พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วิธีหยุด ‘สะอึก’

    วันพุธ ที่ 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ‘สะอึก’ ทางการแพทย์อธิบายอาการไม่พึงประสงค์ไว้ว่า กล้ามเนื้อกะบังลมบริเวณรอยต่อระหว่างช่องปอดกับช่องท้องเกิดการหดเกร็งโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่อาจสันนิษฐานว่า มีสิ่งไปกระตุ้นเส้นประสาท 2 ตัว คือ Vagus nerve และ Phrenic nerve ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมระบบประสาทต่อกับระบบทางเดินอาหารส่วนต้น ส่วนเสียงสะอึกเกิดขึ้นจากการหายใจออกระหว่างที่กระบังลมกระตุกแบบปัจจุบันทันด่วนนั่นเอง

    สำหรับบางคนเวลาสะอึกถึงกับกลายเป็นจุดสนใจ เพราะเสียงสะอึกดังกึกก้อง แถมตัวก็กระตุก แม้พยายามเอามือปิดปาก และนั่งนิ่งๆ ก็ข่มอาการเอาไว้ไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่วิธียอดนิยมที่ใช้แก้อาการดังกล่าว คือ การดื่มน้ำ ทว่าในช่วงเวลานั้น ไม่สามารถหาน้ำดื่มได้ แนะนำให้ใช้วิธีกดจุด

    การกดจุดแก้สะอึก เป็นเคล็ดลับทางแพทย์แผนจีน โดยให้กดจุดจ่านจู๋ ที่อยู่ในตำแหน่งหัวคิ้วทั้งสองข้าง ก่อนกดจุดให้นั่งหลังตรงหรือนอนหงาย จากนั้นใช้นิ้วโป้งกดลงที่หัวคิ้วพร้อมกันทั้งสองข้าง ขณะกดให้ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักเบาแล้วแรง นิ้วที่เหลือให้ศีรษะไว้ โดยกดแบบเบาสลับหนักค้างไว้จนกว่าจะหายสะอึก ที่มักหายภายใน 2-3 นาที

    อย่างไรก็ตาม หากสะอึกนานกว่านั้นเป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือมีอาการติดๆ กันเป็นประจำ ประกอบกับพบอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจติดขัด เวียนศีรษะ เจ็บหน้าอก ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดความผิดปกติกับระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ หรือระบบสมองและเส้นประสาท.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    จากการชันสูตรพลิกซากดูแล้ว เข้าใจท่านโดท่าจะหิวมาก เลี้ยงดีๆน๊า เดี๋ยวผอมแย่..หุ..หุ...

    ปล. เมล็ดข้าวยังหลงเหลืออยู่...
    [​IMG]
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ฮือๆๆๆๆ

    เห็นแล้วอยากไปกินกับท่านโด


    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ทรายอะเบท...ตัวช่วยสำคัญ กำจัดยุงลาย






    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก crintermex.com

    ลมหนาวเริ่มพัดพามาพร้อม ๆ กับ "ยุง" สัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่สร้างความรำคาญให้กับมนุษย์เอามาก ๆ เพราะสภาพอากาศที่เหมาะสมอย่างฤดูหนาว แถมบางจุดยังมีน้ำ (เน่า) ท่วมขังเป็นเดือน ๆ ก็ทำเอาบรรดายุงทั้งหลายแพร่พันธุ์กันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ "ยุงลาย" ที่ทำให้คนจำนวนมากเป็นไข้เลือดออก แต่ยุงสมัยนี้ก็ดื้อด้านเอาโล่ ตบแล้ว ช็อตไฟฟ้าก็แล้ว บางตัวก็ยังรอดมากัดเราต่ออีกต่างหาก แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะเนี่ยยยย....


    ไม่ต้องห่วงไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีกำจัดยุงร้ายอย่างได้ผลมาฝากกัน โดยใช้สารเคมีที่มีชื่อว่า "ทรายอะเบท" นั่นเอง เคยได้ยินชื่อนี้กันไหมจ๊ะ

    จริง ๆ แล้วคำว่า "ทรายอะเบท" (Abate Sand Granules) เป็นชื่อทางการค้า ปัจจุบันเราอาจจะเรียกเจ้า "ทรายอะเบท" นี้ว่า "ทรายกำจัดลูกน้ำยุงลาย" หรือ "ทรายเคมีฟอส" เป็นทรายที่ถูกเคลือบด้วยสารเคมีพวกอะเบท ซึ่งเป็นสารเคมีสังเคราะห์โดยมีฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบสำคัญ และสารเคมีฟอสนี่เองที่ทำให้ยุงทั้งหลายยอมสยบ เพราะมันมีพิษรุนแรงต่อลูกน้ำของยุง หรือแมลงหวี่ เราจึงใช้คุณสมบัติด้านนี้ของสารเคมีฟอสมากำจัดลูกน้ำยุงลายนั่นเอง


