พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมไปเข้า course ล้างพิษที่บ้านสวนแห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล มุ่งหน้านครปฐม-นครชัยศรี เจ้าของบ้านดูมีความรู้ทำนองว่า ข้านี้แน่ รู้ทุกเรื่องทั้งโหราศาสตร์ ทั้งสมุนไพรไทย จีน เรื่องการนวดเส้นสาย รู้จักคนใหญ่โตมากมาย และรู้เรื่องพระเครื่องรู้จักคนซ่อมพระเครื่องสมเด็จฝีมือดีๆหลายคนเช่นคนที่ชื่อชาติ...(ผมก็ไม่ทราบว่าชาติอะไร...หุ..หุ..)

    ผมเช็คทีละเรื่อง โอละพ่อ..เฮียเขาไปแล้วจริงๆ ไม่ควรไปขัดเขาต้องปล่อยเขาไป เขาไปไกลมาก ไกลจนมองไม่เห็น...เรื่องแต่ละเรื่องฟังแล้วเป็นจริงเป็นจัง แต่น่าขันเสียนี่กระไร เช่น...

    ร.5 ไม่ชอบสมเด็จ...เขาขยายความว่าไม่ใช่พระสมเด็จที่เป็นองค์ๆแขวนคอ แต่หมายถึงแต่หมายถึงเจ้าประคุณสมเด็จโต พรหมรังสี นั่นเอง... หน้าไหนในประวัติศาสตร์เขาจารึกไว้หว่าคุณผู้อ่าน...แบบนี้นรกกินเอาหรือเปล่า..อีกหลายเรื่อง ผมละต้องทนฟัง เพราะอยู่บ้านเขา

    เหอะๆ เอาวิชาทักษามหายุคมาทายผม ว่าแต่ละที่ผมทำงานไม่ถึง 7 ปี ที่ไหนได้ที่สุดท้ายนี่เกือบ 10 ปี (อีก 6 เดือน ครบ 10 ปี)...55555 ยังบอกวิชานี้เขารับเป็นช่วงสุดท้ายไม่มีโหราศาสตร์สาขาไหนจะแม่นยำกว่านี้แล้ว...

    ทายว่าผมมีปัญหาช่องท้อง จริงๆผมทานเก่งยังกะอะไร มีปัญหาเรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ ...

    และยังทายว่าพระสมเด็จในคอผมนี่เป็นพระฝีมือทั้งหมด 55555555 แบบนี้บก.รวีโรจน์ แห่งบุญพระเครื่องนี่ตกม้าตายเลยนาท่านผู้อ่าน...

    ที่เล่ามานี้เพื่อให้ท่านมีกำลังใจเข้มแข็งเผื่อไปเจอเอาคนแก่สติเฟื่องเข้าจะได้ไม่ขวัญเสีย.. ว่าจะชวนคุณหนุ่มไปอีกคน ไม่ใช่พาไปล้างพิษอะไรหรอก แต่เขาจำทางที่จะพาคนไปอยู่ข้างล่างได้ ผมยังทำใจจืดใจดำอย่างเขาไม่ได้ ต้องให้เขาพูดไปเรื่อยๆ ใจผมก็นึกอารธนาเทพเทวารักษาองค์พระ และพระยายมราชมาฟังเขา และจดๆลงบัญชีไป วันที่ได้พบกันคงจะไม่มีโอกาสมาบอกเล่าให้พวกเราได้ฟังว่าไปเจอะเจออะไรมา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2009
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การนำรูปลงเว็บพลังจิต

    ให้กด เลือกตอบเต็มรูปแบบ
    <INPUT class=button id=qr_preview title="(Alt + X)" accessKey=x onclick="clickedelm = this.value" tabIndex=3 type=submit value=เลือกตอบเต็มรูปแบบ name=preview>

    เมื่อกดแล้ว จะปรากฎหน้าจอ

    [​IMG]

    ให้เลื่อนลงไปด้านล่าง ก็จะพบ
    <LEGEND>Upload รูป, เพลง และไฟล์อื่นๆได้ที่นี่ (Attach Files)</LEGEND>
    นามสกุลของไฟล์ที่อนุญาตให้ upload ได้คือ: bmp doc gif htm html jpe jpeg jpg mid mp3 mp4 pdf png psd rar txt wma wmv xls xml zip


    <SCRIPT src="clientscript/vbulletin_attachment.js?v=380b3" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> <!-- var newpost_attachmentbit = '\r\n [​IMG]\r\n %5$s\r\n (%6$s)\r\n
    '; vB_Attachments = new vB_Attachment('attachlist', ''); document.write('<input type="button" id="manage_attachments_button" class="button" tabindex="1" style="font-weight:normal" value="Upload และ บริหารไฟล์" title="Click here to add or edit files attached to this message" onclick="vB_Attachments.open_window(\'newattachment.php?t=22445&poststarttime=1245842305&posthash=dd8a9700394d86e2d942a5f64e8f3395\', 480, 480, \'\')" />'); //--> </SCRIPT><INPUT class=button id=manage_attachments_button title="Click here to add or edit files attached to this message" style="FONT-WEIGHT: normal" onclick="vB_Attachments.open_window('newattachment.php?t=22445&poststarttime=1245842305&posthash=dd8a9700394d86e2d942a5f64e8f3395', 480, 480, '')" tabIndex=1 type=button value="Upload และ บริหารไฟล์"> <NOSCRIPT></NOSCRIPT>


    [​IMG]

    ให้กด Upload และบริหารไฟล์ ก็จะปรากฎหน้าจอ

    [​IMG]

    ให้กดที่ Browse ที่หน้าจอ Upload และ บริหารไฟล์ เพื่อค้นหาและนำไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ลงในเว็บพลังจิต

    [​IMG]

    เมื่อค้นหาไฟล์ได้แล้ว ก็กด Upload ด้านขวาของปุ่ม Browse ในลำดับสุดท้าย

    เมื่อ uplord แล้ว ระบบของเว็บพลังจิตก็จะทำงานเพื่อดึงรูปไปไว้ในเว็บ(ภายใต้ชื่อของเรา)

    [​IMG]

    เมื่อรูปได้ลงในเว็บพลังจิตแล้ว ก็กด ส่งข้อความ รูปก็จะมาปรากฎด้านล่างของข้อความที่เราโพส

    แต่หากว่า เราต้องการนำรูปที่ลงแล้ว นำมาใส่ในข้อความ ก็ให้เรากดปุ่ม แก้ไข/ลบ ( [​IMG] ) แล้วก็ copy รูปที่เราได้นำไปลงไว้ นำไป paste ในข้อความของเรา ข้อความของเราก็จะปรากฎขึ้นพร้อมกับรูป หลังจากที่เราได้ กด SAVE (เพื่อส่งข้อความ) ครับ

    [​IMG]
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีการนำรูป ลงในชมรมอย่างง่าย

    โดยไปที่ ข้อความส่วนตัว: ของแต่ละท่าน

    ยินดีต้อนรับ คุณ sithiphong.
    คุณมาครั้งล่าสุดเมื่อ วันนี้ เวลา 10:45 AM
    ข้อความส่วนตัว: ยังไม่ได้อ่าน 0, รวม 3267


    [​IMG]

    เมื่อไปที่ด้านซ้าย (ตามรูป) จะเห็นAttachments ที่อยู่ด้านซ้าย (จะเป็นรูปที่เรานำลงเว็บพลังจิตทั้งหมด)

    เมื่อเราคลิ๊กที่ Attachments ก็จะปรากฎรูปที่เราลงไว้ครับ

    [​IMG]


    ช่อง Attachments ก็จะเป็นช่องที่เราได้upload รูปไว้ เราสามารถที่จะทำให้เห็นรูป แทนที่จะเห็นแต่ชื่อไฟล์ ให้เลื่อนหน้าจอลงไปด้านล่าง ก็จะพบคำว่า "แสดงรูปขนาดเล็ก"

    [​IMG]





    รูปจะปรากฎขึ้น แทนที่ชื่อไฟล์ครับ

    [​IMG]

    หลังจากนั้น สามารถ copy รูป แล้วนำไปลงไว้ที่ไหนก็ได้ในพลังจิต แ่ต่ถ้าเราลบรูปที่เราลงไว้ รูปที่ปรากฎในพลังจิตที่เกิดจากการcopy รูปของเราไปก็จะมองไม่เห็น จะเห็นเป็นรูปที่มีกากะบาทแทนครับ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การนำรูปลงในกระทู้ต่างๆ

    ให้กด <INPUT class=button id=qr_preview title="(Alt + X)" accessKey=x onclick="clickedelm = this.value" tabIndex=3 type=submit value=เลือกตอบเต็มรูปแบบ name=preview>
    จะขึ้นหน้าจอนี้
    [​IMG]

    แล้วให้เลื่อนลงมาข้างล่าง จะพบ <INPUT class=button id=manage_attachments_button title="Click here to add or edit files attached to this message" style="FONT-WEIGHT: normal" onclick="vB_Attachments.open_window('newattachment.php?t=22445&poststarttime=1213798363&posthash=2f9435408e67475ca804a1df5417763d', 480, 480, '')" tabIndex=1 type=button value="Upload และ บริหารไฟล์"> <NOSCRIPT></NOSCRIPT>

    [​IMG]

    เมื่อกดปุ่ม upload และบริหารไฟล์ แล้ว จะปรากฎหน้าจอ

    [​IMG]

    ห้กดปุ่ม Browse เพื่อค้นหารูปจากเครื่องคอมฯ

    [​IMG]

    เมื่อเลือกรูปได้แล้ว ให้กดปุ่ม open เพื่อนำรูปลง การupload และบริหารไฟล์ จะปรากฎหน้าจอ

    [​IMG]

    เมื่อการ upload และบริหารไฟล์ เรียบร้อยแล้ว หน้าจอจะเป็นดังนี้

    [​IMG]

    ถ้าต้องการนำรูปที่ได้ upload และบริหารไฟล์ เรียบร้อยแล้ว ลงในช่อง ที่ให้พิมพ์ข้อความ ก็สามารถกดรูปที่ upload และบริหารไฟล์ แล้วที่ ตัวเลือกเพิ่มเติม ที่อยู่ด้านล่าง ในช่อง Upload รูป, เพลง และไฟล์อื่นๆได้ที่นี่ (Attach Files)
    นามสกุลของไฟล์ที่อนุญาตให้ upload ได้คือ: bmp doc gif htm html jpe jpeg jpg mid mp3 mp4 pdf png psd txt wma wmv xls xml zip



    [​IMG]

    รูปก็จะปรากฎขึ้นอีกหน้าจอ เพียงแต่เราไป copy จากรูปที่ปรากฎขึ้นใหม่(อีกหน้าจอ) แล้วนำมาวางไว้ที่ ช่อง ที่ให้พิมพ์ข้อความ พร้อมทั้งสามารถพิมพ์ข้อความลงไปได้

    [​IMG]

    ลองทำดูนะครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุณเพชรครับ

    อย่าอาราธนาองค์เทพเทวาและพระยายมราชเจ้ามาฟังครับ ทุกสิ่งที่เขาทำ ย่อมได้รับแน่นอน

    ที่ไม่ให้อาราธนานั้น ผมไม่อยากให้คุณเพชร ต้องไปเป็นพยาน อาจจะต้องรอเพื่อเป็นพยาน นานนะครับ

    ต้องแบบผม ชวนไปวัดพระแก้วเลย ไปสาบานที่วัดพระแก้ว แล้วก็พาไปหักพระพิมพ์ที่ท่าช้าง หรือ ท่าพระอาทิตย์ หรือ ท่าพระจันทร์ดีกว่า เร็วกว่าครับ

    วันอาทิตย์ ผมว่างครับ หุหุหุ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือน...เรื่องการบอกบุญทาง พีเอ็ม(ข้อความส่วนตัว) จากคนที่ไม่รู้จัก ขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อน
    WebSnow

    ประกาศเตือน...เรื่องการบอกบุญทาง พีเอ็ม(ข้อความส่วนตัว) จากคนที่ไม่รู้จัก ขอให้ตรวจสอบให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
    ทีมผู้ดูแลเว็บบอรด์

    อ้างอิง:

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ดิฉันได้รับ PM ข้อความเดียวกันจากสอง account คือ จากคุณ (เซ็นเซอร์) (ดูข้อความข้างล่างค่ะ) และอีกท่านจะ forward ให้ใน PM อีกอันค่ะ

