ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดเว้นกระทำห้ามทำร้ายชุดปิดตำนานตัว"แก้"(ผนึกเหล็กไหลตาไฟกบิลมุนี) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่จารุวรรณ ED 8364 4246 6 TH

    พี่แมน ED 8364 4247 0 TH

    พี่อรวรรณ ED 8364 4248 3 TH

    * รายการที่ฝากเลี่ยมไว้ยังไม่ได้ของนะครับ เดี๋ยวได้รับแล้วจะจัดส่งให้อีกที
     
  2. Rattanasanarak2

    Rattanasanarak2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2019
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ยอดขุนคลังทรงเมืองมาแรงมากโดยเฉพาะคนที่อาชีพมีปัญหาทำมาหากินฝืดเคือง กล้าพูดว่าเดี๋ยวคงได้นั่งฟังประสบการณ์กันจริงๆในเวลาไม่นานนัก วันนี้ใครจะฝากคำถามอะไรก็ PM ไว้นะครับ
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ช่วงนี้มีแต่คนถามหาของหลักร้อย เดี๋ยวจะเอาตะกรุดปลดหนี้มาลงให้นะครับ
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    รายการนี้จะเรียกว่าตะกรุดก็ไม่ถนัดปาก จะเรียกว่าก้อนผงคุณวิชาก็ยังเรียกได้ แต่ที่แน่นอนนั่นก็คือเขาแรงเกินตะกรุดทั่วไปแน่ๆ อย่าคิดว่าของถูกจะไม่ดี ต้องบอกเลยว่าท่านตั้งใจทำมากเฉพาะแค่ลบผงก็แรงสุดๆแล้ว
     
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    พรุ่งนี้ติดตามกันดีๆนะครับกับตะกรุดชุดพิเศษ มียอดเล็กน้อยสำหรับคนมีหนี้หรืออยากปลดหนี้ตัวนี้น่าใช้มากๆ
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ฝากคำถาม pm ไว้นะครับ
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    วันพรุ่งนี้ติดตมกันดีๆนะครับ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ร่วมทำบุญบูชา ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้(มีตังค์)

    ด้วยพ่ออาจารย์ท่านเล็งเห็นว่าคนทำมาหากินทุกๆอาชีพช่วงนี้บ่นกันอุบว่าหาตังค์ยากลำบากนักหนา ลืมตาอ้าปากไม่ขึ้นหายใจไม่ออกเลย ไม่ว่าจะคิดจะลองหรือกระดิกตัวไปทำมาหากินอะไร ก็ติดขัดกันหมด ขัดสนเงินทองจะอยู่จะกินก็ฝืดหาก็ไม่คล่องแล้ว เนื่องด้วยสภาวะพิษเศรษฐกิจที่ตกต่ำรุนแรงขึ้น หลายคนที่ทำธุรกิจไม่ค่อยเฟื่องฟู การงานไม่ก้าวหน้า,ไม่กระเตื้อง ยิ่งการเงินนี่ยิ่งไม่กระดิกเลย บางคนก็หาทางออกด้วยการกู้หนี้ยืมสินเขามาเลยกลายเป็นวัฏจักรของคนเป็นหนี้เพราะไม่สามารถชำระหรือปลดหนี้ได้ถาวร ปัญหานี้จึงเหมือนเรื่องซ้ำเติมให้คนไร้ทางออกยิ่งขึ้นไปอีก พ่ออาจารย์ท่านว่าในห้วงวัฏจักรนี้ไม่มีสิ่งใดหรืออะไรก็ดี จะยากเกินไปกว่าที่อำนาจพระพุทธานุภาจะบันดาลให้เป็นไปซ้ำเมื่อกุศลกรรมก่อเกิด กรรมให้คุณตอบสนอง ผลดีก็ย่อมประคับประคองชีวิตคนที่ล้มไปแล้วให้ลุกขึ้นมาโดยง่าย เมื่อเราใช้ทั้งพระพุทธานุภาพและกุศลกรรมเข้ามาเสริมส่งชีวิต ทั้งสองสิ่งนี้ย่อมอุดรอยรั่วและนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านว่านี่ถึงจะไปห้ามก็ห้ามไม่อยู่แล้วนะคนมันจะได้ดีจะเจริญใครก็ห้ามไม่อยู่ มันแตกต่างกับชีวิตผีซ้ำด้ามพลอยในตอนแรกขนาดนั้น ท่านว่าในส่วนของการอาราธนาให้พระพุทธานุภาพสงเคราะห์ท่านจะขอครูพระพุทธทุกพระองค์อาราธนาให้ท่านช่วยกันทำให้เอง ส่วนในเรื่องกุศลกรรมอันนี้ก็เร่งประกอบกันให้ดีเถิดผลบุญนั้นเมื่อเจอกับพระพุทธานุภาพย่อมให้ผลแรงทันตาสำเร็จทันใจเช่นนี้

    ครูบรมพรหมท่านจึงแนะนำให้พ่ออาจารย์ทำวิชาของท่านและเมื่อสร้างสำเร็จแล้วค่อยให้เสด็จพระใหญ่ช่วยสงเคราะห์อีกทีเช่นนี้ท่านจึงได้สร้างผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดปลดหนี้(มีตังค์)ขึ้นมา เพื่อเอาไว้ใช้เรียกเงินทองให้เหล่าคนที่ชีวิตมีปัญหา,ติดขัด,ฝืดเคือง จะได้มีของดีไว้บูชาให้พระพุทธานุภาพ,คุณเทพ,คุณพรหมได้สงเคราะห์ ท่านว่าวิชานี้เป็นวิชาดูดทรัพย์ทั้งยังเปลี่ยนโชคของคนได้ ช่วยให้รับวาสนาเงินทองเปลี่ยนชีวิตให้รับแต่เงินแต่ทองต้องไปข้องเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆหากแต่ไม่ไหลออกมีแต่ไหลเข้ามา นี่คือเกี่ยวโชค,ดูดลาภบันดาลให้ผลสำเร็จในชีวิตเกิดขึ้นโดยพลัน ท่านว่าพูดกันเข้าใจง่ายๆเลยก็คือรวยเร็วกว่าคนอื่นๆในแวดวงที่ทำมาหากินเหมือนกัน ครูบรมพรหมท่านให้วิชาลงตะกรุดซึ่งเป็นวิชาสายพรหมขององค์ท่านให้พ่ออาจารย์ลงจารทำวิชาและท่านมาประสิทธิให้วาระหนึ่งก่อน

