ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

วัดโปรดสัตว์

โปรยด้วยรูปก่อนจะเขียนเรื่องวันพรุ่งนี้ค่ะ

พี่ดอกไม้ได้ไปทัศนศึกษาที่เมืองลับแลด้วยอ่ะ น่าสนใจจังค่ะ

พี่จงรักภักดี ไม่ทิ้งวิสัยทัศน์การวิเคราะห์แบบเสธฯ ได้ข้ามไปมองยักษ์ใหญ่จีนด้วย เศรษฐกิจบ้านเราเริ่มๆจะต้องอิงจีนมากเข้าไปทุกที พี่ใหญ่ว่าไง น้องก็ต้องว่าอย่างนั้นนะหนูว่า

อนุโมทนากับพระคุณเจ้าด้วยค่ะที่ได้ทำดี

คุณไก่เหลืองคะ แล้วเรื่องจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ตอนนี้เขามีฐานมีแบบหรือยังค่ะ

คุณFort เอาเรื่องคนไทยเก่งๆมาโพส ทำให้คนไทยมีแรงบันดาลใจที่จะก้าวสู่ระดับสากล

คนสิงคโปร์ถูกฝึกให้ก้าวสู่สากลทุกคน แม้แต่อาซิ้มขายผลไม้ข้างทาง ก็ต้องพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง เพื่อขายของ เขาพัฒนาคนของเขามาก จนหันกลับมามองบ้านเรา มันจะไม่ทันเขานะเนี่ย

 

ขอเจริญในธรรม...บริบูรณ์พร้อมเทอญ

อนุโมทนาด้วยจ้า หากไม่เป็นการรบกวนหรือเกินกำลังแล้วเชิญร่วมบุญสร้างบารมีด้วยกันจ้า

ขอดวงตาธรรมจงบังเกิด

ธ.โชติกะภิกขุ

 

เนื้อหาที่เกี่ยวกับวัดโปรดสัตว์ ในหนังสือ อ้อยต้นจืด ปลายหวาน กินนานอร่อย ค่ะ

 

คูณทางสายธาตุ ไม่ต้องกังวลเรื่องพระบรมราชานุสาวรีย์ครับ ผมทราบมาว่ามีการวางแผนงานทุกอย่างที่บริบูรณ์แล้ว ที่ผ่านมาอาจล่าช้าไปบ้างเพราะปัญหาการเมืองแต่ก็ทราบมาว่าการก่อสร้างน่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ครับ

ท่านที่อยู่ในกรุงเทพฯหากประสงค์จะร่วมบุญสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ก็เชิญบริจาคได้ ณ ที่ทำการมูลนิธิพิทักษ์ภูมิไทยในวัน-เวลาราชการโดยตรงเลยครับ ที่ทำการฯนี้ตั้งอยู่ที่ราชติณมัยสมาคมตรงสนามม้านางเลิ้งครับ เดินทางสะดวกมากๆ

 

ท่านที่ประสงค์จะร่วมบุญสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์เชิญสอบถามรายละเอียดได้ที่

“มูลนิธิพิทักษ์ภูมิไทย” เลขที่ 183 ราชติณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพิษณุโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร. 02-628 1810-5 หรือ 02-280 0020-3 ต่อ 2463

 

กราบขอบพระคูณท่านขอรับ

 

เวลคัมแบ็ค ครับคุณทางสายธาตุ ได้จังหวะใช้คำภาษาอังกฤษมาใช้กล่าวต้อนรับการกลับบ้านครับ เราจะก้าวทันหรือไม่ทันก็ควรต้องก้าวเดินหน้ากันต่อไปขอเพียงแค่เราไม่หยุด(แล้วยังแกว่งเท้าอีกด้วย ?) อยู่เฉยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะมองเห็นเส้นชัยได้บ้างนะครับ ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน...