    พออ่านข้อความแล้วดิฉันรู้สึกสงสารและกำลังจะโอนเงินไปช่วยน้องเขา แต่พอดีเหลือบไปดูที่ข้อมูลตัว ของผู้ส่งข้อความพบว่าไม่เคยโพสต์ในเว้บนี้มาก่อน (เหมือนกับ sign up มาเพื่อมาส่นง PM อย่างเดียว)

    ดิฉันเลยเข้าไป search ชื่อดช.อุลิต ใน google จึงพบว่า มีคนมาร้องเรียนเรื่องการโพ้สต์ข้อความนี้ในเว็บต่างๆ โดยบอกว่า ดช.อุลิตนั้นจริงๆ เป็นคนอายุ 40 ปี และเจ้าของเรื่องจริงๆ ชื่อ ดช.จักกรี

    จึงรบกวน webmaster ช่วยติดตามความเคลื่อนไหวของคนที่ส่งข้อความด้วยค่ะ

    (ลิงค์ข้างล่างเป็นลิงค์ที่ search เจอข้อมูลค่ะ)
    http://www.pantown.com/board.php?id=9651&area=1&name=board1&topic=8641&action=view
    http://groups.google.com/group/siamhrm/browse_thread/thread/7f6e8cea426256c3/42f0e68a94eed9c5?lnk=raot
    http://news.buddyjob.com/social/show_news-3887.2/
    ขอบคุณค่ะ

    อ้างอิง:

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ (เซ็นเซอร์)
    เด็ก ป.5 เรี่ยไรเงินเพื่อน หาเงินช่วยแม่ "ถ่ายเลือด"
    [​IMG]

    [​IMG]

    วันนี้ขอพักเรื่องเครียด ๆ เกี่ยวกับปัญหาการเมืองไทยสักวัน เพราะวันนี้ "คอลัมน์นิตย์" มีหนึ่งข่าวของ "ลูกกตัญญู" ที่อยากเก็บมาเล่าสู่กันฟัง ข่าวนี้เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ต้องการหาเงินไปช่วยแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ด้วยการเรี่ยไรเงินเพื่อนนักเรียนในโรงเรียน และครูอาจารย์
    <O></O>
    เรื่องดังกล่าวเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (5 ม.ค.2552) โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดปากลาน หมู่ 10 ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก เดินเรี่ยไรเงินจากเพื่อนนักเรียน และคณะครูอาจารย์ เพื่อนำไปเป็นค่ารักษาพยาบาลมารดาที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จากการสอบถามทราบชื่อคือเด็กชายอุลิต จันทราภัย อายุ 12 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 กำลังเดินถือป้ายที่มีข้อความเขียนว่า “ช่วยบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือถ่ายเลือดให้แม่ผมด้วยครับ” จากนั้นก็เดินเรี่ยไรไปตามห้องเรียนต่าง ๆ โดยมีเพื่อนในชั้นเรียนถือพานใส่เงินเดินตาม สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก จนทำให้เพื่อนนักเรียนและคณะครูถึงกับน้ำตาซึมด้วยความสงสาร ก่อนจะหยิบเงินช่วยเหลือตามกำลัง
    <O></O>
    เมื่อสอบถาม ด.ช.อุลิต เล่าทั้งน้ำตาว่า แม่ป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาวมากว่า 3 ปีแล้ว ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการถ่ายเลือดเดือนละ 3,500 บาท แต่ด้วยฐานะที่บ้านยากจนจึงไม่สามารถหาเงินมารักษาได้ ตนจึงตัดสินใจเดินเรี่ยไรจากเพื่อนนักเรียนและอาจารย์ เพื่อขอความช่วยเหลือ ตนอยากจะเรียนให้สูงกว่านี้เพื่อจะได้หาเงินมารักษาแม่ เพื่อที่ท่านจะได้อยู่กับตนไปนาน ๆ ส่วนเงินที่ได้รับบริจาค ครูได้พาไปเปิดบัญชีแล้วที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตาก ประเภทออมทรัพย์ เลขบัญชี 744-210591-3

    ขณะที่ นายนิกูล อ่อนละมูล ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า ครอบครัวของ ด.ช.อุลิต มีฐานะยากจน พ่อพิการขาซ้ายขาดด้วนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปไม่ค่อยมีรายได้ ส่วนแม่ตั้งแต่ป่วยก็ไม่สามารถทำงานได้ โดยทุกอาทิตย์ ด.ช.อุลิต จะเดินเรี่ยไรเงินเพื่อนำไปเป็นค่ารักษาแม่ของตัวเองซึ่งที่ผ่านมาก็มีครูอาจารย์ช่วยเหลือประจำ อย่างไรก็ตาม ด.ช.อุลิต มีบ้านพักอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 2 กิโลเมตร และต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อเดินมาเรียนให้ทัน ตนจึงอยากให้ผู้ที่มีความเมตตาช่วยเหลือเด็กด้วย

    ด้าน นางสมพร แม่ของ ด.ช.อุลิต กล่าวว่า ตนมีลูกสองคน ด.ช.อุลิต เป็นลูกคนโต ส่วนคนเล็กกำลังเรียนชั้นอนุบาล หลังจากที่ตนล้มป่วยลงก็ไม่สามารถออกทำงานได้ เพราะต้องถ่ายเลือดเป็นประจำ บางเดือนไม่มีเงินก็ไม่สามารถไปโรงพยาบาลเพื่อถ่ายเลือดได้ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เดินไม่ไหว ตัวเหลืองซีดและมีอาการวูบ อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลือที่ทำให้ตนยังมีชีวิตเลี้ยงดูลูกอยู่
    <O></O>
    แม้วันแม่จะผ่านมานานแล้ว แต่การ "ทำดีเพื่อแม่" สามารถทำได้ทุกวัน เช่นเดียวกันกับการกระทำที่น้องอุลิตที่ "ทำเพื่อแม่"...

    ***ขอเชิญร่วมบริจาคเงินให้น้องเขาหน่อยนะค่ะ มีน้อยก็ให้น้อยก็ได้ค่ะ สัก 100 บาท หรือ 200 บาท ก็ได้ค่ะ ถือว่าทำบุญกับเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้กว่าเรานะค่ะ โดยการโอนเงินหรือการฝากเงินเข้าบัญชีของน้องเขานะค่ะ ที่ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด สาขาตาก ชื่อบัญชี อุลิต จันทราภัย บัญชีเลขที่ 744-210591-3 ประเภทออมทรัพย์ ช่วยครอบครัวน้องเขาหน่อยนะค่ะ
    ขอขอบคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ***

    หมายเหตุ....ส่งเมล์หรือข้อความนี้ต่อให้เพื่อนๆ ด้วยนะค่ะน้องเขาจะได้มีคนช่วยเหลือมากขึ้นค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://palungjit.org/threads/ประกาศ...จัก-ขอให้ตรวจสอบให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ.186762/

    --------------------------------------------

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->WebSnow<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2203680", true); </SCRIPT>
    สมาชิกไม่ควรร่วมทำบุญกับคนแปลกหน้าหรือคนที่คุณไม่คุ้นเคย ที่ส่งมาทาง PM เพราะว่าส่วนใหญ่จะหลอกลวง
    กระทู้บุญจริงๆเขาจะประกาศที่ห้องประชาสัมพันธ์ หรือ คนรู้กันส่งมาทาง PM

    ถ้าจะร่วมบุญควรจะตรวจสอบก่อน

    ส่วนเรอื่งดังกล่าวที่ส่งมาทาง PM มีวาระซ่อนเร้น ไม่กล้าไปโพสในสาธารณะเพราะว่าเกรงว่าคนจะจับได้

    ----------------------
    ช่วงนี้ระบาดอีกแล้วสมาชิกหลายคนส่งมาบอก แล้วบางคนก็ส่งมาบอกคิดว่า ของทางเว็บ
    ส่งไปบอกเขา เลยทำบุญด้วย 200 บาท

    ชื่อ login วีระชัย ของผมก็ได้รับ PM นี้

    -------------------------------------------------------------

    จาก pm ของผม(sithiphong)ครับ

    <TABLE class=tborder style="BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>[​IMG]
    Private Message: Re: น่าสงสาร </TD></TR><TR><TD class=alt1>Recipients: sisterann, sit.hor, sit01, sitapon02, sitbudda, sites, sithiphong, sitjang, sitmatrix, sitprogpo | ตอบกลับทุกคน...
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 11-06-2009, 08:33 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>อัสดง410<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: May 2009
    ข้อความ: 0
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>น่าสงสาร

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    เด็ก ป.5 เรี่ยไรเงินเพื่อน หาเงินช่วยแม่ "ถ่ายเลือด"





    [​IMG]

    [​IMG]

    วันนี้ขอพักเรื่องเครียด ๆ เกี่ยวกับปัญหาการเมืองไทยสักวัน เพราะวันนี้ "คอลัมน์นิตย์" มีหนึ่งข่าวของ "ลูกกตัญญู" ที่อยากเก็บมาเล่าสู่กันฟัง ข่าวนี้เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ต้องการหาเงินไปช่วยแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ด้วยการเรี่ยไรเงินเพื่อนนักเรียนในโรงเรียน และครูอาจารย์
    <O:p</O:p
    เรื่องดังกล่าวเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (5 ม.ค.2552) โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดปากลาน หมู่ 10 ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก เดินเรี่ยไรเงินจากเพื่อนนักเรียน และคณะครูอาจารย์ เพื่อนำไปเป็นค่ารักษาพยาบาลมารดาที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จากการสอบถามทราบชื่อคือเด็กชายอุลิต จันทราภัย อายุ 12 ขวบ นักเรียนชั้น ป.5 กำลังเดินถือป้ายที่มีข้อความเขียนว่า “ช่วยบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือถ่ายเลือดให้แม่ผมด้วยครับ” จากนั้นก็เดินเรี่ยไรไปตามห้องเรียนต่าง ๆ โดยมีเพื่อนในชั้นเรียนถือพานใส่เงินเดินตาม สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก จนทำให้เพื่อนนักเรียนและคณะครูถึงกับน้ำตาซึมด้วยความสงสาร ก่อนจะหยิบเงินช่วยเหลือตามกำลัง
    <O:p</O:p
    เมื่อสอบถาม ด.ช.อุลิต เล่าทั้งน้ำตาว่า แม่ป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาวมากว่า 3 ปีแล้ว ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการถ่ายเลือดเดือนละ 3,500 บาท แต่ด้วยฐานะที่บ้านยากจนจึงไม่สามารถหาเงินมารักษาได้ ตนจึงตัดสินใจเดินเรี่ยไรจากเพื่อนนักเรียนและอาจารย์ เพื่อขอความช่วยเหลือ ตนอยากจะเรียนให้สูงกว่านี้เพื่อจะได้หาเงินมารักษาแม่ เพื่อที่ท่านจะได้อยู่กับตนไปนาน ๆ ส่วนเงินที่ได้รับบริจาค ครูได้พาไปเปิดบัญชีแล้วที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตาก ประเภทออมทรัพย์ เลขบัญชี 744-210591-3
    ขณะที่ นายนิกูล อ่อนละมูล ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า ครอบครัวของ ด.ช.อุลิต มีฐานะยากจน พ่อพิการขาซ้ายขาดด้วนมีอาชีพรับจ้างทั่วไปไม่ค่อยมีรายได้ ส่วนแม่ตั้งแต่ป่วยก็ไม่สามารถทำงานได้ โดยทุกอาทิตย์ ด.ช.อุลิต จะเดินเรี่ยไรเงินเพื่อนำไปเป็นค่ารักษาแม่ของตัวเองซึ่งที่ผ่านมาก็มีครูอาจารย์ช่วยเหลือประจำ อย่างไรก็ตาม ด.ช.อุลิต มีบ้านพักอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 2 กิโลเมตร และต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อเดินมาเรียนให้ทัน ตนจึงอยากให้ผู้ที่มีความเมตตาช่วยเหลือเด็กด้วย
    ด้าน นางสมพร แม่ของ ด.ช.อุลิต กล่าวว่า ตนมีลูกสองคน ด.ช.อุลิต เป็นลูกคนโต ส่วนคนเล็กกำลังเรียนชั้นอนุบาล หลังจากที่ตนล้มป่วยลงก็ไม่สามารถออกทำงานได้ เพราะต้องถ่ายเลือดเป็นประจำ บางเดือนไม่มีเงินก็ไม่สามารถไปโรงพยาบาลเพื่อถ่ายเลือดได้ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เดินไม่ไหว ตัวเหลืองซีดและมีอาการวูบ อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลือที่ทำให้ตนยังมีชีวิตเลี้ยงดูลูกอยู่
    <O:p</O:p
    แม้วันแม่จะผ่านมานานแล้ว แต่การ "ทำดีเพื่อแม่" สามารถทำได้ทุกวัน เช่นเดียวกันกับการกระทำที่น้องอุลิตที่ "ทำเพื่อแม่"...
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p