    จากนั้นพ่ออาจารย์ท่านจึงลบผงดูดทรัพย์,ผงหัวใจพระสิวลี,ผงทศชาติเงินไม่ขาด,ผงมหาเศรษฐี,ผงปลดหนี้,ผงวิชาเจ้าสัวใหญ่,ผงมหาลาภ,ผงมหาทรัพย์,ผงจับลาภจับเงินจับทอง,ผงดวงเศรษฐีใหญ่ ผงเหล่านี้พ่ออาจารย์ลบถมยันต์เองตามฤกษ์ยามมงคลปลุกเสกผงนี้อยู่นานถึงสองปีก่อนที่จะนำมาสร้าง พ่ออาจารย์ท่านว่าผงนี้แต่เดิมก็สำเร็จด้วยพระพุทธานุภาพอยู่แล้ว เราตั้งใจให้ผลที่เกิดจากพระพุทธานุภาพมาเสริมกำลังกับตะกรุดที่เกิดจากคุณพรหมบันดาลหรือพรหมลิขิตนี้เช่นนี้จึงจะลงตัวมีคุณค่ามากพอที่จะอุดรอยรั่วปิดช่องโหว่ชีวิตคนได้ พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชาทำผงเหล่านี้เสด็จพระใหญ่ท่านมาเสกให้หลายรอบผงนี้จึงมีพุทธคุณมาก แม้เพียงเศษผงก็เปลี่ยนชีวิตคนได้ ฉันเคยเอามาใส่ซองพลาสติกให้คนลองพกดู ช่วงนั้นใครได้ผงไปก็ได้ดิบได้ดีมีอันจะกินกันถ้วนหน้าท่านจึงมั่นใจในอิทธิคุณผงวิเศษชุดนี้ ท่านว่าใครใช้ก็ไม่เห็นจะลำบากเลยสักคนมีแต่บอกว่าสบายขึ้น บางคนบอกว่างานเยอะจนทำไม่ทัน ทำไม่ไหว ที่ท้อถึงขนาดบอกว่าไม่ไหวแล้วเบื่อแล้วงานขนาดนี้ไม่มีเวลาให้พักเลยไม่เคยเจอะเคยเจอมาก่อนก็ยังเกิดขึ้นได้ คนที่ได้เลื่อนขั้น ได้ก้าวหน้าก็มีอยู่มาก ท่านว่าหนนี้ท่านจึงใช้ผงชุดนี้เพื่อให้โอกาสคนที่ท้อถอยได้มีโอกาสเปิดดวงเข้าถึงโชคลาภแลสมบัติทั้งหลายจะได้จับได้ใช้โชคและลาภเหล่านั้น ใครเป็นหนี้จะได้หมดหนี้อยากได้ดิบได้ดีมีความเจริญ อยากให้งานที่ทำก้าวหน้าลงทุนอะไรได้กำไรไม่ขาดทุนชีวิตมั่งคั่งอยู่เป็นสุขจะนั่งจะนอนล้วนเป็นสุขไม่ทุกข์สาหัส พ่ออาจารย์ท่านว่าอยากเปิดดวงอยากปลดหนี้ก็ให้เอาผงชุดนี้ไปใช้ แต่เมื่อใช้เมื่อถืออาราธนาแล้วต้องตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจทำมาหากินด้วยนะ อย่าคร้านอย่าขี้เกียจเทวดาครูบาอาจารย์ท่านไม่ชอบ ถ้าคิดว่าใช้แล้วจะนั่งๆนอนๆไม่ทำอะไรเช่นนี้อย่าเอาไปเลย แต่ถ้าใครอยากงานเข้า มีงานมาก มีความก้าวหน้าในอาชีพนั่นแหละจึงจะควรอาราธนาให้สิ่งดีๆเข้ามาไม่ขาดไม่ช้าเลย

    ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วและตะกรุดปลดหนี้นี้ ท่านเจตนาทำเพื่อสร้างสุดยอดของผงและยอดตะกรุดให้เอาไปใช้ในทางมหาลาภ,โภคสมบัติ,ปลดหนี้ปลดสินอย่างแท้จริง ท่านจึงเอาผงเหล่านี้มาโขลกรวมกับผงที่เกิดจากพระธาตุของพระสีวลีพระอรหันต์ที่มีลาภหนักมากเป็นมวลสารหลัก จากนั้นจึงใช้ผงที่ให้คุณทางโภคทรัพย์ของครูบอาจารย์ที่เคยมอบให้ท่านไว้และผงที่พระอรหันต์หรือเทวดาได้ทำไว้เพื่อรอโอกาสสงเคราะห์คนซึ่งท่านเจอตามถ้ำตามป่าเขาเอามาโขลกผสมรวมกัน ท่านทำผงอิทธิคุณนี้ตามสูตรการส้างพระแต่ท่านว่าถ้าทำเป็นพระข้อห้ามมันจะเยอะพกไปไหนในที่อโคจรมันก็ไม่สะดวกเวลาคนใช้ก็ต้องถอดจะใส่ติดตัวนานๆไม่ค่อยได้ซ้ำพระก็ยังติดข้อจำกัดของพระ,เทพพรหมก็ยังติดข้อจำกัดของเทพ,พรหม เช่นนี้ท่านจึงทำโดดๆมาเป้นก้อนผงอิทธิคุณเลยเพื่อเอาอำนาจวิเศษเข้ามาช่วยไม่ต้องติดรูปลักษณ์หรือเรื่องควรไม่ควรแต่อย่างใด ท่านว่าสูตรทำผงนี้ให้ลาภหนักมาก เรื่องเอาไปแล้วจะใช้ปลดหนี้นั้นย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน เพราะผงนี้อยู่ที่ไหนที่นั่นจะอุดมสมบูรณ์ บริบูรณ์ถึงพร้อมด้วยปัจจัยสี่ได้โชค,ได้ลาภ,ได้ลาภลอย คนที่เคยใช้ที่เป็นหนี้สองเดือนปลดหนี้ได้แล้วก็มีชีวิตหมดหนี้หมดสินกันเลย พ่ออาจารย์ท่านตั้งใจว่าอยากจะให้คนที่บูชาเป็นคนที่อุดมสมบูรณ์ ทำอะไรไปทางไหนก็มีหนทาง มีคนหยิบยื่นน้ำใจและความช่วยเหลือ มีเงินทองติดตัว สะสมทรัพย์ได้ มีฐานะมีอันจะกินเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับขั้น ให้หนี้สินบางเบามีทางทางออก ให้หนทางแห่งเหตุและที่มาของทรัพย์นั้นงอกเงยเก็บเงินอยู่ ตลอดเวลาที่ยังเป็นสัมมาทิฏฐิยังไหว้พระยังนึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ก้อนผงอิทธิคุณเล็กๆนี้ย่อมช่วยได้ไม่มีประมาณ

