ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    จะสวดบทไหนก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปตามใครๆเลย ดิฉันเองก็เคยได้ยินคนโน้นคนนี้บอกให้สวดบทโน้นบทนี้เป็นประจำเลย เมื่อก่อนมีคนบอกให้สวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก บอกว่าสวดแล้วดี ดิฉันก็ไปสวด แต่ว่าพอรวมๆแล้วมันเยอะ ไม่ไหวค่ะ คนโน้นบอกอย่าง คนนี้บอกอย่าง ตามไม่ไหวค่ะ แล้วแต่ตัวเราเหอะ

    เคยกลับไปเยี่ยมแม่แล้วน้าที่เป็นญาติกันเขามาถามว่าดิฉันสวดคาถาชินบัญชรได้หรือยัง ดิฉ้นก็บอกว่าสวดได้นานแล้ว (เพราะสวดมาหลายปีแล้ว) เขาก็ตอบกลับมาว่าแต่แถวนี้เขาสวดกลับหลังกันได้แล้วนะ ดิฉันก็เฉยๆเพราะไม่รู้ว่าเจตนาของน้าหมายถึงอะไร ดิฉันนับถือนะคะ สำหรับคนที่สวดกลับไปกลับมาได้ แสดงว่าสมาธิแล้วก็ความจำต้องดีมากๆ แต่ดิฉันจะไม่เห็นด้วยเลยถ้าคิดว่าจะเอาการสวดกลับหน้ากลับหลังมาเบ่งกันว่าฉันเก่งที่สวดได้ เธอสวดได้อย่างฉันหรือเปล่า สาระแก่นแท้ของการสวดมนต์คืออะไรละถ้าจะมาแข่งกัน

    ดิฉันเป็นคนที่ไม่ชอบสวดมนต์เยอะบท ตั้งแต่สมัยเด็กๆจนถึงอายุยี่สิบต้นๆ จำได้เลยว่าสวดอยู่แค่บทนมัสการพระรัตนตรัยแล้วก็บทกราบพระรัตนตรัยแล้วก็ต่อด้วยบทแผ่เมตตาเลย จบแค่นั้น สวดแค่นี้จริงๆแต่ว่าสวดด้วยใจที่เคารพจริงๆ มันก็ทำให้เกิดกุศลกับเราเองแหละ

    แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้สวดแค่นั้นแล้วค่ะ สวดเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้เยอะเหมือนคนอื่นอยู่ดี เคยเห็นบางคนสวดสารพัดบท สวดหลายครั้งมาก นับถือจริงๆค่ะ ดิฉันคงไม่สวดเยอะขนาดนั้น ก็มีเหตุผลของตัวเอง แต่ก็ยังไม่วายมีคนมาแนะนำให้สวดบทโน้นบทนี้อยู่อีก แถมบางทียังห้ามสวดบางบทซะอีก บอกว่าสวดบ่อยๆระวังจะตายเร็ว ว่าไปนั่นเลย จนหนักๆเข้าก็เริ่มรู้สึกรำคาญ คืนหนึ่งก็เลยได้ขึ้นไปถามกับองค์พระศาสดาซะเลยว่า จำเป็นไหมที่ต้องสวดมนต์เยอะ แล้วต้องสวดบทนี้ๆๆๆ ถ้าไม่สวดบทนี้จะไม่มีผลจริงเหรอ บลา บลา บลา

    องค์พระศาสดาได้ให้ความกระจ่างว่า จะสวดมนต์บทไหนก็ได้ทั้งนั้น ถ้าสวดด้วยใจที่นอบน้อมแล้วก็มุ่งมั่น ไม่จำเป็นที่จะต้องสวดมนต์เยอะ บทสวดมนต์บทไหนๆก็ดีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราอยากจะสวดบทไหนก็เลือกเอา แต่ต้องสวดด้วยใจที่เป็นกุศลแล้วก็เคารพในพระรัตนตรัย หากว่าสวดเยอะแต่สักแต่ว่าสวดไปงั้นๆ ก็ไม่มีผลอะไร สู้สวดน้อยๆแต่สวดด้วยจิตที่ตั้งใจดีกว่า

    ก็บอกกล่าวกันให้รู้ แต่จะเชื่อไม่เชื่อก็พิจารณากันเอาเองค่ะ สำหรับดิฉันทุกวันนี้ก็สวดบทบูชาพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย ไตรสรคมน์ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พาหุงฯ มหากาฯ แล้วก็บทแผ่เมตตาให้ตัวเอง แล้วก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ บทอุทิศส่วนกุศล บทส่งท้ายด้วยคาถาชินบัญชรค่ะ
     
  2. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เอ่อ...จะบอกไงดี ถ้าสำหรับคนที่ฝึกมโนมยิทธิได้คล่องๆจะรู้นะคะ

