พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ในวันนั้น ผมจะเปิดให้ร่วมทำบุญ ค่าน้ำ , ค่าไฟ กับท่านอาจารย์ประถม และ ค่าอาหาร กับท่านที่นำอาหารมาเลี้ยงผู้ที่มาร่วมงานล้างพระ


    หากท่านใดจะซื้อผลไม้ หรือ ของหวาน มาถวายหลวงปู่ ก็ขอเชิญนะครับ

    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับ "พระวังหน้า" ในกระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... และ กระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วงการซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระพิมพ์(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่พระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 10-100.JPG
      10-100.JPG
      ขนาดไฟล์:
      152.5 KB
      เปิดดู:
      69
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีผู้ที่ตรวจสอบพลังอิทธิคุณได้

    ได้ลองตรวจสอบธนบัตรนำโชค

    แล้วแจ้งผมมาว่า ของที่อื่น ลักษณะเหมือนกับเดินเล่น

    แต่ธนบัตรนำโชค ลักษณะเหมือนวิ่งมาราธอน ครับ

    จะไม่เหมือนกับวิ่งมาราธอนได้อย่างไร เมื่อองค์ผู้อธิษฐานจิต เป็นพระภิกษุ ผู้ที่ไม่กลับมาเกิดแล้ว

    ขอกราบขอบพระคุณ พระภิกษุผู้ที่ไม่กลับมาเกิดแล้ว และพี่ใหญ่ เป็นอย่างสูงครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันนี้ คุณNatachai และผม ได้เป็นตัวแทนคณะกองทุนหาพระถวายวัด อัญเชิญพระบูชา หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า ปางภัตตกิจ หน้าตัก 9" และพระพิมพ์ของวังหน้า จำนวน 1,000 องค์ ไปถวายท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ

    ท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ ได้ร่วมทำบุญกับกองทุนหาพระถวายวัด จำนวน 30,000 บาท

    มาโมทนาบุญกับท่านเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ และคณะกองทุนหาพระถวายวัดกันครับ

    ผมได้นำรูปของพระอุโบสถ ที่กำลังบูรณะ มาฝากทุกๆท่าน และขอเชิญชวนทุกๆท่าน ไปร่วมทำบุญบูรณะพระอุโบสถกันครับ

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    สำหรับเมื่อวานนี้ ผมยังได้ร่วมทำบุญ กระเบื้องหลังคา พระอุโบสถ , ชำระค่าน้ำ-ไฟ และ ชำระหนี้สงฆ์ด้วย

    มาโมทนาบุญร่วมกันครับ


    .
     
  7. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    โมทนาสาธุอีก หลายๆรอบเด๊อ

    ผมไม่ค่อยขาดเรื่องชำระหนี้สงฆ์ ตั้งแต่รู้จักกับพี่หนุ่ม 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2010
  8. โชคชัยชนะ

    โชคชัยชนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +148
    "นมควาย" คุณค่าจากควายส่งถึงคน


    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์​



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>

    [​IMG]
    บรรยากาศของมูร่าห์ฟาร์ม​



    สำหรับคนไทยแล้ว มีน้อยคนนักที่จะรู้จักถึงคุณประโยชน์ที่มากมายของนมควาย ซึ่งต่างจากในหลายประเทศที่มีการเลี้ยงและดื่มนมควายกันมานานแล้ว แต่ในปัจจุบันนมควายเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกทั้งยังมีการริเริ่มทำฟาร์มควายนมขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ "มูร่าห์ ฟาร์ม" จ.ฉะเชิงเทรา​



    มูร่าห์ ฟาร์ม ก่อตั้งโดย คุณรัญจวน เฮงตระกูลสิน ผู้ซึ่งเคยคลุกคลีอยู่ในวงการอุตสาหกรรมฟอกหนังของไทย ที่รับรู้ถึงวิกฤติในเรื่องของวัตถุดิบที่ใช้ฟอกหนัง ซึ่งต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทำให้เกิดความคิดที่จะเลี้ยงควายเพื่อทำเป็นวัตถุดิบในการฟอกหนัง​



    "เดิมที ดิฉันอยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับโรงฟอกหนัง ก็จะรู้ความวิกฤตของภาคอุตสาหกรรมฟอกหนังที่เราไม่มีวัตถุดิบใช้เอง ศักยภาพในการแข่งขันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ดิฉันก็คิดไปว่า ถ้าเราผันตัวเองมาทำปศุสัตว์ คือมาอยู่ในภาคการผลิตวัตถุดิบ จะได้มีหนังมาผลิตใช้เอง ตอนแรกก็ตัดสินใจอยู่ว่าจะเลี้ยงวัวหรือควายดี แต่สุดท้ายก็มาจบที่ควาย"​