    ทั้งนี้ สารเคมีฟอสมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งรูปแบบน้ำ ผง หรือเป็นเม็ด แต่ที่นิยมใช้ก็คือ การนำสารเคมีฟอสมาเคลือบเม็ดทราย กลายเป็นทรายเคมีฟอส หรือทรายอะเบท ซึ่งส่วนใหญ่เม็ดทรายที่เคลือบมีสารออกฤทธิ์ 1% หรือ 2% จึงไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ ทีนี้เราก็นำทรายอะเบทไปกำจัดลูกน้ำของยุงลายตามบ้านเรือน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการระบาดของโรคไข้เลือดออกซึ่งมียุงลายเป็นพาหะได้เลย


    สำหรับวิธีใช้ "ทรายอะเบท" กำจัดยุงลายก็ไม่ยาก เพียงแค่นำทรายอะเบท 1 กรัม ใส่ในน้ำ 10 ลิตร (อัตราส่วน 1 กรัมต่อน้ำ 10 ลิตร หรือ 20 กรัม) ก็จะช่วยกำจัดลูกน้ำอย่างได้ผล ทั้งนี้ การใส่ทรายอะเบทในภาชนะที่มีน้ำขัง จะป้องกันไม่ให้เกิดลูกน้ำได้นานประมาณ 1-2 เดือนเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากใช้เสร็จแล้วต้องเก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด รวมทั้งเก็บในที่เย็น แห้ง และมีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ

    อย่างไรก็ตาม "ทรายอะเบท" ก็ยังมีข้อเสียบ้างเล็กน้อย คือ อาจจะมีกลิ่นเหม็นไปบ้าง แต่หากเปิดภาชนะทิ้งไว้ 2-3 วัน กลิ่นเหล่านี้ก็จะหายไปได้เอง นอกจากนี้ ยังมีข้อกำจัดคือสามารถกำจัดได้เพียงลูกน้ำเล็ก ๆ ของยุงเท่านั้น แต่ไม่สามารถกำจัดลูกน้ำตัวเต็มวัยของยุงได้ ดังนั้น หากมีการระบาดของไข้เลือดออกแล้ว การใช้ทรายอะเบทก็ดูจะไม่ทันการเท่าไหร่นัก และทรายอะเบทจะใช้ได้ผลดีกับแหล่งน้ำนิ่งที่ค่อนข้างสะอาด มีอินทรีย์วัตถุตกค้างอยู่น้อยมากกว่าน้ำเน่าเสีย หรือน้ำท่วมขัง



    สำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยกำจัดยุงอย่าง "ทรายอะเบท" ก็สามารถติดต่อขอรับทรายอะเบทได้ที่สำนักงานเขต หรือศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 ศูนย์ในกรุงเทพมหานครได้ฟรี ส่วนในต่างจังหวัด หลายจังหวัดก็ได้มีโครงการส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกไปแจกจ่ายทรายอะเบทตามบ้านเรือนประชาชนแล้ว หากบ้านไหนไม่ได้รับ หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สาธารณสุขจังหวัด หรือที่โรงพยาบาลได้เลยค่ะ



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG] [​IMG] [​IMG][​IMG]

    -http://hilight.kapook.com/view/64861-

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ปฏิบัติธรรม วัดผลอย่างไร (จบ)

    พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)


    2. สิ่งทั้งหลายที่เป็นจำพวกเหตุก่อทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา เรียกว่า ปหาตัพพธรรม คือ สิ่งที่จะต้องละเลิก แก้ไข กำจัด

    ตัวอย่าง เช่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเห็นแก่ตัว ความถือตัว ความเย่อหยิ่ง ความเกียจคร้าน ความเกลียดชัง ความริษยา ความเบื่อหน่าย ความท้อแท้ ความเฉื่อยชา ความฟุ้งซ่าน ความระแวง ความประมาท ความโง่เขลา ฯลฯ (อกุศลมูล กิเลส ตัณหา มานะ ทิฏฐิ อวิชชา อุปาทาน สังโยชน์ นิวรณ์ และธรรมอื่นทำนองนี้)

    3. สิ่งทั้งหลายที่พึงประสงค์ เป็นจุดหมายที่ควรทำให้สำเร็จ หรือควรได้ควรถึง เรียกว่า สัจฉิกาตัพพธรรม คือ สิ่งที่จะต้องเข้าถึงหรือประจักษ์แจ้ง

    ตัวอย่าง เช่น ความสงบ ความร่มเย็น ความบริสุทธิ์ ความปลอดโปร่งโล่งเบา ความผ่องใส ความเบิกบาน ความไร้ทุกข์ ความสุขที่แท้ สุขภาพ ภาวะปลอดพ้นปัญหา ความเป็นอิสระ หรืออิสรภาพ ฯลฯ (วิชชา วิมุตติ วิสุทธิ สันติ นิพพาน และธรรมอื่นทำนองนี้)

