เปิดภูมิหลังหลวงพ่อทวด-หลวงพ่อดู่และล็อกเก็ตพระพรหมปัญโญกับ16วันสุดท้าย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย jummaiford, 13 สิงหาคม 2008.

  1. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    หลวงพ่อทวด.......หลวงปู่พระผู้เป็นดวงใจ <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]
    นาเปลสถานที่กำเนิดทารกเพศชายนามว่าปู รูปภาพดังกล่าวมีงูบองหลาหรือจงอางคายเเก้วคู่บารมีไว้ให้

    [​IMG]
    หลวงพ่อทวดท่านก็เคารพพ่อเคารพเเม่เหมือนกัน

    [​IMG]
    วัดพะโค๊ะลังกาชาติ
    [​IMG]
    รอยเท้าหลวงพ่อทวด วัดพะโค๊ะ







    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]


    รอยพระบาทหรือรอยเท้าหลวงปู่ทวดที่พบเมื่อวันที่15กันยายน2551ที่เขาเทวดา สงขลา
    [​IMG]


    จากวันสู่เดือนจากเดือนสู่ปี

    จากความสงสัยสู่ความศรัทธา..........คนวังหน้า

    สิ่งที่กล่าวคือการได้สัมผัสเเห่งความเมตตาของพระเมตตารูปหนึ่งผ่านจากปลายปากกาสู่อดีตอันยิ่งใหญ่เเห่งมหาบารมีของท่านหนึ่งที่เเม้เป็นสมณะเเต่
    กลับมีส่วนในการค้ำเเละกู้ชาติรักษาเเผ่นดินเเห่งสยามประเทศ ท่านผู้นี้มิใช่ใครอื่นไปได้นอกจาก

    สมเด็จพระราชมุณี หรือ นามเต็มคือ สมเด็จพระราชมุณีสามีรามคุณูปมาจารย์ ชื่อดังกล่าวนี้อาจจะไม่คุ้นเคยสักเท่าไรเเต่หากบอกว่าท่านก็คือองค์เดียวกันกับหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดทุกท่านคงถึงบางอ้อท่านทีปัจจุบันหลายท่านให้สมัญญานามท่านว่า พระนิรันตราย หรือที่คนชอบกล่าวว่าห้อยหลวงพ่อทวดเเล้วไม่ตายโหง เเต่น้อยคนนักที่จะล่วงรู้ว่า ประวัติหลวงปู่ทวดเเท้จริงเป็นเช่นไร เเละ ท่านเองมีตัวตนจริงหรือไม่ เเละที่สำคัญประวัติอันดีงามของหลวงปู่ทวดได้ถูกลืมไปจากความทรงจำของคนหลายๆคนอย่างน่าเสียดายเหลือเเต่หลวงปู่ทวดในรูปเเบบวัตถุมงคลเพียงเท่านั้น

    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะอิติภควา

    พระคาถานี้มีที่มาจากการขุดค้นพบในหม้อสัมฤทธิ์ที่สถูปหรือทางใต้เรียกว่าเขื่อนท่านช้างให้ เเต่ที่น่าเเปลกใจคือ
    เมื่อปี2472ครูบาเจ้าศรีวิไชย ตนบุญเเห่งล้านนาไทยได้จารึกพระคาถานี้เป็นตัวเมืองเหนือตั้งเเต่ครั้งนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องราวของหลวงพ่อทวด หรือสมเด็จเจ้าพะโค๊ะนั้นเป็นที่รู้จักในวงเเห่งหน่อพุทธภูมิ

    เเละที่น่าเเปลกอีกอย่างหนึ่งคือ หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ
    ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม สายอยุธยาเเต่เหตุไฉนท่านจึงเผยเเพร่เรื่องราวเเละพระในรูปเเบบต่างๆที่เป็นหลวงพ่อทวดเช่นกัน

    เเละเรื่องราวตำนานรวมถึงพงศาวดารที่กล่าวถึงสมเด็จพระราชมุณี เเละ ตำนานของสมเด็จเจ้าพะโค๊ะนั้นมีเรื่องราวที่ตรงกันเเละต่างกันหลายจุดเเต่ที่เขียนขึ้นเป็นการเขียนประวัติหลวงพ่อทวดจากการที่คิดถึงหลวงปู่ทวดพระผู้เป็นดวงใจเท่านั้นเอง


