Trips หลงทาง

อยากไปมั่งจังเลยค่ะ .. แล้วยังไง ถ้าได้ไปบ้างจะมาลงแข่งนะค่ะ ..

 

เค๊าเพิ่มข้อมูลไหว้พระธาตุประจำวันเกิดให้น๊า เนี้ยมานครพนมจังหวัดเดียวได้ครบทั้งเจ็ดวัด เจ็ดพระธาตุเลย อิอิ

1.พระธาตุพนม ประดิษฐานที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม ซึ่งเป็นพระธาตุประจำของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ เชื่อว่าผู้บูชาจะได้รับเมตตามหานิยม โดยใช้ของบูชาประกอบด้วย ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีแดง ธูป 6 ดอก เทียน 2 เล่ม

​

2.พระธาตุเรณู ประดิษฐานที่วัดพระธาตุเรณู อ.เรณูนคร เป็นประจำวันเพระธาตุประจำวันเกิดวันจันทร์ เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มานมัสการจะได้อานิสงส์ ส่งผลให้มีวรรณะงดงาม ผุดผ่องดังแสงจันทร์ ส่วนสิ่งของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีเหลือง ธูป 15 ดอก เทียนขาว 2 เล่ม

​

3.พระธาตุศรีคูณ ประดิษฐานที่วัดพระธาตุ เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของชาว อ.นาแก และเป็นพระธาตุประจำวันผู้เกิดวันอังคาร เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ ส่งผลให้มีศักดิ์ศรีทวีคูณ สิ่งของที่นำมาบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีชมพู ธูป 8 ดอก เทียน 2 เล่ม

​

4.พระธาตุมหาชัย ประดิษฐานที่วัดพระธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันของผู้ที่เกิดวันพุธ เชื่อกันว่าผู้ได้นมัสการจะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้ได้รับชัยชนะในชีวิต ส่วนของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกบัว ธูป 17 ดอก เทียนขาว 2 เล่ม

​

5.พระธาตุประสิทธิ์ ประดิษฐานที่วัดพระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า เป็นพระธาตุประจำวันผู้เกิดวันพฤหัสบดี เชื่อกันว่าผู้นมัสการจะได้รับอานิสงส์ ส่งผลให้ทำการงานสัมฤทธิผล ส่วนของบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีส้ม ธูป 19 ดอก เทียน 2 เล่ม

​

6.พระธาตุท่าอุเทน ประดิษฐานที่วัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน ซึ่งเป็นพระธาตุของผู้ที่เกิดวันศุกร์ เชื่อกันว่าจะได้รับอานิสงส์ให้ชีวิตรุ่งโรจน์เหมือนพระอาทิตย์ ส่วนสิ่งของบูชา ประกอบด้วย ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้สีน้ำเงินหรือฟ้า ธูป 21 ดอก เทียน 2 เล่ม

​

7. และสุดท้าย พระธาตุสำหรับผู้เกิดวันเสาร์ คือ พระธาตุนคร ประดิษฐานที่วัดมหาธาตุ อ.เมือง เชื่อกันว่าจะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้มีบุญวาสนา เป็นเจ้าคนนายคน สิ่งที่นำมาบูชา ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกอัญชัน ธูป 10 ดอก เทียน 2 เล่ม.

​

ข้อมูลจาก 䋇龃иҵػÐ?Ӈѹࡔ??ѩ? 7 የ? ?ը ?.??þ??lt;/a>​

 

ได้มากราบท่านตามที่ได้เคยฝันถึงหลายครั้ง และก็รู้ความหมายแห่งนามพระองค์แล้ว ก็จงอย่าหวั่นไหวกับสิ่งที่มากระทบในจิต ไม่ว่าจะเป็นยามใดก็ตามนะคะ



.

 

ขนาดโดนไม้แรก ยังไม่หาที่พักอ่ะนะ ต้องเจอไม้ 2 แล้วก็ 3 ถึงจะไปหายากิน และหาที่พัก เกือบได้นอนข้างถนนมีไอ้ตัวนี้อยู่เป็นเพื่อนแล้วมั๊ยหละ...คิกๆๆๆ



.

 

ชมซะหน่อยแระกันเนอะ เด่วจะว่ามาบ่นอย่างเดียว ^______^

ภาพสวยทุกรูปค่ะ โดยเฉพาะยามค่ำที่นครพนม ท้องฟ้าสีเข้มที่เรียกว่า navy blue เหมือนจัดฉากให้ฟ้าถ่ายโดยเฉพาะเลยค่ะ



.

