ขาดบารมีจะซื่อตรงต่อธรรมได้อย่างไร??

แม้อยากซื่อตรงต่อธรรมะ แต่ขาดบารมี
จะพยายามอย่าไรก็ตรงไม่ได้
พอจะแนะทางออกให้แก่กันได้บ้าง
ไหมคับ

 

ไปโดน ใครเขาหลอกมาเหรอครับลุงแมว

คนที่มานับถือศาสนาพุธ นี่ มีบารมีมามากแล้วทั้งนั้นนะครับ
เหลืออย่างเดียว ทำให้ฝุดๆ แล้วจะหยุดทำ

 

เราเห็นสิ่งที่เราหา
เลยไม่เห็นตามความจริงซักที
เรากะเห็นเฉยๆไม่ต้องไปรู้อะไร
เดียวธรรมมันเปิดเภยตัวเองตลอดเวลา
เราดูไปเรื่อยไป
ถึงเวลามันกะเบื่อไปเอง

 

​

จะทำหรือเปล่า

แนะไปแล้ว ก็มัวแต่ หวง ว่าคนนั้นคนนี้จะได้ประโยชน์

ลืมนึกไปว่า บารมีมันจะ LowFat

Spoiler: ถ้าจะทำก็ พินาเอา

ล่อแล่ล่อแล่ !!!

กิ้วๆ !!!

ให้กันไม่ได้ หวงว่า ตัวเฮียอื่นจะได้ประโยชน์
มันเลย สงวนพันธุ์รักษา ........ ไว้

ล่อแล่ล่อแล่ !!!

กิ้วๆ !!!


ปล. สองรอบพอ สามรอบ คราวนี้ ฝังโค
ตาราหุ่นแอนนาเบล

 

Spoiler: จดหมายถึง มดแดง 2ช บลท.จก(มหาชน)

. ​

............................ฉีกจามรอย ปุ ปุ ..............................





.

 

สุข = ทนอยู่ได้ง่าย ทุกข์ = ทนอยู่ได้ยาก

บุญให้ผลเป็นสุข บาปให้ผลเป็นทุกข์

ขันติบารมี ก็ทนในสิ่งที่ทนได้ยาก

เมื่อบารมีค่อนไปทางบุญกุศล บารมี+บุญ
เมื่อพบเจอเรื่องที่น่าจะทนได้ยากก็กลายเป็นทนอยู่ได้ง่าย

การจะซื่อตรงได้ต้องทนต่อการพิสูจน์ ขาดขันติบารมีก็เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย

หากมีความโกรธแบบโคตรจะโกรธ แต่มีขันติบารมี
ลำพังแค่ร่างกายอย่างเดียวจะไปทำร้ายอะไรใครได้

หากเกิดความหื่นแบบโคตรหื่นแต่มีขันติบารมี
จะไปไล่ปี้อะไรๆกะใครได้

ตบะ = เป็นเครื่องเผาผลาญกิเลสตัณหา

 

เกี่ยวอะไรกัน
ซื่อตรงต่อธรรมมะ แล้ว ก็ต้องสร้างบุญด้วยนิ
ชอบอะไร ก็ทำมันทางนั้น
ทางนั้นเต็มมันก็จะไปทางนี้เองนิ
คิดจนเยี่ยวเหลืองแล้วลุง
ทำๆไปเหอะน๊าา

 

ก่อนอื่นก้อต้องเลิกตั้งทู้ล่อเป้าก่อน
แล้วก้อชอบใครก้อไปทางนั้น โชคดีภพชาติก้อสั้น โชคไม่ดีก้อไปกลับไม่มีประมาณ แบบคำพูดแมต ยาวปาย ปาย ปายย

ปล.อิอิอิ

 

55 รู้ทันอีกแระ

 

ทั้งหมดทั้งมวลคนที่ไม่มีบารมี
จะไปบังคับให้มี
ก็ไม่ได้
ส่วนคนที่มีจะไปสั่งว่าอย่ามีมันก็ไม่ได้
เช่นกัน
ดังพุทธพจน์ " สัพเพธรรมา อนัตตา"
ธรรมะทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน ควบคุม
หรือบังคับบัญชาไม่ได้
หากพิจารณาให้ละเอียดแยบคาย
แล้วจะพบว่า
เลยเรื่องกิเลสตัณหาไปมาก
หากอินจริงๆ จะสิ้นยึดในตัณหาได้ด้วย
เพราะหากเข้าใจก็จะเลิกฝืนเลิกอยาก
เลิกดิ้น เพราะดิ้นไปเหตุปัจจัยไม่เอื้อก็เหนื่อยเปล่าคับ

 

สุข เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง

ทุกข เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง

สุข ทุกข์ อันไหน ตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่เที่ยง
ทนอยู่ไม่ได้ มากน้อย กว่ากันฮับ

ฟังธรรม ฟังธรรม

หาก ยังอาสัยฟังจากคนอื่น

มันจะเคยเหน ...
"หนทางเดินคนเดียว(มรรค)" ไหม?

