ผู้มีองค์กับผู้มีสัมผัสที่ 6 เหมือนกันหรือไม่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nunnapath, 23 มีนาคม 2009.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เรื่องตำหนิฌาณ นั้นเป็นข้อกล่าวหาที่บางคนยกขึ้นมา เพราะขาดความเข้าใจ
    ในเพื่อนนักปฏิบัติธรรมด้วยกัน

    ในศาสนาพุทธ ไม่มีนักปฏิบัติคนไหนที่จะไม่เดินฌาณ ดังนั้น การที่มายกว่า
    มีการตำหนิฌาณ นั้นเป็นเพราะคนที่ยกข้อกล่าวหาขาดความเข้าใจในเรื่อง
    ของฌาณ ซึ่งมันมีหลายรูปแบบ และหลากวิธีการเกิด และไม่จำกัดวิธีเกิด

    คนที่ชำนาญใน ฌาณ มีวสี จะเข้าใจในเรื่องนี้ แต่คนที่ไม่ชำนาญก็จะมองว่า
    ต้องเดินสมาธิแบบ 1 2 3 ถึงจะมีสภาวะที่เรียกว่า ฌาณ ได้ แต่คนที่ชำนาญ
    แล้วจะรู้ว่า ไม่จำเป็น เพราะสภาวะของฌาณนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อวางจิต
    วางใจไว้ถูกมุม ทั้งนี้เพราะสรรพชีวิตล้วนเป็นพรหมกันมาช้านาน

    ส่วนเรืองพรหมที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ต้องมาดูคำว่า มิจฉาทิฏฐิเสียก่อนว่าเป็นการ
    ตำหนิ หรือ การจำแนกเท่านั้น ในทางศาสนาพุทธไม่น่ามีความเป็นไปได้ที่
    พระพุทธองค์จะบรรยัติคำใดขึ้นมาเพื่อ ตำหนิสิ่งใดเป็นการเฉพาะ ดังนั้น ควร
    จะมองว่าเป็นการจำแนกเท่านั้น

    คราวนี้มาเรื่องพรหมที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ รู้สึกว่าจะมี อาภัสราพรหม ที่เป็นต้นกำเหนิด
    ของการเกิดสรรพสิ่งมีชีวิตที่มีสังขารหยาบ แล้ววิวัฒนาการจนมาเป็นสัตว์ แล มนุษย์
    ในที่สุด ก็พรหมชนิดนี้แลที่มีมิจฉาทิฏฐิ และสะสมควาเห็นผิดมาเป็นเวลายาวนาน

    * * * * *

    ส่วนในเรื่อง ความเชื่อว่า กรรมทั้งหลายมีเจ้านายบันดาล มีองค์สามารถแก้กรรม และ
    สั่งการได้เหนือกฏแห่งกรรม ตรงนี้ก็มีพุทธพจน์ตรัสถามบุคคลที่เชื่อความคิดนี้ง่ายๆ
    ว่า

    "ถ้ากระนั้น ในบัดนี้ คนที่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดพรหจรรย์ พูดเท็จ พูดยุให้แตก
    แยก พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มีใจละโมภเพ่งเล็ง มีใจพยาบาท มีความวปริตเห็นผิด
    เหล่านี้อย่างหนึ่งอย่างใดนั้นก็ต้องเป็นเพราะการนิรมติบันดาลของผู้เป็นเจ้าเป็นนาย
    ด้วย" ( ผู้ถูกถามจะตอบทันทีว่า อ๋ออันนี้ไม่มีใครบันดาล ต่างทำกันเอง : ล้างทิฏฐิตนไปแล้ว )

    "ก็เมื่อมัวแต่ถือเอาการนิรมิตบันดาลของผู้ที่เป็นเจ้านาย มาเป็นสาระสำคัญดังนี้ คน
    เหล่านั้นก็ไม่มีความอยากทำ หรือความพยายามทำ ในข้อที่ว่า สิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่
    ควรทำอีกต่อไป" ( เพราะต้องรอคำสั่งตอนองค์เข้าทรงเท่านั้น ไม่สามารถคิดเอง
    ได้ : ทั้งที่ กรรมบางอย่างตนเป็นผู้กระทำเอง ตามวรรคก่อนหน้า : ที่อ้างว่าทำดีด้วย
    ตนเองไม่ได้ ก็เพราะ ไม่ตัดสินใจทำเอง)

