หลวงปู่ดุลย์สอนว่า "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยความคิดจึงรู้"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 1 เมษายน 2008.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ...
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จะเอาต่อกันใช่ไหมคุณ ขวัญ

    เดี๋ยวไปหา คำสอนของอาจารย์มาลงบ้าง สักครู่ จำไม่ได้

    เเต่คิดว่าเมื่อเช้าเห็น คำสอนดีๆ จากอาจารย์ ไม่ได้จำแต่เห็นมา

    ไม่มีเรื่องให้คิด มีแต่เรื่องให้รู้

    ไม่มีเวลาที่จะคิด มีแต่เวลาที่จะรู้

    ไม่มีเวลาทำอย่างอื่น มีแต่เวลาที่จะรู้

    ไม่มีเวลาให้กับอะไร มีแต่เวลาให้กับรู้



    ความคิดทั้งหมดเกิดจากความไม่รู้

    (อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร)

    แต่ความรู้ที่เเท้จริงไม่ได้เกิดจากความความคิด

    แต่เป็นความรู้ที่เกิดโพล่งขึ้นจากภายใน

    ความคิดนี่แหละที่ทำให้ยาก สับสน วกวน

    แต่ความรู้ทำให้เเจ้งสว่าง


    พระนวลจันทร์ เสมาเพชร (รู้ด้วยจิต หน้า 106)

    "ออกจากใจใช่ความคิด รู้ด้วยจิตใช่สมอง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2008
  3. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    คุ้นๆ นะ เหมือนเพิ่งจะยกไป อิอิ...
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กำลังทำข้อสอบอยู่ ยืมคุณวิมุตติมา
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อาจารย์สันโดษทำไมคิดอะ
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อ่าวเราดันลืมตัวไปคิดอีก เอาใหม่นี้ตอบแบบไม่ได้คิด (ขอเลียบแบบอาจารย์หน่อยนะ)
     
  7. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    ท่านว่าว่าง จากปัญญา ไม่ใช่ว่าง จากโมหะ
     
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ขอชี้แจงเรื่อง คิด ไม่คิด สักหน่อย

    เวลาที่เราต้องใช้ความคิด เราก็ต้องคิด เช่น ทำงาน ทำข้อสอบ พูดคุย
    แต่ระหว่างที่คิด ให้มีสติและสมาธิกับสิ่งเหล่านั้น แล้วระลึกรู้เป็นระยะๆ สลับกันไป
    แต่เมื่อทำในสิ่งที่ไม่ต้องใช้ความคิด ก็ไม่ต้องคิด ให้รู้หรือรู้สึกอย่างเดียว
    เช่น อาบน้ำ กินข้าว นั่งรถเมล์ เดินไปเดินมา โดยย่อคือ ยืน เดิน นั่ง นอน
    ทำให้มาก เจริญให้มาก จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไป
    แล้วตาธรรมจะสว่างมากขึ้น

    เวลาอ่านกระทู้ ก็ต้องคิดตาม แล้วย้อนดูจิตตนเอง
    เวลาตอบกระทู้ ก็ต้องคิดตาม แล้วย้อนดูจิตตนเอง
    ถ้าไม่คิด จะรู้เรื่องไหม
    มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่คิด จริงไหม อย่าต้องให้แจงละเอียดถึงกระบวนการขันธ์ห้าเลย

    ไม่ยากเลยใช่ไหม เข้าใจตรงนี้ให้ได้ จับหลักให้ได้
    แล้วจะหมดสงสัยในเรื่องของการปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน4
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ต้องอาศัยความคิด ก็คือ ส่วนที่เป็นการจงใจไปปฏิบัติทั้งหลาย เช่น การ
    บริกรรมพุท-โธ การดูท้องพอง-ยุบ การเคลื่อนไหวมือ เท้า เดินจงกรม การ
    ดูลมหายใจ-เข้าออก ไม่ว่าทำอะไรจะต้องมีความคิดเข้าไปเกาะเสมอสำหรับ
    ผู้เริ่มต้นเรียนรู้ความรู้สึก เพื่อให้ความคิดมีเพียงรูปเดียว อารมณ์เดียว เมื่อ
    เกิดสภาวะ คิด ที่นอกรูปที่จงใจปฏิบัติอยู่ ก็จะรู้สึก เพราะการปฏิบัติเหล่านั้น
    จะขาดตอน จะลืมกาย ลืมใจไป