    นามเดิมว่าเด็กชายปูเป็นเด็กชายที่ยังวิ่งเล่นสมัยเมื่อกว่าสี่ร้อยปีที่เเล้ว(บางท่านบอกว่าหลวงปู่ทวดท่านเกิด พศ.2125ตรงกับปีมะโรงนั้นจะพบว่าเมื่อย้อนไปปีมะโรงจะตรงกับ พศ 2123)
    ได้บวชเณรกับหลวงลุงของตนเองคือหลวงลุงจวง วัดดีหลวงเป็นวัดที่หลวงลุงจวงเองท่านได้สร้างจากความศรัทธาของชาวบ้านซึ่งเดิมเเล้วหลวงลุงจวงท่านได้อยู่ที่วัดพะโค๊ะซึ่งเดิมชื่อวัดเต็มมีชื่อว่าวัดพะโค๊ะลังกาชาติอันได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิลังกาวงศ์ หลวงปู่ทวดเองท่านก็มีครูบาอาจารย์เหมือนกัน เหมือนกับเราเกิดมาก็ต้องมีพ่อมีเเม่ มิใช่เกิดมาเเล้วเก่งเองหามิได้ ทุกคนรวมทั้งสามเณรปูก็มิพ้นกฏเดียวกันหลวงพ่อทวดหลังบวชเณรเเล้วก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนเป็นที่รักของอาจารย์ท่านจึงได้ไปเรียนพระธรรมหรือมูลกัจจายน์ต่อที่วัดสีคูหยังหรือวัดสีหยังในปัจจุบัน หลังจากที่วัดสีหยังเเล้ว เณรปูได้ไปบวชท่านกลางเเม่น้ำหรือคลองเเห่งหนึ่งที่เรียกว่า ท่าเเพ นครศรีธรรมราช เป็นการบวชท่ามกลวงโบสถ์น้ำ หรืออาจอนุมานได้ว่า การบวชของมหาโพธิสัตว์พระองค์นี้ยังควากระเทือนทั้งสามเเดนโลกธาตุเป็นอัศจรรย์เนื่องจากทั้งน่านฟ้าเเละมหานทีท่ามกลางป่าเเละสัตว์นานาเป็นพยานเเห่งการสร้างมหาบารมีในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่งหลังจากบวชเเล้วท่านได้พำนักที่วัดเสมาเมืองก่อนที่ท่านจะไปอยุธยาหลังจากนั้นเมื่ออายุได้22ปี2พรรษาท่านได้ไปลงเรือเพื่อไปเรียนพระธรรมตามคตินิยมสมัยนั้นขณะที่เเล่นเลือไปถึงน่านน้ำชุมพร บ้างก็ว่าอำเภอขนอม นครศรีธรรมราช ได้เกิดเหตุเเห่งการสร้างมหาปาฏิหาริย์อันเป็นที่มาของคำว่าเหยียบน้ำทะเลจืด ท่านได้เอาเท้าซ้ายจุ่มไปในน้ำทะเลเนื่องจากเรือติดพายุเเละน้ำกินน้ำใช้หมดท่านจึงต้องสงเคราะห์ (เท้าซ้ายของพระสามีราโมหรือหลวงพี่ปูที่ต่อมาคือหลวงพ่อทวดเท้าซ้ายของท่านมีลักษณะเท้าปุ้มเวลาเดินท่านอาจเดินไม่ตรงซักทีเดียว)ขณะที่ท่านนำเท้าซ้ายจุ่มน้ำท่านอธิษฐานถึงพ่อเเม่ครูอาจารย์รวมทั้งพระรัตนตรัยเเละบารมีเเละความปรารถนาดีของท่านขอให้น้ำนั้นจืดสนิทปรากฏว่าจืดสนิทจริงๆ คิดดูขนาดหลวงพ่อทวดเเล้วท่านยังต้องอธิษฐานถึงพ่อถึงเเม่เลยเเล้วเราซึ่งเป็นลูกศิษย์ใยกลับไม่สนจในบุพการีหรือพระในบ้านเสียบ้าง หลังจากที่เกิดมหาปาฏิหาริย์เเล้วเรือล่องมาถึงกรุงศรีอยุธยาเมืองีท่ไม่สิ้นคนดีท่านได้พำนักประจำที่อยุธยาอยู่หลายวัด อาทิ วัดเเคราชานุวาส วัดพุทไธสวรรค์ วัดราชบูรณะ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดหน้าพระเมรุ เเต่วัดที่ปรากฏว่ามีในประวัติพงศาวดารคือวัดราชานุวาส หรือ วัดเเค ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง อยุธยา อันเป็นวัดที่พระภิกษุปูได้เรียนพระธรรมไปๆมากับสำนักสมเด็จพระพันรัต สมัยนั้นอันว่าสมเด็จพระพันรัต อาจเป็นคนละองค์กับ พระอาจารย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องจากพระพันรัตเป็นสมณศักดิ์ของพระ ฉะนั้นจึงมีได้หลายองค์ เเละเมื่อประมาณไม่กี่ปีถัดมาไม่ปรากฏปีที่เเน่ชัดมีพระเจ้าเเผ่นดินของกรุงลังกาส่งฑูตมาท้าเรียงพระไตรปิฏกเพื่อพนันด้วยชื่อเสียงของเมืองหรืออาจเรียกว่าท้าพนันชิงเมืองกันเลยทีเดียวพระเจ้าเเผ่นดินได้เสาะหาพระที่เก่งที่สุดในสมัยนั้นที่มีปัญญาเเก้อันโดดเด่นที่สุดกลับเป็นภิกษุหนุ่มจากศรีวิชัย นั่นคือพระปู ขณะที่เรียงพระธรรมนั้นมหาปัญญาปรมัถบารมีที่ศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ที่อยู่ในตัวของท่านได้จรัสเเสงออกมาด้วยการเรียงพระธรรมจนครบขาดเเต่อักษรเจ็ดตัวคือ สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ หรือหัวใจอภิธรรม เจ็ดคัมภีร์ที่พวกท้าพนันซ่อนไว้เเละท่านพระปูก็รู้ด้วยญาณทัศนะที่บำเพ็ญมาดีเเล้วทำให้พวกนั้นยอมเเพ้ นำความปลามปลื้มใจเเก่พระเจ้าเเผ่นดินเเละมหาชนสมัยนั้นอย่างมากท่านได้รับการถวายการครองเมือง7วันโดยเจ็ดวันนี้ท่านได้นั่งบรรลังค์พระเจ้าเเผ่นดินเสวนาเทศนาธรรมทั้งเมืองเมื่อครบราตรีเเล้วท่านเองได้กลับอารามสถานวัดเเคร่ำลาพระเถระใหญ่น้อยเพื่อกลับบ้านเกิดไปพัฒนาศาสนสถานที่ท่านตั้งใจไว้คือวัดพะโค๊ะ วัดอื่นๆที่เคยมีพระคุณกับท่าน จำเนียรกาลผ่านไปยาวนานถึงท่านอายุเกือบ90พรรษาท่านได้มีสามเณรคู่บารมีชื่อเณรบุญรอดอันมีนิวาสถานอยู่นครศรีธรรมราชมาตามหาท่านสมเด็จหลวงพ่อปู(หลวงปู่ทวด)เเละท่านเเละเณรได้โละจากไปจากวัดพะโค๊ะหรือนัยว่าธุดงค์จากไปปรากฏอีกครั้งที่รัฐทางมาเลเซียในปัจจุบันเเละถึงเเก่กาลมรณภาพที่มาเลเซีย ปัจจุบันได้มีที่พักพระศพที่มีพระบุพโพหรือที่ที่น้ำเหลืองท่านหยดอยู่กว่า10จุดที่ตอนนี้กลายเป็นวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายเเห่งเลยทีเดียว
    <!-- / message --><!-- edit note -->
    <!-- edit note -->
    <!-- / message -->
    <!-- / message --><!-- edit note --><!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 สิงหาคม 2008
  2. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    วัดสายตรงหลวงพ่อทวดที่ถูกลืม


    จะมีใครสักกี่คนจะรู้บ้างว่าหลวงพ่อทวดท่านมีตัวตนจริงท่านเป็นพระสมัยอยุธยาเเละส่วนใหญ่ทุกคนจะได้ยินนามท่านว่า

    หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
    เเละหลายคนทราบว่าวัดช้างให้อยู่จังหวัดปัตตานีทำให้หลายคนยิ่งคิดไปว่าหลวงพ่อทวดต้องเป็นคนปัตตานีเป็นเเน่เเท้
    จริงๆเเล้วจะมีใครทราบว่าหลวงพ่อทวดบ้านเดิมท่านอยู่
    อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ต่างหาก
    โดยวัดที่อยู่ในอำเภอสทิงพระที่มีประวัติความเป็นมาเเละหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อได้ว่าเป็นวัดที่ปรากฏในพงศาวดารที่เกี่ยวเนื่องด้วยสมเด็จพระราชมุณีหรือหลวงพ่อทวดประกอบด้วยวัด
    1.วัดพะโค๊ะ หรือเรียกว่าพระโคตมะ ลังกาชาติ เป็นวัดที่มีมานานเเละมีหลักฐานเก่าเเก่คือพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ เเละพระนอนโคตมะซึ่งมีอายุก่อนสมัยอยุธยา ประวัติวัดเเห่งนี้ในตำนานที่กล่าวไว้ปรากฏตำนานที่เลื่องลือเกี่ยวกับการค้นพบพระศรีอาริยเมตไตร โดยสามเณรเเก้วบุญรอดที่นำดอกมณฑาทิพย์มาตามหาเเล้วเจอ วัดนี้มีความสำคัญยิ่งคือสมเด็จเจ้าพะโค๊ะหรือหลวงพ่อทวดหลังจากได้ตอบปัญหาชนะพรหมณ์จากลังกาเนื่องจากท่านได้เรียนพระธรรมในลัทธิลังกาวงศ์ซึ่งท่านได้เรียนเเละรู้ทางมาโดยตรงทำให้ท่านมีความสามารถด้านนี้โดยเฉพาะ

    2.วัดดีหลวง เป็นวัดที่หลวงพ่อทวดท่านบวชเป็นสามเณรเเละเชื่อหรือไม่ว่าโบสถ์เเละพระประธาณองค์ที่หลวงพ่อทวดท่านบวชภายในโบสถ์ยังคงอยู่พร้อมกันนี้ยังปรากฏพระเจดีย์ทรงสูงที่หลวงลุงจวงเเละหลวงพ่อทวดสร้างร่วมกันสมัยอยุธยายังปรากฏอยู่
    3.วัดต้นเลียบ เป็นที่ฝังรกของหลวงพ่อทวดยังมีต้นเลียบขนาดเท่ากับ10กว่าคนโอบอายุกว่า400ปียังยืนตะหง่านเเละเเผ่กิ่งก้านสาขาอยู่ เเละต้นเลียบนี้จากการสังเกตุที่เเปลกคือมีลายเปลือกต้นเลียบกิ่งเเขนงจะมีลายคล้ายตัวหนอนขึ้นอยู่เต็มไปหมด คนเเถวนั้นหรือชาวบ้านเชื่อถือว่าทำให้ค้าขายดี
    4.วัดสีหยัง เป็นวัดที่หลวงพ่อทวดศึกษาพระธรรม ที่นั้นมีความสำคัญเพราะเป็นที่เรียนธรรมของหลวงพ่อทวดก่อนจาริกไปวัดเสมาเมือง นครศรีธรรมราช
    ไว้จะทะยอยลงประวัติที่ค้นคว้าเเละไปเเต่ละสถานที่ให้ฟังเเละเเย้มนิดๆว่า
    เเสดงความยินดีกับคนภาคกลางว่าวัดสายตรงหลวงพ่อทวดอยู่ใกล้จังหวัดกรุงเทพก็มี

