พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

.
วันเข้าพรรษา

วันเข้าพรรษา
​

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดช่วงฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น

"เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่น ๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี เรียกว่า "ปุริมพรรษา"

ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เรียกว่า "ปัจฉิมพรรษา" เว้นแต่มีกิจธุระคือเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืน เรียกว่า "สัตตาหะ" หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด

สำหรับข้อยกเว้นให้ภิกษุจำพรรษาที่อื่นได้ โดยไม่ถือเป็นการขาดพรรษา เว้นแต่เกิน 7 วัน ได้แก่

1.การไปรักษาพยาบาลภิกษุ หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย
2.การไประงับภิกษุสามเณรที่อยากจะสึกมิให้สึกได้
3.การไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น การไปหาอุปกรณ์มาซ่อมกุฏิที่ชำรุด
4.หากทายกนิมนต์ไปทำบุญ ก็ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขาได้


นอกจากนี้หากระหว่าง เดินทางตรงกับวันหยุดเข้าพรรษาพอดี พระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆ องค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่า ที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้ง ถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีก เพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้

ทั้งนี้ โดยปกติเครื่องใช้สอยของพระตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฏฐบริขาร อันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน และกว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของท่านเป็นพิเศษในเข้าพรรษา นับเป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันนี้สืบมา...

อย่าง ไรก็ตาม แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของพระภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญรักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่น ๆ พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ถวายเครื่องสักการะบูชา ดอกไม้ ธูปเทียน และเครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น พร้อมฟังเทศน์ ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บาง คนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่าง ๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลานของตน โดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับอานิสงส์ อย่างสูง

​

วันเข้าพรรษา
​

นอกจากนี้ ยังมีประเพณีสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ "ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา" ประเพณีที่กระทำกันเมื่อใกล้ถึงฤดูเข้าพรรษา ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี้ มีอยู่เป็นประจำทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษา พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้า – เย็น และในการนี้จะต้องมีธูป - เทียนจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาสำหรับให้พระภิกษุจุดเป็นการกุศลทานอย่าง หนึ่ง เพราะเชื่อกันว่าในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงฆ์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว ตามชนบทนั้น การหล่อเทียนเข้าพรรษาทำกันอย่างเอิกเกริกสนุกสนานมาก เมื่อหล่อเสร็จแล้ ก็จะมีการแห่แหน รอบพระอุโบสถ 3 รอบ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา 3 เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่ง มีการแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงาม โดยถือว่าเป็นงานประจำปีเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ในปี 2554 นี้ "วันเข้าพรรษา" จะตรงกับวันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

​

วันเข้าพรรษา
​

กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันเข้าพรรษา

ร่วมกิจกรรมทำเทียนจำนำพรรษา

ร่วมกิจกรรมถวายผ้าอาบน้ำฝน และจตุปัจจัย แก่พระภิกษุสามเณร

ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล

อธิษฐานงดเว้นอบายมุขต่าง ๆ


​

​

ขอขอบคุณข้อมูลจาก





​

-http://www.dhammathai.org/day/kounpansa.php-

​

-http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81-


.

-http://hilight.kapook.com/view/13698-

 

.
หวิดตาบอด! หนุ่มเมืองกาญจน์มือถือระเบิดใส่หน้า





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

หนุ่มเมืองกาญจน์หวิดตาบอด หลังโทรศัพท์มือถือระเบิดใส่หน้า คาดเป็นของเลียนแบบ ไม่มีคุณภาพ พอนำมาใช้จึงเกิดระเบิดขึ้น

วันนี้ (14 กรกฏาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุมีผู้เคราะห์ร้ายถูกโทรศัพท์มือถือระเบิดใส่หน้า ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาทันที

โดยผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ คือ นายทัศนะ บุญค้ำ อายุ 24 ปี เป็นคนอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลระยอง ในสภาพที่ใบหน้าด้านขวาตั้งแต่โหนกแก้มถึงดวงตา มีบาดแผลเป็นรอยไหม้ดำ นอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แพทย์ต้องรีบนำส่งแผนก หู ตา คอ จมูก เพื่อทำการรักษาทันที

จากการสอบถามญาติ ทราบว่า ผู้บาดเจ็บเพิ่งเดินทางมาจากอำเภอท่ามะกาเมื่อวานนี้ เพื่อไปหางานทำที่จังหวัดระยอง โดย ช่วงเช้าเห็นผู้บาดเจ็บนั่งง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือที่ไม่ทราบว่าเป็น ยี่ห้ออะไร แต่เป็นของจีน และขณะพยายามจะชาร์จแบตเตอรี่ จู่ ๆ ก็เกิดระเบิดเสียงดังใส่หน้านายทัศนะอย่างจัง จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้าดังกล่าว ส่วนโทรศัพท์ก็กลายเป็นเศษขยะแตกกระจาย