    ของดิฉันเนี่ย เริ่มแรกมันเห็นเอง ได้ยินเอง แต่ตอนนั้นยังไม่รู้มันคืออะไรแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงที่จะไม่ให้ได้ยินได้เห็น ตอนนั้นเหมือนจะบ้า กว่าจะหาวิธีเจอเล่นเอาเกือบแย่ เพราะฉะนั้นดิฉันจะปิดจิตไว้ตลอดไม่เปิด ไม่อยากรับรู้ เพราะเข็ดตั้งแต่แรก
     
  3. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    rabbit_heartอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ เรื่องการสวดมนต์นั้นก็มีความเห็นคล้ายกันค่ะ คือต้องอยู่ที่ความตั้งใจและความศรัทธาของผู้สวดจริงๆค่ะ ถ้าสวดด้วยความศรัทธามีสมาธิมากกุศลทางจิตก็เกิดมากเช่นกันค่ะ สมัยเป็นวัยรุ่นทำงานใหม่ๆปัญหาเรื่องการทำงานก็มาก มีความเพียรพยายามจนสวดชินบัญชรได้เพื่อสงบจิตใจและแก้ปัญหาเรื่องคนร่วมงาน เรื่องงาน จำได้ว่าเมื่อสวดจนจำได้แล้วขณะทำงานก็สวดตลอดเวลายกเว้นเวลาที่ต้องสนทนาเรื่องงานหรือต้องพูดคุยกับคนอื่น จนหลายๆเรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดี ก็เลยทำให้เราเห็นอานุภาพของการสวดพุทธมนต์ ก็เลยสวดเรื่อยมาค่ะ อันนี้ก็แล้วแต่ประสบการณ์และความเชื่อของแต่ละคนด้วยค่ะ ว่าถูกจริตกับบทไหน:z1
    <O:p</O:p
     
  4. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    ขอบพระคุณ คุณMe, myself<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2112742", true); </SCRIPT> และคุณสงบระงับ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2112905", true); </SCRIPT> มากๆๆครับ

    เข้าใจแล้วครับ สวดบทไหนก็ได้แต่ต้องเคารพจริง ตั้งใจจริง คือ สวดด้วยใจ

    ขอบคุณครับ
     
  5. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
  6. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาค่ะ

    สำหรับดิฉัน ถ้าตอนว่างๆ ขับรถ หรือ ต้องการแก้ปัญหาก็ภาวนาบทพุทธคุณอย่างเดียวเลยค่ะ ขลังดี (ประสบการณ์ของตัวเอง) อีกอย่างพระอาจารย์อนุรุททะก็เคยบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไร ให้สวดบทพุทธคุณได้เลย (ภาวนาเป็นประจำ) บทนี้ที่สุดของที่สุด
     
  7. กระติ๊บ

    กระติ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    672
    ค่าพลัง:
    +939
    อ่านมาจนถึงตรงนี้ ได้ประโยชน์และความรู้มากมายค่ะ โมทนากับทุกท่านด้วยนะคะ จะติดตามอ่านต่อไปค่ะ ขอบพระคุณในธรรมทาน
     
  8. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    "อีกอย่างพระอาจารย์อนุรุททะก็เคยบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไร ให้สวดบทพุทธคุณได้เลย (ภาวนาเป็นประจำ) บทนี้ที่สุดของที่สุด"

    โมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ และ รับทราบ ครับผมมมมม


     
  9. Lixalot's mummy

    Lixalot's mummy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,104
    ติดตามมาตลอด ขอขอบคุณสำหรับประสบการณ์ที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ ซาบซึ้งใจมากค่ะ สาธุ
     
  10. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    วันนี้จะมาพูดกันถึงเรื่องการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาค่ะ อันนี้ก็ไม่ได้มีเจตนากล่าวหาผู้ใด หรือ วัดใด ใครใคร่ทำก็ทำไปค่ะ เป็นเพียงการสงสัยของดิฉันเองผู้เดียว ก็เลยต้องหาคำตอบ ดังนั้นท่านกัลยาณมิตรทั้งหลายโปรดใช้ปัญญาในการพิจารณาค่ะ

    ดิฉันเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องการสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีบังสุกุลเป็น-บังสุกุลตาย หรือว่านอนในโลง ก็เลยทำให้ไม่ได้สนใจที่จะไปสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีนี้ แต่เพื่อนดิฉัน (คนที่เคยทำแท้ง) เป็นคนที่ชอบมากๆเลยเรื่องแบบนี้ ใครว่าที่ไหนดีเป็นต้องไป ไกลแค่ไหนก็ไป ดิฉันเคยบอกว่าให้ไหว้พระ สวดมนต์ แล้วก็ไปใส่บาตรทำบุญบ้าง เธอก็ไม่เคยทำ เวลาดิฉันชวนไปวัด ชวนไปทำบุญ ก็จะอ้างแต่ว่าเงินไม่มีแล้วก็ไม่ไป เคยชวนไปถวายอาหารให้แก่พระอาพาธที่โรงพยาบาลสงฆ์ เธอก็ว่าไม่ไป ไม่มีเงิน ทั้งๆที่ดิฉันไม่ได้ให้เธอออกเงิน เพราะว่าเวลาไปก็จะมีเพื่อนๆอีกหลายคนที่ไปทำบุญร่วมกันประจำ ก็จะช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่าย แค่อยากให้เธอไปประเคนอาหารร่วมกับเราจะได้มีบุญไว้ช่วยตัวเอง เธอก็ไม่เอา ดิฉันก็จนปัญญาไม่รู้จะช่วยให้เธอพ้นทุกข์ได้ยังไง

    แต่ที่ทำให้ดิฉันพูดไม่ออก บอกไม่ถูกก็คือ เวลาที่เธอไปสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีการต่างๆ เธอกลับมีเงินไป ไหนจะค่าน้ำมันรถ ค่าอะไรต่อมิอะไร ใครว่าที่ไหนดีช่วยได้ เธอก็ให้เขาพาไปหมด ทั้งสมุทรสงคราม นครนายก ฯ เธอก็ไปมาหมดแล้ว แต่ดิฉันก็ไม่เห็นชีวิตเธอดีขึ้นเลย ล่าสุดเธอบอกว่าที่นครนายกเธอไปมาสามครั้งแล้ว ดิฉันถึงกับอึ้งไปเลย ยังถามเลยว่า ไปทำไมตั้งสามครั้ง ที่วัดสลุดเธอก็ไปบ่อย เธอก็เคยชวนดิฉันไปเป็นเพื่อนด้วย

    เห็นเพื่อนก็ไปมาทุกที่ ชีวิตก็ยังย่ำแย่อยู่เหมือนเดิม ด้วยความสงสัยคืนหนึ่งได้ขึ้นไปเฝ้าพระศาสดาก็เลยได้ถามท่านถึงเรื่องนี้

    ดิฉัน - พระศาสดาเจ้าคะ การสะเดาะเคราะห์ด้วยการบังสุกุลเป็น-บังสุกุลตาย หรือว่าไปนอนในโลง จะทำให้เราพ้นเคราะห์พ้นกรรมได้จริงๆหรือคะ

    พระศาสดา - เป็นไปไม่ได้เลย และตถาคตก็ไม่เคยสอนอย่างนี้ด้วย

    ดิฉัน - แต่เห็นหลายวัดก็ทำพิธีนี้นะคะ คนก็ไปเยอะด้วยเจ้าค่ะ

    พระศาสดา - ก็เป็นอุบายในการให้คนเข้าวัด แล้วก็หาเงินเข้าวัดทางหนึ่ง ตถาคตไม่เคยสอนให้คนงมงาย สอนให้ใช้ปัญญาพิจารณาถึงปัญหาต่างๆ ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้น แล้วกรรมก็ไม่สามารถลบล้างได้ด้วยการไปนอนในโลงหรือด้วยวิธีที่งมงาย ผู้ที่ไปสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีการนี้ ตถาคตถือว่าบุคคลนั้น ไร้ปัญญาโดยแท้ หากจะไปสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีนี้ สู้ไปปล่อยสัตว์ที่ถึงฆาตยังจะได้บุญกุศลกว่า

    ดิฉัน - แต่ก็มีคนบางคนเขาก็ดีขึ้นจริงๆนะคะ เห็นเขาว่ากัน

    พระศาสดา - เป็นเพราะกรรมดีส่งผลพอดี เลยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ไม่เกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์อันนี้หรอก แต่ถ้าคนที่ไม่ใช้ปัญญาก็จะคิดว่าทำอย่างนี้แล้วได้ผลจริงๆ

    ดิฉัน - ก็อาจจะเป็นจริงอย่างที่พระศาสดาว่า เพื่อนของลูกเขาก็ไปมาหลายที่ บางที่ก็ไปมาหลายหนแล้ว

    พระศาสดา - แล้วชีวิตเขาดีขึ้นไหมล่ะ

    ดิฉัน - ไม่เลยเจ้าค่ะ แถมอาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ

    พระศาสดา - เธออยากรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงไม่ดีขึ้น

    ดิฉัน - อยากรู้เจ้าค่ะ

    พระศาสดา - ศีลห้าข้อ ทำไม่ได้สักข้อนึงเลย ข้อหนึ่ง ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เขาก็ทำแท้งมาสองครั้ง ข้อสองห้ามลักขโมย เขาก็ยักยอกเงินบริษัท โกงบริษัท ข้อสามห้ามประพฤติผิดในกาม ก็คบชู้สู่ชาย ข้อสี่ห้ามพูดปด ก็ต้องโกหกสามีเพราะเรื่องที่ตัวเองทำ ข้อห้า ห้ามดื่มของมึนเมา เขาก็ดื่ม แล้วอย่างนี้จะให้ชีวิตของเขาดีขึ้นอย่างไร