 

ไม่รู้ว่าฟ้าได้ไปที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยหรือเปล่า??..
ที่นี่..พี่มีประสบการณ์ส่วนตัวแปลก ๆ ด้วยล่ะ..แต่ไม่เล่าให้ฟังนะ!!..^____^..<!-- google_ad_section_end -->

 

ใช่วัดมหาธาตุหรือเปล่าคะ??..หาภาพเก่งมากเลย..เก่าจังค่ะ!!..

 

ใช่แล้วจ้าคุณเจง... นำมาลงให้เปรียบเทียบกันดู ระหว่างภาพปัจจุบันกับภาพเก่า


ภาพเก่าเค้ามีเป็นกุรุดเลยนะ อิ อิ

 

เจงไปมาแล้วค่ะ จำกำแพงวัดได้..ข้าง ๆ วัดมีสะพานแขวนเล็ก ๆ ด้วยค่ะ..อิ..อิ..

-Happy Smile_

 

ไม่ได้ไปคะ ฟ้าตั้งใจไปกราบพระอจนะเพราะฝันถึงท่านหลายครั้งแล้ว ถึงได้ขับรถมาจากประจวบโดยตรงไง แต่หลงทางไปนครพนมเป็นผลพลอยได้อ่ะ ^^" อิอิ แล้วมีไรหรอไม่เล่าให้ฟังแล้วมาบอกให้อยากรู้เนี้ยนะ โห.......ยิ่งบอกยิ่งอยากรู้ บอกหน่อยดิ

 

ขอบคุณพี่สร้อยมากนะคะที่เอาภาพเก่าๆมาให้ดูอ่ะ เล่าต่อนะ พอได้ที่นอนแล้วก็นอนจนตื่นมาเช้าอ่ะ ประมาณหกโมง วันนั้นฝันร้ายด้วย ก็เลยออกไปทำบุญใส่บาตรแล้วก็ทำสังฆทานที่วัดมหาธาตุที่เดิมตอนเช้า กว่าจะขับรถวนหาที่ซื้อของก็วนนานเลยนะ แล้วก็ไปเจอร้านขายของชำ จากนั้นซื้อของเสร็จก็ขับวนหาวัดต่อ วนไปวนมาเจอจนเจอวัด อิอิ หลงทางตลอดเลยอ่ะ พอเข้าไปวัดก็นิมนต์หลวงพ่อมารับบิณฑบาตและสังฆทาน ปรากฎว่าท่านฉันเช้าไปแล้วอ่ะ _ _" แต่ก็เอาไว้ฉันเพลได้ ^^
พอพระท่านบิณฑบาตถวายสังฆทานเสร็จ ได้รับศีลพรแล้ว ^____^ กลับมาที่รถ โห......ดูรถ แมวเหมียวไปนั่งเต็มหน้ารถเค๊าเลยอ่ะ แงๆๆๆๆๆ แถมสตาร์ทรถแล้วก็ไม่ยอมลงกระโดดไปบนหลังคาซะงั้น ต้องลงมาจับไปไว้ที่ศาลา ออกจากวัดก็หาทางกลับโรงแรม จำทางไม่ได้อีกแล้ว แหะๆๆๆ ขับตรงไปเลี้ยวซ้ายข้างวัดแล้วเผลอเลี้ยวซ้ายอีกที ปรากฎว่าผิดทางอ่ะ _ _" เลยต้องย้อนกลับมาอีกถนน วนไปใหม่แล้วเลี้ยว เฮ้อ......เจอโรงแรมซะที แล้วเราก็นอนต่อเนื่องจากมึนหัวอ่ะ

บรรยากาศตอนเช้าที่วัด





ฝนจะตกอ่ะ ท้องฟ้ามืดเลย

 

ดีที่ว่าไปช่วงนี้นะ ตอนที่พี่ไปช่วงสงกรานต์มั้ง ช่วงเกือบ ๆ เที่ยง
พื้นกระเบื้องร้อนมาก ๆ เลย ต้องเดินเขย่งแกมวิ่งเข้าไปอ่ะ ร้อนเท้ามาก (ศรัทธาแรงกล้า)..หุ..หุ..