บารมี มันจะมีไหม หากยังอิงกลุ่มอิงก็วน

มีแต่ ป้อแป้ ป้อแป้ แข็ง กระดำกระอ้าง

สุข เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง

ถาม เนี่ยะ ไมได้ให้มาคอยตอบให้ฟังนะ

คนใส่ใจธรรม เขาไม่รอคำคอบ

เขาจะทราบ

อาการ กำหนดรู้ นิ่ง เปนใบ้

 

อินทรีย และ พละ ไม่ใข่เรื่อง สะสม

บารมี ไม่ใข่เรื่อง สะสม

พระศาสดา ตั้งแต่ ปรารภปราถนา
โพธิญาน ท่านก้เลิก มีมิจฉาทิฏฐิ
เหน การสั่งสม

เหนแต่ ขณะจิต ต่อ ขณะจิค

ยุบลงเปน เหตุ ปัจจัย เกิดดับ
สลัด วาง

บารมี ของ มะนุดเกิดมาพบ
พุทธศาสนา ไม่ต้องสะสม

มี บริบูณ์ มาปีมะโว้แล้ว

ก๊วนไหน เขาจะหลอก ตบ
ทรัพย์ แจร๋นแปร๋น

"เออะ ยังไม่มีปัจจัยการนะ
ทองต้องสละ กำกระถาง
ต้องมารับเอาจากก็วน "

ฮิววววววส์

 

55 แนะนำหาคำพระอ่านเยอะๆ ลุง พระท่านบอกทุกคนมีบารมี ไม่มีบารมีมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ไง วาสนาต่างหากไม่เท่ากัน แต่อย่าเสียกำลังใจ วาสนาเราสร้างขึ้นได้ อยุ่ที่ความเพี้ยนผุ้ฝึกเอง

เจตนาถ้าไม่สหรคตด้วยกิเลส ไม่จัดเป็นวิบากฝ่ายผุ้ร้าย คนฝึกจิตแรกๆ สติ(วิปัสสนา) ยังไม่คุ้นกะจิต ตัวจิตก้อยังไม่คุ้นสติใหม่ถอดด้ามอันนี้ จะต้องประกอบด้วยเจตนา คือองค์ 3 อาตาปี สติมา สัมปชัญญะ (ตามพระพุทธองค์บอก) เมื่อสติกับจิตคุ้นชินกันแล้ว คือคล่องปากคล่องใจ(ออโต้) เจตนาจะถูกละไปเอง จะได้สภาวะเป็นขั้นเป็นตอนอะไรก้อว่าไป

ลุงเอาแต่ฟัง สะกดจิตตัวเองไปวันๆ ให้จิตมันเชื่อ ก้อได้แค่บรรลุน้ำลาย จิตไม่เห็นไตรลักษณ์จริง ถ้าเห็นจริง มันจะเข้าองค์แห่งภพ ลืมตาเห็นเนี่ยะแหล่ะ

 

ทุกวันนี้บุหรีวันละสองซอง
หายใจยังเหนื่อยเลย
ถ้าโควิท มาดจอปอดผม
มันคงส่งสารปอดผม55

 

ไม่รู้โควิด มันเลือกข้างหรือเปล่า คนสูบคนไม่สูบ อะไรจะไวกว่ากัน

แต่ที่แน่ๆ เจริญสติ มีอะไรมาให้รู้ รู้อย่างเดียว ไม่เลือกข้าง

 

เจตนาสูตร
[๒๐๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มี
ศีล สมบูรณ์ด้วยศีลไม่ต้องทำด้วย
เจตนาว่า ขอความไม่เดือดร้อนจงเกิด
ขึ้นแก่เราเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ความไม่เดือด
ร้อนเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้มีศีล สมบูรณ์
ด้วยศีลนี้ เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ไม่มีความ
เดือดร้อน ไม่ต้องทำด้วยเจตนาว่า
ขอความปราโมทย์จงเกิดขึ้นแก่เราเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ความปรา
โมทย์เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้ไม่มีความเดือด
ร้อนนี้ เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีความ
ปราโมทย์ไม่ต้องทำด้วยเจตนาว่า
ขอปีติจงเกิดขึ้นแก่เราเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ปีติ
เกิดขึ้นแก่บุคคลผู้มีความปราโมทย์นี้
เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีใจ
ประกอบด้วยปีติ ไม่ต้องทำด้วย
เจตนาว่า ขอกายของเราจงสงบเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กายของ
บุคคลผู้มีใจประกอบด้วยปีติสงบนี้
เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีกาย
สงบแล้ว ไม่ต้องทำด้วยเจตนาว่า
ขอเราจงเสวยสุขเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มี
กายสงบแล้วเสวยสุขนี้ เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีสุข
ไม่ต้องทำด้วยเจตนาว่า ขอจิตของ
เราจงตั้งมั่นเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่จิตของ
บุคคลผู้มีสุขตั้งมั่นนี้ เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีจิต
ตั้งมั่น ไม่ต้องทำด้วยเจตนาว่า
ขอเราจงรู้จงเห็นตามเป็นจริงเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มี
จิตตั้งมั่นแล้วรู้เห็นตามเป็นจริงนี้
เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้รู้เห็น
ตามเป็นจริง ไม่ต้องทำด้วยเจตนา
ว่า ขอเราจงเบื่อหน่ายเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคล
ผู้รู้เห็นตามเป็นจริงเบื่อหน่ายนี้
เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เบื่อหน่าย
ไม่ต้องทำด้วยเจตนาว่า ขอเราจง
คลายกำหนัดเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้เบื่อ
หน่ายคลายกำหนัดนี้ เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีจิต
คลายกำหนัดแล้วไม่ต้องทำด้วย
เจตนาว่า ขอเราจงทำให้แจ้งซึ่ง
วิมุตติญาณทัสนะเถิด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลคลาย
กำหนัดแล้วทำให้แจ้งซึ่งวิมุตติญาณ
ทัสนะนี้ เป็นธรรมดา