    ดิฉันถึงกับตกใจแล้วก็อึ้งไปกับคำบอกเล่าขององค์พระศาสดา เพราะที่ท่านกล่าวมานั้นถูกทุกข้อ ดิฉันรู้เกี่ยวกับเรื่องของเพื่อนเป็นอย่างดี จนบางครั้งแทบจะไม่อยากรับรู้ซะด้วย เนื่องจากเหมือนน้ำท่วมปาก จะพูดบอกใครก็ไม่ได้ จะว่าไม่เคยเตือนเพื่อนเลยก็ไม่ใช่ ทั้งเตือนทั้งว่าจนเพื่อนไม่คุยด้วยไปพักนึงเลย ตอนหลังดิฉันเลยเฉยๆไม่อยากว่ากล่าว ก็คิดว่ากรรมของใครก็ของคนนั้น

    ดิฉัน - ที่พระศาสดากล่าวมานั้นถูกต้องทุกอย่างเลยค่ะ

    พระศาสดา - ศีลห้ายังรักษาไม่ได้ แล้วจะให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร การสะเดาะเคราะห์ที่ดีก็คือเป็นผู้ตั้งตนอยู่ในศีล ทำบุญทำทานตามแต่ฐานะ ปล่อยสัตว์ที่ถึงฆาต หมั่นเจริญสมาธิภาวนา เพื่อให้บุญมาช่วยให้หนีห่างพ้นจากกรรมที่ไม่ดี หากทำได้ดังนี้ ชีวิตนี้จะต้องมีความสุขความเจริญแน่นอน

    ดิฉัน - ทราบแล้วเจ้าค่ะ สาธุ
     
  11. jks

    jks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,049
    พระศาสดา - ศีลห้ายังรักษาไม่ได้ แล้วจะให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร การสะเดาะเคราะห์ที่ดีก็คือเป็นผู้ตั้งตนอยู่ในศีล ทำบุญทำทานตามแต่ฐานะ ปล่อยสัตว์ที่ถึงฆาต หมั่นเจริญสมาธิภาวนา เพื่อให้บุญมาช่วยให้หนีห่างพ้นจากกรรมที่ไม่ดี หากทำได้ดังนี้ ชีวิตนี้จะต้องมีความสุขความเจริญแน่นอน

    อนุโมทนา สาธุ ค่ะ
     
  12. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ท่านกัลยาณมิตรทั้งหลาย ถ้าไม่อยากเจอเคราะห์กรรมหนักๆ ก็ควรตั้งตนให้อยู่ในความไม่ประมาทน่าจะดีที่สุด ทำบุญเรื่อยๆ เมื่อเวลามีเคราะห์ก็จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ดิฉันเคยสังเกตุดูจากหลายๆกรณีที่เวลาคนมีเคราะห์ แล้วพอถูกทักก็คิดจะไปสะเดาะเคราะห์แต่มันก็ไม่ทันการณ์ หลายรายที่ต้องเสียชีวิตลง

    ตัวอย่างเช่น หญิงสาวที่ถูกทักว่ามีเคราะห์ต้องไปปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์ เธอก็จะไปปล่อยปลาตามที่ถูกแนะนำ แต่ช่างน่าสงสารที่เธอกลับเสียชีวิตลงจากการที่ขับรถตกน้ำไป ยังไม่ทันที่จะได้ปล่อยปลาเลย

    มีอีกหลายคนเลยที่ต้องเสียชีวิตระหว่างที่จะไปสะเดาะเคราะห์ ดังนั้นดิฉันจึงอยากชวนท่านกัลยาณมิตรทั้งหลายเตรียมตัวไว้ให้พร้อมก่อนที่เคราะห์กรรมจะมาถึงดีกว่า เพราะเมื่อถึงเวลานั้นมันอาจจะไม่ทันการณ์ก็ได้ ถึงแม้บางทีจะไม่ได้ทำให้หนีพ้นเคราะห์กรรมไปได้ แต่ก็จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ไม่ต้องถึงกับเสียชีวิต

