ปกิณณกะธรรม

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย กระร่อน, 22 กรกฎาคม 2020.

  1. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ปัญญาที่เป็นญาณ สั่งเอาไม่ได้

    เช่น งง ให้รู้ว่างง
    หลงให้รู้ว่าหลง เป็นการสร้างสติที่ละเอียดขึ้น
    เพื่อให้จิตมีสติ เกิดสมาธิ เกิดปัญญา
    จิตสามารถแยกแยะรูปนามด้วยตัวของมันเอง
    มีความรู้พร้อม ในอาสวะ
    ที่ละเอียดขึ้น แจ้งขึ้นเป็นลำดับ

    เรียกโดยสมาธิก็เรียก สุญตสมาธิ
    เรียกญาณโดยการเห็น การตัดสิน เรียก อนัตตาญาณ

    แต่หาก ต้อง คอย ยกจิตแยกนั่นแยกนี่
    อย่าว่าแต่สมาธิ แม้แต่ สติก้ยังไม่มี
     
  2. zero2zero

    zero2zero จากศูนย์ไปหาศูนย์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +430
    มรรควิธีก็อยู่ใน 2 โพสนั้น น่าจะครบ
    อยู่ที่แต่ละท่านมองออกไหม... ว่าเป็นมรรควิธีหนึ่ง...

    ส่วนการเห็นเป็น"ธรรมชาติหนึ่ง"ของผมแบบนี้ สภาวะนี้เรียกอะไรผมไม่รู้ แค่สมมุติเรียกว่า "การเห็นธรรมชาตหนึ่ง"

    เป็นสภาพที่ลึกลงไปกว่าธาตุ เห็นยิ่งกว่าของสลายไป .. เหมือนเห็นแค่อณู และลึกลงไปกว่าอณูนั้น เห็นยิ่งลึกไปกว่าอณูนั้น ไปถึงข้างในนั้นมีสภาพดิ้นรนไม่หยุด และลึกลงไปจากสภาพที่มันดิ้นรนนั้น คือความว่าง...แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบว่างเปล่า ไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนสูญหาย อะไรแบบนั้น.. ในความว่างนั้น ไม่มีสภาวะธรรมอะไรด้วย ดีชั่ว บุญบาป สุขทุกข์ไม่มี "มันว่างเหมือนไม่ว่าง" พยายามอธิบายได้เท่านี้ท่าน ... แต่ตรงนี้เป็นความรู้สึก ไม่การคิดการจินตนาการ หรือ การท่องในใจ

    การเห็นเป็นสภาวะหนึ่งก็เหมือนที่บอก
    ในชีวิตประจำวัน
    เหมือนการเห็นธรรมชาติหนึ่ง กระทบ ธรรมชาติหนึ่ง... แค่นั้น.... ไม่มีตัวตน คนสัตว์อะไร ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์... จะเห็นเป็นสภาพของสลายก็ได้ .. แต่มันไม่ใช่สลายแบบจินตนาการ หรือว่าคิดให้มันสลาย
    แต่มันเป็นความรู้สึก... ในธรรมชาตินี้แบบที่ลึกลงไป ลึกลงไป แล้วว่าง... แบบที่อธิบายไปข้างบน แต่ไม่ใช่ว่างสูญเปล่า หรือไม่ใช่ว่างเหม่อลอย... แต่มีสติครบ

    ถึงบอกว่าผมขับรถ หรือ อยู่ในผู้คน ก็จะเห็นเป็นธรรมชาติที่มันไหลเรื่อยไป... ไม่หยิบฉวยขึ้นมาว่าเป็นอะไร... แบบนี้
    จะเรียกอะไร อันนี้ผมไม่รู้..... รู้แต่สภาวะมันเป็นแบบนี้ที่พอจะอธิบายได้แค่นี้