เบื้อง ต้นคาดว่าโทรศัพท์มือถือน่าจะเป็นโทรศัพท์ที่ไม่มีคุณภาพ พอนำมาใช้ก็ทำให้เกิดปัญหา และระเบิดขึ้นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แพทย์กำลังให้การรักษาดวงตาอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลานานเพื่อตรวจเช็คว่าเกิดปัญหากับดวงตาหรือไม่



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/41097/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2.html-




-http://hilight.kapook.com/view/60814-

 

.
กนง.ขึ้นดอกเบี้ย0.25%




ธ.กรุงเทพนำร่องขยับกู้-ฝาก ลูกค้าใหม่กระอักค่างวดเพิ่ม


นาย ไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 3.25% จาก 3% โดยมีผลทันที เนื่องจากยังมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีความเสี่ยงที่จะหลุดกรอบที่ 3% ในไตรมาส 3-4 นี้ จากราคาพลังงานและอาหารสำเร็จรูปที่ปรับสูงขึ้น แม้การต่ออายุมาตรการดูแลค่าครองชีพออกไป จะชะลอการเร่งขึ้นของเงินเฟ้อออกไป ขณะเดียวกัน คณะกรรมการมองว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เพราะอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบ




“เรายอมรับว่าดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นช่วงขาขึ้นอยู่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ใน ระดับต่ำ และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงก็ยังติดลบอยู่ ประกอบกับระยะข้างหน้ามีแนวโน้มว่าการปรับเพิ่มค่าจ้างค่าแรงขั้นต่ำและแผน การใช้จ่ายของภาครัฐในระยะข้างหน้า ซึ่ง ธปท.เห็นว่าการใช้จ่ายตามนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลจะต้องพิจารณาจากข้อจำกัดด้านวินัยการเงินและการคลังของประเทศ ลำดับความสำคัญของโครงการลงทุนตามความจำเป็น โดยเฉพาะการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทนั้น ต้องยึดหลักการปรับขึ้นในขนาดที่สอดคล้องกับประสิทธิภาพแรงงาน มีเวลาให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัว เป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน แต่คงต้องติดตามนโยบายของรัฐที่ชัดเจนต่อไป”




นายไพบูลย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ที่ผ่านมายังขยายตัวได้ดี จากแรงขับเคลื่อนหลักทั้งความต้องการทั้งในการส่งออก รวมทั้งแรงกระตุ้นด้านการคลังที่ยังมีต่อเนื่อง ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คลี่คลายเร็วกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้การผลิตฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลังของปี โดย ธปท.มองว่าการบริโภคและการลงทุนยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาวะการจ้างงาน และสินเชื่อที่อยู่ในเกณฑ์ดี รวมทั้งการใช้จ่ายของภาครัฐที่จะเพิ่มขึ้นด้วย




สำหรับเศรษฐกิจเอเชียยังขยายตัวจากความต้องการในประเทศและการส่งออก แต่ในระยะต่อไป คาดว่าการขยายตัวอาจชะลอลงบ้างจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในหลายประเทศ เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ด้านเศรษฐกิจยุโรปยังขยายตัวได้ต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หลัก โดยปัญหาหนี้สาธารณะยังเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจใน ระยะต่อไป




นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ดอกเบี้ยมีผลกระทบต่อลูกค้าใหม่มากกว่าลูกค้าเก่า เพราะการขึ้นดอกเบี้ย 1% จะส่งผลให้ต้นทุนการผ่อนค่างวดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 7% ส่วนลูกค้าเก่าได้มีการคิดคำนวณดอกเบี้ยล่วงหน้าไว้กับค่างวดที่อยู่อาศัย ไว้แล้ว ซึ่งยอมรับว่าดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมีผลต่อสินเชื่อสุทธิในปีนี้อาจเติบโตใน อัตราที่ชะลอตัวลงจากเดิมในปี 53 เติบโต 9.2% ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 8-8.5% โดยแนวโน้มดอกเบี้ยยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นและเชื่อว่าในสิ้นปีนี้ดอกเบี้ย นโยบายจะอยู่ที่ระดับ 3.50-3.75%




สำหรับการเคลื่อนย้ายเงินทุนยังมีความสมดุล โดยมีการไหลเข้าและไหลออกของเงินทุนอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากไทยไม่ได้เป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ประเทศอื่นได้เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยเช่นกันจึงเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ย ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เงินทุนไหลเข้ามาในไทยมากนัก




รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์แจ้งว่า ธนาคารพาณิชย์พร้อมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากตามดอกเบี้ย นโยบายที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะปรับขึ้นเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของแต่ละธนาคารว่ามีมากน้อย แค่ไหนนายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภท และเงินกู้ทุกประเภทตามดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยดอกเบี้ยออมทรัพย์เพิ่มขึ้น 0.125% เงินฝากประจำทุกระยะเวลาตั้งแต่ 0.25-0.50% และเงินกู้เพียง 0.250% มีผล 14 ก.ค.นี้ ซึ่งดอกเบี้ยออมทรัพย์อยู่ที่ 0.875% เงินฝากประจำ 3 เดิือนอยู่ที่ 1.875-2.00% เงินฝากประจำ 6 เดือนอยู่ที่ 2.125-2.375% เงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีหรือเอ็มแอลอาร์อยู่ที่ 7.125%.



-http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=310&contentID=150961-

Daily News Online > หน้าเศรษฐกิจ > กนง.ขึ้นดอกเบี้ย0.25%
.

 

โมทนาบุญทุกประการครับ


.

 

.

สุดยอดมากครับ

อยากเห็นเยาวชนไทย แสดงความสามารถแบบนี้ แทนที่จะไปตีกัน หรือ ไปเดินห้าง หรือ ไปเที่ยวผับ เีที่ยวบาร์

.------------------------------------------------.
.------------------------------------------------.
.------------------------------------------------.


เก่งจริง! เด็ก 7 ขวบ ทุบสถิติโลก โปรมือกลองอายุน้อยสุด

​

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก [ame="http://www.youtube.com/watch?v=rfq2Q242DXQ"]youtube.com โพสต์โดย WorldRecordsAcademy [/ame]

ความสามารถของเด็กตัวเล็ก ๆ ถือเป็นเรื่องที่น่ายกย่องและควรส่งเสริมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับเด็กน้อยชาวสหรัฐฯ อายุเพียงแค่ 7 ขวบ รายหนึ่งที่มีความสามารถในการตีกลองระดับเซียน จนทำให้เขาทุบสถิติโปรมือกลองอายุน้อยที่สุดในโลกไปแล้ว !!

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม เว็บไซต์ซีบีเอส ของสหรัฐอเมริกา ได้นำเสนอเรื่องราวของ จูเลี่ยน ปาโวนน์ เด็กหนุ่มจากมิชิแกน วัย 7 ขวบที่ได้รับการรับรองจากกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ให้เป็นโปรเฟสชั่นแนลมือกลองที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยตัวเลขอย่างเป็นทางการที่อายุ 5 ปี 10 เดือน กับอีก 3 วัน ทำลายสถิติเดิมของเจ้าหนู ไทก้า โอนิซึกะ (Taiga "Tiger" Onitsuka) มือกลองเพลงแจ๊ส จากเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการบันทึกไว้ที่อายุ 9 ปีกับอีก 9 เดือน

โดยการรับรองนี้เป็นไปตามกฎของทางกินเนสส์ ที่ระบุว่า มือกลองตัวน้อยจะต้องตีกลองและมีผลงานเพลงอย่างน้อย 1 ผลงานที่ถูกวางจำหน่าย และได้รับเงินจากงานนั้น ๆ ด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องเคยแสดงบนเวทีต่าง ๆ ไม่ต่ำกว่า 20 เวที ซึ่งแต่ละเวทีต้องใช้เวลาในการแสดง 45 นาทีหรือนานกว่านั้น ที่สำคัญต้องเล่นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกันอีกด้วย

มาในวันนี้ จูเลี่ยน มีอายุได้ 7 ขวบแล้ว และผ่านเวทีต่าง ๆ มากมาย จึงทำให้เขาสามารถทำตามกฎของกินเนสส์และครอบครองสถิติไปได้อย่างไม่ยากเย็น นัก ซึ่งทางคุณพ่อของเจ้าหนูจูเลี่ยนได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า "อาจจะบอกได้เลยว่าพื้นฐานการตีกลองของเขาน่าจะติดตัวมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่า ได้ เพราะว่าผมเล่นดนตรีให้ภรรยาฟังทุกวันตลอดที่ตั้งท้องจูเลี่ยน"

นอกจากความสามารถของเจ้าหนูจูเลี่ยนจะอยู่ในระดับมือโปรแล้ว เขาเองยังกลายเป็นคนดัง ออกรายการทางโทรทัศน์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 150 รายการ แถมยังมีสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับตัวเขามากมาย ไม่ว่าจะเป็นรายการดัง ๆ อย่าง "เด อะ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์" (The Oprah Winfrey Show) "กู๊ด มอร์นิ่ง อเมริกา" (Good Morning America) "มาร์ธ่า สจ๊วต" (Martha Stewart) "เดอะ เมอร์รี่ โชว์" (The Maury Show) "ฟ็อกซ์ นิวส์ เดย์ไซด์" (FOX News Dayside) และ "อินไซด์ อิดิทชั่น" (Inside Edition)

มีความสามารถขนาดนี้ กระปุกดอทคอมก็ขอแสดงความยินดีกับเจ้าหนูจูเลี่ยนกับสถิติโลกครั้งนี้ด้วย ไหน ๆ ก็แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวขนาดนี้แล้ว ก็เอาดีด้านนี้ให้เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกแบบสุด ๆ ไปเลย..