    อาจเป็นมิติใหม่ของการเรียนรู้พระประวัติสมเด็จพระราชมุณีหรือหลวงพ่อทวด รวมทั้งหลักธรรมของท่านที่ท่านทิ้งไว้ให้คิดเเต่ละสถานที่นอกจากคำว่า ท่านเป็นพระนิรันตราย

    ปล.ประวัติทั้งหมดได้จากการค้นคว้าทางหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งเอกสารเเละวัตถุรวมทั้งไปสถานที่จริงประกอบกับการสัมภาษณ์ชาวบ้านคติความเชื่อเเละตำนานต่างๆเข้าด้วยกัน

    คนวังหน้า
    <!-- / message -->
     
  3. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    วัดที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อทวดที่ใกล้กรุงเทพก็คือ

    วัดเเค ราชานุวาส ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดอยุธยา

    หลวงพ่อทวดได้มาพำนักเพื่อศึกษาพระธรรมก่อนไปตอบปัญหาธรรมที่โด่งดังสมัยนั้น
    ปัจจุบันมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์อยู่คือกุฏิอิฐสมัยอยุธยาเเละที่วัดยังมีการขุดพบกระเบื้องลายเทพพนมเเละพระสมัยอยุธยาอีกด้วย

    วัดตอนนี้กำลังพัฒนาปรับปรุงสถานที่ให้สมพระเกียรติเเห่งองค์หลวงพ่อทวดอยู่ถ้าอย่างไรเสียไปกราบท่านกัน

    ทั้งใกล้กรุงเทพเเละสายตรงที่สุด เเน่นอน
    ไม่ต้องไปไกลถึงปัตตานี
    <!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  4. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    นั่งสมาธิไม่เห็นนิมิตอะไร..ทำอย่างไรดี?

    บางคนเคยกล่าวว่า นั่งสมาธิเเล้วไม่เห็นนิมิตอะไรเลย
    บางคนนั่งมาเป็นสิบปีไม่เห็นอะไรเลย
    บางคนนั่งเเล้วอยากจะเห็นอย่างเดียว
    บางคนนั่งเเล้วเห็นนิมิตกลับสงสัย
    บางคนนั่งเเล้วเห็นนิมิตเเต่กลับไม่ได้ข้อคิดอะไรหรือธรรมอะไรจากนิมิตเลย
    บางคนนั่งเเล้วเห็นนิมิตเเล้วยิ่งทำให้ตัวเองหลงตัวเอง
    จริงๆเเล้วการนั่งสมาธิจุดประสงค์เพื่อความสงบมากกว่าไม่จำเป็นต้องเห็นนิมิตอะไรเลย
    บางคนบอกว่านั่งสมาธิเเล้วจิตใส เเต่พอหลังออกจากสมาธิเเล้วก็กลับเป็นนิสัยเดิมๆ
    ฉะนั้นการทำสมาธิสามารถทำได้ไปเรื่อยๆอย่าอยากเห็นนิมิตอย่าอยากส่งจิตไปดูโน่นดูนี่พระโบราณจารณ์บอกว่าให้ดูกายดูจิตเรานี้เเล...

    <!-- / message -->
     
  5. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    พระที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกลืม
    ก่อนที่จะให้ทุกคนเดากันไปหลายคนอาจจะเดาเป็นพระสงฆ์หลวงปู่องค์ดังๆที่สร้างพระเครื่องนิรันตรายบ้างที่สร้างพระเมตตามหานิยมบ้าง บางคนอาจจะเดาว่าเป็นพระพุทธรูปที่เก่าเเก่ที่มีคนบนบานศาลกล่าวบ้าง เเต่ที่ผมจะพูดถึงนั่นคือพระในบ้าน

    พระในบ้านที่เเก่ๆที่คนหลายคนอาจลืมมัวเเต่ไปหาพระดังๆหลายคนไปอุปฐากพระสงฆ์ดังๆจนลืมพระพ่อพระเเม่ พระที่ศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวมานี้คงจะไม่เกินเลยไปนักเพราะพระพุทธเจ้าพระองค์ท่านสรรเสริญคนที่มีความกตัญญูด้วยเช่นกัน

    เเละให้เห็นภาพระยะเวลาใกล้ๆกว่านั้นคือการไหว้ห้าครั้งที่สมเด็จเมืองชลที่ท่านนำมาเผยเเพร่บอกศิษย์ของท่านก็มีการกราบระลึกถึงคุณของพ่อเเม่ไว้ด้วย

    บางคนไปทำสังฆทานกับพระบางคนไปปรณนิบัติกับพระสงฆ์อย่างดีเเต่พ่อเเม่ในบ้านนั่งอยู่อย่างเดียวดายไม่เคยเลยที่จะทำบุญกับพระในบ้าน

    ถ้าจะให้ดีให้เริ่มทำบุญกับพระในบ้านก่อนน่าจะดีไม่ใช่น้อย
     
  6. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ศิษย์วงใน.........ศิษย์วงนอก

    มีคำกล่าวคำว่าศิษย์วงใน ในหมู่ศิษย์เองที่สถาปนาตนเองที่มีโอกาสดีที่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ของเขาเหล่านั้น ทำให้หลายคนเกิดความคิดในเรื่องเเบ่งชนชั้น ซึ่งใครๆหลายคนรับรองว่าคงอยากเป็นศิษย์วงในกันทั้งนั้นเพราะดูเหมือนคำๆนี้จะเป็นที่ถูกจริตกับบรรดาคนที่เป็นเเฟนพันธ์เเท้ของอาจารย์ตนเองทั้งหลาย เเละเกจิอาจารย์หลายท่านก็มีเลขาส่วนตัวซึ่งหน้าที่ปกติควรจะอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ศรัทธาเสมอภาคกันเเต่หลายท่านกลับกีดกันกันท่าก็มี

    กลับมาถึงเรื่องสมัยพุทธกาลคงทราบดีว่าพระพุทธองค์มีพระเลขาคือพระอานนท์ซึ่งพระพุทธเจ้าเองทรงตรัสสรรเสริญว่าพระอานนท์เป็เลิศด้านการอุปฐากเเละรู้กาลเวลา

    เเต่สมัยนี้ทำไมเราถึงไม่ค่อยเห็นอย่างพุทธประวัติ

    หลวงพ่อทวดท่านเคยบอกกับบรรดาคนที่เคารพรักท่านว่าค่าไม่มีศิษย์วงในวงนอกหรอกทุกคนที่เชื่อฟังปฏิบัติตามธรรมที่ท่านสอนท่านบอกว่านั่นเเหละศิษย์ท่านเเละท่านยังบอกอีกว่า ท่านสอนให้เราเป็นครูคนไม่ได้สอนให้เราเป็นลูกน้อง หมายความว่าท่านอยากให้เราสามารถสอนสิ่งดีกับคนอื่นได้

    บางคนเเบ่งสายครูบาอาจารย์ ฉันสายหลวงพ่อ..ฉันสายหลวงปู่.. ฉันสาย...
    บางคนบอกว่าอาจารย์ฉันเก่งสุดเก่งกว่าใคร
    บางคนบอกฉันนี่เเหละสายตรง...ทางอื่นๆผิดหมด

    ท่านปัญญาชนทั้งหลายคงจะรู้คำตอบเเล้วโปรดทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ
    <!-- / message -->
     
  7. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ความอ่อนน้อมถ่อมตน
    (เอ็งเก่งข้าเก่ง......)

