ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    รู้ไว้ใช่ว่า มีคนมาบอก

    Tree says:
    วันก่อน ท่านพยายมราชมาหา


    Tree says:
    ท่านมาบอกว่า

    Tree says:
    ให้เอารูปท่านเวสสุวรรณมาติดไว้ที่ประตู

    Tree says:
    ป้องกันเหล่าวิญญาณน้อยใหญ่มารบกวน


    Falkman says:
    :-O

    Falkman says:
    ทำไมหล่ะ


    Tree says:
    เดี๋ยวนี้สัมภเวสีออกมามาก


    Falkman says:
    โหหหหหหหหหหหหหหหห


    Tree says:
    มีทั้งมีฤทธิ์และไม่มีฤทธิ์


    Falkman says:
    :-O

    Falkman says:
    ทำไมอออกมามาก


    Tree says:
    คนทำบาป และกรรมมาก


    Falkman says:
    :-O

    Tree says:
    ทำให้ไม่ยอมไปสู่สุคติ

    Tree says:
    ต้องวนเวียน

    Tree says:
    อยู่


    Tree says:
    ท่านพยายมราชได้บอกอีกว่า

    Tree says:
    หากสู้ฤทธิ์ของเหล่าภูติ ผี ไม่ได้


    Falkman says:
    ว่า


    Tree says:
    ให้เอ่ยชื่อท่านดัง ๆ 3 ครั้ง ว่า

    Tree says:
    พยายมราช ๆ ๆ

    Tree says:
    แล้วท่านจะมา


    Falkman says:
    อ๋อ


    Tree says:
    ปรากฎว่าได้ระลึกถึงท่านแล้วลองเอ่ยนามท่าน 3 ครั้ง

    Tree says:
    ท่านก็มาจริง ๆ


    Falkman says:
    แต่ไม่ควรลองเล่นๆ ใช่ป่าว


    Tree says:
    ถูกต้องแล้ว


    Tree says:
    หากทำผลบุญก็ให้ระลึกถึงท่านเสมอ ๆ

    Tree says:
    จะได้น้อมนำกุศลกรรมถึงท่านบ้าง

    Tree says:
    มีเพียงเท่านี้


    :z1
     
  2. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    ;k05
    Tree คือ ใครหรือ ? คน หรือ ต้นไม้ ?


    Falkman คุยกับต้นไม้ได้ด้วยหรือ ???


    ยังไรก็ดี ...ก็ขออนุโมทนา สาธุ ครับ (smile)
     
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    อ้าวแป่ว รู้อีกว่าคุยกับต้นไม้ อิอิ
    :z1
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    [​IMG]

    ผมขออนุญาตนำรูป ท่านท้าวเวสสุวรรณทั้งแบบเทพและแบบยักษ์ มาให้ผู้สนใจได้ดาวส์โหลดเอาไว้ไปติดไว้ที่ประตูบ้าน เพื่อป้องกันเหล่าภูติผีวิญญาณร้ายที่จะมารบกวนครับ

    ท่านเวสสุวรรณเป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ซึ่งเป็นเทวดาผู้ดูแลโลกมนุษย์ทั้ง 4 ทิศ การจะนำรูปท่านมาติดไว้ที่ประตูบ้าน ควรอัญเชิญรูปของท่านด้วยความเคารพนะครับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2008
  5. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    ไฟจะไหม้จากทิศอิสานใต้
    ดินแดนแห่งปราสาท.....จะร้อน

    .......


    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่กลางดึกวานนี้ (15 ก.ค.) ต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้ามืดวันนี้ (16 ก.ค.) แกนนำพันธมิตรฯ ยังคงผลัดกันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาล ในประเด็นเรื่องการปล่อยให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงประเทศเดียว <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่ทางการกัมพูชาจับตัวคนไทย 3 คน ที่ข้ามแดนเข้าไปยังเขตกัมพูชา โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ เรียกร้องให้ทหารไทยแสดงจุดยืนให้พี่น้องประชาชนเห็น ว่าจะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว และจะเดินหน้าเพื่อเอาดินแดนที่เป็นของไทยกลับคืน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นายสนธิ ยังอ้างว่าวานนี้ พล.อ.เตีย บัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ได้โทรศัพท์ถึง พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรองผู้บัญชาทหารบก คนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยแจ้งกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้ถอนกำลังทหารไทยออกจากบริเวณพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ยอม และสั่งเสริมกำลังเต็มที่ ซึ่งต้องขอชื่นชม พล.อ.อนุพงษ์ และว่า ทหารมีหน้าที่ 2 อย่าง คือ รักษาราชบัลลังก์และรักษาชาติ หากนักการเมืองสั่งให้ถอยก็ให้ทหารเอาพานท้ายปืนตบปากให้ฟันร่วง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ก่อนหน้านี้ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังได้กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลออก "6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน
     
  6. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    <table id="post1357807" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">[​IMG] วันนี้, 07:50 AM <!-- / status icon and date --> </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #8 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> TupLuang <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1357807", true); </script>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 08:03 AM
    วันที่สมัคร: Jun 2008
    ข้อความ: 1,235
    Groans: 0
    Groaned at 23 Times in 19 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 2,175
    ได้รับอนุโมทนา 9,022 ครั้ง ใน 1,088 โพส
    <if condition=""></if> พลังการให้คะแนน: 125 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_1357807" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- message --> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="34"><tbody><tr><td style="padding-left: 10px;">กระตุ้นคนไทยใส่ใจวิกฤตินํ้าใช้ทุกหยดอย่างรู้คุณค่า [16 ก.ค. 51 - 00:29]


    </td></tr></tbody></table>
    <table class="text" width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="middle"><table class="text" width="100%" border="0" cellpadding="10" cellspacing="0"><tbody><tr><td>[​IMG]

    ภาวะวิกฤติน้ำ...ไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ!! ในงาน “Treasure Our Water” จัดโดยค่าย กสท โทรคมนาคมฯ (CAT TELECOM) ที่ห้องชมวัง ราชนาวิกสภา เมื่อเร็วๆนี้ ได้เชื้อเชิญ “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล” เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา มาร่วมปาฐกถาพิเศษถึงวิกฤติน้ำที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ พร้อมชี้แนะทางออกในการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริฯ

    “ดร.สุเมธ” เปิดประเด็นว่า หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 60 กว่าปีที่ผ่านมา ในสมัยที่ผู้คนยังไม่สนใจธรรมชาติ ไม่เคยกังวลกับสภาวะโลกร้อน แต่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นปราชญ์แห่งสายน้ำ ได้ทรงมีพระราชดำรัสมานานแล้วว่า ประชาชนชาวไทยควรเฝ้าระวังภัยธรรมชาติ อันเกิดจากการบริโภคอย่างไม่ยั้งคิด เนื่องจากทรงตระหนักว่า เมื่อมีการทำร้ายธรรมชาติ จนถึงที่สุดแล้วธรรมชาติจะตอบโต้และทำร้ายเรา ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่ไซโคลนนาร์กีสถล่มประเทศพม่าจนราบคาบ หรือเมื่อครั้งพายุแคทรีน่าคร่าชีวิตชาวอเมริกันนับพันนับหมื่น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า แม้ประเทศนั้นจะยากดีมีจน ก็ไม่อาจหนีพ้นบทลงโทษจากธรรมชาติไปได้ และวันหนึ่งเหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทย

    ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทุ่มเทพระวรกายในการริเริ่มทำโครงการต่างๆมากมาย เพื่อเป็นแนวทางป้องกันและบรรเทาปัญหาวิกฤติน้ำ ที่จะนำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่พสกนิกรของพระองค์ โดยนำหลักธรรมะมารักษาธรรมชาติ ศึกษาและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เพื่อหาทางบริหารจัดการน้ำได้อย่างถูกต้อง

    ขณะเดียวกัน “ดร.สุเมธ” ยังได้เชิญชวนให้คนไทยทุกคนมาช่วยแบ่งเบาภาระจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว เพราะปัญหาวิกฤติน้ำเป็นวิกฤติของชาติ ที่ทุกคนต้องใส่ใจ โดยเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ร่วมสมทบทุนโครงการมูลนิธิชัยพัฒนาจะกลับคืนสู่ แผ่นดิน เพื่อรักษาแหล่งน้ำ และชีวิตคนไทยทุกคน

