พระอรหันต์ 4 สาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กตเวที, 27 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. กตเวที

    กตเวที สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +20
    พระอรหันต์ 4 สาย ( สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต) มีวิธิปฏิบัติเพื่อละกิเลส แตกต่างกันอย่างไรคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2011
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    โอ..ยาวเลยนะครับ...คำถามนี้.....

    ลองเข้ามาบอร์ดอภิญญาอีกครั้ง.....แล้วมองด้านขวามือช่วงบนนะครับ.....

    มีลิงค์.....
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    พระพุทธเจ้า จะมากี่ล้านๆ พระองค์ ก็จะมาตรัสรู้อันเดียว คือ อริยสัจ ๔

    ทางอันเอก ที่เข้าถึง แจ้งในอริยะสัจ ๔ คือ สติปัฏฐาน ๔

    จากนั้น จึงบอกต่อ สอนเหล่าสาวก บรรลุตามด้วยการดำเนิน ตามสติปัฏฐาน ๔

    ไม่ ว่าจะพระอรหันต์ สายๆไหนๆ ต้องเดินด้วยสติปัฏฐาน ๔ จึงจะบรรลุธรรมตามองค์พระศาสดา

    วิธีการชำระ กิเลส ก็คือเดิน ตามสติปัฏฐาน ๔

    ส่วนการเข้า สติปัฏฐาน ก็เลือกเอาตามจริต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กุมภาพันธ์ 2011
  4. blackky

    blackky Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +27
    สุกขวิปัสสโก สติปัฏฐานสี่ครับ ใช้การพิจารณาแต่ไม่ได้เห็นของจริง เหมือน คนปิดตา เรียนอ่ะครับ ไปนิพานได้เหมือนกันแต่ยากหน่อย ใช้เวลานาน เพราะอาจติดที่สงสัย
    เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต จากกรรมฐาน40 (เว้นคนที่เคยได้มาแล้วก็แทบไม่ต้องเลย ได้ฌาณสักหน่อยของก็กลับมาหมดเช่น ดร.สนองทั้งที่ทำตามแบบสติปัฏฐานนะ) ส่วนสามแบบนี้สามารถเห็นจริงว่า นรกมีจริง สวรรค์มีจริง นิพพานมีจริง คนตายแล้วเกิด ทำให้สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ง่ายกว่า แต่ก็ระวังติดฤทธิ์ด้วยครับ (อาสวักขยญาณ ญาณทำอาสวะให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ (เป็นพระอรหันต์เพราะญาณนี้) ทั้งสามแลยนะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2011
  5. TomS

    TomS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +184
    หลวงพ่อฤาษีเคยตอบคำถามไว้