    "เมื่อกรณียกิจ และอกรณียกิจ ไม่ถูกทำ หรือถูกละเว้นให้จริงๆ จังๆ กันแล้ว คนพวกที่
    ไม่มีสติคุ้มครองตนเหล่านั้น (คิดเองไม่ได้เลย ต้องรอให้องค์ประทับ ตัดสิน) ก็ไม่มี
    อะไรที่จะมาเรียกตนว่าเป็นสมณะอย่างชอบธรรมได้ ดังนี้"

    **** ส่วนวงเล็บ เป็นความเห็นเพิ่มเติม ของผู้โพส ****
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2009
  2. PaiSol

    PaiSol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +48
    หวัดดีคุณภราดรภาพ ไม่ได้มาสักตั้งนาน ไม่รู้จะไปทู้ไหนแนะนำหน่อยจิ อิอิ
     
  3. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71

    คือจะบอกไงดีครับ
    ผมเป็นคน ไม่ใช่สมณะ หรือ นักบวช หรือผู้สงบ

    เป็นชาวบ้าน โง่ๆ คนนึง งับ

    แต่ผมเข้าใจที่พี่พูดนะ

    งั้นคราวหน้า ถ้าแฟนผมควบคุมสติไม่ได้นี่ เพื่อทำให้แฟนผมมีสติ
    ผมจะเค๊กกะโหลกมันซักที เพื่อเรียกสติกลับมา


    สู้ๆ ครับทุกคน
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ขออภัยนะครับ ต้องขอแจ้งไว้อีกที ผมยังแก้ไข เพิ่มเติมข้อความดังกล่าว
    อยู่ ยังไงช่วยรับพิจารณาส่วนที่แก่ไขใหม่ด้วยนะครับ อาจจะมีส่วนที่ผมผิดพลาด

    * * *

    เอ่อ....แต่ว่า เขกกะโหลกนี่ไม่ดีหรอกครับ สมองเสื่อมได้ น่าจะผิดศีลอยู่นะ แต่สนิทกันก็เนอะ

    เตือนแรงๆ ก็เห็นใจกันได้ เพราะรู้ว่าเมตตา กรุณาต่อกัน : )
     
  5. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    หากเป็นไปตามที่คุณกล่าวอ้าง ผมเชื่อมั่นว่านักปฏิบัติธรรมอย่างคุณ คงไม่มุสาในเรื่องนี้ แท้จริงอย่างไร ย่อมรู้ในจิตตนเอง ท่านว่าจริงไหม

    เป็นที่น่าแปลกใจ ในเมื่อศาสนาพุทธเป็นอเทวะนิยม ที่ไม่เชื่อในเนื่องพระเจ้าเป็นสร้างสรรพสิ่ง ทั้งชีวิตอินทรีย์ และวัตถุอินทรีย์ แต่คุณกลับมาเชื่อเรื่องสรรพชีวิตเกิดจากพรหม ก็แสดงว่าพรหมคติพุทธสร้างสิ่งมีชีวิต ย่อมขัดแย้งกับความเป็นอเทวะนิยม ไม่ใช่หรือ

    ผมไม่มีความรู้จริงๆ ทั้งรูปพรหมสิบหกชั้น อรูปพรหมสี่ชั้น โดยเฉพาะชั้นอาภัสนาพรหมในชั้นที่ 6 อันเป็นบ่อเกิดสรรพชีวิต ผมไม่แน่ใจอีกนั่นแหละว่านี้คือ พรหมในคติพุทธจริงๆ หรือเปล่า

    [​IMG]


    * * * * *

    ไม่เป็นไร ผมจะลองแจงเรื่องกรรมให้ผู้อ่านดู จะได้เข้าใจว่ากรรมบันดาลจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล กับกรรมของมนุษย์ที่เป็นเจตนานั่นแตกต่างกัน ดังภาพ

    [​IMG]


    ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ต้องการคำชี้แนะ เพราะขาดประสบการณ์ชีวิต หากเขาฉลาดอย่างคุณ เก่งอย่างคุณ เขาคงไม่คราญหาคนชี้แนะให้หรอกนะ เรื่องบางอย่างเราก็ไม่รู้ ก็ต้องสอบถามผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ การถามคนมีญาณในร่างทรง ก็ไม่เห็นจะแปลก หรือว่าคุณเก่งพอที่จะชี้แนะให้คนเหล่านี้ได้ดี คนเราอย่าเพิ่งมองข้ามผู้อื่น เพียงว่าตนนั้นมีธรรมสูงส่งกว่า ชีวิตก็คือการเรียนรู้ที่ไม่จบสิ้น แล้วจะอคติไปทำไม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2009
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ...คุณ...ใช่คุณ eddy1969 ชื่อเดิม ทำนองนี้หรือเปล่า ครับ

    * * *

    ยังไงก็แล้วแต่ ส่วนหลังที่คุณให้เหตุผลมานั้น มีบางอย่างที่คุณยกสิ่งที่ผมสื่อสารไป
    มาเป็นประเด็น มันผลิกผันไปมาก .... หากเสวนากันต่อไป ก็จะยิ่งผลิกไปอีก ก็ขอ
    ทิ้งเป็นปริศนาไว้ตรงนี้ละกัน : )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2009
  7. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ขอบคุณมากครับ คุณนิวรณ์ อย่างไรเสีย ผมก็ยังระลึกถึงคุณอยู่ดี และขออภัยเป็นอย่างสูง หากทำให้ขุ่นหมองใจ ขออโหสิกรรมนะครับ
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  9. nunnapath

    nunnapath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +256
    ขอบพระคุณท่านอาจารย์ทุกท่านที่เมตตา ให้ความกระจ่างต่าง ๆ ตามที่เห็นสมควร ทุกอย่างล้วนแต่เป็นแง่คิดที่ดีของนักปฏิบัติ เหตูแห่งการตั้งกระทู้แค่เพียงอยากให้
    ทุกท่านที่ปฏิบัติแล้วเกิดเหตุการณ์อย่างกระทุ้นี้ เพราะถ้าหากปฏิบัติแล้วข้าพเจ้า
    คิดว่าคงเจอทางแยกแน่นอน แล้วถ้าเจอแล้วเราจะไปอย่างไรต่อเท่านั้นเอง
     
  10. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71
    รักทุกคนคร้าบ
     
  11. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    หวัดดี สุดหล่อ หายไปไหนซักนาน
    ผมก็เข้ากระทู้มั่วไปหมด ทั้งของกระทู้ตัวเอง และของชาวบ้าน
    ส่วนใหญ่จะเลือกเฉพาะกระทู้เกี่ยวกับองค์และร่างทรงทั้งหลาย
    เบื่อหน่ายเหมือนกัน ไม่รู้จะไปแบกมันทำไม
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.551548/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. deedeeman

    deedeeman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +258
    ผมไม่รู้อะไรเลยค้าบ ผมคนบร้า แต่รักทุกคน
     
  14. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71
    พี่ ภารดร สู้ๆ คับ
    แบกไว้แล้วเหนื่อยก็ วางลงก่อนก้ได้คับ

    แล้วค่อยแบกใหม่ก็ได้นะคับ แต่ผมไม่รู้หรอกพี่แบกอะไร

    ยังไง ก็มีผมเป็นแฟนคลับคนหนึ่งละ

    เหอ ดีเจ ประจำบอร์ด เปิดเพลงโดน


    อะ ฮากันหน่อย อย่าเครียด ก๊าบๆๆๆ เอิ้กๆๆๆ
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.551569/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. amm.