    ***ขอเชิญร่วมบริจาคเงินให้น้องเขาหน่อยนะค่ะ มีน้อยก็ให้น้อยก็ได้ค่ะ สัก 100 บาท หรือ 200 บาท ก็ได้ค่ะ ถือว่าทำบุญกับเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้กว่าเรานะค่ะ โดยการโอนเงินหรือการฝากเงินเข้าบัญชีของน้องเขานะค่ะ ที่ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด สาขาตาก ชื่อบัญชี อุลิต จันทราภัย บัญชีเลขที่ 744-210591-3 ประเภทออมทรัพย์ ช่วยครอบครัวน้องเขาหน่อยนะค่ะ
    <O:p</O:p
    ขอขอบคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธาเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ***<O:p</O:p
    <O:p</O:p



    หมายเหตุ....ส่งเมล์หรือข้อความนี้ต่อให้เพื่อนๆ ด้วยนะค่ะน้องเขาจะได้มีคนช่วยเหลือมากขึ้นค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- google_ad_section_end -->
    -----------------------------------------------------------

    ระวังกันนะครับ ผมเองไม่เคยให้ความสนใจกับ pm หรือ fwd mail ในลักษณะนี้เลย ผมเคยได้รับคล้ายๆกันนี้ และได้ตรวจสอบกลับไป ปรากฎว่าเป็นเรื่องของการหลอกลวงครับ

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948



    1. [jump="001"] กรรมที่นำไปสู่นรก [/jump]
    2. [jump="002"]ทาง ๔ แพร่งสู่โลกันตนรก และสำนักพระยายม [/jump]
    3. [jump="003"]การพิจารณาโทษของพระยายม[/jump]
    4. [jump="004"]นรกขุมใหญ่ ขุมที่ ๑–๕ [/jump]
    5. [jump="005"]นรกขุมใหญ่ ขุมที่ ๖–๘[/jump]
    6. [jump="006"]กรรมที่นำสู่อเวจีมหานรก[/jump]
    7. [jump="007"]นรกบริวาร”อุสสุทนรก” ขุมที่ ๑–๔ [/jump]
    8. [jump="008"] ยมโลกียนรก ขุมที่ ๑–๒[/jump]
    9. [jump="009"]ยมโลกียนรก ขุมที่ ๓–๕[/jump]
    10. [jump="010"]ยมโลกียนรก ขุมที่ ๖–๑๐[/jump]
    11. [jump="011"]ดินแดนของเปรต ๑๒ จำพวก [/jump]
    12. [jump="012"]เปรตญาติของพระเจ้าพิมพิสาร [/jump]
    13. [jump="013"]อสุรกาย พวกที่ ๑-๒ และ สัมภเวสี [/jump]
    14. [jump="014"]สัตว์เดียรัจฉาน [/jump]
    15. [jump="015"]มนุษย์ กับคน[/jump]
    16. [jump="016"]เมืองมนุษย์ [/jump]
    17. [jump="017"]อทิสมานกาย [/jump]
    18. [jump="018"]ภุมเทวดา [/jump]
    19. [jump="019"] ชั้นต่างๆ ของเทวดา [/jump]
    20. [jump="020"]พระจุฬามณีเจดีย์สถาน [/jump]
    21. [jump="021"] สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ [/jump]
    22. [jump="022"]สวรรค์ ๔ ชั้น [/jump]
    23. [jump="023"] พรหมชั้นที่ ๑-๑๖ [/jump]
    24. [jump="024"]อรูปพรหม [/jump]
    25. [jump="025"] พระนิพพาน [/jump]

    ไปอ่านได้ในกระทู้ "ไตรภูมิ" เว็บอกาลิโก

    ผมขอนำมาลงสักเรื่องนะครับ

    การพิจารณาโทษของพระยายม

    การพิจารณาโทษของพระยายม ท่านสาธุชนทั้งหลายและพระคุณเจ้าที่เคารพ เมื่อวันพุธก่อนกระผมได้นำท่านพุทธศาสนิกชน และบรรดาพระคุณเจ้าที่เคารพไปนั่งพักอยู่ที่สำนักของพระยายมแล้วก็กำลังนั่งที่เก้าอี้แก้วมณี อันนี้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทและพระคุณเจ้าอาจจะสงสัยว่าสำนักของพระยายมสำนักนี้ ถ้าเราอ่านตามหนังสือไตรภูมิจะรู้สึกว่า เป็นสำนักที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ มีแต่บุคคลที่หน้ากลัว หน้าตาถมึงทึงด้วยประการทั้งปวง แม้แต่พระยายมเองก็เหมือนกัน นักแสดงโทรทัศน์ทำเขาให้พระยายมเสียสองเขา แสดงว่าพระยายมมีเขา และมีสภาพดุร้าย สำหรับคนของพระยายมก็เหมือนกัน ที่เรียกกันว่ายมทูต อันนี้ เขามีสัญลักษณ์มีหัวกะโหลกไขว้ และมีหัวกะโหลกเป็นสัญลักษณ์อันไม่จริง ความจริงคนที่เขียนอย่างนั้นเป็นการวาดภาพเอาเอง คล้ายๆ กับว่าการเขียนรูปของโจร โจรผู้ร้ายเขามักจะเขียนหน้าตาถมึงทึงน่ากลัว มีหนวดเครารุงรัง แต่โดยแท้จริงแล้ว โจรจริงๆ มีรูปร่างหน้าตาสะสวยยิ่งกว่าเราเสียอีก นี่แหละบรรดาท่านสาธุชน และบรรดาพระคุณเจ้าที่เคารพที่รับฟัง ความจริงไม่ตรงกัน คือถ้าหากมาฟังจากพระที่ท่านท่องเที่ยวในเมืองนรกได้ ท่านบอกว่าจะมีอาการเป็น ๒ อย่างด้วยกัน การเห็นในระยะแรกถ้ากำลังฌานของเราดี แต่ว่าวิปัสสนาญาณไม่ดีจะเห็นคนในที่นั้นหน้าตาไม่สะสวยงดงาม มีหน้าตาน่ากลัว แต่มาถึงขั้นวิปัสสนาญาณดีแล้ว เรียกว่าวิปัสสนาญาณเข้าขั้น เข้าระดับที่ไม่ถอยหลังลงมา มีอารมณ์แจ่มใสตัดอุปาทานได้เด็ดขาด อันนี้จะเห็นสำนักของพระยายมอีกสภาพหนึ่ง คือเป็นสภาพที่เต็มไปด้วยความสวยสดงดงาม นี่ เรื่องของตาก็มีความสำคัญมาก ถ้าคุณตามัวเห็นของสวยก็มัวไปด้วยส่วนคนเห็นตาดีก็เห็นได้ตามความเป็นจริง นี่ว่ากันถึงตาเนื้อ ตาเนื้อมีสภาพฉันใด ตาใจก็เหมือนกันนะ พระคุณเจ้าที่เคารพ ตาใจนี่มีความสำคัญมาก โดยมากมักจะยืดตาฌานตาเนื้อหรือความรู้สึก คือมีความนึกคิดไว้ก่อนว่า สภาพของสวรรค์เป็นยังงั้น นี่ความไม่ตรงกันระหว่างตากับความเป็นจริงมันมีอยู่ แล้วอารมณ์ของจิตก็เหมือนกัน ถ้าจิตของบุคคลใดมีอุปาทานอยู่อันนั้นจะเห็นของจริงไม่ได้ เอาละเรื่องนี้ขอผ่านไป เพราะเป็นหลักวิชาน่าเบื่อ เป็นอันว่าเวลานี้ท่านพุทธศาสนิกชน และพระคุณเจ้าที่กำลังติดตามรายการทัศนาจรนรก กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้แก้วมณี เห็นหรือไม่เห็น? เห็นหรือยัง? ถ้าไม่เห็นก็นึกเห็นเอาก็แล้วกัน เพราะความจริงไม่ได้พาไปจริงๆ เป็นการเล่าสู่กันฟัง ท่านทั้งหลายฟังไว้ แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติถึงแล้วจะได้ไม่สงสัยว่า สภาพของสำนักของพระยายมเป็นยังไง เวลาที่เราได้ฌานโลกีย์อย่างต่ำ หรือว่าฌานโลกีย์อย่างสูงเราเห็นสภาพเป็นยังไง มัวๆ เหมือนกับบ้านธรรมดา หน้าตาในสำนักนั้นเหมือนคนธรรมดา ตานี้พระที่ท่านได้อภิญญาด้วยแล้วก็ได้อรหัตผล ว่ากันยังงี้ก็แล้วกัน ได้อรหัตผลด้วยแล้วก็ทรงอภิญญาด้วย บอกว่าไม่ใช่ยังงั้น ความจริงพระยายมมีความสวยสดงดงาม มีวิมานเป็นที่อยู่ บางท่านย่องเขียนเอาไว้ว่าพระยายมเป็นเวมานิกเปรต เป็นเปรตจำพวกหนึ่งที่อยู่วิมาน ว่าเข้าไปนั่น นี่ไม่ใช่พระอรหันต์ว่านะ คนกินเหล้าเขียนหนังสือให้ชาวบ้านอ่าน เขาเขียนยังงั้น เขาเลยเอาอารมณ์เหล้ามาเขียน