เด็ก 7 ขวบทุบสถิติโปรมือกลองอายุน้อยที่สุดในโลก



-http://hilight.kapook.com/view/60815-



http://hilight.kapook.com/view/60815


.

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

วันนี้ วันพระ ผมได้ไปทำบุญที่วัดราขโยธา มาครับ

 

หลากวิธีแก้ปัญหาซิปติด

วันศุกร์ ที่ 15 กรกฎาคม 2554 เวลา 0:00 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

<TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

ปัญหาซิปติด รูดไม่ขึ้น หรือกินเนื้อผ้า แก้ไม่ยากหากรู้วิธี วันนี้เดลินิวออนไลน์หาเคล็ดลับทำให้ซิปลื่นมาฝาก

หลายคนคงเคยโชคร้าย ได้เสื้อผ้า กระโปรง กางเกง กระเป๋า ที่เมื่อรูดซิปแล้วไม่ลื่น ติดขัด รูดยาก หรือบางทีก็กินเนื้อผ้า หากฝืนดึงหรือกระชากไปก็อาจทำให้ซิปแตก ต้องเสียเงินเปลี่ยนซิปใหม่ หรือบางทีก็อาจจะไม่ได้แบบเดิม ต่อไปนี้เมื่อประสบปัญหานี้อีกให้ใจเย็น ๆ แล้วลองวิธีแสนง่ายเหล่านี้ดู

หากซิปติด วิธีแรกที่แนะนำคือให้ใช้สบู่ก้อนถูตรงซี่ฟันของซิป เท่านี้ก็จะรูดได้ปกติ หรือหากเกิดในช่วงที่หาสบู่ไม่ได้ลองลิปมันที่ใช้บำรุงริมฝีปากนั่นแหละถูทั้งด้านในและด้านนอก แล้วลองดึงดู ถ้าไม่ออกให้ใช้คีมดึงที่ตัวซิป ก็สามารถแก้ปัญหาได้เช่นกัน แต่วิธีที่ราคาถูกและง่ายที่สุดคือการใช้เทียนไข ควรใช้ทาบริเวณซิปทุกส่วนทั้งด้านในด้านนอกก่อนใช้ หากซื้อสินค้าที่มีซิปมาแล้วรูดยากไม่สะดวกมือ ซึ่งได้ผลอย่างยิ่ง

กรณีซิปติดเพราะดันไปกินเนื้อผ้าเข้า ให้ดูว่าผ้าที่เข้าไปติด เป็นด้านบนหรือด้านล่างของซิป แล้วใช้ไขควงปากแบนที่เอาไว้ไขน็อต แงะเบา ๆ ทางด้านที่ผ้าเข้าไปติด เสร็จแล้วค่อย ๆ ดึงเอาผ้าที่ติดออก ระวังอย่างัดแรงจนหัวซิปหลุดออกมา เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานชุดตัวโปรด หรือกระเป๋าใบเก่งได้ดีดังเดิมแล้ว.





ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์

 

เคล็ดลับหุงข้าวอย่างมืออาชีพ

วันพฤหัสบดี ที่ 14 กรกฎาคม 2554 เวลา 0:00 น

<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

<TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

สำหรับคนไม่ถนัดทำกับข้าว แค่หุงข้าวง่าย ๆ ด้วยหม้อไฟฟ้า ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ใจปรารถนา วันนี้จึงมีวิธีแก้ไขปัญหา สำหรับพ่อครัวแม่ครัวมือใหม่มาฝาก

การหุงข้าวใช่ว่าทุกคนจะทำออกมาได้ดี แม้จะใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าก็ตาม บางทีใส่น้ำมากไปข้าวก็แฉะ บางครั้งใส่น้ำน้อยไปข้าวก็สุก ๆ ดิบ ๆ หากใครเคยประสบปัญหาเหล่านี้ อย่าเพิ่งนำไปทิ้ง เพราะมีวิธีแก้ไขได้