    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>

    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450></TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รัญจวน เฮงตระกูลสิน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จากความคิดเริ่มต้น ก็นำไปสู่การเสาะหาความรู้เรื่องฟาร์มควาย ซึ่งในตอนแรกนั้น คุณรัญจวนบอกว่า ไม่รู้เลยว่าควายมีนมให้เรากินได้ด้วย เพราะนึกถึงแต่การเลี้ยงควายขุนเพื่อทำเนื้อ จนกระทั่งได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานในหลายๆ ประเทศ จึงได้รับรู้ข้อมูลเรื่องควายนม​



    "มีโอกาสเดินทางไปในหลายๆ ประเทศที่เขาเลี้ยงควายกันเป็นกิจจะลักษณะ อย่างที่ประเทศอิตาลี ไปที่เมืองทางตอน ได้เข้าไปดูในฟาร์มที่เขาเลี้ยงควายกัน ก็มีระบบการจัดการ มีเครื่องไม้เครื่องมือครบถ้วน พอรีดนมเสร็จเขาก็จะเอาไปทำชีส ชีสที่เขาผลิตกันในอิตาลีก็คือมอสซาเรลล่าชีสสด ซึ่งคนอิตาลีนิยมมาก แล้วก็ส่งออกด้วย"​



    หลังจากมีข้อมูลแล้ว คุณรัญจวนก็ริเริ่มมูร่าห์ฟาร์มแห่งนี้ขึ้น เมื่อปี 2546 โดยแรกเริ่มนั้นมีการนำเข้าควายพันธุ์มูร่าห์เข้ามาจากประเทศอินเดียประมาณ 40 กว่าตัว นำมาเลี้ยงที่ฉะเชิงเทรารวมกับควายไทยที่มีอยู่ก่อนแล้วกว่า 20 ตัว​




    [​IMG]



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สำหรับควายพันธุ์มูร่าห์ เป็นควายสายพันธุ์นม ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ลักษณะเด่นเป็นควายสีดำเข้ม หน้าผากนูน เขาสั้น และบิดม้วนงอ ชอบอยู่ในน้ำ ไม่ชอบอยู่ในปลักเหมือนควายไทย ควายพันธุ์มูร่าห์สามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพอากาศในประเทศไทย จึงไม่มีปัญหาในการดูแลมากนัก


    ส่วนเรื่องการเลี้ยงควาย คุณรัญจวนเล่าว่า "การเลี้ยงควายต้องมีการจัดการที่ดี มีแปลงหญ้า มีน้ำ สภาพที่ดินบริเวณนี้เป็นที่ราบหุบเขา มีสูงมีต่ำ แหล่งน้ำธรรมชาติก็มีอยู่บ้าง แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องมาขุดเอาเอง เพราะต้องการให้มีน้ำกระจายทั่วถึงในทุกคอก ส่วนตอนนี้ก็เริ่มให้ควายกินต้นข้าวโพดฝักอ่อนแทนหญ้า เนื่องจากมีโปรตีนสูงกว่า และมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวใกล้เคียงกันคือ 50 วัน ที่สำคัญเราก็จะมีรายได้จากการขายข้าวโพดฝักอ่อนด้วย ทำให้มีประโยชน์สองต่อคือต้นเป็นอาหารควาย ส่วนฝักอ่อนข้าวโพดก็ขายได้ด้วย"​



    [​IMG]
    ควายสายพันธุ์ไทย​



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"งานที่ยากกว่าการขยายพันธุ์ควาย ก็คือ การทำให้ควายตั้งท้อง วงจรของควาย เกิดมาก็กินนมแม่ไป 6-7 เดือน หลังจากนั้นก็กินหญ้า ในตัวที่ถือว่าเป็นสาวเร็วก็อยู่ที่ประมาณ 3 ปี สมมติว่า 3 ปีแล้วท้องได้เลย ก็ตั้งท้องไปอีก 11 เดือน นับรวมกันแล้วก็ประมาณ 4 ปีถึงจะให้นมได้ ส่วนถ้าเป็นตัวผู้ถ้าเป็นตัวที่สายพันธุ์ดี ก็เก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์ ถ้าไม่ได้มาตรฐานก็เอาไว้ขายออกเป็นตัว"


    หลังเริ่มทำฟาร์มไปได้ 2-3 ปี ควายที่เลี้ยงไว้ก็เริ่มให้น้ำนม ซึ่งในช่วงปีแรกนั้น น้ำนมจากแม่ควายยังได้ไม่พอที่จะเลี้ยงลูกควาย เนื่องจากยังรีดนมไม่เป็น จากนั้นเริ่มศึกษาตำราเกี่ยวกับการจัดการวัวนม เพราะบ้านเรายังไม่มีหนังสือเกี่ยวกับควายนม พร้อมๆ กับการปรึกษาผู้รู้ จนผ่านไปได้สักระยะ น้ำนมควายก็เริ่มเหลือ เริ่มนำมาใช้กันในฟาร์ม แต่ยังไม่ได้นำออกมาขาย​



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>
    [​IMG]