    ในส่วนตะกรุดปลดหนี้วิชาครูพรหมนั้น พ่ออาจารย์ท่านถือว่าเป็นวิชาเรียกลาภอันประเสริฐและใหญ่ที่สุด ช่วยให้วิถีชีวิตคนที่ตกอับตกทุกข์เปลี่ยนเป็นเลิศเลอทางลาภสักการะได้ ท่านว่าวิชานี้อยู่ไหนที่ไหนเทวดาเจ้าที่เจ้าทางผีบ้านผีเรือนก้ช่วยเปิดทางทรัพย์ให้ทั้งหมด ไม่กดเรา มีแต่มาช่วยส่งเสริมเรา ถ้าจะเอาตามที่ครูพรหมท่านบอกไว้ก็คือเรียกเงินมาเป็นห่าฝนให้มั่งมีมากมายในทรัพย์สมบัติดั่งใจคิดจนไม่เป็น เช่นนี้ตะกรุดปลดหนี้จึงใช้แล้วดี ใช้แล้วรวย ยิ่งหากเราประกอบกุศลกรรมเพื่อกดทับวิบากกรรมด้วยแล้วอันนี้จะยิ่งเห็นผลไวมาก พ่ออาจารย์ว่าวิชาที่ครูพรหมท่านอนุญาติท่านเปิดทางให้สร้างเช่นนี้ ***บอกไว้ตรงนี้เลยว่าหมดแล้วก็หมดเลย เพราะจะให้ทำใหม่ถึงทำได้แต่มันก็ไม่ง่ายแล้ว และที่ครูท่านจะอนุญาติจะให้วิชามาทำเพื่อสงเคราะห์ในด้านการทำมาหากินการใช้หนี้สินหนี้กรรมหนี้ชีวิตแบบนี้ย่อมไม่อาจจะเห็นได้ง่ายๆ

    ตะกรุดปลดหนี้นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าครูบรมพรหมท่านตั้งใจให้ทำไว้ใช้กัน ท่านว่าก่อนจะปลดหนี้ได้ก็ต้องเรียกเงินได้ก่อน ต้องเรียกเงินมาได้มากๆนั่นแหละจึงจะพ้นหนี้ และหากพ้นหนี้แล้วก็ได้โปรดอย่าก่อหนี้ใหม่ให้ตั้งใจทำมาหากินเช่นนี้จึงจะเหมาะจะควร ท่านว่าตะกรุดปลดหนี้นี้ใช้เรียกลาภเรียกทรัพย์ใหญ่น้อยได้เท่ากับแม่น้ำพระคงคาอันจะเอ่อท่วมไหลหลั่งมาชะล้างปัญหาการเงินและหนี้สินของเรา ด้วยเป็นของสำคัญมีมงคลเป็นเลิศทางลาภสักการะและหนุดวงเราให้พ้นหนี้สิน ใช้หนุนดวงการเงินอย่างแท้จริง เมื่อปลดหนี้แล้วจะได้เป็นเศรษฐีเป็นเจ้าสัว ท่านว่าหนุนให้ทรัพย์เข้ามา คนที่การเงินขัดสนชีวิตติดขัดหน้าที่การงานมีปัญหา เอาว่าถ้าเกี่ยวกับเรื่องการเงินฝืดเคืองการเงินในชีวิตตนเองมีปัญหา ท่านว่าให้ใช้ตะกรุดชุดนี้เลย เอาไว้ฝ่าวิกฤติเรื่องเงินๆทองๆโดยเฉพาะ นอกจากจะเรียกลาภมาหาเราแล้ว ไม่ว่าเราจะหยิบจับทำอะไรมันก็จะกลายเป็นเรื่องเงินๆทองๆไปเสียหมดเช่นนี้

    ตะกรุดชุดนี้พ่ออาจารย์ท่านว่ามีเคล็ดลับในการใช้อยู่บ้าง ***นั่นคือให้เอาไว้ติดตัวจะใส่ตรงไหนพกอย่างไรก็ได้ กับให้เอาไว้ในที่ซึ่งเราเก็บสิ่งของมีค่าจะเป็นที่เก็บเงินหรือทรัพย์สมบัติเราก็ได้เขาจะสื่อกันให้เราหาทรัพย์รับทรัพย์เข้ามาใส่ให้คลังของเราเต็มมีแต่เข้าไม่มีออก ท่านว่าทรัพย์เราอยู่ไหนก็วางไว้ได้ทั้งสิ้นจะวางทับทองคำ วางทับสมุดเงินฝาก วางทับโฉนดที่ดิน วางทับทรัพย์สินต่างๆขึ้นอยู่กับเราทำอาชีพอะไรและเก็บสะสมทรัพย์แบบไหนขอให้เป็นทรัพย์สินนั้นวางทับได้ทั้งสิ้น เขาจะเติมเต็มสิ่งนั้นและในเวลาไม่ช้าไม่นานให้เราสังเกตุดีๆว่าที่เก็บทรัพย์จะเปลี่ยนแปลงไปมันจะมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ งอกเงยขึ้นมาเป็นเท่าตัวตราบใดที่เราขยันนั้นย่อมจักไม่รู้ยากรู้จนเลย ก่อนจะวางทับไว้ก็ให้อธิษฐานในสิ่งที่พอดีว่าอยากให้มีเพิ่มขึ้นมากี่เท่า เอาให้เหมาะให้ควรแก่กำลังของเราที่จะหาเพิ่มมาได้ เช่นขอให้เพิ่มเป็นเท่าตัว,สิบเท่า,ร้อยเท่าเช่นนี้ คือถ้าขอไปต้องมั่นใจว่าเรามีความสามารถพอที่จะทำด้วย อย่าไปพูดว่าขอแสนขอล้านเท่าท่านว่าจะขออะไรก็ละอายแก่ใจตนเองบ้างเรื่องบางเรื่องมันเป็นไปไม่ได้เลย แค่ช่วยแค่เปลี่ยนแค่เพิ่มพูนเท่านี้ก็ดีมากแล้ว เพราะบางคนส่วนใหญ่นั้นจะติดพูดไปเรื่อยไม่รู้ที่เหมาะที่ควรว่าจะขอพ่อพระพุทธขอครูพรหมเช่นนี้ มันโลภมากจนเกินงามไป เอาให้พอดีๆให้ชีวิตเราค่อยๆก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆเพิ่มทีละเท่าๆถ้าเราขยันไม่นานมันก็เป็นร้อยเป็นพันเท่าเพิ่มขึ้นไปของมันเอง ด้วยตะกรุดชุดนี้เป็นวิชาที่ช่วยให้ทรัพย์เพิ่มพูนขึ้น ท่านว่ามันจะเพิ่มจนเจ้าตัวก็ยังประหลาดใจเพราะไม่รู้ที่มาและจำไม่ได้ว่ามีเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน เหมือนเราทำงานเพลินๆรู้ตัวอีกทีก็ตั้งตัวได้แล้ว เช่นนี้จึงถือว่ามีเงินมากกว่าเดิม มีทัพย์มาเติมเต็มคลัง มีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ ถ้าคนเป็นหนี้ก็จะปลดหนี้ได้ เพราะชีวิตเราอยู่ในจุดที่เรามีเงินมากกว่าที่เราเคยมี

