เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

แนะนำพระดี (ภาค 2) กับวัตถุมงคลที่ตั้งใจสร้างเพื่อใช้บูชาอย่างแท้จริง

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 20 พฤษภาคม 2011.

แท็ก: เพิ่มแท็ก

หน้า 103 ของ 425

JUNYAPORN37 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 พฤศจิกายน 2006

โพสต์:

273

ค่าพลัง:

+607
หนุ่มเมืองแกลง said: ↑

หากดูการดำเนินงานที่ได้ทำลงไปบ้างนั้นจะเห็นว่า แม้จะต้องการเงินจากทุกท่านที่ร่วมเช่าบูชาวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมาในครั้งนี้มากเพียงใด เพื่อใช้ในการบูรณะปรับปรุงศาลาของทั้งสองวัดและใช้ในกิจการกุศลอื่นๆตามที่ได้ชี้แจงไปแล้วนั้น แต่ผมก็ได้พยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบมากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยอยู่บนคำจำกัดความสั้นๆว่า "ทำให้เต็มที่เพื่อสิ่งที่ดีกับทุกคน" ทั้งแบบพิมพ์ที่แก้ไขหลายครั้งและยอมทำพิมพ์ใหม่หากไม่สมบูรณ์แบบมากพอตามต้องการ ตอกโค๊ตเอง ตอกเลขเอง อุดผงเอง เพื่อให้มั่นใจว่า ทำมากับมือตนเองทุกอย่าง

แม้จะนำไปเข้าพิธีปลุกเสกใหญ่ๆที่จัดสมบูรณ์แบบมาแล้วหลายครั้งก็ยังคิดว่า ยังไม่พอใจ ยังอยากได้อีก หากเป็นบางแห่งบางวัด ป่านนี้พระ-เครื่องรางชุดนี้จัดจำหน่ายไปนานแล้ว แค่พิธีเ้ดียวเขาก็โฆษณากันโครมคราม ขายกันว่อนแล้ว แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น เพราะหากทำมาแค่จะขายเอาเงิน ใครๆก็ทำได้ทั้งนั้น มันคงไม่ยากนัก แต่หากทำมาเพื่อให้เป็นสิ่งที่เพียบพร้อมในนิยามของคำว่า "วัตถุมงคล" มันน่าจะมีสิ่งพิเศษกว่าปกติ เมื่อลองไล่ดูทั้ง 17 พิธีที่ได้นำไปปลุกเสกมาแล้ว พระเกจิชั้นนำของประเทศมากกว่าครึ่งร้อยที่เมตตาปลุกเสกให้ บางท่านอาจคิดว่าก็น่าจะมากพอแล้ว แต่ยังไม่สมใจที่ต้องการสำหรับผมในสิ่งที่ต้องการทำไว้ในครั้งนี้ ทั้งๆที่รู้ดีว่าต้องใช้่เวลามากขึ้นและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกมากก็ตาม
Click to expand...

อนุโมทนาในผลบุญใหญ่ครั้งนี้ด้วยค่ะพี่หนุ่ม จะรีบโอนเงินส่วนที่เหลือให้เร็วที่สุดค่ะ
พยายามให้เต็มที่ แล้วจะไม่เสียใจในภายหลัง

JUNYAPORN37, 21 สิงหาคม 2011

#2041
q2499 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

2 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

687

ค่าพลัง:

+1,844

หนุ่มเมืองแกลง said: ↑

ยังมีพระเกจิดีๆ ที่เก็บตัวเงียบในวัดชนบทที่ห่างไกล แต่ท่านเก่งจริง มีอำนาจจิตกล้าแข็งและทำของได้ดีเชื่อถือได้ จะขอแนะนำไว้สักสององค์คือ หลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี อ.หนองขาหย่าง อุทัยธานี และหลวงปู่เร่ง วัดดงแขวน อ.สว่างอารมย์ อุทัยธานี พระเกจิฯทั้งสองท่านนี้เป็นของจริง ทำของขลังแบบไม่สุกเอาเผากิน ไม่เน้นต้องการเงินเข้าวัด ประสบการณ์ในพื้นที่มากมายเป็นที่ยอมรับในอุทัยธานีแบบพิสูจน์ได้มานานแล้ว พระเกจิแบบนี้ท่านไม่นิยมให้เอาชื่อท่านมาลงหนังสือหรือต้องการมีชื่อ-มีคนรู้จักแต่อยา่งใดเหมือนพระเกจิ-พระเกแจกอื่นๆที่ยิยมชื่อเสียงกันมากในปัจจุบัน ลองหาประวัติท่านดูได้ครับแล้วจะรู้ว่าพระเกจิที่ดีและเก่งจริง ยังมีที่เราไม่เคยรู้อีกมาก อย่าฟังแต่ในหนังสือพระหรือในอินเตอร์เนตที่เอามาลงขายเขียนเชียร์ ช้างเผือกมักหลบอยู่ในป่าและยังมีอยู่ทุกยุคสมัยและผมเคยเกริ่นไว้เมื่อตอนต้นๆปีบ้างแล้วเรื่องพระเก่งจริงในป่าที่จังหวัดอุทัยธานี แต่บางครั้งก็ไม่ต้องการจะเอาชื่อของบุคคลที่สามมาลงในโลกอินเตอร์เนต

ทั้งสองท่านกล้าแข็งทั้งตบะ อำนาจจิต เพียงแต่ท่านหลบอยู่ในที่อันสัปปายะ ท่านหนึ่งเก่งทางทำน้ำมนต์ดอกบัวบาน อีกท่านหนึ่งเก่งทางน้ำมนต์กลางหาว ปลุกเสกของโดยเน้นการใช้ได้ดีจริง ใช้ได้ผล ทำตามฤกษ์งามยามดีและใช้เวลานานมากในการทำแต่ละอย่าง ในอุทัยธานีตอนนี้ผมยอมรับว่าสองท่านนี้เก่งจริงครับ และท่านหนึ่งเชี่ยวชาญการปลุกเสกมีดหมอโดยเฉพาะอีกด้วย ผมเขียนไว้แบบนี้แล้วหลายท่านก็คงรู้ความหมายนี้ ยืนยันว่าอะไรที่ดีจริงๆก็จะเสาะหาและดั้นด้นหามาให้ทุกท่านจนได้และบางอย่างไม่ได้ลงไว้ในอินเตอร์เนต
Click to expand...

ผมได้มีโอกาสไปกราบท่านมาแล้วครับ ท่านทั้งสองมีเมตตามากครับวัดเล็กๆเรียบง่าย เห็นคนไปขอตะกรุดหลวงปู่เร่งกันมาก ท่านอายุมากแล้วใครได้ไปโชคดีมากๆครับท่านจารเองผมเห็นยันต์เยอะมาก ผมไปแล้วแต่ไม่ได้แค่ไปกราบก็ดีใจแล้วครับ ส่วนหลวงพ่อเสน่ห์ เหมือนท่านจะดูดุครับแต่มีเมตตาสุดๆ ท่านจารตะกรุดให้เองแถมยังม้วนให้อีก แถมยังชวนให้อยู่ท่านข้าวด้วยครับ ( ลองหาตะกรุดหนังเสือท่านที่วัดนะครับ )

q2499, 21 สิงหาคม 2011

#2042
PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

1 พฤษภาคม 2010

โพสต์:

2,991

ค่าพลัง:

+9,624
สวัสดียามเย็นครับ ญาติธรรมทุกๆท่าน
ยกเลิกชื่อ PITINATTH73 ใช้ชื่อ ปีติ เท่านั้นครับ

PITINATTH73, 21 สิงหาคม 2011

#2043
ksongrit เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กรกฎาคม 2010

โพสต์:

841

ค่าพลัง:

+7,402

หนุ่มเมืองแกลง said: ↑

เรื่องเทวรูปพระนารายณ์ขนาดบูชา สูง 12 นิ้ว ขอให้ผมได้สอบถามต้นทุนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากช่างปั้น ช่างหล่อก่อนครับ ตัวเองก็อยากมีไว้บูชาเช่นกัน เพราะเทพองค์นี้เป็นเทพผู้ปราบทุกข์เข็ญมาทุกยุคสมัย ขอได้ ไหว้รับ ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่า องค์จตุคามรามเทพก็คือองค์นารายณ์อวตารปราบทุกข์นั่นเอง และยิ่งเห็นแบบที่ดูขลัง สง่างามแล้วทำให้อยากทำออกมาเช่นกัน ส่วนใหญ่ที่มีขายกันทั่วๆไป จะทำเป็นรูปยืนมีสี่กร แต่ที่ทำเป็นแบบปางอวตารนั่งบนพญานาคราชเหยียบราหู แบบนี้ยังไม่เคยเห็นสักครั้ง แล้วจะแจ้งข่าวให้ทราบในเร็วๆนี้
Click to expand...

