คำบอกเล่าของหลวงปู่มั่นเรื่องประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สยาม, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. สยาม

    สยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +153
    คำบอกเล่าเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต จากปกิณกธรรม ในหนังสือรำลึกวันวาน เขียนโดยหลวงตาทองคำ (ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น) หน้า 141-145 ดังนี้



    พระแก้วมรกต

    <O:p
    เรื่องนี้ อัตถุปัตติเหตุ เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระอาจารย์มั่น พักอยู่วัดป่าบ้านหนองผือ ขณะที่พระอุปัชฌาย์อุ่น (พระครูบริบาลสังฆกิจ (อุ่น อุตตโม) วัดอุดมรัตนาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร) ได้ไปนมัสการฟังเทศน์และได้นำรูปพระแก้วมรกตขนาด 20 นิ้ว เป็นภาพพิมพ์ใส่กรอบไปถวายท่านพระอาจารย์ แต่ดูท่านจะลืมทำความสะอาด เพราะมีฝุ่นจับอยู่ ท่านพระอาจารย์ก็น้อมรับด้วยความเคารพ


    หลังจากท่านอุปัชฌาย์อุ่นลาลงกุฏิไปแล้ว ท่านพระอาจารย์ได้ทำความสะอาด โดยนำผ้าสรงน้ำของท่านฯ มาเช็ดถู ผู้เล่าเอาผ้าเช็ดพื้นเข้าไปช่วยทำความสะอาดด้วย เพราะเห็นว่าผ้ายังสะอาดอยู่ ท่านฯ หันมาเห็นเข้า พูดว่า “อะไรกัน นั่นรูปพระพุทธเจ้าแท้ๆ ยังเอาผ้าเช็ดพื้นมาถูได้” ผู้เล่าสะดุ้งไปทั้งตัว เพราะความโง่เขลาปัญญาอ่อน ท่านฯ ก็เลยทำความสะอาดเอง

    เสร็จแล้วก็มีเพื่อนภิกษุทยอยกันขึ้นไป รวมทั้งท่านอาจารย์วิริยังค์ด้วย ท่านเลยเทศน์ถึงความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต ท่านว่า "พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ฉิบหายด้วยภัยแห่งสงคราม"

    <O:pท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า พระแก้วมรกตหล่อที่ลังกาทวีป ผู้เป็นประธานหล่อคือ พระจุลนาคเถระ เป็นชาวลังกา หล่อเมื่อศาสนาล่วงมาได้ 300 ปี ส่วนแก้วนั้น ท่านเล่าเชิงปาฏิหาริย์ พอเริ่มจะหล่อไม่ได้ตั้งใจจะเอาแก้วมรกต เพราะเป็นของหายาก บอกบุญตามแต่ศรัทธา จะเป็นแก้วอะไรก็ได้ ร้อนถึงพระอินทร์อยู่บนสวรรค์ มาอาสาเป็นช่างหล่อ และพระองค์มีแก้วอยู่ดวงหนึ่ง ขออนุโมทนาเป็นกุศลด้วย พระอินทร์ไม่ได้เป็นช่าง แต่ช่างคือ เทพบุตร ชื่อ วิษณุกรรม ส่วนแก้วก็ไม่ใช่ของพระอินทร์ แต่เป็นแก้วอยู่ในถ้ำจิตรกูฏ หรืออินทสารนี้ละผู้เล่าไม่มั่นใจ

    <O:pท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่า เป็นแก้วหน่อเนื้อพุทธางกูร ประจำภัทรกัปป์ เหลืออยู่ 2 ลูก มียักษ์รักษา พระอินทร์ไปขอแก้วดวงใหญ่ ซึ่งสุกใสกว่าจากยักษ์ตนนั้น แต่ยักษ์ไม่ให้ บอกว่าไม่ใช่ของเจ้า จึงให้แก้วดวงเล็กมา พระอินทร์นำมาหล่อเป็นผลสำเร็จ แต่ยังมีแก้วเหลือค้างอยู่ที่เรียกว่าแก้วก้นเตา เผาอย่างไรก็ไม่ละลาย พระจุลนาคเถระจึงอธิษฐานบรรจุไว้ใต้ฐาน ปรากฏว่าเป็นกระปุกระปะ ไม่เรียบ

    <O:pหล่อเสร็จมีการสมโภช ท่านจุลนาคเถระ ได้อธิษฐานอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน 5 แห่ง คือระหว่างพระขนง 1 แห่ง พระอังสาทั้งสอง 2 แห่ง พระเมาลี 1 แห่ง และพระนาภี 1 แห่ง ท่านฯ ว่าอย่างนี้

    <O:pการเสด็จไปสู่สถานที่ต่างๆ ของพระแก้วมรกตนั้นมีปัจจัย 3 อย่าง คือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา เกิดกลียุคในประเทศนั้น และด้วยความรัก