    ด้านนักวิชาการรุ่นใหม่ “ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี” ผู้ อำนวยการสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เน้นย้ำว่า ปัญหาชายฝั่งเป็นปัญหาปลายน้ำ ที่คนกรุงอาจจะไม่ค่อยได้รับรู้ เพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ถ้าใครชอบเที่ยวทะเลจะรู้ว่า ปัจจุบันนี้ทรัพยากรทางทะเลของประเทศไทยเริ่มเสียหายไปเป็นจำนวนมาก ภาวะโลกร้อนส่งผลให้ปะการังเสื่อมโทรมลงไปกว่า 40%, พื้นที่ชายฝั่งถูกกัดเซาะรุนแรง, แผ่นดินทรุดตัวปีละ 5 เซนติเมตร และน้ำเน่าเสียเป็นเหตุให้สัตว์น้ำสูญพันธุ์ สิ่งเหล่านี้จะบรรเทาลงได้ ถ้าเราใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยกันดูแลรักษาแหล่งน้ำและใช้น้ำทุกหยดอย่างรู้คุณค่า

    ขณะที่ “ชิชญาสุ์ กรรณสูต” ผู้ บริหารคลื่นลูกใหม่จากช่อง 7 สี ก็ตระหนักถึงปัญหาขาดแคลนน้ำเช่นกัน และอยากรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกันประหยัดคนละไม้ละมือ...“ตอนนี้ นอกจากตัวเราเองและที่บ้านจะใส่ใจเรื่องวิกฤติน้ำ โดยช่วยกันประหยัดพลังงานแล้ว ที่ช่อง 7 สี ก็รณรงค์ให้พนักงานทุกคนช่วยกันประหยัดน้ำ, ประหยัดไฟ เช่น ช่วงกลางวันจะปิดไฟทุกดวงที่ไม่จำเป็น, เปิดแอร์เป็นเวลา และจำกัดการใช้ลิฟต์ ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมืออย่างดี”...แล้วคุณล่ะคะ ตื่นตัวเรื่องวิกฤติพลังงานหรือยัง?!

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

    </td></tr></tbody></table>
     
  7. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ผมติดไว้หน้าประตูบ้านชั้นบนมีรูปท้าวเวสสุวรรณ จากพระธุดงค์ที่ให้วัดแห่งหนึ่งผมไปทำบุญเลยได้มาและยันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน และที่หน้ารถมี 2 องค์ (ผมเอาไปปลุกเสาร์ห้าวัดท่าขนุน)
     
  8. A+O

    A+O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +120
    รูปท่านท้าวเวสสุวรรณ จะเอาไปติดประตูบ้าน

    ต้องอัญเชิญหรือทำอย่างไรบ้างขอรับท่าน
     
  9. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ(นิติศาสตร์บัณฑิต)บอกคำพยากรณ์ไทยโบราณที่มีบันทึกไว้มักถูกต้อง

    เปิดชีวิตอีกหนึ่ง‘โหรดัง’ ‘ภิญโญ พงศ์เจริญ’ ‘หมอดู’ดีกรีนักกฎหมาย



    ใน ยามบ้านเมืองตกอยู่ในสภาพไร้ทางออก โหรหรือ “หมอดู” มักจะยิ่งได้รับความสนใจเป็นพิเศษ และยุคนี้โหราศาสตร์ก็ขยับมามีบทบาทกับเรื่องการเมืองมากขึ้น วันนี้มาดู “วิถีชีวิต” ของอีกหนึ่งนักพยากรณ์อนาคตชื่อดังในยุคนี้ กับชีวิตของ “ภิญโญ พงศ์เจริญ” นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ...

    ภิญโญ พงศ์เจริญ ซึ่งปัจจุบันเขียนคอลัมน์ “วงจรชีวิต” ทำนายดวงประจำวันใน “เดลินิวส์” ด้วย เกิดวันที่ 17 ส.ค. 2498 เป็นบุตร นายจรินทร์-นางหิ้ม พงศ์เจริญ เรียนจบชั้นประถมฯจากโรงเรียนวัดประดิษฐ์ธรรม อ.สทิงพระ จบมัธยมปลายจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ อ.เมือง จ.สงขลา จากนั้นก็จบปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในปี 2522 ก่อนจะเรียนสายการศึกษาที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒฯได้ปริญญาตรีอีกใบ แล้วก็จบปริญญาโทสาขาพัฒนาสังคมที่สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) ด้วย

    ด้านชีวิตครอบครัว อ.ภิญโญสมรสกับ นางวิภาภรณ์ พงศ์เจริญ มีบุตรสาว 1 คนคือ น.ส.ศิวาพร พงศ์เจริญ เรียนปี 1 คณะอุตสาหกรรมการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง

    สังคมทั่วไปจะรู้จัก อ.ภิญโญในฐานะ หมอดู แต่เจ้าตัวบอกว่าทำอาชีพ 2 อาชีพไปพร้อมกัน คือทำด้าน ทนาย ด้วย โดยงานด้านโหราศาสตร์นั้นได้ให้ความสนใจมานานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวัด

    “ผมเป็นเด็กวัด มีอาจารย์เป็นพระ ตั้งแต่เรียนอยู่สงขลาเข้ามากรุงเทพ มาอาศัยอยู่กับพระอาจารย์คือท่านเจ้าคุณอุดมศีลคุณ ซึ่งมีความรู้โหราศาสตร์ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เมื่อ 40-50 ปีที่แล้วท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ซึ่งแหล่งนัดพบของคนที่ศึกษาทางนี้ก็คือหน้ากุฏิของท่านนี่แหละ ทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้มาตลอด บางทีก็ท้ากันว่าจะมีเหตุการณ์นี้นั้นเกิดภายใน 5 นาที พอถึงเวลาก็มีจริง ๆ ก็เลยเกิดความทึ่งและศรัทธา จึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง”

    และอีกจุดที่เสริมแรงคือเนื่องจากสังเกตว่าในประวัติศาสตร์ไทย ในพงศาวดาร วรรณคดีไทย ศาสนาของไทย จะกล่าวถึงเรื่องการพยากรณ์โดยตลอด แม้ตอนแรกจะเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง แต่ตั้งข้อสังเกตว่าคำพยากรณ์ที่มีการบันทึกไว้ส่วนใหญ่จะแม่น บางเรื่องก็แม่นอย่างไม่น่าเชื่อ จากข้อสงสัยก็กลายเป็นความน่าสนใจ เกิดขึ้นมาเหมือนน้ำซึมบ่อทราย อีกอย่างเหมือนดวงชะตาจะดึงให้มาทางนี้ด้วย
    อ.ภิญโญเล่าอีกว่า ในปี 2516 มีการตั้ง “สมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ” ที่วัดบูรณะศิริ ก็ได้ร่วมกิจกรรมด้วยตั้งแต่เรียน มศ.4 จากการติดตามอาจารย์หลายท่าน พออาจารย์ติดธุระหรือป่วยก็มักถูกมอบหมายให้สอนแทน พอปี 2517 ก็ได้เข้ามาเป็นกรรมการสมาคม และได้เป็นนายกสมาคมต่อเนื่องมา 12 ปีแล้ว

    “ดูเหมือนขัดแย้งกัน แต่การที่เรียนนิติศาสตร์ กฎหมายเป็นสิ่งที่ต้องรู้ คนใต้จะชอบให้ลูกเรียนกฎหมาย เรียนรัฐศาสตร์ แม้ผมจะชอบทางโหร แต่เรื่องเรียนผมก็ไม่ทิ้ง ถึงเวลาเรียนก็เรียน”

    “โหราศาสตร์” นั้น อ.ภิญโญกล่าวว่า “เป็นศาสตร์ตามหลักวิชา” ไม่ใช่สักแต่จะทำนายเมื่อไหร่ ทำนายใครก็ได้ ที่สำคัญต้องมีข้อมูล เพราะต้องใช้เพื่อดูดวงตรงกับช่วงเวลาของดวงดาว ดูว่าดาวประจำราศีโคจรไปอยู่ในช่วงใด ซึ่งการที่ดวงดาวผูกติดกับชะตาเกิดจะบอกได้ว่าทางเดินของเจ้าชะตาแต่ละคน เป็นอย่างไร ส่วนใครจะตีความหมายอย่างไร หรือจะบอกว่าใครมีสิทธิ์คั่วตำแหน่งนั้นนี้มากน้อยแค่ไหน ก็สุดแท้แต่

    “ที่ดูบ่อย ๆ และเป็นคำถามซึ่งเรียกว่า 99% ของทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนรัฐบาล หรือจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่ต้องทำนายคือ ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ?”