วันนี้มีบทความพิเศษมาต้อนรับคุณทางสายธาตุด้วยครับ หวังว่าคงจะถูกใจและอาจเป็นเรื่องที่รอคอยกันอยู่ก็ได้(เดา!)


ผบ.ทบ.ขอบารมีพระปิยมหาราชปกป้องประเทศ ขจัดพวกจาบจ้วงสถาบัน

“พล.อ.ประยุทธ์” ขอบารมีองค์พระปิยมหาราช ปกป้องประเทศไทยให้สงบร่มเย็น พ้นภัยทั้งปวง พร้อมเรียกร้องประชาชนปกป้องสถาบันของชาติ ขจัดบุคคลที่จวบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างนำนายทหารระดับสูง และข้าราชการกองทัพบก ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 100 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันครบรอบ 100 ปี วันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าเนื่องในวันปิยมหาราช ขอให้ทุกคนร่วมจิตอธิษฐาน และขอให้บุญบารมีของพระองค์จงปกป้องประเทศไทยให้พ้นจากภัยทั้งปวง โดยเฉพาะภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รวมทั้งปกป้องประเทศไทยให้มีความสงบร่มเย็นทั้งในประเทศ และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้คนไทยช่วยกันรักษากฎหมาย และปกป้องสถาบันทุกสถาบันของชาติ โดยไม่นำมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการเมือง และความขัดแย้ง พร้อมกันนี้ขอให้คนไทยทุกคนสำนึกว่า การที่เรามีวันนี้ได้เพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

“ขอให้ทุกคนช่วยกันขจัดบุคคลบางกลุ่มที่จาบจ้วงสถาบัน และหยุดล่วงละเมิด และหันมาเทิดทูน เพราะหากวันนี้ไม่มีสถาบัน เราอาจอยู่ได้ แต่ไม่เหมือนในวันนี้” ผบ.ทบ.กล่าว


ผบ.ทบ.วอนคนไทยลุกขึ้นปกป้องเทิดทูนสถาบัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวว่า ก้าวแรกที่จะนำไปสู่การปรองดอง และสามัคคีของคนในชาติ คือ การเลิกยุ่งเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และเทิดทูนไว้เหนือเส้น เส้นหนึ่ง ที่เคยระบุไว้ เพราะหากนำมาต่อสู้กัน จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ และความเป็นคนไทย ทั้งนี้ ตนอยากให้วันเวลาแห่งรอยยิ้ม และการไม่ทะเลาะเบาะแว้งของคนในชาติ กลับคืนมา ใครที่กระทำผิดให้กระบวนการตามกฎหมาย เป็นผู้ตัดสิน
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวด้วยว่า ขอให้คนที่จาบจ้วงสถาบันทั้งทางเว็บไซต์ ใบปลิว และแผ่นป้าย หยุดการกระทำดังกล่าว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตาม และเฝ้าระวัง โดยการใช้กฎหมายและความเข้าใจ ซึ่งได้ผลดีขึ้น แต่ยอมรับว่า บางกลุ่มที่ไม่เข้าใจ และหัวรุนแรง ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ให้ประชาชนทุกคนร่วมมือกัน ในการเทิดทูนสถาบันให้อยู่เหนือความขัดแย้ง ข้อกล่าวหา และข้อให้ร้าย ต่อสถาบันเรื่องใดก็ตาม ตนขอสาบานด้วยเกียรติของผู้บัญชาการทหารบก ว่าไม่เป็นความจริง
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังกล่าวถึง การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า ได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ติดตามอีกครั้ง เนื่องจากเกรงว่าประชาชน จะได้รับการช่วยเหลือไม่ทั่วถึง โดยให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ และปรับแผนการทำงานในวันนี้ ซึ่งประชาชนที่เดือดร้อนต้องช่วยแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ด้วย


แหล่งที่มา
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>
22 ตุลาคม 2553


</TD></TR></TBODY></TABLE>

ขออนุโมทนา สาธุการครับ ท่านพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก

 

ต่อแนวทางของท่านผู้บัญชาการทหารบกที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ที่จะช่วยกัน ปกป้องและเทิดทูนสถาบัน กระทู้ "ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ขอน้อมรับและยินดีให้ความร่วมมือในทุกๆวิถีทางภายในขีดความสามารถ

เพื่อความรอบคอบและสอดคล้องกันในแนวทางดังกล่าวแล้วถือเป็นโอกาสและจังหวะอันดี
ที่จะปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มเติมกติกาและข้อตกลงจากเดิม...