 

อนุโมทนาสาธุคะพี่เจง พอดีฟ้าไปก็กลางคืนแล้ว ตื่นมาเช้าฝนก็จะตกอีก ไปฝนตกตลอดเลยนะคะ แต่พอฟ้าไปถึงวัดเวลาจะทำบุญทุกที่ฝนจะหยุดก่อนเลย ก็เลยได้ทำบุญแบบไม่โดนแดดอ่ะ อิอิ ไม่ร้อนมาก บรรยากาศกำลังดีด้วย

 

ลืมลงประวัติพระธาตุนครให้อ่ะ แหะๆๆๆ ^^"

พระธาตุนคร
ที่ตั้ง วัดมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม
ประวัติ ในระยะแรกที่พระยามหาอำมาตย์ (ป้อม) สร้างเมืองนครพนม ขึ้นนั้น มีเพียง วัดมหาธาตุ วัดเดียวเท่านั้นจึงขนานนามว่า วัดมิ่งเมือง (คือวัดมหาธาตุในปัจจุบัน) เป็นวัดใหญ่ประจำเมืองเป็นศูนย์กลางการปกครองการศึกษา มีพระมหาเถระมีครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ปกครองดูแลและอำนวยการศึกษาอยู่เป็นประจำและเป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการใหญ่น้อย ยุตต่อมา วัดมิ่งเมือง ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันติดปากว่า วัดธาตุ ทั้งนี้เพราะผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าสู่ลูกหลานฟังเป็นทอด ๆ มาว่าที่วัดมิ่งเมืองนี้มีพระอรหันต์ สารีริกธาตุ บรรจุอยู่ในธาตุเจดีย์องค์หนึ่งในบริเวณวัดมิ่งเมือง มีธาตุเจดีย์ใหญ่บ้างเล็กบ้างหลายสิบองค์ เจ้าบ้านผู้ปกครองบ้านเมืองแต่ก่อนนิยมสร้างเจดีย์เป็นที่บรรจุอิฐของบิดามารดาปู่ย่าตายายไว้ในวัด ยิ่งถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็นิยมสร้างไว้ในวัดใหญ่ วัดมิ่งบ้านมิ่งเมืองเห็นว่าสมกับเกียรติยศเป็นที่เชิดหน้าชูตามีสง่าราศี ความนิยมเช่นนั้นก็เลยลุกลามมาถึงประชาชนทั่วไปใครสามารถพอจะทำได้ก็ทำ และตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ในวัดจึงเต็มไปด้วยธาตุเจดีย์สร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุอิฐ ซึ่งไม่เป็นระเบียบเหมือนในปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 2462 พระครูพนมคณาจารย์เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุและเจ้าคณะจังหวัดนครพนม ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คือพระยาพนมนครานุรักษ์ (อุ้ย นาครทรรภ) ข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้แก่หลักบ้านหลักเมืองและนิมนต์พระสงฆ์ พระผู้ใหญ่ในวัดเข้าร่วมประชุม โดยได้แถลงต่อที่ประชุมว่าอยากจะรื้อถอนธาตุเจดีย์เก่าแก่ คร่ำคร่าอันระเกะระกะไม่เป็นระเบียบอยู่ในวัดมากมาย เฉพาะอย่างยิ่งอยู่แถวมุมโบสถ์ด้านเหนือและด้านตะวันตกทำให้วัดคับแคบลงมาก จากธาตุเจดีย์เก่า ๆ ถ้าหากว่ารื้ออกแล้ว บริเวณวัดก็จะโล่งกว้างขวางขึ้นหลังจากนั้นก็มีการรื้อถอนพระธาตุเล็ก พระธาตุน้อยออก แล้วสร้างพระธาตุนครขึ้นมาใหม่
ในการกาสร้างพระธาตุเจดีย์นี้ ในส่วนที่เป็นลวดลายอันวิจิตรบรรจงตระการตาตลอดจนถึงทรวดทรงขนาดและสัดส่วนนั้น เป็นฝีมือของญาท่าวบุ บ้านหว้านใหญ่ อำเภอมุกดาหาร และญาท่าวม้าว บ้านเสาเล้า อำเภอท่าอุเทน
หลักฐาน พระธาตุนคร มีลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 5.85 เมตร สูง 24.00 เมตร มีรูปร่างตามแบบพระธาตุพนมองค์เดิม รูปทรงตั้งบนฐานใหญ่ 2 ฐานต่อลดหลั่นกันตามลำดับ แต่ละฐานมีรูปประตูอยู่ตรงกลางบนประตูเป็นรูปคล้ายบัวบาน มีรูปและลายต่าง ๆ ข้างประตูทำเป็นเครือไม้ดอกไม้ผล รูปพระราชาทรงช้างทรงม้า ต่อจากฐานใหญ่ทั้ง 2 ขึ้นไปแล้วก็มีลักษณะแหลมเรียวขึ้นไปตามลำดับ ตอนกลางในด้านทั้ง 4 วิจิตรไปด้วยหมู่ดาวกระจาย( ดอกกระจับ) ทำเป็นมุมเล็กเรียวขึ้นไปอีก แล้วทำเป็นรูปลักษณ์คล้ายกลีบบัวอีก ที่ยอดสุดก็คล้ายดอกบัวตูม ต่อจากนี้จึงเป็นฉัตรทองแดงเหลือง 7 ชั้น ยอดฉัตรนี้มีลูกแก้วเจียวไน 1 ดวง อยู่สูงสุดยอด
ฐานมีกำแพงล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน มีซุ้มประตูอยู่ตรงกลางทุกด้าน เหนือซุ้มประตูมีรูปปั้นเทพนั่งขัดสมาธิประนมมือ (เทพพนม) ซึ่งเป็นเทพมเหศักดิ์พิทักษ์รักษาองค์พระธาตุที่มุมกำแพงมีเสาสูงขึ้นแล้ว ทำเป็นดอกบัวตูมบนยอดเสาภายในกำแพงกว้างด้านละ 13.30 เมตร นอกกำแพงมีธาตุดูกล้อมอีกชั้นหนึ่ง บนธาตุนั้นเป็นที่สำหรับวางดอกไม้ ธูปเทียนในคราวมีงานพิธีต่าง ๆ
พระธาตุเจดีย์องค์นี้ ก่อสร้างเสร็จสิ้นลงในวันเพ็ญเดือนของปี พ.ศ. 2465 จึงได้มีการกำหนดวันที่จะทำการฉลอง เพื่อบรรจุพระอรหันตสารีริกธาตุ พร้อมกับองค์พระพุทธรูปทองคำและเงินบรรจุผอบไม้จันทร์แดงที่ได้มาจากพระธาตุเจดีย์องค์เดิมนั้นเอง ทั้งยังได้เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสได้นำเครื่องรางของขลัง ครุฑ ขอ นอ งา ตระกรุดหรือเพชรนิลจินดาเงินทองตลอดจนพระพุทธรูปเก่าแก่ และของมีค่าอื่นใดที่พระสงฆ์จะนำเข้าบรรจุไว้ก็ย่อมกระทำได้ แล้วตกลงพร้อมกั่นกำหนดวันจัดงานฉลองสมโภชขึ้นในวันขึ้น 13 ค่ำ ถึง วันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 ปี พ.ศ. 2465 ส่วนงานฉลองสมโภชซึ่งถือเป็นงานประจำปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกๆ ปี
อายุ ราว 70 – 80 ปี