    สำหรับแนวทางการพยากรณ์ที่เกี่ยวกับดวงดาวซึ่งเป็นแขนงที่เชี่ยวชาญและศึกษา อยู่ อ.ภิญโญบอกว่า ดวงดาวมีอยู่จริง เป็นตัวทำให้เกิดเวลา ในเวลาที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลทำให้เกิดเหตุการณ์ ทั้งดี-ไม่ดี หรือเหตุการณ์ที่เป็นกลาง ห้วงเวลาจะมีอิทธิพลอยู่ เรียกว่า“ห้วงเวลาอันล้ำลึก” ซึ่งเหตุการณ์ในห้วงเวลาแต่ละห้วงเวลา ภาพของดวงดาวจะเป็นอย่างไร เกิดขึ้นเพราะอะไร ก็มาจากจุดตรงนี้

    ส่วนโหราศาสตร์บุคคลถือว่าเป็นวิชาพื้นฐานเบื้องต้น หลังเชี่ยวชาญก็จะมีแขนงแตกออกไป เช่น สนใจการเมืองก็ศึกษาไปในทางนั้นเพิ่มเติม แต่หลักการทำนายจะแตกต่างกันในรายละเอียด โดยการทำนายดวงเมืองกับดวงคนไม่เหมือนกัน ดวงคนมีเรื่องราวเป็นปัจเจก แต่ดวงเมืองเป็นรัฐ เป็นประเทศ ความหมายแตกต่างกัน

    “การดูชะตาเมืองดวงเมืองนั้นต้องปรับ ผมจะเน้นเรื่องการเคลื่อนของดวงดาว ที่มุ่งหนักคือโหราศาสตร์ชะตาบุคคลว่าแต่ละบุคคลจะเกิดเคราะห์เมื่อไร แล้วจะเกิดโชคจากอะไร ขนาดไหน ถ้าเกิดโชคแล้วควรทำตัวอย่างไร นักโหราศาสตร์จะต้องรู้ดวงดาวขณะนี้ และดวงดาวต่อไปในอนาคตว่าดวงดาวจะเคลื่อนไปอยู่ตรงไหน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องมองเรื่อย ๆ” ...หมอดูชื่อดังกล่าว

    “โหรสมัยนี้มีคอมพิวเตอร์ช่วย จุดีคือไม่เปลืองสมอง แต่ข้อเสียคือทำให้คิดน้อยลง ฉาบฉวย ซึ่งถ้ามีโปรแกรมสำเร็จรูปแบบนี้ก็จะกลายเป็นว่าใครก็ดูได้ แต่ความจริงมันมีรายละเอียดมากกว่านั้น โหรต้องเป็นคนวิเคราะห์ ยุคก่อนกว่าจะมาตั้งตัวเป็นหมอดูทำนายชะตาชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย เทียบกับสมัยนี้เป็นง่ายกว่าเยอะ”

    และนี่คือบางแง่มุมชีวิต และแง่มุมในศาสตร์โหร ของ “ภิญโญ พงศ์เจริญ” คนนี้.

    เชาวลี ชุมขำ :รายงาน / จเร รัตนราตรี :ภาพ

    ดวงดาว-กาลเวลา-โหราศาสตร์

    “โหราศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำนายอนาคตและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของโลก หรือโชคชะตาของมนุษย์ โดยอาศัยตำแหน่งดวงดาว ในเวลาที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน บางทีก็ใช้การบันทึกทางสถิติสร้างเป็นหลักเกณฑ์และแนวโน้ม เพื่ออธิบายโอกาสของการเกิดเหตุการณ์ในอนาคต โดยอาศัยโหรผู้มีความรู้ความชำนาญเป็นผู้พยากรณ์ตีความหมาย” ...เป็นคำจำกัดความอีกส่วนกับศาสตร์แห่งโหรที่ ภิญโญ พงศ์เจริญ อธิบาย ก่อนจะบอกอีกว่า ศาสตร์นี้อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน

    “เราอยู่ในโลก เราคือดาวดวงหนึ่ง และมีดาวดวงอื่น ๆ ทั้งดาวพระเคราะห์ และมีกลุ่มดาวฤกษ์อีกเยอะแยะ ดวงดาวเป็นตัวที่ทำให้เกิดเวลา กาลเวลาคลอบคลุมมนุษย์และสรรพสัตว์ ถ้าดวงดาวไม่เคลื่อนไหว เหตุการณ์ก็ย่อมไม่เกิด เพราะมันไม่เกิดเวลา พอดวงดาวเคลื่อนไหวมันก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นทันที เพราะฉะนั้นเวลามันมีอิทธิพล เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย อย่างคดีก็มีการนับอายุความ และเวลาก็บอกการสิ้นสุดของอายุความ เวลาทำให้คนเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหตุการณ์แปรเปลี่ยน สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปภายใต้ห้วงเวลาอันล้ำลึก” ...อ.ภิญโญระบุ

    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=167794&NewsType=1&Template=1

    toast.jpg

    กว่าจะกลับมาดูกระทู้อาจเลยหน้า ๕๐๐ ไปแล้ว
    สุขสันต์วันครบรอบ ๕๐๐ หน้าล่วงหน้านะคะพี่เกษม

