ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

2 ธ.ค. 51

เรือติดล้อ

ปกติเรือจะแล่นในน้ำ แต่กลับมาซิ่งอยู่บนบก

 

คำตอบในเรื่องภัยพิบัติ จากหลวงพ่อสิริ
โดยคุณ madastro<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_651187", true); </SCRIPT> สมาชิก


หลวงพ่อสิริ วัดถ้ำชี จ.เพชรบุรี​

สวัสดีครับชาวพลังจิตทุกท่าน

ผมเป็นสมาชิกบอร์ดนี้มานานแล้ว แต่ไม่เคยโพสต์อะไรเลย ได้แต่ตามอ่านอย่างเงียบๆครับ ผมได้รับรู้เรื่องภัยพิบัตินี้ครั้งแรกก็ที่นี่แหละครับ หลังจากนั้นก็ได้รู้เรื่องคำทำนายต่างๆ มาเป็นระยะๆ รวมถึงหนังสือเรื่องคำทำนายภัยพิบัติที่ หลวงพ่อสิริ (กนฺตสิริ ภิกฺขุ วัดถ้ำชี จ.เพชรบุรี) นำมาพิมพ์แจกเป็นธรรมทานด้วยครับ ในนั้นก็มีใจความเหมือนกับที่ได้อ่านจากในบอร์ดนี้ล่ะครับ

ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้กลับบ้านที่เพชรบุรี และได้ขึ้นไปกราบหลวงพ่อสิริบนเขากิ่วด้วย หลังจากฟังเทศน์เสร็จและคนที่เข้าไปกราบหลวงพ่อเริ่มทยอยกลับกันไปแล้ว หลวงพ่อก็หันมาทางผม แม่ และญาติอีก 2 คนที่ขึ้นไปด้วย และถามว่า "มีอะไรสงสัยหรือ"

หลังจากที่ผมนั่งเรียบเรียงคำพูดอยู่สักพัก ผมก็ตัดสินใจถามว่า "เมื่อไหร่จะเกิดภัยพิบัติดังที่คำทำนายเขาว่าไว้หรือครับ"

ธรรมดาหลวงพ่อจะไม่ตอบคำถามแบบนี้นัก และมักจะตอบกลับมาในใจความว่า "ไม่ใช่กิจของเราซะหน่อย รู้ไปทำไม" แต่ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หลวงพ่อจึงยอมตอบคำถามไร้สาระของผม คำตอบของหลวงพ่อ จากเท่าที่ผมพอจะเรียบเรียงออกมาได้ ก็มีใจความประมาณนี้ครับ

-----------------------------------------------------------------------

เรื่องภัยพิบัติในคำทำนายน่ะ ไม่ต้องรอให้มันเกิดหรอก ตอนนี้ล่ะมันกำลังเกิดอยู่เลยล่ะ ก็ดูอย่างที่เมืองนอก ก็มีภัยธรรมชาิติแรง เขาร้อนตายกันประเทศละเป็นร้อยเป็นพันคน ไหนยังจะมีน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม พายุเข้า เดือดร้อนกันไปทั่ว ทุกอย่างแปรปรวนหมด เราก็เห็นกันเห็นประจำ

เราก็เห็นแล้วก็รู้กันอยู่ว่ามันรุนแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นเยอะ แต่ที่หลายคนไม่รู้ว่ามันกำลังเกิด เพราะว่าในหนังสือ (คำทำนาย) มีเรื่องน่าเหลือเชื่อและคำบรรยายที่รุนแรงอะไรมากมาย แต่พอมันเกิดจริงๆแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น ส่วนของเมืองไทยที่ดูเหมือนไม่โดนอะไร ที่เห็นว่ามันไม่รุนแรงอย่างที่คิด ก็เพราะว่าคนบนโลกไม่ได้ชั่วกัน 100%

บารมีของคนดีเขาช่วยกันต้านไว้ บารมีของพระอริยเจ้าไปจนถึงพระโพธิสัตว์ก็ช่วยด้วย โดยเฉพาะตอนนี้มีคนที่กำลังช่วยเรื่องนี้กันอยู่อย่างจริงจัง ในไทยก็มีเยอะ ถึงคนชั่วจะมี 7 ส่วน คนดีมี 3 ส่วน อย่างที่เขาว่ากัน แต่ความดีของคนดี 3 ส่วนนั้นน่ะมันต้านภัยร้าย ที่จะมาถึงได้ 50-50 เลย เขาส่งความดีไปต้านเอาไว้ มันหักล้างกันไปบ้าง มันเลยดูเหมือนไม่มีอะไร

ไอ้ที่เห็นว่ามีภัยรุนแรงแล้วตายกันเยอะนั่นคือ มันต้านกันไว้ไม่ค่อยอยู่ มันก็เลยมีหลุดๆมาบ้าง เช่นสึนามิตอนปี 2547 นั่น ถือเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่ามันกำลังเกิดขึ้นจริงๆ ซึ่งจริงๆแล้วมันต้องเสียหายมากกว่านี้แล้ว ถ้าไม่มีความดีมาช่วยไว้ก็เละไปแล้ว

อย่าชะล่าใจว่ามันยังไม่เกิด ช่วยกันทำความดีเอาไว้ ไม่ใช่เพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เพื่อส่วนรวมด้วยนั่นแหละ อย่าประมาทในการทำความดี ก็ดีแล้ว ดีแล้วที่ถาม นะ"

-----------------------------------------------------------------------​

ก็อย่างที่เห็นกันอยู่ในข่าวตอนนี้ล่ะครับ ว่ามันรุนแรงแค่ไหน คงจะจริงอย่างที่หลวงพ่อท่านว่า มันกำลังเกิดอยู่เลยล่ะครับ ทั้งพายุ 3 ลูกที่เกิดพร้อมๆกันในทะเลจีนใต้ในตอนนี้ก็พอจะบอกได้ ที่เห็นว่าไม่รุนแรงนั้น ตอนนี้ก็คงเรียกได้ว่า กำลังผ่อนส่งกันอยู่ก็ว่าได้มั้งครับ

โดยเฉพาะตอนนี้มีคนที่กำลังช่วยเรื่องนี้กันอยู่อย่างจริงจัง ได้ยินประโยคนี้แล้วนึกถึงที่นี่เลยล่ะครับ แหะๆ

ขอบขอบคุณและอนุโมทนาทุกๆท่าน ที่กำลังทำงานหนักเพื่อต่อต้านภัยพิบัตินี้อยู่นะครับ ขอบคุณจริงๆครับ ผมซึ่งอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็ขอเอาใจช่วยและขอทำดีช่วยด้วยอีกแรงนะขอรับ

หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอให้ความผิดตกอยู่ที่ข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว ขอให้เจริญธรรม

ปล.1. ส่วนเรื่องสงครามนิวเคลียร์และประเด็นอื่นๆ ผมไม่กล้าถามน่ะครับ แต่ไม่เกิดเลยย่อมดีกว่า

ปล.2. บนสำนักปฏิบัติธรรมถ้ำชี(เขากิ่ว) ไม่มีทีวี... แล้วท่านรู้ข่าวต่างๆได้ยังไงล่ะเนี่ย

โดย madastro

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=3906&page=169

<!-- / edit note -->

 

วิสัชชนาว่าด้วยการรวมศาสนาเป็นหนึ่งเดียวโดยมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาสากล
โดยคุณเอกอิสโร วรุณศรี​

​

<TABLE width="100%" bgColor=#bbddff border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>

พอดีว่าได้ไปตอบกระทู้ในพันธ์ทิพย์มา แล้วจึงได้คัดลอกมาให้ท่านที่ไม่อยากไปพันธ์ทิพย์ได้อ่านกันตรงนี้... ​

สืบเนื่องจากมีผู้ตั้งตอบในกระทู้ที่ผ่านมาว่า ในอนาคตหลังจากเกิดสงครามใหญ่จนแต่ละฝ่ายล้มตายไปฝ่ายละครึ่ง สงครามจะยุติ และศาสนาจะรวมกันเป็นหนึ่งโดยมีพุทธศาสนาเป็นศาสนาสากล โดยจะมีพระเอกที่อายุไม่เกิน 40 ปี มีอภิญญา เหาะเหินเดินอากาศได้นั้น เมื่อคืนนี้กลางดึก จิตก็แว้บถึงกระทู้นี้จึงได้คำตอบที่จะมาวิสัชชนาเป็นดังนี้ ​