    เมื่อทำบ่อย จนจิตจำสภาวะธรรมหลงไปคิด หลงไปตามตัณหา หลงไปตาม
    กิเลสหรืออนุสัย ก็จะทำให้เมื่อเกิดสภาวะธรรมเหล่านั้นขึ้นในยามใช้ชีวิตปรกติ
    ที่อยู่นอกเวลาการจงใจปฏิบัติ ก็จะเริ่มเข้าใจว่า การระลึกรู้ นั้นไม่จำเป็นต้อง
    ปฏิบัติก็ได้ เพราะในชีวิตประจำวันเราก็สามารถมี สติ ระลึกรู้ได้แล้ว

    ก็ จะเริ่มเข้าใจคำว่า สติ เกิดเอง ที่ไม่ใช่ สติ เกิดจากการ นั่งนิ่ง หรือ ทำ
    อารมณ์นิ่งอีก สติมันเกิดเองได้ ไม่จำเป็นต้องไปทำท่าทำทางอะไรอีก

    แต่เมื่อชีวิตสันสนมากๆ การระลึกรู้ก็จะทำไม่ได้ หรือ ไม่เกิดเองเลย ก็จำ
    ต้องกลับมาจงใจปฏิบัติอีก(สมถะ) เหมือนเป็นการชาร์จไฟ ซึ่งทำเพียงให้
    จิตมีกำลังระลึกได้อีกครั้ง ก็เลิกปฏิบัติได้เลย กลับมาปล่อยให้ สติ มันเกิดเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2008
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    นักเรียนขวัญ กลับไปอ่านประโยคใหม่นะคะ

    อาจารย์ บอกว่า คิดว่าเห็น = รู้ ว่า ตัวความคิดเขาเห็น

    คิดก็คือ จิตหนึ่งที่ทำงานอยู่

    ส่วนเห็นก็อีกจิตหนึ่งที่เห็น

    ก็เลยรู้ว่า ต้องเอาตรงไหนมาตอบคะ...รู้เฉยๆนะคะ

    นั้นเเหล่ะ คือ การทำงานของปัญญา
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอบคุณค่ะ
     
  12. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    ความคิดในหัวมันเป็นคำพูดมันเลยช้าไป ไม่ทันกินความเร็วของจิตหรือเปล่าครับ
    ถ้าเราพิจารณาอะไรโดยไม่ให้มีคำพูดดังในหัว มันจะเร็วกว่าคิดแบบมีเสียงดังมาก

    อ้าวคุณเอกวีร์มาอยู่ที่นี่เอง จะถามเรื่องขณะจิตต่อ การเห็นเกิดดับถึงระดับขณะจิตที่วันก่อนคุณเอกวีร์ว่าไว้ มันหมายถึงการเห็นเกิดดับของขันธ์แต่ละขันธ์ใช่ใหมครับ ในเสี้ยววินาทีนึงมันทีการเกิดดับส่งต่อของขันธ์ทั้งห้า 7 ครั้งครบวงจร
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สำหรับผู้ภาวนาเป็นแล้ว

    และเมื่อตระหนักว่า สติ เกิดเองนั้นมีจริง ศรัทธาพละก็จะมีมากขึ้น

    เมื่อนั้น ก็คิดไปตามจังหวะชีวิตประจำวันได้ตามปรกติ แล้วสังเกตว่า
    ตัวรู้สึก นั้นทำงานเองเมื่อใด วันหนึ่งกี่ครั้ง น้อยครั้งก็ถือว่าหลงยาวไป
    แต่ไม่ได้เสียหาย เพียงระลึกได้หนึ่งครั้ง ก็กุศลเกิดมหาศาลแล้ว ก็ให้ค่อย
    ระลึกไปเรื่อย

    ระวังการ จงใจไปคอยรู้สึก การปรุงการรู้สึก ซึ่งจะมาซ้อนอีกครั้งจนเผลอ
    คิดว่าเราเก่ง เราทำได้ ก็จะมี อัตตา เกิดขึ้น ก็ให้สังเกตุจุดนี้ ถ้าอัตตาเกิด
    ขึ้นเมื่อไหร่ ก็แปลว่าโดนมันหลอก โดนตัวคิดหลอกเอา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2008
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    หา! ทำไมถามเร็วขนาดนั้นละ เห็นจริงตามที่ถาม หรือ ว่า นมสิการเอา หนอ
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

    ใช่คะ..มนุษย์ส่วนมาก ไม่รู้ ว่าความคิด คือ จิตที่สงสัย
    หรือ จิตที่อยากรู้ อยากถาม ต้องการคำตอบ
    เราเลยเหมารวมว่า ความคิด คือ ตัวตน
    เราจึงไม่รับฟังความคิดของตนเอง