    อนุโมทนาบุญทุกประการค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2008
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    Tropical Storm KALMAEGI (08W) : ดีเปรสชัน ทวีขึ้นเป็นพายุโซนร้อน คัลเมจิ แล้ว บริเวณด้านตะวันตกของเ
    Tropical Storm KALMAEGI (08W) : ดีเปรสชัน ทวีขึ้นเป็นพายุโซนร้อน คัลเมจิ แล้ว บริเวณด้านตะวันตกของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์
    16 กรกฎาคม 2551 เวลา 04.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย วันที่ 16 กรกฏาคม 2551 /01.30 น. ปรากฎพายุหมุนเขตร้อน 2 ลูก
    1) Tropical Storm KALMAEGI (08W,18.1N 123.0E,40kts): เมื่อเวลา 22.00 วานนี้ (15 มิ.ย.51) พายุดีเปรสชันได้ทวีขึ้นเป็นพายุโซนร้อน คัลเมจิ แล้ว มีศูนย์กลาง ที่ละติจูด 18.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 123.5 องศาตะวันออก. และขณะนี้ 04.00น. วันนี้(16ก.ค.51) อยู่ ที่ละติจูด 18.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 123.0 องศาตะวันออก. มีศูนย์กลางอยู่ห่ างประมาณ 371 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ . กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกด้วยความเร็ว 3 นอต(6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างช้าๆ. พายุลูกนี้ได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างช้าๆในรอบ 12ชั่วโมงที่ผ่านมา. จากภาพถ่ายดาวเทียมเคลื่อนไหวที่ผ่านมาบ่งบอกว่ามีการขยายตัว โดยมีการก่อตัวของแถบฝนที่ระดะบชั้นล่างของศูนย์กลางพายุโดยเฉพาะบริเวณด้านใต้ของศูนย์กลาง ขณะที่ด้านเหนือของพายุเริ่มมีก่อตัวเพิ่มขึ้น. สำหรับทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อน KALMAEGI กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเนื่องจากบริเวณระดับชั้นล่างถึงชั้นกลางพายุอยู่ในช่วงกระแสลมสินค้า(Trade Wind) ที่พัดมาด้านตะวันออกเฉียงหนือ. ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 40นอต(74 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวประมาณ 993 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ 4 เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา / คาด พายุโซนร้อน KALMAEGI (คัลเมจิ/08W) นี้ จะมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกต่อไป ก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนทิศทางไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ในอีก 6-12 ชั่วโมงข้างหน้าหรือตั้งแต่ 07.00น.(16ก.ค.51) เป็นต้นไปเนื่องจากกระแสลมสินค้าจะอ่อนกำลัง. ขณะที่ระดับชั้นบนของพายุยังคงก่อตัวในด้านเหนือของพายุต่อไป ส่วนกระแสลมวินด์เชียร์คาดว่าจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้สภาวะโดยทั่วไปของพายุมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆอย่างช้าๆในอีก 6-12 ชั่วโมงข้างหน้า อย่างไรก็ตามเนื่องจากศูนย์กลางพายุจะเฉียดขึ้นชายฝั่งเกาะลูซอนตอนเหนือ ประเทศฟิลิปปินส์คาดว่าจะทำให้พายุทวีกำลังแรงที่คงที่เนื่องจากศูนย์กลางพายุได้รับสิ่งกีดขวางและความฝืดจากแผ่นดินใหญ่ของเกาะลูซอน และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะทวีขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นแต่อย่างใด : ประกาศศูนย์ร่วมเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
    2) Tropical Disturbance 95W (24.5N 129.9E,10-15kts) : เมื่อเวลา 04.00 วันนี้ (14 มิ.ย.51) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรง 95W บริเวณบริเวณด้านตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น มีศูนย์กลาง ที่ละติจูด 24.5องศาเหนือ ลองจิจูด 129.9 องศาตะวันออก. มีศูนย์กลางอยู่ห่ างประมาณ 482 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ โอกินาวา . กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้าๆด้วยความเร็ว - นอต(- กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา. จากภาพถ่ายดาวเทียมเคลื่อนไหวล่าสุดบ่งบอกว่าที่ระดับชั้นล่างรอบๆศูนย์กลางของพายุได้อ่อนกำลังลง และก่อตัวอย่างกระจัดกระจาย. พายุได้อ่อนกำลังลงโดยด้านใต้ของพายุมีการก่อตัวของแถบฝนน้อยลง. ที่ระดับชั้นบนของพายุบ่งชี้ว่าสภาพโดยทั่วไปไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาของพายุเนื่องจากได้รับอากาศแห้งและเย็นที่พัดมาจากทางด้านเหนือของพายุ ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 10-15นอต(19-28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวประมาณ 1008 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ - เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา / คาด หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรง 95W นี้ จะมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือต่อไปในอีก 6-12 ชั่วโมงข้างหน้า โดยจะยังคงมีกำลังอ่อนต่อไปในอีก 6 ชั่วโมงข้างหน้า . คาดว่าจะทวีขึ้นเป็นพายุดีเปรสชั้นในอีก 2-3 วันข้างหน้า หรือตั้งแต่ 04.00น. พรุ่งนี้(18ก.คง51) เป็นต้นไป : ประกาศศูนย์ร่วมเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
    - (เพิ่มเติม) พายุทั้งสองลูกนี้ไม่มีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยแต่อย่างใด และไม่มีอิทธิพลต่อสภาวะอากาศประเทศไทย โดยสำหรับพายุโซนร้อน คัลเมจิ ขณะนี้แนวฝนของพายุได้พัดถล่มตอนเหนือของลูซอน ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ศูนย์กลางพายุจะเริ่มเคลื่อนสู่ชายฝั่งเฉียดตอนเหนือของเกาะนี้ ก่อนที่ศูนย์กลางพายุจะเคลื่อนลงสู่ทะเลอีกครั้ง และจะเริ่มเปลี่ยนทางขึ้นเหนือมากขึ้น โดยมีทิศทางเข้าสู่ไต้หวันและจีนด้านตะวันออกในระยะต่อไป
    [​IMG]

    ภาพถ่ายดาวเทียม INFRARED ทุกๆ 1 ชม.
    [​IMG]
    http://agora.ex.nii.ac.jp/digital-typhoon/latest/globe/2048x2048/ir.jpgCLICK เพื่อดูภาพขนาดใหญ่
    http://agora.ex.nii.ac.jp/digital-typhoon/latest/animation/MPEG-2/last-120h.mpgCLICK เพื่อดูภาพถ่ายดาวเทียมเคลื่อนไหว 120 ชั่วโมงที่ผ่านมา หรือ เมื่อ 5 วันที่ผ่านมา UPDATE ทุกๆ 1 ชั่วโมง

    *******

    ภาพการคาดหมายเส้นทางการเดินพายุ ล่วงหน้า 5 วัน ทุกๆ 6 ชม.
    บริเวณพื้นที่ตาข่ายสีดำ รูปกรวย(โคน) แสดงถึง ความไม่แน่นอน/ความเป็นไปได้ที่จะได้รับผลกระทบหรือศูนย์กลางพายุอาจจะพัดผ่าน
    ***เครื่องของท่านอาจไม่ปรากฏภาพดังกล่าว ให้ CLICK ขวา > Show Picture***
    ที่มา Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC *ต้นฉบับ*
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    http://cimss.ssec.wisc.edu/tropic/real-time/westpac/storm/storm08W.html
    http://www.solar.ifa.hawaii.edu/Tropical/Gif/nwp.latest.gif
     
  11. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237

    นี่คือข้อความบางตอนที่อยู่ในคำทำนาย ผมคัดมาเฉพาะที่เป็นคาถานะครับ...( พระคาถาตามนี้เลยครับ )

    นี่คือพระคาถาขององค์อินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงใบลาน จงเก็บรักษาไว้ให้ดีเพื่อช่วยให้รอดจากภัยพิบัติในยามที่เกิดมหันตภัย พระคาถาได้เขียนไว้ดังนี้คือ
    "ปะโต เมตัง ปะละชิมินัง สุขะโต จุติ
    เมตตะ นินะนัง สุขะโต จุติ "
    พระคาถาข้อนี้จะเขียนลงใส่ใบลานแผ่นทอง หรือแผ่นผ้าก็ดีให้ติดไว้ บนประตูห้องเรียนหรือ รถราพาหนะ หรือพันหัวไว้ ในยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้รอดพ้นภัยอันตราย ในกาละเวลานี้ เทพเจ้าเหล่าเทวาที่คุ้มครองรักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำกุศลผลบุญ (ความดี) เพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรม (ความชั่วร้าย) ถึง 10 ส่วนเมื่อเป็นเช่นนี้พระอินทร์ได้ลงโทษมนุษย์โลก 9 ข้อนับตั้งแต่ปีจอถึงปีกุนคือ
    -จะให้เกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหวหวั่น
    -จะให้เกิดสารพิษต่างๆ (อากาศ อาหารเป็นพิษ)
    -จะให้เกิดไฟใหม้ (อัคคีภัย)
    -จะให้เกิดกาฬโรคต่างๆ (พยาธิร้าย)
    -จะให้เกิดน้ำท่วม (อุทกภัย)
    -จะให้เกิดอด ข้าว ปลา อาหาร
    -จะให้เกิดฟ้าผ่า
    -จะให้เกิดรบราฆ่าฟันกันเองสำหรับคคนใจบาป
    -จะให้เกิดร้อนหนาวมาก
    มหันตภัย ทั้ง 9 อย่างนี้จะรอดเฉพาะคนใจบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อกันให้เร่งรีบทำแต่ความดีมากกว่าทำบาปกรรมชั่วร้าย
     