1.ความเป็นไปได้ที่ศาสนาทุกศาสนาจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ข้อนี้หากจะเกิดขึ้นได้ ท่านว่าให้ดูว่าเมื่อไหร่ที่ศาสนาพุทธสามารถรวมกันได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้นั่นหล่ะจึงจะส่อเค้าให้เห็นว่าศาสนาทั้งหลายจักรวมกันได้เป็นหนึ่ง เพราะในปัจจุบันในศาสนาพุทธก็แบ่งแยกออกเป็นนิกาย ลัทธิต่างต่าง ๆ มากมาย เอาแค่ใหญ่ ๆ คือมหายาน กับ หินยาน ก็มีข้อเปรียบเทียบกันแล้วว่าของข้าดีกว่า ของท่านดีน้อยกว่า ลองมาดูในส่วนของหินยานหรือเถรวาทในประเทศไทยเรา ซึ่งก็แบ่งเป็นฝ่ายมหานิกาย และธรรมยุต พิจารณาลงไปถึงขั้นปฏิบัติ ก็แยกลงไปอีกเป็น สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ต่างฝ่ายก็อ้างว่าของตนดีกว่าเหนือกว่า ฝ่ายวิปัสสนาที่เน้น พองหนอ ยุบหนอ ปวดหนอ ร้อนหนอ ก็ว่าแนวทางของตนคือทางสายเอก ส่วนที่ภาวนา พุท-โธ พุท-โธ หรือ สัมมาอะระหัง หรือ นะมะ พะธะ เป็นได้แค่อุบายทำใจให้สงบ ไปไม่ถึงพระนิพพาน จนทำให้พุทธศาสนิกชนที่ใฝ่ปฏิบัติงงไปตาม ๆ กัน ว่า ตกลงจะไปสายไหนดี ผมจึงว่าให้ดูจุดนี้ก่อน ถ้าศาสนาพุทธรวมกันได้เป็นหนึ่งเมื่อใด ความคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ที่ศาสนาอื่นจะมารวมกันจึงจะเกิดขึ้น แต่จะต้องมีเหตุมีปัจจัย.. ​

2.เหตุปัจจัยที่จะทำให้แต่ละศาสนาซึ่งมีความศรัทธา ความเชื่อของเขามาเป็นเวลาช้านานจะยอมหันเห มาสู่พระพุทธศาสนานั้น แสดงว่าจะต้องพลังอำนาจมหาศาลในทางฟิสิกส์เรียกว่าโมเมนตัมที่มากพอ ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันนี้ โมเมนตัมอธิบายด้วยสูตรทางวิทยาศาสตร์คือ ​

โมเมนตัม = มวล x ความเร็ว ; ความเร็ว = ความเร่ง x เวลา ; มวล = แรง /ความเร่ง ดังนั้น ​

โมเมนตัม = แรง/ความเร่ง x ความเร่ง x เวลา หรือ โมเมนตัม = แรง x เวลา ​

เมื่อพิจารณาจากผู้ตอบกระทู้ที่ยกคำทำนายของพระอริยเจ้าว่าเหตุการณ์จะเกิดในเร็ววันนี้ ก็แสดงว่า​

 

*** สัจจะ สร้างการกระทำเที่ยง ****

จะทำอะไร ก็ขอให้เป็นสัจจะ
ระบุความชัดเจนให้ตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภัยสงครามและภัยทางธรรมชาติ โดยคุณ Kananun

​

สำหรับสถานที่หลบภัยผมแยกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

1. เป็นวัดหรือถ้ำหรือสำนักปฏิบัติธรรม ที่ทราบและมีการเตรียมตัวรับเรื่องนี้ไว้แล้ว

2. วัดหรือสำนักปฏิบัติธรรมที่ไม่ทราบเรื่อง แต่ปรับตัวตามสถานการณ์มีผู้คนมาขอพักอาศัยเพื่อความปลอดภัย แต่จะปรากฏปัญหาความขาดแคลน ปัจจัยสี่

3. เป็นหมู่บ้านหรือชุมชน หรือ โรงแรม รีสอร์ท ที่ทราบเรื่องนี้และปรับตัวเปลี่ยนเป็นสถานที่หลบภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์

4. เป็นหมู่บ้านหรือชุมชนที่ไม่ทราบเรื่อง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็มีการรวมตัวเป็นหมู่คณะเพื่อความปลอดภัย แต่อาจมีปัญหาขาดองค์ความรู้ในทางธรรมทางพลังสมาธิ และการเอาชีวิตรอด

5. ที่หลบภัยที่ชาวบ้านซึ่งอยู่ในที่ห่างไกลอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องย้ายไปไหน แต่ต้องปรับตัวเองตามสถานการณ์ที่เกิดเอง

6. ที่หลบภัยส่วนตัวที่ ผู้มีทุนทรัพย์ไปจัดสร้างเตรียมไว้ในรูปของบ้านตากอากาศ

7. ที่หลบภัยที่พระผู้มีอภิญญาในป่า ท่านมาสงเคราะห์พาไป เนื่องจากมีหน้าที่และความเกี่ยวพันในอดีตชาติ

8. ที่หลบภัยที่เป็นสถานที่ต่างมิติเช่น เมืองลับแล และเมืองบาดาล ของพญานาค ผู้ที่เข้าได้ต้องมีศีลธรรมและเกี่ยวพันกันมา

9. ที่หลบภัยที่มนุษย์ต่างดาวได้มาช่วย โดยการส่งยานแม่มารับและพาออกไปนอกอวกาศ

ทั้ง สามประเภทหลัง ผมว่าเราอย่าเพิ่งหวังเลยครับ ถ้าท่านมาช่วยจริงถือว่าเป็นโบนัสแห่งความดีที่เราได้ทำมาครับ เราควรไม่ประมาท มีสติ และช่วยตัวเองก่อน ทำตัวเองให้มีจิตใจที่ดี ที่บริสุทธ์ให้ได้ก่อนครับ ส่วนจะเลือกสถานที่แบบไหนลองใช้ปัญญาไตร่ตรองดูครับ ไม่ใช่เกิดเหตุการณ์แล้วไม่รู้จะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร อยู่เพื่ออะไรครับ

ต่อไปผมขอจำแนก หมู่คนในเหตุการณ์ภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดไว้ดังนี้

1. ตาย โดยมีจิตใจเป็นอวิชชา เพราะตอนมีชีวิตมัวเมาในชีวิต ไม่มีศีลไม่มีธรรมะประจำใจ เมื่อตายลงสู่อบายภูมิส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งหลงในโลกตกค้างเป็นสัมภเวสีอยู่โลก รอพระอริยโพธิสัตว์และพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณท่านมาโปรด ขณะยังมีชีวิตไม่อาจสงเคราะห์ได้

2. ตาย โดยที่เป็นผู้ที่มีศีลมีธรรม แต่เป็นวาระที่ถึงอายุขัยพอดีเนื่องจากกรรมในอดีต เมื่อตาย กลับสู่ สวรรค์ พรหม บางท่านบรรลุธรรมขณะจิตดับและเข้าสู่พระนิพพาน เมื่อยังมีชีวิตถ้าได้ฝึกจิตเตรียมตัวตายและอธิฐานขอจุติในจุดที่ต้องการจะเป็นประโยชน์มาก

3. รอดตาย แต่วิกลจริต เนื่องจากความกลัว และความยึดติดในความมี ความเป็น ไม่เข้าใจเรื่องอนิจจังความไม่เที่ยง บางคนรักษาได้ บางคนไม่ได้

4. รอดตายจากภัยพิบัติ แต่มาฆ่ากันตายเพื่อแย่งชิง น้ำ อาหาร ที่อยู่อาศัย ปัจจัยสี่

5. รอดตายจากภัยพิบัติ แต่มาฆ่ากันตายเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่

6.รอดตายจากภัยพิบัติ อยู่รอดปลอดภัย เพื่อรักษาสืบต่อพระศาสนา

7. รอดตายจากภัยพิบัติ และอยู่รอดเพื่อทำหน้าที่บำเพ็ญบารมีช่วยเหลือผู้คนและสรรพสัตว์ต่อไป

ในหมู่ที่ 5. นี้น่าสลดสังเวชใจที่สุดเพราะบางคนมีวิชา และสมาธิสูงแต่ถูกมิจฉาทิษิฐิครอบงำ จนลืมอุดมการณ์ความดีงามที่ได้เคยทำมา ทั้งที่ควรได้ใช้วิชาความรู้ที่มีมาเป็นกำลังช่วยเหลือผู้อื่น ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยครับ และตั้งใจเป็นประเภทที่ 6 และ 7 ครับ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ครับ เป็นเรื่องของกฏแห่งกรรม และพลังงานของกรรมชั่วที่มนุษย์บนโลกได้กระทำสืบทอดสะสมกันมา เมื่อพลังงานของกรรมชั่วได้เพิ่มมากขึ้น จนเกินสมดุลของโลกจะทานไว้ได้ ก็มีการชำระล้างกันอีกรอบหนึ่งครับ เหตุที่มีการรู้สึกว่ามีการเลื่อนมา หลายปีนั้น ท่านบอกว่า มีมนุษย์เท่านั้นที่ติดสมมติเรื่องเวลา และภาษา ในโลกของจิตวิญญาน มีเพียงเหตุเป็นตัวกำหนดผลที่จะตามมาครับ นั้นคือกฏแห่งกรรมครับ

ครั้งนี้มนุษย์โลภโมโทสัน และทำลายธรรมชาติยิ่งกว่ายุคสมัยใด ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า เป็นความผิดของทุกคนบนโลก รวมทั้งตัวผมเองด้วย ในความเลวความชั่วแม้เพียงเล็กน้อยของเรา มันกลายมาเป็นผลของกรรมที่มาทำให้ต้องมาเผชิญในอนาคตอันใกล้นี้ครับ เรามาทำจิตของพวกเราให้บริสุทธิ์และมีพลัง เพื่ออย่างน้อยก็ให้มีโลกใบนี้หลงเหลืออยู่ มีประเทศไทยไว้สืบต่อพระศาสนาให้ครบ 5,000 ปีครับ แล้วก็เก็บประสบการณ์ที่ผิดพลาดนี้ไว้เล่าให้ลูกหลานของเราได้ฟังครับ

