แอบไปดูเขาจูจุ๊บกัน..ที่..อุทยานแห่งชาติออบหลวง

เห็นชื่อกระทู้..ก็อย่าเข้าใจผิดว่าจะพาไปแอบดูใครต่อใคร เค้าแสดงฟามรักต่อกันแบบนั้น ที่จะพาไปดูนั้น เป็นเขาจุบุ..จุบุ กานนนนนเจรงงงงง ๆ

สืบเนื่องมาจากเมื่อตอนปีใหม่เจง พร้อมด้วยครอบครัวยัยตัวแสบ และเพื่อน ๆ ได้เดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ เพื่อมอบแท้งก์น้ำ และบริจาคสิ่งของให้กับน้อง ๆ ที่ โรงเรียนบ้านกิ่วสะแวกเ่ก่า เสร็จเรียบร้อยแล้วขากลับจึงได้แวะเที่ยวที่อุทยานแห่งนี้ เพราะเป็นทางผ่านพอดี

จริง ๆ แล้วเป็นความใฝ่ฝันเลยล่ะ!! อยากมาเที่ยวที่นี่สักครั้ง (อยากมาแอบดู) เอ๊ย!!..ไม่ใช่ อยากมาเที่ยว และสัมผัสธรรมชาติ เพราะที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงนี้ ก็ติด 1 ใน unseen in thailand ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ติดอันดับต้น ๆ ด้วยเช่นกัน..

ก่อนที่เราจะไปเที่ยวด้วยกัน เรามาศึกษาความเป็นมากันสั๊กนิดดดดดก่อนนนะ..



อุทยานแห่งชาติออบหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอจอมทอง อำเภอฮอด และอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศทุกประการ ทั้งมีความสวยงาม และ ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ มีคุณค่าทางโบราณคดีทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ทั้งทางธรณีวิทยา และคุณค่าทางสถาปัตยกรรมทางธรรมชาติ เหมาะแก่การศึกษาค้นคว้าทางวิชาการ และเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความสวยงามอย่างยิ่ง มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 345,625 ไร่ หรือ 553 ตารางกิโลเมตร

ความเป็นมา ในปี พ.ศ. 2508 กรมป่าไม้เห็นว่าบริเวณริมถนนในท้องที่ตำบลหางดง อำเภอฮอดและตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ร่มรื่น สภาพภูมิประเทศสวยงามแปลกตา มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ประกอบด้วยโขดผา แมกไม้ และลำน้ำที่ไหลแรงผ่านหลืบเขา ที่ชาวเมืองเหนือเรียกว่า “ออบหลวง” เป็นที่ซึ่งประชาชนชอบไปพักผ่อน ชมธรรมชาติ ความรื่นรมย์อยู่เป็นประจำ จึงได้จัดให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของ ประชาชนในรูปแบบของวนอุทยานตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2509 อยู่ในความดูแลของสำนักงานป่าไม้เขตเชียงใหม่



ในส่วนที่ได้จัดตั้งเป็นวนอุทยานออบหลวง ในอดีตเป็นสถานที่พักของพวกทำไม้บริษัทบอร์เนียว ซึ่งในสมัยนั้นการทำไม้สักใช้วิธีลำเลียงล่องมาตามลำน้ำแม่แจ่ม ไม้จะมาวนอยู่ที่ออบหลวง ซึ่งเป็นวังน้ำวนและลึกมาก จากออบหลวงที่มีหน้าผาสูงชัน น้ำตกจากหน้าผาสูง บริษัททำไม้จึงตั้งปางพักตรงจุดนี้เพื่อคอยเก็บไม้ที่ไหลมา ไม่ให้ไหลลงไปวังน้ำวน ตามประวัติดั้งเดิมเล่าสืบต่อกันมาว่า ลำน้ำแม่แจ่มสมัยก่อนเรียกว่า “แม่น้ำสลักหิน” เนื่องจากแม่น้ำนี้ได้เจาะภูเขาหินลูกหนึ่ง จนทะลุไหลผ่านเป็นลำน้ำตรงที่เรียกว่า “ออบหลวง” ในปัจจุบัน ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นแม่น้ำแม่แจ่ม ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันอยู่ทุกวันนี้