    เป็นอันว่าเวลานี้ท่านนั่งอยู่ในสำนักของพระยายมแล้ว มองดูไปข้างหน้า หันหน้าไปทางทิศตะวันตกนะ เรานั่งทางด้านทิศตะวันออกบริเวณอาคารหลังใหญ่ ภายในเป็นห้องโถงใหญ่ มองเห็นหรือไม่เห็น ไม่เห็นก็นึกตามไปก็แล้วกัน เป็นห้องโถงใหญ่ มีทางเข้าอีกด้านหนึ่ง ทางเดียวกับที่พามา แต่ว่าเป็นประตูที่ ๒ เข้ามาทางพื้นราบเรียบ แล้วในบริเวณนั้นตอนกลางๆ ตรงประตูเข้ามาพอดี มีบัลลังก์สำหรับนั่ง มีพระยายมนั่งคอยพิพากษาโทษสัตว์ คำว่าสัตว์ในที่นี้ก็หมายถึงคนที่ลงไปในนรก ที่เขามาเชิญตัวไป มีบัลลังก์ตั้งอยู่ตรงกลาง ด้านหน้าของพระยายม เบื้องขวามีเทวดาท่านหนึ่งนั่งอยู่ มีเครื่องทรงพื้นสีแดง เครื่องทรงประดับไปด้วยแก้วมณีแพรวพราวสวยงาม หน้าตาสดชื่น โต๊ะอีกโต๊ะหนึ่ง อยู่เบื้องซ้ายของพระยายม มีนายบัญชีใหญ่นั่งอยู่ ถือบัญชี แต่งเครื่องทรงมีพื้นเป็นสีเหลือง แล้วก็เครื่องทรง ที่เสื้อกางเกงก็ประดับไปด้วยแก้วมณี พระยายมเองก็เหมือนกัน มีเครื่องทรงเป็นพื้นสีเหลืองเป็นทองแล้วก็มีเครื่องประดับไปด้วยแก้วมณี ความจริงพระยายมก็ดี เทวดาคนที่เป็นหัวหน้าใหญ่ฝ่ายติดตามคนที่ตายก็ดี นายบัญชีก็ดี มีความสวยสดงดงาม หน้าตาอิ่มเอิบสวยงาม มีอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใสไม่มีใครหน้าบึ้งขึงจอ ไม่มีอาการดุร้าย ความโหดร้ายใดๆ ไม่ปรากฏเลยในริ้วรอยของหน้าท่าน อันนี้เรามาดูกันต่อไป ว่าพระยายมท่านจะทำยังไง โน่น บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน สำนักนี้ไม่มีเวลาว่างในการชำระความ เห็นไหม ข้างหน้านั่นใครตัวใหญ่ๆ ในมือถืออาวุธ นำคนเข้ามาประมาณสัก ๕-๖ คน ทุกคนที่เดินติดตามเข้ามาหน้าซีดเซียว คล้ายๆ กับว่าจะถูกพิพากษาลงโทษอย่างหนักเพราะกฎของกรรม เมื่อเข้ามาถึงภายในแล้ว ทุกคนก็นั่งแสดงความเคารพแด่พระยายม พระยายมท่านก็หันไปถามนายบัญชีว่า คนนี้มีโทษอะไรบ้างในการทำความผิดในสมัยที่เป็นมนุษย์นายบัญชีก็เปิดบัญชีดู แล้วก็รายงานความผิด คือการทำชั่วในสมัยที่เป็นมนุษย์ของคนนั้น แล้วพระยายมก็ถามเขาว่าทำความชั่วอย่างนั้นจริงไหม เรื่องของเมืองผี เวลาเขาชำระคดีไม่ต้องหาพยาน ผีไม่สับปลับเหมือนคน คนเรานี่หน้าตาดีๆ นะ แต่ความจริง ความจริงใจนี่นะอาจจะหาไม่ได้สำหรับคนที่มีหน้าตาสวยแล้วก็มีฐานะดี แต่เมืองผีไม่เป็นยังงั้น เมืองผีไม่มีอะไรโกหกกัน เมืองผีไม่มีอะไรปกปิดกัน สิ่งใดจริงเขาก็รับว่าจริง สิ่งใดไม่จริงเขาก็รับว่าไม่จริง สมมุติว่าท่านพระยายมถามถึงความโหดร้ายต่างๆ ต้องรับทุกอย่าง เรื่องนั้นจริงเจ้าค่ะ เรื่องจริง จริงขอรับ รับจริงหมดทุกข้อ เรียกว่าความผิดที่ปรากฏในบัญชีนี่รับหมดทุกข้อ ไม่มีการปฏิเสธ แล้วคราวนี้พระยายมจะทำยังไง เมื่อจำเลยสารภาพโทษก็สั่งจำคุกลดกึ่งหนึ่งตามอำนาจของศาลในเมืองมนุษย์ยังงั้นรึ? ความจริงยังก่อน ท่านพุทธศาสนิกชน ท่านจะเห็นน้ำใจของพระยายมกันตอนนี้ ฟังให้ดีนะ ฟังกันไว้ แล้วก็จำกันไว้ รู้ตามความเป็นจริง ในเมื่อคนใดก็ตามที่เข้าไปในสำนักของพระยายม เมื่อนายบัญชีกล่าวโทษโจทย์ตามความผิดที่แล้วมา เมื่อจบลงไปแล้ว แล้วก็สัตว์นรก คือคนที่ตายไปแล้วรับไปตามความเป็นจริง ตอนนี้พระยายมยังไม่สั่งตัดสิน ยังไม่ลงโทษตามกฎของนรก กลับย้อนถามถึงความดีว่าท่านเคยอยู่ในเมืองมนุษย์น่ะ เคยให้ทานไหม เคยรักษาศีลไหม เคยไปฟังเทศน์ไหม เคยเจริญสมถกรรมฐานบ้างไหม ความจริงท่านถามยาว ถามทีละข้อๆ สมมุติว่าเคยให้ทานแก่สัตว์เดียรัจฉานบ้างไหม เคยให้ทานแก่คนยากจนเข็ญใจบ้างไหม เคยช่วยสงเคราะห์ทำกิจการงานต่างๆ กับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงบ้างไหม เคยทำงานเป็นส่วนสาธารณประโยชน์บ้างไหม เคยช่วยเขาสร้างวัดสร้างวาอารามบ้างไหม ใครเขาไปบอกบุญเรี่ยไร เคยทำบุญมาบ้างไหม เคยรักษาศีลบ้างไหม เคยฟังเทศน์ไหม เคยเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เคยบูชาพระ เคยไหว้พระ เคยไหว้พ่อไหว้แม่ด้วยความเคารพบ้างไหม อย่างนี้เป็นต้น เรียกว่าความดีทุกอย่างที่จัดว่าเป็นบุญที่พระพุทธเจ้าทรงสอน พระยายมนำหัวข้อมาถามนำ ถ้าถามแล้ว คนที่ตายไปนั้นเรียกว่าสัตว์นรกเขายังไม่ตอบเขายังนิ่งอยู่ ท่านก็ปล่อยให้คิดสักประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วก็ย้อนถามขึ้นต้นใหม่ รวมความว่าถามกัน ๓ รอบ ค่อยๆ ถามจี้จุดทีละจุด แต่ว่าท่านคนใดที่ถูกสอบสวนปรากฏไม่มีเลย นึกไม่ออก เมื่อนึกไม่ออกแล้ว ท่านก็จะบอกว่า นี่เสียใจเหลือเกินนะ ที่ความดีที่ทำไว้นึกไม่ถึง จิตของเธอเวลาจะตายเวลาจะมาที่นี่จิตน้อมไปส่วนอกุศลมาก ก็เห็นจะต้องเป็นไปตามกฎของกรรม ท่านก็ว่าอย่างนั้น ท่านก็บอกว่า เอ้าถ้ายังงั้น ถ้านึกถึงความดีที่ทำไม่ได้ละก้อเป็นไปตามกฎของกรรม แล้วต่อจากนั้นไปนายนิริยบาลผีรักษานรกก็นำลงนรกไป ไปที่ทะเลเพลิง ไปตามอำนาจความผิด นี่ดูจริยาของพระยายม แล้วบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนที่มาด้วย นั่งฟังแล้วก็นั่งดู ดูหน้าของพระยายม ดูหน้าของเทวดาฝ่ายติดตามคน คือหัวหน้าใหญ่นะ ดูหน้าของนายบัญชี ทุกคนมีแต่อารมณ์ยิ้มระรื่นชื่นใจ น่าชื่นใจ รูปร่างหน้าตาก็อิ่มเอิบสวยสดงดงาม มีผิวเนื้อละเอียดค่อนข้างเหลือง นี่เราจะเห็นถึงความดุร้ายได้ยังไง



    ตานี้ สมมุติว่าบังเอิญที่เขาถามถึงความผิด สัตว์นรกรับหมด แต่ว่าถามถึงความดี พอถามถึงความดีเข้า บังเอิญสัตว์นรกคนใดคนหนึ่งก็ตามนึกถึงความดีอย่างใดอย่างหนึ่งได้ สมมุติว่าเขาถามว่าเคยปล่อยสัตว์ที่มันจะถึงความตายบ้างไหม ให้มันรอดจากความตาย ถ้าคนนั้นนึกขึ้นมาได้ว่าเคยปล่อยคำเดียวเท่านี้แหละ โทษกรรมใหญ่ๆ ที่เคยทำมาแล้วทั้งหมดพระยายมบอกว่างดไว้ก่อน ขอให้งดไว้ก่อน นี่ความดีของเขายังมีอยู่ ให้ไปรับผลของความดีก่อน เห็นไหม น้ำใจของพระยายม น้ำใจของเจ้าหน้าที่ในสำนักของพระยายม ไม่ใช่น้ำใจของสัตว์นรก เป็นน้ำใจของพรหม พระยายมก็ดี นายบัญชีก็ดี เทวดาผู้เป็นหัวหน้าติดตามคนก็ตาม มีน้ำใจเต็มไปด้วยพรหมวิหารสี่ ฉะนั้นสำนักของพระยายมนี้จึงไม่มีใครรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว คนที่ทรงพรหมวิหารสี่ มีเมตตาเป็นปุเรจาริก คือหน้าคอยยิ้มเสมอ อารมณ์สดชื่น แล้วน้ำใจก็สดชื่น แล้วจะมีอะไรเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวไม่มี หนังสือเขาเขียนผิดไปเองต่างหาก เขาเข้าใจพลาดไป คิดว่าสำนักของพระยายมมีแต่คนโหดร้าย