    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขั้นตอนการทำมอสซาเรลลาชีสสด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อน้ำนมเริ่มเหลือมากขึ้น จึงได้มีการวางแผนที่จะนำนมควายออกมาวางขายภายนอก โดยที่คุณรัญจวนได้ส่งลูกสาว (ชาริณี ชัยยศลาภ) ไปดูงานที่ประเทศอิตาลี เพื่อศึกษากระบวนการทำชีสจากนมควาย จากนั้นก็กลับมาทดลองทำที่ฟาร์ม จนกระทั่งได้เปิดร้านขายผลิตภัณฑ์จากนมควาย ภายใต้ชื่อ "มูร่าห์เฮ้าส์ (Murrah House)" อยู่ในหมู่บ้านสัมมากร ซอยรามคำแหง 112 โดยเปิดเป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน ที่มีเมนูที่ผลิตจากชีส และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากนมควาย รวมถึงนมควายสดที่ส่งตรงจากฟาร์มทุกวัน


    จุดเด่นของน้ำนมควาย อยู่ที่มีสารอาหารสูงกว่านมวัว ทั้งโปรตีน ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินเอ รวมถึง มีสีขาวเนียนชวนดื่ม อีกทั้งยังไม่มีกลิ่นคาว ดื่มง่ายกว่านมแพะ และ Butter Fat ในนมควายก็มากเป็นสองเท่าของนมวัว ในขณะที่ค่าคลอเลสเตอรอลต่ำกว่า นอกจากนั้น ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ และยังเหมาะสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสในน้ำนมวัวอีกด้วย​



    ส่วนเรื่องของชีส คุณรัญจวนอธิบายคร่าวๆ ว่า "ชีสคือส่วนของโปรตีนที่อยู่ในน้ำนม ซึ่งในน้ำนมประกอบไปด้วยของเหลวรวมกับของแข็ง หลักการทำชีสง่ายๆก็คือ ทำให้ของแข็งและของเหลวในน้ำนมแยกออกจากกัน แล้วเราก็เอาของแข็งมาทำชีส ส่วนที่เรียกว่าเป็นของแข็งจะมีไขมันและสารอาหารทั้งหมด เพราะฉะนั้นการกินชีสก็คือการกินอาหารที่มีประโยชน์มากๆ"​



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>
    [​IMG]




    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มอสซาเรลลาชีสสดที่เสร็จแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขั้นตอนการทำมอสซาเรลล่าชีสสดจากนมควาย เริ่มจากการนำน้ำนมควายมาใส่หัวเชื้อให้ผ่านกระบวนการหมักประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นใส่เรนเนท ซึ่งเป็นกรดที่สกัดได้มาจากกระเพาะของลูกวัว เมื่อเรนเนทเข้าไปอยู่ในตัวนมจะเกิดการจับเป็นก้อน คล้ายกับการใส่วุ้นเข้าไปในน้ำ จากนั้นกรองตัวเนื้อที่จับเป็นก้อนขึ้นมาพักไว้ให้คลายน้ำออกนำก้อนชีสที่ได้มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมนำเข้าสู่กระบวนการผ่านน้ำร้อน เพื่อให้ได้ชีสที่มีความยืด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมอสซาเรลลาชีส​



    ในส่วนของน้ำร้อนที่นำมาใช้นั้น อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 95 องศาเซลเซียส นำชีสที่ได้เมื่อสักครู่ลงไปกวนกับน้ำร้อน เพื่อให้โมเลกุลของโปรตีนเกาะกัน เกิดการหลอมรวมกันเป็นก้อนอีกครั้ง ถ้าคนกวนไม่มีทักษะเนื้อสัมผัสของชีสที่ได้ก็จะแห้ง เนื้อหยาบ แต่ถ้ากวนนานเกินไป ตัวชีสก็จะเริ่มละลายไปกับน้ำ ปริมาณที่ได้ก็จะน้อยลง ซึ่งหลังจากได้เป็นเนื้อชีสแล้วก็นำมาปั้นให้เป็นก้อนในตามที่ต้องการ ชีสที่ได้ต้องเก็บรักษาในน้ำเกลือที่มีส่วนผสมของนมอยู่เล็กน้อยเพื่อช่วยรักษารสชาติ​



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>
    [​IMG]




    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>อาหารที่ทำจากมอสซาเรลลาชีสสดจากนมควาย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับในช่วงแรกที่มีการผลิตมอสซาเรลลาชีสนั้น ยังไม่เป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้าเท่าไหร่นัก เนื่องจากเนื้อชีสมีคุณภาพในการยืดตัวต่ำ รวมถึงมีเนื้อสัมผัสที่แห้งและกระด้าง แต่ทางฟาร์มก็ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย (สกว.) ช่วยสนับสนุนโครงการวิจัยและพัฒนา "การปรับปรุงคุณภาพเนื้อสัมผัสเนยแข็งมอสซาเรลลาจาน้ำนมกระบือ" ที่มี รศ. ดร.วรรณา ตั้งเจริญชัย คณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นหัวหน้าโครงการ