ท่านได้ยอมรับและมีความเข้าใจในกติกาและข้อตกลงพื้นฐานดังต่อไปนี้:

-เป็นศูนย์รวมสำหรับผู้ที่มีความจงรักภักดีและเคารพเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า และสถาบันพระมหากษัตริย์
-ไม่มีวัตถูประสงค์แอบแฝงอื่นใด
-โปรดแสดงข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่สุภาพ งดเว้นการใช้ข้อความที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ การใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย ฯลฯ -ข้อความหรือคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอได้โปรดใช้คำราชาศัพท์ให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและเทิดทูน
-เจ้าของกระทู้จะไม่รับผิดชอบข้อความใดๆที่พาดพิงเบื้องสูงและ/สถาบัน
-ท่านจะต้องปฏิบัติตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อย่างเคร่งครัด
-การหมิ่นต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ มีความผิดตาม มาตรา 14 แห่ง พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
--จะร่วมมือกันปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
-ความคิดเห็นต่างๆ บนกระดานข่าวเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

-ขอสงวนสิทธิในการที่จะเพิ่มเติมกติกาและข้อตกลงเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป

 

เสร็จสิ้นปีนี้ โอ้ ขออนุโมทนากับผู้สร้างค่ะ คงจะได้มีโอกาศเดินทางไปกราบสักครั้งค่ะ รู้สึกดีใจและภูมิใจที่จะมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ท่านเด่นสง่า เพราะพระองค์ท่านทรงสละได้แม้พระชนม์ชีพองค์เองเพื่อไม่ให้คนไทยไปเป็นข้าพม่า ไม่ต้องถูกร้อยหวายที่เอ็นขา แล้วต้องไปเจ็บไปตายกันเกลื่อนระหว่างที่ถูกกวาดต้อน เรื่องนี้มีตำนานเล่าสมัยเสียกรุงครั้งที่สองอันเกี่ยวกับวัดโปรดสัตว์ด้วย ฟังแล้วน้ำตาจะไหล รู้สึกถึงความเจ็บปวดของคนที่ถูกร้อยเอ็นขาด้วยหวาย

พี่จงรักภักดี พรุ่งนี้หนูจะไปลานพระบรมรูปทรงม้า ครั้งที่แล้วหนูไปในฐานะเสื้อหลากสีไปแสดงจุดยืนว่าต้องการให้บ้านเมืองสงบ ครั้งนี้หนูจะไปขอสักการะพระองค์ท่าน ขอพระบารมีปกเกล้าฯชาวไทยด้วยเทอญ

 

เรื่องดีๆเกิดขึ้นที่วัดปราสาทในคืนนี้

มีเรื่องสวยงามเกิดขึ้นหลายสิ่ง เพราะมีการสวดมนต์ที่วัด มีผู้มาร่วมงานมากมาย ทางสายธาตุจึงอยากเก็บบรรยาการโบสถ์มาฝาก จึงได้พบกับสิ่งดีๆรอบๆโบสถ์

มาเรื่องสิ่งดีๆสิ่งมงคล อันดับแรกคือ ทางวัดปราสาทได้รับแจกันพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นแจกันที่ประชาชนนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระองค์ท่านเพื่อเยี่ยมพระอาการ ทรงจบและให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังนำไปบูชาพระตามวัดต่างๆ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังมาถึงวัดวันนี้เวลา 9 โมงเศษๆ มีแจกันมาสองใบ ใบหนึ่งเป็นกุหลาบมากับแจกันกำกับเบอร์แจกันที่20 อีกใบหนึ่งเป็นกุหลาบเช่นกันมากับแจกันกำกับเบอร์แจกันที่30