    คราวนี้จะขอนำเอาเรื่องราวของผู้ที่ตายแล้ว กลับฟื้นขึ้นมา มาเล่าให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง ท่านผู้นี้ชื่ออะไรจำไม่ได้เสียแล้ว อ่านหนังสือของท่านมาหลายปี นึกชื่อไม่ออก ท่านเขียนไว้ในหนังสือบอกว่า ท่านอุปสมบทเป็นพระอยู่ที่วัดราชประดิษฐ์ ที่กรุงเทพฯ ท่านบอกชื่อเสียงเสร็จ ท่านรับรองว่าการพูดของท่านเป็นความจริง ในหนังสือของท่านเล่าไว้ว่า ในสมัยที่ท่านเป็นเด็กอายุ ๑๖-๑๗ ปี ท่านเป็นนักล่าสัตว์ แต่ว่าล่าสัตว์ตามท้องนานะ ไม่ใช่ล่าสัตว์ในบ้าน ชอบยิงนกกระจาบ นกกระจาบนี่ยิงมาได้เป็นกระบุงๆ (ไม่ใช่วันเดียว คิดหลายวันรวมกัน) แล้วก็มาคราวหนึ่ง เจ้าไก่ตัวหนึ่งมันเป็นไก่อยู่ที่บ้าน มันซนนัก ท่านก็จับมันเชือดคอจะแกง เมื่อเวลาที่เชือดคอแล้วเข้าใจว่ามันตายก็วางลงไป มันก็วิ่งหนีไปอีก ท่านก็เลยจับมันมาเชือดเป็นวาระที่ ๒ เชือดเสียขาดเลยตาย ต่อมาท่านเกิดปวดฟันไม่สบายตั้งใจว่าจะไปหาหมอถอนฟัน แต่ก็ยังไม่ได้ไป เวลาปวดอยู่นั้น พี่สาวเอายาอะไร กอเอี๊ยะหรืออะไรไม่ทราบ มาแปะให้บรรเทาความปวดท่านก็นอนลงไป ประเดี๋ยวความปวดฟันมันก็คลายตัว หลับไป มีความรู้สึกเคลิ้ม คล้ายๆ กับหลับ แต่ความจริงไม่ได้หลับ พอมีความรู้สึกอีกทีหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นตัวที่ ๒ ขึ้นมามองเห็นตัวเดิมนอนอยู่ เห็นตัวที่ ๒ ยืนอยู่ แต่สภาพร่างกายเป็นสภาพเดิม เห็นคนนุ่งแดง ใส่แดง ใส่เสื้อแดง นุ่งกางเกงแดงมีอยู่ ๔ คน บอกว่าไปด้วยกัน ฉันมารับ นี่แสดงว่าตายแล้ว เขาว่าฉันมารับ เธอไปกับฉัน ท่านก็เดินตามไปอย่างคนว่าง่าย พอไปถึงสำนักของพระยายม ปรากฏว่ามีนกฝูงใหญ่บินอยู่ในที่นั้น พอเขานำเข้าไปในสำนักของพระยายม นายบัญชีก็เปิดบัญชีขึ้นมา ประกาศความชั่วของท่านทั้งหมด ที่ทำในสมัยยังมีชีวิตอยู่เป็นมนุษย์ ไอ้ตอนต้นๆ ท่านยอมรับทุกอย่างว่าเป็นความจริง แล้วตอนท้ายท่านบอกว่าไม่จริง พอบอกว่าไม่จริงเท่านั้นแหละ พระยายมก็เอะใจ ถามว่าตรวจดูซิว่าคนที่ให้ไปเอามาน่ะเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงไม่ตรงกับบัญชี เขาก็ถามชื่อท่าน ถามนามสกุลท่าน ท่านบอกชื่อและนามสกุล พระยายมก็บอกว่าผิดตัวแล้ว นามสกุลไม่ใช่อย่างนี้ อายุ ๑๗ ปีเหมือนกัน ชื่อเดียวกัน แต่คนละนามสกุล ท่านให้นายบัญชีตรวจตำบลบ้านกลายเป็นคนละจังหวัดไป ท่านอยู่จังหวัดเพชรบุรีนะ แต่คนที่ให้ไปเอามานั้น เป็นคนจังหวัดราชบุรี มันลงบุรีๆ เหมือนกัน นี่แสดงว่าผีที่มานำตัวนี่ก็ห่วยๆ เหมือนกัน ไม่แน่นัก อาจจะจับผิดตัวได้ แล้วขณะที่เข้าไปใหม่ๆ ท่านบอกว่า ไอ้นกกระจาบมันก็ไปรายงานเป็นพยาน บอกว่าไอ้เจ้านี่มันโหดร้ายเหลือเกิน มันยิงพวกข้าพเจ้าตายเป็นเบือไปหมด พระยายมก็บอกว่า ทราบแล้ว เจ้าไก่ก็เหมือนกัน มันเข้าไปรายงานว่า เจ้านี่โหดร้ายมาก มันฆ่าข้าพเจ้า ๒ ครั้ง ๒ หน พระยายมก็บอกว่าทราบแล้ว ในขณะที่เขารายงานอยู่ แล้วก็สอบถามกันอยู่ และเจ้าไก่กับนกกระจาบถอยออกไปแล้ว ทีนี้ เมื่อพระยายมถามว่าเจ้าทำแบบนี้ นี่ควรลงโทษอย่างหนัก แล้วความชั่วมีมาก ถึงแม้ว่าจะผิดตัวก็ตาม แต่ก็เป็นการดีแล้วที่ไม่ต้องตามบ่อยๆ ท่านว่ายังงั้น เอาเสียเลยเป็นไง ลงโทษกันตามกฎของกรรมเลยเป็นไง ท่านบอกท่านก็นิ่ง ไม่มีอะไรจะเถียงเขา ในที่สุดนายนิริยบาลก็ทำท่าจะรับตัวท่านจะเอาไปลงนรก นำไปลงนรก แต่ขณะที่เดินก้าวออกมานั่นเอง ปรากฏว่าได้ยินเสียงเบื้องหลัง บอกช้าก่อนๆ ความดีของเขายังมีอยู่ ยังไม่ควรจะได้รับโทษ ท่านก็เลยเหลียวหลังไปดู เห็นเต่าตัวหนึ่ง คลานตุบตับๆ ขึ้นมาทางด้านหลังพระยายมก็เลยเรียกให้กลับมาใหม่ บอกว่าประเดี๋ยวก่อน มีคนเขาประกาศว่าเจ้าเคยทำความดี นี่ความจริงในตอนต้นพระยายมก็ซักถามถึงความดีแล้วตามที่บอกมา แต่ทว่าท่านบอกท่านเองก็นึกไม่ออกว่าเคยทำบุญสุนทานอะไรบ้าง มันนึกไม่ออกจริงๆ ตานี้เมื่อเต่าไปรายงานแบบนี้ท่านก็หันหลังมา พระยายมก็ถามเต่าว่า เขามีความดีอะไรไว้พอที่จะเป็นหลักฐาน เจ้าเต่าก็รายงานว่า คนนี้น่ะเขามีความดี ความชั่วอย่างอื่นเขามีจริงแหล่ แต่ทว่าความดีที่มีสำหรับข้าพเจ้าก็มีอยู่ พระยายมจึงถามว่าเขาดีอะไร เจ้าเต่าก็รายงานบอกว่า เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ เมื่อปีที่แล้วมีคนขี้เมามันจับข้าพเจ้าจะไปฆ่า เอาไปทำแกงทำกับแกล้มเหล้า คนนี้ได้ไปขอซื้อเข้าไว้ แล้วเอาข้าพเจ้าไปปล่อยไห้รอดจากความตาย พระยายมก็ถามว่าหลักฐานมีไหม เจ้าเต่าก็บอกว่ามีเขายังเขียนชื่อของเขาไว้ที่หน้าอกของข้าพเจ้า พระยายมก็ให้เจ้าหน้าที่พลิกอกขึ้นดู ปรากฏว่าเป็นชื่อของพี่สาว นายบัญชีก็ตรวจบัญชี พบพอดีเหมือนกัน ว่าเต่าตัวนี้รอดตายเพราะชายคนนี้เป็นเวยยาวัจจมัย ช่วยซื้อ แต่ความจริงพี่สาวเป็นคนซื้อ แต่ว่านายคนนี้เป็นคนนำเงินไปให้คนขี้เมา แล้วก็เป็นคนรับเต่าเอามาแล้วเขียนชื่อพี่สาวลงไป ในที่สุดก็นำเต่าไปปล่อยด้วยมือของตนเอง พระยายมก็หันมาถามท่านว่าเป็นความจริงตามนั้นไหม ท่าก็เลยรับ ตอนนี้นึกได้ว่าเป็นความจริงพระยายมก็เลยบอกว่า ความดียังมีอยู่นะ นี่บังเอิญยังไม่ถึงอายุขัย ถ้าถึงอายุขัยแล้วจะปล่อยให้ไปสวรรค์ก่อน แต่นี่ยังไม่ถึงอายุขัยจงกลับไปที่เดิมก่อน แล้วต่อจากนี้ไปจงอย่าทำกรรมชั่ว ท่านแนะนำมาว่าสัตว์สำคัญจงอย่าฆ่ามี ๑. ช้าง ๒. จระเข้ ๓. เต่า แล้วก็ ๔. อะไรไม่ทราบ เพราะพวกนี้มีกรรมหนัก ไอ้ที่ว่า ๔ นั่นจำไม่ได้นะ อาตมาคนพูดจำไม่ได้ แล้วท่านก็บอกว่า ถึงแม้สัตว์เล็กก็เหมือนกันไม่ควรจะฆ่า กลับไปแล้วควรจะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ แล้วก็พยายามเจริญภาวนาเข้าไว้ให้จิตน้อมเข้าไปในส่วนของกุศล เอาจิตนึกถึงส่วนกุศลไว้เป็นประจำ เวลาเขาจะนำมา จิตจะได้ระลึกถึงกุศลได้ จิตที่นึกถึงกุศลเป็นประจำน่ะ บรรดาท่านพุทธบริษัทฟังแล้วอาจจะเข้าใจยาก เราจะไปนั่งนึกถึงสิ่งที่เราทำบุญทำทานทุกอย่างทุกประการ เราก็นึกไม่ออก บางทีเราก็นึกไม่ไหวเพราะมันมากด้วยกัน ก็นึกตามที่พระพุทธเจ้าสอนก็แล้วกัน ในอนุสสติ ๑๐ ประการ มีพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นต้น คือว่านึกถึงความดีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วอะไรอีก ๑๐ ประการ ไปเปิดดูในคู่มือกรรมฐานหรือว่าในวิสุทธิมรรคจึงจะเข้าใจ ในหลักสูตรของนักธรรมโทก็มี เป็นอันว่าพระองค์นั้น สมัยนั้นไม่ใช่เป็นพระ พ้นจากการลงนรกไป เมื่อท่านทราบแล้ว เขาก็ปล่อยกลับที่เดิม กลับที่เดิมแล้วก็กลับเข้าร่างกายใหม่ ท่านบอกว่าอาการที่ปวดฟันมันก็หายไป นี่เป็นอันว่าเวลาที่เขาจะนำไปเขาทำให้ตายได้ คือเอาจิต เอาวิญญาณ ร่างภายในไปเสีย ไอ้ตัวสั่งงานที่ร่างกายไม่มี ร่างกายมันก็เหมือนท่อนไม้



    เอาละ บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนและพระคุณเจ้าที่เคารพ นี่เรามานั่งฟังเรื่องราวของพระยายมกัน แล้วท่านทั้งหลายคิดไหมว่าพระยายมมันเป็นพวกของสัตว์นรก เป็นยังงั้นหรือเปล่า? แต่ความจริงไม่ใช่ยังงั้นนะ พระยายมนี่เราฟังกันแล้ว แล้วดูหน้าตาท่านซิ ท่านแสดงความสดชื่นบอกไม่ถูก ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา ที่เขาบอกว่าพระยายมมีเขา เห็นไหม? เห็นเขาพระยายมไหม? ไม่มี หวีผมออกแปร้ หน้าตาสะสวย แต่นี่ว่ากันตามจิตของพระอรหันต์นะ พระที่ท่านได้ปฏิสัมภิทาญาณและพระอรหันต์ด้วย หรือว่าได้อภิญญา และเป็นพระอรหันต์ด้วย ท่านเห็นมาตามนั้น แต่บางคนที่ลงไป อาศัยที่กรรมมีมากความดียังไม่แจ่มใส อาการจิตที่เป็นทิพย์ยังน้อยเกินไป ก็จะเห็นบางคนในสำนักพระยายมนี่น่ากลัว พระยายมบางทีท่านนั่งอ้วนพลุ้ย แล้วนายนิริยบาลก็ดี หรือเทวดาประจำสำนักก็ดี นายบัญชีก็ดี จะรู้สึกว่าไม่สะสวย นั่นเรียกว่าตาหรือใจยังมีกิเลสอยู่มากเหมือนคนตาฝ้าตามัว มองเห็นอะไรไม่ถนัดนัก ตานี้เรามาว่ากันต่อไป ในเมื่อพระยายมมีหน้าที่อย่างนี้ แล้วก็อยากจะถามว่าพระยายมเป็นพวกนรก หรือเป็นพวกสวรรค์ อันนี้เราก็ดูการแต่งตัว ดูซิ สำนักของพระยายมเป็นวิมานแพรวพราวไปด้วยแก้วและทอง แม้แต่ม่านที่กั้นชั้นในก็เป็นม่านแก้วมณี ม่านที่กั้นรองลงมาก็เป็นม่านทองคำ ม่านที่สามออกมาก็เป็นม่านเส้นเงินและเส้นทอง ม่านภายนอกเป็นม่านสีแดงนี่ แล้วก็ม่านภายนอกสุดเป็นม่านสีดำ เห็นไหม ไม่เหมือนกันที่ไม่เหมือนกันอย่างนี้เพราะอะไร เพราะว่าข้างนอกก็ปล่อยให้มัวๆ ไป ถ้าหากว่าเราจะมองๆ ดูพวกนายนิริยบาลที่มาคอยรับคน คนที่แต่งตัวใหญ่ๆ ถืออาวุธนั่นแหละ รูปร่างหน้าตาไม่สะสวย หาความสวยไม่ได้เลย มีแต่ความน่ากลัว แกพูดก็ไม่ค่อยเป็น น่ากลัวจะไม่ได้เรียนภาษามนุษย์ เข้าไปถามอะไรแก แกยืนเฉย มองตาปริบๆ บางทีก็มองตาเป๋งแกไม่พูด ตาพวกนี้น่ากลัวจะไม่ได้หัดพูดมา พวกนี้แต่งตัวไม่สวย นุ่งผ้าหยักรั้ง เสื้อแกก็ไม่ใส่ ถืออาวุธ ผมก็หยิก หน้าตาก็ดุ น่าเกลียด น่ากลัว ทีนี้มาดูพวกของพระยายมบ้าง ตั้งแต่พระยายมลงมา พระยายมมีเครื่องประดับเป็นพื้นสีทอง เป็นทองคำก็แล้วกัน แล้วก็มีแก้วมณีเป็นเครื่องประดับ เต็มไปทั้งเสื้อทั้งผ้านุ่ง หน้าตาอิ่มเอิบ ยิ้มแย้มแจ่มใส สวยสดงดงาม สีเหลืองๆ เนื้อท่านน่ะ ขาวเนื้อละเอียดผิวเหลือง สวยมาก ทีนี้หันไปทางขวา ถ้าเราหันหน้าไปทางพระยายม จะเห็นนายบัญชีใหญ่มีพื้นสีทองเหมือนกัน เครื่องแต่งกายจะมีเครื่องประดับไปด้วยแก้วมณี หน้าตาอิ่มเอิบสวยสดงดงามเหมือนกัน มองดูไปทางซ้ายหัวหน้าเทวดาใหญ่ หัวหน้าเทวดาใหญ่มีเครื่องประดับแต่งกายเป็นพื้นสีแดง แล้วก็มีแก้วมณีเป็นเครื่องประดับ หน้าตาสวยสดงดงามยิ้มแย้มแจ่มใส นี่ ท่านจึงกล่าวว่าพระยายมไม่ใช่พวกนรก เป็นพวกของพรหม เรียกว่าเป็นพวกของสวรรค์ อาการที่ท่านแสดงออกมีอาการของพรหมวิหาร ๔ ครบถ้วน คือ มีเมตตาเขานำสัตว์นรกลงไปแล้ว แทนที่ท่านจะโหดร้าย กลับแสดงความเมตตาปรานี มีความรักมีความสงสาร เมื่อสัตว์นรกตอบรับความผิดทุกอย่างแล้ว แทนที่จะลงโทษกลับหันมาถามถึงความดีให้คิดให้ตอบ ถ้าตอบถึงกฎของความดีได้เพียงคำเดียว ท่านบอกว่าผลของความดียังมีอยู่ ปล่อยไปรับผลของความดีก่อน ตานี้ เมื่อสัตว์ทั้งหลายทบทวนความดีให้ฟังถึง ๓ ครั้งแล้ว สัตว์ทั้งหลายนึกไม่ออก ท่านก็ต้องปลงอุเบกขา บอกว่าเมื่อเราทบทวนถึงความดีแล้ว ท่านนึกไม่ได้ก็จำใจต้องปล่อยให้ไปตามกฎของกรรม นี่ละบรรดาท่านผู้รับฟัง และท่านทั้งหลายที่ติดตามการทัศนาจรลงมาเมืองนรก นี่ก็เป็นชุดที่สาม ชุดที่สามแล้ว จงจำไว้และเข้าใจด้วยว่า พระยายมไม่ใช่พวกของสัตว์นรก พระยายมเป็นชาวสวรรค์ คอยกีดกันคนไม่ให้ลงนรก เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัทที่รับฟัง เวลานี้ก็ครบเวลาพอดี ๓ นาที หรือจะเลยไปนิดก็ไม่ทราบ ก็ต้องขออำลาบรรดาท่านพุทธบริษัทพักผ่อน ไม่ใช่กลับ คือนอนกันอยู่เมืองนรกนี่แหละ ท่านทั้งหลายที่ติดตามก็เหมือนกัน ยังกลับไม่ได้ นอนอยู่ในเมืองนรกด้วยกันก่อน เอาละ วันนี้ก็หมดเวลาแล้ว ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนที่ติดตามชมนรกทุกท่าน สวัสดี.

