ทำอย่างไรถึงจะเห็นวิญญาณ (ประสบการณ์ในบ้านผีสิงค์ )

เราอยู่ที่ต่างประเทศได้2ปีแล้ว คือเรางงว่าทำไมไม่เคยเห็นผี ทั้งที่มาอยู่ในบ้านที่มีคนตายโหงต่อหน้าต่อตาเราถึงสองคน ลำพังบ้านหลังนี้ก็เก่ามากอายุเกิน 100 ปี ไฟฟ้ายังเป็นแบบชักเชือก ห้องน้ำก็แบบคอสูงๆสมัยวิคตอเรีย กดชักโครกที ต้องรอครึ่งชั่วโมงคนที่เข้าต่อจึงจะชักได้อีกที ในบ้านนี้มีคนตายต่อหน้าต่อตาเราสองคน คนนึงฆ่าตัวตาย เราเป็นคนพบคนแรกตอนเด็กสาวคนนี้ซึ่งรู้จักกันดีอยู่ระหว่างใกล้ตายและก็ตายไปต่อหน้าต่อตา อาทิตย์ต่อมาพ่อของเด็กผู้หญิงก็ตายเพราะโดนญาติตัวเองฆาตรกรรม บนเตียงในบ้าน และเราก็เป็นคนเห็นระหว่างกำลังจะตายอยู่ด้วยเห็นความทรมานจนวินาทีสุดท้ายอีกเช่นกัน ตอนนี้เราอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียว กับแมว ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ก็อยู่คนเดียว กลางคืนด้วย แต่ตั้งแต่ที่ญาติเราตายไป3เดือนแล้วเราก็ไม่เคยเห็นผี แต่มีแค่คืนแรกที่เด็กผู้หญิงตาย เราได้กลิ่นน้ำหอมของเขาในห้องนอนแบบฟุ้งมากก็เท่านั่น อยากทราบทำไมเราถึงไม่เคยเจอผีของคนที่ตายในบ้านนี้เลย?

 

จะเห็นไปทำไม ถ้าอยากให้บุญเขาก็ให้เลย ไม่ต้องเห็น ถ้าอยากเห็นเพื่อพิศุจน์ ลองดูหลายๆวิธีนะ เเต่ว่าคนที่ไม่มีเซนส์ไม่ค่อยเห็นหรอก เเค่รู่ว่ามีก็พอ

 

วิญญาณ (Consciousness) คือ ความรู้แจ้งอารมณ์ การรับรู้ต่ออารมณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาทางทวารทั้ง 6 (อายตนะ 6) ในวิภังคปกรณ์ แสดงวิญญาณ 6 ไว้ดังนี้คือ

3.1 จักขุวิญญาณ คือการรับรู้ทางตา
3.2 โสตวิญญาณ คือการรับรู้ทางหู
3.3 ฆานวิญญาณ คือการรับรู้ทางจมูก
3.4 ชิวหาวิญญาณ คือการรับรู้ทางลิ้น
3.5 กายวิญญาณ คือการรับรู้ทางกาย (สัมผัส)
3.6 มโนวิญญาณ คือการรับรู้ทางใจ (ธัมมารมณ์)

วิญญาณทั้ง 6 นี้ บางที่เรียกว่า "วิถีวิญญาณ" เพราะมันทำหน้าที่โดยที่เราไม่รู้สึกตัว เช่น เวลานอนหลับ เป็นต้น

คำว่า "วิญญาณ" ในหลักปฏิจจสมุปบาทนี้ หมายถึง การรู้แจ้งอารมณ์หรือรับรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาทางสัมผัสทั้ง 5 และทางใจ เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในสี่ของจิต ( องค์ประกอบ 4 ส่วน คือ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ) คำว่า "วิญญาณ" ในปฏิจจสมุปบาทกับเบญจขันธ์ มีความหมายตรงกัน ความหมายตามนัยนี้ วิญญาณจึงมิได้เป็น "ตัวแทน" หรือ "ตัวการกระทำ" ซึ่งไม่มีสิ่งใดแสดงให้เห็นเป็น "อัตตา" ที่ถาวรออกจากร่างกายล่องลอยไปเกิดใหม่ ดังที่ลัทธิหรือศาสนาอื่นสอน เพื่อให้เกิดความเข้าใจเรื่องวิญญาณในปฏิจจสมุปบาทชัดเจนยิ่งขึ้น จึงควรพิจารณาจากพุทธพจน์ต่อไปนี้

"ดูก่อนผู้มีอายุ จักขุวิญญาณเกิดขึ้นเพราะอาศัยตาและรูป เพราะการประชุมกันของธรรม 3 อย่าง (คือ ตา + รูป + วิญญาณ) จึงเกิดผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา บุคคลเสวยเวทนาอันใด ก็จำจากเวทนาอันนั้น บุคคลจำเวทนาอันใด ก็ตรึงถึงเวทนาอันนั้น บุคคลตรึกถึงเวทนาอันใด ก็จินตนาการสร้างมโนภาพจากเวทนาอันนั้น บุคคลจินตนาการสร้างมโนภาพจากเวทนาอันใด ความคิดเกี่ยวกับมโนภาพอันนั้นก็จะครอบงำบุคคลนั้น ในเรื่องของรูปทั้งหลาย ที่จะพึงรู้ด้วยตา เป็นอดีตก็ดี เป็นอนาคตก็ดี เป็นปัจจุบันก็ดี.........."