 

คืนนี้พระจันทร์ทรงกลดและมีดวงธรรมปรากฏมากมายที่โบสถ์วัดปราสาท

พระจันทร์ทรงกลด และปรากฏดวงธรรมเต็มไปหมด รอบๆอุโบสถวัดปราสาท นนทบุรีในคืนนี้ นอกจากจะมีดวงธรรมสีขาวแล้ว ก็ยังมีดวงธรรมสีต่างๆ หากทางสายธาตุมีกล้องที่มีคุณภาพสูงกว่านี้ คงจะจับรายละเอียดได้ดีมากกว่านี้ เป็นบุญตาแท้ๆ ที่ถ่ายไปตรงไหนๆ ก็ติดดวงธรรม สาธุ สาธุ สาธุ เป็นบุญตาค่ะ​

 

ขออนุโมทนากับดวงธรรมทุกดวงที่มาปรากฏด้วยเทอญ

ขออนุโมทนา.........เจริญธรรม บริบูรณ์

ธ.โชติกะภิกขุ
(แอบนำดวงธรรมมาด้วยจ้ะ)

 

คืนหลังออกพรรษา๑คืนอาตมาจะ ไปแผ่เมตตาและอฐิฐานจิตที่ศาลสมเด็จพระราชวังจันทร์พิษณุโลกเพื่อเวลาที่พระพุทธเจ้าท่านทรงเปิดโลกทั้ง๓ภพ ในวันเทโวโรหณสูตร อาตมาจะได้ร่วมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลและบารมีธรรมอันน้อยนิดของอาตตมาไปยังผู้ที่รอคอยและยังมีหน้าที่บางประการจะได้รับในกุศลและบุญอันนี้เป็นเครื่องส่องทางสู่ที่ใหม่

ขอเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนาและแผ่เมตตาร่วมกัน

ธ.โชติกะภิกขุ

 

๒๓ ตุลาคม ได้เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง สำหรับปีนี้เป็นวาระครบรอบร้อยปีแห่งการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราช ขอเชิญเพื่อนสมาชิก ท่านผู้อ่านและปวงชนชาวไทยมาร่วมกันรำลึกถึงและกล่าวคำถวายราชสดุดีกันตามอัธยาศัยนะครับ

 

พระปิยะมหาราช

<TABLE class=alt1 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

[MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=2331[/MUSIC]

คำร้อง และ ทำนอง โดย พิสุทธิ์ เกรียงบูรพา

เรียบเรียงโดย ต๋อย

แรงบันดาลใจ : นึกถึง คาถา พระปิยมหาราชบูชา


พระพุทธเจ้าหลวง ผู้ทรงห่วงใยปวงประชา
สถิต อยู่ในทั่วหล้า ทุกถิ่นดินแดน สยาม

พระปิยมหาราช ทรงประกาศเลิกทาส ชาวไทย
พระกษัตริย์ ผู้ทรง ทศพิตราชธรรม ค้ำจุน ประเทศไทย

พระสยาม มินโท วโร อิติ พระพุทธสังมิ อิติ อรหัง
สหัส สกายัง วรังพุทโธ นโม พุทธายะ

ทรงซึมทราบ พระธรรม คำสอนของหลวง พ่อโต
ให้รู้จัก ละวาง ความโลภ ไม่ประมาทในกาลเวลา

ยศ และ ลาภทั้งผอง หาบไป ไม่ได้แน่
มีก็เพียงได้แต่ ต้นทุนบุญกุศล
ทรัพย์สมบัติ ทิ้งให้ปวงชน
แม้ร่างตน ก็เอาไปเผาไฟ

เมื่อเจ้าเกิดมานั้น มีอะไรมาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน
มามือเปล่า แล้ว จะเอาอะไร
เจ้าก็ไป เหมือนเจ้ามา