เมื่อคืนวันจันทร์(2/08/2006) ผมฝันครับว่า เห็นภาพซากทารกจากการทำแท้ง เป็นภาพสีสดๆ ชัดเจน จากนั้นพอตื่นพอจะเคลิ้มๆ ก็มีนิมิตเห็นเด็กเล็กๆ คลานเต็มไปหมด แล้วได้ยินเสียงเด็กเล็กๆ ร้องว่า"โอ้ย ลำบากจัง ลำบากจัง" ก็เลยนึกได้ว่าพวกเค้าลำบากมีทุกข์กัน แสดงภาพในฝันอย่างเดียวกลัวผมลืม เลยมาคอนเฟิร์มในนิมิตอีกรอบ ผมเลย แผ่เมตตาให้ตามระเบียบ ที่ควรปฏิบัติ ในนิมิตก็เห็นพวกเค้าสบายขึ้น

พอกลางคืนมาสวดมนต์นั่งสมาธิ ลองใช้จิตดูก็พบว่า ในปัจจุบันในเวลาไม่กี่ปีมานี้ เฉพาะในประเทศไทยมีการทำแท้งไปไม่น้อยกว่าแสนรายแล้ว ภาวะของกรรมมีการสะสมตัวมากจน Overload แล้ว ดังนั้นทางหนึ่งที่จะช่วยได้ก้คือ พวกเราพยายามแผ่เมตตา เพื่อช่วยสลายแรงกรรมแรงพยาบาทให้เบาบางลง ทำความดี สร้างบุญกุศล บารมี ทำจิตใจของเราให้บริสุทธิ์เพื่อช่วยสร้างสมดุลของพลัง และเพื่อการเร่งการปฏิบัติเพื่อความดีของตัวเราเองครับ

สำหรับการเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมือกับภัยพิบัตินี้ เราควรทำตัวอยู่ในสองมิติให้สมดุลครับ คือ ในฐานะของคนปกติใช้ชีวิต ทำอาชีพการงานตามปกติไม่ตื่นตระหนก บอกคนอื่นเรื่องนี้บ้าง เตือนบ้างตามโอกาสและกาลเทศะที่เหมาะสม ถ้าคนเค้าเชื่อเราค่อยแนะนำต่อ ถ้าเค้าไม่เชื่อก็เฉยๆ ให้วางใจเป็นอุเบกขาอย่าไปเดือดเนื้อร้อนใจกับพวกเขา กรรมใครกรรมมัน ให้เราระลึกไว้ว่าพวกเราไม่สามารถช่วยทุกคนบนโลกนี้ได้(ถึงแม้เราอยากจะทำอย่างนั้นก็ตาม) เพราะกฏแห่งกรรม และพวกเขาเหล่านั้นต้องช่วยตัวเองด้วยครับ

ส่วนในอีกมิติของพวกเราก็จงเป็นผู้ฝึกฝนตนเอง ทั้งร่างกาย และจิตใจ ให้มีพลังขึ้น มีความตั้งมั่นขึ้น มีความบริสุทธิ์สูงขึ้น อย่าลืมว่าเกณฑ์ในการสงเคราะห์ของเบื้องบนนั้นท่าน เลือกผู้มีความเมตตา มีคุณธรรม มีจิตใจที่บริสุทธิ์ครับ เพราะโลกในยุคสมัยหลังมีหลงเหลือแต่คนดี คนมีศีลธรรมครับ ยุคนั้น พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองคล้ายสมัยพุทธกาล มากด้วยผู้บรรลุธรรมและพระอริยเจ้าครับ น่าชื่นใจจัง

วันนี้(13-08-2007)ได้มีเพื่อนทางธรรมในเวบพลังจิตท่านหนึ่งได้โทรมาหาผม เพื่อให้ข่าวสารมาถึงพวกเราทุกท่านว่า

"ครูบาอาจารย์ของท่านได้มาบอกว่า ตอนนี้เบื้องบนท่านได้เดินผังตามความเป็นไปของกฏแห่งกรรมไปแล้ว" ซึ่งนั่นหมายความว่า ใครจะอยู่ ใครจะตายล้วนเป็นไปตามกฏของกรรมที่ตนเองได้ทำเอาไว้ ภัยพิบัติต่างๆ ไม่มีการ เลื่อน ไม่มีการต่อรองใดๆแบบในอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว การทำลายล้างจะดำเนินไป

ตามธรรมชาติของมันเอง และในไม่ช้า ในทุกสายการปฏิบัติ รวมไปถึงในทุกศาสนา ก็จะได้รับทราบ แมสเสจหรือคำเตือนนี้ใน ทำนองเดียวกัน สิ่งที่จะสื่อถึงผู้ปฏิบัติ ก็คืออย่าได้ละเลยในความดี ในกุศล ให้บุญกุศลแนบจิต แนบใจของเราทุกคนเอาไว้ ในจิตติดบุญเป็นสำคัญ

หากพลาด รอบนี้เขาเก็บลง ข้างล่างที่ค่อนข้างลึกและจะเก็บยาวครับ เพราะเป็นช่วงเวลาการคาบเกี่ยวแห่งยุคสมัยที่สำคัญยุคหนึ่ง ก็คล้ายกับที่ผมเคยได้แมสเสจมาว่า ข้างบนเขาปล่อยให้เป็นไปตามกฏของกรรม พระและเทวดาท่านหยุดและถอนกำลัง ไปหลายๆจุด หลายๆส่วนแล้ว

ดังนั้น ให้จิตแนบในกุศลเอาไว้เป็นสำคัญครับ

คณานันท์ ทวีโภค

ที่มา http://www.palungjit.org/board/showt...=42069&page=13
<!-- / message --><!-- sig -->__________________
จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป

วิชชาที่จะทำให้อยู่จากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติhttp://palungjit.org/showthread.php?t=44604

แจกเหรียญทำน้ำมนต์เพื่อบรรเทาภัยพิบัติ ทั่วประเทศไทย ฟรี
http://palungjit.org/showthread.php?t=142323

บัญชีเพื่องานพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ คณานันท์ ทวีโภคบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาคลองสานเลขที่ 151-0-91868-1
บัญชี เพื่องานพระบรมสารีริกธาตุ และการสร้างพระเจ้าองค์แสน ธ.กรุงเทพ สาขาสยามพารากอน เลขที่ 855-0-14998-6
<!-- / sig -->

 

*** ศาสนศาสตร์ ****

แก่นสาร = สัจจะ
แก่นสารในการปฏิบัติ เพื่อให้กายวาจาใจไปในทางเดียวกัน คือ สัจจะ

ภัยธรรมชาติ ภัยจากคน....จะนำพาให้คนค้นหาที่พึ่งที่แท้จริง
ตัวกระทำที่เกิดจากการกระทำเที่ยง...คือ ที่พึ่งของตนเอง
การกระทำที่ทำไปแล้ว จึงเป็นที่พึ่งของตนเอง

คนชอบคิด ลองคิดเล่นๆ

หลักสัจจะธรรม = การกระทำ = ตัวกระทำ = ผลตอบแทน
เมื่อการกระทำเกิดขึ้น ก็กลายเป็นตัวกระทำที่ไม่สูญสลาย ติดตัวเราไปตลอดนานแสนนาน
และ ทุกตัวกระทำ ย่อมมีผลตอบแทนย้อนกลับมาแน่นอน
ทุกอย่างเป็นไปตาม หลักสัจจะธรรม

การกระทำดี = ตัวกระทำดี = ผลตอบแทนที่ดี
การกระทำเบียดเบียน = ตัวกระทำเบียดเบียน = ผลตอบแทนจึงกลับมาเบียดเบียนตนเอง
ทำดีจึงได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จึงเกิดสิ่งที่เรียกกันว่า กฎแห่งกรรม

ข้อสัจจะ + กายวาจาใจทำได้ = ตัวกระทำเที่ยง = บารมีติดตัว
สัจจะที่กำหนดขึ้นมาเมื่อทำได้จริง จึงเกิดเป็นตัวกระทำเที่ยง
ตัวกระทำเที่ยงก็คือ บารมีที่ไม่สูญหาย
บารมี คือผลตนทำได้

สัจจะปฏิบัติ = กายเป็นสัจจะ + วาจาเป็นสัจจะ + ใจเป็นสัจจะ = การกระทำเที่ยง
การกำหนดข้อปฏิบัติให้ตนเอง แล้วทำได้จริง เกิดเป็นการกระทำเที่ยง

กายกระทำอย่าง + ปากกระทำอย่าง + ใจกระทำอีกอย่าง = การกระทำไม่เที่ยง
ในเวลาหนึ่ง กายวาจาใจไม่ตรงกัน เกิดเป็นการกระทำไม่เที่ยง

การกระทำว่าดี + ผลกระทำเบียดเบียน = การกระทำไม่เที่ยง
ในเวลาหนึ่ง ตั้งใจทำดีจึงทำ แต่ผลส่วนหนึ่งกลับสร้างความเบียดเบียนโดยไม่เจตนา
จึงกลายเป็นการกระทำไม่เที่ยงขึ้นมา
ผลตอบแทนจึงไม่เที่ยง เกิดเหตุที่ไม่เจตนาให้เกิดในชีวิต

นิสัย

 