ข้อความตามพุทธพจน์ชี้ให้เห็นว่า วิญญาณเป็นเพียงองค์ประกอบอันหนึ่งในองค์ประกอบทั้ง 4 อย่าง การเกิดของวิญญาณนั้นก็เกิดได้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ คือ มโน นั่นคือ ตา + รูป ก็เกิดจักขุวิญญาณ เป็นต้น เมื่อตาเป็นรูปก็เกิดผัสสะ (กระทบ เชื่อมโยงกัน) จึงเกิดเวทนาขึ้น นี่เป็นการแสดงกระบวนการของจิตจากองค์ประกอบต่าง ๆ ซึ่งดำเนินไปแบบเชื่อมโยงติดต่อเรื่อยไปโดยอาศัยเหตุปัจจัยตามหลักปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง

http://www.dharma-gateway.com/dhamma/dhamma-32-01.htm

 

ความรู้เพียงน้อยนิด ในโลกของวิญญานเขาต้องการบุญเทานั้น การที่เขาจะแสดงปาฏิหารให้เห็นเขาจะต้องใช้บุญเขาตอนเป็นคน ไม่ใช่ทุกๆคนจะสัมผัสได้ บุญสัมพันธ์ ถ้าคุณลองสวดมนทุกๆวันและสวดคาถาใดก็ได้และแผ่เมตตา แล้วลองสังเกตุว่าคุณสัมผัสอะไรได้บ้าง แต่ถ้าคุณไม่มีบุญให้เขาแล้วเขาจะแสดงให้คุณเห็นทำไม เพราะไม่ว่า ผีไทย ผีแขก ผีฝรั่ง ฯลฯ สุดท้ายแล้วตายไปต้องการแสงสว่างก็คือ บุญกุศล..........มีอยู่ครั้งหนึ่งไปเยี่ยมญาติสามีที่บาเยิน ซึ่งคนทางนั้นนับถือ นิกายคาทอลิก คุณลุงแฟนพาไปป่าช้าเขาเพื่อไปรดน้ำดอกไม้ที่หลุมศพ พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละตัวดิฉันรู้สึกว่ามีอะไรมาชนปวดหัวด้านเดียวมากๆ ก็เลยแผ่เมตตา่ค่อยดีขึ้น ลุงบอกเธอสวดศาสนาเธอใช่ไหมแต่ไม่ได้เล่าให้เขาฟัง เพราะยากที่จะเข้าใจบางอย่างก็แค่สัมผัสเท่านั้น.....

 

ที่เมืองไทยเราเห็นผีตอนอยู่มัธยม ที่ยุโรปเราเคยเห็นเห็นตอนไปเฝ้าญาติป่วยเป็นมะเร็งที่ร.พ แต่พอญาติตัวเองตายเข้าจริงๆกลับไม่เห็นคะ มันแปลกว่าทำไมญาติตัวเองกลับไม่เห็น เพราะเป็นคนที่เราอยากเห็น แต่น่าจะจริงเราไม่ค่อยได้ทำบุญ อาจมีส่วน ก็เลยสัมผัสไม่ได้ และก็เป็นไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เพราะคนที่บ้านไม่นับถือศาสนาอะไรเลย

แต่ส่วนตัวรู้สึกวิญญาณของเด็กผู้หญิงจะแรงกว่าพ่อของเขา เพราะเราได้กลิ่นสองครั้งตั้งแต่เขาตายไป ก็คืนวันที่เสีย พอเราจะเข้านอน อีกครั้งก็ตอนที่ผู้ชายที่ทำให้เด็กสาวคนนี้ตายโทรศัพท์มาหาเด็กสาวคนนี้เพราะไม่รู้ว่าแฟนตัวเองตายไปแล้ว แล้วเราไปรับพอดี พอเรารับโทรศัพท์และรู้ว่าเป็นผู้ชายที่ทำให้เด็กสาวคนนี้ซึ่งเป็นญาติของเราฆ่าตัวตาย กลิ่นน้ำหอมก็ฟุ้งขึ้นมาอีก และก็มีคราวหนึ่งเราเห็นเธอมาโบกมือให้ตอนที่เราลองนอนสมาธิและกำลงจะหลับ หน้าตาของเด็กสาวคนนี้เป็นสีม่วงอืดๆเหมือนตอนที่ตายแต่หน้าเขายิ้มและโบกมือให้แบบเวลาทักเรา ส่วนวิญญาณพ่อเด็กผู้หญิงนั่นเงียบชี ไม่เคยสัมผัสใดๆได้ทั้งสิ้น แต่มีญาติเราที่เป็นเด็กอายุสี่ขวบบอกว่าเห็น.... ว่ามาหามาจับมือแล้วก็ไป นอกนั่นเราไม่เคยเห็นวิญญาณของทั้งสองคนพ่อลูกแบบจะจะ

บ้านที่เราอยู่ขนาดเพื่อนบ้านยังกลัวๆกัน บางคนบอกว่าบรรยากาศเหมือนบ้านผีสิงค์ บางคนเข้ามาก็บอกว่าเหมือนมีคนมองอยู่รอบๆ แต่เราคนอยู่เองก็โอเคนะ

 

ดูเหมือนว่า จขกท อยากจะเจอ ผี เอาเสียมากๆ

ส่วนตัวผม ผมว่าเป็นไปได้มั้ยที่เขาจบภพภูมินี้แล้ว และไม่ได้ติดอยู่ที่นั่นที่นี่ เหมือนผีที่บ้านๆเรา เราจึงสัมผัสไม่ได้ด้วย อะไรต่างๆครับ

 