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองคำข้าว สดุดีในหลวง

    ����ǧ ��Ŷ���� ����&shy;�ͧ�Ӣ��� ʴش� ����ǧ


    [​IMG]

    ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองคำข้าว สดุดีในหลวง (ไทยรัฐ)

    3 กระทรวง ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่มีต่อการพัฒนาข้าวและการผลิตข้าวไทย ตลอดเวลาที่ทรงครองราชย์

    คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าววันนี้ (24 มิ.ย.) ว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ พร้อมด้วยกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ หรือ เหรียญทองคำข้าว ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ​

    คุณหญิงกัลยา กล่าวต่อว่า เหรียญดังกล่าวจัดทำด้วยทองคำ ความบริสุทธิ์ร้อยละ 96.5 น้ำหนัก 29 บาท ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 9.9 เซนติเมตร ด้านหน้ากลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ส่วนด้านหลังกลางเหรียญมีข้อความว่า "80 พรรษา" ขณะที่เบื้องบนข้อความมีตราอุณาโลม เบื้องล่างมีรวงข้าว และข้อความว่า "ข้าวทองคำ" ประดับบนเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณฯ ด้วยเทคนิคสลักดุนแบบโบราณ ออกแบบและจัดทำโดยนายนิพนธ์ ยอดคำปัน กาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวงในพระบรมมหาราชวัง

    "การทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองคำข้าว แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากตลอด 60 ปี ที่ทรงครองราชย์ ได้ทุ่มเทพระวรกาย และทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาข้าว และการผลิตข้าวไทยมาโดยตลอด ดังนั้น เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในปี 2553 นี้ กระทรวงฯ จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญดังกล่าว เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" คุณหญิงกัลยา กล่าว​

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยรัฐ
    [​IMG]
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อยู่อำเภออะไร และไม่รีบใช่มั้ยครับ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ในหลวง" ทรงขอให้รักษาข้าวไทยไม่ต้องกินข้าวฝรั่ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 มิถุนายน 2552 19:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะ เฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”ที่ทรงอุทิศกำลังพระวรกายในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าวและผลิตข้าวไทย

    วันนี้(24 มิ.ย.) เวลา 17.40 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยคณะ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายเหรียญสดุดีพระเกียรติคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทรงอุทิศกำลังพระวรกายในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าว และการผลิตข้าวไทย และกราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับสิทธิบัตรยีนที่ควบคุมความหอมในข้าว

    โอกาสนี้ ทรงมีพระราชดำรัสกับคณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท "ขอบใจที่นำสิทธิบัตรนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการประกันว่าการข้าวไทยเป็นของไทยแท้ ซึ่งคนหนักใจว่าเราเป็นข้าวไทยมานานแล้วจะกลายเป็นต้องไปกินข้าวฝรั่งเพราะว่าสิทธิบัตรนี้เป็นของฝรั่ง แต่ว่ามาอย่างนี้ก็ถือว่าเป็น ว่าเราได้รับประกันว่าเราเป็นข้าวไทย และจะกินข้าวไทยต่อไป ฉะนั้นการที่มีสิทธิบัตรนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ และก็หวังว่าจะต้อง ทุกคนจะรักษาความเป็นไทยได้ด้วย รับประทานกินข้าวไทยไม่ต้องกินข้าวฝรั่ง

    ขอขอบใจทุกคนที่ได้จัดการเกี่ยวข้องกับเรื่องประกันนี้ สำหรับในนามของไทยทั้งหลายที่มีความภูมิใจได้กินข้าวไทย ก็ขอขอบใจทุกคนที่ตั้งใจ การทำงานเพื่อการนี้ ขอให้ท่านได้ช่วยกันทำให้เราสามารถสืบของไทย แล้วก็กินข้าวไทยแท้ไม่ใช่ต้องไปกินข้าวฝรั่ง เชื่อว่าการกินข้าวไทยนี้ทำให้คนไทยมีความภูมิใจในความเป็นไทยได้ ก็ขอขอบใจทุกท่านที่ทำงานเพื่อการนี้ต่อไป และได้เป็นคนไทยต่อไป"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ได้รับใบสมัครเรียบร้อยแล้วครับ

    ลายเซ็นสวยซะด้วยเนี่ย

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทานอย่างไรให้คนในบ้าน “ทานเป็น ลืมป่วย”
    Life & Family - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 มิถุนายน 2552 08:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนผู้คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเด็กๆมักมีหน้ากากปิดจมูกป้องกันโรคไข้หวัด 2009 กันทั่วหน้า ซึ่งพ่อแม่หลายคนต่างวิตกไปตามๆกัน ในเรื่องของภูมิคุ้มกันและภูมิต้านทานในร่างกายของพวกเขาว่าจะเสี่ยงต่อโรคนี้มากน้อยแค่ไหน ขณะที่ผู้ใหญ่เองก็อาจกังวลกับโรคต่างๆนานาที่อาจเข้ามาทักทายได้ตลอดเวลาเช่นกัน

    ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่นอกเหนือไปจากการออกกำลังกายแล้ว การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นั้น นับว่าเป็นเกราะป้องกันโรคอย่างหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก รวมไปถึงปู่ ย่า ตา ยาย และทุกคนในบ้าน ซึ่งไม่ควรละเลยในเรื่องอาหารการกินแม้แต่วันเดียว

    อย่างไรก็ดี ก่อนจะเลือกซื้ออาหารเสริมหรืออาหารบำรุงสุขภาพ เราลองมาดูเคล็ดลับเรื่องอาหารกับสุขภาพกันก่อน โดยเฉพาะคุณแม่บ้านที่ต้องทำอาหารเพื่อสมาชิกในครอบครัวว่า ทุกคนควรทานอาหารอย่างไรถึงจะเรียกว่า ‘ทานเป็น ลืมป่วย’ กันค่ะ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทานอาหารครบ 5 หมู่

    นอกจากการควบคุมน้ำหนักแล้ว การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาจเป็นข้อแรกที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะแต่ละหมู่นั้นให้คุณค่าทางอาหารที่ต่างกันไป ซึ่งความหลากหลายนี่เองที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

    ส่วนการทานอาหารให้หลากหลายนั้น หมายถึงการทานอาหาร 20-30 ชนิดต่อวัน อาจดูเหมือนมากเป็นเรื่องยาก แต่ทำได้ง่าย ๆ เช่นถ้ามื้อเช้า กินข้าวต้มปลา ในข้าวต้มปลา มีข้าว มีน้ำ มีปลา มีผักชี ต้นหอม ใส่น้ำตาล น้ำปลา ดื่มน้ำส้มอีกแก้ว มื้อเช้าก็ทานอาหาร 8 อย่างแล้ว

    ส่วนมื้อกลางวัน ถ้าทานผัดไทยสักจาน ก็มีเส้นหมี่ กุ้ง เต้าหู้เหลือง ถั่วลิสง น้ำมัน ผัก ถั่วงอก ก็เป็นอาหาร 7 อย่างแล้ว ขณะที่มื้อเย็น ทานข้าวกับน้ำพริกปลาทู ก็มีกะปิ น้ำปลา มะนาว พริก ปลาทู ผักสด มีผลไม้ด้วย นับไปนับมาก็ 20 กว่าอย่างแล้ว

    ซึ่งการทานลักษณะนี้เรียกว่า "ทานหลากหลาย" ที่จะส่งผลให้สารอาหาร จากอาหารที่หลากหลายมีปริมาณที่สมดุล กับร่างกายที่ต้องการแล้ว

    ส่วนคำว่า " หมั่นดูแลน้ำหนักตัว" นั้นหมายถึงอย่าให้ตัวเองอ้วนไปหรือผอมไป คอยหมั่นสังเกต ได้จาก ดัชนีมวลกาย โดยเอาน้ำหนักตัวเป็นตัวตั้ง หารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง ถ้าค่าที่ได้อยู่ระหว่าง 18.5-25 แสดงว่าร่างกายได้สัดส่วนดีแล้ว

    ทานข้าวเป็นหลักสลับแป้งบางมื้อ

    แม้ข้าวเป็นอาหารหลักของครอบครัวคนไทยมานาน แลคุณค่าทางอาหารโดยเฉพาะข้าวซ้อมมือนั้นมีคุณค่ามากต่อร่างกายก็ตาม แต่ก็ไม่จำเป็น ต้องทานข้าวทุกมื้อ เช่นอาหาร 3 มื้อหลัก เช้า กลางวัน เย็น มื้อหนึ่งกินสักประมาณ 2-4 ทัพพี ทานข้าวพออิ่ม หรือถ้าเบื่อข้าว ก็ทานก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน วุ้นเส้น บะหมี่ทดแทนเป็นบางมื้อก็ได้

    ส่วนความเชื่อที่ว่า ถ้างดข้าวแล้วจะช่วยลดความอ้วนได้นั้น ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะทั้งข้าว และแป้ง ให้คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่จำเป็น ต่อร่างกายมาก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ผัก-ผลไม้ อย่าให้ขาด

    ผักพื้นบ้านของไทยมีเยอะแยะ ทั้งกระถิน ดอกแค สะตอ คะน้า ผักกาด แตงกวา มะเขือเทศ หรือผลไม้ ตามฤดูกาลควรทานเป็นประจำ เพราะไร้คอเลสเตอรอล และควรเป็นผักที่ไร้สารพิษด้วย

    ซึ่งในหนึ่งวัน คุณแม่บ้านควรทำอาหารที่มีผัก-ผลไม้ในทุกวัน โดยทุกคนควรทานให้ได้รวมกัน วันละครึ่งกิโลกรัม หรือ 5 ขีด อาจจะดูเยอะ แต่จริงๆแล้ว จริง ๆแล้วไม่มากเลย เช่น กล้วยลูกหนึ่งก็ 70 กรัมแล้ว ส้ม 1 ลูกก็ 100 กรัมแล้ว ฝรั่งครึ่งผลอีก 100 กรัม มะละกอ สุก 3-4 ชิ้น ก็ 100 กรัม ไหนจะพืชผักที่ทานแต่ละมื้อไปก่อนหน้าก็จะมากกว่า 100 กรัม เชื่อว่าเป็นเรื่องง่ายมากถ้าจะทำกันจริง ๆ

    ทานปลา-เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน

    เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ หากครอบครัวไหน นิยมทานปลาหรือเนื้อสัตว์ที่ไม่เป็นไขมันวันละมื้อ ซึ่งปลาก็ไม่ต้องทานมากจนเกินไป ถ้าคิดง่าย ๆ เปรียบเทียบกับปลาทู ทานสักครึ่งตัวก็พอแล้วถ้าในวันนั้นไม่สามารถหาปลากินได้ให้ทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์ ที่มาจากถั่ว ถั่งเหลือง ถั่วเขียว หรือเต้าหูเหลืองแทนก็ได้