ถ้าหุงข้าวแฉะเกินไป ให้นำขนมปังสัก 2-3 แผ่น ไปวางในหม้อหุงข้าว กดหุงอีกครั้ง จะช่วยแก้ปัญหาให้ข้าวไม่แฉะได้ สาเหตุเพราะขนมปังช่วยดูดซับน้ำและความชื้นเอาไว้ หรือถ้าใช้หม้อธรรมดา ไม่ได้ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ให้ตั้งบนเตาด้วยไฟอ่อน ๆ หรือแก๊สอ่อน ๆ พักไว้ประมาณ 10 นาที ข้าวในหม้อก็จะสวยขึ้น

กรณีหุงข้าวแล้วข้าวสุก ๆ ดิบ ๆ แก้ปัญหาโดยการละลายน้ำเกลือแล้วพรมลงบนฝาหม้อ โดยต้องปิดฝาหม้อให้สนิทสัก 10-15 นาที จะช่วยทำให้ข้าวสุกนุ่ม น่ารับประทานได้

แต่ถ้าอยากให้ข้าวออกมาดูสวยน่ารับประทาน ให้ใส่น้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนชา ลงไปในข้าวที่กำลังหุงอยู่ (ตอนยังเป็นน้ำ) เมื่อข้าวสุกแล้ว เมล็ดข้าวที่ได้จะสวย สะอาด ขาว น่าทานยิ่งขึ้น.





ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์

 

วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7533 ข่าวสดรายวัน


วัคซีนใหม่ !ต้านหวัดใหญ่-เข็มเดียวจบ ป้องกัน'ไวรัส'ทุกสายพันธุ์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ทุกๆ ปีบรรดาผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอทั่วโลก อาทิ เด็กอ่อน และผู้สูงวัย ต่างพากันไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยมีความหวังว่า วัคซีนดังกล่าวจะช่วยเป็นเกราะคงกระพันที่ช่วยปกป้องตนจากเชื้อไวรัสร้ายในตระกูล "อินฟลูเอ็นซา" ตัวการก่อโรคไข้หวัดใหญ่ ทว่า เชื้อไวรัสดังกล่าวนั้นมีอัตราการกลายพันธุ์ที่สูงมาก วัคซีนที่ฉีดเข้าไปนั้นจึงอาจมีประสิทธิภาพอยู่ได้เพียงแค่ไม่เกิน 2-3 ปี

'สคริปป์' สถาบันวิจัยยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ของ "ครูเซลล์" บริษัทยา จากเยอรมนี เพิ่งประกาศค้นพบส่วนประกอบใหม่บนผิวเยื่อหุ้มไวรัสตระกูลอินฟลูเอ็นซา ซึ่งมีความคงทนสูงและไม่กลายสภาพไปหลังการกลายพันธุ์ของไวรัส จุดชนวนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับวัคซีนต้านไข้หวัดใหญ่ในฝันของวงการแพทย์ ที่มีคุณสมบัติปกป้องผู้ได้รับการฉีดได้อย่างยาวนานนับแรมปีแบบ "เข็มเดียวจบ"

ศาสตราจารย์ เอียน วิลสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างชีวภาพ จากสถาบันสคริปป์ อธิบายว่า ไวรัสตระกูลอินฟลูเอ็นซา มีกลไกการหลบหลีกภูมิคุ้มกันของรˆางกาย ด้านศาสตราจารย์จ๊าบ กูดสมิต หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าวว่า แอนติ บอดี รหัสซีอาร์ 6261 ที่ค้นพบนั้น สามารถจับกับโครงสร้างถาวรของไวรัสตระกูลอินฟลูเอ็นซาได้ ส่งผลให้ไวรัสไม่สามารถส่งผ่านรหัสพันธุกรรมเข้าไปยังเซลล์ของผู้ติดเชื้อได้ กล่าวคือ ไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ โดยจากการทดสอบนำแอนติบอดีดังกล่าวไปฉีดให้กับหนูทดลองที่ติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอ็นซา พบว่า สามารถป้องกันการติดเชื้อไปจนถึงทำลายเชื้อไวรัสดังกล่าวได้มากกว่าร้อยละ 50

นอกจากนี้ คณะนักวิจัยของครูเซลล์ ยังค้นพบแอนติบอดี รหัสซีอาร์ 8020 มีประสิทธิภาพสูงกว่าซีอาร์ 6261 โดยสามารถจับกับโครงสร้างถาวรของไวรัสดังกล่าวและทำลายไวรัสลงได้ทุกสายพันธุ์ รวมทั้งเอช 3 และเอช 7 ด้วย ทางบริษัทครูเซลล์กำลังวางแผนการทดสอบ ซีอาร์ 6261 ในอาสาสมัคร และหากประสบความสำเร็จจะทดสอบ ซีอาร์ 8020 ซึ่งหากมีความปลอดภัย จะนำแอนติบอดีทั้งสองชนิดมารวมกันใช้ทำวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคไข้หวัดใหญ่ได้
ที่มา ข่าวสด ออนไลน์