อยากเจอเพราะว่าอยากพิสูจน์คะ.... ก็มีประสบการณ์เจออะไรลึกลับอยู่บ้าง.....แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเอง หรือเซ้นส์ตัวเองว่าจริงไมจริง ที่บ้านที่อยู่นี้มีคนเคยเห็นวิญญาณของเด็กผู้หญิงที่ตายซึ่งเป็นฝรั่ง แต่เราคนอยู่เองกลับไม่เคยเห็นแบบจะๆเหมือนคนอื่นเขาพูด.... อันที่จริงบ้านหลังนี้มีอะไรแปลกๆหลายอย่างเพราะมีคนตายถึงสามคนในเวลาหนึ่งอาทิตย์ ญาติๆของเราที่อยู่ไทยก็บอกว่าให้กลับหรือย้ายออกไปซะ มันเป็นรางไม่ดีแต่ดิฉันก็ยังอยู่ที่นี้ต่อเพราะไม่อยากไปเช่าบ้านอยู่ที่อื่นมันเปลืองเงิน และดิฉันก็คุ้นกับที่นี้ ถ้าจะให้เล่าเรื่องบ้านหลังนี้นั้นมีความเป็นมายาวนานและไม่ค่อยดี คนที่อยู่รุ่นก่อนเป็นคู่คนชราซึ่งสามีก็ตายในบ้านด้วยโรคมะเร็ง แม่ของเด็กผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายก็เคยพยามจะผูกคอตายก่อนจะโดนจับส่งไปอยู่บ้านพักผู้หญิงที่มีปัญหาทางจิต สามคนพ่อแม่ลูกตายในเวลาไล่เลี่ยกันภายใน 1อาทิตย์ พอหลังจากที่สามพ่อแม่ลูกตายไป คนอื่นๆก็ย้ายออกกันไปเหลือเราอยู่คนเดียว มันเป็นเรื่องที่แปลกมากซึ่งถ้าจะเล่ามันมีอะไรสับซ้อนและยาวกว่านี้ แต่จุดประสงค์หลักๆก็คือดิฉันอยากสื่อสารกับผู้ตายได้เพราะ การตายของเด็กสาวคนที่ว่ามันแปลก คือหมอชันนสูตรสรุปว่าฆ่าตัวตาย แต่หาสาเหตุร่องรอยไม่เจอว่าใช้วิธีใดในการฆ่าตัวเองและพ่อของเด็กสาวคนนี้ทำไมต้องมาตายในเวลาใกล้เคียงกับลูกของตัวเอง และแม่ก็มาตายต่ออีก

ดิฉันคิดว่าวิญญาณพวกเขาไม่น่าจะไปไหน เพราะพวกเขาทรมานก่อนตาย แล้วดิฉันก็ไม่ทราบว่าตัวเองมีเวรกรรมอะไรถึงต้องมาเป็นพยานรับรู้ความทุกทรมานของพวกเขาก่อนตาย อย่างเช่นพ่อของเด็กผู้หญิงก่อนตายก็กะอักเลือดออกมา ดวงตาเปลี่ยนสีจากสีฟ้าก็ค่อยๆเข้มขึ้น .....และไม่มีแววและ....ก็ไม่ยอมปิดตาจนสัปะเหร่อต้องจับเอาผ้ามัดหัวไว้ให้ตาปิด...... เด็กผู้หญิงก็เช่นกัน ตายอ้าปาก ตากึ่งปิดกึ่งเปิด ผิวเป็นสีฟ้า แม่ของเธอก็ตายเช่นกัน

 

บางทีอาจต้องพึ่งศาสตร์ทางฮวงจุ้ยนะ ต้องมีภาพบ้านอย่างละเอียดให้ซินแส ที่ท่านมีความสามารถรู้เรื่องศาสตร์นี้ คุณอาจได้คำตอบ..... บางครั้งก็ต้องเชื่อบ้างแต่อย่างมงาย มีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเป็นคนต่างจังหวัด พ่อของเขาตายเพราะสำรักควั่นจากการเผากองฟาง ต่อมาแม่ป่วยเป็นมะเร็งเสียชีวิต พี่สาวเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ตายภายในปีเดียวกัน ที่บ้านที่พ่อแม่เคยอยู่เขาปล่อยทิ้งร้าง หลังจากนั้นก็เรื้อบ้านออก มีคนดูให้ที่ดินที่พ่อกะแม่ตั้งบ้านอยู่เป็นทางสามแพ่ง และเป็นถนนที่วิญญานสัญจร ... ไม่รู้จริงไม่ควรไตร่ตรองก่อนเชื่อ


!!!!!!!!!!!!! คุณนี่เก่งนะอยู่คนเดียวได้ ถือว่าระดับหนึ่งนะจิต.........

 

อยากจะให้ดูรูปบ้านอยู่คะแต่ติดตรงที่ตอนที่มีคนตาย ตอนนี้มันเป็นคดีความกันอยู่กับญาติเจ้าของบ้านซึ่งมีส่วนทำให้พ่อของเด็กสาวเสียชีวิต ตำรวจเลยต้องเอากล้องถ่ายรูปริบไปหมดเลยรวมทั้งกล้องดิฉันด้วยและรูปในคอมพิวเตอร์ ทุกอย่าง เขาต้องการจะหาหลักฐานพวกที่ฆาตรกรรมพ่อของเด็กสาว เพราะเขาเอาไปตรวจ แต่ถ้ายังไงจะลองหารูปที่พอมีมาให้ดูคะ

 

ดิฉันมีเรื่องแปลกเกี่ยวสิ่งลี้ลับที่เจอ ตั้งแต่มาอยู่บ้านหลังนี้ แต่ไม่ใช่ผี แต่คนที่นี้เขาบอกว่าเป็น


อสูรกายหรือซาตาน รูปแบบการมาของอสูรกายที่นี้จะต่างจากที่เมืองไทย มีเหมือนที่บอกไว้ในไบเบิ้ลคือ

จะมาลักษณะเป็นสัตว์เดรัจฉานใต้ดิน หรือไต่ตอมศพเป็นเรื่อง

ที่เกิดเมื่อ2เดือนก่อน อาทิตย์หลังจากคนในบ้านที่ดิฉันอยู่ตายไปหมด 1อาทิตย์ ให้หลัง