ช่วงนี้ขอให้ประเทศไทยเรามีแต่ข่าวดีๆ เพื่อคนไทยมีความสุขนะครับ


หุ้นไทยพุ่งแรงเกือบ 4% เชื่อขานรับการคืน2สนามบิน

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคเช้าวันนี้พุ่งแรงเกือบ 4% ตอบรับข่าวดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศยุติการชุมนุมตั้งแต่เช้าวันนี้ ทำให้สนามบินทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิจะกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติในเร็ว ๆ นี้ ทำให้ตลาดเปิดมาบวกทันที ขณะที่มีปัจจัยต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนด้วย ประกอบกับ ลุ้นผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ที่จะมีการลดดอกเบี้ยอาร์/พี



เมื่อเวลา 9.57 น. ดัชนี SET พุ่งขึ้น 3.96% มาที่ 402.67 จุด เพิ่มขึ้น 15.35 จุด


ราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมจัดงาน "ราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง" เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคมมหาราช ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ 2549 จ.เชียงใหม่ โดยงานนี้มีนักแสดงเด็กจากภาพยนตร์ดรีมทีมเป็นตัวแทนเด็กๆ ในฐานะลูกๆ เชิญชวนคุณพ่อทุกท่าน รวมถึงคนไทยทุกคนเข้าร่วมชมสวนราชพฤกษ์ ตั้งแต่วันที่ 1-10 ธันวาคม เวลา 10.00-22.00 น. โดยเปิดให้เข้าชมฟรี

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01ent03031251&sectionid=0105&day=2008-12-03

 

อหิวาตกโรคคร่าชีวิตคนซิมบับเวเกือบ 500 คนแล้ว​

​

ฮาราเร 3 ธ.ค.- สำนักงานกิจการมนุษยธรรมขององค์การสหประชาชาติ ยืนยันการระบาดของอหิวาตกโรคในซิมบับเว ได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 484 คน และอีกกว่า 11,700 คน กำลังป่วยเป็นโรคนี้

การระบาดของอหิวาตกโรคครอบคลุมไปในหลายพื้นที่ของซิมบับเว และเนื่องจากระบบสุขาภิบาลรวมถึงการจัดการด้านสาธารณสุขในซิมบับเวล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองที่ส่อเค้าจะบานปลายต่อไป จึงยิ่งเป็นปัจจัยให้โรคร้ายนี้แพร่ลามมากขึ้น

สื่อรายงานว่า แม้กระทั่งเมืองหลวง อย่างกรุงฮาราเร ก็ยังไม่มีน้ำสะอาดไว้บริโภค เพราะขาดแคลนสารที่จะช่วยกรองน้ำให้สะอาด ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกก็เตือนให้ระวังว่า อหิวาตกโรคจะแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว ในพื้นที่ที่ไม่มีน้ำสะอาดและไม่มีระบบสุขาภิบาลที่ดี อาจส่งผลให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตในซิมบับเวมีมากกว่านี้

อหิวาตกโรคเป็นโรคประจำถิ่นของซิมบับเว มีการระบาดเป็นประจำทุกปีตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งทางรัฐมนตรีสาธารณสุขของซิมบับเว ก็ร้องขอให้ประชาชนอย่าจับมือกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และยังระบุว่า กรุงฮาราเรประสบปัญหาการระบาดของอหิวาตกโรคร้ายแรงสุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งที่โรคนี้มีหนทางรักษาได้อย่างง่ายดาย แต่เนื่องจากโรงพยาบาลในซิมบับเวขาดแคลนทั้งแพทย์และยา จึงทำให้การระบาดของโรคยังมีต่อไป -สำนักข่าวไทย

2008-12-03 09:27:33

บราซิลเร่งฟื้นฟูความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมหนัก​

​

บราซิล 3 ธ.ค. - รัฐบาลบราซิลเร่งฟื้นฟูความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมหนัก ที่คร่าชีวิตชาวบ้านไปกว่า 100 คน

สถานการณ์น้ำท่วมหนักในเขตซานตา คาตาริน่า ทางภาคใต้ของบราซิล ที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว คร่าชีวิตชาวบราซิลไปแล้วอย่างน้อย 116 คน นอกจากนี้ ยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะท่าเรืออิตาไฮ ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญได้รับความเสียหายอย่างหนัก เป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรัฐบาลจะเร่งทำการฟื้นฟูโดยทันที ในขณะที่ท่าเรืออื่นๆ ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน สินค้าต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณท่าเรือหลายแห่งถูกคลื่นซัดออกไปในทะเลเป็นจำนวนมาก

ส่วนด้านการกู้ภัยนั้น เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งค้นหาผู้สูญหายไปอีก 31 คน โดยทางการประเมินว่า จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดอาจมีถึง 150 คน พร้อมกันนี้ยังมีคำเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจะเกิดดินถล่มอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

2008-12-03 10:08:02

ร้อยประเทศเตรียมลงนามสนธิสัญญาห้ามใช้ระเบิดดาวกระจาย​

​

ออสโล 3 ธ.ค. - คณะผู้แทนจากราว 100 ประเทศไปชุมนุมกันในกรุงออสโลของนอร์เวย์วันนี้ เพื่อเตรียมลงนามในสนธิสัญญาห้ามใช้ระเบิดดาวกระจาย แต่ผู้ผลิตระเบิดรายใหญ่อย่างจีน รัสเซีย และสหรัฐจะไม่ร่วมลงนามด้วย


สนธิสัญญาฉบับนี้ได้รับการเห็นชอบในที่ประชุมที่กรุงดับลินของไอร์แลนด์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีเนื้อหาห้ามใช้ ผลิต เคลื่อนย้าย และเก็บสะสมระเบิดดาวกระจายที่มักคร่าชีวิตพลเรือน และมีผลผูกพันให้ชาติที่ลงนามในสนธิสัญญาให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศและบุคคลที่เป็นเหยื่อของระเบิดดาวกระจาย โดยประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี จะส่งรัฐมนตรีต่างประเทศร่วมลงนามในสนธิสัญญาออสโล ขณะที่ญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย และสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) 18 ประเทศ จากทั้งหมด 26 ประเทศก็จะร่วมลงนามเช่นกัน แต่ประเทศผู้ใช้และผู้ผลิตระเบิดดาวกระจายรายใหญ่อย่างสหรัฐ รัสเซีย จีน อิสราเอล อินเดีย และปากีสถาน ปฏิเสธลงนามในสนธิสัญญาฉบับนี้

ระเบิดดาวกระจายที่ถูกทิ้งลงจากเครื่องบินหรือยิงจากปืนใหญ่ เมื่อระเบิดกลางอากาศจะแตกเป็นระเบิดลูกเล็ก ๆ หลายร้อยลูก อาจมีขนาดราว 3 นิ้ว หรือ 8 ซม. ส่วนระเบิดที่ไม่ระเบิดทันที มักตกอยู่ตามพื้นที่ยากจนและเป็นอันตรายต่อประชาชนที่ไปแตะต้องโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตามข้อมูลขององค์กรผู้พิการระหว่างประเทศระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2508 มีประชาชนราว 100,000 คนทั่วโลกต้องกลายเป็นผู้พิการ หรือเสียชีวิตจากระเบิดดาวกระจาย ในจำนวนนั้นร้อยละ 98 เป็นพลเรือน และพบว่าเหยื่อกว่า 1 ใน 3 เป็นเด็กที่เข้าไปแตะต้องลูกระเบิดเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น หรือกระป๋องดีบุก ซึ่งลาวถือเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดดาวกระจายมากที่สุดในโลก เพราะถูกกองทัพอากาศสหรัฐเข้าไปทิ้งระเบิด 260 ล้านลูก ระหว่างปี 2507-2516. -สำนักข่าวไทย

2008-12-03 10:54:19

เวเนซุเอลา-รัสเซีย เริ่มซ้อมรบร่วมกลางทะเลแคริบเบียน​

​

เวเนซุเอลา 3 ธ.ค.-กองทัพเรือเวเนซุเอลาเริ่มการซ้อมรบร่วมกับกองทัพเรือรัสเซียกลางทะเลแคริบเบียน นอกชายฝั่งของเวเนซุเอลา

ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมระหว่างสองฝ่ายเป็นเวลา 3 วัน ถือเป็นครั้งแรกที่รัสเซียส่งกองเรือรบเข้ามายังทะเลแคริบเบียน นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น สื่อมวลชนของเวเนซุเอลารายงานว่า เรือรบของเวเนซุเอลา 11 ลำ และเรือรบรัสเซีย 4 ลำ ร่วมปฏิบัติการซ้อมรบทางทะเลที่ใช้ชื่อว่า เวนรัส 2008 คาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่ปฏิบัติการต่อต้านการโจมตีทางอากาศ รวมถึงยุทธวิธีต่อต้านการก่อการร้าย และลักลอบค้ายาเสพติดข้ามชาติ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนเวเนซุเอลา อันเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนละตินอเมริกา ซึ่งเขาและประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ ยังได้ลงนามในข้อตกลงกระชับความร่วมมือด้านการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนด้วย.-สำนักข่าวไทย

2008-12-03 02:17:18

ปากีสถานยืนยัน ไม่มีทางไปรับผิดชอบเหตุก่อการร้ายมุมไบ ​

​

อิสลามาบัด 3 ธ.ค.- ประธานาธิบดี อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี ของปากีสถาน ยืนยัน ปากีสถานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่โจมตีนครมุมไบ ของอินเดีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดังนั้น ไม่มีทางที่ปากีสถานจะต้องเข้าไปรับผิดชอบเรื่องนี้