    พ่ออาจารย์ท่านว่าให้ใช้เปิดทางรวย ขอให้แรงครูชี้ช่องทางทำเงินเหล่านี้ล้วนได้ทั้งสิ้น ให้การเสี่ยงโชคได้ผล ให้การงานงอกเงยการเงินงอกงามมีทุกสิ่งเพิ่มขึ้น ดีกว่าเดิม..และมากกว่าเดิม พ่ออาจารย์ท่านว่าครูพรหมกับพ่อพระพุทธท่านสงเคราะห์เรื่องโชคลาภให้การเงินคล่องตัวคล่องมือ ทั้งยังหนุนดวงเป็นมหานิยมให้คนนิยมชมชอบ ให้ดวงดีดวงขึ้นเป็นเศรษฐีมีทรัพย์สมบัติหมดหนี้หมดสิน ท่านว่าเฉพาะแค่ผงชุดที่ทำไว้นี้ก็มีประสบการณ์เล่ากันมาเยอะแล้ว ตอนทำท่านจึงเทผงชุดนี้ลงไปหมดเลยใครจะมาขอเพิ่มท่านว่าไม่ใช่เราไม่ให้แต่มันไม่มีแล้วเพราะเทมาทำจนหมด ด้วยตั้งใจจะให้คนใช้ได้ปลดหนี้มีชีวิตที่ดีขึ้น

    คาถาบูชา
    มานิมามานิมา พรหมมานิมา จิตตังพรหมมานิมา

    *** รายการนี้พ่ออาจารย์ท่านเน้นใช้ผงมวลสารล้วนๆค่อยๆปั้นค่อยๆทำจึงมีให้บูชาจำนวนจำกัด ## ท่านแนะนำให้พกติดตัวชิ้นหนึ่งและใส่ที่เก็บทรัพย์ชิ้นหนึ่ง รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น รายได้ร่วมสมทบทุนสร้างห้องน้ำในวัดที่ขาดแคลนสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา ผงอิทธิคุณอุดรอยรั่วห้ามจนตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้(มีตังค์) บูชา 900 บาท

    69101291-2378218392393515-3970537505253490688-n.jpg
    68867683-2247273012253647-5582101683883737088-n.jpg
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    รายการล่าสุดนี้ใช้แบบเครื่องรางได้นะครับทำพวงกุญแจรึคาดเอวก็ได้
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สรวุฒิ ED 8364 2789 7 TH

    พี่ศิระ ED 8364 2790 6 TH

    พี่วิศณุกร ED 8364 2791 0 TH
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ใครมีคำถามแจ้ง PM ไว้นะครับ เดี๋ยวถ้าอันไหนน่าสนใจจะยกมาตอบให้ ส่วนรายการตะกรุดหนุนทรัพย์ปลดหนี้หลังจากตอนนี้ไปขอจำกัดจองไว้ท่านละไม่เกินสองดอกนะครับ พราะยอดใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว แบ่งๆกันไป
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    การคุมจิตให้สงบ

    อรุณสวัสดิ์ครับ มีคนถามว่าเวลานั่งสมาธิแล้วจิตไม่สงบให้ทำอย่างไร บางครั้งเราก็ตอบไปว่าทำให้มันสงบ..เอีะทำไง ก็อย่าไปคิด นี่พูดกันง่ายๆเลยแต่สำหรับบางคนนั้นทำยากไอ้คำว่าอย่าไปคิดสั้นๆแค่นี้แต่เหมือนยิ่งกดไว้ก็ยิ่งกำเริบ ก็เลยจะขอยกบทความของหลวงปู่ชามาให้อ่านกันเพราะคิดว่าท่านอธิบายไว้ดีแล้วลองทำตามกันดูนะครับ

    การทำจิตให้สงบ
    การทำจิตให้สงบ คือการวางให้พอดี ตั้งใจเกินไปมากมันก็เลยไป ปล่อยเกินไปมันก็ไม่ถึง เพราะขาดความพอดี ธรรมดาจิตเป็นของไม่อยู่นิ่ง เป็นของมีกิริยาไหวตัวอยู่เรื่อย ฉะนั้นจิตใจของเราจึงไม่มีกำลัง

    การทำจิตใจของเราให้มีกำลัง กับการทำกายของเราให้มีกำลังมันต่างกัน การทำกายให้มีกำลังก็คือ การออกกำลัง ทำกายบริหาร มีการกระโดด การวิ่ง นี่คือการทำกายให้มีกำลัง การทำจิตใจให้มีกำลังก็คือทำจิตให้สงบ ไม่ใช่ทำจิตให้คิดนั่นคิดนี่ไปต่างๆ ให้อยู่ในขอบเขตของมัน เพราะว่าจิตของเรานั้นไม่เคยได้สงบ ไม่เคยมีกำลัง มันจึงไม่มีกำลังทางด้านสมาธิภายใน

    การทำสมาธิ
    บัดนี้เราจะทำสมาธิ ก็ตั้งใจ ให้เอาความรู้สึกกำหนดอยู่กับลมหายใจ ถ้าหากว่าเราหายใจสั้นเกินไปหรือยาวเกินไป ก็ไม่พอดี ไม่ได้สัดได้ส่วนกัน ไม่เกิดความสงบ เหมือนกันกับเราเย็บจักร ผู้เย็บจักรมีมือมีเท้าเราต้องถีบจักรเปล่าดูก่อน ให้รู้จักให้คล่องกับเท้าของเราเสียก่อนจึงเอาผ้ามาเย็บ