    amm. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +613
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณภราดรภาพ...
    ผมไม่แน่ใจว่าคุณแอ๋มเคยมีประสบการณ์การเป็นร่างทรงหรือมีเพื่อนในหมู่ร่างทรงหรือไม่ แล้วเหตุใดร่างทรงเหล่าจึงได้ถูกเลือกให้มาสร้างบารมี? ผมเองก็สงสัยเหมือนคุณ? อยากศึกษาวิจัยเรื่องร่างทรงต่างๆ เพื่อจัดทำเป็นหนังสือคนมีองค์และร่างทรง อยากทำมาก แต่ไม่มีเวลาหาข้อมูลจริงๆ
    ...............................................................................................
    เนื่องจากว่าแอ๋มมีประสบการณ์ตรงด้วยตัวเอง...คือว่าแอ๋มมีพระโพธิสัตว์คอยคุ้มครองและเป็นพระอาจารย์ที่คอยสอนสั่งทางกระแสจิต...บางครั้งพระองค์ก็จะผ่านกระแสมาเพื่อโปรดสรรพสัตว์...สรรพวิญญาณ...
    แอ๋มมีนิดนึงนะที่จะชี้แจง...พระอาจารย์ท่านเคยชี้ว่า...ผู้ปฏิบัติธรรมโดยส่วนใหญ่จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคอยคุ้มครองตามระดับกระแสธรรมที่เรากำลังบำเพ็ญ...หากแต่ผู้ใดที่มีบุญกรรมสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยตรงท่านจะมาคุ้มครองตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้...และท่านจะชี้นำให้พบและอยู่ในกระแสแห่งธรรมตลอดเวลาจนกว่าเราจะหลุดพ้นด้วยตัวเอง...
    และกระแสที่เราได้รับจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นคลื่นพลังงาน...และร่างกายเราก็จะเป็นเสมือนตัวรับสัญญาณต่างๆนั้น...
    ดังเช่นเราสามารถขยับแขนขาร่างกายได้...ก็เนื่องมาจากกระแสจิตของเราที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กจนโต...จนสามารถพูดได้...เดินได้...และทำอะไรได้หลายๆอย่าง
    ท่านก็เช่นกันท่านเป็นดวงจิตหนึ่งที่มีพลังมากๆและหากเรากับท่านมีบุญสัมพันธ์ร่วมกัน...และเราก็ยินยอมยกร่างเราให้ท่านเพื่อใช้ในกิจโปรดมนุษย์...ท่านก็จะต้องมาฝึกฝนเราและร่างของเราก่อน...ให้จิตเราเข้มแข็ง...เผื่อว่าต้องเจอภาวะที่สาหัสต้องทำใจยอมรับมันให้ได้...และฝึกร่างกายเราให้แข็งแรง...โดยการฝึกสมาธิเดินพลังภายใน...ซึ่งก็คือท่าต่างๆที่ท่านเสด็จลงมาสอนเรานั่นเอง...แต่ละพระองค์จะไม่เหมือนกันค่ะ...ยังมีอีกเยอะแยะมากมายที่ท่านสอนแอ๋มมาตลอดเกือบทั้งชีวิตแอ๋มเลยก็ว่าได้...เพราะเท่าที่จำความได้ก็เจอแต่เรื่องแบบนี้ตลอดเลยค่ะ....ได้เรียนรู้ทั้งด้วยตนเองและจากพระอาจารย์มาก็มากมายจึงเข้าใจทุกๆคนที่ประสบกับเหตุการณ์นั้นๆ...จึงพอจะบอกกล่าวกันได้...
    ถูกทดสอบจนเกือบตายก็เคยมาแล้ว...เพราะไม่กลัวความตายจึงผ่านมาได้ค่ะ....
    แอ๋มขอเป็นกำลังให้ทุกคนที่โชคดีได้พบเจอเรื่องแบบนี้นะคะ...เขาเรียกมารไม่มีบารมีไม่เกิด...ไม่มีปัญหาก็ไม่เกิดปัญญาแก้...เพราะมีแต่ความสุขจึงหลงอยู่อย่างนั้น...
     
  17. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ amm ได้เล่าความมา จะเห็นว่าเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก หากใครไม่พบเจอกับตนเอง ก็ยากที่จะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง บททดสอบที่พระองค์ทรงบันดาลให้เรามีอยู่มากมายหลายระดับ หนักบ้าง เบาบ้าง สาหัสบ้าง เกือบตายก็มี ก๋เพราะความมัวเมาของร่างที่ยังติดสุข ทำให้ร่างต้องประสบเคราะห์กรรมหรือทุกข์ไม่สิ้นสุด เป็นเพราะขาดสตินั่นเอง

    เมื่อวาระมาถึง พระองค์ทรงเป็นพระอนุตรธรรม จึงมีความจำเป็นต้องดลจิตดลใจให้มาทางธรรมตามกำลังบารมี แล้วค่อยๆ ไต่ระดับบารมีขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงฝั่งหมาย