เริ่มมีความหวังแล้ว ด้วยใจศรัทธาต่อองค์จตุคามรามเทพ ด้วยรายละเอียดขนาดนี้ถ้าได้ขนาดสัก 24-26 นิ้ว จะงดงามมากมากครับ

ksongrit, 21 สิงหาคม 2011

#2044
PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

1 พฤษภาคม 2010

โพสต์:

2,991

ค่าพลัง:

+9,624

ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรมทุกๆท่าน

ยกเลิกชื่อ PITINATTH73 ใช้ชื่อ ปีติ เท่านั้นครับ

PITINATTH73, 22 สิงหาคม 2011

#2045
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 เมษายน 2007

โพสต์:

32,522

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+210,857

 <table class="MsoNormalTable" style="width:100.0%;mso-cellspacing:0cm;mso-yfti-tbllook:1184;mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="width:70.0%;padding:0cm 0cm 0cm 0cm" width="70%"> <table class="MsoNormalTable" style="width:100.0%;mso-cellspacing:0cm;mso-yfti-tbllook:1184;mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="width:96.0%;padding:0cm 0cm 0cm 0cm" valign="top" width="96%"> [FONT=&quot]10 เรื่องแปลกของคนไทยในสายตาฝรั่ง[/FONT]
</td> <td style="width:2.0%;padding:0cm 0cm 0cm 0cm" width="2%">
</td> </tr> </tbody></table> </td> <td style="width:30.0%;padding:0cm 0cm 0cm 0cm" valign="top" width="30%"> <table class="MsoNormalTable" style="width:100.0%;mso-cellspacing:0cm;mso-yfti-tbllook:1184;mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="padding:0cm 0cm 0cm 0cm">
</td> <td style="padding:0cm 0cm 0cm 0cm">
</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table> [FONT=&quot] [/FONT]
<table class="MsoNormalTable" style="width:100.0%;mso-cellspacing:3.7pt;mso-yfti-tbllook:1184;mso-padding-alt: 3.75pt 3.75pt 3.75pt 3.75pt" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="background:#F6F6F6;padding:3.75pt 3.75pt 3.75pt 3.75pt"> [FONT=&quot]
๑. แป๊ปซี่ใส่ถุงใส่น้ำแข็ง หรือกินเบียร์ใส่น้ำแข็ง..
ที่เมืองนอกเขาถือว่าเป็นการทำให้เครื่องดื่มเสียรสชาดที่สุด ใส่ถุงผูกยางแล้วเดินดูดไปด้วย ไอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน[/FONT]
[FONT=&quot]
๒. พยายามอธิบายทางทั้งๆที่ไม่รู้...ฝรั่งเขาสงสัยเวลาเขาถามทางกับคนไทย รู้สึกว่าคนไทยจะพยายามอธิบาย คิดโน่น ไม่แน่ใจนี่ ในที่สุดก็คือไม่รู้ ฝรั่งเขาถามว่าทำไมไม่บอกเลยว่า หนูไม่รู้..[/FONT]
[FONT=&quot]
๓. เอากระดาษเช็ดก้น(กระดาษชำระ)มาเช็ดปาก..ที่ร้ายกว่านั้นร้านอาหารในต่าง จังหวัดยังเอามาตั้งไว้บนโต๊ะทุกโต๊ะอีกด้วย จนเขาพูดเป็นเชิงตลกว่ากระดาษชำระเมืองไทยนั้นหาได้ทุกๆที่ยกเว้นในส้วม[/FONT]
[FONT=&quot]
๔. ทำไมคนไทยกินกันทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอ...เห็นตีสองตีสามยังใส่ชุดนอนมานั่ง กินข้าวต้มกันอีก และอีกอย่างหนึ่งก็คือคนไทยกินอาหารเดียวกันเหมือนๆกันโดยไม่แยกมื้อเลย เหรอ...ที่เมืองนอกส่วนใหญ่จะเห็นอาหารเช้าก็เป็นอาหารเช้าแฮม ไข่ ขนมปัง น้ำส้มกาแฟ.. มื้อเที่ยงก็เป็นแนวกระฉับกระเฉงว่องไวแต่อิ่ม ส่วนดินเนอร์ก็ผ่อนคลาย มีไวรน์ มีดริ้งนิดหน่อย แต่ของพี่ไทยเหมือนกันทั้งวัน แล้วแต่จะเลือกกิน[/FONT]
[FONT=&quot]
๕. กินผลไม้จิ้มเกลือ แต่กินก๋วยเตี๋ยวกลับใส่น้ำตาล...เขาเคยกินอาหารแล้วใส่เกลือพริกไท หรือผลไม้แล้วเคลือบหวานๆเช่นช็อคโกแล็ต ไม่เหมือนเรานิ[/FONT]
[FONT=&quot]
๖. ฝรั่งถามว่าทำไมต้องพูด "เช็คบิล" เพราะภาษาอังกฤษนั้น เช็ค กับ บิล แปลเหมือนกันเลย[/FONT]
[FONT=&quot]
๗. ทำไมเพื่อนคนไทยชอบพูดว่าเมื่อคืนดวงซวยจัง น้องชายขับรถชนต้นไม้ ทั้งๆที่น้องชายกินเหล้าเมาแอ๋ขนาดนั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
๘. ทำไมต้องมีบ้านเล็กๆตั้งไว้หน้าบ้านทุกบ้านเลย เขาไม่รู้ว่านั่นคือศาลพระภูมิที่เราเคารพ ฝรั่งเขามีบ้านนกไว้สำหรับให้นกทั่วไปลงมาจิบน้ำ จิบอาหาร รูปลักษณะคล้ายๆกัน[/FONT]
[FONT=&quot]
๙. ฝรั่งงงภาษาของกระเป๋ารถเมลล์มาก พูดเหมือนกันเลย " ไป..ไป๊" เดี๋ยวก็หยุด เดี๋ยวก็ไป[/FONT]
[FONT=&quot]
๑๐. เวลาเล่นเน็ตทำไมคนไทยชอบพิมพ์ 555...[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
</td> </tr> </tbody></table>
คัดลอกเขามา

https://www.facebook.com/Nummuangklang, Line ID: siamaraya

หนุ่มเมืองแกลง, 22 สิงหาคม 2011

#2046
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 เมษายน 2007

โพสต์:

32,522

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+210,857

 [FONT=&quot]“ชีวิตสิ้นหวังไม่ได้” [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]“ถ้าคุณสิ้นหวังในชีวิต ก็คิดเสียว่าชีวิตที่สิ้นหวังตรงนั้นของคุณให้ทิ้งมันไปซะ แล้วกลับมา[/FONT]
[FONT=&quot]เริ่มต้นใหม่ ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ บางครั้งคุณทำแล้วคุณทำไม่ได้ คุณก็กลับมาลองทำใหม่อีกครั้ง[FONT=&quot][/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]คุณอาจจะทำได้ หรือไม่ก็เปลี่ยนสไตล์การดำเนินชีวิตของคุณไปเป็นอย่างอื่น ดีกว่าคุณจะมานั่งสิ้น[FONT=&quot][/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]หวังอยู่กับภาพผิดหวังเก่าๆ[FONT=&quot]”[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot] “เคยท้อ เคยคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะชีวิตความเป็นอยู่ของผมในแต่ละวันค่อนข้างลำบากมาก[/FONT]
[FONT=&quot]แต่สุดท้ายก็เลิกท้อ ต่อสู้มาได้ คิดได้ว่าลำบากอย่างไรก็ไม่ถึงกับต้องฆ่าตัวตาย อย่าไปทำร้ายชีวิตเรา[FONT=&quot][/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]กลับมาทำในสิ่งที่ดีๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปจะดีกว่า[FONT=&quot] ... ยิ่งผมมามีลูก ก็ถือว่าเป็นรางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และยัง[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]เป็นแรงบันดาลใจให้เราต่อสู้ชีวิตต่อไป อยากเลี้ยงตัวเองและครอบครัวให้ได้[FONT=&quot]”[/FONT][/FONT]