    การกำหนดลมหายใจก็เหมือนกัน หายใจเฉยๆกำหนดรู้ไว้ จะพอดีขนาดไหน ยาวขนาดไหน สั้นขนาดไหน จะให้ค่อยขนาดไหน แรงขนาดไหน จะยาวก็ไม่เอากับมัน จะสั้นก็ไม่เอากับมัน จะค่อยก็ไม่เอากับมัน เอาตามความพอดี เอายาวพอดี เอาสั้นพอดี เอาค่อยพอดีเอาแรงพอดี นั่นชื่อว่าความพอดี เราไม่ได้ขัดไม่ได้ข้องแล้วก็ปล่อย หายใจดูก่อนไม่ต้องทำอะไร

    ถ้าหากว่าจิตสบายแล้ว จิตพอดีแล้ว ก็ยกลมหายใจเข้าออกเป็นอารมณ์ หายใจเข้าต้นลมอยู่ปลายจมูก กลางลมอยู่หทัยคือหัวใจ ปลายลมอยู่สะดือ อันนี้เป็นแหล่งการเดินลม เมื่อหายใจออก ต้นลมจะอยู่สะดือ กลางลมจะอยู่หทัย ปลายลมจะอยู่จมูก นี่มันสลับกันอย่างนี้ กำหนดรู้เมื่อลมผ่านจมูก ผ่านหทัย ผ่านสะดือ พอสุดแล้วก็จะเวียนกลับมาอีกเป็นสามจุดนี้ ให้ความรู้ของเราอยู่ในความเวียนเข้าออกทั้งสามจุดนี้ พยายามติดตามลมหายใจเช่นนี้เรื่อยไป เพื่อรักษาความรู้นั้นและทำสติสัมปชัญญะของเราให้กล้าขึ้น

    เมื่อหากว่าเรากำหนดจิตของเรา ให้รู้จักต้นลม กลางลม ปลายลมดีแล้วพอสมควร เราก็วาง เราจะหายใจเข้าออกเฉยๆ เอาความรู้สึกของเราไว้ปลายจมูก หรือริมฝีปากบนที่ลมผ่านออกผ่านเข้า เอาแต่ความรู้สึกเท่านั้นไว้ที่นั่น ไม่ต้องตามลมออกไป ไม่ต้องตามลมเข้ามา เอาความรู้สึกหรือผู้รู้นั่นแหละไว้เฉพาะหน้าเราที่ปลายจมูก ให้รู้จักลมผ่านออกผ่านเข้า ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแต่ให้มีความรู้สึกเท่านั้นแหละ ให้มีความรู้สึกติดต่อกัน ลมออกก็ให้รู้ ลมเข้าก็ให้รู้ ให้รู้อยู่แต่ที่นั่นแหละ รู้แล้วมันจะเป็นอะไรก็ไม่ต้องคิด เอาเพียงเท่านั้นเสียก่อนในเวลานี้ หน้าที่การงานของเรามีแค่นั้น ไม่ได้มีมาก กำหนดลมเข้าออกอยู่อย่างนั้นแหละ ต่อไปจิตก็สงบ ลมก็จะละเอียดเข้าไป น้อยเข้าไป กายก็จะเบาเข้าไป จิตก็จะสงบไป ความเบากายเบาใจนั้นก็จะเกิดขึ้นมา จะเป็นกายควรแก่การงาน และจะเป็นจิตควรแก่การงานต่อไป นี่คือการทำสมาธิ ไม่ต้องทำอะไรมาก ให้กำหนดเท่านั้น ต่อไปนี้ให้ตั้งใจทำกำหนดไป…

    จิตเราละเอียดเข้าไป การทำสมาธินั้นจะไปไหนก็ช่างมัน ให้เรารู้ทันเอาไว้ ให้เรารู้จักมัน มันก็มีทั้งอารมณ์ มีทั้งความสงบ คลุกคลีกันไป มันมีวิตก วิตกคือการจะยกจิตของตนนึกถึงอันใดอันหนึ่งขึ้นมา ถ้าสติของเราน้อยก็จะวิตกน้อย แล้วก็มีวิจารคือ การตรวจดูตามเรื่องที่เราวิตกนั้น แต่ข้อสำคัญนั้นต้องพยายามรู้ให้ทันอยู่เสมอ แล้วก็พิจารณาให้ลึกลงไปอีก ให้เห็นว่า มีทั้งสมาธิและมีทั้งความรู้รวมอยู่ในนั้น

    องค์ประกอบของความสงบ
    คำว่า “จิตสงบ” นั้นไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรมันต้องมี มีความสงบครอบอยู่ ท่านกล่าวถึงองค์ของความสงบขั้นแรกว่า หนึ่งมีวิตก ยกเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา แล้วก็มีวิจาร คือพิจารณาตามอารมณที่เกิดขึ้นมา ต่อไปก็จะมีปีติคือ ความยินดีในสิ่งที่เราวิตกไปนั้น ในสิ่งที่เราวิจารไปนั้น จะเกิดปีติ คือความยินดีซาบซึ้งอยู่โดยเฉพาะของมัน แล้วก็มีสุข สุขอยู่ไหน สุขอยู่ในการวิตก สุขอยู่ในการวิจาร สุขอยู่กับความอิ่มใจ สุขอยู่กับอารมณ์เหล่านั้นแหละ แต่ว่ามันสุขอยู่ในความสงบ วิตกก็วิตกอยู่ในความสงบ วิจารก็วิจารอยู่ในความสงบ ความอิ่มใจก็อยู่ในความสงบ สุขก็อยู่ในความสงบ ทั้งสี่อย่างนี้เป็นอารมณ์อันเดียว อย่างที่ห้า คือ เอกัคคตา ห้าอย่างแต่เป็นอันเดียวกัน คือทั้งห้าอย่างนี้เป็นอารมณ์ แต่มีลักษณะอยู่ในขอบเขตอันเดียวกัน คือเมื่อจิตสงบ วิตกก็มี วิจารก็มี ปิติก็มี สุขก็มี เอกัคคตาก็มี ทั้งหมดนี้เป็นอารมณ์เดียวกัน