<table cellpadding="10" cellspacing="5" width="745"><tbody><tr></tr></tbody></table>ต่อมากรมป่าไม้ได้โอนวนอุทยานออบหลวง มาอยู่ในความดูแลของกองอุทยานแห่งชาติ และในต้นปี พ.ศ. 2531 นายธำมรงค์ ประกอบบุญ ผู้อำนวยการกองอุทยานแห่งชาติ ได้ให้นโยบาย และสั่งการให้วนอุทยานออบหลวงดำเนินการสำรวจเบื้องต้นพื้นที่ข้างเคียงโดยรอบวนอุทยาน เพื่อยกฐานะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ผลการสำรวจตามหนังสือ ที่ กษ 0713(อล)/พิเศษ ลงวันที่ 27 เมษายน 2531 และ ที่ กษ 0713(อล)/พิเศษ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2531 รายงานว่าป่าจอมทอง ป่าแม่แจ่ม-แม่ตื่น และป่าแม่แจ่ม ที่ทำการ สำรวจพื้นที่จะกำหนดเป็นอุทยานแห่งชาตินี้ แต่เดิมได้กำหนดให้เป็นป่าถาวรของชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2509

ต่อมาได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 กล่าวคือ ป่าจอมทองเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 212 (พ.ศ. 2510) ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเล่ม 84 ตอนที่ 82 วันที่ 21 สิงหาคม 2510 ป่าแม่แจ่ม-แม่ตื่นเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2509) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 83 ตอนที่ 119 วันที่ 31 ธันวาคม 2509 ป่าแม่แจ่มเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 712 (พ.ศ. 2571) ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเล่ม 91 ตอน 225 วันที่ 29 ธันวาคม 2517 เนื้อที่ทำการสำรวจประมาณ 630 ตารางกิโลเมตร มีสภาพป่าสมบูรณ์ด้วยระบบนิเวศทุกประการมีจุดเด่นทางธรรมชาติสวยงาม และเป็นแหล่งทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เหมาะสมสำหรับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้

<table cellpadding="10" cellspacing="5" width="745"><tbody><tr></tr></tbody></table>กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้ทำการตรวจสอบและได้มีหนังสือ ที่ กษ 0713/1403 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2531 เสนอกรมป่าไม้มีคำสั่งที่ 824/2531 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2531 ให้ นายไชโย ยิ่งเภตรา เจ้าพนักงานป่าไม้ 5 ไปทำการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมและได้ประกาศจัดตั้งพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 108 ตอน 211 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2534 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 68 ของประเทศ



ลักษณะภูมิประเทศ
ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชัน สลับซับซ้อนติดต่อกันเป็นเทือกเขายาวในแนวเหนือ-ใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัยต่อจากดอยอินทนนท์ มีแม่น้ำสายใหญ่ คือ ลำน้ำแม่แจ่มกั้นกลางอันเป็นเขตแบ่งระหว่างอำเภอจอมทองและอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าต้นน้ำลำธารชั้นหนึ่ง มีลำห้วยหลายสายไหลลงลำน้ำแม่แจ่ม และลำน้ำแม่ปิงตอนล่าง ภูมิประเทศส่วนใหญ่มีที่ราบน้อยมาก เนื่องจากเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน และสูงชัน