แม้ทางอินเดียยืนยัน ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุเพียงรายเดียวที่จับมาได้ ระบุกับตำรวจอินเดียว่า ตัวเขาเองเป็นชาวปากีสถาน ด้วยเหตุนี้ ตำรวจอินเดียจึงเชื่อมั่นว่า ผู้ก่อเหตุโจมตีนครมุมไบทั้งหมดเป็นชาวปากีสถาน แต่ประธานาธิบดี ซาร์ดารี ของปากีสถาน กลับให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ แลร์รี คิง ไลฟ์ ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ว่า ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า เขาผู้นั้นเป็นชาวปากีสถาน ตามการกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่อินเดีย เขายังคิดว่า กลุ่มคนร้ายที่สร้างความปั่นป่วนให้กับภูมิภาคเอเชียใต้อยู่ในขณะนี้ เป็นพวกไร้สัญชาติด้วยซ้ำ

ขณะที่อินเดียกลับกล่าวตำหนิ กลุ่มติดอาวุธในปากีสถานว่า เป็นผู้ก่อการร้ายโจมตีนครมุมไบในครั้งนี้ และเรียกร้องให้ปากีสถานส่งมอบตัวแกนนำกลุ่มติดอาวุธให้กับทางการอินเดีย เพราะต้องสงสัยจะเป็นผู้วางแผนก่อเหตุ แต่ทางรัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน กลับเสนอที่จะร่วมสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวกับอินเดีย และย้ำว่า นี่ไม่ใช่เวลาจะมาชี้นิ้วว่าใครผิด. -สำนักข่าวไทย

2008-12-03 09:25:43

มีแนวโน้มจะเกิดการก่อการร้ายทางชีวภาพในอีก 5 ปีข้างหน้า​

​

วอชิงตัน 3 ธ.ค.- คณะกรรมาธิการสภาคองเกรสสหรัฐ ยืนยัน กลุ่มก่อการร้ายมีแนวโน้มจะใช้อาวุธทำลายล้างสูงโจมตีบางพื้นที่ของโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า และน่าจะใช้อาวุธชีวภาพเป็นเครื่องมือในการโจมตีมากกว่าอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากเตรียมการได้ง่ายกว่า

อดีตวุฒิสมาชิก บ๊อบ แกรห์ม ประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น ย้ำชัดเจน ถ้ามีการใช้อาวุธชีวภาพโจมตีจริง ผลที่ตามมาจะร้ายแรงยิ่งกว่าเหตุวินาศกรรม 9/11 อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 หรือ 100 เท่า

เขายกตัวอย่างเชื้อไวรัสไข้หวัดที่เคยคร่าชีวิตชาวโลกไปหลายล้านคน เมื่อ 90 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบัน เชื้อนี้ยังถูกเก็บไว้ในห้องทดลอง แต่ถ้าวันใดมีการหลุดรอดออกมาและตกมาอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย ความเสียหายก็จะประเมินค่าไม่ได้ อาจมีชาวโลกต้องสังเวยชีวิตให้กับเชื้อนี้มากกว่าเดิมหลายเท่า ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสหรัฐจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้มาตรการแข็งกร้าวขึ้น เพื่อป้องกันการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพ

แต่ถึงกระนั้น คณะกรรมาธิการชุดนี้ ยังเตือนให้ระวังภัยก่อการร้ายด้วยอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน เพราะมีหลายประเทศที่กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และบางประเทศที่เป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ ก็พยายามขยายแสนยานุภาพด้านนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มก่อการร้ายก็หวังจะได้อาวุธนิวเคลียร์มาใช้งาน ภัยคุกคามด้านอาวุธนิวเคลียร์จึงมีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลงเลย

ส่วนการก่อการร้ายโจมตีสหรัฐในอนาคตนั้น มีแนวโน้มจะดำเนินการโดยกลุ่มที่มาจากพื้นที่เขตชนเผ่าทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน ซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมกลุ่มก่อการร้ายทั้งที่มาจากปากีสถานและมาจากประเทศข้างเคียง คือ อัฟกานิสถาน -สำนักข่าวไทย

2008-12-03 09:32:16

สหรัฐหวังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะช่วยไทยคลี่คลายวิกฤติการเมือง ​

​

วอชิงตัน 3 ธ.ค.-กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ แสดงความหวังว่า ไทยจะคลี่คลายวิกฤติการเมืองได้ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ส่งผลให้นายกรัฐมนตรี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องลงจากตำแหน่ง

โดยสื่อมวลชนสหรัฐได้ตั้งคำถามว่า สหรัฐมีท่าทีอย่างไรต่อคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในไทยที่ให้ยุบสามพรรคการเมือง และคิดว่าคำตัดสินดังกล่าวจะช่วยคลี่คลายวิกฤติการเมืองในไทยได้หรือไม่ ซึ่งทางรองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐก็ตอบเพียงว่า สหรัฐหวังว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะช่วยโน้มนำให้วิกฤติการเมืองในไทยคลี่คลายไปได้ และย้ำว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นกิจการภายในประเทศไทย ซึ่งจะต้องถูกจัดการภายใต้คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ

แต่ถึงกระนั้น สหรัฐยังคงจับตาสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าท้ายสุดสถานการณ์จะลงเอยเช่นไร หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้คำมั่นเมื่อวานว่า จะยกเลิกการปิดล้อมสนามบินและยุติการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนไปแล้ว ทำให้นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องพ้นจากตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังคงออกแถลงการณ์เตือนชาวอเมริกันในไทย ให้ระมัดระวังว่า การชุมนุมทางการเมืองในไทยจะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการเที่ยวบินและอาจโน้มนำให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นมาได้ และแม้ว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันเมื่อวานว่า จะถอนกำลังคนออกจากสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าสองสนามบินจะเปิดให้บริการเที่ยวบินตามปกติได้เมื่อใด ด้วยเหตุนี้ คนอเมริกันในไทยจึงควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสนามบินทั้งสองแห่ง จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ โดยคำประกาศแจ้งเตือนจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฉบับนี้จะมีผลครอบคลุมไปจนถึงวันพุธหน้า

แถลงการณ์ยังระบุให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐเลื่อนการเดินทางมาไทยออกไปก่อน เพราะแม้สถานการณ์ในไทยจะคลี่คลาย แต่ก็มีแนวโน้มว่าอาจเกิดการเผชิญหน้าและบานปลายกลายเป็นเหตุรุนแรงได้อีก ส่วนคนอเมริกันในไทยก็ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีการชุมนุมทางการเมือง และให้เพิ่มความระมัดระวังถ้าต้องอยู่ใกล้จุดที่มีการชุมนุมทางการเมือง.-สำนักข่าวไทย

2008-12-03 09:40:47

ที่มา http://news.mcot.net

 

สยาม
อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะ
พระบารมี ปกเกล้า
นำพาประเทศชาติพ้นภัย

แต่เราจะพึ่งพระบารมีองค์พ่อหลวงอย่างเดียวไม่ได้
เราต้องพึ่งตนเอง ทำตนให้ดีพร้อม + บารมีพ่อหลวง

ชาติไทยจะไปได้ไกล ขนาดไหน อเมริกา ญี่ปุ่น จีน

ก็สู้ สยามเมืองเราไม่ได้

 

สนเทศน่ารู้ : วันคนพิการสากล 3 ธันวาคม

องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ ๓ ธันวาคม ของทุกปี เป็น "วันคนพิการสากล" เพื่อเป็นการระลึกถึงวันครบรอบที่สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติมีมติรับแผนปฏิบัติการโลกว่าด้วยเรื่องคนพิการ และได้ให้ประเทศสมาชิกร่วมจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความเข้าใจของสังคมต่อคนพิการ และยอมรับให้เข้าร่วมกิจกรรมในด้านต่างๆ และประเทศไทยในฐานะองค์การสมาชิก โดยคณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการได้มีการขานรับวันคนพิการสากลและกีฬาเฟสปิกเกมส์ โดยจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมคนพิการในด้านต่างๆ ทั่วประเทศ วันคนพิการสากล มีเป้าหมายเพื่อสร้างกระแสความเข้าใจต่อคนพิการและระดมการสนับสนุนแก่คนพิการเพื่อศักดิ์ศรีและความเป็นอยู่ของคนพิการ นอกจากนี้ก็ยังช่วยสร้างความตื่นตัวของประชาชนต่อคนพิการในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

ความเป็นมาของวันคนพิการสากล

นับตั้งแต่องค์การสหประชาชาติ ประกาศให้ปี พุทธศักราช ๒๕๒๖-๒๕๓๕ เป็นทศวรรษคนพิการแห่งสหประชาชาติ หรือ UNITED NATION DECADE OF DISABLED PERSONS,1983-1992. ยังผลให้ประเทศต่างๆ รวมไปถึงองค์การต่างๆในทุกภูมิภาคทั่วโลก ได้ตื่นตัวในการส่งเสริมฟื้นฟูสมรรถถาพคนพิการอย่างกว้างขวาง มีการติดต่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างประเทศองค์การสมาชิกอย่างเป็นรูปธรรม การเสนอแนะประเทศสมาชิกสหประชาชาติ ให้ใช้ทรัพยากรเพื่อประโยชน์สูงสุง การป้องกันความพิการ การสนองความต้องการของคนพิการ การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ ในทุกรูปแบบต่อประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนรณรงค์เรื่องสิทธิ และความเท่าเทียมกันในสังคนเพื่อคนพิการ รวมไปถึงมรการจัดกิจกรรมคนพิการ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนา ทักษะการช่วยตัวเอง การเพิ่มพุนสมรรถภาพทางกาย จิตใจ อารมณ์และสังคมของคนพิการ และเสริมสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกัน ระหว่างคนพิการและคนปกติ

ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิค หรือ ESCAP ได้จัดให้มีสมัยการประชุมครั้งที่ ๔๘ ขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยที่ประชุมได้มีมติประกาศให้ปีพุทธศักราช ๒๕๓๖-๒๕๔๕ เป็นทศวรรษคนพิการภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิค หรือรู้จักกันในนามสากลทั่วโลกว่า "Asian and Pacific Decade of Disabled Persons, 1993-2002" โดยมีจุดประสงค์หลักในการให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมพัฒนาคนพิการในทุกๆ ด้าน ทั่วทุกประเทศในแถบเอเชียและแปซิฟิค ทั้งในด้านการพัฒนาฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ส่งเสริมการฝึกอบรมอาชีพและจัดหาสถานประกอบการรองรับแรงงานคนพิการ สนับสนุนด้านการศึกษา ตลอดจนผลักดันให้คนพิการมีส่วนร่วมในสังคมอย่างเต็มที่ ซึ่งก็จะช่วยให้คนพิการมีโอกาสและมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันกับบุคคลทั่วไปในสังคม

จากการสำรวจทางสถิติขององค์การสหประชาชาติพบว่า กลุ่มประเทศแถบเอเชีย และแปซิฟิคนี้มีจำนวนประชากรที่เป็นบุคคลพิการมากที่สุดในโลก ทั้งนี้สาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากปัญหาของความยากจน นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเพราะสาเหตุของความรุนแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติ อุบัติเหตุและผลของสงคราม และด้วยความพิการทุพพลภาพนี้เองที่เริ่มแพร่มากขึ้นทุกขณะ ทางองค์การสหประชาชาติจึงเร่งตระหนักที่หาหนทางวิธีการแก้ไขป้องกันโดยเร็ว ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะลดจำนวนของผู้พิการลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยทางคณะกรรมธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิค ก็ได้มีแนวนโยบายที่จะเร่งผลักดันแหนส่งเสริมคนพิการให้อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของแต่ละชาติ ตั้งคณะกรรมการประสานงานให้ความร่วมมือช่วยเหลือคนพิการและองค์การต่างๆ ที่จะร่วมมือสร้างชีวิตคนพิการให้ดีขึ้น ทั้งในระดับชาติและระดับสากล ตลอดจนเร่งพัฒนาส่งเสริมให้คนพิการทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้ได้รับการฟื้นฟูบำบัดรักษา การศึกษา การฝึกฝีมือและอาชีพหรือแม้กระทั่งมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม ทั้งทางการกีฬา วัฒนธรรมประเพณีและสิ่งแวดล้อม

องค์การสหประชาติได้ส่งเสริมคนพิการในด้านต่างๆ มากมายด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ส่งเสริมให้คนพิการได้มีโอกาสอยู่ร่วมกับคนในสังคมและมีโอกาสได้รับการศึกษาในด้านต่างๆ เช่นเดียวกับคนปกติ และให้คนพิการมีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายซึ่งสามารถจำแนกออกมาในด้านต่างๆ อาทิเช่น ในด้านสังคม คนพิการสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมต่างๆ ได้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และทำตนไม่ให้เป็นภาระแก่คนในสังคมนั้น ซึ่งนานาประชาชาติได้มอบ อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้คนพิการได้ช่วยเหลือตนเอง เช่น การคิดค้นประดิษฐ์หุ่นยนต์สุนัขเพื่อช่วยคนตาบอดในการเดินทาง หรือการประดิษฐ์เครื่องช่วยฟังสำหรับคนหูหนวก เป็นต้น ซึ่งช่วยให้คนพิการเหล่านั้นสามารถช่วยเหลือตนเองได้ รวมทั้งประดิษฐ์ขาเทียมเพื่อคนพิการทางขาอีกด้วย

นอกจากงานในด้านสังคมแล้ว ในด้านอาชีพก็เช่นกัน นานาประชาชาติได้เล็งเห็นความสำคัญในการประกอบอาชีพของคนพิการด้วย เพื่อให้คนพิการได้นำเงินมาจุนเจือตนเองและครอบครัว จึงได้สนับสนุนคนพิการในด้านต่างๆ เช่น งานหัตถกรรม เป็นต้น ขายล๊อตเตอรี่ พนักงานรับโทรศัพท์ งานช่างต่างๆ เช่น ช่างไม้ ช่างกระจก เป็นต้น ทำ ให้คนพิการได้มีโอกาสประกอบอาชีพต่างๆ ได้มากขึ้น ส่วนงานที่เกี่ยวกับการศึกษานั้นนานาชาติก็ส่งเสริมได้เช่นเดียวกัน เพื่อให้คนพิการได้นำเอาวิชาความรู้ไปใช้ในด้านการประกอบอาชีพและป้องกันการ ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ซึ่งได้ให้โอกาสในการศึกษาของคนพิการในด้านต่างๆ เช่น การให้ทุนเกี่ยวกับการศึกษาแก่คนพิการ และการผลิตอุปกรณ์ทางการศึกษาแก่คนพิการต่างๆ เช่น การผลิตเครื่องเรียงสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์และสแกนเนอร์ของคนตาบอด การผลิตลูกคิดสเลตและสไตลัสสำหรับคนตาบอด ทำให้คนตาบอดศึกษาหาความรู้ได้สะดวกขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังมีการจัดแปลหนังสือเรียนของคนปกติมาพิมพ์เป็นหนังสือเรียน เป็นตัวอักษรเบลล์แก่คนตาบอดอีกด้วย ทางด้านกีฬาก็เช่นกันนานาประชาชาติก็ได้ส่งเสริมและให้โอกาสเพื่อให้คนพิการ ได้แสดงความสามารถในด้านกีฬาเช่นกัน ตั้งแต่การแข่งขันกีฬาระดับประเทศ ระดับโลกตามลำดับ ซึ่งนานาประชาชาติได้ให้โอกาสในด้านกีฬาต่างๆ เช่น การจัดงานแข่งขันเฟสปิคเกมส์ การว่ายน้ำคนพิการ วิ่งมาราธอนคนพิการ



เฟสปิกเกมส์ (Fespic Games-FarEast and South Pacific Games for the Disabled) เป็นกีฬาของคนพิการ ในประเทศที่อยู่ตะวันออกไกลและแปซิฟิกตอนใต้ ได้จัดเป็นครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ๒๕๑๘ มีผู้เข้าร่วมแข่งขัน ๙๗๓ คน จาก ๑๘ ประเทศ ต่อมาในปี ๒๕๓๒ ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ ๕ อีก โดยมีผู้เข้าร่วมแข่งขันเพิ่มมากขึ้นเป็น ๑๗๐๐ คน จาก ๔๑ ประเทศ ความสำเร็จในการจัดครั้งนั้น เป็นผลให้รัฐบาลของประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันตระหนักว่า การเล่นกีฬาเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนี่ง ที่ช่วยให้คนพิการได้เพิ่มประสบการณ์ชีวิตด้านสังคม ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดการฝึกอบรมผู้นำด้านกีฬาและผู้ฝึกสอน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ด้านกีฬาของคนพิการ

บรรณานุกรม

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์.งานวันคนพิการ ครั้งที่ ๓๓. กรุงเทพฯ : สมชายการพิมพ์, ๒๕๔๐.

ภาพประกอบ

http://www.nupge.ca/
http://www.dfid.gov.uk/
http://www.paralympic.org/

ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด


http://www.lib.ru.ac.th/journal/dec/dec03-DisabledDay.html

 

ทำความดี x สัจจะ = บารมี
ตั้งใจทำความดีอย่างจริงจังด้วยสัจจะ เกิดเป็นบารมี
บารมี คือผลตนทำได้ ติดตัวไป และมีผลตอบแทนแน่นอน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** เปิดเผยความจริง ****

แม่ชีเมี้ยน ปานจันทร์...หรือ หลวงพ่อใหญ่ ที่แต่งตัวเหมือนพระ
คือ องค์โลกุตตระ เขตะมารัจจะ
ที่ได้อวตารอุบัติขึ้นบนโลก ณ ประเทศไทย...ในช่วงกึ่งพุทธกาล
เพื่อสานต่อพุทธศาสนาที่หักกลาง
คือ หลักสัจจะธรรม และ สัจจะคำสอนเพื่อนำสัตว์พ้นทุกข์
ถูกบดบังด้วยความเห็นความเชื่อนอกศาสนา...ในช่วงหลังกึ่งพุทธกาล
ภายนอกท่านเป็นหญิง แต่ภายในคือ โลกุตตระ ... จึงรอบรู้ทุกสิ่งในจักรวาล
ท่านคือ มนุษย์เหนือโลก
คำสอนของท่าน คือโลกุตตระธรรม