  12. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=97160


    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">


    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่โรงแรมปริ๊นซ์ พาเลซ โดยสำนักมาตรฐานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “องค์ความรู้งานวิจัย การสร้างหลักประกันความมั่นคงและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์” โดยนางศิริรัตน์ แอดสกุล อาจารย์ภาควิชาสังคมวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอผลวิจัยเรื่อง “สถาบันครอบครัว พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลง” ว่า จากการศึกษาข้อมูล เรื่องการแต่งงานข้ามวัฒนธรรม โดยเฉพาะการลงพื้นที่ จังหวัดอุดรธานี สัมภาษณ์หญิงไทยที่นิยมมีสามีฝรั่ง ได้รับทราบถึงเหตุผลว่า เป็นเพราะผู้ชายในแถบอีสานมีนิสัยขี้เกียจ ชอบกินเหล้าและชอบทำร้ายร่างกาย บางรายถึงขนาดสามีสนับสนุนให้ไปมีสามีฝรั่งพร้อมนำลูกไปด้วย เหตุผลอีกส่วนเป็นเพราะทำให้มีชีวิตดีขึ้น บางรายมีรายได้ต่อเดือน 40,000-50,000 บาท เพราะส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อย ไม่มีทางที่จะหารายได้มากขนาดนั้น รวมทั้งยังชักชวนพี่น้องให้มีสามีฝรั่งด้วย ส่วนฝรั่งเองก็ชอบหญิงไทยเพราะมีนิสัยเอาใจใส่ดูแล
    นางศิริรัตน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบปัญหาเยาวชนมากมาย สถิติที่น่าห่วงพบว่านิสิตนักศึกษา อยู่หอร่วมกันฉันสามีภรรยาอย่างไม่อายใครมากขึ้น โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อนๆก็ทำกัน กลายเป็นมิติที่เปิดเผย แถมยังระบุว่าเรื่องเรียนกับเรื่องเซ็กซ์เป็นคนละเรื่อง ที่น่าห่วง บางคู่มีการสลับคู่นอนโดยไม่คำนึงว่าคู่ใคร ปฏิบัติกามกิจโดยไม่มีการป้องกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคนก็ผ่านการมีเซ็กซ์มาแล้ว จึงเป็นข้อมูลที่น่าห่วงที่กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า วัยรุ่นนิสิตนักศึกษาเป็นเอดส์มากขึ้น ทั้งยังพบปัญหาการล่าเซ็กซ์หรือเด็กล่าแต้ม จากการพูดคุยกับเด็กระดับมัธยมต้นคนหนึ่งล่าแต้มมาแล้วถึง 90 กว่าราย ในระยะเวลา 6 ปี ทั้งที่เด็กไม่ได้ยากจน แต่ทำเพราะมองเป็นเกมอย่างหนึ่ง ไม่ได้หวังทรัพย์สิน ไม่สนใจความรู้สึกพ่อแม่ และกลุ่มเพื่อนก็ไม่ได้มองว่าน่าวิตก
    อาจารย์จุฬาฯยังกล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับ คนขับแท็กซี่ได้รับรู้ปัญหามากมาย บางรายระบุว่าเด็กผู้หญิงบางคนพาผู้ชายขึ้นแท็กซี่แถวสถานเริงรมย์ให้ไปส่งโรงแรม ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแม้แต่ชื่อก็ไม่ทราบ เด็กนักเรียนบางกลุ่มใช้รถแท็กซี่เป็นที่เปลี่ยนชุดนักเรียน เด็กผู้หญิงบางรายระบุว่า เบื่อคู่นอนและขอแลกคู่นอนกับเพื่อน บางคนเห็นผู้ชายหน้าตาดีก็ประกาศว่าภายใน 3 วัน จะนำผู้ชายคนนั้นมาเป็นแฟนให้ได้ นอกจากนี้เรื่องของคู่เกย์ เลสเบี้ยนก็มีมาก และเปิดเผยตัวกันมากขึ้นในสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะจุฬาฯทุกคณะจะเห็นผู้ชายเบี่ยงเบนทางเพศเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงเสรีภาพ น่าห่วงว่าจะกลายเป็นแฟชั่น นิสิตบางรายถึงขนาดเก็บเงินรอไปผ่าตัดแปลงเพศ
    นางศิริรัตน์กล่าวด้วยว่า ปัญหาเหล่านี้ทำให้มองว่า โลกหมุนกลับจากเดิมที่ผู้ชายเป็นฝ่ายตามจีบผู้หญิง แต่สมัยนี้ผู้หญิงไล่ล่าผู้ชาย มองเซ็กซ์เป็นเรื่องเสรีไม่ผิดกฎหมาย ไม่คิดเรื่องรักนวลสงวนตัว ไม่รู้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนวัยเป็นสิ่งต้องห้าม ไม่ยึดหลักขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ปัญหาเหล่านี้มีแนวโน้มสูงขึ้น หากครอบครัวไม่ตระหนัก ให้เวลาดูแลลูกอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้น่าจะมีกลไกสังคมและรัฐที่จะร่วมกันรณรงค์ให้เด็กไทยรักนวลสงวนตัว คำนึงความเป็นกุลสตรี อย่านำเรือนร่างมาเป็นเกมกีฬา กระทรวง การพัฒนาสังคมฯและผู้เกี่ยวข้อง ต้องร่วมรับผิดชอบหาทางป้องกันโดยเร่งด่วน



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2008
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ jaojao48 [​IMG]

    รูปท่านท้าวเวสสุวรรณ จะเอาไปติดประตูบ้าน
    ต้องอัญเชิญหรือทำอย่างไรบ้างขอรับท่าน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ตามธรรมเนียมไทยโบราณ การจะอัญเชิญรูปของเทวดาชั้นสูง มาติดไว้ที่ประตูบ้าน ท่านให้จุดธูป 9 ดอก เพื่อบอกกล่าวให้เทวดาองค์นั้นรับทราบ แต่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านได้บอกเอาไว้ว่าท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 พระองค์ในปัจจุบันนี้ ท่านได้สำเร็จเป็นพระโสดาบันกันแล้ว

    จึงถือได้ว่าท่านท้าวเวสสุวรรณเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย ในหมวดพระอริยะสงฆ์แล้ว จุดธูป 3 ดอก เพื่อบูชาพระรัตนตรัยเสร็จแล้ว จึงกล่าวอัญเชิญท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้มาปกป้องคุ้มครองก็พอแล้วครับ

    หมายเหตุ เทวดาท่านจะช่วยเฉพาะคนดีมีศีลธรรม ที่รักษาศีล 5 ครบถ้วนบริบูรณ์แล้วเท่านั้น คนชั่วช้าไร้ศีลธรรมเทวดาท่านไม่ปกป้องรักษาครับ
     
  14. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    เป็นสัญญาณอะไรหรือเปล่าครับ.........

    http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9510000083571

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นักดาราศาสตร์ชวนดูปรากฏการณ์สุริยุปราคาเต็มดวง 1 ส.ค.นี้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 กรกฎาคม 2551 09:38 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ภูมิปัญญาท้องถิ่น กล่าวที่หอดูดาวบัณฑิต ตลาดบางบ่อ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ว่าจะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคามองเห็นได้เต็มดวงในต่างประเทศหลายประเทศ และเห็นได้บางส่วนในประเทศไทย วันที่ 1 สิงหาคมนี้
    การเกิดปรากฏการณ์ดาราศาสตร์สุริยุปราคาเกิดจากการเรียงตัวในแนวระนาบเดียวกันของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก เกิดในช่วงกลางวัน โดยเงามืดของดวงจันทร์บังโลก หากโลกโคจรผ่านเงามัวของดวงจันทร์ เราเรียกว่า "สุริยุปราคาบางส่วน" แต่หากโลกโคจรผ่านแกนของเงามืดของดวงจันทร์เราเรียกว่า "สุริยุปราคาเต็มดวง" ทั้งนี้ สุริยุปราคาเต็มดวงที่เกิดขึ้น ขอบฟ้าทั้งหมดจะเป็นสีส้มหรือสีแดงอมม่วง เช่นเดียวกับสีท้องฟ้าหลังอาทิตย์ตก ในช่วงการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง สามารถมองเห็นดวงดาวและดาวเคราะห์ที่สว่าง พร้อมเห็นวงแหวนของดวงอาทิตย์ก็จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ท้องฟ้าที่มืดขึ้น จะทำให้ปฏิกริยาของพืชและสัตว์เปลี่ยนแปลงตามระดับความมืดเพิ่มขึ้น ดอกไม้บางชนิดอาจจะปิด สัตว์อาจจะประพฤติตัวอย่างเช่นในกลางคืน ตามแสงอ่อนลงอย่างรวดเร็ว เช่น ค้างคาว
    สำหรับสุริยุปราคาเต็มดวงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ในหลายประเทศ ได้แก่ แคนาดา รัฐเซีย มองโกลเลีย และทางตอนเหนือของจีน ส่วนในประเทศไทยนั้นมองเห็นได้เป็นจันทรุปราคาบางส่วน สามารถเห็นปรากฏการณ์นี้ทั่วประเทศทุกภาค ช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์โดยเฉลี่ยในประเทศไทยเริ่มตั้งแต่เวลา 17.58 น. เป็นต้นไป โดยจะเริ่มมองเห็นบนท้องฟ้าทางด้านทิศทิศตะวันตกตั้งแต่เริ่มปรากฏการณ์จนอาทิตย์ลับขอบฟ้า อันจะเป็นประโยชน์แก่การศึกษาด้านดาราศาสตร์
    ในการชมปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ห้ามมองด้วยตาเปล่าโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะเป็นอันตรายต่อดวงตา การชมใช้แผ่นกรองแสงจากดวงอาทิตย์ หรือใช้กระจกที่รมควันอย่างหนาจึงจะปลอดภัย แต่จะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพียงเฉพาะช่วงก่อนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าได้ 2 นาทีที่แสงอ่อนลงแล้วเท่านั้น
    ด้านนายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จ.ฉะเชิงเทรา หรือโหร ส.ว. กล่าวว่า อิทธิพลสุริยุปราคา มีอิทธิพลทางดาราศาสตร์เช่นกันแต่น้อยกว่าอิทธิพลดวงดาว ที่ขณะนี้ดาวอังคารโคจรทับดาวเสาร์และเล็งดาวมฤตยู ที่ล้วนเป็นดาวบาปเคราะห์ ส่งผลร้ายกับดวงโลกและดวงเมือง ดาวพฤหัสบดีที่ให้คุณเดินวิปริตถอยหลังให้คุณไม่ได้ จะเป็นช่วงวิกฤตแก่บ้านเมืองอันเกิดการเปลี่ยนแปลงสูงสุดในขณะนี้ จนถึงวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ที่พอบรรเทาแต่ยังวิกฤต จะต้องผ่านพ้นถึง 16 กันยายนนี้ สถานการณ์ด้านต่าง ๆ จะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และจะดีเรื่อย ๆ ไปในระหว่างตั้งแต่เดือนมีนาคม - เมษายน 2552 เป็นต้นไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    ขอเสริมของพี่เกษมหน่อยครับ ผมอ่านบทความนี้รู้สึกดีมาก ที่จะนำมาบอกต่อๆ ให้พี่น้องเราได้อ่านกัน

