อริยะ ...บุคคล.?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 12 มิถุนายน 2019.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ตามคำแปล
    คำว่า อริยะบุคคล..คือ บุคคลผู้ที่ บรรลุโสดาบัน ขึ้นไป
    ......
    แล้ว เขาเอาเกณฑ์ใด มา วัดมาตรฐาน ว่า ได้ บรรลุโสดาบัน?
    ......
    แล้ว แค่ได้บรรลุโสดาบัน มันมั่นคง ถาวร แน่นอน ไม่เสื่อมคลาย เลยหรือ.?
    .....
    แล้ว ถ้า ยังเสื่อมได้ จะถือว่า เป็นอริยะบุคคลจริงๆ ได้หรือ.?
    .....
    แล้ว ถ้า โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี ยังเสื่อมได้ จะถือว่า เป็นอริยะบุคคลได้จริงหรือ.?
    ...
    เมื่อความไม่แน่นอน คือความแน่นอน
    แล้ว จะเกิดความหลง อัน แรงกล้า กับ อริยะปลอมๆ มากมายแค่ไหน.?
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เห็นมีหลายคน ชอบพากันยึดติด กับคำว่าอริยะ
    จะถามก็ถามหาอริยะ
    จะสงสัยก็สงสัยในความเป็นอริยะ
    อยากเป็นก็อยากเป็นอริยะ
    อยากคุยก็อยากคุยกับอริยะ
    อยากรู้ ก็อยากรู้ว่าตนเป็นอริยะหรือยัง?

    บางคนคิดก็อริยะ พูดก็อริยะ .....เพื่ออะไร?
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แล้วก็มาศึกษาว่า อริยะขั้นต้น ที่บรรลุโสดาบัน มันขนาดไหน? แค่ไหน? คือโสดาบัน...ก็มาดูที่สังโยชน์ 10 ข้อ ทำได้ 3 ข้อ ถือเป็นโสดาบัน คือ
    สักกายทิฐิ
    วิจิกิจฉา
    ศีลพรตปรามาส
    ..
    เขาว่ามาอ่ะนะ...ว่าแต่ สามข้อนี้ มัน จำกัดขอบเขต แค่ไหน? จึงถือว่า บรรลุโสดาบัน.?

    แค่ไหน? ถึง...บรรลุ....โสดาบัน....บันลุนะ ไม่ไช่ กำลังปฏิบัติ

    .....
    ประเด็นสำคัญก็คือ มีสองพวก..คือ
    1. พวกที่กำลังปฏิบัติอยู่ แล้วคิดว่าตนเองเป็นโสดาบันแล้ว
    2. พวกที่ปฏิบัติได้ แต่ก็ยังสงสัย ในตนเองว่า ตนเอง บรรลุจริงหรือ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2019
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มาวิจัย 3 ข้อ หลัก..สักกายทิฐิ วิจิกิจฉา ศีลพรตปรามาส
    ....
    เอาแค่ 3 ข้อนี้ เท่านั้นก่อน...
    ถ้าถือเป็นการเริ่มต้น ในเรื่อง สักกายทิฐิ...ควรจะเริ่มต้นที่ร่างกาย...ต้องร่างกายโดยรวมด้วยนะ...อันได้แก่...เพศตนเอง รูปร่าง ผิวพรรณ ครบอวัยวะ วรรณะรวยจน สุขะพละอ่อนแอแข็งแรง ....มีความพอใจไม่พอใจ ติดข้องหมองใจอะไรกับเรื่อง รูปร่างรูปกายของตนเองหรือไม่...?