    ท่านเคยมีอาการนี้หรือไม่


    เห็นนิมิตเเล้วดีใจเเล้วคุยไปอีกสิบวันเเต่หลังจากนั้นไม่เห็นอีกเลย

    ชื่นชมครูบาอาจารย์อย่างมากเเล้วนำมาเปรียบกันว่าสายนี้ดีกว่าสายนั้นดีกว่า

    ท่านเคยหรือไม่
    ที่บอกว่าศิษย์เก่าศิษย์ในศิษย์ใกล้ชิด ส่วนเเกศิษย์ใหม่ศิษย์นอก
    ส่วนฉันศิษย์เอก ศิษย์..............เเต่จะมีใครรู้บ้างว่าหลวงพ่อทวดท่านบอกว่าเอ็งไม่ต้องเป็นศิษย์เอกศิษย์วงในใกล้ชิดข้าหรอกข้าสอนให้เอ็งเป็นอาจารย์คนสอนให้เป็นผู้นำไม่ได้สอนให้เอ็งเป็นลูกน้อง


    บางคนประมาทเนื่องจากสามารถจับพลังพระได้เเทนที่จะศรัทธาเเล้วปฏิบัติกับนำไปจับพลังพระเเบบไร้สาระเเห่งธรรมเเทนที่จะศรัทธาเเล้วเกิดวันหนึ่งจับพระเเล้วไม่มีพลังจะจิตตกหรือไม่หลวงพ่อดู่ท่านให้จับเพื่อเพิ่มศรัทธารู้เเล้วละวาง

    อย่าได้หยิ่งยโสหากท่านปฏิบัติไปเเล้วมีเจโตรู้ใจคนเพราะนั้นยังเป็นโลกียฌาณมีได้เสื่อมได้

    หากทำได้คุณวิเศษอะไรบางอย่างเเต่เที่ยวไปวิจารณ์เพ่งโทษคนอื่นอยู่โปรดได้สติเเล้วคิดว่าได้พิจารณากายเเละจิตตนเเล้วหรือยัง

    อย่าอวดดีจึงได้ดีจำไว้ให้เเม่น คนเก่งเเล้วอวดตนยกตนข่มท่าน คงไม่มีใครชอบหรอก

    เราต้องนอบน้อมครูบาอาจารย์

    อาจารย์ที่ดีของผมไม่ต้องเก่งเเต่ต้องเป็นคนดี
     
  8. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    คนฉลาดของหลวงปู่เเละเก่งที่น่านับถือ

    คนเก่งคือคนที่เห็นนิมิตเยอะจริงหรือ
    คนเก่งคือคนที่รู้ใจคนจริงหรือ

    คนเก่งคือคนที่มีวิชชาเยอะๆหรือ
    คนเก่งคือคนที่เหาะได้หรือ
    คนเก่งคือคนที่พูดเก่งเเละโน้มน้าวใจคนเก่งหรือ
    คนเก่งคือคนที่..........

    คนเก่งของหลวงปู่
    ท่านบอกว่า
    เมื่อไรที่เอ็งปฏิบัติธรรมเเล้วนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเเก้ทุกข์ด้วยอริยสัจเเล้วปราศจากทุกข์ได้เมื่อนั้นเอ็งเก่งเเละปฏิบัติธรรมเป็น

    ส่วนคนฉลาดคือ.........<!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  9. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    พระที่ขลัง......เป็นอย่างไร

    บางคนคิดว่าพระขลังต้องมวลสารดี พิธีเด่น เกจิเเน่ในที่นี้ทุกคนคงคิดว่าพระจะขลังเป็นเเน่เเท้เเต่ผมว่าไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเเม้มวลสาร การอธิษฐานจิตจากพระ...เเล้วคิดว่าสูงเเล้วเเต่พระที่สำคัญที่สุดหาใช่วัตถุดังกล่าวไม่เพราะพระสำคัญที่สุดคือพระจิตพระใจโดยมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณพระบิดาคุณพระมารดาเเละคุณครูอุปฌาอาจารย์ นี่ต่างหากที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เเละสรรเสริญคนที่กตัญูเเละรู้คุณคนทำอย่างไรที่เราเสกตนให้เป็นพระทำอย่างไรให้ใจเราสูงเหมือนวัตถุมงคลที่เราได้รับที่เราใฝ่หาทำอย่างไรเราจะได้วิญญาที่มีจิตถึงพระรัตนตรัยคนที่เสกพระดีที่สุดคือคนห้อยหรือคนรับพระคนห้อยต้องเสกพระเองเสกทุกวันตลอดเวลานั่นคือเสกตนให้เป็นพระให้มีใจเป็นพระนั่นเอง

    ฝากไว้ให้คิดพิจารณา
    <!-- / message -->
     
  10. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    คนเราลางเนื้อชอบลางยา

    บางคนชอบทำสมาธิเเบบยุบหนอพองหนอ
    บางคนพุธโธ

    บางคนสัมมาอะระหัง
    บางคนก็เพ่งกสิน
    บางคนก็นึกองค์พระ
    บางคนตั้งจิตไว้ที่ฐาน

    บางคนบอกว่าตัวเองฝึกสมถะ
    บางคนบอกว่าตัวเองไม่ฝึกสมถะหรอกฝึก
    วิปัสสนาดีกว่า

    บางคนฝึกกายเบาจิตเบา
    บางคนฝึกเเบบความว่างเป็นอารมณ์

    บางคนเห็นนิมิตก็ว่าตนดี บางคนว่าไม่เห็นดีกว่า
    บางคนว่าเคยคุยกับพรหมกับเทวดา
    บางคนได้ท่องวิมานชั้นฟ้าเเละนรกอเวจี
    บางคนว่าอย่างโน้นอย่างนี้สารพัดจะพูดจะกล่าว


    สรุปเราปฏิบัติเเล้วเราได้อะไรจากการปฏิบัติ
    มีความสุขมีความพอดีหรือไม่
    อย่าไปพูดกันถึงนิพพานเลย(สำหรับผม)ให้ดูว่านำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันหรือเปล่าถ้าปฏิบัติได้ดีจริงชีวิตของฆราวาสวิสัยย่อมเป็นสุขเเละเเก้ไขปัญหาชีวิตด้วยปัญญาจากการปฏิบัติ
     
  11. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    รอยเท้าหลวงปู่.........

    อันว่ารอยเท้าของครูบาอาจารย์นับว่าเป็นที่เคารพต่อมนุษย์เเละเทวดาทั้งหลายเเละเป็นที่ชื่นชม ชื่นใจ ปีติใจ เเก่คนทั้งหลาย


    เเต่หลายคนกับคลางเเคลงสงสัยในสิ่งที่อจินไตยเหล่านั้น
    อาทิรอยพระพุทธบาท...........

    สิ่งที่น่าคิดคือปัจจุบัน
    ไม่มีพระพุทธรูปใดที่ทันพระพุทธเจ้าเเต่เรากราบท่านได้สนิทใจ
    ไม่มีวัตถุมงคลที่ทันพระพุทธเจ้าเเต่เราก็เคารพสุดหัวใจ
    ไม่มีสิ่งใดเเทนพระพุทธเจ้านอกจากธรรมอันเป็นพระสัจธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีเเล้ว

    หลวงพ่อทวดเช่นกันไม่มีใครเคยเห็นทันตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่เพราะท่านเกิดสมัยอยุธยา
    ............