​

วันนี้ขอนำเสนอเพลงนี้นะคะ เพราะว่าเพลงของคุณโมเยขึ้นหน้าหนึ่งวันนี้ ฟังเพลงคุณโมเยที่ ในความจงรักภักดี เทิดพระบารมี ปิยะ มหาราชา - Buddhism Audio ค่ะ​

 

หลวงพ่อโปรดสัตว์ พระประธานในพระอุโบสถ

ชาวบ้านเรียกชื่อพระประธานในโบสถ์ตามชื่อวัด

หลวงทวดทองหล่อบอกว่าเคยมีคนมีสัมผัสด้านจิตญานมาที่นี่แล้วมาบอกหลวงทวดว่า พระประธานองค์นี้ชื่อว่า พระพุทธธรรมมิ่งมงคลรัตนโกฏิราช​

 

ลายผ้าทิพย์หน้าพระประธาน ลวดลายวิจิตรศิลป์ชั้นครู

ช่างที่มาบูรณะพระประธานองค์นี้ ทำงานซ่อมแซมโบสถ์ให้วัดบวรนิเวศน์ ด้วย ข้างในองค์พระเป็นศิลาแลง มีสังฆาติเป็นลายปากตะขาบ สมัยสุโขทัย ภายหลังมีการพอกปูนเข้าไปใหม่โดยพอกเป็นแบบอยุธยา ช่างที่มาบูรณะบอกว่าถ้าได้เห็นลายผ้าทิพย์ที่นี่ก่อน คงเอาแบบไปสร้างผ้าทิพย์ไว้ที่วัดบวรนิเวศน์แล้ว เพราะลวดลายวิจิตรงดงามมาก​

 

ใต้วัดโปรดสัตว์ลงไป เคยเป็นท่าควาย ซึ่งอาจหมายถึง "บางขดาน"

หลวงทวดทองหล่อ ท่านอายุ ๙๒ ปีแล้ว ซึ่งได้เคยเห็นเรื่องราวต่างๆแถวนั้น

ก่อนหน้านี้บริเวณใต้ลงไป ติดกับวัดโปรดสัตว์ เป็นพื้นที่ราบใหญ่เรียกกันว่า ท่าควาย ถ้าบอกว่ามีสถานที่ชื่อบางขดานอยู่ใต้วัดโปรดสัตว์ ก็คงหมายถึงบริเวณท่าควายนั่นเอง

สมัยหลวงทวดบวชใหม่ๆ มีตาเจิมคนแถวนั้น อายุ ๙๖ ปี (คะเนเอานะคะว่า หลวงทวด ๙๒ แล้วซึ่งตอนท่านอายุ ๒๐ กว่าได้เจอกับตาเจิมอายุตาเจิมตอนนั้นคือ ๙๖ ปี)

เดิมทีวัดนี้ชื่อวัด ทอง อะไรเทือกนี้ อาจจะวัดทองนพคุณ หรือน้อยนพคุณ ไม่ได้ชื่อวัดโปรดสัตว์หรอก ชื่อวัดโปรดสัตว์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์มานี่เอง

ของเดิมโบสถ์มีเสากลม ลูกนิมิตเดิมก็ยังอยู่ ตอนที่พระองค์เจ้าตุ้มมาสร้างโบสถ์ใหม่ ก็ยังลูกนิมิตนี้ไว้ใต้โบสถ์โดยสร้างเป็นห้องโถงอยู่ใต้โบสถ์ มีทางระบายน้ำโดยรอบลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

โบสถ์เก่าจะมีช่องที่พื้นโบสถ์เพื่อเปิดลงไปห้องใต้ดินนั้น แต่เมื่อสร้างโบสถ์ใหม่มิได้สร้างช่องที่พื้นโบสถ์อีกต่อไป จึงไม่สามารถลงไปห้องใต้ดินได้