    "ธรรมชาติหนึ่ง"
    มันเหมือนตอนที่ผมบรรลุธรรม ตอนจิตถอยออกมาเห็นโลกเป็นของสลาย มีสภาพเดียวกับภายในขันธ์แต่ตอนนั้นมันคือการเห็นครั้งแรก เห็นไม่นานแล้วกลับสู่ปกติ .... แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เหมือนเป็นความรู้สึกที่ฝังอยู่ภายในจิต ประมานนี้...และก็เป็นเหตุผลให้เลือกมรรควิธีนี้ในการทำต่อ
     
  3. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    กะว่าบาปโพ๊ดเจ้มันกะเห็นการพลิกกลับรูปนามอยู่นะ55
    แต่งงจะเห็นไปทำรัยแว้
     
  4. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    หากเป็น พระอรหันต์ จะตอบว่า ไม่ต่างกัน
    แต่ถ้า ชั้นต่ำกว่านั้น จะตอบว่า ต่างกันเล็กน้อย ก็คือ
    กายคตาสติปัฏฐาน คือ การพิจารณากายในกาย โดยมีสติอยู่ในกายแค่นั้น
    ส่วนการกระจายผัสสะ ก็คือ การพิจารณาทั้ง กาย เวทนา จิต และ ธรรม
    โดยการปิดทวารรับรู้ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ
    เมื่อเครื่องรับรู้อันไหนเปิดขึ้น เราก็เอา จิตไปจับไว้ตรงนั้น
    แล้วดูอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไร
    เมื่อดูก็สักแต่ว่าดูแค่นั้น เมื่อรู้ก็สักแต่ว่ารู้แค่นั้น
     
  5. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    การที่จะอบรมจิต ให้ก้าวไปสู่ วิปัสนาในขั้นละเอียดขึ้นได้

    หากไม่หยุดอยู่ที่รู้ รู้เฉยๆ จิตจะไม่มีวัน ก้าวลงวิปัสนาที่ละเอียด

    เข้าไปเห็นธรรมขั้นปรมัตถ์ ที่พ้น สมมุติบัญญัติ จะเรียกชื่อ

    หากทำได้ก็จะเข้าใจ คำถามที่ในหลวง ร.9 ท่านถามหลวงปู่พุธ
    แล้วหลวงปู่พุธ ถวายการตอบ


    พวกปัญญาล้ำหน้า อย่างพวกปรารถนา นรกภูมิ
    มันคอยแต่จะยกจิตไปทางนั้น ยกจิตไปทางนี้ ตายเปล่าแบบนี้

    สติ จึงมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี
     
  6. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    แนนกำลังมองว่า การกระจายผัสสะ มันก็คือหนึ่งในการเจริญสติรูปแบบหนึ่ง เพื่อนำพาไปสู่การวิปัสสนา ใช่มั้ยคะ
     
  7. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,907
    ค่าพลัง:
    +2,252
    การ้อง พระเจ้าข้าฯ

    ช่วยยกหลักฐาน พระสูตร ว่าด้วย อย่างไรคือ "จิตอ่อนควรแก่การงาน"

    เวลาที่ จิตอ่อนควรแก่การงาน พระศาสดา ตรัสสั่งหรือไม่
    ให้ "น้อมจิต" ไปใน ญาณทัสน(วิสุทธิ) หรือ แช่แป้ง บรรลุเอง

    โดยเฉพาะ วลี ที่เนื่องกับ อาสวะขยญาณ นี่ แช่แป้ง

    หรือว่า " เอาว่างชนว่าง บึ๊ม!!! " เป็นต้น
     
  8. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,907
    ค่าพลัง:
    +2,252
    อย่าไปใช้ คำ จั่ว จิ ฮับ

    กระจายผัสสะ ไม่มี

    ผัสสะ เป็น อนัตตา

    มีปัจจัยเกิดจาก ........ [ 10 คะแนน ]

    หาก สวนทวนกระแส ปัจจัยการไปเรื่อยๆ ให้อีก 10 คะแนน ต่อ วรรค
     
  9. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,907
    ค่าพลัง:
    +2,252
    แต่ถ้า จะ หาธรรมนิยาม ที่เป็นเรื่อง จุด ดวง ต่อม

