู่ที่เชียงใหม่ ท่านปฏิบัติธรรมอยู่นั้น จิตของท่านเกิดความสว่าง มีความสุขมาก จิตตกถึงฐานของจิต เข้าสู่พื้นเดิม ท่านเปรียบเหมือนการสักผ้า ถ้าผ้ามันลาย พื้นเดิมของจิตมันก็ลาย ถ้าผ้ามันดำ จิตพื้นเดิมมันก็ดำ (สำนวนของหลวงปู่อุดม) ท่านบอกว่ามันถึงฐานของมัน มีความสุขมากไม่มีอะไรจะมีความสุขเท่า มันมีความปีติ อิ่มอกอิ่มใจมาก ท่านจึงเอาตรงนี้มาเป็นอารมณ์ และค้นหาเข้าไปในจิตต่อจนถึงที่สุดของใจ ท่านเล่าว่ามันมีปัญญามากมายหลายอย่างเกิดขึ้นมา ท่านบอกว่าท่าน อดนอน อดอาหารเพื่อทำความเพียรภาวนา อยู่ ๕ วัน ๕ คืน ท่านบอกว่า อดนอนนี่ทุกข์ยิ่งกว่าอดอาหารอีก แต่เพราะว่ามีปีติอยู่ ท่านจึงสามารถทำได้ ภายหลังจากวันที่ ๕ วันผ่านไป จิตของท่าน ก็เบาสบาย ได้กำลังใจ และส่วนกำลังกาย ก็ยังแข็งแรงดีอยู่ เวลาธรรมเกิดขึ้นมา ๑๐๐ % ท่านนั่งสมาธิไปได้จนถึงแจ้งเลย(เช้าเลย) การปฏิบัติของท่านในเวลา ๖ โมงเย็น จนถึง ๕ ทุ่ม ท่านมักจะเดินจงกรม และในเวลา ๕ ทุ่มขึ้นไป ท่านจะนั่งสมาธิภาวนาไปเลื่อยจนบางทีถึงสว่างก็มี ในคราวที่ใจของท่านรวมลงจนถึงสภาวะเดิมของจิต ท่านเล่าว่ามีความสุขมากๆ ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เกิดขึ้นนั้น เหมือนกับอยู่ตรงหน้า สามารถยื่นมือแทบจะจับได้ต่อหน้าต่อตานี้เลยทีเดียว จิตมันไม่ท้อไม่ถอย กระจ่างหมดทุกอย่าง มันหาใจ แก้ใจตัวเองได้หมดทุกอย่าง ในเวลาฟังธรรมพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เพียงนิดหน๋อยเท่านั้น จิตท่านก็สว่างโพรงเลย ท่านบอกว่าจิตท่านเห็นธรรมที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นท่านพำนักอาศัยอยู่กับ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมนั่นเอง ท่านยังเล่าต่ออีกว่า หลวงปู่ตื้อนั้น ท่านจะเป็นพระที่เทศตรงไปตรงมามาก จนในบางครั้งดูแล้วอาจจะไม่ไพเราะ แต่ท่านก็บอกว่า ผู้มีปัญญาก็ต้องเลือกฟังให้ถูกกับจิตของตนเอง อันไหนดีก็นำมาปฏิบัติให้ถูกกับจิตของตน ในยามที่ท่านเข้าไปนวดแขน นวดขาให้กับหลวงปู่ตื้อนั้น หลวงปู่ตื้อท่านจะเทศให้หลวงปู่อุดมฟัง หลวงปู่อุดมท่านเล่าว่าจับจิตจับใจมากเลยทีเดียว ทำให้เกิดความเลื่อมใสในองค์ของหลวงปู่ตื้อมากมายยิ่งขึ้นเลยทีเดียว องค์หลวงปู่ตื้อนั้น ท่านขุดดิน ฟันต้นไม้ ต้นกล้วยได้ ซึ่งจริงๆแล้ว สำหรับพระต้องปรับเป็นอาบัติ ส่วนองค์หลวงปู่ตื้อนั้นท่านคงอยู่เหนือสมมุตไปแล้ว เพราะในคราหนึ่งหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง ท่านห้ามหลวงปู่ตื้อไม่ให้ทำเช่นนี้ แต่หลวงปู่ตื้อกลับหันมากล่าวกับหลวงปู่แหวนว่า ไม่ต้องมาสอนเฮาหรอกน่า เราพ้นแล้ว(จิตของหลวงปู่ตื้อท่านหลุดพ้นไปแล้วนั่นเอง)