ม.ล. ทวีวัฒน์ สนิทวงศ์ (ขออภัยหากเขียนผิดหรือเข้าใจผิดค่ะ) ได้มาคุยกับตาเจิมริมบ่อน้ำข้างวัดโปรดสัตว์

ตาเจิมเล่าให้ฟังว่า ริมสระใหญ่นั้นมีต้นมะขาม ๓ ต้น ขณะนี้สระนี้อยู่บริเวณโรงเรียนวัดโปรดสัตว์ ไม่แน่ชัดว่าเป็นบริเวณใดแน่ เป็นสระใหญ่และลึก สมัยกรุงแตก (เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒) ผู้คนพากันเอาทรัพย์สมบัติทิ้งลงไปในสระน้ำนี้ เพราะเป็นบ่อที่ใหญ่และลึก ตอนสร้างโบสถ์ใหม่ได้รื้อเอาอิฐเก่า หลังคาเก่าไปถมลงบนสระนั้นจนสระน้ำกลายเป็นพื้นดินไปแล้ว ต้นมะขามก็ล้มไปหมด

ประสบการณ์ลึกลับ เล่าโดยหลวงพี่ถวิล ท่านบอกว่าคนแถวนี้เห็นตามแนวกำแพงวัดโปรดสัตว์ลุกเหมือนไฟ แดงฉาน แล้วใต้ดินก็มีเสียงเหมือนมีสิ่งของเคลื่อนที่ไป จากนั้นไม่นาน ต้นมะขามก็ล้มหมดทั้งสามต้น ภาษาคนโบราณเขาเรียกว่าสมบัติเคลื่อน เคลื่อนไปรวมกับสมบัติแผ่นดิน ไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกแล้ว

 

ลูกหลานคนไทยที่ถูกกวาดต้อนไปพม่า ได้กลับมาตามหาสมบัติในสระน้ำวัดโปรดสัตว์

ตาเจิมเล่าว่า สมัยที่ต้นมะขามยังยืนต้นอยู่ ได้มีพระสงฆ์ ๕ รูปมาถามว่า สระน้ำที่อยู่เหนือขึ้นไปจากกำแพงโบสถ์วัดโปรดสัตว์อยู่ที่ไหน พระบอกว่าพระไม่ใช่คนพม่าหรอก เป็นคนไทย พ่อแม่ถูกจับไปเป็นเชลย ถูกพม่าจับเจาะขาเพื่อร้อยหวาย (เนื้อนิ่มๆที่อยู่เหนือส้นเท้า เจาะให้เป็นรู ให้เหลือเอ็นขาไว้ แล้วเอาหวายร้อยเข้าไป แค่คิดยังรู้สึกเจ็บเลยค่ะ) พ่อแม่เขาได้เอาสมบัติมาทิ้งไว้ที่สระน้ำนี้ และสั่งไว้ว่า เอ็งเติบโตไป ให้ไปที่วัดโปรดสัตว์ ไปหาสมบัติในสระ มีต้นมะขาม ๓ ต้นยืนต้นอยู่

หลวงทวดไม่ได้เล่าว่าได้สมบัติหรือไม่ เล่าแต่ว่าตอนที่พระสงฆ์ ๕ รูปนี้มา สระน้ำก็ตื้นเขินมากแล้ว คาดว่าคงหาสมบัติไม่เจอค่ะ

 

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงยกทัพเพื่อจะเข้าไปกู้กรุงศรีฯ ได้แวะพักทัพที่นี่

ตอนนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าจะยกทัพเข้าไปกู้กรุงศรีอยุธยา แต่พลของพระองค์ท่านมีน้อย ทรงยกทัพมาถึงวัดโปรดสัตว์ เห็นเข้าไปถึงกรุงศรีฯว่า ยากที่จะกู้กรุงศรีอยธายาในเวลานั้นได้ จึงทรงตัดสินพระทัยยกทัพออกไปทางวัดพิชัย แล้วออกไปจันทบุรีต่อไป