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>มูริญโญ่, sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>
สวัสดีครับคุณหนุ่ม

 

วันนี้มีเรื่องแปลกครับ ....... ตอนนี้ยังงงๆอยู่เลยครับ

วันนี้หยุดทำธุระเสร็จเลยนอนตอนกลางวัน
ฝันแปลกๆไม่น่าเชื่อครับ ..............
ฝันว่าไปหาคุณเพชรขอร่วมบุญซื้อหนังสือที่ปู่เขียนไว้
คุณเพชรใจดีมากกๆๆๆๆๆๆ ......................
พอดีตื่นดูนาฬิกา บ่ายสามโมงแล้วนี่ ............

ลำดับความคิดที่เราฝัน ไม่น่าเป็นไปได้เลย
เพราะผมไม่เคยเจอคุณเพชรเลยแล้วไปฝันถึงได้ยังไง
หรือ ......... สื่อเราตรงกัน ......... งงครับ
หรือว่าเราอยู่ในกลุ่ม .................. แปลกครับ

 

พรุ่งนี้คิดว่าจะไปทำบุญ ที่ ลพบุรี อ่างทอง อยุธยา
วันนี้ไปซื้อเทียนจำนำพรรษามาแล้ว ...........

 

.
<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันเสาร์สุขสันต์

สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังให้กับเพื่อนรัก

ขอให้มีสุุขภาพแข็งแรงครับ

.

 

คงมีโอกาสพบกับคุณเพชรครับ

โมทนาบุญทุกประการ



.

 

โมทนาบุญทุกประการครับ


.

 

.
วิจารณ์แซด! เดอะ เวิลด์ ทรุดจมทะเล สัญญาณหายนะโลก

​

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Eikongraphia.com

หลังจากที่มีข่าวลือหนาหูว่าโครงการพัฒนาสร้างเกาะ "เดอะ เวิลด์" หรือหมู่เกาะ 300 เกาะ ที่จงใจสร้างเรียงรายเป็นประเทศต่าง ๆ บนแผนที่โลก ตั้งอยู่นอกชายฝั่งนครดูไบ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กำลังจะจมหายไปในทะเล เนื่องจากถูกกัดเซาะและเสื่อมสภาพลงทุกที ขณะเดียวกัน ช่องทางเดินเรือระหว่างเกาะ ก็ถูกอุดตันไปด้วยโคลน อันเป็นสัญญาณการันตีว่าเกาะเหล่านี้กำลังจะจมนั้น

ล่าสุดมีรายงานว่าโครงการพัฒนาสร้างเกาะ เดอะ เวิลด์ กำลังเผชิญภาวะสถานการณ์จมลงสู่ทะเลแล้ว โดยบริษัท เพนกวิน มารีน ที่ได้สิทธิ์ในการจัดหาเรือข้ามระหว่างเกาะเหล่านั้น ได้ถอนสัญญาลงทุนจากบริษัท "นัคฮีค" เจ้าของโปรเจ็คส์ เดอะ เวิลด์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งให้เหตุผลว่าเกาะมีอาการทรุดตัวจมลงตัวและขาดลูกค้า พร้อมกันนี้ ยังระบุด้วยว่ามีหลักฐานยืนยันเกาะ เดอะ เวิลด์ กำลังจมลงสู่ทะเลจริง ๆ

​

ทางด้าน "นัคฮีค" ก็ออกมายอมรับว่าเกาะ เดอะ เวิล์ด อยู่ในภาวะขั้นโคม่าย่ำแย่ ต้องเผชิญภาวะวิกฤตด้านการเงิน หลังจากนักลงทุนแห่ถอนการลงทุนเพราะพิษวิกฤตเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ยังทำให้สื่อมวลชนบางสำนัก วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักว่า เป็นเหมือนสัญญาณวันสิ้นโลกด้วย

สำหรับ โครงการ เดอะ เวิลด์ เกิดจากการดูดทรายถมทะเล สร้างเกาะเป็นประเทศต่าง ๆ บนแผนที่โลก โดยตั้งชื่อเกาะ เป็นชื่อประเทศต่าง ๆ แล้วขายให้เศรษฐีที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ตามแต่ขนาดและราคา ซึ่งบรรดามหาเศรษฐีจากทั่วโลก ต่างยอมจ่ายเงินจับจองเป็นเจ้าของ สถาปัตยกรรมดีไซน์เก๋แห่งศตวรรษที่ 21 จากบรรดา 300 เกาะ

ทั้งนี้ คงต้องดูกันต่อไป เดอะ เวิลด์ จะจมหายไปจริงหรือไม่ ?!?