    มีคนพยายามดั้นด้นไปกราบพระบาทของท่านเเต่
    กลับชื่นใจ
    มีหลายคนประสบความสำเร็จจากการที่มีปัญญาเห็นว่านอกจากรอยเท้าธรรมดาที่เกิดขึ้นเเล้วมีคติธรรมมากมายที่เกิดขึ้น

    เคยคิดกันบ้างหรือไม่ที่เรากราบรอยเท้าครูบาอาจารย์กราบได้เพราะอะไร
    เนื่องจากเท้าคืออวัยวะส่วนที่ต่ำที่สุดเเต่ที่เรายินดีเเละปีติใจที่กราบเท้าท่านเพราะท่านมีคุณธรรม

    ทำอย่างไรละเมื่อจะไปกราบรอยพระบาท
    จะได้ไม่กราบได้เพียงรอยเท้าบนก้อนหินเเต่ท่านจะได้กราบรอยเท้าอันยิ่งใหญ่นั่นคือคุณธรรมภายในหรือก็คือรอยเท้ารอยปฏิปทาที่ท่านพาดำเนินให้ทำ

    คิดให้ดีคิดให้ออกท่านจะได้อะไรมากกว่าการกราบพระบาทที่ผ่านมา

    ท่านจะได้มีกำลังใจสร้างบารมีสมกับเป็นศิษย์
    หลวงพ่อทวดพระผู้เป็นดวงใจ
    <!-- / message -->
     
  12. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ปัญหาที่ข้าพเจ้าสังเกตว่าเกิดขึ้นในหมู่ชนที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม และพวกที่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์มากจะมีปัญหาดังต่อไปนี้
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    1.ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของครูบาอาจารย์ ทำให้เกิดปัญหา<O[​IMG]</O[​IMG]

    -เกิดความคุ้นเคยและเกิดการล้อเล่นทำให้กลายเป็นปรามาศครูบาอาจารย์ไป<O[​IMG]</O[​IMG]
    -จัดการทุกอย่างที่เป็นตัวท่าน ไม่ว่าจะเป็นการ กันไม่ให้เข้าพบครูบาอาจารย์บ้างแม้จะเป็นความหวังดีต่อครูบาอาจารย์บ้าง ทำให้ผิดใจกับศิษย์คนอื่นๆ ทำให้ใจขุ่นมัวแทนที่รับใช้ท่านจะได้บุญบางทีเลยบาปไป
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    2.ทำไมยิ่งปฏิบัติธรรมแล้วครอบครัวบางครัวทำให้เกิดความ แตก แยก <O[​IMG]</O[​IMG]
    -เกิดเนื่องจากการไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัวและที่สำคัญบางครั้งอาจจะเป็นการปฏิบัติโดยตึงเกินไป<O[​IMG]</O[​IMG]
    -เชื่อแน่ว่าคนพวกที่ยิ่งทำบุญหรือยิ่งปฏิบัติ และทะเลาะกับครอบครัวคนพวกนี้จะไม่ก้าวหน้าในทางธรรมเพราะระหว่างปฏิบัติอดคิดอดเครียดเรื่องทางบ้านไม่ได้ฉะนั้นการปฏิบัติจึงไม่ก้าวหน้า เท่าที่ควรจะเป็น

    <O[​IMG]</O[​IMG]
    3.บางคนเข้าใจแต่ว่าการทำบุญนั้นใช้แต่เงินอย่างเดียวมีรายหนึ่งกู้เงินเพิ่งจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อ แม่ครูบาอาจารย์ แล้วตัวเองเป็นหนี้เกิดความทุกข์อย่างนี้แสดงว่าไม่พอดีจึงเกิดทุกข์อีกรายหนึ่งทำบุญในเนื้อนาบุญที่ดี แต่ทว่าญาติพี่น้องไม่เห็นด้วย ก็ยังจะทำ ส่วนพี่น้องตนก็ปรามาศครูบาอาจารย์ไปอย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้ เราต้องอธิบายด้วยอรรถด้วยธรรมให้เขาเข้าใจเสียก่อน หรือว่าที่เขาเตือนเพราะกลัวเราหลงบุญ บ้าบุญ ทำเยอะๆได้บุญเยอะอย่างนี้มันก็ไม่ถูกสะทีเดียว การทำบุญใจเราต้องปีติด้วย<O[​IMG]</O[​IMG]

    4.เป็นอาการที่พบบ่อยมากที่สุดคือ เรียกตนเองว่า ปฏิบัติมาหลายปีถึงขั้นโน้นขั้นนี้<O[​IMG]</O[​IMG]
    แต่กิเลสยังไม่ได้ลดลงเลย ยกตัวอย่างเวลาหลับตาใจผ่องใสมากๆเย็นกายเย็นใจบอกคนอื่นว่าละโกรธได้แล้วแต่พอมีอารมณ์มากระทบก้อโกรธอีกเหมือนเดิมไม่ได้ลดน้อยลงเลย แสดงว่า ต้องกลับไปพิจารณาตนเองใหม่ว่าจิตเดิมนั้นเป็นอย่างไรแล้วค่อยๆขัดค่อยๆเกลาให้ประณีตขึ้น จน กว่าจะจิตละเอียด จิตมีสติตามรู้เท่าทันไม่ใช่ฝึกกันวันสองวัน ฝึกกันปีสองปีแล้วจะได้ต้องว่ากันหลายปีหลายภพหลายชาติแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพยายามของตนเองด้วยเป็นสำคัญ พยายามให้จิตอยู่แต่ในกายตนพิจารณาให้เห็นถึงสภาพสภาวะความเป็นจริงในขณะนั้น นั่นแหละสุดยอดของการฝึกจิตแล้วแหละ มองกาย มองจิตและ มีสติ แล้วพิจารณาให้เกิดปัญญาแก้ไขปัญหาไม่ว่าทางโลกทางธรรมได้หมด ไม่ใช่บอกว่าเก่งสมาธิแต่ยังแก้ปัญหาจากการงานไม่ได้ แสดงว่า ไม่ได้ใช้ปัญญาในการมาแก้ไขชีวิตประจำวันเลย <O[​IMG]</O[​IMG]

    สรุปแล้วถ้าอยากเป็น แบบคำพูดที่ว่า ปฏิบัติธรรมแล้วร่มเย็นครอบครัวอบอุ่นการงานดี จิตผ่องใส ลูกๆหลวงปู่ต้องดูหลวงปู่ท่านเป็นตัวอย่างท่านเดินสายกลางในชีวิตสมณเพศของท่านอย่าง แท้จริงอย่าให้ตึงหรือหย่อนไปเท่านั้นก็พอข้อสังเกตง่ายๆว่าเราทำสิ่งต่างๆแล้วพอดีหรือไม่ให้ดูว่าเราเป็นทุกข์หรือไม่ กังวลหรือไม่ ไม่สบายใจหรือไม่ ก้อต้องกลับมาพิจารณาและมาปรับว่า อันไหนน้อยไปให้ทำให้มากขึ้น อันไหนมากไปต้องทำให้ลดลง คือทำให้พอดีนั่นเองนั่นแหละทางสายกลางถ้าอยู่ในขอบเขตที่ดีงาม

    <O[​IMG]</O[​IMG]
    5.ทำงานช่วยวัดเป็นประจำแต่ทำไมใจยังขุ่นมัว <O[​IMG]</O[​IMG]
    เนื่องจากภาระที่เราเป็นหน้าที่นี่เองเปรียบเหมือนบ่วงหมือนกันคือหมายความว่าเมื่อทำงานให้วัดแล้วเหนื่อยกายเมื่อเหนื่อยกายแล้วก็พาลไปทะเลาะกับคนรอบข้างที่วัดพูดไม่เข้าหูบ้าง ความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แล้วก็ไม่มีเวลาปฏิบัติ แล้วถามท่านทั้งหลายหน่อยว่าท่านได้อะไรกลับมาสู่ใจท่านบ้างหลังจากไปวัด ฝากท่านทั้งหลายช่วยคิด<O[​IMG]</O[​IMG]
    <!-- / message --><!-- edit note --><!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  13. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ทำความดีเเล้ว...ท้อใจทำอย่างไรดี?