เพื่อนเราที่เรียนแนะนำให้เรารู้จักแม่พระคนนึงจากโบสถ์ คาธอลิก เราก็เล่าเรื่อง

ให้แม่พระคนนี้ฟัง ต่อมาประมาณไม่กี่อาทิตย์เราก็เดินมากจนเท้าบวมแต่ที่ร้าย

ที่สุด ข้างเท้าด้านขวาอยู่ๆก็มีน้ำหนองบวมพองขึ้นมาเหมือนลูกโป่งเจ็บมากแทบเดินไม่ได้ก็ว่าได้ ช่วงนั้นเรา

ไปนอนค้างบ้านเพื่อน เพื่อนเรากับแม่พระคาธอลิกก็เลยแนะนำว่าให้เอาเบ็กกิ้ง

โซดามาพอกที่น้ำที่บวม ที่สันเท้าของเรา บอกว่าพอกไว้สักพักเดี๋ยวมันแตกเองเวลา

เดินจะได้ไม่เจ็บ.....ทีนี้พอพอกเสร็จสักครึ่งชั่วโมงมันก็แตก..... แม่พระก็แก้

เคล็ดเสริมสิริมงคลให้...... บอกว่าช่วงนี้เราเจอแต่เรื่องร้ายๆก็เลยเอาเกลือ

ศักดิ์สิทธิ์ที่แกได้เข้าพิธีใหญ่ มาจากเยรูซาเล็ม บ้านเกิดพระเยซูที่พวกยิวต้อง

ไปนมัสการ โปรยไปที่เท้าเราและรอบๆ (เราเป็นคนพุทธ แต่เป็นคนง่ายๆ ใครแนะนำอะไรดีก็ลองๆทำดูไม่เสียหาย) เข้าเรื่องต่อ เท่านั้นเองอยู่ๆหลังจากโปรยเกลือศักดิ์สิทธิ์ .....ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ตะขาบ หนอน

แมลง จำพวกที่ชอบไต่ตามศพ ยั้วเยียะมาจากไหนก็ไม่รู้ มาอยู่ที่เท้าเรา ไล่

แทบไม่หวัดไม่ไหว แม่พระคนนี้แกบอกว่าเนี้ยมันเป็น ว่าซาตานมันตามเรา

เหมือนๆกับที่ตามจัดการคนในบ้านไปหมด.... ตอนนี้มันออกมาแล้ว มาในรูป

สัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำที่อาศัยอยู่กับศพ ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงกำจัดพวกตัว

หนอน ตะขาบพวกนั้น เชื่อไหมคะว่า ทั้งหนอนตะขาบที่มันปรากฏออกมาจาก

เท้าเรานั้นเหยียบไป มันตายแหลกไปไม่กี่นาทีมันก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมาอีก และทิศ

ของมันก็คือเดินมาตามที่ที่เรานั่งอยู่ จนต้องโปรยเกลือศักดิ์สิทธิ์อีกรอบ อันนี้เรา

เห็นจะจะกับตาตัวเอง และมันเป็นไปไม่ได้ว่าตัวพวกนี้มันอยู่ในธรรมชาติเพราะบ้านทีเรานั่งอยู่มันเป็นชั้นสอง กลางห้องรับแขก

และอากาศหนาว ปกติที่ยุโรปพวก หนอน ตะขาบเนี้ยมันแทบจะไม่มีก็ว่าได้

เพราะมันหนาว อันนี้เราก็ไปเล่าให้พ่อฟังแต่พ่อไม่เชื่อ บอกว่าที่ยุโรปบ้านคน

มันจะอุ่นข้างนอกหนาว ดังนั้นตัวพวกนี้มันจะไปอาศัยในบ้านคนมากกว่าข้างนอก

ผิดกับเมืองไทยที่ข้างนอกร้อนกว่าในบ้านจะเย็น ตัวพวกนั้นเลยอยู่นอกบ้าน แต่

ว่าเราเชื่อตามแม่พระคนนั้นว่า เพราะเราเห็นกับตา ว่าโผล่ของมันมาเองจากใต้เท้าเรา

ภาพในบ้านเท่าทีมีถ้าใครสัมผัสอะไรได้ก็เชิญคะ


ทุกวันนี้เรายังอาศัยอยู่ในบ้านนี้ ก็รับเอาเกลือศักดิ์สิทธิ์มาโปรยที่บ้าน และจุดเทียนให้รูปผู้ตายและพระแม่มารีก่อนนอน 7วัน ก็ทำทั้งพุทธทั้งคริตส์ผสมกัน

 

คุณช่างเป็นคนกล้ามากจริงๆ เป็นเราคงฝันหนีดีฝ่อไปแล้ว แล้วมาเล่าใหม่นะคะอยากรู้ว่าจะมีเหตุกราณ์อะไรอีกบ้างค่ะ มันดูลึกลับชวนติดตามดีค่ะ

 

