คติธรรมของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต<O การตำหนิเตียนผู้อื่นถึงเขาจะผิดจริง ก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเอง ให้ขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนา มาทรมานอย่างไม่คาดฝัน และบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวช ต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง<O ศีลนั้นอยู่ที่ไหน มีตัวตนเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้รักษาแล้ว ก็รู้ว่าผู้นั้นเป็นตัวศีล ศีลก็อยู่ที่ตนนี้ เจตนาเป็นตัวศีลเจตนาคือจิตใจ ร่างกายกับจิตต้องอาศัยซึ่งกันและกัน เมื่อจิตไม่เป็นศีล กายก็ประพฤติไปต่างๆมีโทษต่างๆ ผู้มีศีลแล้วไม่มีโทษจะเป็นปกติแนบเนียน ไม่หวั่นไหว ไม่มีเรื่องหลงหา หลงขอ คนที่หา คนที่ขอ ต้องเป็นทุกข์ ขอเท่าไหร่ยิ่งไม่มี ยิ่งอดอยากยากเข็ญ กายกับจิตเราได้มาแล้ว มีอยู๋แล้ว ได้มาแต่บิดามารดา พร้อมบริบูรณ์แล้ว จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ ศีลก็รีบทำ ศีลมีอยู่ที่เรานี้แล้ว รักษาได้ไม่มีกาล ได้ผลไม่มีกาล ผู้มีศีลย่อมเป็นผู้องอาจกล้าหาญผู้มีศีลย่อมมีความสุข ผู้จะมั่งคั่งบริบูรณ์ ไม่อดยาก ไม่จน ก็เพราะรักษาศีลให้สมบูรณ์ จิตดวงเดียวเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ผู้มีศีลแท้ ย่อมเป็นผู้หมดเวร หมดภัย <O พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต<O