<table cellpadding="10" cellspacing="5" width="745"><tbody><tr></tr></tbody></table>จากสภาพพื้นที่เป็นภูเขาหน้าผาสูงชัน และมีโขดหินขนาดใหญ่น้อยมากมาย หินที่เป็นองค์ประกอบของพื้นที่ได้แก่ หินแกรนิตและแกรโนไดออไรท์ สลับกับหินซอลท์และหินตระกูลแกรนิตชนิดมิคมาไทด์ ในชุดหินบลูโตนิคของยุคครีเตเซียส และไทรแอสสีค ประกอบด้วยแร่ควอร์ท และเฟสด์สปาร์ ในท้องน้ำแม่แจ่มมีเกาะแก่งหินขนาดใหญ่มากมาย ริมฝั่งลำน้ำจะมีหาดทรายเกิดจากน้ำพัดพามาเป็นช่วงๆ หลายแห่ง มีก้อนหินกลมประเภทกรวดห้องน้ำของหินควอร์ทไซด์ ควอร์ทแจสเปอร์ และหินชนิดอื่นๆ อยู่หนาแน่น

ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศในเขตอุทยานแห่งชาติแบ่งออกเป็น 3 ฤดูกาล คือ ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เดือนมกราคม มีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 6 องศาเซลเซียส ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เดือนเมษายน



แนะนำหัวหน้าทัวร์กันก่อนนะคะ..นู๋ชื่อ "วีวี่" ค่ะ เพิ่งมาเที่ยวเชียงใหม่เป็นครั้งแรกเลยยยยยยยย
เดี๋ยววีวี่จะพาเดินเข้าไปชมภายในอุทยานแห่งชาติพร้อม ๆ กันนะคะ..



พอเดินไปตามเส้นทางก็จะขนานไปกับลำน้ำจนถึงจุดชมวิวเลยล่ะค่ะ ลำน้ำที่เห็นอยู่นี้ ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติออบหลวง ธารน้ำแจ่ม หรือแม่น้ำสลักหิน กำเนิดจากเทือกเขาในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไหลผ่านอำเภอแม่แจ่มออกสู่แม่น้ำปิงที่อำเภอฮอด



เป็นลำน้ำสายใหญ่ที่มีน้ำไหลเชี่ยวคดเคี้ยวไประหว่างโขดเขา และหุบผา มีเกาะแก่งอยู่กลางลำน้ำ สลับกับหาดทรายขาวทิวป่าเขียวขจี และเทือกเขาสลับซับซ้อน ทำให้ลำน้ำแม่แจ่มมีทัศนียภาพสวยงามยิ่ง นักท่องเที่ยวนิยมไปล่องแพกันค่ะ



เห็นป่าว!!..เขาจูจุ๊บกานนนนอย่างที่ว่าอ่ะ..(k)

ลักษณะเป็นช่องแคบเขาขาดที่มีหน้าผาหินขนาบลำน้ำ ทำให้เกิดหุบผาลึก ความลึกของหน้าผาวัดจากสะพานออบหลวงถึงระดับน้ำปกติประมาณ 32 เมตร ส่วนแคบสุด 2 เมตร ความยาวของช่องแคบประมาณ 300 เมตร ธรรมชาติได้สร้างสรรความน่าพิศวงให้กับแผ่นดินส่วนนี้ได้อย่างมหัศจรรย์..



คำว่า “อ๊อบ” หรือ “ออบ” เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึงช่องแคบ
“หลวง” หมายถึง ใหญ่

ออบหลวง คือชื่อเฉพาะที่ใช้เรียกช่องแคบหินขนาดยักษ์ ที่มีลำน้ำแม่แจ่มบีบตัวแทรกผ่านไป อีกนัยหนึ่งคือ หุบเขา ที่มีสายธารไหลผ่าน (Canyon) ภายในออบ น้ำที่ตกไปกระทบแก่งหินละอองน้ำจะกระจายฟุ้งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดเวลา ลานหิน และโตรกผาที่ถูกน้ำอันเชี่ยวกรากกัดกร่อนปีแล้วปีเล่า ทำให้หินมีลักษณะเป็นลวดลายรูปร่างแปลกตาสวยงามมาก ทำให้ผู้ไปเยือนต้องพิศวงว่ากำแพงหินสูงใหญ่ที่ขวางลำน้ำอยู่นั้น แตกทะลุหรือแยกตัวให้น้ำผ่านไปได้อย่างไร??