    ดังนั้น จอยถึงบอกให้เป็นผู้ดู ดูจิตตน หรือความคิดที่ออกมา

    แล้วใช้ สติ พิจารณา ฟังความคิด ผู้รู้ก็จะตอบ จิตที่สงสัยโดยอัตโนมัติ

    ผู้ที่ปฏิบัติธรรม ถึง ฌาน4 จึงสามารถได้ยินคำตอบจากภายใน

    ต้องแยกจิตกับร่างออกจากกันให้ได้ ถึงจะพบ ผู้รู้คะ
     
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    การที่บอกว่า อาศัยคิด ก็จะเห็นว่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ การตั้งสงสัย

    การ ระลึกรู้ นั้นก็ให้ ระลึกรู้แต่สภาวะ กิเลส นิวรณ์ ที่มันเกิด อย่างอื่น
    ไม่ต้องไประลึกรู้ เว้นแต่พวกทำสมถะมาแล้วจนจิตมันชิน มันจะไม่
    อะไรให้ดู เพราะวสีที่นำพาจิตไปเกาะนิ่งกับอารมณ์เอกัคตาอัตโนมัติ
    ก็ให้ดูอาการปิติ หรือ นิมิต ที่เกิดแทน ให้เห็นเป็นของถูกรู้ถูกดูแทน
    ดังนั้น ภาวะหลุดเข้าฌาณพ้นคิด ก็จะเห็นว่า เอามาดูได้ เอามาระลึกได้
    ซึ่งภาวะที่เห็นจะเป็นกิเลสละเอียด คือ ตัณหา อุปาทาน ไป และเมื่อ
    ระลึกอารมณ์ปิติ ฌาณ ได้แล้ว ก็ให้พิจารณาดูธรรม ดูไตรลักษณ์คู่ไป
    ก็จะทำให้มีกำลังในการดูไปด้วย ก็จะกลายเป็นพวกวิปัสสนาไปด้วยและ
    ทำสมถะไปด้วยในตัว -- แต่อันนี้กล่าวไว้แค่นี้ สำหรับคนที่ไม่เคยทำสมถะก็
    ฟังเล่นๆ
     
  17. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    ไม่เร็วขนาดนั้นหรอกคุณเอกวีร์ อย่าเพิ่งตกใจ ;)

    วันก่อนเดินไปร้านหนังสือหยิบหนังสืออาณาปานสติของท่านเจ้าคุณพุทธทาสมาอ่าน ก่อนเข้าทั้ง 4 ขั้น ท่านพุทธทาสอธิบายเรื่องขันธ์ อุปาทานขันธ์ และการทำงานละเอียดยิบทั้ง 7 ขั้นตอน พอได้ยินคุณเอกวีร์พูดเรื่อง 7 ขณะจิตเลยแว่บขึ้นมาว่าที่แท้เราต้องดูที่ขันธ์ทั้ง 5 นี่เองจึงจะละลายอัตตาได้
    แต่ถ้าเราดูไปพลางพากษ์ไปพลางอย่างที่คุณเอกวีร์ถามใครสักคนวันก่อน มันคือการคิดแบบคำพูด มันไม่น่าจะทันกิน เพราะเรากำลังดีบีกซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แบบมัลติทาสก์อยู่ ใช่ไหมครับ
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    แต่สำหรับมือใหม่หัดขับก็ ใช้วิธีที่เหมาะกับตนเอง

    ส่วน Advance ก็ขอให้ปรึกษากับท่านเอกวีร์

    ฌาณ คือ สภาวะ ปราศจากความคิด ย้ำอีกครั้งนะคะ

    อย่าง เล่นเปียนโน เล่นไปเรื่อยๆ ก็ ฌาณ เพราะไม่มีความคิด

    สังเกตุว่าเวลาฟังเพลงจะรู้สึกเบาๆ เพราะไม่มีอารมณ์หรือความคิดมากดทับ

    จิตดังเดิม เราเลยเกิดไอเดียใหม่ๆ เวลาฟังเพลงนะคะ
     
  19. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,396
    พระอาจารย์ของผมท่านสอนว่า " เมื่อรู้แล้วก็เฉย คิดแล้วไม่รู้ก็ให้เฉย "
    ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ว่าแล้วเชียว ต้องไปอ่านหนังสืออะไรมาสักเล่ม

    ยังดีนะนี้ที่ไปอ่านของท่านพุทธทาส ไม่ไปอ่านอภิธรรม
    จะยิ่งติดความคิด แปลความ

    อย่างคุณสถิตย์ต้องถอยห่างหนังสือได้แล้วนะครับ ผมว่า
    โดยฐานความเข้าใจในพยัญชนะนั้น คุณมีเยอะเกินพอแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...