ความในใจจากชายพิการ
[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot][/FONT]

https://www.facebook.com/Nummuangklang, Line ID: siamaraya

หนุ่มเมืองแกลง, 22 สิงหาคม 2011

#2047
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 เมษายน 2007

โพสต์:

32,522

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+210,857

[FONT=&quot]ชีวิตคุณย่ำแย่[/FONT][FONT=&quot]จริงหรือ?[/FONT]

[FONT=&quot]แปลจากบทความของ [FONT=&quot]“โหว เหวินหย่ง” (เจ้าของผลงาน “เกิดมาซน”)[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]คุณเคยรู้สึกไหม ว่าชีวิตช่างลำบาก[FONT=&quot]
คุณไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างที่เป็นอยู่ คุณรู้สึกว่าชีวิตนั้นเป็นทุกข์ [/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]อาชีพการงานไม่ได้ดั่งใจ อะไร ๆ ก็ผิดพลาด สิ้นหวังไปหมด ?[/FONT]
[FONT=&quot]เรื่องราวต่อไปนี้ อาจจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่คุณมีต่อชีวิตคุณได้[/FONT]

[FONT=&quot]ผมสนทนากับเพื่อนคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานสองอย่าง[FONT=&quot] รายได้แต่ละเดือนหักลบรายจ่ายแล้วยังเหลือแค่พันกว่า แต่เขาก็มีความสุขมากแล้ว ผมแปลกใจมากที่เขามีความสุขขนาดนั้น เพราะเขามีรายได้น้อย ต้องประหยัดมัธยัสถ์ จึงจะพอมีเหลือเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่สูงอายุ พ่อตาแม่ยาย ภรรยาและลูกสาวอีกสองคน ไหนจะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จุกจิกภายในครอบครัว[/FONT][/FONT]

[FONT=&quot]เขาอธิบายให้ฟังว่า[FONT=&quot]
เป็นเพราะหลายปีก่อนเขาได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ประเทศอินเดีย ขณะนั้นเขาประสบปัญหาที่สาหัสมาก สภาพจิตใจตกต่ำ จึงไปเที่ยวอินเดียเพื่อให้สบายใจขึ้น เขาได้เห็นกับตา ที่ผู้หญิงชาวอินเดียคนหนึ่ง ถือมีดอีโต้ตัดแขนขวาของลูกตัวเอง สายตาที่หมดหวังของผู้หญิงคนนั้นและเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเด็กอายุสี่ขวบ
จนบัดนี้ยังวนเวียนอยู่ในใจเขามิรู้ลืม [/FONT][/FONT][FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]คุณอาจจะถามว่า ทำไมแม่คนนั้นจึงต้องทำเช่นนี้ ? เป็นเพราะลูกของเธอซุกซนเกินไปหรือเปล่า ? หรือเป็นเพราะแขนของเด็กติดเชื้อ ? ไม่ใช่ ที่แท้ทำไปเพื่อให้เด็กสามารถไปขอทานตามถนน! แม่ผู้สิ้นหวังคนนั้นจงใจทำให้ลูกตัวเองพิการ เพื่อเขาสามารถออกขอทานตามท้องถนนได้[/FONT]

[FONT=&quot]เพื่อนของผมคนนี้ตกใจแทบช๊อก[FONT=&quot] ขนมปังในมือของเขาที่เพิ่งกินได้ครึ่งก้อนตกหล่นลงพื้น ทันทีทันใดก็มีเด็ก ๆห้าหกคนกรูกันเข้ามา แย่งชิงขนมปังที่เลอะทรายบนพื้น เหมือนกับปฏิกิริยาอัตโนมัติเวลาผจญกับความหิวโหย เขาตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว[/FONT][/FONT][FONT=&quot] ไกด์ของเขาขับรถพาเขาไปยังร้านขนมปังที่ใกล้ที่สุด[/FONT][FONT=&quot] เขาเข้าไปในสองร้านของละแวกนั้น ขอซื้อขนมปังทั้งหมดในร้าน[/FONT]
[FONT=&quot]
เจ้าของร้านขนมปังแปลกใจมาก แต่ก็ยินดีขายขนมปังทั้งหมดให้เขา เขาใช้เงินทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งร้อยเหรียญ ซื้อขนมปังมาประมาณสี่ร้อยกว่าก้อน (ตกก้อนละไม่ถึง 25 เซน) แล้วใช้อีกหนึ่งร้อยเหรียญซื้อของใช้ประจำวัน[/FONT][FONT=&quot]และแล้วเขาก็นั่งบนรถบรรทุกที่บรรทุกขนมปังไว้เต็มคันรถ ขับไปบนถนน[/FONT][FONT=&quot] ขณะที่เขาแจกจ่ายขนมปังและของใช้ประจำวันให้กับเด็ก ๆซึ่งพิการเป็นส่วนใหญ่นั้น พวกเขาล้วนโค้งคำนับให้ด้วยความดีใจ นั่นเองเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดได้ว่า ทำไมคนเราจึงสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีของตนเอง เพียงเพื่อชิ้นขนมปังราคาไม่ถึง 25 เซนต์[/FONT]
[FONT=&quot]
เขาเริ่มบอกตนเองว่าตนเองนั้นโชคดีแค่ไหน เขามีร่างกายครบสามสิบสอง มีอาชีพการงาน มีครอบครัว มีโอกาสบ่นว่าอาหารชิ้นไหนดี อาหารชิ้นไหนไม่อร่อย มีโอกาสสวมใส่เสื้อผ้า มีโอกาสครอบครองสิ่งของมากมายที่คนเหล่านี้ไม่มี ตอนนี้[/FONT]
[FONT=&quot]
ผมเริ่มคิดได้และตระหนักได้ว่า ชีวิตของผมมันย่ำแย่จริงหรือ ? บางที มันอาจไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้นก็ได้ คุณล่ะ [FONT=&quot]? บางทีเมื่อครั้งหน้าคุณรู้สึกว่าชีวิตของตนกำลังย่ำแย่ ลองคิดถึงเด็กคนที่ต้องเสียแขนเพื่อเป็นขอทานคนนั้นดูสิ ![/FONT][/FONT]

[FONT=&quot]ความรู้สึกพอ ไม่ใช่มาจากการเติมเต็มสิ่งที่คุณต้องการ[FONT=&quot] แต่มาจากการตระหนักว่าคุณมีมากมายและเพียงพอ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง[FONT=&quot] ประตูอีกบานหนึ่งก็จะเปิดออก แต่บ่อยครั้งเรามัวแต่จ้องบานประตูที่ปิดลงเท่านั้น ไม่ได้สังเกตเห็นประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดออกเพื่อเรา จริงอยู่ พวกเรามักจะรู้ว่าตนเอง มี ก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมัน แต่พวกเราก็ต้องคอยจนกว่าของสิ่งนั้นมาถึง จึงจะรู้ตัวว่าเราไม่มีมัน[/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]
การมอบความรักทั้งหมดให้กับผู้อื่น มิได้หมายความว่าเราจะได้รับความรักตอบกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน อย่าหวังว่ารักผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะรักตอบ จงสนใจแค่ให้ความรักนั้นเติบโตขึ้นในใจพวกเขา แต่ถ้าไม่เติบโตขึ้นเลย ก็จงพอใจกับความรักที่เติบโตขึ้นในใจของคุณเอง[/FONT]