    โดยมีการควบคุมปัจจัยที่เหมาะสมในกระบวนการผลิต เช่น ความเป็นกรดด่าง องค์ประกอบของน้ำนม อุณหภูมิของน้ำร้อนที่ใช้ จนทำให้ได้มอสซาเรลลาชีสที่มีคุณภาพ สามารถส่งออกขาย และมียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น​



    โครงการในอนาคตของทางฟาร์ม อาจจะพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อมาเรียนรู้ชีวิตของควายนม รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ในฟาร์ม ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็ได้เปิดให้เป็นสถานที่ศึกษาดูงาน โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอเข้ามาเยี่ยมชมได้​



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>
    [​IMG]




    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภายในโรงเลี้ยง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>นอกจากนี้ คุณรัญจวนยังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า "เป้าหมายสูงสุดของดิฉันก็คือ จะสร้างลูกฟาร์ม แล้วลดบทบาทที่นี่ให้เป็นศูนย์รับซื้อนม หรือศูนย์รับซื้อและแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มาจากควาย ในเรื่องของการเลี้ยงก็เป็นการกระจายงานไปให้ฟาร์มลูก ซึ่งก็เป็นการสร้างงานให้กับชาวบ้านไปด้วย"


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *​



    มูร่าห์ ฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ ต.หนองไม้แก่น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชม หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ โทร. 08-6777-4515, 08-1838-2425
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2010
  9. sittiporn.s

    sittiporn.s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +748

    ตอบใน G-MAILแล้วนะครับพร้อมทั้ง CC. คุณสมบัติกันพลาดไว้อีกคน
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สมัยผมเรียนอยู่ ป.6 - ป.7 กินทุกวัน

    น้องชายผมกินจนกระทั่ง กลิ่นตัว มีสาบควาย

    คุณแม่ก็เลยให้เลิกกินครับ

    แต่ตอนนี้ น่าจะมีการพัฒนารูปแบบให้ดีกว่าเมื่อก่อน

    เมื่อก่อน เขารีดนมควาย แล้วนำมาใส่ขวดต้ม เท่านั้นครับ
    .
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เรื่องราว"อภิญญา" หากบอกเล่ามากเกินไป เกรงว่า จะเป็นภัยกับผู้เข้าไม่ถึงอภิญญา ดังที่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ปาน เคยกล่าวกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำเอาไว้ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว และหลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก จึงอยู่ป่า ส่วนหลวงพ่อฤาษีลิงดำอยู่เมือง

    พระอภิญญา

    ปีนั้นเป็นปีครบรอบที่ หลวงพ่อปาน บอกว่า "ถ้าแกบวชครบ ๒๐ พรรษา จะต้องออกจากวัด" ท่านไล่ไว้ตั้งแต่วันบวชแล้ว ไม่ใช่มาไล่ทีหลังหรอก ตอนบวชใหม่ ๆ ท่านสั่งสององค์นั่นบอกว่า
    "ไอ้ ๒ ตัวนี่ ๑๐ พรรษาต้องเข้าป่าไป แล้วห้ามเข้าเมืองจนกว่าจะตาย ไอ้ตัวนี้ ๒๐ พรรษา ต้องออกจากวัด แต่เข้าป่าไม่ได้นะ เป็นหนี้เขามาก..."

    ไอ้เราก็นึก "เอ๊! เป็นหนี้ใครมาละหว่า...เกิดมาชาตินี้ก็ไม่ได้ยืมสตางค์ใคร มีแต่ขโมยสตางค์แม่ ขโมยสตางค์ยาย เราไม่ได้ยืมนี่ เราขโมยต่างหาก แปลก!..."
    ก็เป็นอันว่า ๒ องค์นั้น ๑๐ พรรษาเขาเข้าป่าตามคำสั่ง เขาบอกศาลาเลย นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป การเข้ากลุ่มชนจะไม่มีสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ใช่ของแปลก เพราะเขาเป็น"พระอภิญญา" ใช่ไหม อภิญญาก็ครบหกเสียด้วย ไม่ใช่ห้า สำหรับพระอภิญญาไปอยู่ป่านี่ ถ้าจะถามว่ามิต้องไปสร้างกุฏิอยู่เรอะ! ก็ตอบได้ว่าจะต้องสร้างอะไรกับมัน ฝนตกมันก็บอกว่า ไปตกที่อื่นเถอะ! ที่กูห้ามตกนะ มันก็ไม่ตก ตกได้รอบ ๆ ตัว แต่ที่ตัวเขาไม่ตกหรอก อากาศหนาว บอกแกไปหนาวที่อื่นตัวข้าห้ามหนาว มันก็ไม่หนาวใช่ไหม มันเรื่องเล็ก ๆ น่ะ แล้วไอ้หมอ ๒ คนมันก็ขยันซน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก

    เมื่อปีที่แล้วไปที่ป่าสุโขทัย คุณอ๋อยไปด้วย ไปกับท่านหญิงวิภาวดีด้วย แหม..มันหนาวจับใจ ความจริงหนาวต้องคิดทีเดียว ไอ้ผ้าที่ติดตัวไปมันก็น้อย แต่คิดว่าหนาวก็หนาว อยากตายให้มันตายไป ขี้เกียจหนาว พอดึกขึ้นมามันก็หนาวขึ้นทุกที ลุกขึ้นมานึกว่า เอ..มันจะหนาวไปถึงไหนหว่า..พักหนาวเสียทีเถอะ! มันก็เบาหนาว พอเบาหนาวเจ้า ๒ ตัว เอ้ย! ๒ องค์ แต่ไม่เป็นไร พวกเดียวกัน พวกโยมล่ะอย่าไปเรียกเข้านา คนละพวก เจ้า ๒ ตัวเขาโผล่มาก็ถามว่า "เฮ้ย! มึงมาทำไมวะ?" เขาตอบว่า "กูมาเที่ยวส่ง" ถามว่า "เอ..มากี่ตัววะ?" เขาบอกว่า "กู ๒ ตัว แล้วอยู่ข้างนอกอีก ๕ ตัว"

    เป็นอันว่า "พระอภิญญา" ของเรานี้ เวลานี้ในป่ามีเยอะ เขาบอกว่า "เวลานี้มา ๗ องค์ด้วยกัน" ไอ้ที่ไปพักน่ะมันเป็นที่ระหว่างวงเขาล้อมแคบ ๆ นะ บริเวณนั้นก็จะมีเนื้อที่สัก ๑,๐๐๐ ไร่ นอกนั้นเป็นเขาล้อมหมด ถามว่า "อีก ๕ องค์อยู่ไหน?" เขาตอบว่า "อยู่บนยอดเขาริม ๆ " ถามว่า "หนาวไหม?" เขาบอก "ฮึ! เรื่องหนาวเรื่องร้อนเรื่องเล็ก เราอยากหนาวมากมันก็หนาวมาก เราอยากหนาวน้อยมันก็หนาวน้อย อยากร้อนมากก็ร้อนมาก" เขาก็เบ่งส่งเดช แต่เบ่งได้เสียด้วยซิ

    เป็นอันว่า เขาก็มานั่งคุย คุยไปคุยมา ถามว่า "อยู่ในป่าเป็นสุขไหม?" เขาว่า "ในป่าดีกว่าในเมือง" ถามต่อไปว่า "แกเข้าเมืองบ้างหรือเปล่า?" ตอบว่า "ตอนนี้ไปบ่อยโว้ย!" ถามว่า "ไปคนเดียวรึ หรือว่า ๒ องค์?" เขาบอกว่า "ไม่ใช่หรอก.." ถามอีกว่า "ในป่ามีเท่าไหร่ล่ะ? ไอ้พวกลิง ๆ แบบนี้น่ะ" ตอบว่า "เยอะ! หลายตัว" คณะเขาที่ตั้งกลุ่มกันอยู่ประมาณสัก ๓๐ ตัวกว่า พวกลิงนะ ไอ้ที่เขาไม่ลิงต่างหาก คือ พวกลิงหมายความว่าพวกซนเล่นอภิญญามีเยอะนะ แต่พวกนี้เข้ามาในเมืองไม่ได้นะ ถ้าเขามาล่ะ พวกเราตกนรกกันเป็นแถว ถ้าเข้ามาประจันหน้ากับคนนะ ดีไม่ดีเข้ามาแบบนี้ เดี๋ยวทำพระพุทธลอยเล่น หรือนั่งเอาหัวลงเอาก้นขึ้นเสียแล้ว เราเห็นก็จะว่า เอ..พระองค์นี้เล่นกลนี่หว่า บ้า ๆ บอ ๆ เสร็จเลยเรา ๕๐๐ ชาติ ว่าท่านบ้า ๆ บอ ๆ เราก็ไปจวกบ้าเสีย ๕๐๐ ชาติ นี่เขาต้องหลบเพราะเหตุนี้นะ ท่านที่ทรงอภิญญาจริง ๆ แล้วก็ชอบซนนี่ แต่อภิญญาที่ไม่ซนเขามีอยู่ อภิญญาที่ไม่ซนและสู้หน้าคนเขามีอยู่ ถ้าอภิญญาซนนี่ต้องเข้าป่าหมด...

    ท่านบอกว่า เข้ามาในเมืองบ่อย เพราะเวลานี้เข้ามาบ่อยได้ ที่เข้ามาบ่อยได้เพราะอะไร เพราะจิตใจของบุคคลที่รักพระนิพพานมีมากขึ้น แต่ว่าลักษณะการมาของเขาน่ะ พวกเราไม่รู้หรอก แล้วแต่เขาชอบใจใคร บางทีพระเดินบิณฑบาตเขาก็เดินตามมาเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ถ้าเรามีโอกาสใส่บาตรเขาหน่อย ก็รู้สึกมีคุณค่ามาก เพราะถ้าเขามาเขาต้องทรงอภิญญา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเป็นพระอรหันต์ด้วย