    มาเรื่อง ศีลพรตปรามาส...การปฏบัติตนตามศีลธรรม..แปลว่า ปฏิบัติตนตามธรรมชาติของตน ของความเป็นตน เพศ วรรณะ สุขะ พละ เพื่อให้ตนเองเป็นผู้ปกติ ที่ควรจะเป็นไปตามธรรมชาติของตน. นั่นคือ ไม่ผิดธรรมชาติของตน ไม่ฝืนธรรมชาติของตน นี่คือ ปฏิบัติศีล เพื่อให้ กาย วาจา ใจ สงบ เป็นปกติ..เอาศีลห้าข้อ มา เป็นเกณฆ์ ก็ได้...เพราะถ้าทำผิดศีลห้า มันก็จะเกิดความผิดปกติ ผิดธรรมชาติ เกิดขึ้น ใน กาย วาจา ใจ ของตน..

    มาเรื่อง วิจิกืจฉา...ดังนั้น ..ความสงสัยในข้อนี้ จึง ควรจะอยู่ภายในขอบเขตของ สักกายทิฐิ และ ศีลพรตปรามาส..ไปก่อน...เช่นไม่สงสัยในการเกิดมาเป็นคนมีเพศ รูปร่าง วรรณะ สุขะ พละ ของตนเอง....ไม่สงสัยในการเกิดมาของผู้อื่นด้วย...(ทั้งหมดมันรู้ที่ใจ) ส่วนเรื่องศีลพรตปรามาส ก็คือ ไม่สงสัยใน การทำผิดที่ก่อให้เกิดความไม่ปกติของกายวาจาใจ..เช่น เอ ถ้าเราทำแบบนั้น จะเป็นไงน้า.? ถ้าทำผิดศีลแบบนั้น จะเป็นไงกับ กาย วาจา ใจ ของเราน้า.?
    ...
    เมื่อ ครบสามข้อ
    ก็มาวิจัยตนเองว่า..ตนเอง ผ่าน ทั้ง 3 ข้อม นี้ ได้จริงหรือ
    แล้ว...มันยากหรือว่ามันง่ายล่ะ
    เปรียบเหมือน
    สักกายทิฐิ คือ ปล่อยวางกายได้ทั้งหมด
    ศีลพรตปรามาส ศีลหรือความปกติของกาย วาจา ใจ ปกติบริสุทธิ์ ด้วยใจอยู่เสมอ....(ดูดูไป ก็ คล้ายพวก ขอนไม้ ก้อนหินไป แบบนั้น )
    วิจิกิจฉาก็คือ ไม่คิดเรื่องกาย เรื่องศีล...เพราะใจ มัน ไม่ยึดมั่น ให้เสียเวลา ..ใจมันปล่อยผ่านไปได้ ทั้ง กาย วาจา และการปฏิบัติตนของกาย วาจา..เพราะใจ มัน ไม่ยึดถือ...

    เป็นได้ แบบนี้หรือเปล่า..? บรรลุโสดาบัน
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ดังนั้น สำหรับพวกที่ยังปฏิบัติ สามข้อนี้อยู่
    ยังไม่ผ่านสามข้อนี้...ก็ เป็น อริเยอะบุคคล ไปก่อน แล้วกัน
    ตกลง มั้ย?
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ใครมีอะไรจะ เสริม ก็เชิญครับ
    ทั้งหมดที่ว่ามา เป็น ความเห็นของ ผม คนเดียว...
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เอาว่า อย่ามาถามหาอริยะ...กันเลย
    ทำตัวเองให้เป็นคนปกติตามธรรมชาติ ที่ตนเองควรจะเป็นได้..ก็แจ่มแมวแล้ว
    ผม เคยพูด ฝืนธรรมชาติ คือ มิจฉาทิฐิ..
    ถ้ารู้ว่า ตนเอง ยังมีสิ่งที่ฝืนธรรมชาติอยู่ในใจตน ก็เป็น อริเยอะ ไปก่อนนะ
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แค่พยายามทำตนเองให้เป็นคนดี อยู่กะร่องกะรอย
    ทำผิดให้น้อยลง พยายาม งดทำในสิ่งที่ผิด
    แม้จะยังทำถูกไม่ได้
    ก็ควร ยกย่อง เชิดชู ตนเอง ในถานะ ที่ พยายาม งดทำผิด ลดการทำผิด หลีกหนีการทำผิด
    แค่นี้ ใจก็ สดชื่นขึ้นมาได้บ้างแล้ว..ไช่มั้ย?
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อยู่ดีดี เฉยๆ ไม่ทำผิด ..เมื่อไม่ผิด ก็ไม่มีอะไรต้อง แก้ไข