    คำที่ว่าอารมณ์เดียวกันนั้น ทำไมจึงมีหลายอย่างหมายความว่า มันจะมีหลายอาการก็ช่างมัน เพราะอาการทั้งหลายเหล่านั้น จะมารวมอยู่ในความสงบอันเดียวกันไม่ฟุ้งซ่าน ไม่รำคาญ เหมือนกับว่ามีคน ๕ คน แต่ลักษณะของคนทั้ง ๕ คนนั้นมีอาการเดียวกัน คือจะมีอารมณ์ทั้ง ๕ อารมณ์ เมื่ออารมณ์อันนั้นอยู่ในลักษณะ นี้ ท่านเรียกว่า “องค์” องค์ของความสงบ ท่านไม่ได้เรียกว่าอารมณ์ ท่านเรียกว่า วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตารมณ์ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่เป็นอารมณ์ตามธรรมดา ท่านจึงจัดว่าเป็นองค์ของความสงบมีอาการอยู่ ๕ อย่าง คือวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ไม่มีความรำคาญ วิตกอยู่ก็ไม่รำคาญ วิจารอยู่ก็ไม่รำคาญ มีปีติก็ไม่รำคาญ มีความสุขก็ไม่รำคาญ จิตจึงเป็นอารมณ์เดียวอยู่ในสิ่งทั้ง ๕ นี้จับรวมกันอยู่ เรื่องจิตสงบขั้นแรกจึงเป็นอย่างนั้น

    ปัญหาของการทำสมาธิ
    ทีนี้บางอย่างอาจถอยออกมา ถ้ากำลังใจไม่กล้า สติหย่อนไปแล้ว มันจะมีอารมณ์มาแทรกเข้าไปเป็นบางครั้ง คล้ายๆกับว่าเคลิ้มไป แล้วมีอาการอะไรบางอย่างเข้ามาแทรกตอนที่มันเคลิ้มไป แต่ไม่ใช่ความง่วงตามธรรมดา ท่านว่ามีความเคลิ้มในความสงบ บางทีก็มีอะไรบางอย่างแทรกเข้ามา เช่นว่า บางทีมีเสียงปรากฏบ้าง บางทีเหมือนเห็นสุนัขวิ่งผ่านไปข้างหน้าบ้าง แต่ว่าไม่ชัดเจนและก็ไม่ใช่ฝัน อันนี้จัดเป็นฝันไม่ได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะกำลังทั้ง ๕ ดังกล่าวแล้วไม่สม่ำเสมอกัน มันอ่อนลง อ่อนเคลิ้มลง จึงเกิดอารมณ์เข้าแทรก อันนี้เป็นอาการของจิต

    ถ้าหากว่าเรามีความสงบมันก็มีสิ่ง ๕ สิ่งนี้เป็นบริวารอยู่ แต่เป็นบริวารในความสงบ อันนี้เป็นเบื้องแรกของมัน ขณะที่จิตเราสงบอยู่ในขั้นนี้ ชอบมโนนิมิตทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางจิต มันชอบเป็นแต่ผู้ทำสมาธิจับไม่ค่อยถูกว่า “มันหลับไหม? ก็ไม่ใช่” “มันฝันไปหรือ? ก็ไม่ใช่” ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น มันเป็นอาการเกิดมาจากความสงบครึ่งๆกลางก็ได้ บางทีก็แจ่มใสเป็นธรรมดา บางทีก็คลุกคลีไปกับความสงบบ้าง กับอารมณ์ทั้งหลายบ้าง แต่อยู่ในขอบเขตของมัน

    อย่างไรก็ตาม บางคนทำสมาธิยาก เพราะอะไร เพราะจริตแปลกเขา แต่ก็เป็นสมาธิ แต่ก็ไม่หนักแน่น ไม่ได้รับความสบายเพราะสมาธิ แต่จะได้รับความสบายเพราะปัญญา เพราะปัญญาความคิด เห็นความจริงของมันแล้วก็แก้ปัญหาถูกต้อง เป็นประเภทปัญญาวิมุตติ ไม่ใช่เจโตวิมุตติ มันจะมีความสบายทุกอย่างที่จะได้เกิดขึ้นเป็นหนทางของเรา เพราะปัญญา สมาธิมันน้อย คล้ายๆกับว่าไม่ต้องนั่งสมาธิ พิจารณา “อันนั้นเป็นอะไรหนอ” แล้วแก้ปัญหาอันนั้นได้ทันที เลยสบายไป เลยสงบ ลักษณะผู้มีปัญญาต้องเป็นอย่างนั้น

    ทำสมาธินี้ไม่ค่อยได้ง่ายและไม่ค่อยดีด้วย มีสมาธิแต่เพียงเฉพาะเลี้ยงปัญญาให้เกิดขึ้นมาได้ โดยมากอาศัยปัญญา เช่น สมมติว่า ทำนากับทำสวน เราอาศัยนามากกว่าสวน หรือทำนากับทำไร่ เราจะได้อาศัยนามากกว่าไร่ ในเรื่องของเรา อาชีพของเรา และการภาวนาของเราก็เหมือนกัน มันจะได้อาศัยปัญญาแก้ปัญหา แล้วจะเห็นความจริง ความสงบจึงเกิดขึ้นมา มันเป็นไปอย่างนั้น ธรรมดาก็เป็นไปอย่างนั้น มันต่างกัน

    หลุดพ้นด้วยปัญญาสมาธิ
    บางคน แรงในทางปัญญา สมาธิพอเป็นฐานไม่มาก คล้ายๆกับว่านั่งสมาธิ ไม่ค่อยสงบ ชอบมีความปรุงแต่ง มีความคิดและมีปัญญาชักเรื่องนั้นมาพิจารณาชักเรื่องนี้มาพิจารณา แล้วพิจารณาลงสู่ความสงบก็เห็นความถูกต้อง อันนั้นจะได้มีกำลังกว่าสมาธิ อันนี้จริงของบางคนเป็นอย่างนั้น แม้จะยืนเดินนั่งนอนก็ตาม ความตรัสรู้ธรรมะนั้นไม่แน่นอน จะเป็นอิริยาบถใดก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ นั่งก็ได้ นอนก็ได้ อันนี้แหละผู้แรงด้วยปัญญา เป็นผู้มีปัญญา สามารถที่จะไม่เกี่ยวข้องกับสมาธิมากก็ได้