ข้อมูลจาก

 

จากนั้นประมาณเก้าโมงกว่าก็ทำธุระส่วนตัวแล้วเดินทางต่ออ่ะ ไปพระธาตุท่าอุเทน อยู่ที่อำเภอท่าอุเทน เป็นพระธาตุประจำวันศุกร์ ^^ ประจำวันเกิดเค๊าเองไม่ไปได้ไงอ่ะ ขับออกจากตัวเมืองก็ตรงไปเลยน๊า ขับๆไปเจอพี่ควาย พี่วัวเดินข้ามถนนด้วย น่ารักดีอ่ะ แต่จอดรถถ่ายรูปไม่ได้เพราะเส้นนี้รถบรรทุกเยอะแหะ แล้วก็แซงรถบรรทุกไปเรื่อยๆจนถึงทางเข้าที่เขียนบอกว่าไปวัดพระธาตุท่าอุเทน ก็ขับไปเลยน๊า แบบประมาณมองวิวข้างหน้าไปด้วย แต่ลืมมองป้ายบอกทางเข้าวัดท่าอุเเทน ^^" เลยวัดอีกแล้ว แหะๆๆ ต้องจอดรถข้างทางแล้วกลับรถย้อนมาหน่อยหนึ่งอ่ะ จากนั้นก็เข้าไปในวัด บรรยากาศสงบดี มองไปอีกฝั่งเป็นประเทศลาวด้วยนะตรงข้ามกับวัดเลย หน้าวัดร่มรื่นมากอ่ะ (ลืมถ่ายรูปมาให้ดู _ _") แต่ที่วัดพระธาตุท่าอุเทน ผู้หญิงเค๊าไม่ให้เดินเข้าไปวงรอบด้านในน๊า จะให้เดินแต่ข้างนอก ผู้ชายเดินเข้าไปได้ ก็ไปกราบไหว้ขอพรพระธาตุเลย
ลืมบอกที่ไปพระธาตุให้ครบทุกที่เนี้ย เค๊าทำบุญเผื่อพี่ๆเพื่อนๆทุกคนเลยน๊า ขอให้คุ้มครองปกปักษ์รักษาพี่ๆเพื่อนๆเค๊าด้วยอ่ะ