[FONT=&quot]หนึ่งนาทีจึงจะทำลายคน ๆ หนึ่งได้ [/FONT]
[FONT=&quot] หนึ่งชั่วโมงจึงจะชอบคน ๆ หนึ่งได้[FONT=&quot]
หนึ่งวันจึงจะรักคน ๆ หนึ่งได้ [/FONT][/FONT]
[FONT=&quot]แต่ต้องใช้เวลาตลอดชั่วชีวิต จึงจะลืมคน ๆหนึ่งได้
[/FONT]
[FONT=&quot]จงอย่ามองเพียงรูปภายนอก เพราะสักวันมันจะหลอกคุณ
จงอย่ามองแค่ความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ เพราะสักวันมันจะซีดจางลง
หาใครสักคนที่ยิ้มให้คน เพราะเมื่อมีร้อยยิ้ม จะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น
หาใครสักคนที่ทำให้คุณอมยิ้มได้จากใจจริง บางครั้งเมื่อคุณคิดถึงใครสักคน
ความคิดถึงนั้นอาจถึงขั้นให้คุณคว้าตัวเขาออกมาจากความฝัน โอบกอดตัวเขาเอาไว้
ไล่ตามความฝันของคุณเอง ไปยังที่ ๆ คุณอยากไป เป็นอย่างคนที่คุณอยากเป็น
เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว ซึ่งหมายถึงมีเพียงโอกาสเดียว ในการทำสิ่งที่คุณอยากทำ[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]ปล. ตัดมาจาก [FONT=&quot]www.china2learn.com[/FONT][/FONT]

แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2011

https://www.facebook.com/Nummuangklang, Line ID: siamaraya

หนุ่มเมืองแกลง, 22 สิงหาคม 2011

#2048
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 เมษายน 2007

โพสต์:

32,522

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+210,857

<table class="MsoNormalTable" style="width:543.75pt; mso-cellspacing:1.5pt;background:#E2E2E2;border<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif"="" alt="" title="Surprised" smilieid="34" border="0"><tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="border:inset #FAC963 1.0pt;mso-border-alt:inset #FAC963 .75pt; background:#ECFAE0;padding:0cm 0cm 0cm 0cm"> [FONT=&quot]วิธีสลัดเรื่องไร้สาระออกจากใจ[/FONT]
</td> </tr> </tbody></table>

<table class="MsoNormalTable" style="width:543.75pt; mso-cellspacing:1.5pt;border<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif"="" alt="" title="Surprised" smilieid="34" border="0"><tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="border:inset #FAC963 1.0pt;mso-border-alt:inset #FAC963 .75pt; background:white;padding:0cm 0cm 0cm 0cm">
<table class="MsoNormalTable" style="width:100.0%;mso-cellspacing:0cm;mso-yfti-tbllook:1184;mso-padding-alt: 2.25pt 2.25pt 2.25pt 2.25pt" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes"> <td style="background:#FFFFCC;padding:2.25pt 2.25pt 2.25pt 2.25pt">
</td> </tr> <tr style="mso-yfti-irow:1"> <td style="padding:2.25pt 2.25pt 2.25pt 2.25pt" valign="top">
<table class="MsoNormalTable" style="width:95.0%;mso-cellspacing:1.5pt;mso-yfti-tbllook:1184;mso-padding-alt: 1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt" border="0" cellpadding="0" width="95%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="padding:1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt" valign="top"> <table class="MsoNormalTable" style="mso-cellspacing:1.5pt;background:whitesmoke;mso-yfti-tbllook: 1184;mso-table-lspace:2.25pt;mso-table-rspace:2.25pt;mso-table-anchor-vertical: paragraph;mso-table-anchor-horizontal:column;mso-table-left:left; mso-padding-alt:1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt" align="left" border="0" cellpadding="0"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes"> <td style="padding:1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt">

</td> </tr> <tr style="mso-yfti-irow:1;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="padding:1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt">
</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
</td> </tr> <tr style="mso-yfti-irow:2;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="padding:2.25pt 2.25pt 2.25pt 2.25pt" valign="top">
<table class="MsoNormalTable" style="width:95.0%;mso-cellspacing:1.5pt;mso-yfti-tbllook:1184;mso-padding-alt: 1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt" border="0" cellpadding="0" width="95%"> <tbody><tr style="mso-yfti-irow:0;mso-yfti-firstrow:yes;mso-yfti-lastrow:yes"> <td style="padding:1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt" valign="top"> [FONT=&quot]
บทความที่นำมาเสนอจากหนังสือเรื่อง Don´t Sweat the Small Stuff แต่งโดย Richard Carlson

ผู้แต่งเชื่อว่านิสัยเกิดจากการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
นิสัยเหล่านี้จะเกิดขึ้นเองตามสภาวะธรรมชาติและเกิดขึ้นบ่อยครั้งเสียจนเรา ไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งผิดปกติหรือเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข
แต่หารู้ไม่ว่านิสัยที่ไม่ดีของเราเหล่านี้จะเป็นตัวบั่นทอนพลังชีวิต
ทำให้เราหมดกำลังใจ และทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ดังนั้น
ผู้แต่งจึงชี้ให้เห็นถึงนิสัยที่ไม่ดีและมิจฉาทิฐิที่ควรแก้ไข ดังนี้

1. ความคิดที่ว่าเมื่อประสบปัญหาต้องรีบแก้ไขทันที
ในช่วงที่ประสบปัญหาจิตใจจะวกวนสับสน เครียด อึดอัด มึนงง
เศร้าสลดหดหู่ไม่ควรที่จะขบคิดแก้ไขปัญหาใด ๆ เพราะยิ่งคิดยิ่งมึนงง
มองไม่เห็นทางออก หรือถ้าคิดออกความคิดที่ได้ก็ไม่เฉียบคม
วิธีแก้ หยุดคิด ทำใจให้สบาย ๆ ปล่อยวาง เมื่อจิตใจสงบจึงค่อยเริ่มแก้ไขปัญหา
แก้ไขปัญหาที่พอจะแก้ไขได้ก่อน
ปัญหาที่รุนแรงและเรื้อรังยากที่จะแก้ไขได้โดยทันที ก็ให้ค่อย ๆ
แก้ไขไปทีละเปลาะสองเปลาะ เมื่อปัญหาลดน้อยลงจะทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น
ปัญหาที่ยากย่อมต้องใช้เวลา ความพยายาม ความอดทน และความต่อเนื่องเป็นธรรมดา

จงยอมรับความเป็นจริงทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา
คิดถึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น(Worst case scenario)
แล้วทำใจยอมรับให้ได้ เมื่อนั้นจิตใจจะสงบ
และในความเป็นจริงมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดไว้ก็ได้
จะทำให้เรายิ่งมีกำลังใจที่จะขบคิดแก้ไขปัญหาต่อไป

2. หงุดหงิดรำคาญใจ ทุกสิ่งทุกอย่างขัดหูขัดตาไปหมด ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
บุคคลที่มีความคิดประเภทนี้จะมีจิตใจคับแคบ ไม่รู้จักให้อภัยผู้อื่น
เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ชี้ถูกชี้ผิดอยู่ตลอดเวลา
นิดหนึ่งก็ไม่ได้นิดหนึ่งก็ไม่ยอม จิตใจร้อนรุ่ม หาความสุขไม่ได้
ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรืออยากทำงานด้วย มีศัตรูเต็มไปหมด
สุขภาพเสื่อมโทรมโรคภัยรุมเร้าเพราะมีความเครียดอยู่ตลอดเวลา
วิธีแก้รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
ไม่มีใครสามารถทำตามใจเราได้ทุกอย่าง
ทำอะไรก็ตามให้อยู่ในระดับกลาง ๆ พอดี ๆ ไม่ต้องสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง
พูดจาให้นุ่มนวลอ่อนหวาน สบาย ๆ ไม่ต้องเอาเป็นเอาตาย
เอาจริงเอาจังไปเสียทุกเรื่อง