    แต่ถ้าทำผิด ติดลบที่ใจ จึงต้องแก้ไข ไม่งั้น ..ทุกข์ทน
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อยู่ดีดี เฉยๆ ไม่ทำถูก ก็ไม่ผูกเรื่องราว สาวเรื่องใหญ่
    ถ้าทำถูก ติดบวก หลงตามใป มีหรือใจจะไม่แบก ให้ทุกข์ทน
     
  11. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    ตอบตามที่พอเข้าใจนะครับ เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ยาวนะ เดี๋ยวแบ่ง 2 ช่วงให้ ลองพิจารณาดูเหตุปัจจัยเอานะครับ

    สมมุติว่า ถ้าเห็นได้เห็นความเป็นอสังขตธรรมขึ้นมาจริงๆ ก็จะรู้ว่านิพพานมีอยู่จริง ก็จะแทนคำตอบที่ว่า เรื่องที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้และสั่งสอนเป็นเรื่องจริง และทุกอย่างมีอยู่จริงทั้งหมด

    พอเห็นความมีอยู่จริงของอสังขตธรรมแล้ว จึงย้อนกลับมาเห็นความเป็นจริงของโลก ฝั่งโลกเต็มไปด้วยการปฏิบัติหลากรูปแบบเต็มไปหมด แต่กลับไม่ถึงไม่เกี่ยวอะไรกับฝั่งโน้นเลย เห็นความสาระวน วกวน เพียรอยู่กับการปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ บ้างก็ถกเถียงกันในแนวทาง มองเห็นความเป็นวัฏฏสงสาร ส่วนวิวัฏฏะ จะเป็นอิสระออกไปต่างหาก เห็นการหลงกระทำต่างๆนานาทั้งของตนเองที่ผ่านๆมา (รวมทั้งคนในโลกสมมุติด้วย) ฝั่งวิมุติไม่ได้ทำอะไร และไม่เกี่ยวข้องกันกับฝั่งสมมุติ มันหลุดผลั่วะออกไปชั่วคราว ไปเห็นแบบนั้นเพราะว่า ช่วงหลังมาสมาทานการมุ่งรู้ตรงๆไปตามความเป็นจริง
     
  12. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    ต่อ..

    ยกตัวอย่างเช่น การมีมุมมองที่ว่า ความจริงไม่ได้เดินตามที่เราคิด แต่เดินตามเหตุปัจจัยของความจริงเอง แต่มันอาจจะมีบางครั้งที่คล้ายกับที่เราคาดการณ์ แต่จริงๆ ความจริงก็เดินไปตามเหตุปัจจัยวันยังค่ำ (เหตุฉะนั้นควรหมั่นสร้างเหตุดีไว้ก่อน ไม่ควรประมาท) มันทำให้เราเลิกละทิฏฐิความเชื่อ (หลักกาลามสูตร) กลับมาอยู่กับความเป็นจริงก่อนได้ เหมือนอย่างความตาย ใครจะไปรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ตายช้าตายเร็ว ไม่แน่ไม่นอน ไม่มีใครรู้