ไม่ว่าศาสนาไหนๆก็มีปีศาส ซาตาน ในคาทอลิกเรียกอย่างนี้ ศาสนาพุทธ เรียกเจ้ากรรมนายเวร หรือไสยศาสกุลไสต่างๆ ดิฉันเชื่อในเรืองที่คุนเล่า มีพี่คนรู้จักเพิ่งมาอยู่ทีนี่ประมาณสี่ห้าเดือน พอดีมีน้องที่อยู่ที่นี่แนะนำให้รู้จัก พี่เขาก็ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกมีครั้งหนึ่งแฟนเก่าพี่เขาเป็นคนพิจิตร ตอนนันพี่เขากำลังท้องอ่อนไปอยู่บ้านแม่สามีอยู่พิจิตร มีวันหนึงพี่เขากวาดหลังบ้านเป็นป่าเล็กๆ มีจอมปลวกอยู่ พี่เขารู้สึกปวดฉี่เลยไปปล่อยข้างๆ จอมปลวกพอตรงตอนกลางคืนปวดแขนข้างเดียว ปวดมากๆเหมือนแขนจะหลุดพี่เขาบอก แม่สามีถามว่าไปทำอะไรมาเขาไม่รู้ พี่เขาท้องอยู่ห้ามทานยา พอดีมีพระที่วัดใกล้บ้านแม่สามีก็พาไปหา พระท่านให้นำแป้งเปียกที่ผสมกับน้ำไปให้ท่านแล้วท่านหายไปในกุฏิสักพักท่านบอกว่าให้เอาแป้งเปียกโบกที่แขนและห้ามนอนรอประมาณเที่ยงคืนทุกๆคนในบ้านนั่งดู จากประมาณเที่งคืนได้แกะแป้งเปียกออก พี่เขาบอกว่าหายเจ็บเลย แต่ที่แป้งเปียกพบร้อยเจาะแป้งเป็นรูๆ เหมือนรอยปลวกเจาะเยอะมากๆ พี่เขาบอกแทบไม่อยากเชื่อถ้าไม่เห็นกับตา......

 

อย่างแรกต้องขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้คำแนะนำคะ รู้สึกว่าเห็นทีอาจต้องเปลี่ยนชื่อกระทู้จาก ทำอย่างไรจึงจะเห็นวิญญาณ ไปเป็น ทำไมยิ่งสวดชินนบัญชรจึงเจอผี....

ดิฉันได้ลองนั่งสมาธิและสวดมนต์เพิ่มขึ้นมาหลังจากอ่านกระทู้นี้ ปรากฏว่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น ตอนนี้เดือนตุลา เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้เริ่มผลัดใบ และใบเริ่มเปลี่ยนสีเป็น สีส้มบ้าง เหลืองบ้าง แดงบ้าง และต้นของมันกลายเป็นสีดำ ท้องฟ้าก็มัวๆเป็นสีเทาทั้งวัน ทำให้บรรยกาศดูยิ่งวังเวงขึ้นไปกว่าเดิมที่มันวังเวงอยู่แล้วตอน ช่วง 9โมงแล้วแต่พระอาทิตย์มาสาย ทำให้ยังเหมือนกลางคืนอยู่

เราเข้าไปอาบน้ำ(ห้องอาบน้ำนั้นอยู่ติดกับห้องนอนเด็กผู้หญิงที่ตายปกติเราจะไม่มาอาบตรงนี้ จะเช็ดตัวที่ซิ้งค์ล้างจานในครัว )ก็ไม่ได้คิดอะไร.... เพราะอยู่มาตั้งนานก็ยังไม่เห็นอะไรแบบจะจะ ปรากฏว่าอยู่ๆก็ได้ยินเสียงดังโครม ออกมาจากข้างห้องน้ำ ทำเอาตกใจ ก็เลยออกมาดู

ปรากฏว่าราวตากผ้าที่ไม่มีผ้าตากอยู่แม้แต่ตัวเดียวซึ่งพี่สาวของเด็กผู้หญิงที่ตายเอามากั้นปิดหน้าประตูกระจกซึ่งเป็นห้องนอนของเด็กสาวผู้ตาย มันล้มลงมา ประตูห้องเด็กผู้หญิงเปิดอ้า......มันเป็นไปได้ยังไง เราก็พยามทำใจให้มีสติคิดว่าคงไม่มีอะไร ปรากฏตอนจะออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว อยู่ๆรูปภาพ

เด็กผู้หญิงที่ตาย ก็ตกลงมาจากผนัง ทั้งที่มันอยู่อย่างนั้นมาเป็นร้อยวันพันปี ก็แปลก เด็กสาวคนนี้มีพี่น้องที่มีชีวิตหลงเหลืออยู่อีกสองคน แต่ไม่ทราบว่าความบังเอิญหรือเหตุอันใดถึงเป็นภาพของคนที่ตายเท่านั้นที่ตกลงมา.... พอจ่ายกับข้าวเสร็จ.... ดิฉันกลับมาบ้านก็ทำเอาตกใจ


ว่าตอนกลางวันเราจะปล่อยให้แมวมันไปถ่ายอุจาระปัสสาวะนอกบ้าน แล้วแมวมันเข้ามานั่งในห้องรับแขกได้ยังไง.... ดิฉันจึงเดินไปหลังบ้าน... ทีนี้ทำเอาเราตกใจยกใหญ่ ประตูหลังบ้านเปิดอ้าซ่าของมันเอง....ทั้งที่กุญแจที่ล็อคไว้ก็ยังคาอยู่ แต่ไม่ใช่ขโมยเพราะไม่มีอะไรในบ้านหาย
ดิฉันก็เลยโทรไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง นอกจากนี้หลังจากที่ลองนั่งสมาธิสวดมนต์ดู

เหมือนเราจะสัมผัสเขาได้มากยิ่งขึ้น แมวของ รีเบ็กก้า เด็กผู้หญิงที่ตาย ร้องจะออกไปในสวนข้างนอก ดิฉันรำคาญมันมากและไม่อยากเปิดให้มันเพราะกำลังรีบทำกับข้าว เพราะหิว ก็เลยปล่อยให้แมวมันร้องอยู่อย่างนั้น

ปรากฏว่าสัก10นาทีให้หลัง ก็ได้ยินเสียงบิดกุญแจที่ค้างไว้กับประตูหลังบ้านดัง กริ๊ก ไม่ต่างจากเวลาบิดลูกบิดประตู..... แล้วประตูหลังบ้านก็เปิดผลัวะของมันเองไม่ต่างจากคนเปิด และแมวดำของรีเบ็กก้าก็เดินออกไปนอกบ้านราวกับมีคนเปิดให้มัน