    ในภาษาธรรมจะมีคำว่า "การแผ่จิต" ซึ่งจะเป็น
    เรื่องของพวก สมาธินำปัญญา(สมถยานิก ก็เรียก)

    ซึ่งจะเป็นเรื่อง กสิณดินดำ ไป

    หากยังไม่คล่องตัวเรื่อง "จิตอ่อนควรแก่การงาน"
    พระทั้งหลายจะแนะนำว่า อย่าพึ่งไปเล่น

    เดี๋ยวจะบ้า แบบลิงเขียว สิงหฯ ตดปากน้ำ
    กลุ่มลาดพร้าวหลุมดำ มหายุทยาติดลิขสิทธิ
    และโซดานักดริฟกำลังcopycat[ แต่ ดีกว่า
    หน่อยที่ใช้ ศัพทพ่อแฟนต้านำ ไม่เหมือน
    พวกโน้น เอา ศัพทพ่อแฟนต้า ไปรับรองตี ]
     
  10. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    วิชชา ๘
    วิปัสสนาญาณ
    [๑๓๑] ภิกษุนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อญาณทัสนะ ๑- เธอ
    ย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายของเรานี้แล มีรูปประกอบด้วยมหาภูต ๒- ๔ เกิดแต่มารดาบิดา เติบโต
    ขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสดไม่เที่ยง ต้องอบ ต้องนวดฟั้น มีอันทำลายและกระจัดกระจายเป็น
    ธรรมดาและวิญญาณของเรานี้ ก็อาศัยอยู่ในกายนี้ เนื่องอยู่ในกายนี้ ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือน
    แก้วไพฑูรย์อันงาม เกิดเองอย่างบริสุทธิ์ แปดเหลี่ยม นายช่างเจียระไนดีแล้ว สุกใสแวววาว
    สมส่วนทุกอย่าง มีด้ายเขียวเหลืองแดงขาวหรือนวลร้อยอยู่ในนั้น บุรุษมีจักษุจะพึงหยิบ
    แก้วไพฑูรย์นั้นวางไว้ในมือแล้วพิจารณาเห็นว่า แก้วไพฑูรย์นี้งาม เกิดเองอย่างบริสุทธิ์
    แปดเหลี่ยม นายช่างเจียระไนดีแล้ว สุกใสแวววาว สมส่วนทุกอย่าง มีด้ายเขียวเหลืองแดง
    ขาวหรือนวลร้อยอยู่ในแก้วไพฑูรย์นั้นฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
    ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้ม
    น้อมจิตไปเพื่อญาณทัสนะ เธอย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า กายของเรานี้แลมีรูป ประกอบด้วยมหาภูต ๔
    เกิดแต่มารดาบิดา เติบโตด้วยข้าวสุกและขนมสด ไม่เที่ยง ต้องอบ ต้องนวดฟั้น มีอันทำลาย
    กระจัดกระจายเป็นธรรมดา และวิญญาณของเรานี้ก็อาศัยอยู่ในกายนี้ เนื่องอยู่ในกายนี้
    ดูกรมหาบพิตร นี้แหละสามัญผลที่เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่าสามัญผลที่เห็น
    ประจักษ์ข้อก่อนๆ.
     
  11. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    การน้อมไปเพื่อเป็นวิชาไม่ใช่เพื่อนิพพาน
     
  12. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,907
    ค่าพลัง:
    +2,252
    มี จิฮับ แต่จะเปลี่ยนจาก จิตอ่อนควรแก่การงาน

    เป็น การสลัดจิตอ่อนควรแก่การงาน นั้นด้วย

    แล้ว ....... ด้วย ( มีอีกขั้น )

    แล้ว จึง เอาว่างชนว่าง บึ๊ม !! อะไรงี้


    ปล : เมื่อคืนแอบป้อนปากโซดาไปแล้ว


    แต่สำหรับการ้อง ก็ขอท้า ว่า อย่าย้อนไปอ่าน
    อย่าหาอ่าน ...... กล้าพอเปล่า สร้างเมาใหม่ๆ
    จิตมะอึงดูสะอาด ลอง น้อมไป จิ๊