    http://www.sangthip.com/1.1dhamma3.html

    ท่านปู่พระยายมราช ท่านผู้เป็นใหญ่ในนรกโลก (รวบรวมโดย เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ)
    ทุกคนให้ตัดความสงสัยในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เสีย ผู้ใดลังเลในพระรัตนตรัยไม่ถึงธรรมนะลูกทุกคน เร่งสร้างกุศลทำให้ดีให้จริงจัง นิวรณ์ทั้ง 5 จงตัดทิ้งออกไปจากจิต (นิวรณ์ 5 คือ 1. ความรักในรูป รส กลิ่น เสียง 2. ความหงุดหงิดไม่พอใจ 3. ความง่วงเหงาหาวนอนขี้เกียจในการปฏิบัติธรรม 4. ความฟุ้งซ่านคิดไร้สาระคิดแต่ในทางโลกไม่คิดทางออกจากขันธ์ 5 5. ความลังเล สงสัยในผลของการปฏิบัติธรรมตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน คิดว่าไม่มีผลจริง)
    ข้างล่างคือ นรกโลก มีผีนรกมากมาย พวกผีนรกนี้ก็มาจากคนที่ทำผิดศีล 5 ฆ่าสัตว์ฆ่าคน ลักขโมย มีชู้ พูดปด คดโกง พูดให้คนเป็นทุกข์ ดื่มสุรายาฝิ่น เล่นการพนัน เป็นต้น ไม่กตัญญูต่อคุณพ่อ คุณแม่ผู้มีพระคุณ ปรามาสพระอริยเจ้า ก็ลงนรกได้ ทำไมคนไม่เลือกเดินทางไปสวรรค์กันเล่า ทำไมคนจึงเลือกเดินทางไปนรกกัน ตอบได้ไหม ? เพราะความไม่รู้คิดว่านรก สวรรค์ไม่มีจริง คิดว่าตายแล้วสูญ ชาตินี้มีชีวิตอยู่ชาติเดียวจบกัน ถ้าเข้าใจผิดมีอวิชชาแบบนี้ ปัญญาย่อมไม่เกิด แล้วจะเดินขึ้นสวรรค์ได้อย่างไรเล่า คอยถามพวกผีหรือวิญญาณของคนที่ตายแล้วทุกวันถึงบุญกุศลความดีที่เคยทำไว้ในสมัยเป็นคน ถ้านึกได้ข้าก็ให้ไปเสวยสุขที่สวรรค์ก่อน มันก็ระลึกถึงบุญกุศลกันไม่ออกสักคนสักตัว
    พวกผีนรกพวกนี้คือ คนที่ตลอดชีวิต ไม่เคยสร้างบุญกุศลเขาก็ระลึกนึกถึงความดีไม่ได้ ถ้าเขาใส่ใจบุญกุศลสักนิดเช่น ตักบาตร ไหว้พระ สวดมนต์ ทำบุญให้ทาน ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เขาก็จะนึกออก สร้างพระพุทธรูป ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน วิหารทานดีทั้งนั้นไปสวรรค์ได้ง่าย เพราะเขาไม่ทราบว่ากฎของกรรมดี กรรมชั่ว มีจริง เขาจึงต้องเวียนกลับไปสู่แดน อบายภูมิ มีนรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉานเป็นต้น
    อย่านึกว่าปู่ดีใจนะที่ได้เห็นพวกเจ้าลงนรกกัน นึกหรือว่าทรมานวิญญาณผีนรกแล้วมันสุขใจ ท่านปู่พระยายมราชเป็นทุกข์ใจมาก สวรรค์มีทางกว้างขวางไปก็ง่ายมาก ทำไมไม่ไปทางสวรรค์ นรกไม่มีประตูปิดกั้นหมดแล้ว คนก็ยังจะดันแส่หาเรื่องผิดศีลเข้าไปจนได้
    หากเจ้าจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ แล้ว ในบรรดาคนในโลกที่ตายไปนั้นมีเพียง 1 % เท่านั้นที่เดินขึ้นสวรรค์ หายากนะลูก 99 % ไปนรก เพราะความไม่เข้าใจในชีวิตจิตเศร้าหมองติดอยู่ในคนรัก ในทรัพย์สินเงินทองก่อนตาย ไม่ได้นึกถึงพระในศาสนาของตน นึกถึงพระศาสดาองค์ใดก็ดี ทั้งนั้น จิตจะสะอาด พวกที่เขาตายโดยอุบัติเหตุก็ให้ญาติรีบทำสังฆทาน ถวายอาหาร พระพุทธรูป (ขนาดไหนก็ได้ ) ผ้าไตรจีวร และปัจจัยสร้างวิหาร วัดไหนก็ได้ เป็นสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน ทำสมาธิภาวนา อุทิศส่วนกุศลเจาะจงให้แก่ผู้ตายแล้วโดยตรง ก่อนที่เขาจะลงนรกเขารับรู้และอนุโมทนา ก็จะพ้นขุมนรก
    เพื่อความแน่ใจว่าผู้ตายจะได้รับบุญที่ญาติส่งไปให้ ก็กล่าวขอมอบฝากกับท่านปู่พระยายามราช ขอให้ท่านบอกกับผู้ตายชื่อนั้นชื่อนี้ ให้เขาได้โมทนา ความเป็นทิพย์ของท่านปู่พระยายมราชมี ท่านรับทราบท่านเต็มใจที่จะบอก เพราะท่านไม่ต้องการให้ใครลงนรก เพราะบางครั้งคนตาย ทำบุญกุศลมามากตอนมีชีวิต แต่ก่อนตายตกใจจิตว้าวุ่น วิตกกังวลกลัวเป็นห่วงญาติห่วงทรัพย์สมบัติจิตเศร้าหมองจิตวิญญาณก็ไปทางต่ำคือ อบายภูมิ ผู้รับอนุตตรธรรม รับธรรมไว้ในจิตใจไม่ผิดศีล 5 อีกต่อไป ย่อมได้รับการโปรด หลุดพ้นจาการควบคุมของยมฑูต มีการไหว้พระสวดมนต์ มีพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์อยู่ในใจก็มีเทพเทวดาคอยรักษาคุ้มครองป้องกันภัย
    ทุกคนมีบาป ทุกคนจึงต้องรีบเร่งทำบุญหนีบาป บาปเก่าอดีตชาติยังคอยจ้องติดตามเราอยู่ตลอดเวลา รีบเตรียมรับกรรม อย่ากลัวตาย จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับบาปกรรม บาปกรรมที่หนักที่สุดก็คือ เจ้าจะได้รับความเจ็บปวดรวดร้าวก่อนที่ร่างกายจะแยกแตกสลายตายไปนะแหละ จำไว้เถิดลูกเอ๊ย จงรีบเร่งใช้สติปัญญาที่เรามี พิจารณาขันธ์ 5 ให้ได้มากที่สุด คือ สักกายทิฎฐิ นะแหละให้พิจารณาว่าร่างกายขันธ์ 5 เป็นทุกข์ เป็นโทษ เป็นของสกปรก ไม่ใช่ของเรา จิตเป็นของเรา จะบังคับร่างกายก็ไม่ได้ ต้องปล่อยทำเฉย ๆ ทิ้งร่างกายขันธ์ 5 เป็นเรื่องของโลกของธาตุ 4 ดินน้ำลมไฟเสีย นั่นแหละเจ้าจะปลดกรรมเก่าได้
    พอปลดปล่อยขันธ์ 5 ออกจากจิตเจ้าได้แล้วมันก็จะทุกข์น้อยลง เมื่อบาปกรรมเก่าของเจ้ามาถึง เจ้าก็จะคิดว่า กรรมเก่าทำเจ้าได้เฉพาะร่างกายเท่านั้น จิตเจ้าชนะร่างกายไม่เป็นทาสของร่างกายแล้ว และร่างกายก็ไม่ใช่ของเจ้าแล้วจะเจ็บจะปวดทรมานอย่างไรก้เป็นเรื่องของขันธ์ 5 จิตของเจ้าก็จะนอนยิ้ม เพราะเห็นว่าร่างกายมันไม่ใช่ของเจ้านี่ มันจะตายเพราะใช้บาปกรรมก็ดี ยอมตายดีกว่าใช่ไหม มันจะได้ไม่เจ็บปวดทรมานต่อไป เจ้ากรรมนายเวรจะน้อยลง รีบหนีไปนิพพานเสียให้หมดทุกคน หากใช้มโนมยิทธิจะรู้ว่าทุกคนมีเจ้ากรรมนายเวร คือ บาปเก่ารออยู่ข้างหลังพวกเจ้าทุกคน
    สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดคือ ร่างกายของคน อย่าหลงรักของชั่วร้าย คือ กายเรา กายเขา คือขันธ์ 5 เราขันธ์ 5 เขาต้องไล่ ขันธ์ 5 ร่างกายนี้ออกจากจิต ถ้าไม่ไล่ร่างกายของเจ้าออกจากจิตเจ้า เจ้าก็จะทุกข์กายทุกข์จิตใจแน่นอน ที่บอกมาก็เพราะต้องการให้เจ้าใช้กรรมด้วยปัญญา ไม่ให้หลงฤทธิ์ ถอดจิตหนีขึ้นนิพพานอย่านึกว่าพ้นนะ การทำบุญ เปรต สัมภเวสี เทวดา เขารอโมทนาเยอะ ถ้าผีวิญญาณที่เขาได้รับบุญกุศลที่เราอุทิศแผ่ไปเขาก็จะได้รับอภัยโทษ ให้ไปเกิดเป็นคนบ้าง ไปเกิดเป็นเทวดาบ้าง จงใช้มโนมยิทธิของเจ้าดู บ้างก็ไปเสวยบุญชั่วขณะตามกำลังของบุญ เมื่อหมดก็มาขอบุญอีกก็มีเยอะ ดังนั้นเจ้าควรจะทำสมาธิภาวนาแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกยิ่งดี
    ผู้ที่ขยันแผ่เมตตาจิตไปทั้ง 3 โลก คือ 1. นรกโลก 2. มนุษย์โลก 3. เทวโลก พรหมโลก จึงเป็นที่รักใคร่ของมวลเทพเทวดา และมนุษย์ผีวิญญาณเร่ร่อนทั่วไป ปรทัตตูปชีวเปรตจะคอยโมทนา จงท่องคำอุทิศส่วนกุศลให้ทุกท่านได้โมทนาอยู่เป็นประจำก็จะดีมาก จะผ่านท่านปู่พระยายมราชได้ยิ่งดี ท่านจะจำนำเป็นพยานที่เจ้าได้ทำบุญกุศลไว้ตอนเป็นคนให้ จงพูดถึงข้า คือท่านปู่พระยายมราชทุกครั้งเมื่อกระทำบุญ