หลังจากนั้นดิฉันก็พอจะรู้แล้วว่ามีอะไรที่เรามองไม่เห็นอยู่กับเราด้วย นอกจากนี้ก็ยังอะไรประหลาดๆ.....อย่างเสียงฮีทเตอร์ หรือเครื่องซักผ้าดังแบบเวลาเปิดอยู่ แต่พอเดินไปดูก็ไม่มีอะไร และก็กระจกโต๊ะเครื่องแป้งสั่นเหมือนกับเวลาแผ่นดินไหว ทั้งที่แผ่นดินไม่ได้ไหว

และก็เมื่อสองคืนก่อน ดิฉันกำลังนั่งดูอะไรในอินเตอร์เน็ตในห้องนอนนี้แหละ แต่ไฟในห้องไม่ค่อยสว่าง เพราะไฟที่เพดานเสีย ต้องเปลี่ยนหลอด แต่เปลี่ยนเองไม่ได้เพราะเพดานมันค่อนข้างสูงมากกว่าเพดานที่บ้านเรา ต้องจ้างช่างมาซ้อม แต่ก็ต้องประหยัดเงิน เลยปล่อยมันเสียอยู่อย่างงั้น

เราเลยอาศัยเปิดไฟดวงเล็กจากหัวเตียง และโคมไฟโคมเล็กๆ ที่วางอยู่เหนือเตาผิง (แต่ไม่ได้จุดไฟ มันเป็นเตาผิงเก่า ปัจจุบันเอาหนังสือไปวางแทน ไม่มีการจุดไฟใดๆทั้งสิ้นแล้ว เพราะใช้เครื่องทำความอุ่นแทน) ไม่ทราบว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่ จู่ๆดิฉันก็เห็นควันสีขาวๆเหมือนหมอก
ลอยและเลื่่อนตัวขึ้นมาจากที่ที่เคยเป็นเตาผิงเก่า ประมาณ 1นาทีก็หายไป

อันนี้ถ้าหลังจากตำรวจได้คืนกล้องถ่ายรูปอะไรพวกนี้แล้ว เราจะลองพยามถ่ายรูปจุดที่น่าสนใจว่าอาจจะมีวิญญาณอยู่ แล้วเอามาแชร์กันคะ

 

โปรดตั้งใจอ่าน ข้อความของผม
เหตุจะมองเห็นผี วิญญาณ สัมภเวสี หรือเทวดาอะไรนะ
1.เวลาพร้อม
2.กำลังฝ่ายนั้นพร้อม
3.กำลังกระแสสภาวะจิตคุณพร้อม
3 อย่างนี้ตรงกัน ไม่จำเป็นต้องมี เซนส์อะไรก็เห็นได้

4.ฝ่ายนั้นมีกำลังมากพอจะสร้างให้คุณเห็น และต้องการให้คุณเห็น
5.สภาวะจิตคุณอยู่ระดับที่มองเห็นจะด้วยสาเหตุใดก็ตามดังนี้
5.1 สภาวะของคนใกล้ตาย เกือบตาย หรือรอดตายมาจากที่จิตหลุดไปแล้ว
5.2 สิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่อดีต
5.3 การฝึกระดับจิตด้วยการภาวนา จนระดับจิตอยู่ในระดับเดียวกันกับสิ่งที่เห็น
6. ใช้เครื่องมือช่วย เหมือนยากระตุ้น เช่น วิธีต่างๆที่ทำให้เห็นผี เช่นมองใต้หว่างขา อะไรประมาณนั้น เหมือนกับคนที่ถนัดขวา แล้วลองมาทำข้างซ้ายดู จะได้รู้ว่ามีประสบการณ์และความรู้สึกเปลี่ยนไป

แต่ที่แน่ๆ ถ้าอยากเห็นมากๆ ก็ใกล้ๆตายดู

 

เอ่อ ลืมไป ผมว่าตอนนี้ผมก็ว่าผมเห็นผีล่ะนะ ก็รูปแทนตัวคุณนั่นนะ เหมือนผีมากๆเลย สภาพ(รูป)คุณนี่จะหลอนไปถึงไหน

 

อ้อ ภาพผีที่ว่านี้ เป็นตุ๊กตาคะ มีตัวตนจริงๆนะคะ....เป็นตุ๊กตาที่ทำโดย artist ชาวต่างชาติซึ่งแกจะทำตุ๊กตาแนวผีๆ ลึกลับ ออกมาทั้งหมดเลย ตัวนี้ชื่อ
ดัชเชส ฟิตเจ็ต (ดัสเชส) เป็นตำแหน่งจ้าวนายฝ่ายหญิง ทางยุโรป ถ้าเทียบกับของไทยน่าจะเป็น "หม่อม หรือ ท่านหญิง" อะไรทำนองนั้นนั้น

ส่วน ชื่อ ฟิตเจ็ต มาจากชื่่อผู้หญิง บริเจ็ต ผสม กับคำว่า flopping ที่แปลว่า เคลื่อน, ดิ้น ได้ โดยตุ๊กตาทั้งหมด ใช้ส่วนประสมลึกลับ ตามตำหรับที่แกเรียนมาจาก ครูทำตุ๊กตาชาวดัชต์ สมัยศตวรรษที่ 18 ดิฉันสั่งมาเพราะอยากพิสูจน์คะว่าตุ๊กตาตัวนี้จะมีอะไรแปลกๆไหม