    หลายท่านเคยเป็นบ้างไหมที่ทำความดีเเล้วท้อใจ
    ท้อใจเพราะคิดว่า
    เราทำดีเเล้วทำไมความดีไม่ตอบเเทนเรา
    เราทำดีเเล้วทำไมคนอื่นถึงวิจารณ์ในทางเสียหาย
    เราทำดีเเล้วความดีถึงไม่ปรากฏ
    เราทำดีเเล้วทำไมถึงเป็นที่เพ่งเล็งเเละเป็นที่หมั่นไส้ของผู้อื่น
    เราทำดีเเล้วทำไม.........

    คำตอบคือ........

    วิธีเเก้ไขตอบง่ายเเต่ทำยากคือทำดีไปเรื่อยๆไม่ต้องคิดอะไรว่าผลจะดีหรือเป็นอย่างไรทำดีเเละไม่เดือดร้อนตนเองเเละผู้อื่นเป็นใช้ได้
    <!-- / message -->
     
  14. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]

    หลวงพ่อดู่ท่านเกี่ยวกับหลวงพ่อทวด สาเหตุที่บอกว่าเกี่ยวได้เต็มปากเนื่องจากได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่หลวงพ่อดู่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อทวดที่คนหลายคนได้ยินจากปากของหลวงพ่อดู่เอง

    อาทิ


    พวกเเกเดินข้ามไปข้ามมาจะข้ามหัวหลวงพ่อทวดเเล้วยังไม่รู้อีกเหรอ

    พวกเเกนะรู้มั้ยว่าช้างยังรู้เลยว่าหลวงพ่อทวดคือใคร

    มีคนบอกว่าข้าจะสำเร็จระหว่างต้นไม้สองต้น

    เรื่องข้าบางทีมันพูดไปดีไม่ดีเขาจะไม่เชื่อจะพากันปรามาสเป็นบาปกรรมกันได้อย่าพูดไป

    หลวงพ่อบุดดาพระอรหันต์เเห่งวัดกลางชูสีเจริญ
    มาหาหลวงพ่อดู่เเล้วบอกว่า ที่คุณตั้งใจหนะสำเร็จเเน่ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

    หลวงพ่อเกษม บอกว่า หลวงปู่ดู่เป็นพระใจเพชร

    พ่อท่านจำเนียร เจ้าสำนักต้นเลียบที่ฝังรกหลวงพ่อทวดที่ล่วงลับเคยได้สัมผัสภาพเเละรูปเหมือนหลวงพ่อดู่ท่านกล่าวว่า

    หลวงพ่อองค์นี้ต่อไปท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระศรีอาริยเมตไตร


    พ่อท่านนอง วัดทรายขาว ศิษย์ผู้น้องอาจารย์ทิม วัดช้างให้
    ท่านกล่าวถึงหลวงพ่อดู่เมื่อมีคนเอารูปให้ท่านพิจารณา ว่า พระองค์นี้เก่งสามารถอัญเชิญหลวงพ่อทวดให้อยู่กับท่านตลอดเวลาได้

    หลวงพ่อดู่ท่านเคยกล่าวกับศิษย์ใกล้ชิดว่า
    พวกเเกหนะโชคดีทำบุญกับข้าได้สองศาสนา(ผมเเปลความหมายเองว่าท่านหมายถึงศาสนาสมณโคดมเเละพระศรีอาริยเมตไตร)

    หลวงพ่อดู่ท่านเคยถามศิษย์ใกล้ชิดว่า

    เเกรู้ไหมว่ามีคนบอกว่าหลวงพ่อทวดไปหลอกเขาโดยหลอกให้เห็นตัวเป็นหลวงพ่อทวดหัวเป็นข้า เเละตัวเป็นข้าเเต่หัวเป็นหลวงพ่อทวดเเกว่าอย่างไร


    หลวงพ่อดู่ท่านเองมีลักษณะการห่มจีวรวัตรปฏิบัตรคล้ายหลวงพ่อทวดรวมทั้งการสร้างวัตถุมงคลที่คนทั่วไปมักจะเรียกว่า ทวดดู่ ที่มีพุทธคุณดุจ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้เลยทีเดียว

    หลายครั้งจนถึงปัจจุบันที่มีผู้ถ่ายภาพหลวงพ่อดู่ปรากฏเป็นฉัพพรรณรังสี ซึ่งมีบุคคลอย่างเดียวที่ปรากฏได้คือพระโพธิสัตว์เจ้าที่บารมีสูงมากๆหรือพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง

    หลวงพ่อดู่ท่านเองบอกว่าท่านไม่ได้หวังเป็นนายสิบท่านเองหวังเป็นนายร้อยท่านบอกว่าคนอย่างข้าต้องหักยอดฉัตรจึงสมใจ นั่นบ่งถึงความปรารถนาพระโพธิญาณของท่าน



    หลวงพ่อดู่เป็นพระที่ดีไม่เคยอวดตัวว่าท่านเป็นใครยกเว้นกับศิษย์ใกล้ชิดเท่านั้นเองที่ท่านเปิดเผยเเย้มให้ทราบเเละเกสาเเละอัฐิธาตุท่านเป็นพระธาตุเเสดงถึงจตอันบริสุทธิ์ของท่านเเละท่านเองยังบอกว่าข้าภาวนาตลอดเเต่ตื่นเช้าถึงเข้านอนเเละข้าอธิษฐานให้พวกเเกตลอดเวลา
    เอ็งคิดถึงข้าข้าก็คิดถึงเเก เเกไม่คิดถึงข้าข้าก็คิดถึงเเก
     
  15. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    เปิดเผยความลับกว่า30กว่าปี

    ข้อมูลจากศิษย์หลวงพ่อดู่ท่านหนึ่ง

    ก่อนหน้าสมัยหลวงพ่อดู่ยังอยู่ท่านเองไม่เคยเปิดเผยตัวเองหรือทำตัวเป็นเกจิขลังเเต่อย่างใดเมื่อใครมาถามเสมือนหนึ่งลองภูมิท่านๆเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นท่านบอกว่าขืนบอกไปว่ารู้ก็รังเเต่จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น

    ศิษย์เก่าเเก่ของวัดสะเเกกว่าสามสิบปีปัจจุบันอายุหกสิบกว่าๆท่านได้บอกเล่าเเละยืนยันด้วยหัวใจว่า

    ป้าเองได้กราบหลวงพ่อดู่เสมือนหนึ่งกราบหลวงพ่อทวดเพราะป้าเชื่อว่าหลวงพ่อดู่คือหลวงพ่อทวดองค์เดียวกันเพราะป้าเองได้ยินมากับหู

    เเต่ป้าไม่กล้าพูดเพราะใครไม่เชื่อจะพากันปรามาศเเละบาปไปปล่าว
    ป้าเล่าว่าก่อนหลวงปู่สิ้นท่านฝากวัดเอาไว้ท่านว่า เอ็งอย่าทิ้งวัด ให้ดูเเลด้วย