หยุดอ่าน และเก็บข้อมูลกันก่อน แถมถ่ายภาพกลับมาฝากเพื่อน ๆ ด้วย



ดูแผนผังก่อนเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติกันก่อนนะ..จะได้ไม่หลงจ้า..



นักท่องเที่ยวอาจจะรู้จักอุทยานแห่งชาติออบหลวง ในภาพของช่องหินสูง ๆ ที่มีลำน้ำไหลผ่าน แต่ว่าออบหลวง มิใช่จะมีแต่ช่องเขานี้เท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีความสวยงาม และความสำคัญอีกหลายอย่างคือ ออบหลวง ผาหินคู่ที่ยิ่งใหญ่ มีจุดพักแรมริมลำธาร มีจุดชมวิว และเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางโบราณคดี เพราะที่นี่เป็นที่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์



พักเหนื่อยสักนิด..พอหายเหนื่อยแล้ว เราก็เดินทางกันต่อค่ะ..



สะพานไม้ระหว่างช่องเขา รับน้ำหนักคนเดินผ่านสัญจรได้ครั้งละ 5 คน แต่กลุ่มเรามีแถมด้วย..น่ากัวจังงงงงงง!!..



ดินแดนมนุษย์ก่อนประวัิติศาสตร์ ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติออบหลวง อยู่ใกล้เคียงกับช่องแคบออบหลวง กองโบราณคดี กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ได้ขุดค้นเพื่อศึกษาวิจัยร่วมกับประเทศฝรั่งเศส เรื่อง Research on Chronology and Evolution of the Prehistoric Cultures of Northern Central Thailand and their Antropological Characteristics โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา

บริเวณออบหลวง ทั้งสองฝั่งอำเภอจอมทอง และฝั่งอำเภอฮอด ได้ขุดค้นพบโบราณวัตถุ และหลักฐานทางโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก เช่น เครื่องมือหินกระเทาะแกนหิน และสะเก็ดหิน ขวานหินขัด ชิ้นส่วน เครื่องประดับ และภาชนะสำริด ภาชนะดินเผาลายเชือกทาบ



ออกเดินทางไปกันต่อค่ะ..



เหนื่อยอีกแระ..ขอพักโหน่ยยยยยยยนะ วีวี่ยังอ่านป้ายไม่ออกเลยนั่งพักอยู่ไม่ไกลนัก



ป้ายเค้าว่ายังงัยมั่งน๊ะ??..



ที่สำคัญคือ พบโครงกระดูกของมนุษย์ในสมัยยุคสำริด มีอายุระหว่าง 2,500 - 3,500 ปี ก่อนคริสตกาล เป็นหลักฐานทางโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์



หัวหน้าทัวร์ตัวน้อย ๆ นี่ พอได้ยินเสียงอ่านที่มีคำว่า "ขุด" เท่านั้นแหละ ก็สวมวิญญาณนักโบราณคดี เตรียมหาเครื่องมือมาช่วยขุดหาอีกแรง..555+



นอกจากนี้ยังพบภาพเขียนโบราณ ที่บริเวณเชิงผาด้านตะวันออกของดอนผาช้าง ซึ่งเป็นภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย



ดอกไม้ป่าสวย ๆ ออกดอกช่วยแต่งเติมให้ป่าแ่ห่งนี้สวยงาม และน่าชม เรียกร้องความสนใจได้ไม่น้อยเหมือนกันนะ..

 

ดอยผาช้าง
บริเวณดอยผาช้างด้านตะวันตกมีเพิงผา คล้ายถ้ำเคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์โบราณก่อนประวัติศาสตร์ และได้วาดภาพ ช้างด้วยสีขาวและสีแดงไว้ จากรายงานของนักโบราณคดี กรมศิลปากรยืนยันว่าเป็นครั้งแรกที่พบภาพเขียนโบราณในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ (พบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยนายสายันต์ ไพรชาญจิตร และนายประทีป เพ็งตะโก นักโบราณคดีฝ่ายวิชาการกองโบราณคดี) สันนิษฐานว่าภาพเขียนนี้มีอายุไม่น้อยกว่า 7,500-8,500 ปีมาแล้ว



ภาพเขียนบนผนังค่ะ..