ฝนจะตกอีกแล้ว ต้องรีบหน่อยอ่ะ กลัวเปียก ร่มอยู่ในรถด้วยไม่ได้เอาลงมา



สวยไหมเนี้ย พระธาตุประจำวันเกิดเค๊าเลยน๊า

 

ประวัติวัดท่าอุเทน

พระธาตุท่าอุเทน
ที่ตั้ง วัดพระธาตุท่าอุเทน ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
ประวัติ ตามประวัติที่จารึกไว้ที่กิแพงพระธาตุกล่าว ท่านอกจารย์สีทัตถ์ ได้เป็นหัวหน้า ชักชวนพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาร่วมกัน ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454ใช้เวลาทั้งสิ้น 6 ปีจึงแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2549
หลักฐาน พระธาตุท่าอุเทนมีลักษณะเป็นเจดีก่ออิฐถือปูนรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งจำลองมาจากพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็กและสูงกว่าพระธาตุพนม บริเวณฐานและชั้นเรือน ธาตุมีลายปูนปั้นงดงาม ภายในองค์พระธาตุมี 2 ชั้น ชั้นแรกก่อเป็นอุโมงค์บรรจุพระพุทธสารีริกธาตุ ซึ่งท่านอาจารย์สีทัตถ์อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ่ง ประเทศพม่า รวมทั้งมีพระพุทธรูปและของมีค่าต่าง ๆที่ผู้มีจิตศรัทธาได้นำมาบรรจุไว้ด้วย ขั้น 2 ก่อครอบอุโมงค์ สูงประมาณ 5 วา ถัดมาเป็นพระธาตุองค์นอกในปี พ.ศ. 2540 ส่วนซุ้มประตุฐานชั้นล่างขององค์พระธาตุด้านทิศใต้ได้พังทลายลง กรมศิลปากรจึงได้ทำการบุรณะขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541 พร้อมทั้งได้ทำการเสริมคานคอนกรีตภายใน เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงเป็นการป้องกันองค์พระธาตุพังทลายด้วย
อายุ สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2454 - พ.ศ. 2459

ที่มาข้อมูล

 

ต่อจากวัดพระธาตุท่าอุเทน ก็ขับรถไปวัดพระธาตุประสิทธิ์ แต่ก่อนไปเห็นทางเขียนว่าให้ไปดูแม่น้ำสองสีอ่ะ ด้วยความอยากรู้ก็ขับรถไป ขับวนไปวนมาหาทางเข้าไม่เจอแล้วก็ไปเจอป้ายเขียนว่าสุดแดนไทย อิอิ จากนั้นจอดรถไว้ตรงศาลาหน้าป้าย ถามคนแถวนั้นอ่ะว่าแม่น้ำสองสีอยู่ตรงไหน



หลังจากนั้นก็เดินไปดู แต่เนื่องจากฝนตกหนักอ่ะเมื่อคืน เลยอดดูเห็นแต่น้ำที่เป็นสีแม่น้ำโขง 5555+ เค๊าบอกกันว่าตรงจุดนี้เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำโขงกับแม่น้ำสงคราม





เสียดายอ่ะ _ _" อุตส่าห์ขับรถตั้งไกล วนหาอยู่นานเลยกว่าจะเจอ เวลาไปดูต้องไปที่ร้านอาหารปากน้ำน๊า เพราะตั้งอยู่ตรงจุดที่ดูแม่น้ำสองสีได้พอดีเลย



แม่น้ำสองสีตั้งอยู่ที่ตำบลไชยบุรี ห่างจากอำเภอท่าอุเทน 18 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำซึ่งเกิดขึ้นจากการที่แม่น้ำสงคราม ที่มีสีเขียวไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำโขงที่มีสีปูนที่บริเวณปากน้ำไชยบุรี นับเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจ สามารถเดินทางไปชมได้โดยสะดวกตลอดปี

 

แม่น้ำสองสีนี่อยู่ที่โขงเจียม ไม่ใช่เหรอ?? ที่นครพนม มีด้วยเหรอ??..
ไม่เคยได้ยินอ่ะจ๊ะ..

ไปสุดชายแดนไทยที่มุกดาหารแน่ ๆ เลย..ช่ายป่าวเนี่ยะ..

 

สุดแดนไทยไชยบุรีอ่ะ นครพนม ไม่ใช่มุกดาหาร _ _" ขับวนไปมาอยู่ในนครพนมยังไม่ได้ไปไหนเลย อิอิ ไม่ใช่มุกดาหารซะหน่อย