    เรื่องราวประวัติโดยย่อ ขององค์หลวงปู่อุดม ญาณรโต วัดป่าสถิตธรรมวนาราม อ.พรเจริญ จ.หนองคาย นี้ ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาเมตาจากองค์หลวงปู่ เป็นผู้เล่าประวัติของท่านเองทั้งหมด เนื่องจากข้าพเจ้าเองเห็นว่าองค์หลวงปู่ ก็มีอายุมากแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2552 นี้ ท่านก็มีอายุถึง 83 ปี พรรษาที่ 60 แล้ว และในช่วงเวลานี้ ธาตุขันต์ขององค์ หลวงปู่อุดม ญาณรโตนั้น ก็สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เวลาท่านเดินต้องมีพระคอยดูแลอยู่โดยตลอด เป็นผลสืบเนื่องมาจาก ท่านเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลังเมื่อประมาณปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งจริงๆแล้วท่านเคยผ่าตัดกระดูกสันหลังมาแล้ว 3-4 ครั้ง และในปี 2552 หลวงปู่ก็มีอาการกระดูกข้อเข่าของท่านขาดน้ำหล่อเลี้ยง ประมาณ เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2551 ท่านได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯลฯ และโรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพฯลฯ หมอวินิจฉัยว่า ข้อเข่าของท่านเสื่อมต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายกระดูกข้อเข่าใหม่ แต่เนื่องจากท่านมีอายุมากถึง 83 ปี จึงมีความเสี่ยงมากในการผ่าตัด กระผมเห็นว่าองค์หลวงปู่เป็นพระเถระซึ่งอยู่ในต่างจังหวัด ห่างไกลถึงจ.หนองคาย และหลวงปู่เป็นพระซึ่งไม่เคยเที่ยวบอกบุญกับญาติโยมคนใดเลย กระผมจึงกราบขอประวัติขององค์หลวงปู่มาลงเว็ปไซด์ เพื่อให้ญาติโยมทั้งหลายได้อ่านดู พิจารณากันครับ เพื่อยังให้เกิดศรัทธาและเป็นศิริมงคลแก่ท่านทั้งหลาย และยังเป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญสืบไปด้วย
     
  6. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    ภาพมวลสารบางส่วนของล็อกเก็ต รุ่น ญาณรโต อุดมมงคล มหาลาโภ


    ภาพเกศาหลวงปู่อุดม ญาณรโต

    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป Hosting



    ภาพจีวรหลวงปู่อุดม ญาณรโต

    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป Hosting



    ภาพแผ่นยันต์หลวงปู่อุดม ญาณรโต

    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป Hosting




     
  7. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]

    [​IMG]

    มวลสารที่หลวงปู่หลอด ปโมทิโต ที่หลวงปู่เก็บรักษาและอฐิธานถึง 8 ปี โดยผสมผงวัดระฆังและพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่เป็นมวลสารหลัก :c14:



    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป Hosting
     
  8. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]

    มวลสารมงคลที่หลวงปู่สังวาลย์ เก็บรักษาไว้ ที่หลวงปู่ใช่สร้างพระพุทโธรุ่นต่างของท่าน โดยผสมผงอัฐิหลวงปู่กอง ผงคุณแม่บุญเรือน ผงอังคารคุณแม่บุญเรือน ผงสลกบาตรหลวงพ่อป๋อง สุปฏิปันโน ผงดินนิโรธสมาบัติออกแสง หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก นิมิตเห็น หลังจากท่านเจริญญาณเสร็จ

    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป Hosting
     
  9. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]



    ผงว่าน 108 ทศไตรมาส หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉีมพลี พระอรหันต์กลางกรุง


    ผงว่าน108ที่หลวงปู่โต๊ะเป็นผู้กำกับชนิดว่านและการบด หลังจากเหลือผงว่านเหล่านี้หลวงปู่โต๊ะ
    ได้มอบต่อหลวงพ่ออุตตมะก่อนละสังขารและหลวงพ่ออุตตมะได้อธิษฐานยาวนานนับสิบปี
    และตกทอดมาสู่ นายชัยพร ประคองเค็บ


    [​IMG]
     
  10. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]


    เถ้าอัฏฐิหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระอรหันต์แห่งประวัติศาสตร์ที่จะนำมาผสมผงในพระรุ่นนึ้ :c14:

    [​IMG]
    Thanks: ฝากรูป Hosting
     
  11. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]


    พระอังคารธาตุหลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระอริยะปัญญาและพลังจิต ก็นำมาผสมพระรุ่นนึ้ด้วย

    [​IMG]
     
  12. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    [​IMG]

    ผงอังคารธาตุหลวงพ่อสุวัจน์ สุวัจโจ พระอรหันต์ที่หลวงตามหาบัว กล่ายกย่องว่า "สมควรแด่การสร้างเจดีย์" :d13:


    [​IMG]
     
  13. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    พ่อแม่ครูอาจารย์มีแต่ล่วงลาไป จะหาวัตถุมงคลที่พระอรหันต์อฐิธานจิตยาก องค์หลวงปู่ฟอกธาตุขันธ์มามากกว่า 40 ปี แล้ว นอกจากหลวงพ่อฤาษีแล้ว จะหายากที่พระองค์ใดสามารถเชิญบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณพระอรหันต์ผู้กำหนดจิตเข้าสมาบัติ และให้เทวดามาสถิตย์ในพระได้ พระองค์หนึ่ง เทวดาองค์หนึ่ง หลวงปู่บอกว่า "พระรุ่นนึ้จะมีปาฏิหารย์มากด้วยคุณสมาบัติและมีเทวดาสถิตย์ในองค์พระ"

    ให้พิจารณากันน่ะครับ ได้ทั้งบุญ ได้วัตถุมงคลที่ทรงพุทรานุภาพ ด้วยคุณสมาบัติ คุณพระอรหันต์และเทวด
     
  14. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560

แชร์หน้านี้

Loading...