    ทั้งนี้เนื้อสัตว์ใหญ่นั้น ควรให้ทานทุกวันประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แต่ไม่อยากแนะนำให้ทานเนื้อสัตว์ใหญ่มาก ๆ เพราะเดี๋ยวจะเผลอไปทานเนื้อสัตว์ติดมัน ส่วนไข่นั้น ถ้าผู้ใหญ่ก็ทานสัปดาห์ละ 2-3 ฟอง เด็ก ๆ ในวัยเจริญเติบโตทานได้ทุกวัน


    ดื่มนมกันเถอะ

    เด็กจะเติบโตสูงใหญ่ ผู้ใหญ่จะแข็งแรง หากพวกเขาดื่มนมเป็นประจำ เพราะนมเป็นแหล่งอาหารที่ดี มีทั้งโปรตีน พลังงาน วิตามินบี 2 แคลเซียม และแร่ธาตุอื่น

    ในต่างประเทศนั้น มีกระแสการต่อต้านการดื่มนม เพราะคนในสังคมเริ่มที่จะมีการบริโภคเกินความจำเป็น เช่น คนอเมริกันดื่มนมวันละ 1.50 ลิตร เกินความต้องการของร่างกาย คนเราต้องอยู่เป็น ทานเป็น ดังนั้นควรดื่มนม เหมาะสมตามวัยดังนี้

    เด็ก ๆ ควรดื่มวันละ 2-3 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ถ้าไม่ดื่มเสียเลย ในอนาคต เราอาจจะ มีปัญหาเรื่องความแข็งแรงของกระดูกได้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ทานไขมันแต่พอควร

    สำหรับผู้ใหญ่ในบ้านควรจำกัดไขมันในร่างกายให้น้อยลงและพยายามหลีกเลี่ยงของทอด ของผัด แกงใส่กะทิ และหันมาทานผักนึ่ง ผักลวกคู่น้ำพริกแทน ส่วนนมก็เลือกดื่มนมพร่องมันเนย เพราะร่างกายหยุดเจริญเติบโตแล้ว

    หากทานไขมันมากเกินไป อาจทำให้คอเลสเตอรอลในร่างกายสูง และวันหนึ่งอาจเป็นโรคหลอดเลือดตีบได้ ทั้งนี้ร่างกาย ต้องการไขมันไม่เกิน 30% ของพลังงานในร่างกายเท่านั้น

    หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด หวานจัด

    การทานอาหารรสเค็มจัดจนเกินไปจะส่งผลให้เป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ ส่วนคนที่ทานอาหารหวานจัด มีน้ำตาลมากเกินไป ก็อาจจะทำให้มีปัญหา เรื่องโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง นอกจากนี้ถ้าทานรสหวาน ๆ ตลอดเวลา ก็ทำให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้เช่นกัน

    อาหารสะอาดปราศจากปนเปื้อน

    ใช้ความสังเกตดูด้วยตา ดม และมอง ว่าอาหารมีอะไรปกคลุมป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้ อาหารสกปรกหรือไม่ ดูให้ดีว่าอาหารสะอาด เพราะอาหารจะปนเปื้อนสารเคมีหรือสารผสมอะไร ถ้ามองด้วยตาเปล่า ก็ไม่รู้อยู่แล้ว การใช้ความสังเกต ก็ถือว่าเป็นการป้องกันที่ดีอย่างหนึ่งแล้ว

    งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    ข้อนี้คงต้องเตือนบรรดาหัวหน้าครอบครัวโดยเฉพาะ ซึ่งหากชวนกันดื่มมากเกินไปอาจส่งผลตายผ่อนส่งได้ แต่หากต้องดื่มจริงๆ ก็สามารถดื่มได้บ้างเล็กน้อย สักวันละสองจอกหรือ ถ้าเป็นเบียร์ ก็ไม่ควรเกินวันละ 1-2 กระป๋อง

    และเคล็ดลับเพียงเท่านี้ หากทุกคนในบ้านรักสุขภาพ และปฏิบัติตามก็จะทำให้ครอบครัวลืมป่วยแน่นอน

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก Shopping Online @ Thaifitway :)
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตื่น! โรคหนังเน่าพุพอง รักษาช้าตายได้

    ?ר?! ⃤˹ѧ๨Ҿؾͧ Ñ?ɒ?钵҂䴩

    ที่มา กระปุก


    [​IMG]

    ตื่น! โรคหนังเน่าพุพอง ถึงตัดขา รักษาช้าตายได้ สังเวยแล้ว 5 (คมชัดลึก)

    นพ.อดิเกียรติ เอี่ยมวรนิรันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยโสธร เปิดเผยว่า จากสถิติการรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาลยโสธรพบว่า มีผู้ป่วยเป็นโรคหนังเน่า หรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า Necrotizing Fasciitis เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ป่วยเหล่านี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 5 หมื่นบาทต่อคน และผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างน้อย 1 เดือน ซึ่งอัตราการดำเนินของโรคค่อนข้างเร็ว จากเดือนตุลาคมปี 2551-2552 มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย

    ทั้งนี้ โรคหนังเน่ามักเกิดในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้สูงอายุ และผู้ที่รับประทานยาที่มีสเตียรอยด์ เช่น ยาชุด ยาลูกกลอนเป็นประจำ อาการที่สำคัญคือ มีแผล บวม แดง ร้อน แผลลุกลามเร็ว กินลึกเข้าไปถึงชั้นกระดูก หากรักษาไม่ทันจะติดเชื้อในกระแสโลหิตและเสียชีวิตในที่สุด

    ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนป้องกันตัวเอง ด้วยการรักษาความสะอาดของร่างกาย ตัดเล็บให้สั้นและล้างมือให้สะอาด เมื่อเกิดแผล เช่น หนามทิ่มตำ หรือบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ให้ล้างทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสบู่ หากมีการปวด บวม แดง ร้อน ให้รีบไปพบแพทย์ หรือสถานีอนามัยใกล้บ้านทันที ไม่รับประทานยาชุด ยาลูกกลอน หรือยาที่มีสารสเตียรอยด์ เสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายเป็นประจำ

    ด้าน นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคหนังเน่าไม่มาก ประมาณปีละไม่ถึง 1 หมื่นราย ยกตัวอย่างเช่น ทั่วประเทศมีผู้ป่วยเบาหวาน 3 ล้านคน ในจำนวนนี้มีอัตราการเกิดโรคไม่ถึง 1% โรคนี้เกิดจากแบคทีเรียหลายชนิดรวมกัน เมื่อผู้ป่วยเป็นแผล โดยเฉพาะบริเวณส่วนล่างของร่างกายและเท้า หากทำแผลไม่ดี จะทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางแผล ลุกลามต่อไปยังเนื้อเยื่อพังผืด และเข้าสู่กระแสเลือดจนทำให้เสียชีวิต

    "เชื้อแบคทีเรียนี้ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะกระจายตัวเร็วนับเวลาเป็นชั่วโมง หากติดเชื้อแล้วทิ้งไว้ข้ามวัน อาจทำให้ต้องตัดขาทิ้ง และหากได้รับการรักษาไม่ถูกต้องและทันเวลา โอกาสเสียชีวิตสูงและรวดเร็วนับเวลาเป็นวัน ส่วนจะกี่วันไม่สามารถระบุได้ แต่หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา โอกาสเสียชีวิตจะน้อย" นพ.เรวัต กล่าว

    อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวต่อว่า โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกฤดูกาล แต่อาจเกิดขึ้นมากในช่วงฤดูฝน ที่เกษตรกรมีการทำสวน ทำไร่และทำนาเป็นจำนวนมาก จึงมีโอกาสโดนหนาม หรือเศษกระเบื้องตำที่เท้าจนเกิดเป็นแผลได้ง่าย กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังโรคนี้เป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ร่างกายไม่แข็งแรง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเท้าของผู้ป่วยเบาหวาน เลือดจะไปเลี้ยงไม่ดี ทำให้เท้าชา เมื่อเกิดแผลจะไม่รู้สึกเจ็บ ผู้ป่วยจึงไม่ให้ความสนใจในการทำแผล เชื้อแบคทีเรียจึงเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย รวมถึงผู้ป่วยโรคตับแข็ง และผู้ที่รับประทานยาลูกกลอนที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ สำหรับผู้ที่ร่างกายแข็งแรงก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ แต่อัตราน้อย

    นพ.เรวัต กล่าวด้วยว่า อาการของผู้ป่วยโรคนี้ ผิวหนังจะโป่งพองเหมือนน้ำร้อนลวก น้ำที่เจาะออกมาจะมีสีดำคล้ำ มีไข้สูง ในการรักษา แพทย์จะทำการผ่าระบายหนองออกตัดเนื้อเยื่อที่เน่า และให้ยาปฏิชีวนะชนิดเข้มข้น หากรักษาไม่ทันอาจทำให้เสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งผู้ป่วยสามารถสังเกตอาการของตนเองได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคที่มีความเสี่ยง หากผิวหนังปวด บวม แดง ร้อน และมีไข้สูง ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที ไม่ควรชะล่าใจว่า เป็นแผลธรรมดาไม่ช้าก็จะหาย ในการป้องกันโรคนี้สามารถทำได้ ด้วยการใส่รองเท้าเมื่อต้องออกไปเดินนอกบ้าน หรือทำไร่ ทำสวน ทำนา เพื่อไม่ให้เกิดแผลบริเวณส่วนล่างของร่างกาย

    อนึ่ง จากรายงานการเฝ้าระวังโรคหนังเน่ารายใหม่ของจังหวัดยโสธร ในปี 2550 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-21 กันยายน 2550 พบผู้ป่วย 79 ราย มากที่สุดที่อำเภอเมือง 39 ราย รองลงมาคือ อำเภอคำเขื่อนแก้ว 10 ราย อำเภอเลิงนกทา 9 ราย อำเภอกุดชุม 8 ราย โดยพบมีการระบาดมากในระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการทำนาและเป็นฤดูฝน กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ อายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือกลุ่มอายุ 55-64 ปี และ 45-54 ปีตามลำดับ โดยพบผู้ป่วยอายุมากที่สุด 84 ปี อายุน้อยที่สุด 28 ปี เป็นผู้หญิงมากกว่าชาย 18 เท่า

    เมื่อวิเคราะห์ผู้ป่วยที่เป็นโรคหนังเน่าแต่ละราย พบว่าเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว คือ เป็นโรคเบาหวาน มากที่สุดถึงร้อยละ 58 รองลงมาได้แก่ โรคอ้วน ร้อยละ 32 เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ถูกของมีคมบาด เหยียบตะปู หนามทิ่มตำ มีแผลพุพอง ฯลฯ ร้อยละ 25 เกิดจากการกินยาชุดเป็นประจำ ร้อยละ 23 โดยเฉพาะยาชุดนั้นมีอันตรายมาก ส่วนใหญ่มักจะมีส่วนประกอบของสเตียรอยด์ ยาต้านอักเสบและยาแก้ปวด ซึ่งชาวนาชาวไร่ เกษตรกรมักชอบกินแก้ปวดแก้เมื่อยหลังทำงาน รวมทั้งในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอาการปวดข้อ ปวดเมื่อย ยาประเภทนี้หากใช้ไปนานๆ ยาจะไปกดภูมิต้านทานในร่างกาย ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย ทำให้ผิวหนังบางลง และเกิดโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงได้เช่นกัน ชาวบ้านไม่ควรซื้อกินเองอย่างเด็ดขาด และการใช้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
    ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,444
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีการป้องกันตัวจาก ไข้หวัด2009 แบบง่ายๆ โดยหมอแมว

    ǔ?ա҃?鍧?ѹ?ч?ҡ 䢩ˇѴ2009 Ẻ?蒂栢?‹?၇

    ที่มา กระปุก


    [​IMG]




    เชิญชมวิธีการป้องกันตัวจากไข้หวัด2009 แบบบ้านๆ กันครับ By หมอแมว (Pantip)

    รอมาตั้งสัปดาห์...วิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ ยังไม่เห็นบอกวิธีป้องกันตัวแบบชัดๆ เลย งั้นผม (หมอแมว) ขอทำหน้าที่แทนสื่อวิทยุ-โทรทัศน์แล้วกันครับ​