    และนี่คือสิ่งที่ดิฉันทำเป็นประจำ โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่ามีเคราะห์แล้วถึงจะไปทำ
    1. สวดมนต์ไหว้พระ ถือศีลห้า
    2. ใส่บาตรเท่าที่โอกาสอำนวย
    3. ถวายอาหารแก่พระที่อาพาธที่โรงพยาบาลสงฆ์ทุกเดือน
    4. บริจาคเงินซื้อโลงศพเป็นประจำ
    5. บริจาคเงินทำบุญเป็นประจำ (ตามแต่ฐานะ)
    6. บริจาคเงินช่วยเหลือมูลนิธิ
    7. อาสาทำงานทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวม
    8. บริจาคเลือดทุกสามเดือน (ล่าสุดเป็นครั้งที่ 40)
    9. เลี้ยงดูบุพการี (อันนี้ถือว่าได้บุญมาก เป็นความคิดเห็นส่วนตัว)
    10. ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เท่าที่จะช่วยได้
    จากการที่ทำดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้ดิฉันไม่เคยเจออันตรายหนักๆเลย รอดพ้นทุกครั้ง จะมีก็เพียงโดนเข็มตำบ้าง ประตูหนีบนิ้วบ้าง เดินเตะเตียงบ้าง แต่ก็เป็นเพียงเล็กน้อยไม่ได้เจออะไรรุนแรง บางท่านอาจจะคิดว่าเพราะดิฉันยังไม่เคยเจอเหตุการณ์รุนแรงก็เลยคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าท่านคิดอย่างนั้นดิฉันก็ขอบอกว่าท่านคิดผิดค่ะ เพราะดิฉันรอดพ้นเหตุการณ์อันตรายมาหลายครั้ง เช่น

    1. ครั้งหนึ่งขับรถมาตามถนนบางนา-ตราดค่อนข้างเร็ว เพลารถขาดออกจากกัน ทำให้รถไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ โชคดีไม่มีรถวิ่งตามหลังมาแบบกระชั้นชิดไม่งั้นไม่รู้ว่าจะเป็นไงบ้าง
    2. อีกครั้งนึง รถเกียร์หลุด เข้าได้แต่เกียร์หนึ่งเกียร์เดียว พอจะเข้าเกียร์สองก็ไปไม่ได้แล้ว เกือบจะโดนรถชนท้ายก็หลายครั้ง ก็พยายามประคับประคองรถไปจนถึงบ้านจนได้
    3. ขับรถไปถนนมอเตอร์เวย์แล้วไปจอดพักที่จุดพักระหว่างทาง พอจะไปต่อพวงมาลัยรถน๊อตหลุด บังคับพวงมาลัยไม่ได้ ต้องเรียกรถมายก (คิดดูว่าถ้าพวงมาลัยหลุดตอนขับๆอยู่จะเป็นไง) แล้วที่ฮามากๆเลย พอรถพวงมาลัยหลุด มีมูลนิธิมาคอยรับบริจาคเงินซื้อโลงศพอยู่แถวนั้นพอดี ได้เดินมาพูดว่า อย่างนี้ดวงไม่ดี ทำบุญโลงศพซะหน่อยเถอะครับ
    4. อีกครั้งขับรถจะไปทำงาน อยู่ๆควันขึ้นขโมง รถก็กระตุกๆ รีบเข้าข้างทาง ตามช่างมาดูผลปรากฎว่ามอเตอร์แอร์พัง สายพานขาดไปขัดกับเครื่องทำให้รถวิ่งไม่ได้
    แล้วก็อีกหลายๆเหตุการณ์ ที่ทำให้รอดพ้นมาได้ เคยมีคนบอกว่าดิฉันผ่านพ้นเหตุการณ์ร้ายๆต่างๆในชีวิตมาได้เพราะบุญที่ดิฉันทำทั้งนั้นเลย ดิฉันก็ว่าน่าจะจริง ก็เลยไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ถึงแม้บางช่วงของชีวิตจะมีปัญหาเรื่องการเงินก็ไม่ได้ทำให้ดิฉันทำบุญน้อยลงเลย ก็ยังทำสม่ำเสมอ เพียงแต่จำนวนเงินก็น้อยไปตามภาวะ แต่ใจเต็มร้อยค่ะ
     
  13. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    "พระศาสดา - ศีลห้ายังรักษาไม่ได้ แล้วจะให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร การสะเดาะเคราะห์ที่ดีก็คือเป็นผู้ตั้งตนอยู่ในศีล ทำบุญทำทานตามแต่ฐานะ ปล่อยสัตว์ที่ถึงฆาต หมั่นเจริญสมาธิภาวนา เพื่อให้บุญมาช่วยให้หนีห่างพ้นจากกรรมที่ไม่ดี หากทำได้ดังนี้ ชีวิตนี้จะต้องมีความสุขความเจริญแน่นอน"

    ขอกราบนมัสการแทบพระบาทพระศาสดาด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่งด้วยคนครับ

    ขอโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ กับ คุณ Me, Myself ด้วยครับ สำหรับการนำคติธรรมดีๆ มาบอกกล่าว และ แจ้งให้กัลยาณมิตรทุกท่านได้ร่วม รับทราบ และ โมทนาบุญ