    ใจจริงผมอยากให้กัลยาณมิตรทั้งหลายที่สนใจเรื่อง คนมีองค์ญาณและร่างทรง ได้ตระหนักถึงหนทางที่ถูกต้องและเหมาะสม มิให้หลงอยู่ในอุปทาน ตัณหา และอวิชชาใดๆ แต่หากมีวิชชา ความรู้และทัศนะคติที่ดีต่อสิ่งนี้ ก็ย่อมจะนำพาไปสู่ฝั่งหมายได้เช่นกัน

    ก็ขออนุโมทนา สิ่งดีๆ ที่ได้สร้างสรรค์ร่วมกันในครั้งนี้ครับ
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ชวนพี่ ภารดร ดูหนังดีก่า

    เคยดู จูซิน ตำนานจอมกษัตรย์เทพสววรค์ไหมครับ

    ที่ว่า จูซิน นั้นเป็นเทพ ได้รับการเลี้ยงดู ปูเสื่อ ประคบประหงม สั่งสอน แลคุ้มครอง

    เล่าเยอะจะยาว ขอตัดมาตอนผลิกผันเลยละกัน

    จูซิน ยอมให้คนเอาดาบแทงทะลุหัวใจ เพื่อพิสูจน์ว่า ตนใช่คนในตำนานหรือเปล่า

    อันนี้เป็นการบอกว่า ใครก็ช่วยไม่ได้ ใช่ไม่ใช่ให้ยอมรับกรรมซะ และอย่าห่วงหวง
    หรือ คอยตามหาให้ใครมาช่วยอีก ตรงนี้จึงผ่านไปได้หนึ่งทัศนะ

    ตอนจบ ก็มาอีก ระลึกได้ว่า สุดท้ายต้องทำโดยลำพังเท่านั้นถึงจะเป็นการทำดีจริงๆ
    จึงทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหมดเพื่อที่จะไม่ขอใช้ เป็นการอธิษฐานที่จะขอสำเร็จด้วย
    ตัวเองเท่านั้น

    ถามว่า หากคุณ ภารดร เป็นเทพที่ดูแล จูซิน อยู่ จะอนุโมทนา หรือว่า ตามดูแลต่อไป

    ไม่ใช่แค่จะหาเหตผลว่าพี่ ภารดร ว่าง หรือ ไม่ว่างนะ

    :)

    คุยกันเชิงเนื้อหานะครับ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นในหนัง
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ขออนุญาติ กล่าวไปล่วงหน้านะครับ

    เพราะ คาดว่า พี่ต้องตอบว่า ก็ย่อมอนุโมทนา ที่เขาดีได้ด้วยตัวเอง และ
    หากเขาทำอะไรดีได้เพราะลำพังตัวเขาเองแล้ว ไม่ใช่เพราะเป็นเพราะพี่
    ภารดรมีส่วนเกี่ยวข้องคอยชี้แล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ควรจะเป็นที่สุด

    ก็จะเห็นว่า เมื่อถึงที่สุดแล้ว หรือ แม้แต่บุญกุศลใดก็ตาม จะเล็ก จะน้อย
    แค่ไหน หรือ ใหญ่สุดๆแค่ไหน กรรมที่เกิดจาก คนๆนั้น เขาตัดสินใจทำ
    ด้วยตัวเขาเอง คุณภารดรย่อมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกองกุศลนั้นแม้แต่
    น้อย ไม่ได้รับส่วนบุญอะไรเลย จะไปทำอาการภูมิใจ ป่าวประกาศว่า
    นั่นศิษย์ฉัน นั่นศิษย์ฉัน เขาทำอย่างนั้นได้เพราะฉันสอนเขามา ซึ่ง...
    จริงๆจะทำใจ้ยินดีก็ได้ แต่มันคนละกองบุญกันกับที่เขาทำกุศลได้ ใคร
    ทำคนนั้นย่อมได้ ใครทำดีคนนั้นก็ได้ดี ใครทำไม่ดีคนนั้นก็ได้ไม่ดี

    จะเห็นว่า เทพ พรหม เทวดา ได้บุญแค่ส่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่คิดว่าเลิศ

    หากมาตู่เอาตอนที่เขาทำดีสุดๆ แล้วป่าวประกาศยินดีว่า นั่นศิษย์ฉัน
    ฉันสอนมากะมือ แบบนี้คือ การยินดีเศษบุญเล็กน้อย ไม่สมกับความ
    เป็นเทพ ไม่คู่ควรที่มหาเทพจะไปยินดี กับบุญลักษณะเล็กน้อยเหล่านี้