    ถ้าพูดกันง่ายๆ ปัญญาเห็นเลย เห็นไปเลยก็ละไปเลย สงบไปเลย ได้ความสบายเพราะอันนั้นมันเห็นชัดมันเห็นจริง เชื่อมั่นยืนยันเป็นพยานตนเองได้ นี่จริตของบางคนเป็นไปอย่างนี้ แต่จะอย่างไรก็ช่างมัน ก็ต้องทำลายความเห็นผิดออก เหลือแต่ความเห็นถูก ทำลายความฟุ้งซ่านออก เหลือแต่ความสงบ มันก็จะลงไปสู่จุดอันเดียวกัน

    บางคนปัญญาน้อย นั่งสมาธิได้ง่าย สงบ สงบเร็วที่สุด ไวแต่ไม่ค่อยมีปัญญา ไม่ทันกิเลสทั้งหลาย ไม่รู้เรื่องกิเลสทั้งหลาย แก้ปัญหาไม่ค่อยได้ พระโยคาวจรเจ้าผู้ปฏิบัติมีสองหน้าอย่างนี้ ก็คู่กันเรื่อยไป แต่ปัญญาหรือวิปัสสนากับสมถะมันก็ทิ้งกันไม่ได้ คาบเกี่ยวกันไปเรื่อยๆอย่างนี้

    ทีนี้ ถ้ามันชัดแจ้งในความสงบ เมื่อมีอารมณ์มาผ่าน มีนิมิตขึ้นมาผ่าน ก็ไม่ได้สงสัยว่า “เคลิ้มไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้?” “หลงไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้?” “ลืมไปหรือเปล่าหนอเมื่อกี้นี้?” “หลับไปหรือเปล่าเมื่อกี้นี้?” จิตขณะนี้สงสัย “หลับก็ไม่ใช่ ตื่นก็ไม่ใช่” นี่มันคลุมเครือเรียกว่า มันมั่วสุมอยู่กับอารมณ์ ไม่แจ่มใสเหมือนกันกับพระจันทร์เข้าก้อนเมฆ มองเห็นอยู่แล้ว แต่ไม่แจ่มแจ้งมัวๆ ไม่เหมือนกับพระจันทร์ออกจากก้อนเมฆนั้นแจ่มใสสะอาด จิตเราสงบมีสติสัมปชัญญะรอบคอบสมบูรณ์แล้ว จึงไม่สงสัยในอาการทั้งหลายที่เกิดขึ้น จะหมดจากนิวรณ์จริงๆ รู้ว่าอันใดเกิดขึ้นมาเป็นอันใดหมดทุกอย่าง รู้แจ้งรู้เรื่องตามเป็นจริงไม่ได้สงสัย อันนั้นเป็นดวงจิตที่ใสสะอาด สมาธิถึงขีดแล้วเป็นเช่นนั้น

    ระยะหลังๆมาก็เป็นไปในรูปอย่างนี้ทำนองนี้ เป็นเรื่องธรรมดาของมัน ถ้าจิตแจ่มแจ้งผ่องใสแล้ว ไม่ต้องไปถามว่าง่วงหรือไม่ง่วง ใช่หรือไม่ใช่ ทั้งหลายเหล่านี้มันก็ไมมีอะไรถ้ามันชัดเจน ก็เหมือนเรานั่งธรรมดาอย่างนี้เอง นั่งเห็นธรรมดา หลับตาก็เหมือนลืมตา เห็นในขณะหลับตาก็เหมือนลืมตามาเห็นทุกอย่างสารพัด ไม่มีความสงสัย เพียงแต่เกิดอัศจรรย์ขึ้นในดวงจิตของเราว่า “เอ๊ะ! สิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นของมันไปได้ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ มันก็เป็นของมันได้” อันนี้จะวิพากษ์วิจารมันเองไปเรื่อยๆ ทั้งมีปีติ ทั้งมีความสุขใจ มีความอิ่มใจ มีความสงบเป็นเช่นนั้น ต่อนั้นไปจิตมันจะละเอียดไปยิ่งกว่านั้น มันก็จะทิ้งอารมณ์ของมันไปด้วย วิตกยกเรื่องขึ้นมาก็จะไม่มี และเรื่องวิจารมันก็จะหมด จะเหลือแต่ความอิ่มใจ อิ่มไม่รู้ว่าอิ่มอะไร แต่มันอิ่ม เกิดความสุขกับอารมณ์เดียว นี่มันทิ้งไป วิตกวิจารมันทิ้งไป ทิ้งไปไหน? ไม่ใช่เรื่องทิ้ง จิตเราหดตัวเข้ามาคือมันสงบ เรื่องวิตกวิจารมันเป็นของหยาบไปแล้ว มันเข้ามาอยู่ในที่นี้ไม่ได้ก็เรียกว่า ทิ้งวิตก ทิ้งวิจาร ทีนี้จะไม่มีความวิตก ความยกขึ้นวิจาร ความพิจารณาไมมี มีแต่ความอิ่ม มีความสุขและมีอารมณ์เดียวเสวยอยู่อย่างนั้น

    ที่เขาเรียกว่า ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน เราไม่ได้ว่าอย่างนั้น เราพูดถึงแต่ความสงบ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ต่อไปนี้ก็ทิ้งวิตกวิจาร เกิดขึ้นมาแล้วก็ทิ้งไป เหลือแต่ ปีติ กับสุข เอกัคคตา ต่อไปก็ทิ้งปีติ เหลือแต่ สุขกับเอกัคคตา ต่อไปก็มีเอกัคคตากับอุเบกขา มันไม่มีอะไรแล้วมันทิ้งไป เรียกว่าจิตมันสงบๆๆๆ จนไปถึงอารมณ์มันน้อยที่สุดยังเหลืออยู่แต่โน้น… ถึงปลายมัน เหลือแต่เอกัคคตากับอุเบกขา เฉยอย่างนี้ อันนี้มันสงบแล้วมันจึงเป็น นี่ เรียกว่ากำลังของจิต อาการของจิตที่ได้รับความสงบแล้วถ้าเป็นอย่างนี้มันไม่ง่วง ความง่วงเหงาหาวนอนมันเข้าไม่ได้นิวรณ์ทั้งห้า มันหนีหมด วิจิกิจฉา ความสงสัยลังเล อิจฉาพยาบาท ฟุ้งซ่าน รำคาญหนี เหล่านี้ไม่มีแล้ว นี่มันค่อยเลื่อนไปเป็นระยะอย่างนั้น นี่อาศัยการกระทำให้มากเจริญให้มาก