3. บ้างาน คิดว่าตนเองมีงานล้นมือ
ทุกอย่างมีแต่ความรีบเร่งจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
คนที่รีบเร่งทำงานหลาย ๆ อย่างแต่ทำไม่เสร็จซักอย่าง งานส่วนใหญ่มักจะไม่มีสาระ
ไม่สำคัญ ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นเพราะการรีบเร่งทำงานอยู่ตลอดเวลาจิตจะไม่ว่าง
กิริยาจะร้อนรน ขาดสติสัมปชัญญะ
ขาดความระมัดระวังทำให้ไม่รู้ตัวว่าตนกำลังทำสิ่งที่ไร้สาระอยู่
เมื่อพลังงานส่วนใหญ่สูญเสียไปกับการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
งานที่ออกมาก็ไม่มีประสิทธิภาพ
เมื่อโดนตำหนิก็เกิดความเครียดทำให้ต้องรีบสร้างผลงานมากขึ้นเพื่อชดเชยความผิด
แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งผิด วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ไม่มีที่สิ้นสุด

วิธีแก้เลือกทำในสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมายในชีวิตถามตนเองว่าสิ่งที่กำลังทำ
กำลังพูด และกำลังคิดอยู่นี้จะทำให้เรามีความสุขขึ้น เป็นคนดีมากขึ้น
มีสติปัญญามากขึ้น และมีเงินทองมากขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ก็ให้ตัดทิ้งเสียเช่น
การนินทาว่าร้ายเจ้านาย เป็นต้น ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะสิ่งต่าง ๆ
ที่ทำในปัจจุบันจะส่งผลไปยังอนาคตอย่างแน่นอน ให้บอกตนเองเสมอว่า
ในโลกนี้มีงานต่าง ๆ อีกมากมายทำเท่าไรก็ทำไม่หมดหรอก
ทำแต่สิ่งที่สำคัญเท่านั้นก็พอ ให้ตระหนักถึงสัจธรรมที่ว่า
ถึงแม้ว่าเราจะจากโลกนี้ไป โลกมันก็ยังคงดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องมีตัวเรา
อย่าสำคัญตัวเองมากนัก หยุดทำงานทุกอย่าง นั่งสงบนิ่งดูลมหายใจ (อาณาปาณสติ)
สัก 15 นาที เจริญมรณานุสติโดยการคิดว่าถ้าจะต้องตายในอีก 7 วันข้างหน้า
เราอยากทำสิ่งใดมากที่สุด
(แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับบุคคลที่เป็นโทสะจริตเพราะมีมรณานุสติเป็นอารมณ์อยู่แล้ว)

4. คิดเอาตนเองเป็นใหญ่และคิดอาฆาตแค้นพยาบาทคนอยู่ตลอดเวลา
ความคิดนี้เป็นความคิดในแง่ลบ (Negative thinking) ซึ่งเป็นตัวบั่นทอนพลังชีวิต
ทำให้เราเป็นคนย้ำคิดย้ำทำและเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายโดยที่เราไม่รู้ตัว การกระทำ
คำพูดและแววตาจะแสดงออกมาด้วยความก้าวร้าวรุนแรง
วิธีแก้ให้ระมัดระวังความคิดในแง่ลบ
เมื่อมีความคิดเหล่านี้โผล่ขึ้นมาเองไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องคิดต่อ
ให้เปลี่ยนเรื่องคิดทันที
ให้หันมาคิดในแง่บวกแทนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดเองตามธรรมชาติจะต้องสร้างขึ้นมา
ทำใจยอมรับว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความคิดที่เป็นอกุศลเช่น ความอิจฉาริษยา
ความอาฆาตพยาบาท ความมีอัตตาตัวตน และความยึดมั่นถือมั่น เป็นต้น
ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้รวมทั้งตัวเราเอง ทุกคนเท่าเทียมกันหมด
เราจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินผู้อื่นว่าถูกหรือผิด
หากเรายอมรับความเป็นจริงในข้อนี้ได้
เราจะรู้จักให้อภัยผู้อื่นและให้อภัยตัวเอง รู้จักสำรวมคำพูดและการกระทำมากขึ้น
พยายามประคับประคองความคิดที่ดีให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

5. คิดดูถูกผู้อื่น และชี้ถูกชี้ผิดอยู่ตลอดเวลา
ความคิดเหล่านี้จะทำให้เรามีจิตใจคับแคบ ไม่มีเมตตาต่อผู้อื่น
มีความเครียดเป็นอาจิณ วิธีแก้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
หัดเข้าใจความคิดและอารมณ์ของผู้อื่นว่าทำไมเขาถึงพูดหรือทำเช่นนั้น
และถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา เราอาจจะทำแบบเดียวกับเขาก็ได้ เป็นต้น
ยอมรับว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่คิดเหมือนกับเรา ดังนั้น
การมีความคิดที่ขัดแย้งกันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่มีใครถูกใครผิดหัดฟังมากกว่าพูด สักแต่รู้สักแต่เห็น
รับรู้ทุกอย่างแต่อย่าคิดต่อ
ไม่ต้องหาเหตุหาผลไปซะทุกเรื่องพิจารณาอารมณ์ของตนเองว่าในขณะนี้เราสุข ทุกข์
หรือเฉย ๆ เพื่อหยุดความคิดซึ่งป็นบ่อเกิดแห่งอัตตาตัวกูของกู

6. คิดเอาชนะผู้อื่น
การโต้เถียงเอาชนะผู้อื่นเพียงเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช้เหตุ
และยังเป็นการสร้างศัตรูโดยที่เราไม่รู้ตัว

วิธีแก้พูดเท่าที่จำเป็นพูดแต่สิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์
รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง หัดฟังมากกว่าพูด และเอาใจเขามาใส่ใจเรา
พยายามประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ
หลีกเลี่ยงการโต้เถียงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

7. คิดทวงบุญคุณจากผู้อื่น
การทวงบุญคุณจะทำให้จิตใจคับแคบ เต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่พอใจ ลังเลสงสัย
จิตใจสกปรกขุ่นมัวเพราะเป็นการทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน
วิธีแก้ ช่วยเหลือโดยไม่ต้องคำนึงถึงผู้ให้ในที่นี้คือตัวเรานั่นเอง
ควรให้เพราะอยากช่วยเหลือไม่ต้องมีตัวเขาเราท่าน
ช่วยเหลือโดยไม่ต้องคำนึงถึงผู้รับ
คนไหนพอช่วยได้ให้ช่วยไปเลยไม่ต้องจำกัดว่าช่วยเพราะเป็นญาติเรา
หรือช่วยเพราะเขาทำดีกับเรา เป็นต้น ช่วยแล้วหันหลังกลับ ไม่หวังผลตอบแทน

8. คิดกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
การคิดวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงจะทำให้จิตใจว้าวุ่น สับสน
เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับปัจจุบัน
วิธีแก้ รู้เนื้อรู้ตัวว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำแล้วเกิดผลอะไร
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด คิดโกรธเกลียดหมั่นไส้ผู้อื่น ความโกรธ เกลียด รำคาญ
และไม่ชอบหน้าบุคคลที่เคยทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจเป็นนิสัยที่เกิดได้กับมนุษย์ทุกคน
แต่เมื่อมีความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในจิตใจเราควรระมัดระวังไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้า
แววตา น้ำเสียง และการกระทำ นอกจากนั้น เราควรมองบุคคลเหล่านั้นในแง่บวกเช่น
คนที่ตำหนิติเตียนเรานั้นอาจจะกำลังสอนให้เรารู้จักทำงานให้เป็นระเบียบมากขึ้น
หรือคนนินทาว่าร้ายเรานั้นอาจจะกำลังสอนให้เรารู้จักวางตัว พูดเท่าที่จำเป็น
เพราะเขารู้เรื่องของเราหมดจึงเอาไปคุยกันจนสนุกปาก เป็นต้น

