เพื่อการกุศล *☆.• ใกล้หมดแล้ว !!!...ตะกรุดสีผึ้งพญาด้วงทอง สุดยอดวิชาเมตตาค้ำคูณ อ.โอม เมืองสุรินทร์ •.☆*

ขอแนะนำครับ ผมว่าขาด "ของหวาน"ครับ เพิ่มของหวานสักนิดชีวิตจะได้ไม่ขาดความหวานครับ

 

วันนี้วันพระ
​

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="580" height="18"><tbody><tr><td colspan="4" align="center" height="16">
</td></tr></tbody></table>

วันที่ ๑๒ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปี่ ขาล
​

สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน..
วันนี้ขอแบ่งบุญให้กับทุกท่านครับ บุญอันเกิดจากศิลการการภาวนา ...
ขอให้เพือ่นสมาชิกสุขภาพแข็งแรง..ร่ำรวยเงินทอง...แล้วเอาทรัพย์ที่ได้มาแบ่งมาสร้างโบสถ์พระธาตุกันครับ ...ใส่กระปุกออมสินใว้ทุกวันได้ทุกวันครับ....

อนุโมทนาสาธุครับ....
​

 

สวัสดีครับ เมื่อวานปวดหัวเลยนอนแต่หัววัน ตื่นมาอีกทีกลางดึกอาการปวดหัวยังไม่หายก็เลยจัดพาราไป 1 เม็ด ตื่นมาอีกทีเช้าแว้ววววว

 

ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยี่เกี่ยวกับการตรวจสอบซึนามิที่ถือว่าดีที่สุดในโลกก็ว่าได้
แต่เหตุการที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ขอไว้อาลัยและขอให้ดวงวิญญาณของทุกท่านที่เสียชีวิตจากซินามิหลับอย่างสงบ

 

เชือก หรือเอวกันหนอที่ไม่พอ ฮิๆๆ

 

น้องๆ เขากำลังทำอยู่ครับ ฮิๆๆ

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 

วันเสาร์...วันเหงา...เงียบกริ๊บ...

 

มาส่อง..แล้วก็แว้บไป..

 

นี่ขนาดเค้าได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความพร้อมในการรับมือเรื่องภัยพิบัติมากที่สุดในโลก ก็ยังไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย...

แล้วถ้ามาเกิดกับประเทศที่ไม่มีความพร้อมอะไรเลย แถมยังมั่นใจว่าประเทศตัวเองไม่มีทางโดนภัยพิบัติอีก...แล้ว...มันจะเป็นยังไงหนอ...

 

พรุ่งนี้...กะว่าช่วงเย็นๆค่ำๆจะออกเดินทางครับ...แต่จะแวะพักแถวๆปากช่องก่อน แล้วสายๆวันจันทร์ถึงจะออกเดินทางไปสุรินทร์ต่อ...

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>วิปัสสนู, Nufon, amen666, gambum </TD></TR></TBODY></TABLE>



เริ่มดึก..ก็เริ่มครึกครื้น...

 

ก่อนไป...เล่านิทานก่อนนอนซักเรื่องมีมั๊ยน้อ...

 

รอฟังเรื่อเล่าคืนนี้อยู่ค่ะ

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่มุกดาหาร...จำอำเภอไม่ได้...ท่านเล่าให้ฟังว่า...

ตอนนั้น..น่าจะประมาณปี37-38 มีชาวบ้านจากมุกดาหารมานินมต์ท่านไปโปรดแถวๆนั้น ส่วนใหญ่ก็จะมาขอให้ท่านเสดาะเคราะห์ ดูดวง แล้วก็ส่งเจ้ากรรมซะเป็นส่วนใหญ่ แถวๆวัดที่ท่านไปอยู่นั้นก็มีถ้ำอยู่ใกล้ๆด้วย

ในแต่ละวัน ก็จะมีญาติโยมมาให้ท่านช่วยเหลือ สงเคราะห์อยู่ตลอดทั้งวัน ในจำนวนนั้นก็จะมีพระภิกษุจากวัดอื่นๆมาหาท่านด้วยเหมือนกัน

แต่มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ท่านชื่อว่า พรหมมา เพิ่งบวชได้ไม่กี่พรรษา ท่านเป็นคนชอบอยากรู้อยากเห็น จัดว่าดื้อพอได้เหมือนกัน พอรู้ว่าม่าน อ.แทนมา ก็เลยมาพัก มาเล่นกับท่าน อ.แทนที่วัดนี้ด้วย

ด้วยกวามอยากรู้อยากเห็น บวกกับความดื้อของพระพรหมมา ท่านก็เลยอยากที่จะเข้าไปแถวๆเขา แถวๆถ้ำเพื่อจะไปดูนั่นดูนี่ตามประสาของท่าน