    (จะขอร่วม โมทนาบุญไป เรื่อยๆ น่ะครับ)

    ชอบคุณครับ

    บุญรักษาครับ
     
  14. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ เมื่ออ่านเรื่องการสะเดาะห์ เราว่ายังมีอีกเรื่องที่ทำซ้ำแล้วชีวิตก็ยังไม่ดีขึ้น ก็คือการดูดวงทำนายชะตาชีวิต อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่เกิดจากการสังเกตุค่ะ เราว่าบางคนเขาดูดวงแค่ครั้งเดียวผ่านมาไม่นานชีวิตเขาก็ดีขึ้นในขณะที่อีกหลายคนดูดวงเป็นงานอดิเรกแถมยังดูกับหมอดังๆด้วย แต่ชีวิตก็ยังไม่ดีขึ้น คนเราเวลามีความทุกข์ ก็ไปนั่งคุยกับหมอดูซึ่งในความเป็นจริงหมอดูส่วนใหญ่ก็จะแนะนำ ให้รักษาศีล5 แก้กรรมสะเดาะห์เคราะห์ แต่คนเราเวลามีความทุกข์ได้ระบายก็ค่อยยังชั่ว ก็ไม่ค่อยได้จดจำหรอกว่า หมอดูแนะนำให้ทำอะไรบ้าง พอกลับบ้านก็ลืม พอความทุกข์ย้อนกลับมาใหม่ก็ไปดูดวงใหม่ (ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนหมอดูด้วยล่ะ 55) เพราะไม่ไปทางบุญเลยก็เลยไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก ในขณะที่คนที่ไปทางบุญเวลาเขาไปดูวงเขาจะเช็คว่าเขายังขาดตกบกพร่องส่วนไหน เมื่อหมอดูแนะนำเขาก็จะได้ไปปรับปรุงให้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ในความจริงก็อย่างที่คุณMe, Myself ได้รับคำแนะนำจากพระศาสดา การที่เรารักษาศีล5 ก็จะช่วยได้มาก ไม่ต้องไปสะเดาะห์เคราะนอนโลง ก็อยากให้คนที่ชอบดวงดวงแบบไม่มีเป้าหมายได้เข้าใจเรื่องนี้บ้าง ค่ะ อนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ
     
  15. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    การดูดวงบ่อยๆจะส่งผลให้ดวงเปลี่ยนไปในทางไม่ดียิ่งขึ้นไปอีก เวลาดูดวงต้องใช้ปัญญา เหตุและผล ในการพิจารณา ต้องคิดไว้เสมอว่าการดูดวงได้ผล 40/60 นั่นคือ 40% ถูกจริงๆ อีก 60% มักไม่ตรง ดิฉันก็เคยดูมาหลายคน ไม่ใช่ว่าชอบดูดวงเป็นงานอดิเรกหรอก ส่วนใหญ่เพื่อนจะชวนไป ถึงขนาดบางคนออกค่าดูให้เลย ขอให้เราไปเป็นเพื่อนแล้วไปดูด้วย แต่เท่าที่ดูๆมา ดิฉันจะกลับมาวิเคราะห์อีกที หากเรามีสติเราจะเจอข้อขัดแย้งกันเองในสิ่งที่เขาดูให้ ตั้งแต่ดูมายังไม่เคยเจอใครที่ถูก 100% เลย

    หากหมอดูที่ดีๆแล้วยึดถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ส่วนใหญ่พวกนี้จะไม่กำหนดค่าดู แล้วแต่จะใส่ซอง แล้วก็จะแบ่งส่วนหนึ่งไปทำบุญเป็นประจำ อีกทั้งยังต้องปฎิบัติตัวถือศีล หมั่นเจริญสมาธิภาวนาเป็นประจำด้วย เคยมีหมอดูคนนึงบอกว่าการที่เปิดดูดวงตัวเองหรือคนอื่น มันเป็นการฝืนกฎแห่งกรรม เหมือนเป็นการไปขอดูกรรมของบุคคลนั้นๆ แล้วหาทางแก้ไข นั่นเท่ากับทำให้เขาไปยุ่งเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม แล้วเขาก็จะต้องรับผลของกรรมนั้นมาที่เขาด้วย จึงจำเป็นที่หมอดูทุกคน ต้องเป็นคนดีมีศีล แล้วก็ต้องเข้าวัดปฎิบัติตนอยู่เสมอๆ อีกทั้งค่าดูก็ต้องแบ่งไปทำบุญด้วย หากไม่ทำดังนี้จะทำให้ชีวิตเขาสั้นลง เพราะต้องแบกรับกรรมของบุคคลอื่น