    โอ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
     
  13. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    อย่างการ้อง ทำ ฌาน
    ทำสมาธิ ให้จิตอ่อนควรแก่การงาน

    นี่เรียกว่า ทำสมถะให้ถึงฌาน เรียกว่า

    สมถะที่เกิดขึ้นนี้ เป็นอารัมนู จิตจะละเอียดๆ เหมือนได้พักมีกำลังไปตาม ระดับกำลังฌาน ที่1234 ไปตามลำดับ

    เมื่อเต็มที่ ก็ถอยออกจากฌาน มาอยู่ที่อุปจารสมาธิ

    สภาวะตอนนี้เรียกว่า จิตอ่อนควรแก่การงาน

    จึงเรียกว่า สามาถยกจิต น้อมไป ในวิปัสนา

    ฟังดีดีนะ การ้อง ยกจิตน้อมไปในวิปัสนา

    เรียกได้ว่า สามารถน้อมไปใน อภิญญาทั้ง หกข้อได้

    ฌานในอารัมนู จึงเป็นบาทฐาน ในการเจริญอภิญญา6

    แต่หาก น้อมไปในอภิญญาข้อที่6
    คือ อาสวะขยญาณ ก็คือ ต้อง น้อมจิตไปในการทำวิปัสนา
    ตรงนี้ถึงเรียกว่า ยกจิต น้อมจิต

    มีวิธีการทำ คือ การ พิจารณาอาการ สามสิบสอง เป็นต้น


    ในส่วน นี้ ยังเป็นแต่เพียงการเริ่มต้นน้อมจิตมาในวิปัสนา
    แต่ยังไม่เป็น วิปัสนา
    เรียกว่า เพิ่งจะเริ่มทำ วิปัสนาอย่างหยาบๆ

    ที่เรียกว่าอย่างหยาบๆ
    เพราะ ยังมีเจตนาในการทำวิปัสนา
    ยังมีเจตนาในการน้อม


    ส่วน การทำฌานอีกชนิด ในลักขณูมันอีกแบบ
     
  14. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    งานฟรีไม่มีนะค่ะหรือเขอะกะได้55
     
  15. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,907
    ค่าพลัง:
    +2,252
    plus-sign.jpg

    ปริศนา?​
     
  16. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2020
  17. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ถึง นิโรธ ครับ คือการพิจารณาว่า ทุกสิ่งดับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  18. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014

    ใช่แล้วหละ หากฝึกเป็น มีอาจารย์สอนที่ดี
    ทุกสิ่งก็เอาไว้ใช้ ฝึกสติ ทั้งนั้น แล้วรวมลงที่วิปัสสนาเอง
    หากฝึกดี อีโต้ ก็ย่อมกลายเป็นศาสตราวุธได้
     
  19. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,604
    ค่าพลัง:
    +3,014
    ติดอยู่ใน อรูปญานไปแล้ว แนะนำให้พิจารณา
    พระไตรลักษณะสามอย่างให้เยอะๆ ทุกนาทีได้ยิ่งดี
    ภาวนาอยู่ในใจไปเรื่อยๆ พิจารณาอยู่เสมอว่า
    ทุกสิ่งไม่เที่ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ทุกสิ่งเป็นทุกข์ๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ทุกสิ่งไม่มีอยู่จริงๆๆๆๆๆๆ
    พิจารณาความตายอยู่เสมอๆ
    พิจารณาพระนิพพานอยู่เสมอๆ
    พิจารณาความไม่เที่ยงของธาตุสี่อยู่เสมอๆ
     
  20. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    กะเคยโม้ชอบนั่งดูกิเลสกะธรรม
    ของโลกๆพึ่งนั่งดูตอนเล่นเวปนี้ละ
    ตอนนั้นลำใยหลวงพี่55
     

แชร์หน้านี้

Loading...