มาวันหนึ่งระหว่างที่กำลังฉันจังหันเช้ากันอยู่นั้น อยู่ดีๆ ท่าน อ.แทนก็พูดบอกกับพระพรหมมาว่า " ถ้าอยากไปดูถ้ำก็รอก่อนเดี๋ยวจะพาไป..อย่าไปกันเองเด้อ..ถ้าไปแล้วก็อย่าไปพูดอะไรมักง่ายเด้อ"

พระพรหมมา ก็รับปากแบบงง เพราะท่านกะว่าจะเข้าไปเดินดูถ้ำกับพระอีกสองสามรูป โดยที่ยังไม่ได้บอกท่าน อ.แทน แต่ท่าน อ.แทนกลับรู้และพูดทักขึ้นมาก่อน

หลังจากที่ฉันจังหันเสร็จ ก็มีญาติโยมมารอท่าน อ.แทนเต็มศาลาแล้ว ท่านก็เลยต้องนั่งรับญาติโยมอยู่ตรงนั้นต่อเลย

ส่วนพระพรหมมากับพระอีกสองสามรูป เห็นว่าท่าน อ.แทนไม่ว่างพาไปเที่ยวถ้ำซักที ก็เลยตกลงกันว่าจะพากันไปเองโดยไม่รอท่าน อ.แทน...

 

เมื่อพระพรหมมากับเพื่อนขึ้นไปถึงถ้ำก็พากันเดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย และด้วยความคะนองปาก ก็พูดจาเล่นหัวกันไปเรื่อย เป็นที่สนุกสนานเฮฮากันไป โดยที่คงลืมไปซะแล้วว่า ท่าน อ.แทนไปพูดเตือนอะไรไว้

พอพากันเดินไปได้ซักพักหนึ่งก็พากันนั่งเล่น นั่งคุยกัน พูดแซวพูดหยอก สรวยเสเฮฮากันไปเรื่อย โดยเฉพาะพระพรหมมา เป็นคนพูดเฮฮาอยู่แล้ว ก็เลยคงพูดอะไรเลยเถิดไป และอาจเป็นการไม่ควร ดูว่าไม่เคารพสถานที่ ทั้งกิริยาก็คงไม่เหมาะกับสมณสารูปซักเท่าไหร

อยู่พระพรหมมาก็ลุกเดินไปดูแถวๆผนังถ้ำ มือก็ลูบๆคลำไป ปากก็พูดแซวแบบเอาฮาไปเรื่อย เพื่อนพระก็มัวแต่นั่งสูบบุหรี่ หัวเราะเฮฮา ก็เลยคงไม่ทันได้สังเกตว่าพระพรหมมาเดินไปทางไหน

จนเวลาผ่านไปซักพัก เพื่อนพระที่พากันนั่งสูบบุหรี่เสร็จ ก็เพิ่งมาเอะใจว่า พระพรหมมาหายไปไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เรียกแล้วก็เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับมา ตอนนั้นพระเพื่อนทั้งสามก็คิดว่าพระพรหมมาคงเดินลึกเข้าไปในถ้ำอีก แต่พอเดินตามไปดู ก็ไม่เห็นมีถ้ำที่ลึกเข้าไปอีก มีแต่ผนังถ้ำล้อมรอบตัวอยู่

มาถึงตอนนี้พระทั้งสามใจคอชักไม่ค่อยจะดีแล้ว เพราะหายังไงก็หาพระพรหมมาไม่เจอ ถ้าว่ากลับไปทางปากถ้ำ ก็ต้องเดินผ่านพวกท่านทั้งสาม แต่นี่ก็ไม่เห็นว่าผ่านไปตอนไหน สุดท้ายทั้งสามก็ลงความเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องธรรมดาซะแล้ว

พอคิดอย่างนั้น ก็เลยพากันรีบลงจากถ้ำเพื่อกลับมาหา ท่าน อ.แทนที่วัด พอมาถึง ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ท่าน อ.แทน ท่านก็พูดทักขึ้นมาว่า...

 

ต่อนะครับ...

พอท่าน อ.แทนท่าน เห็นพระทั้งสามรูปหน้าตาตื่นกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาท่าน ท่านก็พูดทักขึ้นว่า "หาเรื่องๆ..เตือนแล้วก็ไม่ฟัง" เท่านั้นแหละครับ พระทั้งสามถึงกับอึ้ง เพราะเพิ่งพากันนึกขึ้นได้ว่า ท่าน อ.แทนได้เคยเตือนเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วเมื่อตอนฉันจังหัน

แล้วท่าน อ.แทน ก็ยังพูดต่ออีกว่า "ไปพูดไปจา ไปทำอะไรไม่เข้าเรื่อง พวกเทวดาเจ้าที่ถึงได้ทำเอา อย่างนี้น่าจะปล่อยไว้ซักคืน จะได้เข็ดกัน" แต่พระทั้งสามก็พากันอ้อนวอนท่าน อ.แทน ขอให้ท่านไปช่วยพระพรหมมาด้วย เพราะตอนนั้น เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่รู้ว่าพระพรหมมาหายไป ก็เลยพากันกลัวว่า พระพรหมมาจะเป็นอะไรไป ท่าน อ.แทน ท่านนิ่งไปซักพักหนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปที่ถ้ำนั้น