    ดิฉันเห็นด้วย เพราะเวลาถามอะไรกับหลวงพ่อหรือเทวดาหรือกับใครอื่น บางเรื่องมักจะไม่ได้คำตอบ ท่านก็จะว่าฝืนกฎแห่งกรรม บอกไม่ได้ ถึงเวลารู้เอง แล้วเวลาที่ดิฉันไปดูหมอมา กลับมาก็ชอบที่จะมาถามลูกชายคนโตหรือกับหลวงพ่ออีก จนโดนว่าประจำว่า ไปดูทำไม ไปดูแล้วก็กลับมาถามอยู่ดี ท่านจึงห้ามไม่ไห้ไปดูดวงที่ไหนอีก
     
  16. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    ขอบคุณ คุณMe, Myself และอนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ
     
  17. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    บันทึกการทำสมาธิของคืนวันที่ 21 พ.ค. 52

    เมื่อคืนก่อนจะเข้าสมาธิ ก็ได้คิดแผลงๆ อธิฐานจิตว่า วันนี้จะปล่อยจิตเฉยๆไม่นึกถึงพระพุทธองค์หรือพระอาจารย์หรือใครๆที่เคยพบมาแล้ว อยากเจอคนอื่นที่ไม่ใช่คนที่พบมาแล้ว จะดูซิว่าจะมีใครมาพบบ้าง

    พอเข้าสมาธิ จริงๆปกติอันดับแรกต้องไปกราบหลวงพ่อโตก่อน พอไปที่โบสถ์หลวงพ่อ ตอนแรกมองเห็นเหมือนเป็นตัวเอง ยืนหันหน้าไปทางหลวงพ่อ ไอ้เราเห็นแต่ด้านหลัง วันนี้แต่งตัวแปลกเว้ย เออ..ทำไมมัดจุกหว่า แถมชุดที่ใส่ก็รัดกุมเหมือนพวกนักรบหรือกษัตริย์เลย ไอ้ที่สวมตรงไหล่ (เขาเรียกอะไรอ่ะ ไม่รู้จริงๆ) งอนช้อยเด้งเชียว ยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก ในจิตลึกๆก็บอกว่าเหมือนไม่ใช่เรา งงๆสับสน เอ้อ...ไม่เอาเว้ย..เอาใหม่ๆ..กลับๆๆๆ ไปตั้งต้นใหม่ดีกว่า

    ถอยจิตกลับมา ตั้งสติใหม่ กลับไปที่โบสถ์หลวงพ่อใหม่อีกที เอ๊ะ..ยังอยู่แฮะ ใครหว่า ไม่ใช่เรานี่นา ก็เราอยู่ข้างๆนี่ งงวุ้ย แต่เอาเหอะ ไม่รู้ก็ไม่รู้ กราบหลวงพ่อก่อนดีกว่า ว่าแล้วก็กราบหลวงพ่อ

    ดิฉัน - นมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ - เจริญพร ไหว้ท่านด้วยซิ

    ดิฉัน - ใครคะ

    หลวงพ่อ - พระเจ้าเม็งราย

    ดิฉัน - ห๊า??

    หลวงพ่อ - ก็ที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าไงละ ก็อยากเจอคนที่ไม่เคยพบไม่ใช่เหรอ ก็มาแล้วไง

    ดิฉันอึ้งๆๆๆๆ ไม่ใช่ไม่รู้จักนะพ่อขุนเม็งรายเนี่ย แต่ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองเล้ย พับผ่าซิเอ๊า โห..แปลกจริงๆๆ มิน่าว่าใครแต่งตัวแปลกๆ ผมก็มัดจุกแบบพวกราชวงค์ลาวหรือพวกกษัตริย์ทางเหนือ นั่งมองท่านแบบงงๆอึ้งๆไปสักพัก ถึงได้ไหว้ท่าน

    ดิฉัน - ถวายบังคมค่ะ เออ...เขาต้องถวายบังคมกันยังไงคะเนี่ย

    พระเจ้าเม็งราย - ไหว้เฉยๆก็ได้

    ได้เห็นหน้าพระเจ้าเม็งรายก็คิดในใจว่า หน้าท่านหล่อดีเหมือนกันเนอะ ที่เห็นน่ะยังหนุ่มไม่แก่

    ดิฉัน - พระองค์คือพระเจ้าเม็งรายจริงๆเหรอคะ

    พระเจ้าเม็งราย - จริงซิ เราคือพระเจ้าเม็งราย ผู้ก่อตั้งหริภุญชัย

    ดิฉัน - ไม่ใช่มั่งคะ ท่านน่าจะสร้างเมืองเชียงราย หริภุญชัยนี่ต้องพระนางจามเทวีเป็นคนสร้าง