    http://www.danpranipparn.com/web/anser/anser41.html

    ประเภทสุกขวิปัสสโกนี่ ไม่รู้อะไรหรอกคุณได้แต่สมาธิเฉย ๆ มีจิตเป็นสุข จิตมีกำลังตัดกิเลสได้ สำหรับวิชชาสาม หรือ เตวิชโช สามารถรู้ได้ เพราะว่าการปฏิบัติขั้นวิชชาสามมี ญาณ ๘ อย่าง คือ
    ๑. ทิพจักขุญาณ สามารถเห็นผี เห็นนรก เห็นสวรรค์ได้
    ๒. จุตูปปาตญาณ เราจะรู้ว่า คนที่เกิดมานี่ ก่อนจะเกิดนั้นมาจากไหน และเวลาตายแล้วไปไหน
    ๓. เจโตปริยญาณ สามารถจะเห็นจิตของคนได้ คนไหนจิตดี คนไหนจิตเลว
    ๔. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เราสามารถระลึกชาติได้โดยไม่จำกัด
    ๕. อตีตังสญาณ เราจะรู้เรื่องราวในอดีตได้
    ๖. อนาคตังสญาณ รู้เรื่องราวในอนาคตได้
    ๗. ปัจจุปันนังสญาณ ปัจจุบันนี้ใครทำอะไรที่ไหน เรารู้ได้
    ๘. ยถากรรมมุตาญาณ คนที่เขามีความสุขความทุกข์ เขาอาศัยกรรมอะไรเป็นปัจจัยนี่ในด้านวิชาสาม รู้ได้ ๘ อย่างเท่านี้
    สำหรับฉฬภิญโญ (อภิญญาหก) แสดงฤทธิ์ได้ มีหูเป็นทิพย์ มีตาเป็นทิพย์ ฯลฯ
    ปฏิสัมภิทัปปัตโต มีความสามารถคลุมวิชชาสาม และอภิญญาหก มีความฉลาดกว่า
    หมวดที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ไม่เหมือนกัน แต่วิธีปฏิบัติคล้ายคลึงกัน เอาใน กรรมฐานทั้ง ๔๐ มาแยกปฏิบัติเป็นหมวดหมู่
    ทีนี้สำหรับการปฏิบัติ ถ้าจะถามว่าอย่างไหนเข้าถึงมรรคผลง่ายกว่ากัน ก็ต้องเป็นไปตามอัธยาศัยของคน
    สำหรับสุกขวิปัสสโก พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้สำหรับผู้ที่ต้องการเรียบ ๆ ไม่ต้องการฤทธิ์เดช ทำแบบสบาย ๆ จิตใจไม่ชอบจุกจิก
    สำหรับเตวิชโช นั้น พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้สำหรับคนที่อยากรู้อยากเห็น ถ้ามีสิ่งปิดบังลี้ลับอยู่ ทนไม่ไหว ต้องหาให้พบ ค้นให้เห็น
    สำหรับฉฬภิญโญ นั้น สำหรับคนที่ต้องการมีฤทธิ์เดช พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนไว้
    สำหรับปฏิสัมภิทาญาณ หรือปฏิสัมภิทัปปัตโต ท่านมีทั้งฤทธิ์ด้วย มีทั้งความเป็นทิพย์ของจิตด้วยมีความฉลาดด้วย สอนไว้เพื่อให้คนที่ต้องการรอบรู้ทุกอย่าง
    ฉะนั้นการที่พระพุทธเจ้าทรงสอน จึงเป็นไปตามอัธยาศัยของคน
     
  6. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,456
    การที่เราจะปรารถนาเป็นพระอรหันต์ประเภทใด
    ขึ้นอยู่กับความปรารถนาดั้งเดิมของเรา
    ความปรารถนาที่เราตั้งใจเอาไว้
    จะติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ
    คอยกระตุ้นเตือนเราให้เพียรสร้างสมบารมี
    เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาที่เราปรารถนาไว้

    แม้พระพุทธองค์
    ก็ทรงตั้งความปรารถนาเพื่อเป็นพระพุทธเจ้ามาก่อน
    ถ้าไม่ตั้งความปรารถนาว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า
    ก็ไม่สามารถเป็นพระพุทธเจ้าได้

    แม้แต่จะไปนิพพานหากไม่ตั้งความปรารถนา
    ก็ไปไม่ถึงนิพพานเช่นกัน
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    อนุโมทนาคำตอบนั้นๆ

    ทางใดเป็นไปเพื่อละวางอัตตา ความเห็นผิด สำคัญผิด

    ธรรมนั้นเป็นทางมรรค คือ สติปัฏฐานสี่

    :cool: ( จำเขามา หุหุ )
     
  9. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,065
    ค่าพลัง:
    +2,682
    เอาสั้นๆ ก็พอครับ ต่างกันที่วิธีการพอสมควร มีความยากง่ายในระดับและมุมมองของตนแต่เข้าใจในส่วนของเนื้อหาและหลักการณ์เดียวกัน

    แต่ถ้าจะถามไปเพื่อศึกษาก็อย่างท่านด้านบนแนะนำไว้นั่นแหละครับ
     
  10. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ตอบคุณ กตเวที

    พระอรหันต์ ทั้ง4 หลักสูตร

    มีวิธีปฎิบติเพื่อละกิเลส เหมือนกัน
    คือ ตัดสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ

    ท่านอ่านแล้วเข้าใจไหม???


    คำอธิบาย

    ในการเดินทางแต่ละคนอาจเลือกเส้นทางที่ต่างกัน???
    ก็เปรียบดัง หลักสูตรทั้ง4 ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนไว้

    การเดินทางย่อมมีจุดหมายปลายทางเป็นที่สุดใช่รึไม่???
    จุดหมายของท่านอยู่ที่ใด???
    สวรรค์ ?? พรหม ?? นิพพาน ??
    ท่านต้องตอบเอง

    เจริญพร....สวัสดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...