หลวงพ่อเจริญ ปานจันทร์
เป็นหลานชายของหลวงพ่อใหญ่ เขตะมารัจจะ
ท่านจึงถูกอบรมเลี้ยงดู โดยส่งมอบสัจจะให้พิจารณามาตั้งแต่เด็ก
ภายนอกของท่านคือพระสงฆ์ สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ในทางธรรม หลวงพ่อเจริญ ปานจันทร์ ...คือ ผู้เป็นสักขีพยานในการทำหน้าที่ของโลกุตตระเขตะมารัจจะ
ท่านคือ พระพุทธเจ้าของโลกุตตระ .... ซึ่งไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่พราหมณ์บันทึก
ตัวตนที่แท้จริงของ หลวงพ่อเจริญ ปานจันทร์...คือ องค์พลรัตน์กัสสปะ
เมื่อหลวงพ่อใหญ่ละสังขาร เมื่อ ๑๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๓
หลวงพ่อเจริญ ปานจันทร์ จึงได้รับมอบหน้าที่โลกุตตระเพื่อสานต่อพุทธศาสนาต่อไป
ความคิดจิตใจของท่านจึงรอบรู้ทุกสิ่งเช่นเดียวกับ โลกุตตระ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

คำทำนายที่น่าสนใจของ"หมอนิด"
เมื่อปี พ.ศ.2550​

​

เพื่อ...ดาวเด่น

ในที่สุด “ดาวเด่น” ที่ผมได้พูดถึงมาตลอดหลายครั้งก็ได้ปรากฏ “รัศมี” ขึ้นมาแล้วในพรรคพลังประชาชน (ผมเพิ่งทราบข่าวจากน.ส.พ. ตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ 4 พ.ย. 2550) แต่ผมได้เขียน-บทสรุป-เสร็จและแฟกซ์ส่งไปตั้งแต่วันเสาร์เพื่อลงในเว็บให้ทุกท่านได้อ่านวันจันทร์ที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา แต่พอผมได้เห็นข่าว “ดาวเด่น” ลงแน่นอนและมาเป็นหัวหน้าทีม “เศรษฐกิจ” ให้กับพรรคพลังประชาชน เล่นเอาผม-สะดุ้งผวา-ตาเหลือกเลยทีเดียว...เพราะผมเฝ้ารอวันที่ “ดาวเด่น” จะปรากฏตั้งนานเป็นเดือนๆจนคิดว่า “ดาวเด่น” ดวงที่ผมเขียนตั้งแต่บทความอภิสิทธิ์...หนาว เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2550 จะลามือหรือวางมือไม่ก้าวเข้าสู่วงการเมืองแล้ว และที่ผมได้เขียนบทความต่างๆที่เกี่ยวกับ “ดาวเด่น” ตลอดมา

ผมขอเรียนให้ทราบตามตรงว่าผมได้สัมผัสมือ และได้ตรวจดูดวงของดาวเด่นนี้แล้วเมื่อเดือนสิงหาคมเพราะมีคนพาผมไป พอผมได้สัมผัสและตรวจดูดวงของดาวเด่นนี้แล้ว ผมมีความรู้สึกแปลกประหลาดกับดวงชะตาของดาวเด่นมาก ผมได้บอกกับดาวเด่นท่านนี้ว่าจะมีคนมาทาบทามให้ท่านเข้าสู่วงการเมืองและจะมีหลายพรรคมาเชิญท่านๆหัวเราะและบอกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะท่านไม่เคยคิดและข้อสำคัญท่านไม่มีเงินมากพอ เพียงแต่พอมีพอกินเท่านั้น ผมบอกงั้นรอดูเดือนสิงหานี้แหละจะมีคนมาติดต่อและที่สำคัญผมเรียนท่านไปว่า

ถ้าท่านลงเล่นการเมือง...อภิสิทธิ์...หนาว...และมีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่ คุณอภิสิทธิ์ จะต้องพลาดตำแหน่ง “นายก” เพราะดวงของท่าน “ข่มดวง” ของนายอภิสิทธิ์มาก

ท่านผู้อ่านที่เคารพผมมีอาชีพเป็นหมอดูธรรมดาๆคนหนึ่ง ผมต้องดูไปตามดวงของแต่ละบุคคลตามความเป็นจริงถ้าดวงดีก็จะบอกว่าดีและดีอย่างไรดีเพียงไหน แต่ถ้าไม่ดีผมก็ต้องพูดตามตรงพร้อมกับชี้แนะวิธีการแก้ไข ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ-จะทำตามหรือไม่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้าของดวง ผมถือว่าผมได้ทำหน้าที่ของผมสมบูรณ์แล้ว สำหรับดวงของดาวเด่นที่ว่ามานี่คือ “คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” นั่นเอง

ผมไม่สามารถที่จะบอกให้ทุกท่านทราบได้แม้แต่นักข่าวที่โทรมาคะยั้นคะยอหลอกล่อให้ผมพูดเพราะผมถือเป็นจรรยาบรรณของหมอดูต้องไม่นำเรื่องของลูกค้ามาเปิดเผยจนกว่าทุกอย่างจะผ่านไปแล้ว ผมยังเขียนเปรยๆว่า-ต่อออกซิเย่นต์-ให้กับ “เขาคนนั้น” ได้อย่างแน่นอน ผมอยากให้การเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค. ผ่านพ้นไปก่อนและหากนักข่าวหรือสื่อใดต้องการเจาะลึกถึงคำทำนายของผมที่ทำนายคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ไว้ว่ามีอะไรอีก

ผมจะไม่ขอเขียนเองอย่างละเอียดเอาไว้ให้ “ดาวเด่น” พูดเองจะดีที่สุด ผมรู้สึกเครียดมากที่ดาวเด่นปรากฏ “ช้ามาก” ผมเขียนทำนายฝันเพื่อรอการปรากฏตัวของดาวเด่นแต่รอแล้ว...รออีกก็ยังไม่มีวี่แววจนผมคิดว่าคงจะมี “เมฆบัง” ดาวเด่นผมจึงต้องเขียน “บทสรุป” เพื่อเป็นการปิกฉากพรรคพลังประชาชน แต่ผมต้องเสียหมอหรือจะเสียหมาก็เที่ยวนี้เพราะ “ดาวเด่น” ทำผมแสบ(เพราะมาช้า)

หากมาก่อนที่ผมจะเขียนบทสรุปผมคงจะไม่เขียนแบบที่ท่านได้อ่านไปเมื่อวันจันทร์ที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา ผมเรียนตามตรงเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ผมอยู่เชียงใหม่ผมได้โทรคุยกับคุณธีระ ธัญญไพบูลย์ ผู้ประกาศข่าวทางเนชั่นและข่าวเด่นเย็นนี้ทางช่อง 3 ผมบอกคุณธีระว่าคอยดูนะพรรคพลังประชาชน จะชนะการเลือกตั้งถล่มทลายในวันที่ 23 ธ.ค. เพราะจะมี “ดาวเด่น” เข้ามาคุณธีระถามผมว่า “จริงหรือ” และใครคือดาวเด่น

ผมบอกว่ายังพูดไม่ได้เอาไว้คอยดูก็แล้วกัน!? เพียงแต่ว่าถ้ากำแพงสีเขียวไม่ล้มทับพรรคพลังประชาชนจนน่าเกลียดเกินไป และหาก ก.ก.ต.หรือหน่วยงานที่มีอำนาจไม่สามารถยุบพรรคพลังประชาชนได้ รับรองว่าพรรคพลังประชาชน-ล้มพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “กระเด็น” ไม่เป็นท่าเพราะดวงของ “ดาวเด่น” มาดับฝันการเป็น “นายกรัฐมนตรี” ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมเองก็ได้บอกกับหลายคน พรรคพลังประชาชนจะแพ้หรือล่มสลายได้มีเพียงสถานเดียวคิดว่าหลายๆท่านคงจะรู้ ผมจะไม่พูดถึงอีก

ผมเขียนบทความนี้ด้วยความไม่สบายใจเพราะดูเหมือนผม “เอียงไปเอียงมา” ซึ่งมันไม่ใช่วิสัยของผมเลย ผมไม่ได้อยู่ฝ่ายใดแต่ผมจำเป็นต้องอธิบายความเป็นจริงทั้งหมดให้ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านทราบ ไม่ว่าท่านจะอยู่ฝ่ายใดรักพรรคการเมืองไหนก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละท่าน คนเราทุกคนย่อมมีความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง เวลาผมเขียนถูกใจฝ่ายหนึ่งผมก็ถูกอีกฝ่ายหนึ่งด่าว่า ผมไม่ถือสาและจะไม่โกรธใครเพราะมีแฟนๆและผู้ใหญ่เตือนสติผมให้ผมวางเฉย

ผมทำใจได้แล้วผมจะไม่โต้ตอบกับใครทั้งสิ้นการทำนายของผม 100 เรื่องถูก 90 เรื่อง ผู้ที่ชอบผมก็ชม แต่ที่ผมทำนายผิด 10 เรื่องกลายเป็นเรื่องใหญ่ เอามาโจมตีด่าว่าถากถาง เอาเถอะถ้าผู้ที่ไม่ชอบทำอย่างไรก็ไม่ชอบ แต่ผมถือว่าผมทำดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของผมมีเพียงเท่านี้ ผมกล้าทำนายในสิ่งที่ “ผู้อื่น” ไม่กล้าพูดเท่านี้ผมก็ภูมิใจในตัวผมเองและที่สำคัญผมไม่เคยโกงใคร? ไม่เคยโกงบ้านกินเมือง? แต่รักประเทศไทยด้วยใจบริสุทธิ์