    พระเจ้าเม็งรายท่านก็ยิ้มๆๆๆ ดิฉันก็เลยถามว่า

    ดิฉัน - แล้วท่านมาทำไมคะเนี่ย

    พระเจ้าเม็งราย - เจ้าเคยเป็นข้ารับใช้เรามาก่อน เป็นข้ารับใช้ที่ดี ตอนนี้เราก็เลยมาดูว่าเจ้าเป็นยังไงบ้าง

    ตอนที่พระองค์บอก ก็เกิดภาพซ้อน ทำให้เห็นว่าเราอยู่ในสมัยนั้น แต่งตัวโบราณ หมอบถวายการรับใช้พระองค์อยู่จริงๆ (แปลกดีเหมือนกัน) แต่เราเองก็ยังเอ๋อๆๆ เรื่องที่ทำไมท่านมาให้เห็น เพราะไม่เคยมีความนึกคิดเกี่ยวกับพระองค์ท่านเลย ก็เลยยังเบลอๆ ไม่ค่อยได้ถามอะไร

    พระเจ้าเม็งราย - ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง

    ดิฉัน - ก็อยู่ดีไปตามอัติภาพค่ะ แต่ว่าช่วงนี้กังวลมากหน่อยเพราะตกงานมานานแล้ว เงินที่มีก็ใกล้จะหมด ก็กลัวว่าเดี๋ยวจะแย่

    พระเจ้าเม็งราย - เดี๋ยวชีวิตเจ้าก็จะดีขึ้น

    ดิฉัน - เออ..ขอบิณฑบาตรได้ไหมคะคำนี้ เพราะหลวงพ่อพูดบ่อยมากเลย เบื่อฟังแล้วค่ะ เพราะไม่รู้ว่ากำหนดเวลามันเมื่อไหร่ หนึ่งปี สองปี เก้าปี สิบปี เฮ้อ..ดิฉันว่าดิฉันอยู่ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอก มันจะตายซะก่อนซี ถ้าไม่ได้งานทำ

    พระเจ้าเม็งราย - แล้วมีใครทำนายว่าเจ้าจะตาย จะไม่รอดบ้างไหม

    ดิฉัน - ก็ไม่มีเจ้าค่ะ

    พระเจ้าเม็งราย - งั้นก็แสดงว่าชีวิตเจ้าก็ต้องดีขึ้นจริงๆใช่ไหม มันต้องผ่านไปได้ ถึงแม้เจ้าจะคิดว่าเวลาที่เจ้าอยู่ได้นั้นมันไม่นาน ดังนั้นสิ่งที่เจ้าหวังมันก็จะมาถึงไม่นานนี่แหละ

    ดิฉัน - อืมม..ค่ะ เออ..เชิญพระองค์เสด็จกลับก่อนเถอะเจ้าค่ะ ไว้โอกาสหน้าจะขอเชิญพระองค์มาใหม่เจ้าค่ะ (มีการไล่อีก)

    พระเจ้าเม็งราย - ได้...พระคุณเจ้า ข้าพระองค์ขอกลับก่อน

    หลวงพ่อ - เจริญพร เชิญพระองค์

    หลังจากนั้นก็อยู่สนทนากับหลวงพ่อไปสักพัก แล้วก็รู้สึกว่าเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาเห็นองค์หลวงพ่อแล้วก็เลยภาวนาอิติปิโส แล้วก็หลับไปอีก รู้สึกตื่นมาเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นจะเห็นองค์หลวงพ่อตลอด แล้วตัวเองก็ภาวนาอยู่แต่อิติปิโสตลอดเหมือนกัน ทำให้นึกถึกที่หลวงพ่อฤาษีบอกว่า ถ้านอนหลับไปตอนภาวนา ให้สังเกตุว่าเวลาตื่นขึ้นเราจะเห็นภาพตอนก่อนที่เราจะหลับ แล้วเราก็ยังภาวนาต่อ ถ้าตายตอนนั้นไปดีแน่ ไม่ลงอบายภูมิ (รอดแล้วตรู)

    ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งต้ว เปิดคอมหาข้อมูลพระเจ้าเม็งรายต่อ ตามประวัติท่านสร้างเมืองเชียงรายแน่แท้ชัวร์ แต่ท่านก็ได้ปกครองเมืองหริภุญชัยเหมือนกันในช่วงปี พ.ศ. 1835 - 1837 ดังนั้นที่ท่านว่าท่านก่อตั้งหริภุญชัยอาจจะหมายถึงว่าท่านได้ปกครองอยู่ช่วงหนึ่งกระมัง
     
  18. ดับ

    ดับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +533
  19. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ และขอบคุณที่แจ้งให้ร่วมอนุโมทนาบุญค่ะ
     
  20. Ricardo DeCalgary

    Ricardo DeCalgary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +11,341
    สาธุ สาธุ สาธุ โมทนาบุญ ด้วยคนครับ

     

แชร์หน้านี้

Loading...