    เมื่อเจ้าลงนรกไปด้วยความประมาทไม่ได้นึกถึงบุญความดีหรือพระพุทธเจ้าก่อนตาย ข้าหรือท่าปู่พระยายมราชจะได้บอกว่า เจ้าเคยฝากบุญไว้กับข้า คือท่านปู่พระยายมราชมาก่อน ข้าก็จะบอกให้เจ้าที่ผ่านสำนักพระยายมราชว่า จงโมทนาสาธุยินดีในบุญความดีเสีย บาปจะได้ตามไม่ทันจะได้พ้นนรก ถ้าเจ้ามีกำลังจิตจะฝากบุญกุศลให้แก่จิตวิญญาณของ คนทั้งโลกก็ได้ ข้าก็จะได้บอกเขาว่ามีคนฝากบุญกุศลให้เขาโมทนา ถ้าเขารับได้เขาก็จะพ้นทุกข์ตามกำลังของจิตของเขาที่ทำบุญกุศลได้
    ถ้าหากเจ้าคิดจะแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ทั้ง 3 โลกให้ทำดังนี้จะสะเทือนไปถึงทั้ง 3 โลก แต่เจ้าต้องมีศีล5บริสุทธิ์ เป็นอย่างต่ำ และมีบุญทานภาวนาเป็นอย่างสูง ให้ว่าดังนี้
    พระคาถาแผ่เมตตาทั่วไตรภพ
    สวดในนามพระพุทธเจ้าแล้ว แผ่เมตตาจิตไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก(นรกโลก มนุษย์โลก เทวโลก) สวดอย่างน้อย 9 จบ อย่างมากตลอดเวลา
    นโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า
    ขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก
    ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏสงสารโดยสิ้นเชิง
    ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ
    ลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ
    ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใส
    หลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ
    สัมปะจิตฉามิ
    คุณประโยชน์ของการอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาจิตให้สรรพสัตว์ทั้ง 3 โลกไปกับฉัพพรรณรังสี รัศมี 6 ประการ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์แรกเริ่มมีดังนี้
    1. โปรดช่วยสรรพสัตว์ได้ แดนเปรต อสุรกาย มนุษย์โลก สัตว์ทั้งที่มีชีวิตและเป็นภูมิผีวิญญาณเร่ร่อน แผ่ไปทั่วเทวโลก พรหมโลก ได้รับโมทนาบุญกับเรา
    การแผ่เมตตา แผ่ส่วนกุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร จงทำทุกวัน จงตัดเวรตัดกรรม ให้อโหสิกรรมต่อกัน ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า ถ้าเราโกรธตอบจะเพิ่มภพชาติให้เกิดมาใช้หนี้เวรกรรมกันอีก
    2. สวดด้วยจิตศรัทธาแท้ เทพ พรหมรักใคร่ สรรเสริญ เมตตาติดตามรักษาเราให้อยู่เย็นเป็นสุข
    3. สวดตลอดเวลา คิดปรารถนาสิ่งใดก็สมหวัง
    4. สวดตลอดเวลาจิตเป็นสมาธิ ภาวนาจิตไม่ฟุ้งซ่าน จิตสะอาดปราศจากนิวรณ์
    5. จิตสะอาดสว่างไสว จิตหลุดพ้นจากการหลงยึดติดในขันธ์ 5 จิตเป็นจิตประภัสสร เป็น
    จิตพระอริยบุคคลได้ง่าย เพราะเป็นจิตที่มีเมตตา เคารพบูชา พระรัตนตรัยมองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เป็นจิตฉลาดไม่มีอวิชชา เป็นจิตที่มีพระนิพพานเป็นกรรมฐานได้ 8 กรรมฐาน คือ
    1) พุทธานุสสติกรรมฐาน
    2) ธรรมนุสสติกรรมฐาน
    3) สังฆานุสสติกรรมฐาน
    4) พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    5) อุปสมานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความดียิ่งของพระนิพพาน
    6. เป็นการอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ตัดเวรตัดกรรม ยกเป็นอภัยทาน ถวายพระพุทธเจ้า
    ถ้าเจ้าโกรธก็เป็นการเพิ่มภพเพิ่มชาติ
    7. การอุทิศแผ่กุศลไปยังสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก จงทำทุก ๆวันละอย่างน้อยสวด 9 จบ ช่วยทั้งคนทั้งผี ทั้งสัตว์โลก สัตว์นรก ช่วยเทพเทวดา มีโอกาสโมทนากับพวกเราด้วย
    8. พระคาถาสวดพระนามพระพุทธเจ้านี้ พระท่านให้ไว้แก่มวลมนุษย์มาจากเบื้องบนพระนิพพาน ให้สวดทุกวัน เพื่อช่วยมวลเวไนยสัตว์ และตนเองก็หลุดพ้นจากนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ไม่ต้องได้เกิดในแหล่งอบายภูมิ 4 อย่างนี้ เป็นการเสริมบารมีให้แก่ตนและผู้อื่น
    9. การแผ่พลังจิตให้เป็นพลังไปรอบทิศจักรวาลทั้ง 3 โลกนั้น ทำจิตให้ว่างจากขันธ์ 5 ว่างจากกิเลสตัณหา ทำบุญกุศลทุกอย่าง ขอถวายทางจิตให้องค์สมเด็จพระบรมครูพระพุทธเจ้าโปรดโมทนาบุญกุศลทุก ๆพระองค์ เพื่อประโยชน์สูงสุดแด่มวลสรรพสัตว์ทุกจิตดวงธรรมญาณได้รับผลบุญที่ลูกแผ่ไปให้ทุกดวงจิตธรรมญาณเทอญ
    การขอแรงพลังจิตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการขอแรงคลื่นวิทยุของท่านผู้เป็นใหญ่บุญบารมีใหญ่ ช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อให้สรรพสัตว์ 3 โลก ได้ยินคลื่นวิทยุได้ดียิ่งขึ้น
    จิตของสัตว์อบายภูมิน้อยนักที่จะได้รับได้ยินเหมือนคนตาบอด แต่ถ้าเขาโมทนายินดีรับกับการอุทิศบุญกุศลแผ่เมตตาไปให้กับเขา ก็ทำให้เขาเป็นสุข พ้นทุกข์จากอบายภูมิได้ทุกคน เราต้องทำจิตให้สะอาดทำจิตว่างจากขันธ์ 5 ปล่อยพลังจิตไปทั่วรอบทิศจักรวาล
    10. สวดพระคาถาพระนามองค์สมเด็จพระปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝากบุญกุศลไว้กับท่านท้าวยมราชได้แน่นอน โปรดสัตว์ได้ทั่วทั้ง 3 ไตรภพ แล้วแต่จะกำหนดจิตโปรดได้หมดทุกประเภท ทั้งชาติกำเนิด 4 คือ(เกิดในไข่ เกิดในคูต เกิดเป็นตัว เกิดขึ้นเอง เช่น ผี เทพ พรหม ) ภูมิวิถี 6 คือ 1.สัตว์นรก 2. เปรต 3.อสุรกาย 4. สัตว์เดรัจฉาน 5. คน 6. เทวดา พรหม
    โปรดสัตว์ได้ตามวาระจิตของวิญญาณใด ถึงพร้อมย่อมสามารถเข้าถึงสุขติภูมิ คือ สวรรค์ และคนชั้นสูงมีความสุขตามฐานะ
    กฎของกรรมต่าง ๆ ที่คอยกีดกั้นขวางงาน เป็นเมตตาบารมี กฎของกรรมก็ตามไม่ทัน เพราะบุญใหญ่
    เวลาการบำเพ็ญบารมีของแต่ละท่านก็แตกต่างกันคือ
    พระสาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 1 อสงไขยกับแสนกัป
    พระอัครสาวก ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป
    พระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 2 อสงไขยกับแสนกัป
    พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 4 อสงไขยกับแสนกัป
    พระพุทธเจ้าศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 8 อสงไขยกับแสนกัป
    พระพุทธเจ้าวิริยะธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีนาน 16 อสงไขยกับแสนกัป