9. คิดน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง
การคิดน้อยใจในชะตากรรมของตัวเองเช่น เกิดมายากจน รูปร่างไม่ดี หน้าตาไม่สวย
เรียนหนังสือไม่เก่ง หรือทำอะไรก็สู้เขาไม่ได้ เป็นต้น
การคิดเช่นนี้นอกจากจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจตัวเองแล้วยังทำให้ชีวิตจมปลักไม่ก้าวหน้าไปไหน
เพราะมัวแต่ย้ำคิดย้ำทำแต่สิ่งเดิม ๆ

วิธีแก้ จงพอใจในสิ่งที่ตนมี และอย่าคิดเปรียบเทียบกับคนอื่น
ระลึกและจดจำในสิ่งดี ๆ ที่เราได้รับจากคนรอบข้าง
รู้จักและยอมรับตนเองทั้งจุดเด่นและจุดด้อย
พัฒนาและใช้จุดเด่นของเราให้เป็นประโยชน์และปรับปรุงจุดด้อยหรือหาสิ่งอื่นมาทดแทน
เรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต
ลืมอดีตที่ขมขื่นเพื่อทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คิดในแง่บวก
และพยายามประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา

10. นิสัยมองโลกในแง่ร้ายและคิดว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว
การคิดเช่นนี้จะยิ่งเป็นการตอกย้ำความคิดในแง่ลบให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ
มองความจริงไม่ตรงตามความเป็นจริง ปัญหาเล็ก ๆ
ก็ตีโพยตีพายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จิตใจคับแคบ
หาความสุขไม่ได้เพราะจะคอยจับผิดผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
วิธีแก้คิดถึงประสบการณ์ดี ๆ ที่เราได้รับจากคนรอบข้างเช่น
คิดถึงบุคคลที่มีบุญคุณหรือมีน้ำใจกับเรา เป็นต้นพยายามมองโลกในแง่บวก
อย่าปล่อยให้จิตมันคิดเอง

11. คิดว่าโลกนี้มีแต่ปัญหาเต็มไปหมด แก้เท่าไรก็ไม่หมดเสียที
การคิดเช่นนี้นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วรังแต่จะเป็นตัวบ่อนทำลายกำลังใจของเราเองเสียอีก
วิธีแก้ ให้มองปัญหาเสมือนด่านทดสอบความอดทน ตัวฝึกฝนทักษะในการแก้ปัญหา
และเป็นแหล่งปัญญาที่หาไม่ได้จากในหนังสือ
มองปัญหาในแง่บวกว่ามันอาจจะเป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่ความหายนะจะเกิดขึ้นก็ได้
ปัญหาทำให้เราเห็นข้อบกพร่องที่เราอาจจะมองข้ามไป
มองปัญหาเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบ อันไหนพอแก้ได้ก็ทำไปก่อน
คิดในแง่บวกและตั้งจิตว่าจะประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา

12. คิดว่าเราเก่งกว่าผู้อื่น ฉลาดกว่าผู้อื่น หรือร่ำรวยกว่าผู้อื่น
ความคิดเช่นนี้จะส่งผลให้พฤติกรรมที่แสดงออกมาเต็มไปด้วยความหยิ่งยะโสโอหัง
อวดดี ถือตัว มองผู้อื่นด้วยสายตาดูถูกดูแคลน วาจาจะรุนแรงและสามหาว
บุคคลรอบข้างจะรังเกียจ หมั่นไส้ และอิจฉาริษยา
ซึ่งเป็นการสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว
วิธีแก้ ระมัดระวังคำพูด ความคิด และการกระทำ
ต้องมีสติรู้เนื้อรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา หัดมองตัวเอง เลิกเปรียบเทียบกับผู้อื่น
อยากวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น

13. การด่าทอ เหน็บแนม ประชดประชัน และวิพากษ์วิจารณ์
เป็นอกุศลวาจาที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับผู้อื่น
ซึ่งเป็นการสร้างศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนั้น
ความคิดเหล่านี้ยังเป็นที่มาของความโกรธ ความเกลียด
และความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจมนุษย์อีกด้วย

วิธีแก้ คิดก่อนพูดและไม่ต้องพูดทุกอย่างที่เราคิด
ถ้าพูดแล้วไม่สร้างสรรค์นิ่งเสียจะดีกว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา
ในโลกนี้ไม่มีใครชอบถูกวิพากษ์วิจารณ์แม้แต่ตัวเราเอง [/FONT]
</td> </tr> </tbody></table>
</td> </tr> </tbody></table>
</td> </tr> </tbody></table>

https://www.facebook.com/Nummuangklang, Line ID: siamaraya

หนุ่มเมืองแกลง, 22 สิงหาคม 2011

#2049
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 เมษายน 2007

โพสต์:

32,522

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+210,857

[FONT=&quot]ถูกนินทาว่าร้าย ทำอย่างไรจึงจะหายทุกข์[/FONT]

1. เป็นธรรมดาของโลก ให้คิดว่านี่เป็นธรรมดาของโลก ไม่เคยมีใครสักคนบนโลกนี้ที่รอดพ้นจากคำนินทา เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าของเรา ขนาดท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐบริสุทธิ์สูงสุด แต่ท่านก็ยังไม่พ้นถูกคนพาลกล่าวโจมตีว่าร้ายจนได้ แล้วนับประสาอะไรกับเราที่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญที่ยังมีทั้งดีและชั่วจะรอด พ้นปากคนนินทาไปได้ คิดอย่างนี้แล้วจะได้สบายใจว่า การถูกนินทานี่เป็นแค่เรื่องธรรมดา เกิดขึ้นมาพร้อมกับโลก (โลกธรรม) และ ยังคงมีอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย

2. ให้มีจิตใจมั่นคงดุจภูผาถ้าเรามีความบริสุทธิ์ใจ ทำการงานด้วยความตั้งใจปรารถนาดี แต่แล้วก็ยังไม่พ้นถูกคนนินทา กล่าวร้ายว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ขอให้เรามีความมั่นใจในความดีของเรา อุปมาภูผาหินแท่งตันไม่หวั่นไหวในลมพายุฉันใด บัณฑิตผู้มีจิตใจหนักแน่นในความดี ย่อมไม่หวั่นไหวในคำสรรเสริญ และ คำนินทาแม้ฉันนั้น

3. ให้มีจิตเมตตาสงสารผู้นินทาให้คิดด้วยความเมตตากรุณาว่า คนที่นินทาเรานั้น ย่อมกระทำไปด้วยความอิจฉาริษยา เขาจะต้องเผาลนจิตใจของเขาให้ร้อนรุ่มเสียก่อน จึงจะสามารถพูดนินทาว่าร้ายคนอื่นออกมาได้ ให้คิดเมตตาสงสาร แทนที่จะไปโกรธเคืองเขา อนึ่ง คนที่ชอบกล่าววาจาส่อเสียด หรือ ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น โดยปรกติเขาย่อมเป็นผู้หามิตรสหายที่ใกล้ชิดไม่ค่อยได้ เพราะไม่เคยมีใครไว้วางใจคนที่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ให้คิดเห็นใจเขาในฐานะที่เขาต้องเป็นผู้อยู่ในโลกนี้ด้วยความรู้สึกโดด เดี่ยว เพราะเขาย่อมหาเพื่อนแท้ไม่ได้

4. คิดหาประโยชน์จากคำนินทาคนที่คิดกล่าวร้ายเรา บางทีเขาต้องไปนั่งคิดนอนคิดหาจุดอ่อนในตัวของเรา เพื่อเอามาพูดโจมตี บางทีจุดอ่อนเหล่านี้ตัวเราเองก็มีอยู่จริงแต่ทว่าเราไม่รู้ตัวมาก่อน นี้เป็นประโยชน์มาก เพราะเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาปรับปรุงตนเองได้ ดังนั้นเราจึงควรที่จะขอบคุณคนนินทาเรา เพราะเขาอุตส่าห์ไปนั่งคิดนอนคิดช่วยค้นหาข้อมูลมาช่วยให้เราปรับปรุงตนเอง