ส่วนด้านนี้เป็นสีขาวรูปตัวคน และรูปดอกไม้..แปลว่าอะไรก็ไม่รู้!!..



หินที่นี่เป็นหินแกรนิตชนิด มิคมาไทด์ทั้งแท่ง ก้อนใหญ่มหึมาสีน้ำตาลดำ ยาวประมาณ 300 เมตร สูงประมาณ 80 เมตร จากระดับพื้นดิน มีลักษณะเหมือนช้างตัวใหญ่นอนหมอบอยู่ บนยอดดอยผาช้างเป็นจุดชมวิว มองลงไปทางทิศใต้จะเห็นน้ำตกแม่บัวคำอยู่ลิบ ๆ ใกล้เข้ามาตรงหน้า



ป้ายบอกเส้นทาง..จะไปทางไหนดีน๊ะ??..(i)



มีกองหินตั้งซ้อนกัน 5 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณใกล้ ๆ ด้วยล่ะ..



จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ..เพื่อไปยังจุดชมวิวดอยผาช้าง



ช่วยกันดึง ช่วยกันดันหัวหน้าทัวร์ค่ะ เพราะวีวี่ขาสั้นก้าวไม่ค่อยถึง..^-^



พอเดินมาได้แป๊บเดียวก็ถึงจุดชมวิวแล้วล่ะ!!..มีป้ายเตือนกันด้วย เพราะไม่มีรั้วกั้น ไม่มีแนวกั้นด้วย หน้าผาล้วน ๆ เลย..



สูงปรี๊ดดดดดดดดดด เมื่อมองลงไปด้านล่าง..โปรดใช้ความระมัดระวัง และอย่าเข้าใกล้บริเวณหน้าผามากเกินไปนะจ๊ะ..



ดอยผาช้างเห็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ลดเลี้ยวเลียบเหลี่ยมเขาผ่านหน้าผาออบหลวง



ลึกจากผาออบหลวงลงไปจะมองเห็นสายธารแม่แจ่ม ไหลคดเคี้ยวซอกซอนผาหินหายลับไป ทางทิศตะวันออก



จบภารกิจแล้ววววววววว..วีวี่ก็หมดแรงแล้วเหมือนกันค่ะ..^-^



การเดินทาง

1. จากจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางโดยรถยนต์ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ถึงอำเภอฮอด แล้วเลี้ยวขวาตรงหอนาฬิกา ไปตามทางสายฮอด - แม่สะเรียง จากอำเภอฮอดไปอีก 17 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร

2. โดยรถยนต์โดยสาร ( ธรรมดาหรือปรับอากาศ ) สายกรุงเทพ - แม่ฮ่องสอน จากกรุงเทพฯ ถึงอำเภอเถิน จังหวัดตาก แล้วแยกเข้าอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จากอำเภอลี้ เข้าอำเภอดอยเต่า อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เลยฮอดไปอีก 17 กิโลเมตร ตามเส้นทางฮอด - แม่สะเรียง - แม่ฮ่องสอน ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติเช่นเดียวกัน



ที่ทำการอุทยานแห่งชาติออบหลวง ตั้งอยู่บริเวณตำบลหางดง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติออบหลวง
คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

ที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวก
ทางอุทยานฯ มีบริการบ้านพัก สถานที่กางเต็นท์ และมีเต็นท์ให้เช่าพร้อมเครื่องนอนในอัตราคืนละ 50 บาท
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่อุทยานฯ โทร. 0 5322 9272 หรือสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 หรือสำรองที่พักด้วยตนเองที่ http://www.dnp.go.th