    ตัวป้าเองเคยมาใต้มากราบพ่อท่านเนียน วัดต้นเลียบ
    (วัดที่ฝังรกหลวงพ่อทวด)
    เเละได้ยินกับหูว่า

    หลวงพ่อองค์นี้ในรูป(หลวงปู่ดู่)จะได้เป็นพระศรีอาริยเมตไตร........ตะลึงกันทั้งคณะที่ไปเพราะไม่คิดฝันว่าจะออกจากปากพระปักษ์ใต้ที่คนเเถวนั้นเชื่อว่าสามารถประทับทรงหลวงปู่ทวดได้

    เเต่ป้าว่าเรื่องนี้พูดมากไม่ได้เเต่ก็ต้องพูดบ้างว่า
    ลูกศิษย์หลวงปู่โชคดีให้นึกถึงหลวงปู่จะได้ไปเจอพระศรีอาริยเมตไตรป้าเชื่ออย่างนี้นะ
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  16. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    เเปลกเเต่จริงเเละเรื่องน่าคิด

    หลวงพ่อดู่ท่านเป็นคนอยุธยาอุปัชฌาเป็นถึงเกจิที่ทรงอภิญญาทรงเวทสรรพวิทยาคมเเต่ตามประวัติ

    ท่านเองเหมือนจะศึกษากรรมฐานกับอาจารย์เเต่ทว่า

    หลวงพ่อดู่ไม่มีใครสอนท่านท่านเรียนของท่านเองจริงๆ

    มีนักเขียนนามอุโฆษได้เขียนเขียนถึงเรื่องหลวงพ่อดู่ว่าสร้างพระเครื่องหลวงพ่อทวดปี2485ก่อนหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ปี2497เสียอีก(ยังไม่สอบถามข้อเท็จจริง)เเต่ที่มีหลักฐานคือท่านสร้างหลวงพ่อทวดตั้งเเต่ประมาณปี2510เเล้วถ้าจำไม่ผิดถ้าผิดขออภัย

    น่าเเปลกใจไหมเพราะท่านน่าจะมาในสายของวัดประดู่ในทรงธรรมมากว่าที่จะเผยเเพร่หลวงพ่อทวดเพราะยุคนั้นหลวงพ่อทวดดังในปักษ์ใต้เเต่ภาคอื่นๆคงนำหลวงพ่อทวดมาเล่นปาหี่มาโชว์เเสดงกับงูเเละนำพระมาเร่ขายเท่านั้นเเปลกที่ท่านยึกหลวงพ่อทวดมาเผยเเพร่ที่จริงน่าจะเป็นเผยเเพร่หลวงพ่อกลั่นมากกว่า

    หลวงพ่อดู่ท่านเองมีวิชชาตั้งหลายอย่างเเต่ภายหลังท่านคงภาวนาว่าพุทธังสรณัง ธัมมัง สังฆัง.....
    ท่านเกือบจะทิ้งสรรพวิชชาหลายอย่างไปเสียหมด

    เเละ

    พระคาถาหลวงพ่อทวด
    นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะอิติภควา
    ที่มามาจากการขุดพบหม้อบรรจุเถ้าอังคารหลวงปู่ทวดที่เจดีย์วัดช้างให้เองพบโดยอาจารย์ทิม วัดช้างให้เอง น่าเเปลกที่สมัยนั้นทำไมในเมื่อหลักฐานสำคัญเเต่ไม่มีใครถ่ายรูปเอาไว้ เเละ อีกอย่างคาถานี้กลับมีหลักฐานว่าพระครูบาเจ้าหลวงศรีวิไชย สิริวิชโย ท่านได้จารึกพระคาถาตั๋วเมืองเหนือเอาไว้ที่ดาบสะหลีกัญไชย เอาไว้เมื่อปี2472 ไว้ที่เมืองเหนืออย่างมีหลักเเละฐานที่เเน่นด้วยขอมูลจะจะเเล้ว......น่าคิดไหมว่าเหตุใดพระคาถานี้จึงมีมาก่อนหน้าตำนานวัดช้างให้ หรือว่า.......หลวงพ่อทวดท่านเป็นพระที่ดังมาก่อนหน้านั้นเเต่เหตุใดคำว่าหลวงพ่อทวดไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์ คงมีเเต่คำว่าสมเด็จพระราชมุณีซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากสมเด็จเจ้าพะโค๊ะนั่นเองซึ่งคนคิดว่าเป็นท่านเดียวกัน

    เเละอาจมีหลายท่านสงสัยว่าทำไมในเมื่อถ้าหลวงพ่อทวดกลับชาติมาเกิดเป็นหลวงพ่อดู่จริงเหตุใดจึงมีการประทับทรงปลุกเสกหลวงพ่อทวดเมื่อปี2497ได้

    เมื่อมีหลายคำถามเข้าฉะนั้นโปรดติดตามอ่านนะครับ.........
     
  17. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ศิษย์สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กล่าวถึงหลวงพ่อทวด

    หลวงพ่อโชติ อาภัคโค วัดภูเขาเเก้ว
    กล่าวว่า หลวงพ่อทวดท่านบารมีมากช่วยอาตมาให้เดินได้หลังจากป่วยที่โยมอธิษฐานหนะท่านมาจริงๆเห็นด้วยตาเนื้อนี่เเหละ

    หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดดอนธาตุ ท่านอาจารย์ของหลวงปู่เณรคำ ที่ ศรีษะเกษ
    กล่าวว่า ดนัย เธอโชคดีที่เธอได้เจอพระที่บารมีมากเเละได้ช่วยสร้างบารมีร่วมกับหลวงพ่อทวดท่านเองเป็นพระโพธิสัตว์นะ หลวงปู่เองขอรูปถ่าย(ภาพที่มีเเสงปาฏิหาริย์ขณะมอบพระให้คน)ไว้บูชาที่โต๊ะหมู่ปู่นะท่านเป็นพระหมอรักษาโรค

    พระอาจารย์สังข์ วัดป่าพระอาจารย์ตื้อ เชียงใหม่

    กล่าวว่าเพิ่นหนะบารมีเยอะจริงๆอาตมาเองหลวงปู่เองเพียงเเค่นึกถึงบารมีท่านผ่านมาขนลุกเเต่ปลายขาถึงหัวเลยพระที่เธอให้หลวงปู่ที่ถวายนั้นท่านเองมาทำให้เองเลยทีเดียว

    พระอาจารย์เปลี่ยน วัดป่าอรัญวิเวก เชียงใหม่

    กล่าวว่า หลวงพ่อทวดหลวงพ่อโตท่านเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่


    เมื่อรู้เรื่องที่เเปลกใจที่สุดว่าอาจารย์ของเจ้าคุณนรรัตน์คือหลวงพ่อทวดข้อมูลจากศิษย์หลวงปู่มหาอำพัน บุญหลง
    <!-- / message -->
     
  18. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    คำสอนของหลวงปู่
    หลวงปู่ท่านสอนว่า

    คนเราให้มองกายมองจิตตน ท่านไม่นิยมในการที่เรามองกายมองจิตผู้อื่น


    ท่านบอกว่าจริงๆเเล้วหลักการพิจารณาธาตุสี่ในการสร้างพระเครื่องนั้นหากผู้มีปัญญาสามารถน้อมนำมาพิจารณากายพิจารณาจิตให้เกิดปัญญาในตนเอง


    ท่านบอกว่าคนเราเกิดเป็นคนต้องอดทนถ้าเราอยากได้ดีต้องมีขันติต้องทนในสิ่งที่ทนได้ยากเอ็งถึงจะเป็นยอดคน


    ท่านสอนว่าคนเราเกิดเป็นมนุษย์ต้องกตัญญูตอนท่านอธิษฐานเพื่อชาติบ้านเมืองท่านอธิษฐานพระคุณของเเม่เเละพ่อ