     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2008
  17. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
  18. pipat

    pipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +126
    ขอบคุณกับสาระดีๆครับ ผมจะเข้ามาอ่านทุกวันครับ
     
  19. เจนัย

    เจนัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +3,237
    http://tnews.teenee.com/etc/25177.html

    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สมเด็จสังฆราชประทานโอวาท วันอาสาฬหบูชา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันนี้ (16 ก.ค.) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท วันอาสาฬหบูชา พ.ศ. 2551 ปีนี้ตรงกับวันที่ 17 ก.ค.

    มีใจความว่า วันอาสาฬหบูชาเป็นวันบูชาที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา ตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวง ขึ้น15 ค่ำ เดือน 8 คือ เดือนอาสาฬหะ เป็นวันที่เจ้าชายสิทธัตถะ หลังจากได้ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ได้ทรงเป็นสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ได้ 2 เดือน ได้ทรงแสดงพระปฐมเทศนา ทรงประกาศพระธรรมที่ทรงตรัสรู้เป็นครั้งแรกโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5
    ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี ท่านโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรม รู้ว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งปวงมีความดับไปเป็นธรรมดา"


    สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปล่งพระพุทธวาจาให้เป็นที่ประจักษ์ว่า อัญญาโกณทัญญะ คือ "โกณทัญญะได้รู้แล้วหนอ"


    วันนั้นจึงเป็นวันที่พระรัตนตรัยเกิดครบองค์
    3 คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์แรกที่เกิดขึ้นคือท่านโกณฑัญญะ ด้วยพระบารมีพระรัตนตรัย จงมั่นใจ และจงปฏิบัติเทิดทูนบูชาพระรัตนตรัยให้เต็มจิตใจทุกเวลา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    หลวงปู่ขาว พุทธรักขิตโต เล่าว่า พระพุทธศาสนานั้นมีอายุ 2505 ปีเท่านั้น แต่พระสาวกและเทวดาทูลขอไว้ เพื่อให้พระศาสนาดำรงครบ 5000 ปี ขณะนี้พระศาสนาอยู่ในช่วงขอ ดังนั้นจึงมีมาร มากอย่างผิดปกติ และภัยธรรมชาติจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงภัยสงครามต่างๆๆ เพื่อกวาดล้างมนุษย์ที่ไม่มีศีลธรรม และต้องได้รับผลของ
    กรรม แต่มนุษย์ที่มีศีลธรรมทำทานรักษาศีลเจริญภาวนาจะอยู่รอดไม่เดือดร้อนและเหตุการณ์ภัยพิบัติจะเริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เช่น น้ำท่วมโลก แผ่นดินไหว โรคที่รักษาไม่หายแต่จะหายไปจากโลกแทน สงครามการแย่งชิงอำนาจต่างๆ มนุษย์ที่มีศีลธรรมจะถูกเบียดเบียน จากมารทั้งภายในและภายนอกศาสนา
    หลวงปู่โลกอุดรท่านเป็นพระอรหันต์ กับพระอุปคุตเถระ รับหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับภัยพิบัติต่างๆ ที่จะมาทำลายพระศาสนา แต่ต้องไม่เกินวิบากกรรมของคนในยุคนั้นๆ
    หลวงปู่ขาวเล่าให้ฟังว่า ที่อยู่ของพระอุปคุตเถระเป็นพระอรหันต์ ที่อยู่ของท่านคือที่บริเวณ
    เครื่องบิน เรือชอบหายไปบ่อยๆๆ ท่านอาศัยอยู่กับแม่ของท่านโดยฤทธิ์ ส่วนหลวงปู่ใหญ่หรือ หลวงปู่โลกอุดร
    จะอยู่บริเวณภูเขาที่เก็บศพของพระมหากัสสปะซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านสมัยพุทธกาล สมัยนั้นหลวงปู่ใหญ่ชื่อ
    พระอุตรเถระ กระดูกของท่านอยู่ที่นครปฐม
    หลวงปู่ขาวท่านเล่าต่อไปว่าต่อไปจะมีภัยใหญ่และร้ายแรงเกิดขึ้นในโลก ท่านจะมาปรากฏให้คนพบเห็น
    ท่านจะโด่งดัง ท่านจะมาฟื้นฟูพระศาสนาอีกครั้งครับ
    เอามาจากหนังสืออ่านก่อนตาย เล่ม 4 และฟังจากปากของหลวงปู่มาบางตอนครับ ผมเป็นผู้หนึ่งที่ฟังท่านเทศน์ไม่ค่อยจะเข้าใจ คือหลวงปู่เทศน์ เป็น สำเนียงภาษา L.A.O ครับffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    ขอโทษนะครับใครมีโปรแกรมแปลงไฟล์รูปภาพช่วยส่งมาให้ผมหน่อยผมจะเอารูปลงในเว็บช่วยหลวงปู่หาเงินสร้างโรงพยาบาลครับ เดี๋ยวมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...