5. คิดวิเคราะห์ให้เห็นปัญหาสังคมสังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง คือเน้นเรื่องการใช้อำนาจครอบงำกันและกัน จึงมีการปลูกฝังสอนให้คิดแข่งดีแข่งเด่น คิดเหนือผู้อื่น สอนให้อยากเป็นใหญ่เป็นโต (มานะ) มาตั้งแต่โบราณ (คาดว่าไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปี คือตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น) ทำให้คนไทยเรา เวลาเห็นใครทำดี ก็มักจะเกิดความริษยาโดยไม่รู้ตัว คือทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นดีกว่าตน สังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่งเช่นนี้ ผู้คนจึงมักจะชอบนินทาว่าร้ายกันและกันเป็นเรื่องธรรมดา

ถ้าคิดวิเคราะห์ได้ เช่นนี้แล้วก็สบายใจ ไม่ต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก ให้ถือว่าการที่เราถูกนินทานี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ทางสังคมก็แล้ว กัน มันเป็นเช่นนั้นเอง ในอนาคตไม่แน่ หากมีการศึกษาเรื่องพุทธธรรมกับสังคมไทยกันอย่างจริงจัง บางทีเราอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคมจาก “แนวดิ่ง” ให้เป็น “แนวราบ” คือ คนไทยมีความเสมอภาคกัน ไม่ถืออำนาจเป็นใหญ่ แต่ถือความถูกต้องดีงามเป็นใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นสังคมที่เต็มไปด้วยการนินทาว่าร้ายก็จะลดน้อยลงไปเองตาม ธรรมชาติ แล้วภาษิตยอดฮิตที่ว่า “สังคมเสื่อมถอยเพราะคนดีท้อแท้” หรือ “ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย” จะได้เลิกใช้กันเสียที

https://www.facebook.com/Nummuangklang, Line ID: siamaraya

หนุ่มเมืองแกลง, 22 สิงหาคม 2011

#2050
eak_it เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

15 กันยายน 2010

โพสต์:

221

ค่าพลัง:

+225

สวัสดีครับ พี่หนุ่ม มาเมื่อไหร่มีแต่สิ่งดีๆมาฝากนะครับ
กำลังติดตามกะทู้ภาค1 อยู่ ถ้าติดตามจบจะมาแชร์ประสบการณ์บ้าง
แต่ตอนนี้ขอเก็บเกี่ยวก่อนนะครับ

eak_it, 22 สิงหาคม 2011

#2051
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 เมษายน 2007

โพสต์:

32,522

กระทู้เรื่องเด่น:

1

ค่าพลัง:

+210,857

เมื่อวันหยุดที่ผ่านมานี้ได้มีโอกาสคุยกับพรรคพวกเพื่อนฝูงในวงการพระเครื่องซึ่งมากมายเรื่องราวให้รับฟัง มีเรื่องหนึ่งที่รับฟังมาและระคายใจจนทำให้ต้องหยุดคิด(แต่จะไม่หยุดทำ) ทั้งสาดสี ใส่โคลน เสริมแต่งเรื่องสารพัดที่จะพูดกัน ในการสร้างวัตถุมงคลชุดหาเงินทำศาลาวัดหนองสะเดา-วัดหนองปลาหมอของผมในครั้งนี้ และยังรวมถึงการสร้างพระขุนแผน-เหรียญลป.ทิมหลังพระเจ้าตาก หารายได้ให้วัดละหารไร่ของคุณ วุธ จันทบุรี ที่เราสองคนมักจะเอาเข้าร่วมพิธีด้วยกันหลายครั้งแต่ละครั้งก็เป็นพิธีใหญ่ และยังจะทำให้เต็มสูตรมากที่สุด โดยจัดเพิ่มเติมอีกหลายพิธี มีการปลุกเสกเดี่ยวอีกหลายครั้งจนพอใจก่อนจะจัดส่งมอบให้ผู้บูชา

อยากจะทำให้ต่างจากคนขายพระเป็นอาชีพที่ชอบสร้างแบบง่ายๆ เอาเร็วเข้าว่าเหมือนดูถูกคนบริโภค ที่คิดว่าอะไรก็ได้ โฆษณาเข้าไว้มากๆคนภายนอกไม่รู้อะไรกันหรอก แต่พวกเราเห็นตรงกันว่าอยากทำให้มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนทั้งรูปแบบ เนื้อหาและพิธีการที่ครบถ้วนจริงๆ จนหลายคนที่ทำพระขายเป็นอาชีพมองว่า โอเวอร์เกินจำเป็นและเหมือนคนอื่นทำได้ไม่ดีพอ แต่พวกเราคิดว่ามันจำเป็นที่ต้องทำให้ดีครบถ้วน เราไม่มีเจตนาจะเกทับใคร ไม่ต้องการจะเปรียบเทียบกับการสร้างวัตถุมงคลของใคร เพียงแต่อยากทำให้ดีพร้อมมากที่สุด เพราะวัตถุมงคลส่วนหนึ่งนั้น คนสร้างและลูกหลานญาติพี่น้องเองก็จะเก็บไว้ใช้ด้วยเช่นกัน เมื่อทำแล้ว เหนื่อยแล้ว ก็ต้องได้ของดีมากพอกับที่ตั้งใจไว้ ไม่อย่างนั้นพวกเราไม่ลากสังขารไปเป็นพันๆกิโลเมตรเพื่อจัดพิธีที่วัดเขาอ้อ อุบลฯ เชียงราย และที่อื่นๆอีกมากล้วนแต่ไกลๆทั้งนั้น สู้จัดพิธีเดียวที่วัด ลงทุนน้อย ไม่ต้องเหนื่อยมากมาย ขอเพียงโฆษณาให้มากเข้าไว้ แล้วทุกอย่างก็จบสิ้นง่ายๆ ซึ่งหากจะทำแบบนั้นเราคงไม่กล้าทำ

https://www.facebook.com/Nummuangklang, Line ID: siamaraya

หนุ่มเมืองแกลง, 22 สิงหาคม 2011

#2052
aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

26 กุมภาพันธ์ 2007

โพสต์:

2,031

ค่าพลัง:

+11,622

kong2 said: ↑

ถ้าพี่หนุ่มได้สร้างพระนารายณ์องค์ฐาน5 นิ้ว สูง 12 นิ้ว ผมก็จะขอจองบูชาด้วย1องค์ครับ สวยงามจริงๆครับ เชื่อว่ายากจะหาคนเอาใจใส่ทุกลายละเอียดแบบพี่หนุ่มได้อีกแล้ว
Click to expand...

ผมจองด้วยนะครับ 1 องค์ ที่เคยคุยกับพี่หนุ่มไว้ว่าสนใจน่ะครับ พี่หนุ่มว่าให้รอจองในกระทู้ครับ ขอบคุณมากครับ

[FONT=&quot]เวลาเหลือไม่มากแล้ว ให้รีบพากันปฏิบัติ[/FONT]

aries2947, 22 สิงหาคม 2011

#2053
krai2499 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

2 มีนาคม 2009

โพสต์:

224

ค่าพลัง:

+291

"ขุนเขาไม่สะเทือนเพราะแรงลมฉันใด บัณฑิตก็ไม่หวั่นไหวเพราะนินทาและสรรเสริญฉันนั้น"
ขออนุโมทนาในจิตที่ตั้งมั่นดีแล้ว เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ฝากไว้ในพระศาสนา...!!!

แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 สิงหาคม 2011

krai2499, 22 สิงหาคม 2011

#2054
พญาสุกร เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 พฤษภาคม 2011

โพสต์:

440

ค่าพลัง:

+135

เป็นกำลังใจพี่หนุ่มมต่อไปครับผมม

พญาสุกร, 22 สิงหาคม 2011

#2055
พญาสุกร เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 พฤษภาคม 2011

โพสต์:

440

ค่าพลัง:

+135

ถึงพี่หนุ่มๆครับพอดีผมมีลูกชายอายุสี่ขวบ อยากถามว่าถ้าจะให้แขวนควรเลือกองค์แบบไหนดีครับในชุดสร้างศาลาการเปรียญวัดหนองสะเดาที่จะไม่ใหญ่มากไปเหมาะสำหรับเด็กครับ ถ้ามีขนาดสำหรับเด็กและสตรีด้วย จะเหมาะมากๆๆเลยครับพี่หนุ่ม ขอบพระคุณครับ

พญาสุกร, 22 สิงหาคม 2011

#2056
มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 กรกฎาคม 2010

โพสต์:

1,376

ค่าพลัง:

+4,390

สวัสดีครับ

หนุ่มเมืองแกลง said: ↑

ปกตินักเลงพระ มักจะเป็นนักเลงอื่นๆไปด้วยพร้อมกัน (นักเลงในที่นี้คือชอบและใฝ่หา) โดยเฉพาะปืนและสาวสวย ที่มักแนบชิดไปกับคำว่านักเลงพระเหมือนกับเป็นยาสั่ง ที่หนักกว่านั้นคือนักเลงการพนัน ที่มักสิงสถิตย์อยู่ในกมลสันดานของนักเลงพระบางส่วนจนเสียผู้เสียคนไปก็มาก หากเป็นคนชอบสะสมพระก็มักจะไม่พ้นชอบสะสมคนงาม ดังนั้นจะเห็นง่ายๆในขั้นต้นว่า คนที่เริ่มเล่นพระใหม่ๆมักจะสนใจแต่พระขุนแผน ถามว่าเพื่ออะไร ทำไมต้องเป็นพระขุนแผน คำตอบคือ อยากมีเสน่ห์มากๆ

ชีวิตในความเป็นจริงที่ต้องพบเจอนั้น มีหลายเรื่องสำคัญกว่าเสน่ห์ มีบางอย่างให้ผลกับชีวิตมากกว่าแค่เรื่องหญิงกับชาย หากใครได้ผ่านมากว่าครึ่งชีวิตแล้วลองนั่งคิดดูก็จะรู้ว่าจริงหรือไม่ สุดปลายทางของความต้องการนานับประการนั้นคือ ความสุข ที่อาจมาจากความสงบในชีวิตที่พบเจอ อาจมาจากทรัพย์ที่ช่วยให้สบายขึ้น อาจมาจากครอบครัวที่อบอุ่น แต่ทุกอย่างมีตัวเราเป็นศูนย์กลางที่รับผลของทุกอย่างทั้งรูปธรรมและนามธรรม ทั้งทางตรงและทางอ้อม หากเข้าใจโลกธรรมมากขึ้น ความสุขก็หาได้ไม่ยากนัก
Click to expand...

ถูกต้อง และถูกใจมากเลยครับตรงข้อความนี้

"จิตมนุษย์ใช่ว่าสุดจะหยั่งคาด สรรพสิ่งสามารถค้นศึกษา"

มังกรน้อย101, 22 สิงหาคม 2011

#2057
ฌานกร เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

5 กันยายน 2010

โพสต์:

1,433

ค่าพลัง:

+14,651

เป็นกำลังใจให้อาจารย์หนุ่ม และทีมงานทุกท่านครับเชื่อมั่นและศรัทธา ทั้งคนสร้างทั้งพระทั้งพิธีครับ

สักวันต้องเป็นวันของเรา

ฌานกร, 22 สิงหาคม 2011

#2058
รักรังสิต เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

21 ตุลาคม 2010

โพสต์:

2,418

ค่าพลัง:

+17,140

ต้องขอบคุณพี่หนุ่มและคุณวุธ ที่ได้ทำในสิ่งที่แตกต่างจากนักสร้างพระทั่วไป อาจจะดูเว่อในสายตานักสรางพระที่มักง่ายเอาเร็วเข้าว่า จัดเสกทีเดียวก็พอ เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนบางคนตั้งใจเป็นสัจจะจะทำให้ดีที่สุด เอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจและป้องกันภัยได้ ดูหลวงพ่อสาลีโขเสกเหรียญตัดมุม 3 ปี ท่านมั่นใจในวิชาของท่านมากเอาทุกอย่างใส่ให้หมดแม้จะใช้เวลา จนหนำใจและมั่นใจจึงให้ศิษย์ไปแขวนคอ มั่นใจขนาดนั้น นี่เราฆารวาสสร้างพระสืบศาสนาต้องมั่นใจและไว้ใจได้ เอาไว้ให้ลูกหลานใช้ ผมมั่นใจตั้งแต่สละพระเครื่องที่สะสมไว้ให้เป็นมวลสาร เริ่มก็เจตนาดีแล้ว เสกก็ให้ถึงทีสุดแบบคนเสกถามกลับมาว่าพอแล้วโยม เต็มแล้ว ต้องแบบนั้นไม่งั้นจะแตกต่างไปทำไม รายได้สร้างศาลาการเปรียญวัดหนองสะเดา กับมหาเจดีย์ หลวงปู่ทิม ไม่แปลกใจที่วัตถุมงคลชุดนี้มีมารมาพยายามยื้อยุดฉุดไว้ นี่ก็ใกล้เทศกาลกินเจ แล้วก็ออกพรรษา สวรรค์เปิดโอกาสให้ผู้ใจบุญสร้างกุศล ผมขออุทิศผลบุญที่เคยทำมาให้กับสัมภเวสีทุกตนจงมีความสุขนะครับ ขออนุญาติพี่หนุ่มบอกบุญอีกเรื่อง เรื่องโรงทาน ได้คุยกับคุณโจ เชกุวาร่า คุณภู เรื่องโรงทาน เอาเป็นว่า พี่ศรีวิชัย ประเดิมเงินกองทุนเลี้ยงอาหาร มา 5000 บาท ผมคุยกับคุณภูเป็นการบอกบุญให้ทั่วถึงกันใครจะร่วมบริจาคโรงทาน ขอตามศรัทธา แต่ไม่เกิน 500 บาท ผม จะไปให้ลุงต็อดจัดจ้างชาวบ้านแถวนั้นมาช่วยทำอาหาร เลี้ยงพระ และใครหิวมาถึงวัดได้กินข้าวกันเลย เพิ่มอีกแค่พอใช้จ่ายทำอาหาร ไม่เกิน 8000-10000บาท ในงบนี้จะให้เป็นค่าใช้จ่ายแม่ครัวทำความสะอาด ล้างจาน ทำอาหาร น้ำดื่ม น้ำแข็ง สำหรับผู้มาร่วมทำบุญประมาณ100-150คน ผมจะไปบอกบุญเพื่อนผมด้วย ถ้าเงินเหลือถวายวัดให้หมดในรูปผ้าป่าก็ได้ ครับ
ประเดิม 1 พี่ศรีวิชัย 5000 บาท
2 คุณภูวดิท 440 บาท
3 ผมรักรังสิต 450 บาท ขอเชิญร่วมสร้างโรงทานกันครับเป็นบุญครับมาวัดอิ่มท้องด้วยได้วัตถุมงคลด้วย
4 นะโม _ 2009 500 บาท
5 CHAINEROR 500 บาท<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

(กสิกรไทย คลอง 2 ธัญบุรี 441 232161 3 ตรีรัตน์ คงชยาสุขวัฒน์)

รักรังสิต, 22 สิงหาคม 2011

#2059
บุญพามา เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

15 กันยายน 2010

โพสต์:

605

ค่าพลัง:

+1,566

ถ้าเงินเหลือถวายวัดให้หมดในรูปผ้าป่าก็ได้ ครับ
ประเดิม 1 พี่ศรีวิชัย 5000 บาท
2 คุณภูวดิท 440 บาท
3 ผมรักรังสิต 450 บาท ขอเชิญร่วมสร้างโรงทานกันครับเป็นบุญครับมาวัดอิ่มท้องด้วยได้วัตถุมงคลด้วย
4 นะโม _ 2009 500 บาท
5 CHAINEROR 500 บาท

ผมขอร่วมบุญด้วยคน จำนวน 500 บาทนะครับ
รบกวนคุณรักช่วย pm. เบอร์บัญชีที่จะร่วมงานบุญในครั้งนี้ด้วยครับ...

บุญพามา, 22 สิงหาคม 2011

#2060

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 103 ของ 425

แชร์หน้านี้

Loading...