    เวลาจะเข้าอภิญญาสมาบัติ สมาบัติมันต้องเต็มที่ ถ้าไม่เต็มที่มันมาเร็วไม่ได้ เพียงแค่ลัดนิ้วมือเดียวมันช้าไป ช้ากว่า ตามพระบาลีบอกว่า "แค่ลัดนิ้วมือเดียว" ไม่รู้จะเอาอะไรเร็วกว่านั้นใช่ไหม แต่เนื้อแท้แล้วทำจริงเร็วกว่านั้นมาก นี่ก็ชื่อว่าเป็นบุญของบรรดาประชาชนที่พระอภิญญาในป่าเข้ามาเยี่ยมบ่อย ๆ แต่ทว่าเราจะรู้จักท่านไม่ได้ นอกจากว่าท่านจะแสดงอะไรสักอย่างหนึ่ง

    อย่างคุณหมอนั่น ที่ว่าแกเห็นนั่นน่ะใช่ ที่ว่ามาบิณฑบาตอยู่ดี ๆ พอเปิดจีวรก็บาตรลูกเบ้อเริ่มเลย แกก็สงสัยว่าพระองค์นี้ทำไมบาตรโต ไอ้เวลาเดินมาเห็นเท่าธรรมดานะ แต่เวลาใส่บาตรแล้วบาตรใหญ่ พอใส่บาตรแล้วเงยหน้าขึ้นมาเจอะกัน

    ท่านบอกว่า "โยม! ขอกระติกน้ำร้อนลูกหนึ่ง" แน่ะ! อันเสือกขอเอาด้วย พระนี่ไม่ใช่ญาติไม่ได้ปวารณาไว้นี่เขาห้ามขอนะ ถ้าขอเป็นอาบัติ แกก็รับว่าครับ วันนั้นเป็นวันเสาร์ แกเลยบอกว่าวันจันทร์นิมนต์มารับ พอกลับมาจากใส่บาตร แกก็ให้ลูกชายไปซื้อกระติกน้ำร้อน พอลูกชายไปแล้วแกก็นึกในใจว่า ถ้าพระองค์นี้เป็นพระควรแก่การบูชา พระดี ก็ขอให้ลูกชายได้กระติกสีเขียวมา เพราะแกชอบสีเขียว อ้อ..คุณหมออุดม ถ้าหากเป็นพระธรรมดาขอให้ได้สีอื่น พอลูกชายเอากระติกน้ำร้อนมาก็กลายเป็นสีเขียวจริง ๆ แกบอกว่าไม่ได้ตั้งจิตบังคับลูกชายหรอก แต่คิดว่าพระองค์นี้สำคัญ

    พอวันจันทร์ แกก็เตรียมเครื่องใส่บาตรเป็นกรณีพิเศษสำหรับใส่บาตร ปกติแกก็ให้คนอื่นใส่ แกเองไม่ใส่ คอยนั่งจ้อง เอาน้ำร้อนน้ำชาใส่กระติกเสร็จ จัดอาหารเป็นกรณีพิเศษนั่งคอยจนพระบิณฑบาตหมด ก็ไม่เห็นพระองค์นั้นมา แกคอยจ้องดูกลัวจะจำไม่ได้ เดี๋ยวท่านจะผ่านไปโดยไม่เห็น แกก็คิดว่า ถ้า ๘ โมงเช้าแล้วไม่มาก็เป็นอันไม่มาแน่ ก้มลงมองดูนาฬิกา ๘ โมง พออยากจะลุกก็โผล่ถึงพอดี แกก็เลยถวายของไป ถวายกระติกน้ำไป

    พอต่อมา หมออุดมมาเล่าให้ฟังก็นึกในใจว่า ไอ้เสือนี่มาเล่นเขาเข้าแล้ว ตกกลางคืนพบกับเขาก็ถามว่า "นี่..แกไปหลอกเขาหรือ?" ตอบว่า "ฮึ! ข้าไม่ได้หลอกนี่หว่า.." ค้านว่า "ไม่ได้หลอกทำไมถึงบาตรใหญ่" ตอบว่า "อ้าว! ถ้าบาตรไม่ใหญ่ก็ไม่สงสัยน่ะซิ!" เออ..เขาไม่ได้หลอก เขาทำให้สงสัย ว่าเขาไม่ได้นะ เลยถามว่า "แล้วแกไปขอกระติกน้ำเขาทำไม? ธรรมดาคนที่ไม่ใช่ญาติไม่ได้ปวารณา แกไปขอเขามาเป็นอาบัติ" เขาก็เถียงว่า "แกรู้เรอะว่าข้าไม่ได้เป็นญาติกับหมอน่ะ!" บอกว่า "จะเป็นญาติยังไง หมอกับแกไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อายุอานามก็ไล่เรียงกัน ถ้าเป็นญาติของแกข้าก็ต้องรู้จัก เพราะว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก" เขาบอกว่า "ชาตินี้ไม่ใช่ญาติ ก็ชาติก่อนเป็นญาตินี่หว่า.." ถามว่า "ทำไม?" แกก็ตอบว่า "เห็นหมออุดมเป็นคนดี มีจิตใจเข้าถึงธรรม" ก็ถามว่า "หมออุดมนี่มีกำลังถึงอรหันต์ไหม?" เขาก็เลยบอกว่า "ถ้าหมออุดมไม่ยั้งตัวก็ถึงอรหันต์" นี่เป็นอันว่า เขามากันบ่อย ๆ