แฟนๆของผมที่ติดตามการทำนายของผมมาตลอดคงจะทราบดีว่า เปอร์เซ็นต์การทำนายของผมเป็นอย่างไร สบายใจเถอะครับผมไม่ท้อแม้จะมีคนจ้องทำลายและโจมตี คอยดูเถอะ “หมอนิด” จะทำนายแบบท้าทายอีกหลายๆเรื่องเอาไว้มี “รัฐบาลใหม่” มาก่อนและไม่ว่าใครจะมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ก็ตามรวมทั้ง “รัฐมนตรี” กระทรวงต่างๆด้วย ขอเพียงให้ผมรู้วัน,เดือน,ปีเกิดและเวลาเกิด ที่แท้จริงผมจะทำนายแบบไม่เกรงใจใคร-ดวงดี-หรือไม่ดีไว้คอยดู

ในช่วงนี้ผมเขียนแบบเรียบๆไม่ดุเดือดแต่-เบื่อ-เซ็ง-เครียด-แบบชั่วคราวเท่านั้น และผมคงจะทิ้งช่วงการเขียนเรื่องการเมืองชั่วคราวก่อน ให้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปก่อน แต่! ผมขอทิ้งท้ายให้ดาวเด่นคิดถึงคำพูดของผมที่เคยพูดว่า ท่านไม่แพ้ แต่ระวังพรรคที่ท่านสังกัดจะมีปัญหา? ผมขอแถมคำทำนายให้ทุกท่านได้ลุ้น...เพราะจะมีสีเขียวอักษรชื่อย่อ-บ-ถูกฟ้องและขอให้จับตามองสีเขียวอักษร-ส-มีทุกข์ระทม ขบวนการทิ้งทวนจะเกิดขึ้น ความปั่นป่วนต้องมี-ประเทศไทย-บอบช้ำแต่กลุ่มบุคคลอ้วนพี ใหญ่แล้วเล็กไม่ลง

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พ่อค้าประชาชนหลงใหลแห่เช่าเครื่องลางที่เรียกกันว่า “ปี่เซี๊ยะ” เพราะเชื่อกันว่า-กินแล้วไม่ถ่าย-ทำให้การค้าเจริญรุ่งเรืองจริงๆแล้วเมืองไทยมีมานานแล้ว ท่านลองมองดูรอบๆตัวท่านซิ ไม่ว่าจะเป็นผู้ทรงเกียรติหรือผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะทาสีอะไรก็ตามล้วนเป็นต้นตำรับ “ปี่เซี๊ยะ” ซะเป็นส่วนมาก (ที่ไม่เป็นก็พอจะมีบ้างแม้จะหายากสักหน่อย)

ขอให้ทุกท่าน “ทำใจ” เพราะเราอยู่เมืองไทย แต่พวกเราโชคดีกว่าทุกประเทศในโลกนี้เพราะเรามี “พ่อหลวง” เป็นศูนย์รวมใจของคนทั้งชาติ พวกเราท่านชาวบ้านธรรมดาและพ่อค้าประชาชนพูดได้เต็มปากและพูดจากส่วนลึกของหัวใจว่าเราจะ-ทำดีเพื่อพ่อ-ส่วนผู้ที่มีอำนาจบารมีผมไม่สามารถรู้ใจของเขาเหล่านั้นได้เพราะเขาเหล่านั้นมี-บารมี-สูงเกินกว่าที่ผมจะรู้ได้จริงๆ

ลุง “ป” ใจถึงคงจะสอบตก เอาละพอแค่นี้ก่อนนะครับเอาไว้ผมตรวจสอบให้แน่นอนก่อนว่ามีใครบ้างที่ลงสมัคร ส.ส. ในกรุงเทพฯ แล้วค่อยมาบรรเลงให้ท่านฟัง(ถ้ามีเวลา)นะครับ

ผมต้องขออภัยที่เที่ยวนี้ห่างไปนานจริงๆแล้วบทความ “เพื่อ...ดาวเด่น”นี้ ผมเริ่มเขียนตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.50 แต่เขียนไปหยุดไปคิดไปว่าจะนำมาลงดีหรือไม่ และผมได้อ่านแล้วก็ฉีกทิ้งไปหลายครั้งหลายสำนวน จนมาสิ้นสุดในวันนี้ที่ท่านได้อ่านนี่แหละครับ

ด้วยความเคารพ
หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
15 พ.ย. 2550

ที่มา http://www.mornid.com/home.php

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมา...
ในช่วงกึ่งพุทธกาล
ที่สัจจะคำสอนพระพุทธเจ้า ถูกบดบังด้วย ความเชื่อนอกศาสนาพุทธ
พระไตรปิฎก จึงปรากฏขึ้นในร่างมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง เรียกว่าโลกุตตระ
แต่องค์โลกุตตระ ถูกกล่าวหาว่า นำลัทธิคอมมิวนิสต์มาเผยแพร่
ไปที่ไหน วัดไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ เพราะถือสัจจะ
ไม่ใช่ศีล ตามเอกสารเรื่องราวพุทธที่ปฏิบัติกันมานาน
จึงไม่มีผู้นำของไทยไปให้การต้อนรับ
องค์โลกุตตระ รู้ถึงกรรมประเทศ พยายามที่จะช่วยในหลวง
ให้ทราบถึงเรื่องสัจจะในพุทธศาสนา
ว่าสัจจะ เป็นสิ่งสำคัญที่พระพุทธเจ้าใช้โปรดสัตว์โลกเพื่อหลุดพ้นทุกข์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** มนุษย์เหนือโลก ****

มีใครบ้างที่รู้เรื่องในทุกย่างก้าวของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
มีใครบ้างที่รู้เรื่องมนุษย์ สัตว์ พืชทั้งหมดในโลก
มีใครบ้างที่รู้เรื่องราวทั้งหมดในทุกศาสนา
มีใครบ้างที่เข้าไปสอนคนในฝัน
มีใครบ้างที่พูดไว้ว่าจะเกิดอะไรเมื่อไหร่ แล้วไม่เคยผิดพลาด
มีใครบ้างที่รู้เหตุผลของเรื่องราวแปลกที่มนุษย์หาคำตอบไม่ได้

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ท่านสงสัย ท่านสนใจ ท่านต้องไปค้นหาเอง
ไปศึกษาเอง ก็จะรู้เห็นได้เอง
ทุกอย่างมีคำตอบ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ดินฟ้าอากาศก็สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ****

แม้แต่ตอนนี้ ขณะนี้ ณ ที่ตรงนี้
ท่านก็ถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์จับตาดูอยู่ตลอด
เมื่อไหร่ท่านจะยอมรับความจริง !!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เรียนคุณหนุมาน ผู้นำสาร และทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้

เนื่องจากเว็บพลังจิต เป็นเว็บที่มีจุดมุ่งหมาย ในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่ถูกต้อง ตามที่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกเท่านั้น เรื่องอื่นที่นอกเหนือจากนี้ในด้านความรู้ในพระพุทธศาสนา จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม ก็ไม่ควรนำมาเผยแพร่ในเว็บพลังจิตแห่งนี้

เพราะถึงแม้ว่าพระพุทธเจ้าจะทรงตรัสว่า ความรู้ที่พระองค์ได้นำมาสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากความทุกข์นี้ จะเป็นเพียงใบไม้ในกำมือเท่านั้นเอง ยังมีความรู้อีกมากมายที่ท่านยังไม่ได้ตรัสสอน เปรียบประดุจใบไม้จำนวนมากในป่าใหญ่ ซึ่งยังมีอีกมากมายเหลือคณานับก็ตาม

แต่การที่คุณหนุมาน ผู้นำสาร นำเรื่องแม่ชีเมี้ยน ปานจันทร์ มาบอกกล่าวด้วยเจตนาที่ดีเพียงใดก็ตาม ก็ยากที่ใครจะยอมทำใจยอมรับได้ เพราะขาดทั้งพยานและหลักฐาน ซ้ำจะยิ่งทำให้เกิดการแตกแยกทางความคิด ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท โต้เถียงต่อกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อคนส่วนมากไม่อาจทำใจให้ยอมรับเรื่องของแม่ชีเมี้ยน ปานจันทร์ได้ สิ่งดีๆ ที่คุณหนุมาน ผู้นำสาร ได้เพียรพยายามบอกกล่าวให้คนหันมาสนใจในธรรมภาคปฎิบัติในเรื่องของ"สัจจะ" ก็จะไม่ได้รับการยอมรับตามไปด้วย

ผมจึงจำเป็นต้องขอให้ผู้ดูแลเว็บพลังจิตแห่งนี้ คัดกรองข้อความ ในด้านคำสอนในพระพุทธศาสนา ให้ถูกต้องตามที่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกเท่านั้น เพื่อไม่ให้เยาวชนที่ยังมีความรู้ในพระพุทธศาสนาน้อย ต้องพลอยสับสนไปด้วยว่า คำสอนที่ถูกต้องในพระไตรปิฏกเป็นอย่างไรกันแน่

ผมต้องขออภัยคุณหนุมาน ผู้นำสาร มา ณ ที่นี้ด้วยครับ และขอให้ผู้ดูแลเว็บพลังจิต คัดกรองข้อความที่นอกเหนือจากที่มีสอนอยู่ในพระไตรปิฎกออกด้วยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง

 

ท่านเคยสงสัยไหมว่า...
พระพุทธเจ้า ตรัสรู้เรื่องต่างๆได้อย่างไร
ตอนที่นั่งใต้ต้นไม้ แล้วเกิดอะไรขึ้นรอบๆพระพุทธเจ้า

- " หนุมาน ผู้นำสาร "