    ท่านพระอาจารย์เล่าต่อว่า ได้มีการอัญเชิญจากกรุงลังกาสู่นครศรีธรรมราช โดยทางเรือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา นำโดยเถรเจ้าป่า (คำว่า เถรเจ้าป่า หมายความถึง พระกัมมัฏฐานที่ชอบออกปฏิบัติภาวนาอยู่ตามป่าเขา) อยู่นครศรีธรรมราชก็ไม่ได้กำหนดว่านานเท่าไร ต่อจากนั้นจึงอัญเชิญไปสู่นครวัด นครธม ประเทศเขมร เพื่อเผยแผ่พระศาสนา นำโดยเถรเจ้าป่าอีกนั่นแหละ

    <O:pจากนครวัด นครธม สู่กรุงจันทบุรีศรีสัตตนาคนหุต (ประเทศลาว) ปัจจุบันคือเวียงจันทน์สาเหตุเกิดกลียุคแย่งราชสมบัติเถรเจ้าป่าท่านเห็นว่าพระแก้วจะไม่ปลอดภัย จึงได้เอาผ้าห่อแล้วบรรจุลงในบาตร (คงจะเป็นบาตรขนาดใหญ่) เพื่ออำพรางผู้ทุศีลไม่ให้แย่งชิงไป เถรเจ้าป่าองค์นั้น ไปอยู่ที่เวียงจันทน์ก็ไม่มีกำหนดปีเหมือนกัน

    <O:pจากนครเวียงจันทน์ก็ได้เสด็จสู่นครลำปาง และนครเชียงใหม่ ด้วยสาเหตุแห่งความรัก เนื่องจากเจ้าผู้ครองเวียงจันทน์ ได้บุตรเขยเป็นชาวเชียงใหม่ หลังจากนั้นจะนำบุตรีสู่เชียงใหม่ บิดาให้พรบุตรีว่าอยากได้อะไรก็จะให้ บุตรีจึงขอพระแก้วมรกตไปด้วย ด้วยความรักของบิดาก็จำยอมยกให้

    <O:pพอไปถึงลำปาง ช้างที่นั่งไปไม่ยอมไปเอาดื้อๆ จะขับไสอย่างไรช้างก็ไม่ไป ตกลงกันว่าองค์พระแก้วมีพระประสงค์ จะประทับที่ลำปางแน่ พระแก้วก็เลยประดิษฐานที่ลำปางก่อน นานพอสมควรจึงได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านก็ไม่ได้บอกว่ากี่ปี ต่อมาบุตรเขยก็เสียชีวิตลง บุตรีเจ้าผู้ครองนครก็กลับสู่เวียงจันทน์ และนำพระแก้วมรกตกลับมาด้วย จึงประดิษฐานอยู่ที่เวียงจันทน์อีก เป็นครั้งที่สอง

    <O:pท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า ไทยคือลาว ลาวคือไทย เป็นชาติเดียวกัน แต่แต่ครั้งอยู่ราชคฤห์ แต่หนีตายมาคนละสาย มาบรรจบกันที่แม่น้ำใหญ่ๆ 4 สาย คือ แม่น้ำโขง เจ้าพระยา สาละวิน และแม่น้ำตาปี

    <O:pต่อมาเหตุการณ์บ้านเมืองในลาวเปลี่ยนแปลง เกิดกลียุค ราชวงศ์และราชบุตรเป็นศัตรูกัน ราชบุตรมักถูกรังแกใส่ความ ทนไม่ไหว จึงอพยพครอบครัวข้ามโขงมาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง (ปัจจุบัน คือ จังหวัดหนองบัวลำภู) ราษฎรก็ทยอยติดตามมา โดยมีพระตาน้องชายราชบุตรเป็นหัวหน้า ราชวงศ์ยังยกกองทัพมารังแกห่มเหงอีก

    <O:pฝ่ายพระตาและพระวอก็ได้ถอยร่นลงมาสู่ดอนมดแดง คืออุบลราชธานีในปัจจุบันอย่างทุลักทุเล บังเอิญกองทัพทางเวียงจันทน์เสบียงขาดแคลนลง จึงต้องยกทัพกลับ หลังจากนั้นก็ได้ยกทัพมาตีอีกครั้งที่สอง ชาวดอนมดแดงได้ต่อสู้ถวายหัวเต็มกำลังความสามารถ