ตอนนั้น นอกจากท่าน อ.แทนกับพระทั้งสามรูปแล้ว ก็ยังมีชาวบ้านที่อยู่กับท่าน อ.แทน เดินตามไปด้วยอีกหลายคน

พอไปถึงในถ้ำ ท่าน อ.แทน ท่านก็หลับตาซักพักหนึ่ง พอลืมตาขึ้นมา ท่านก็บอกว่า "ดีนะที่พวกเค้าแค่ต้องการจะสั่งสอน ไม่ได้ต้องการจะเอาชีวิต ไม่งั้นล่ะ เสร็จไปนานแล้ว"

เสร็จแล้ว ท่านก็พูดขึ้นว่า "เอาเถอะ เลิกจองเวรกันเถอะ แค่นี้ก็พอแล้ว จะได้ไม่เป็นบาปเป็นกรรมต่อกัน.." แล้วท่าน อ.แทนก็ชี้นิ้วไปที่ผนังถ้ำ

ตอนนั้นเองครับ..ทุกคนตรงนั้นก็ต้องถึงกับตะลึง เพราะ พอท่าน อ.แทน ชี้นิ้วไปที่ผนังถ้ำปั๊บ จู่ๆผนังถ้ำก็เคลื่อนตัวออกจากกัน เป็นช่องขนาดกว้างเกือบศอกได้ ผนังจึงหยุดเคลื่อนตัว แล้วท่าน อ.แทนก็บอกให้คนเข้าไปดู พอคนเข้าไปดูตรงช่องที่ผนังถ้ำเคลื่อนตัวนั้น ก็เห็นพระพรหมมากำลังนั่งตาลอยอยู่ในช่องผนังถ้ำนั้น ชาวบ้านก็เลยพากันช่วยกันเอาพระพรหมมาออกมาและพากลับมาที่วัด แล้วท่าน อ.แทนก็ช่วยเรียกขวัญเรียกจิตให้กลับคืนสู่ร่าง พระพรหมมาจึงกลับมาเป็นปกติได้ตามเดิม...

ท่าน อ.แทน ท่านเคยบอกว่า...ในป่าในเขาแต่ละที่นั้น ก็จะมีเทวดาเจ้าที่คอยดูแลอยู่ โดยเฉพาะตามถ้ำต่างๆที่มีของมีค่า ของโบราณอยู่นี่ ก็จะมีพวกนี้คอยเฝ้าคอยดูแลอยู่รักษาสถานที่นั้นอยู่ หากเราเข้าไป แม้จะไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำ ไปเอาอะไร บางทีพวกนี้เค้าก็อาจจะทำร้ายเราได้ ยิ่งถ้าเป็นพวกที่เข้าไปแบบไม่สำรวมระวัง ไม่ว่าพระ ว่าโยม เป็นได้มีโอกาสโดนดีแน่ๆ เพราะฉนั้น ให้เราระวังไว้ เวลาจะไปในสถานที่แบบนี้ ก็ควรแสดงความเคารพ เพื่อเป็นการให้เกียรติ และเป็นการแสดงความสัมมาคารวะแก่ท่านๆเหล่านั้นทั้งหลายแล้วเราก็จะอยู่ได้อย่างสบาย...ครับ

...จบ...​

 

คืนนี้เอาเท่านี้ก่อนนะครับ...ชักมึนๆแล้ว...

ถ้าวันไหนนึกนิทานขึ้นได้..แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ...

ขออนุโมทนา...ราตรีสวัสดิ์ครับ...

 

สนุกกกก่อนนอน พร้อมสาระ ..... ขอบคุณครับผม พี่วิปัสสนูสุดหล่อ .... กิ๊ง ๆ

 

สวัสดียามเช้าครับ ช่วงนี้มีแต่ข่าวภัยพิบัติ สงคราม
ซึ่งมองกันแล้วน่าจะเป็นเรื่องไกลตัวเพราะอยู่ต่างประเทศ
แต่สิ่งที่แน่นอนอาจจะไม่แน่นอน

ที่พูดเช่นนี้ ก็อยากจะบอกว่าคุณทำอะไรดีๆ ให้คนที่คุณรักแล้วหรือยัง หรือยังรอเวลา
วันนี้อาจจะใช่ แต่พรุ่งนี้อาจจะสายไป อย่ารอเวลาที่จะทำอะไรดีๆ และอย่าหาเวลาที่จะทำบุญเช่นกัน ทุกอย่างทำได้โดยไม่ต้องรอ ก่อนที่จะสายไป

อยู่กับวันนี้ อยู่กับปัจจุบัน นี่แหละความจริง
พรุ่งนี้เป็นอนาคต เราจะอยู่ถึงพรุ่งนี้หรือไม่
ไม่มีใครรู้ เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ก่อนไม่มีเวลา