    นัยยะของการเห็นความเป็นอสังขตธรรมคือก่อเกิดปัญญา เห็นความจริงทั้งฝั่งสมมุติและวิมุติขึ้นมา ทำให้แยกออกระหว่างความเป็นสมมุติกับวิมุติ รู้ทางดำเนิน รู้การหลงกระทำ การที่รู้ลักษณะของการหลงกระทำนั่นแหละครับ ทำให้เข้าใจเรื่องอัตตา เรื่องสีลพตปรามาส สีลพตปรามาสคือการลูบๆคลำๆว่าวิธีการนี้ล่ะใช่ อย่างอื่นไม่ใช่ ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ จริงๆยังเป็นเรื่องของการหลงกระทำทั้งนั้น ตราบใดยังไม่สิ้นสงสัย ก็ยังคงต้องทำเพื่อแสวงหาคำตอบต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสัจจะความจริง และเกิดปัญญาเห็นความจริงขึ้นมาจริงๆ ได้เองในที่สุดครับ
     
  13. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    ทีนี้มันก็ 2 ฝั่งนะ ถ้านับตัวเราที่ไปเห็นก็อีกต่างหาก ตัวนี้ต้องคลาย ซึ่งมันจะค่อยๆเกิดปัญญาและค่อยๆคลายการยึดติดทั้งสมมุติและวิมุติไปเอง ผมจึงมองว่ามันไม่ได้ไปฝั่งไหน แค่คลายความยึดติดทั้งหมดลงไปตามเหตุปัจจัย
     
  14. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ขอให้ทำและทำ ปฏิบัติให้ได้คับ
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เพื่อ...?
     
  16. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    ยินดีที่เขากล่าวคับ
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อืมอ่านเที่ยวแรก นึกว่าเป็นของ เคนนี่
    มาดูอีกที เป็น คนไทบ้าน...
    ถูกแล้ว..ตามที่ว่ามา...สุดท้าย ไม่มีเราในทั้งสองฝั่ง
    และเราก็ไม่ได้อยู่ในตรงกลาง หรือตรงไหนด้วย
    เพราะเราอยู่ในที่สุดท้าย ที่เราควรจะอยู่
    นั้นคือ...กายมนุษย์ ดังนั้น เราที่เป็นนาม จะกลับเข้ามาอยู่ในกายมนุษย์ได้อีกครั้ง
    นามนี้ จึงต้อง เป็น นาม ของ มนุษย์เท่านั้น เป็นนามอย่างอื่น ไปไม่ได้
    กายมนุษย์ ใจมนุษย์..รวมคือ เป็น สมมุติมนุษย์ ตามจริง
    หาไช่ สมมุติสงฆ์ หรือ เทพ เทวดา หรือ อมนุษย์อย่างอื่นใดไม่
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ขอโทษ เข้าใจผิด นึกว่า เคนนี่ พูดกับตัวเอง
    นึกว่าเคนนี่โพส มาดูอีกที เป็นคนไทบ้าน

    อืมคนไทบ้านนี่ ก็ไม่ธรรมดา.
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ทีนี้ คนที่ ..จะมีกำลังปัญญาเหลือพอ ที่นามใจจะกลับมารวมกับร่างของตนเองที่เป็นมนุษย์ได้นั้น...ก็ยากเท่าๆกับที่ ใช้กำลัง ออกไป นั่นแหล่ะ ออกไปได้ไกลแค่ไหน เสียต้นทุนเท่าไหร่ ระยะทางกลับมาก็ต้องใช้..ระยะทางและกำลังหรือต้นทุนเท่ากัน อาจจะมากกว่า ด้วยซ้ำ
    เพราะ...การกลับมา ที่โลกมาเป็นมนุษย์ มันคือการ กลับมา พิสูจน์ ตนเอง กับ ทุกข์ของสัฏะสงสาร..เป็น ยกสุดท้าย...
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ใช่ใช่ใช่
    ด้วยตัวปัญญาเองที่เข้าใจถูกในความจริง
    ของธรรมะ
    ก็จะคลายความยึดมั่นในสมมุติ
    ในบัญญัติทั้งปวง
    และวิมุติไปเองทั้งนี้ตามเหตุตาม
    ปัจจัย
    ฮับ
    ทั้งนี้คือต้องฟัง ต้องเข้าใจต้องสั่งสม
    และต้องภาวนาด้วยฮับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...