อันนี้ภาพใบหน้าของ ดัชเชส ฟิตเจ็ต ใกล้ๆคะ หลอนน่าดู ดิฉันตัดสินใจซื้อเพราะว่า หลังจากคนในบ้านเสียไปหมด..... ดิฉันเคยฝันเห็นอสูรกาย ผมแดง หน้าตาเหมือน ตุ๊กตาท่านหญิง ฟิตเจ็ต ว่ามาอยู่ด้วย ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อมา ดิฉันเป็นคนชอบลองเรื่องพวกนี้คะ เพราะคุณพ่อเรียนวิทยาศาสตร์มา ท่านสอนว่า ก่อนจะเชื่อเราต้องพิสูจน์



หลอนน่าดูชมคะ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2335350/[/MUSIC]

 

สวัสดีครับ ขออนุญาติแชร์ไอเดียเฉยๆ นะครับ ไม่เน้นถูกหรือผิดแต่ประการใด


อย่างแรก "อสุรกาย" จะมีสองแบบใหญ่ครับ ๑. แบบที่มีร่างกายคล้ายคน (แต่
เพี้ยนไปเล็กน้อย เช่น คนมีเขา, คนมีหาง ฯลฯ) ๒. แบบที่มีร่างกายแบบสัตว์
เดรัจฉาน ซึ่งพวกนี้จะมีฤทธิ์น้่อยกว่าพวกแรกครับ พวกไหนที่แปลงร่างเหมือน
คนได้ พวกนั้นมีฤทธิ์เยอะครับ และผีที่มีฤทธิ์มาก มักแปลงร่างให้ดูดีได้เสมอ


อย่างที่สอง "ซาตาน" คือ พวกที่ไม่อาจไปผุดไปเกิดเองได้ จนกว่าจะมีผู้มีบุญ
บารมีมาช่วยเขานะครับ (ซึ่งยากมากๆ และคนๆ นั้นอาจเป็นคุณก็ได้นะ) อันนี้จะ
ต่างจาก อสุรกายนะครับ เพราะอสุรกาย สามารถตายจากภาวะนั้นแล้วไปเกิดได้
เองนะครับ ทว่า พวกเขาอาจอยู่ร่วมกัน เช่น อสุรกายชั้นต่ำ อาจไปอาศัยรับใช้
ซาตานครับ ซาตานมาจากไหน? ก็มาจากคนก็ได้ครับ เช่น คนที่ทำกรรมมากจน
ไม่อาจได้เกิด แต่เขามีฤทธิ์มากอยู่ เลยยังอยู่แบบนั้น ไม่ไปไหน ซึ่ง "ตัวบอส"
นี่จะสัมผัสยากมากนะครับ ตัวเล็กตัวจ้อย บริวารนี่ เกลือศักดิสิทธิ์อาจพอช่วยได้
บ้าง แต่ตัวใหญ่ๆ นี่ เกลือศักดิสิทธิ์เอาไม่อยู่ครับ และเขาก็จะทำตัวเป็นนายใหญ่
ในบ้านหลังนั้น เริ่มหาบริวารจาก "อสุรกายชั้นต่ำตัวเล็กๆ" ไปก่อน พอมีฤทธิ์มาก
ก็เริ่มเอาชีวิตคนครับ เพราะวิญญณคนทำอะไรให้เขาได้มากกว่า วิญญาณที่ถูกเอา
ไป (ซาตานเอาไป) ก็จะไม่ได้ผุดได้เกิด และเราจะตามหาเขายาก เพราะถูกเจ้า
ตัวบอสซ่อนไว้ครับ การมีคนตายๆ ติดๆ กันอาจเพราะสาเหตุนี้ บางครั้ง มนุษย์ที่มี
ความโลภอยากรวยมากๆ จนได้คฤหาสน์หลังใหญ่ ก็อาจ "ขายวิญญาณให้ซาตาน
ได้โดยไม่รู้ตัว" เื่มื่อตายไปก็เป็นทาสซาตานครับ แล้วเขาก็อยู่ในบ้านหลังนั้นต่อไป
ได้ครับ อันนี้ ก็ยังไม่ร้ายเท่าไรหรอก เพราะพวกที่ร้ายๆ จะ "แนบเนียนมาก" ครับ


เจ้าหญิงน้อย สู้ๆ เธอคงเป็นความหวังของพวกเขาที่จะปลดปล่อยพวกเขานะครับ

 

ส่วนตัวเวลาได้ยินเสียงอะไรกลางค่ำกลางคืนจะทำเป็นไม่สนใจ และนานแล้วที่ไม่เห็นผีแบบจะจะ ส่วนใหญ่จะฝันถึงแทน

ว่าแล้วก็นึกถึงลูกๆกุมาร คือปกติจะมีลูกๆกุมารที่เราเลี้ยงตั้งไว้ใกล้คอมฯ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีดวงจิตหรือเปล่า มีอยู่องค์หนึ่งตอนได้มาใหม่ๆเขามีกลิ่นหอมดีโดยไม่ต้องไปดมใกล้ๆ และเป็นปีแล้วที่เขาไม่ส่งกลิ่น แต่เมื่อวานกับวันนี้อยู่ดีๆก็ได้กลิ่นเขาขึ้นมาแต่ไม่นาน เหมือนมาเตือนอะไรหรือเปล่าไม่รู้ เพราะเย็นวานอยู่ดีๆก็ได้กลิ่นน้องกุมาร(แน่ๆ) พอกลางคืนก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเสียใจ และวันนี้พอเดินมาที่คอมฯก็ได้กลิ่นหอมอีกแป๊บเดียว (สงสัยคงอยากจะคุยกับแม่)

 

ที่บ้านที่เมืองไทย คุณแม่ท่านก็บูชาพญานาคมาคะ แปลกมากเลยมีกลิ่นหอมดอกไม้ฟุ้งอยู่ตลอดเวลา