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก ..

http://www.hamanan.com/tour/chiengmai/utayanobluang.html

http://www.thailand2booking.com/chiangmai/travel_13.htm

​

..จบการรายงานค่ะ..(kiss)

 

มานั่งหลับ เอ๊ย!นั่งรอตอนต่อไปจ้าาาา
ข้อมูลเยอะพอกับกระทู้คุณสร้อยฟ้ามาลาเลยอ่ะ


เอร่อออ อยากบอกว่านางแบบในชุดสีชมพูน่ารักจังเลย^_^

 

ชื่อกระทู่ล่อแหลม อิ อิ.. ติดเรท....

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ..หลับรอก่อนน๊ะ เก็บแรงไว้ เดี๋ยวจะพาเดินชมป่ากันต่อค่ะ

ข้อมูลไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ยังโม้ไม่เก่งเท่าคุณสร้อยฯ ค่ะ..5555+



ส่วนนางแบบตัวน้อยนี่..เป็นหัวหน้าทัวร์นำชมสถานที่ค่ะ..
พาไปทรมาน เอ๊ย!! ม่ะช่ายยยยย..พาไปฝึกความอดทนต่างหากกกก!!..หุ..หุ..

 

วางกับดักไว้ กลัวว่าจะไม่ hot เท่ากระทู้เดินเล่นฯ ของตะเองอ่ะแหละ!!..:boo:

ฮั่นแน่!! มาว่ากระทู้เค้าติดเรท..เข้ามาแอบดูเหมือนกันอ่าจิ..จุ๊บ..จุ๊บ..

 

โห มาหาว่าเค้าโม้เก่ง ตะเองก็พอกันแหล่ะ.....

 

แค่อยากเห็น คนรักกัน คริ คริ.....
จูจุ๊บ.....

 

ภาพใสดีจัง....​

 

ยังไง ยังไง วีวี่ก็ยืนยันว่า น้าเจง อาบน้ำหนเดียว
เจรงเจรงงงงงงงง.....​

 

ชื่อกระทู้ น่าสนใจมาก


สรุปว่า .... ไม่มีใครจุ๊บกันใช่ปล่าว 555+

แก้ข่าวด่วนเลยครับ ... คุณเจงบอกไปเลยครับว่า ไม่จริง ^^


.

 

นั่นแน่ พี่ปอฯ จะมาดู เขาจูบุจูบุ ^^.....

 

น้าสร้อยฯ นี่..ชอบมาจับผิดหาว่าอาบน้ำแค่ครั้งเดียว..วีวี่ confirm ว่าอาบ 2 รอบนะ!!..

ไม่เชื่อดูนิ้ววีวี่ก็ได้..55555+

 

เฮียก็ตามมาดูเขาจุ๊บกันด้วยอีกคน..:boo:
ส่วนจะมีหรือไม่นั้น..ก็ต้องติดตามตอนต่อไปค่ะ..

ไม่จริ๊ง..ไม่เจรง..จิง ๆ ค่ะ..:'(

 

ขอยืนยันว่ารูปสวยจริงๆ ข้อมูลดีแต่โม้เก่งหรือไม่นั้น..ให้ตกลงเรื่องอาบน้ำกันได้ก่อน อิ อิ

 

ไม่เห็นมีเขา จูจุ๊บกันเลย เห็นมีแต่ก้อนหิน :boo:

 

ไม่รู้ว่าช่างกล้องจะเรียกให้เหลียวมาทำไม
คนกำลังจะไต่ขึ้นที่สูง เนอะวีวี่

 

ก็นี่แหละ..เขาล่ะ!!..

 

ขอบคุณค่ะ..

โห!!..เกี่ยวกานได้งายยยยยเนี่ยยยยะ..:'(

 

โด่ สุดท้ายก็ยอมรับว่าจิงๆ อิอิ
มาแอบดู.....ที่เจ้าของกระทู้แอบมาเพิ่มเติม^_^