    <O:pพระตาสวรรคตในสนามรบอย่างสมพระเกียรติ พระวอเห็นท่าไม่ได้การ ได้ให้มาเร็วนำสาส์นขอกองกำลังจากบางกอกไปช่วย สมัยนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ จึงส่งกองทัพม้าเป็นทัพหน้าเดินทางไปก่อน กองทัพหลวงนำโดย สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นแม่ทัพยกตามไป ชาวดอนมดแดงก็มีกำลังใจสู้ถวายหัว พอกองทัพหลวงยกมาถึง กองทัพทางเวียงจันทน์จึงแตกพ่ายกลับไป

    <O:pทั้งทัพม้าศึกและทัพหลวงแห่งบางกอก พร้อมกองอาสาสมัครแห่งดอนมดแดง ก็ติดตามไล่ตีไม่ลดละ จนถึงฝั่งโขง และข้ามโขงเข้ายึดนครเวียงจันทน์ได้ทั้งหมด

    <O:pหลังจากชนะศึกแล้ว ชาวลาวได้ยินยอมพร้อมใจ มอบพระแก้วมรกต และพระบาง ให้มาประดิษฐานที่กรุงเทพฯ นี่คือสาเหตุที่พระแก้วมรกตมาประดิษฐานในประเทศไทย

    <O:pปีนั้นบางกอกเกิดฝนแล้ง โหรหลวงทำนายว่า เพราะพระแก้วและพระบางมาอยู่รวมกันเป็นเหตุ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จึงส่งสาส์นแจ้งไปยังเจ้ามหาชีวิตลาว พระองค์ทรงยินดีรับคืน แต่ให้ส่งไปนครหลวงคือ กรุงศรีสัตตนาคนหุต ไทยได้ทำการสักการะจัดส่งอย่างสมพระเกียรติ ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าอย่างนี้ ตั้งแต่วันพระไปถึงกรุงศรีสัตตนคนหุต ก็เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองหลวงพระบางมาจนบัดนี้

    <O:pท่านฯ ยังเล่าต่อไปว่า เดิมไม่ได้เรียกเมืองหลวงพระบาง เรียก “หลวงพระบ้าง” เพราะว่าทองที่หล่อนั้น เป็นทองหลายชนิด ผู้มีศรัทธาไปร่วมพิธีเททองหล่อนั้น มีทั้งสร้อยทองคำ ตุ้มหูทองคำ กำไลทองคำ เงิน ทองแดง นาถ ทองสัมฤทธิ์ เอาออกมาใส่ลงในเบ้าหล่อ โดยทุกคนก็กล่าวว่า ฉันบ้าง ข้าบ้าง กูบ้าง ข้าน้อยบ้าง เมื่อเป็นพระออกมาก็คงจะมีชื่ออย่างอื่น ชื่ออะไรท่านมิได้กล่าวๆ แต่คนนั้นก็ว่าพระบ้าง คนนี้ก็พระบ้าง ลักษณะชายจีวรบาง แผ่ออกทั้งสองข้าง เป็นแผ่นบางๆ คนภายหลังมาเห็น เลยกลายจากบ้าง มาเป็นบาง จากพระบ้างมาเป็นพระบางไป

    <O:pหลังจากสมเด็จเจ้าพระมหากษัตริย์ศึก ได้เสวยราชย์เป็นรัชกาลที่ 1 แล้ว ได้ยกฐานะบ้านดอนมดแดงขึ้นเป็นเมืองให้ชื่อว่า เมืองอุบลราชธานี ตั้งพระวอเป็นพระวรวงศาธิราชครองเมืองอุบลฯ พระวรวงศาธิราชสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พ้นภัยพิบัติมาได้ จึงได้ประกาศเป็นทางการว่า แผ่นดินฝั่งขวาแม่น้ำโขงทั้งหมดขอขึ้นตรงต่อบางกอก ไม่ขึ้นตรงต่อเวียงจันทน์ ตั้งวันนั้นมาถึงปัจจุบัน ปรากฏอยู่ในแผนที่ประเทศไทยโดยสมบูรณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2010
  2. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    อนุโมทนาครับ
    คุณสยามมีหนังสือรำลึกวันวานของหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ ด้วยเหรอครับ
    ไม่ทราบว่าได้มาอย่างไรตั้งแต่เมื่อไรครับ
    ผมเคยอ่านมาบ้าง แต่ไม่เคยอ่านฉบับเต็มๆ อยากได้ไว้ซักเล่มเหมือนกัน
    ช่วยแนะนำบ้างได้มั๊ยครับว่าจะหาได้จากที่ไหน
     
  3. 90

    90 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +67
    ถ้า ไทย+ลาว เดิมเป็นชาวราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ
    ดังนั้นชาวไทย+ลาว คงต้องเป็นชาวมคธแต่ดั้งเดิม ใช่หรือไม่
    เมื่อภาษามคธคือภาษาบาลี ที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ในการสั่งสอน
    ภาษาบาลีภาษาไทยและลาวก็คงเป็นภาษาเดียวกัน ใช่หรือไม่
    อย่างนั้นศาสนาพุทธก็อยู่กับไทยลาวตั้งแต่แรก ใหนว่ามาจากอินเดีย
    ชักจะงงแล้วซิ อะไรกันแน่
     