    เรียกว่า ดูแลไปแล้ว ก็ไม่ได้บุญอะไรเพิ่ม นอกจากบุญเล็กๆ น้อยๆ ขณะ
    ที่เขายังดูแลตัวเองไม่ได้ และหากติดบุญในลักษณะอย่างนี้ก็คงตามดู
    แลไปเรื่อยๆ โดยที่จะไม่ยอมปล่อยให้เขา หรือ ยินดีกับใครก็ตามที่คิดจะ
    ดีได้ด้วยตัวเอง ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่มหาเทพจะมิความเห็นผิดแบบนั้น

    ไตร่ตรองไป ไตร่ตรองมา ก็เหลือบุญให้กับ มหาเทพที่คอยดูแล น้อยเหลือ
    เกิน และมีแต่จะลดลง หายลง หดลง เมื่อแต่ละคนเขาเดินได้ด้วยตัวเขาเอง

    จะไปยินดีที่เขาเข้านิพพานได้ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีทางที่อานิสงค์นั้นจะส่ง
    มาถึง นอกจากจะหลอกตัวเองว่า นั้นศิษย์ฉัน ฉันเคยดลจิตให้เขาเอาเงิน
    ใส่ตู้บริจาค วันนั้น วันนี้เขาจึงนิพพานได้ เพราะฉันสอนเขามา ....มันน้อย
    เกินไปที่มหาเทพจะควรไปยินดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2009
  20. Srijun

    Srijun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    437
    ค่าพลัง:
    +71
    ผมดูมั่ง ไม่ดูมั่งอะ
    ตัวละครเยอะผมงง

    ก็คงเหมือนที่ท่านว่า

    คนที่ไม่เคยทำผิด ก็เหมือนไม่เคยทำอะไรเลย

    แล้วของแบบนี้มานต้องลองครับพี่น้อง ไม่งั้นจะรู้ได้ไง ว่า ใช่ไม่ใช่ ใช่ม๊ะๆๆ

    พระพุทธองค์ ก็ลองมาเยอะ กว่าจะพบธรรมมะ นับประสาไรกะคน

    ปล่อยให้เค้า หลง เค้าผิดไปเถอะ เด๊ยวก็รู้ เอง ใช่ม้าๆ ถามหน่อยสิพี่ จริงม้า ใช่ม้า

    คือตอนนี้อยากจะบอก ว่าแม่ยายผมก็หลงผิดอย่างแรง
    องค์ไม่ลง ก็ไปจุดธูปเรียก ทุกวัน ๆ

    ด้วยเห็น ว่าลูกสาว (แฟนผม) เวลาองค์ลง จะพูดได้
    แต่แฟนผม ถือศีลห้านะ

    ไม่รู้เรียกแกอะไรลงมา
    ลงมาขอ กินเหล้า เงี้ย สูปบุหรี่เงี้ย ร้องโห่ ร้องฮิ้ว บางทีผมเห็นแล้วเวทนา

    ด้วยหวังว่า ลงมา ให้เทพช่วยลงมา รักษา อาการป่วยของตนและญาติ

    อันนี้ไปหาหมอมา หมอบอก กระดูกทับเส้น ต้องผ่าตัดเท่านั้น

    พอรู้ ตัวก็ถาม ญาติๆ ดังนี้


    แม่ยาย:เพิ่นเว้าบ่อ ( องค์ท่านเค้าพูดรึยัง)
    ญาติ: เว้า แต่จักว่าเพิ่นเว้าอีหยังฟังบ่ฮู้ความเลย (พูดแต่พูดไม่รุ้เรื่อง)
    แม่ยาย: เพิ่นคือบ่เว้า ซังอียุมัน ( ทำไม ไม่พูดรู้เรื่องเหมือน แฟนผม)



    ด้วยเหตุนี้ทำให้แม่ยายเป็นทุกข์ ทุกข์ ที่อยากจะให้องค์ของตัวเองพูดได้ จนทำให้เครียดอยู่ตลอดเวลา ทุกวันไม่ทำไร รอจุดธูปเรียกองค์ลงมา

    ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...