    คราวหนึ่ง อาตมาเขียนไว้ในหนังสือแล้ว ที่ไปพบเขาที่วงเวียนใหญ่ จะไปซื้อยาสักหน่อยหลายปีมาแล้ว กำลังเดิน ๆ อยู่ เจอะนาย ๒ เตื้อเดินมาพอดี ถามว่า "มาทำไม?" แกก็บอกว่า "มาที่กาญจนบุรีมีผู้หญิงคนหนึ่ง แกถามว่าจะไปกรุงเทพฯ ไหม?" ก็เลยบอกว่า มา แกก็ซื้อตั๋วให้เสร็จ แกก็นั่งมาในรถ อีตอนนั้นสงครามโลกเสร็จใหม่ ๆ ตอนกึ่งพุทธกาลใหม่ ๆ นั่นแหละ วิปัสสนาเริ่มเกิดใหม่ เกิดเป็นดอกเห็ดทีเดียว กำลังเฟื่องวิปัสสนากันซิ ตอนนั่งมาในรถแกก็เลยว่า ท่านบวชกี่พรรษา เขาก็ตอบว่า ๓๐ พรรษากว่า ๆ เคยวิปัสสนาไหม? แหม..มดไปถามเอาช้างเข้า แกก็เลยถามกลับไปว่า "โยม! วิปัสสนาเขาทำยังไง?" คือไม่ได้บอกว่าทำหรือไม่ทำ ยายนั่นแกก็เลยนั่งสอนวิปัสสนามาตั้งแต่เมืองกาญจนบุรีจนถึงท่ารถสายใต้ เขาก็บอก "แหม...เดี๋ยวนี้อาจารย์วิปัสสนามันเยอะจังว่ะ!" ถามว่า "ทำไมล่ะ?" ตอบว่า "แหม..ข้านั่งรับการอบรมมาตั้งแต่กาญจนบุรีจนถึงท่ารถสายใต้เลย" แต่คนสนใจธรรมะเขาก็พอใจแล้ว

    ไอ้วันนั้นก็เดินไปเดินมา เวลามันก็จะเพล ถามว่าวันนี้แกจะกินเพลไหมล่ะ? ตอบว่า กิน ถาม กินที่ไหนล่ะ? เขาบอก เดี๋ยว! เดินไปเดินมาก่อนหาที่เหมาะ ๆ ค่อยกิน พอถึงร้านหนึ่งเขาก็ชวนเข้าไป บอกว่ากินร้านนี้แหละ ถามว่า แกมีสตางค์เรอะ! บอกว่า ไม่มีหรอก อ้าว! งั้นกินไงล่ะ...เขาบอก กินส่งไปเถอะ! ไอ้เราก็ไม่แปลก เรามีสตางค์นะ เวลานั้นมีสตางค์ก็ไม่มาก ติดไป ๒๐ บาท เป็นอัตราประจำ วันไหนมีถึงร้อยวันนั้นครึ้มมาก เริ่มงานวัดคราวไหนมีเงิน ๑๐๐ บาทติดตัว ทายกยิ้มแป้นบอกว่า "เฮ้ย! วันนี้มีตั้ง ๑๐๐ โว้ย!..."

    เข้าไปในร้านก็สั่งอาหารตามชอบ ขณะฉันอาหารมีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณสัก ๓๐ แต่งตัวเรียบร้อย หน้าตาดี นั่งอยู่หน้าร้าน พวกเราก็ไม่ได้สนใจ ฉันข้าวกันเรื่อยไป พออิ่มเรียกเจ๊กมาให้คิดเงิน ก็ไม่กี่สตางค์ สักสิบบาทกระมัง ฉันนิด ๆ หน่อย ๆ ฉันไม่มาก ปรากฏว่า เจ๊กบอกว่าไม่ต้องจ่ายหรอก ผู้หญิงคนนั้นเขาจ่ายแล้ว แล้วเขาไปแล้ว เลยถามไอ้สองเตื้อนั่นว่า "เฮ้ย! ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร?" เขาตอบว่า "เป็นแม่กูว่ะ! กูรู้ว่าแม่กูจะมา" ถามว่า "แม่ชาติไหน?" เขาตอบ "ถอยหลังไปสัก ๑๐๐ ชาติได้" เขาตั้งใจมาโปรดแม่เขา ถามว่า "ทำไมต้องพร้อมสาม?" เขาบอกว่า "ต่างก็เคยเป็นลูกกันมา" ส่วนแม่เดี๋ยวนี้ไม่รู้หายไปไหน "แม่" คนนี้อ่อนกว่าฉันหลายปี ตอนนั้นฉันอายุ ๕๐ เศษ แต่แม่อายุ ๓๐