ดูกรภิกษุทั้งหลาย วิราคะมีวิมุตติ
ญาณทัสนะเป็นผล มีวิมุตติญาณ
ทัสนะเป็นอานิสงส์

นิพพิทามีวิราคะเป็นผล มีวิราคะ
เป็นอานิสงส์

ยถาภูตญาณทัสนะมีนิพพิทา
เป็นผล มีนิพพิทาเป็นอานิสงส์

สมาธิมียถาภูตญาณทัสนะเป็นผล
มียถาภูตญาณทัสนะเป็นอานิสงส์

สุขมีสมาธิเป็นผล มีสมาธิเป็นอานิสงส์

ปัสสัทธิมีสุขเป็นผล มีสุขเป็นอานิสงส์

ปีติมีปัสสัทธิเป็นผล มีปัสสัทธิเป็น
อานิสงส์

ความปราโมทย์มีปีติเป็นผล มีปีติ
เป็นอานิสงส์

ความไม่เดือดร้อนมีความปราโมทย์
เป็นผล มีความปราโมทย์เป็นอานิสงส์

ศีลที่เป็นกุศลมีความไม่เดือดร้อนเป็นผล
มีความไม่เดือดร้อนเป็นอานิสงส์

ด้วยประการดังนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลาย
ย่อมหลั่งไหลไปสู่ธรรมทั้งหลาย
ธรรมทั้งหลายย่อมยังธรรมทั้งหลาย
ให้บริบูรณ์ เพื่อการถึงฝั่งจากสถานอัน
มิใช่ฝั่งด้วยประการฉะนี้แล ฯ

 

ฝรั่ง สายควัน เขาพบนะว่า

โคขวิดนั้น เปน ไวรัสที่เข้าทำ
ปฏิกริยากับ เซลไขมันที่อยู่ใน
ปอด แล้วเกิดเปน ภูมิแพ้

วัยไม่เกี่ยว มีโรคอยู่ก่อนไม่เกี่ยว
แพร่ผ่านไอจาม ไม่เกี่ยว คือมันอยู่
ได้ในอากาศ หมอไปผิดทางหมด
ทั้งโลก แต่ไม่รู้จะลงหลังเสือยังไง
เพราะทำค่าใช้จ่าย และ เมืองเรือ
หายไปจนไม่กล้า พูดความจริง

สายควัน เขาพบว่า ควัน หรือ สาร
ยาสูบมีผลต่อการเปลี่ยนคุณภาพ
เซลไชมันในปอด เขาจึงเสนอให้
วิจัยหน่อย ว่า อาจเปนทางรักษา
แค่ สูดดมแบบยาดม( ไม่ใช่ สูบ
ควัน )

แต่หมอก้ นะ .....ทำเปนไม่ได้ยิน

สู้เปน ฮีโร่ เก็บค่ารักษาไม่ได้

 

สมกะยาไล่สิ่งรบกวนผัสสะ
จะเมากัญชากะเลื่อนลอยไป55

 

น้องๆ หนูๆ อ่าน เจตนาสูตร ให้ออกไปทาง

อาศัยระลึก ความเป็นเหตุเกิด ผลเกิดนะฮับ

อย่าไปเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าสอนให้ อาตาปี
ส่ำปะชันโน สะกดจิตตน จน เกิดการเก่งกระ
เด้งเป็นอัตโนมัต คนละเรื่อง เลย

หากทำถูก 7วัน บรรลุได้

หากเป็น สะกดจิตตัวเอง หมดตัว ก็ยังไม่
บรรลุอะไร ได้แต่ พยักหน้า วาสนาน้อย

 

อย่าพึ่งไปไกล

อาจจะเป็นเรื่อง โคขวิด มันเลือก

พวก ปอดเป็นมะเส็ง อยู่แล้ว มันไม่รับปลาทาน

เรียกว่า มหา ไม่แหลก

ของมันติด ซ.ต.พ.