  4. Monticha

    Monticha Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2007
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +74
    อ้างอิง# 2 เราได้มาจากการบูชาที่วัดปทุมวนารามค่ะ ถ้าจำไม่ผิด

    ขอความกรุณาท่านผู้มีจิตศรัทธา ช่วยแปลเรื่องพระแก้วมรกตที่หลวงปู่มั่น เป็นภาษาอังกฤษให้ได้ไหมคะ มีเพื่อนชาวต่างชาติ มีศรัทธาในพระแก้วมรกตมาก อยากให้ได้อ่านให้ซึ้งใจแบบเราบ้าง
     
  5. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    เดิมก็มีคนอยู่ที่สุวรรณภูมิอยู่แล้ว มีการติดต่อค้าขาย เชื่อมสัมพันธไมตรี
    ทั้งสืบย้อนขึ้นไปก็เป็นเผ่าพันธ์เดียวกันกับศากยวงศ์ และตั้งแต่พุทธกาล
    เป็นต้นมาก็ยิ่งใกล้ชิดด้วยความเป็นพุทธศาสนิกชนเช่นเดียวกัน

    ครั้นแผ่นดินพุทธภูมิลุกเป็นไฟ ชาวพุทธถูกไล่ล่าฆ่าฟัน ล้างเผ่าพันธุ์
    ชาวพุทธในชมพูทวีปจึงอพยพมาขอพึ่งพาชาวพุทธในสุวรรณภูมิ ที่มี
    ความสนิทสนมสัมพันธ์กันอยู่ก่อนแล้ว

    ฉะนั้นเรียกว่าเป็นชาวมคธเสียทีเดียวอาจไม่ตรงนัก ต้องเรียกว่ามีเชื้อสาย
    น่าจะถูกต้องกว่า
     
  6. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  7. สยาม

    สยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +153
    เรียนคุณ lepus

    หนังสือรำลึกวันวาน ผมสั่งซื้อทางไปรษณีย์จากลูกศิษย์วัดปทุมวนาราม ประมาณ 3-4 ปีได้แล้วครับ ปัจจุบันนี้ก็น่าจะมีจำหน่ายที่วัดฯ นะครับ ลองหาดูครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  8. lepus

    lepus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +1,881
    ขอบคุณคุณสยามและเพื่อนๆ ที่ให้ข้อมูลครับ ว่างๆ คงต้องไปหามาไว้ซักเล่มซะแล้ว เกร็ดประวัติเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้หาอ่านยาก ครูบาอาจารย์ท่านอุตสาห์รวบรวมบันทึกเอาไว้ อ่านแล้วทำให้จิตใจแช่มชื่นดีจัง
     
  9. Lindawee

    Lindawee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +52
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ

    " ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแห่งเรา การเกิดใหม่ของเราไม่มีอีกแล้ว.
     
  10. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    แก้วอยู่ในถ้ำจิตรกูฏ หรืออินทสารนี้ละผู้เล่าไม่มั่นใจ
    ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่า เป็นแก้วหน่อเนื้อพุทธางกูร ประจำภัทรกัปป์

    พระวอพระตาที่มีส่วนในประวัติศาสตร์การอัญเชิญพระแก้วมรกต ประวัติการสร้างเมืองอุบล เป็นต้นบรรพบุรุษของนามสกุลพระราชทาน สุวรรณกูฏ ครับ

    คำยืนยันของลป.มั่นเป็นหลักฐานที่สำคัญได้ดีในประวัติการสร้างเมืองอุบล เมืองนักปราชญ์และแหล่งเผยแพร่พระกรรมฐานสำคัญ ครับ

    สาธุครับ:cool: :) :cool:

    อนุโมทนา สาธุๆๆครับ
     
  11. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    วันนี้ผมไปวัดปทุมฯ มา ร้านภายในวัดบอกว่าหนังสือ "รำลึกวันวาน" หมดไปประมาณ 2 เดือนแล้ว และยังไม่มีการพิมพ์ใหม่ครับ คนขายในร้านบอกว่า หนังสือเล่มนี้ใหญ่และหนาเป็นกระดาษอาร์ตมันอย่างดี เมื่อพิมพ์ครั้งที่แล้ว มีเจ้าภาพเป็นจำนวนมาก เสียดายจัง อุตส่าห์ไปหาดู
     
  12. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    ที่เว็บลานธรรม เคยเห็นมีผู้ศรัทธาตั้งกระทู้พิมพ์เนื้อหาไว้เยอะมาก
    อาจจะทั้งเล่ม ลองเข้าไป search ดูนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...