    นี่เรื่องต้องคิด! การเข้ามานี่ไม่ใช่แต่ ๒ องค์นี้ หลาย ๆ องค์เขาก็เข้ามากัน บางคราวเราก็พบไอ้พบนี่มันมีอารมณ์สะดุด สะดุดง่าย คือว่า กระทบแรง แล้วก็ดีใจว่าทุกท่านนี่น่ะสนใจกับสมณธรรมของคนทั้งหมด จะเป็นสำนักไหนก็ตาม เพราะว่าคนที่เข้าไปทุกสำนักนั้นเป็นคนดีทั้งหมด ไม่งั้นเขาจะเข้าไปทำไม เขาอยู่บ้านเขาดีกว่าแต่ผู้สอนจะสอนถึงระดับไหนนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ที่ยกขึ้นมาให้ดูนั้น เพียงเปรียบเทียบให้ฟังว่า สิ่งที่คุณหนุ่มได้บอกเล่าไว้นั้น ท่านอาจจะฟังหูไว้หู เชื่อ หรือไม่เชื่อก็ย่อมได้ แต่หากสิ่งที่บอกเล่านี้เกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ผู้คิดปรามาสก็ไม่พ้นอเวจีอย่างแน่นอน ท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมรู้ และมั่นใจซะทุกอย่าง เชื่อได้หรือ ก็ต้องลองเข้ามาพูดคุย จนได้ระยะเวลาที่เหมาะสม ก็จะถึงเวลาได้พบบุคคลที่ควรได้พบ ได้ฟังเรื่องที่สมควรได้ฟัง จากนั้นท่านก็ตัดสินใจเอา ว่าจะเอายังไงดี <!-- google_ad_section_end -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. my_lotus

    my_lotus สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +11
    ใช่ของวังหน้าไหมครับ ดีหรือเปล่าครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1020112.JPG
      P1020112.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      76
    • P1020113.JPG
      P1020113.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      77
    • P1020114.JPG
      P1020114.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      60
    • P1020115.JPG
      P1020115.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.8 MB
      เปิดดู:
      102
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเองเคยบอกไว้หลายๆครั้งว่า หากเราไม่รู้จริง ไม่ทราบจริง ไม่เห็นจริง ด้วยตัวเอง

    เมื่ออ่านแล้วไม่เชื่อ ก็ให้ผ่านเลยไป ไม่ต้องไปคิดมาก

    คิดมากไปก็ปวดหัว แต่ไม่ว่าจะคิดมาก หรือ คิดน้อย หากมีการปรามาส นั่นก็คือ 1 กรรม 1 วาระ

    คิดปรามาส หลายๆครั้ง ก็คือ หลายๆกรรม หลายๆวาระ

    อีกเรื่อง คิดง่ายๆว่า ทำไมผมถึงกล้าท้า แก๊งบัวใต้น้ำ ไปสาบานที่วัดพระแก้ว

    ผมเองก็กลัวครับ กลัวกรรม ที่หากเผยแพร่องค์ความรู้ที่ไม่ถูกต้อง

    ต่อๆไป ผมคงไม่กล้าท้าแก๊งบัวใต้น้ำ ไปสาบานที่วัดพระแก้วแล้ว

    แต่ ผมท้าให้แก๊งบัวใต้น้ำ ไปสาบานที่วัดพระแก้ว และ วัดโสธร ทั้ง 2 วัดเลยครับ

    จะได้เก็บกวาดให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดกันไป

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมไม่ขอตอบครับ

    ผมไม่ตอบให้ใครนานมากแล้ว การดู ต้องดูทั้ง รูป และ นาม

    ทั้งรูป และ นาม คืออะไร เป็นอย่างไร ต้องลองอ่านดูในกระทู้พระวังหน้าฯนี้

    เมื่อสัก 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ปลอมกันยังไม่ค่อยดี ยังไม่เหมือน

    ปัจจุบัน ปลอมกันได้ฝีมือมากๆ

    หากผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษา โดนแน่นอน
     
  18. my_lotus

    my_lotus สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอบคุณมากครับพี่ หวังว่าผมคงได้มีบุญพอที่จะได้บ้างนะครับ
     
  19. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    อนุโมทนาสาธุครับ :cool:

    ...ธนาบัตร ของคุณหนุ่มใครไม่ได้รับ...:'( หาวิธีทำตามเงื่อนไขรีบๆกันหน่อย...ก่อนที่จะหมด
    ...เบี้ยแก้วังหน้า ยกนิ้วโป้งสองนิ้ว...พอม๊ยครับคุณหนุ่ม...555
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ดีป่าว แรงเปล่าครับคุณน้องนู๋..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010001.JPG
      P1010001.JPG
      ขนาดไฟล์:
      183.7 KB
      เปิดดู:
      72
    • P1010002.JPG
      P1010002.JPG
      ขนาดไฟล์:
      116.2 KB
      เปิดดู:
      66
    • P1010003.JPG
      P1010003.JPG
      ขนาดไฟล์:
      99.2 KB
      เปิดดู:
      82

แชร์หน้านี้

Loading...