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



-http://www.komchadluek.net/detail/20110122/86536/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%84%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%A1.html-


-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1295844723&grpid=01&catid=02&subcatid=0202-


-http://hilight.kapook.com/view/60824-

.

 

.
แบบทดสอบมุมมองด้านความสัมพันธ์ของตนเองต่อผู้อื่น


วันนี้มีแบบทดสอบทางจิตวิทยาง่าย ๆ 4 ข้อ มาให้ลองขบคิด ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้คุณทราบว่า แนวโน้มความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่นจะเป็นอย่างไร

1. ข้อแรก ให้ลองจินตนาการว่า ถ้าคุณมีไข่ไก่อยู่ 1 ฟอง คุณอยากจะวางไว้ที่ไหน เลือกจากตัวเลือกต่อไปนี้
ก. ตู้ถ้วยชาม
ข. บนต้นไม้
ค. ข้างถนน
ง. ริมแม่น้ำ

2. คุณเดินไปเจอบ้านหลังหนึ่ง และสนใจบ้านหลังนั้น คุณจะทำอย่างไร เลือกจากตัวเลือกต่อไปนี้
ก. เคาะประตูบ้าน
ข. เดินตรงเข้าข้างในบ้าน
ค. เดินไปรอบๆ

3. ภายในบ้าน คุณเห็นเทียนประมาณ 20 เล่ม คุณคิดว่าคุณจะจุดเทียนจำนวนกี่เล่ม ข้อนี้ให้ใส่จำนวนเทียนที่คุณจะจุด

4. คุณเจอแก้วเบียร์อยู่ 1 ใบ คุณจะรินเบียร์ใส่แก้วมากขนาดไหน ให้ตอบเป็นเปอร์เซ็นต์ ห้ามตอบว่าไม่รินนะ

เมื่อทำแบบทดสอบครบทุกข้อแล้ว ก็ไปดูเฉลยได้เลย...........











. -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=151311-






















เฉลยครับ

1. ไข่ไก่ แสดงถึง ความสัมพันธ์ (Relationships) คุณเลือก...
ในตู้ถ้วยชาม - คุณจะสงวนความสัมพันธ์มาก
บนต้นไม้ - คุณคาดหวังความสัมพันธ์จากผู้อื่นมาก
ข้างถนน - คุณจะไม่ค่อยสงวนความสัมพันธ์
ริมแม่น้ำ - ความสัมพันธ์ของคุณมักจะขึ้นอยู่กับโชคชะตา

2. บ้าน แสดงถึง โอกาส (Opportunity) ในการสร้างความสัมพันธ์ คุณเลือก...
เคาะประตูบ้าน - คุณจะระมัดระวังในการหาโอกาสสร้างสัมพันธ์ และไม่ค่อยปล่อยโอกาสให้ลอยนวล
เดินตรงเข้าข้างในบ้าน - คุณจะไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไป แต่ต้องระวังความเร่งรีบโดยไม่ไตร่ตรองนะ เพราะจะก่อปัญหาให้คุณ
เดินไปรอบๆ - โดยมากคนที่เลือกข้อนี้ คุณมักจะปล่อยโอกาสผ่านไป ยกเว้นเลือกด้วยเหตุผลอื่นๆ เช่น ดูความปลอดภัยก่อน

3. เทียนไข แสดงถึง ความใจกว้าง ความใจดี (Generousity)
คำอธิบาย ยิ่งคุณเลือกจุดเทียนมากเท่าไร ความใจกว้างของคุณจะมากเท่านั้น

4. แก้วเบียร์ แสดงถึง ความเอาใจใส่ในความสัมพันธ์ ยิ่งคุณรินมากเท่าไร คุณจะเอาใจใส่มากเท่านั้น.


-http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=151311-


.

 

.
[FONT=Tahoma,]พระศรีอาริยเมตไตร วัดไลย์ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี

คอลัมน์ เดินสายไหว้พระ


<table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">
</td></tr></tbody></table>"พระ ศรีอริยเมตไตรย" ประดิษฐานวัดไลย์ ต.เขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี มีพุทธลักษณะศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 92 เซนติเมตร สูง 107 เซนติเมตร วัสดุสำริดลงรักปิดทอง

ทั้งนี้ วัดไลย์เป็นวัดเก่าแก่อย่างยิ่งวัดหนึ่งของจังหวัดลพบุรี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางขาม สันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นตั้งแต่แรกตั้งกรุงศรีอยุธยาหรืออาจถึงสมัยสุโขทัย วัดนี้มีศิลปวัตถุที่น่าดูน่าชมหลายสิ่ง อาทิ พระวิหารเก้าห้องที่เก่าแก่พอกับวัดและมีลวดลายปูนปั้นที่ยังงดงามสมบูรณ์ อยู่จนปัจจุบัน