    ครั้งที่แล้วเราได้คุยเรื่องไข้หวัด 2009 ไปแล้ว ว่ามันไม่ได้น่ากลัวขนาดที่เราต้องตื่นตระหนกกัน แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ควรประมาท เพราะว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะเกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตัวอื่นที่รุนแรงกว่าตัวนี้ได้ และยังรวมไปถึงเรื่องโรคติดต่อทางเดินหายใจโรคอื่นๆ ที่ระบาดกันทุกๆ ปี ตามพื้นที่ต่างๆ อันมีส่วนมาจากการที่คนส่วนมากไม่ใส่หน้ากากอนามัยเวลาป่วย และไม่ค่อยล้างมือ ดังนั้น วันนี้ผมขอนำเสนอเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เกี่ยวกับการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ที่จะช่วยให้คุณและสังคมรอบข้างรอดพ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคครับ

    [​IMG]การแพร่เชื้อทางอากาศเกิดขึ้นได้ยังไง

    เวลาเราหายใจ พูด ไอ หรือจาม จะมีละอองฝอยของหยดน้ำลอยออกมาจากร่างกายของเราครับ (Droplets) หยดน้ำเล็กเหล่านี้สามารถลอยฟุ้งไปในอากาศได้ และในระหว่างที่มันยังไม่ระเหยไป เชื้อโรคที่อยู่ในนั้นก็ยังสามารถแพร่ไปยังคนรอบข้างได้อยู่ ซึ่งระยะอันตรายคือ 1 เมตร ส่วนระยะสำหรับการจามอาจจะไกลถึง 3 เมตร ดังนั้น ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานครก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่เราจะหลีกเลี่ยงละอองเหล่านี้ หากมันลอยออกมาจากปากของคนที่ป่วยแล้ว ​




    [​IMG]




    [​IMG]ถ้าไม่มีหน้ากากล่ะ ทำอย่างไร

    ถ้าไม่มีหน้ากากให้จามใส่ทิชชู่ครับ จากนั้นก็ทิ้ง แต่ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ควรจะใช้อะไรมาบังปากไว้ แต่ปัญหาคือถ้าเราใช้มือ พอเราเดินไปก็จะเอาน้ำลายไปป้ายที่อื่นๆ ได้ ดังนั้น จึงขอแนะนำว่าเวลาไอ จาม ให้ไอ จาม ใส่ข้อพับแขน

    เป็นคำแนะนำที่กองควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกาแนะนำกันครับ​




    [​IMG]




    [​IMG]ใส่หน้ากากอย่างไร

    วิธีการใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องก็คือ การใส่แล้วทำให้อากาศผ่านตัวหน้ากากครับ เพราะหน้ากากจะได้กรองเอาละอองไป ส่วนการใส่หน้ากากที่ไม่มิดชิดหรือมีรูรั่วจะไม่เกิดประโยชน์ในแง่การกรองเลย อาจจะแค่ป้องกันละอองใหญ่ๆ ที่กระเด็นมาโดนหน้าเท่านั้น​




    [​IMG]




    1. ใส่ N95 แต่ใส่ไม่มิด...ป้องกันละอองไม่ได้ ไม่เท่
    2. หน้ากากทักซิโด้ ไม่คลุมจมูก...ป้องกันไม่ได้ แต่เท่
    3. หน้ากากแสงจันทร์...โอเคครับ คลุมมิด พอป้องกันได้...ดูไม่เท่เท่าไหร่​

    จะเลือกเท่หรือเลือกติดหวัดก็ต้องเลือกเอาล่ะครับ ​

    สำหรับคนที่ไปซื้อหน้ากากอนามัยมาจากร้านต่างๆ แล้วไม่แน่ใจว่าใส่ถูกหรือไม่ ผมทำเป็นคลิปมาให้ดูครับ ​




    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/zLIbxBS2pWU&hl=en&fs=1& width=320 height=240 type=application/x-shockwave-flash></EMBED>​

    การใส่หน้ากากอนามัยให้ได้ผล




    [​IMG]เรื่องต่อไปคือเรื่องของการล้างมือครับ

    บางคนอาจจะสงสัยว่า เชื้อหวัดมันมากับอากาศ แล้วเราจะล้างมือไปทำไม ช่วยอะไรได้หรือ คงต้องย้อนกลับไปดูที่ภาพการแพร่เชื้อทางอากาศครับ จะเห็นว่าขนาดของอนุภาคที่ออกมามีตั้งแต่เล็กไม่กี่ไมครอน ไปจนกระทั่งถึง 1,000 ไมครอน เมื่ออนุภาคลอยออกมา พวกที่เล็กมากๆ จะระเหยไปและเชื้อก็ตายไป พวกที่เล็กปานกลางลอยไปได้ประมาณ 1-3 เมตร และลอยเข้าจมูกไปได้ ส่วนพวกที่ขนาดใหญ่ๆ บางทีจะติดตามมือที่เอาไปบังปากเวลาไอ จากนั้นก็ไปจับลูกบิดประตู จับโต๊ะ ทำให้เชื้อไปเปื้อนตามพื้นผิว คนที่เดินตามมาทีหลังจับเข้าไป เชื้อก็ไปอาศัยความชื้นจากเหงื่อในมือทำให้อยู่ได้นานขึ้น สุดท้ายพอเอามือไปขยี้ตา แคะจมูก หรือหยิบของเข้าปาก เชื้อโรคก็แล่นเข้าได้อย่างรวดเร็ว ​

    [​IMG]เว่อร์ไปหรือเปล่า เชื้อมันจะติดตามมือได้เลยหรือไง

    บางคนอาจจะมองว่าเว่อร์เกินไปหรือเปล่า มาทำให้ตระหนก งั้นมาฟังเรื่องนี้ครับ…​

    ชายพิการแขนขาขยับไม่ได้คนหนึ่ง ไปโรงพยาบาลเพื่อไปตรวจร่างกายตามนัดปกติ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ได้ตรวจหน้าท้องของชายคนนั้น เป็นหน้าท้องแห้งๆ ไม่ได้สกปรกอะไร คุณคิดว่าจะต้องล้างมือหรือไม่? ทั้งที่ไม่มีอะไรเปียกชื้น ​




    [​IMG]




    คำตอบอยู่ในภาพครับ ชายพิการคนนั้นมีการตรวจพบว่ามีเชื้อ MRSA ซึ่งเป็นเชื้อโรคดื้อยาอยู่ในช่องจมูก และเมื่อเอามือเจ้าหน้าที่ที่ตรวจหน้าท้องไปป้ายเจลเพาะเชื้อ ก็พบว่ามีเชื้อ MRSA ซึ่งเป็นเชื้อดื้อยาอยู่จริงๆ ดังนั้น หวัด...แม้ว่าจะเป็นไวรัสซึ่งแตกต่างจาก MRSA แต่ว่ามันก็มีความเสี่ยงที่จะติดได้ครับ ที่สำคัญ...ที่เราเน้นกัน เราไม่ได้ป้องกันแต่หวัดอย่างเดียว เราต้องการป้องกันโรคอื่นๆ ไปด้วยพร้อมกัน ซึ่งการล้างมือนั้นช่วยได้ ​

    [​IMG]การล้างมือที่ถูกวิธีมีอย่างไร

    จากการรณรงค์ให้ล้างมือเป็นเวลา 10 กว่าปี อุปสรรคสำคัญ คือ จำไม่ได้ว่าต้องล้างอย่างไรครับ สมัย 10 ปีก่อน มีการล้างมือ 7 ขั้นตอน ซึ่งถ้าให้ท่องผมก็จำไม่ได้หรอกครับ (แต่ทำเป็น) และคิดว่านั่นคือสาเหตุหนึ่งที่คนอาจจะยังไม่ชอบการล้างมือให้ถูกวิธี เพราะคิดว่ายุ่งยากจนเกินไป กับการมานั่งจำว่าต้องล้างอย่างไร​




    [​IMG]



    ภาพนี้เป็นภาพที่ผมเห็นภาพแรกๆ เมื่อสัก 10 ปีก่อน และค่อนข้างชัดเจนครับ อาจจะนำไปลองหัดกันได้ แต่ถ้ารู้สึกว่ายังมากวิธีเกินไป เดี๋ยวเรามาดูวิธีอื่นกันครับ


    [​IMG]การล้างมือ 6 ขั้นตอน

    การล้างมือ 6 ขั้นตอน เป็นวิธีที่ทางผมรู้มาจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล รายละเอียด คือ กระทรวงสาธาณสุข วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนล้างมือให้ครบ 6 ขั้นตอน เพื่อลดการติดเชื้อ ​

    วิธีจำการล้างมือ 6 ขั้นตอน แบบใหม่ง่ายมาก

    * หน้ามือ 2 ถูฝ่ามือซอกนิ้ว ปลายนิ้ว และลายเส้น
    * หลังมือ 2 ถูหลังมือ ซอกนิ้ว เน้นข้อต่างๆ
    * หมุน 2 หมุนหัวแม่มือ และข้อมือ อย่างเบาบาง

    จริงๆ พออ่านเข้าแล้ว มันมีแค่ 3 ขั้นตอนเท่านั้นเองครับ เพียงแต่ว่าเค้านับมือทั้ง 2 ข้าง แยกขั้นตอนกัน ดังนั้น ง่ายมากๆ เลยจริงๆ (รายละเอียดเข้าไปดูได้ที่นี่)​

    แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่าล้างยังไง เรามาดูคลิปตัวต่อไปกันครับ ​





    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/eaUV7dB8jCg&hl=en& width=320 height=240 type=application/x-shockwave-flash></EMBED>​

    วิธีการล้างมือแบบ 6 ขั้นตอน






    และคลิปนี้เป็นการล้างมือแบบเดิม แต่ผมทำเน้นๆ ให้ดูมือเดียว เพื่อให้เห็นกันชัดๆ ครับ จำง่ายๆ ครับ ส่วนที่จะเข้ามามีปัญหาคือส่วนที่แคะ แกะ เกา หรือปลายนิ้วนั่นเอง ดังนั้น เวลาล้างทุกครั้งต้องใช้ปลายนิ้วถูลงไป จำอะไรไม่ได้เลย ก็ล้างเน้นปลายนิ้วมือครับ ​





    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/quNpS5LkC_s&hl=en& width=320 height=240 type=application/x-shockwave-flash></EMBED>​

    วิธีล้างมือ 6 ขั้นตอน "มือเดียว"




    [​IMG]สรุปแล้วมาตรการแบบบ้านๆ ในการป้องกันเชื้อหวัดและเชื้อโรคที่มากับอากาศ มีดังนี้...

    1. ไอ จามใส่ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ (ใช้แล้วทิ้งให้เป็นที่)
    2. ถ้าไม่มีจริงๆ ให้ไอ จามใส่ข้อพับแขน
    3. ถ้ามีหน้ากากอนามัย ก็ให้คนที่ไอใส่
    4. ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือ น้ำ + สบู่ โดยล้างตามขั้นตอนทั้ง 6

    ง่ายแค่นี้เองครับ ความจริงแล้วเรื่องการรณรงค์การรักษาสุขอนามัย ในการล้างมือและการสวมหน้ากากอนามัยนี้ ได้มีมานานแล้วครับ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่หลายแห่ง ได้ติดป้ายรณรงค์การล้างมือและวิธีล้างมือไว้ แต่หลังจากนั้นไม่นานมีหนังสือพิมพ์บางฉบับ นำข่าวไปลงว่าที่คนป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดตายในโรงพยาบาลกันมาก เพราะหมอไม่ยอมล้างมือ ?!? แล้วข่าวก็เงียบหายไป​

    เมื่อหลายปีก่อน "นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ" (ที่รักษา บิ๊ก D2B) ได้รณรงค์เรื่องการล้างมือและการใช้หน้ากากอนามัยในผู้ที่เป็นหวัด และก็เช่นเดิม คือขนาดทำเป็นโครงการมีนักร้องมาประชาสัมพันธ์ สุดท้ายก็เหมือนเดิม ช่วงไข้หวัด SARS ไข้หวักนก การประชาสัมพันธ์ทางพื้นที่ข่าวทำให้มันกลายเป็นโรคที่รุนแรงน่ากลัว จนคนป่วยหลายคนก็ไม่ยอมใส่หน้ากากเพราะกลัวถูกรังเกียจ มาครั้งนี้ไข้หวัด 2009 จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะมาเริ่มต้นกัน ​

    ล้างมือให้สะอาด ใส่หน้ากากอนามัยกันเถอะครับ


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    เขียนโดย : หมอแมว
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
    - cdc.gov/flu/protect/covercough.htm
    - askdrc.missouri.edu/prevention.php
    - camfilfarr.com
    - content.nejm.org
    - ทางอินเทอร์เน็ต​
     

แชร์หน้านี้

Loading...