แต่มาอยู่ที่ต่างประเทศนี้ มีเฉพาะ ล็อกเกต สมเด็จโต พระแม่อุมา กับล็อกเกต พระพิฆเนศ ซึ่งดิฉันไม่แน่ใจว่าจะคุ้มครองได้กับผีฝรั่งหรือไม เพราะเหมือนยิ่งสวดชินบัญชรยิ่งมาให้เห็นเวลากำลังจะนอน หรือเริ่มง่วง พอสะดุ้งขยี้ตาตื่นก็หายไป พอเริ่มง่วงก็มาใหม่ แต่ถ้าวันไหนไม่สวดจะไม่เห็น

เพื่อนที่โรงเรียนเลยให้รูปปั้น (พระแม่มารี) มา บอกให้จุดเทียนให้ทุกวัน และจุดให้รูปคนตายด้วย

 

ประสบการณ์ท้าทายผี ใครอยากลองทำตามก็ไม่ว่ากันแต่เชื่อว่าคุณน่าจะสำผัสอะไรบางอย่างได้บ้าง

เมื่อวานนี้เราว่างก็เลยถือโอกาสช่วงเย็น ไปเยี่ยมญาติผู้ตายที่สุสานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้
อย่างที่บอกว่าช่วงนี้ ฮอโรวีน ต้นไม้และท้องฟ้ายิ่งดูน่ากลัว เป็นสีเทาครึ้ม ปะกอบกับวันนี้เป็นวันราชการ คนส่วนใหญ่ไปทำงาน ทำให้เวลาเราเดินอยู่ในสุสานอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้น่าตาประหลาด นั้น มีเราแค่คนเดียว

ดิฉันก็เลยไปนั่งทำสมาธิ ท้อง นะมะ ภัตทะ อยู่ที่เก้าอี้ม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าหลุมศพ สิ่งแรกที่เป็นเรื่องดีก็คือ มันทำให้จิตสงบเร็วอย่างเหลือเชื่อ ประกอบกับในสุสานนั้นเงียบมากทำให้เข้าสมาธิได้ค่อนข้างลึก

ทั้งที่อากาศหนาวแต่เวลานั่งสมาธิกลับไม่หนาว และอยู่ๆระหว่างที่นั่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนราวกับคนหลายๆคนมามุงอยู่รอบๆบริเวณที่เรานั่ง ก็นั่งต่อไปไม่ได้สนใจ แล้วจู่ๆท่อนไม้ใหญ่ เป็นกิ่งของต้นไม้ที่อยู่หลังม้านั่งที่เรานั่งก็หักโครมลงมาเสียงดัง ดิฉันเปิดตาดูรอบๆก็เห็นว่าไม่มีใคร.....ก็นั่งสมาธิต่อ ที่นี้ก็ไม่มีอะไร แต่แล้วสักพักก็เหมือนมีมือของคนมาจับที่แขน มันเป็นความรู้สึกเหมือนมีคนมาจับที่แขนจริงๆ เราก็ลืมตาปรากฏว่าไม่มีใครเลยบริเวณนั้น คิดว่าคงจะเป็นสำพเวสีมาทักทาย ปรากฏว่าพอดูเวลาเราก็นั่งไปได้เกือบชั่วโมง ก็เลยไปลาญาติที่หลุมศพ และแผ่เมตตาและให้กับวิญญาณแถวๆนั้นด้วย เท่านั้นดิฉันก็ได้กลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้ ก่อนจะกลับเหลือบไปเห็นต้นไม้ที่อยู่หลังเก้าอี้ม้านั่งมีดอกไม้แห้งๆแต่ต้นไม้นี้ไม่ มีกลิ่นหอม ซึ่งเตรียมตัวจะโรยเพราะเริ่มจะฤดูหนาว แต่ที่แปลกมีอยู่ดอกนึงที่มีใยสีม่วงสวยงามออกมาจากดอกและเป็นเพียงดอกเดียวที่มีอย่างนั้น ดิฉันจึงตัดมันเก็บไว้ พอตอนระหว่างจะเดินออกจากสุสาน

ก็เป็นทางค้อนข้างไกลเหมือนกัน .....กว่าจะถึงประตูทางออก ซึ่งทางเดินก็เต็มไปด้วยสุมทุม ต้นไม้สีดำ ใบสีแดงบ้าง เหลืองบ้าง ส้มบาง เราก็ผ่านหลุมศพแห่งหนึ่ง หลุมศพที่เมืองนอกจะเป็นป้ายสูงขึ้นมาจากพื้น.... บางแบบถ้าผู้ตายรวย ก็จะเป็นเหมือนโรงตั้งอยู่เหนือหลุมศพ และ อาจมี รปปั้นนอน เป็นนางฟ้ามีปีกกำลังนอนตายบ้าง ตกแต่งไว้สวยงาม

มีอยู่หลุมหนึ่งที่เราเดินผ่าน ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมึดแล้ว มีผู้ชายคนนึงนั่งเอาเข่าคล้อมหลุมศพที่เป็นโรงสูงขึ้นมาจากพื้น เขากำลังขีดเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่ฝาโรงปิดหลุมศพ พอเรามองหน้าเขาให้ชัดๆก็พบว่าหน้าเขาเหมือนกับคนตาย มันเป็นสีม่วงอมเขียวซีดๆ ดิฉันตกใจมาก เมื่อเขาหันหน้ามามองเรา เหมือนศพที่เน่าแล้ว อยู่ๆก็มีกลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นสาปหมาตาย ฟุ้งขึ้นมา เท่านั้นแหละเราก็เลยรีบเดินออก

ดิฉันมีภาพภายในสุสานแห่งนี้ ถ้ามีโอกาสจะลงให้ดูกัน