    ท่านสอนว่า การปฏิบัติธรรม ธรรมะเป็นอกาลิโกคือทำได้
    ตลอด เช่นการสวดมนต์ได้ทุกสถานที่ยิ่งดีเหมือนถ้าเรามีสติทุกที่ก็ยิ่งดีเป็นต้น


    หลวงปู่ท่านบอกว่าการสัมผัสพลังงานบางอย่างได้นั้นท่านให้เรารู้เเล้วละวางไม่ให้ยึดติด

    หลวงปู่ท่านไม่ได้สอนให้เราเป็นเทวดา ไม่ได้สอนให้เราเป็นพรหม อย่างเดียวเเต่สอนให้เราเป็นพุทธะคือพระในใจเรา


    หลวงปู่ท่านบอกว่าคนเรานั้นชีวิตนี้สั้นนักให้เราหมั่นทำความดีสร้างบารมีให้มากให้เรานึกถึงการทำดีเพื่อให้สังคมเเละบุญของเราจะตกอยู่ที่ตัวเรา
    ท่านบอกอีกว่าสิ่งที่ข้าสอนเอ็งตอนนี้พวกเอ็งไม่รู้ตอนนี้ เเต่จะไปรู้อีกทีตอนตายไปเเล้ว


    ข้าจะช่วยเอ็งต่อเมื่อเอ็งทำดีเเละไม่มีกรรมหนักจริงๆ
    เวลาหลวงปู่ท่านบอกอะไรทำไมถึงถูกทุกครั้งเพราะท่านมองอย่างฉลาดคือ
    ท่านมองกระเเสรวมของกรรมฉะนั้นไม่มีใครใหญ่เกินกรรม


    หากมีอะไรให้นึกถึงข้าข้าไปช่วยเอ็งทุกที่นั่นเเหละ
    ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาไม่เคยลำบาก เอ็งต้องอดทน

    หลวงปู่ทวดท่านสอนว่า
    เมื่อเรารู้อะไรเเล้วสอนคนอื่น เป็นสิ่งที่ดีเพราะสิ่งที่เอ็งสอนไปนั่นเเหละจะเป็นธรรมที่สอนเอ็งเพื่อพัฒนาตนเองทำสิ่งดีๆเพื่อคนอื่นเเต่คนที่จะได้คือตัวเอ็งเองนั่นเเหละถ้าเอ็งเข้าใจในเหตุเเละปัจจัยเเล้วเอ็งจะเป็นสุขไม่มีทุกข์เพราะเข้าในในเหตุเเละผลของเหตุนานๆไปเอ็งจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด


    หลวงปู่ท่านสอนว่าเวลาทำความดีเราทำไปเรื่อยๆเเละไม่ต้องท้อเเท้เวลามีปัญหาในชีวิตใช้สิ่งที่เอ็งสอนคนอื่นนั่นเเหละมาเเก้ไขที่ตัวที่ตนเอ็งเเล้วเอ็งจะพ้นจากทุกข์นั้น บางคนเขาอธิษฐานถึงข้าเเล้วไม่สัมฤทธิ์ผลเเล้วหาว่าข้าไม่ช่วยจริงๆเเล้วข้าช่วยเขาเเล้วเเต่มันเป็นวาระกรรมของเขาพวกนี้เขาไม่เข้าใจเรื่องของกรรมใครจะใหญ่เหนือกรรม บางครั้งบางคนพอไม่สำเร็จถึงขั้นปรามาสพระรัตนตรัยเลยก็มี พวกเอ็งระวังให้ดี คนพวกนี้อีกหน่อยจะเยอะ


    หลวงปู่ท่านเคยให้คำกลอนสอนใจไว้ในหนังสือพระประวัติหลวงปู่เองทางนิมิตว่า
    ธรรมช่าววิสุทธิ์เเลผุดผ่อง
    ใช่จิตว่องส่งออกกายนอกเขา
    ให้เอาใจดูจิตที่ใจเรา
    ใช่ใจเขาช่างเทิดจิตนอกกาย


    หลวงปู่ท่านบอกว่าไม่มีใครจะอยู่เหนือกรรมไปได้เเละถ้าเอ็งเข้าใจในเหตุเเล้วเอ็งจะไม่ทุกข์จากผลอันนั้นเลย ตอนนี้ชาติบ้านเมืองกำลังเดือดร้อนถ้าอย่างไรเสียให้เอ็งเผยเเพร่คำสั่งสอนธรรมของพระพุทธเจ้าให้คนเข้ามีจิตใจที่ดีขึ้นด้วย

    <!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  19. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ล็อกเก็ตพระพรหมปัญโญมหาเถระ...อีกหนึ่งสิ่งมงคลแทนองค์หลวงพ่อดู่ วัดสะเเก
    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG][​IMG]
    ล็อกเก็ตพระพรหมปัญโญมหาเถระ สร้างจำนวน108องค์ มีแบบเดียว ด้านหลังล็อกเก็ตบรรจุมวลสารที่เกี่ยวเนื่องด้วยองค์หลวงพ่อดู่พรหมปัญโญและมวลสารทุกรุ่นของคนวังหน้าและบรรจุธาตุขัณฑ์ขององค์หลวงพ่อดู่เอาไว้ด้วย

    ความเป็นมา

    ล็อกเก็ตชุดนี้ไม่มีการประกอบพุทธาภิเษกแต่อย่างใดเนื่องจากไม่ได้จัดสร้างเพื่อจำหน่ายเป็นพุทธพาณิชย์

    เงินที่ทุกคนบริจาคจะนำไปเป็นทุนพิมพ์หนังสือประวัติหลวงพ่อทวด
    ฉะนั้น ล็อกเก็ตนี้จึงเป็นพระของขวัญที่มอบให้กับผู้บริจาคเงินเพื่อจัดพิมพ์หนังสือหลวงพ่อทวดที่รวบรวมใหม่โดยคนวังหน้า เพื่อเป็นค่าจัดพิมพ์หนังสือเพื่อเเจกฟรีกับผู้ที่ศรัทธาในองค์หลวงพ่อทวดซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมความเชื่อประวัติต่างๆที่เกี่ยวเนื่องด้วยองค์หลวงพ่อทวดทั้งหมดเอาไว้ภายในหนังสือเล่มนี้ซึ่งน่าจะเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าของประวัติอันงดงามของสมเด็จพระสังฆราชสองแผ่นดินองค์นี้ไว้

    มวลสารที่จะบรรจุด้านหลังล็อกเก็ตรุ่นนี้
    -เหรียญเม็ดแตงหลวงพ่อทวดที่ผ่านการอธิษฐานจิต
    นับสิบๆพิธีจากพระเกจิสายหลวงพ่อทวดภาคใต้
    -อัฐิธาตุหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ ชิ้นเล็กๆ
    -จีวรหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ
    -ข้าวสารเสกหลวงพ่อดู่ปี2526 ท่านเสกตลอดจน
    มรณภาพ
    -ผงตะไบพระกริ่งยอดฟ้ายอดยิ่งยศ
    -ผงอื่นๆอีกมาก

    บริจาคเงินสร้างหนังสือได้ที่
    คุณอภิชาติ มีจิตร 0852226582

    <!-- / message -->
     
  20. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ข่าวด่วนจะเปิดให้ทำบุญบูชาล็อกเก็ตครั้งสุดท้ายอีกไม่เกิน16วันนับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปหากใครศรัทธาอยากร่วมบุญพิมพ์หนังสือประวัติหลวงพ่อทวดได้ทั้งบุญและของสำคัญของหลวงพ่อดู่รีบๆหน่อยละกันนะครับ
    <!-- / message -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...