    สติ สิ่งที่ช่วยรักษาสมาธิ
    สิ่งที่รักษาสมาธินี้ไว้ได้ คือสติ สตินี้เป็นธรรมเป็นสภาวธรรมอันหนึ่ง ซึ่งให้ธรรมอันอื่นๆทั้งหลายเกิดขึ้นโดยพร้อมเพรียง สตินี้ก็คือชีวิต ถ้าขาดสติเมื่อใดก็เหมือนตาย ถ้าขาดสติเมื่อใดก็เป็นคนประมาท ในระหว่างขาดสตินั้น พูดไม่มีความหมาย การกระทำไม่มีความหมาย ธรรมคือสตินี้ คือความระลึกได้ในลักษณะใดก็ตาม สติเป็นเหตุให้สัมปชัญญะเกิดขึ้นมาได้ เป็นเหตุให้ปัญญาเกิดขึ้นมาได้ ทุกสิ่งสารพัด

    ธรรมทั้งหลายถ้าหากว่าขาดสติ ธรรมทั้งหลายนั้นไม่สมบูรณ์ อันนี้คือการควบคุม การยืน การเดิน การนั่ง การนอน ไมใช่แต่เพียงขณะนั่งสมาธิเท่านั้น แม้เมื่อเราออกจากสมาธิไปแล้ว สติก็ยังเป็นสิ่งประจำใจอยู่เสมอมีความรู้อยู่เสมอ เป็นของที่มีอยู่เสมอ ทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง เมื่อระมัดระวังทางจิตใจ ความอายมันก็เกิดขึ้นมา การพูด การกระทำอันใดที่ไม่ถูกต้อง เราก็อายขึ้น อายขึ้น เมื่อความอายกำลังกล้าขึ้นมา ความสังวรก็มากขึ้นด้วย เมื่อความสังวรมากขึ้น ความประมาทก็ไม่มี นี่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้นั่งสมาธิอยู่ตรงนี้ เราจะไปไหนก็ตาม อันนี้มันอยู่ในจิตของตัวเอง มันไม่ได้หนีไปไหน นี่ท่านว่าเจริญสติ ทำให้มาก เจริญให้มาก อันนี้เป็นธรรมะคุ้มครองรักษากิจการที่เราทำอยู่ หรือทำมาแล้ว หรือกำลังจะกระทำอยู่ ในปัจจุบันนี้เป็นธรรมะที่มีคุณประโยชน์มาก ให้เรารู้ตัวอยู่ทุกเมื่อ ความเห็นผิดชอบมันก็มีทุกเมื่อ เมื่อความเห็นผิดชอบมีอยู่ เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อ ความละอายก็เกิดขึ้น จะไม่ทำสิ่งที่ผิดหรือสิ่งที่ไม่ดี เรียกว่าปัญญาเกิดขึ้นแล้ว

    เมื่อรวบยอดเข้ามา มันจะมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา คือ การสังวรสำรวมที่มีอยู่ในกิจการของตนนั้น ก็เรียกว่าศีล ศีลสสังวร ความตั้งใจมั่น อยู่ในความสังวรสำรวมในข้อวัตรของเรานั้น ก็เรียกว่ามันเป็นสมาธิ ความรอบรู้ทั้งหลายในกิจการที่เรามีอยู่นั้น ก็เรียกว่าปัญญา พูดง่ายๆก็คือ จะมีศีล จะมีสมาธิ จะมีปัญญา ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี เมื่อมันกล้าขึ้นมามันก็คือมรรค นี่แหละหนทาง ทางอื่นไม่มี

    b475bf7c9427a179e31fda933bba992b.jpg
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่เมธาพันธ์ ED 8364 5294 5 TH

    พี่สุทธิธรรม ED 8364 5295 9 TH
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ตอนนี้เห็นข่าววัตถุมงคลหลวงปู่เค็มแล้ว ในความรู้สึกเห็นแล้วเสื่อมจริงๆ เริ่มตั้งแต่ล๊อคเก็ตโดเรม่อนแล้วก็พัฒนากันมาเป็นของเล่น แรกๆมีคนมาเล่าก็ยังงงๆ พอเห็นแล้วมันเป็นความเสื่อมจริงๆครับเกี่ยวกับวัตถุมงคล เพราะพระเครื่องสามารถทำเป็นเรื่องล้อเล่นได้แล้วอนาคตน่าจะเห็นอะไรที่มากกว่านี้กัน วันนี้ตอบ pm ครบนะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้มาติดตามพูดคุยกันต่อ
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ช่วงนี้ถามหาตะกรุดมหาสะท้อนกันมาเยอะมากๆเลย ยังไม่มีให้บูชานะครับถ้ามีจะเอามาลงให้หน้าเพจ
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ช่วงนี้มีหลายๆคนถามหาเครื่องมงคลชุดรับกรรมแทนตัวหรือตัวตายตัวแทนแบบเเพะที่เคยออกไปรุ่นเก่าๆเข้ามาเยอะมากๆกว่าถามหามหาสะท้อนเสียอีก แจ้งไว้ก่อนนะครับว่ารายการเก่าๆไม่มีแล้วแต่มีของที่ท่านทำไว้ใช้แทนหุ่นสะเดาะเคราะห์เราแบบใส่รูปใส่นามเข้าไปตรงๆตัวเลย อันนี้ทั้งสะเดาะเคราห์รับกรรมเป็นตัวตายตัวแทน...ใช้ได้ต่างๆสารพัดเรื่อง ไม่ใช่พยนต์นะครับแต่เป็นรายการพิเศษจะพิเศษแบบไหนเอาไว้ติดตามกันอีกที
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ทวีพงษ์ ED 8364 6275 2 TH

    พี่ชัยวัฒน์ ED 8364 6276 6 TH

    พี่วุฒิชัย ED 8364 6277 0 TH

    พี่นฐมน ED 8364 6278 3 TH

    พี่ณธพรหม ED 8364 6279 7 TH

    พี่กฤตยชญ์ ED 8364 6280 6 TH
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    ไม่ได้เห็นตะกรุดดอกใหญ่ๆยาว 4-5 นิ้วกันมานานมากแล้ว รับรองว่าลงเต็มสูตร เดี๋ยวมาติดตามพูดคุยกันอีกทีนะครับ
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    8,309
    ค่าพลัง:
    +17,480
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ใครชอบแนวสะเดาะเคราะห์แบบพิเศษ เป็นวิชาทำพยนต์สะเดาะเคราะห์ป็นตัวตายตัวแทน เหมือนเป็นตัวเราอีกคนที่รับแทนเราไปตรงๆ ติดตามกันดีๆนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...