แต่สิ่งที่ทำให้วัดไลย์เป็นที่รู้จักกันมากเห็นจะ ได้แก่ รูปหล่อพระศรีอาริย์ หรือพระศรีอริยเมตไตรย ซึ่งหล่อแบบพุทธสาวก คือ ศีรษะโล้น ไม่มีเปลวรัศมี ลักษณะคล้ายมนุษย์สามัญนั่งขัดสมาธิคล้ายปางมารวิชัย

ตามตำนาน เล่าว่า ได้หล่อขึ้นแทนองค์พระศรีอริยเมตไตรยซึ่งได้เคยจุติลงมาเกิดในท้องถิ่นและ บวชอยู่ ณ วัดไลย์แห่งนี้ หลังจากที่ได้บำเพ็ญกิจแห่งพุทธศาสนาจนบริบูรณ์แล้วก็ดับขันธ์กลับสู่ภพภูมิ สวรรค์ชั้นดุสิต

ชาวบ้านทั้งหลายมีความโศกเศร้าเสียใจอาลัยในพระศรีอาริย์เป็นอย่างยิ่งจึงร่วมใจกันสร้างรูปเหมือนของท่านไว้สักการะแทนสืบมา

รูป หล่อพระศรีอาริย์ที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ เป็นรูปสร้างใหม่ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากเกิดไฟป่าไหม้พระวิหาร รูปพระศรีอาริย์ชำรุดมาก พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ส่งมายังกรุงเทพฯ เพื่อให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระ องค์เจ้าประดิษฐวรการทรงซ่อมสร้างขึ้นใหม่ส่วนรูปเดิมนั้นกล่าวกันว่าสร้าง ในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชศรัทธาสร้างรูปพระศรี อาริย์ไว้หลายรูป และนัยว่ารูปพระศรีอาริย์ ในรุ่นเดียวกันยังหาดูได้ที่วัดในพระนคร ศรีอยุธยาอีกสองวัด คือ วัดชุมพลนิกายาราม อำเภอบางปะอิน และวัดใหม่ อำเภอนครหลวง

พระศรีอาริย์ เป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัดไลย์และเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านท่าวุ้ง และท้องถิ่นใกล้เคียงอย่างยิ่งมาเป็นเวลานับร้อยปี งานแห่พระศรีอาริย์ที่จัดขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี จะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และแสดงออกซึ่งความร่วมใจของคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง

วัดไลย์กำหนดงานนมัสการพระศรีอาริย์เป็นประจำปีละ 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 วันขึ้น 14 ค่ำ ถึง แรม 1 ค่ำ เดือน 3

ครั้ง ที่ 2 วันขึ้น 14 ค่ำ ถึง แรม 1 ค่ำ เดือน 6 โดยเฉพาะวันขึ้น 14 ค่ำ จะมีประเพณีแห่พระศรีอาริย์ตั้งขบวนแห่จากวัดราว 9 นาฬิกา แห่ไปตามถนนสายบางงา-บ้านหมี่ไปหยุดที่วัดท้องคุ้ง บ้านหมี่ ระยะทางราว 5 กิโลเมตร แล้วแห่กลับ ถึงวัดราว 15 ถึง 16 นาฬิกา

ครั้งที่ 3 วันแรม 4 ค่ำ ถึงแรม 6 ค่ำ เดือน 11

นับว่าเป็นประเพณีเทศกาลที่เก่าแก่ที่สุดที่คณะกรรมการจัดให้มีมาแต่ครั้งโบราณกาล ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง

พระ ศรีอริยเมตไตรย เป็นปูชนีย์ที่สำคัญยิ่งของชาวลพบุรีและประชาชนคนทั่วไป คณะกรรมการและเจ้าอาวาสวัดจะจัดให้แห่และอัญเชิญรูปหล่อของพระศรีอาริย์นี้ ให้สาธุชนได้สักการบูชา

ปัจจุบัน พระศรีอริยเมตไตรย ประดิษ ฐานอยู่ที่มณฑป ง่ายต่อการที่ประชาชนจะเข้าไปนมัสการได้ทุกโอกาส[/FONT]


-http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNekUyTURjMU5BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHdOeTB4Tmc9PQ==-

 

ไปพบอารายมาอีกล่ะครับ วัดไลย์นี้วัตถุมงคลที่ดีเยี่ยมคือเหรียญเนื้อแก่ทอง สร้างระหว่างปี 24*6-24*8 ผมจำไม่ได้ว่า6 หรือ8ครับ แต่เยี่ยมจริงๆแก่ทอง
มากกก ตาลุงข้างบ้านก็มีเหรียญนึงครับ ไว้หาเจอจะทวงมาโชว์ครับ หุ หุ