    4. สิ่งทั้งหลายที่เป็นข้อปฏิบัติ เป็นวิธีการ เป็นสิ่งที่ต้องทำต้องบำเพ็ญเพื่อก้าวไปให้ถึงจุดหมาย เรียกว่า ภาเวตัพพธรรม คือ สิ่งที่จะต้องทำให้มีให้เป็นขึ้น ให้เจริญงอกงามเพิ่มพูนขึ้น หรือต้องลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ

    ตัวอย่างเช่น เมตตา ไมตรี หรือมิตรภาพ กรุณา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเสียสละ ความขยันหมั่นเพียร ความมีกำลังใจ ฉันทะ ศรัทธา สติ สมาธิ ปัญญา สัมปชัญญะ ฯลฯ (มรรค ไตร-สิกขา สมถะ วิปัสสนา และธรรมอื่นทำนองนี้)

    รายละเอียดของธรรม 4 ประเภท หรือการจัดประเภทสิ่งทั้งหลายในโลกมีอย่างไร จะไม่กล่าวในที่นี้ แต่พูดง่ายๆ ว่า หลักนี้ท่านให้ใช้ในการตรวจสอบวัดผลสำเร็จในการ ศึกษาหรือการปฏิบัติธรรมว่า

    - สิ่งที่ควรกำหนดรู้ เราได้กำหนดรู้หรือรู้จักแล้วหรือไม่

    - สิ่งที่ควรแก้ไขกำจัด เราได้แก้ไขกำจัดแล้วหรือยัง

    - สิ่งที่ควรประจักษ์แจ้ง เราได้ประจักษ์แจ้งแล้วแค่ไหน และ

    - สิ่งที่ควรปฏิบัติจัดทำให้เกิดให้มีขึ้นจนบริบูรณ์ เราได้ปฏิบัติจัดทำแล้วเพียงใด

    ค) ดูสภาพจิตที่เดินถูกระหว่างทาง

    ในการปฏิบัติธรรม คือ ดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง หรือฝึกฝนพัฒนาตนไปนั้น ระหว่างการปฏิบัติ พัฒนาหรือศึกษาก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ควรจะสังเกตดูสภาพจิตใจของตนไปด้วยว่าเป็นอย่างไร

    ในกรณีทั่วไป ถ้าไม่มีเหตุพิเศษ เมื่อปฏิบัติถูกต้องจิตเดินถูกทางก้าวหน้าดี ก็จะเกิดมีสภาพจิตที่ดีงามสอดคล้องกัน ซึ่งเป็นทั้งคุณสมบัติของจิตนั้น และเป็นลักษณะของการปฏิบัติที่ได้ผล

    ลักษณะของจิตที่เดินถูกทางนั้น ที่ควรสังเกตมี 5 อย่าง ซึ่งเป็นปัจจัยส่งทอดต่อกันตามลำดับ คือ

    1. ปราโมทย์ ได้แก่ ความแช่มชื่น ร่าเริง เบิกบานใจ

    2. ปีติ ได้แก่ ความอิ่มใจ ความปลาบปลื้มใจ ใจฟูขึ้น

    3. ปัสสัทธิ ได้แก่ ความรู้สึกผ่อนคลายกายใจ ใจเรียบรื่น ระงับลง เย็นสบาย

    4. สุข ได้แก่ ความสุข ความคล่องใจ โปร่งใจ ไม่มีความติดขัด บีบคั้น

    5. สมาธิ ได้แก่ ความมีใจตั้งมั่น สงบ อยู่ตัว อยู่กับงานที่ทำหรือเรื่องที่เกี่ยวข้อง ไม่วอกแวก ไม่ฟุ้งซ่าน

    พอสมาธิเกิดขึ้น จิตใจก็มีสภาพเหมาะแก่งาน ที่ท่านเรียกว่าเป็นกัมมนีย์ พร้อมที่จะเอาไปใช้สร้างสรรค์พัฒนา คิดการ และเป็นที่ทำงานของปัญญาอย่างได้ผลดี และสมาธิก็อาศัยองค์ธรรม 4 อย่างแรกนั่นแหละช่วยเกื้อหนุนและทำให้เกิดขึ้น

    สภาพจิต 5 อย่างนี้ เป็นทั้งคุณสมบัติที่ดีงามโดยตัวของมันเอง และเป็นเครื่องหมายของความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม จึงควรพยายามทำให้เกิดขึ้น และการทำสภาพจิตเหล่านี้ให้เกิดขึ้น ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอยู่ในตัว

    เพียงแค่ข้อที่ 1 มีปราโมทย์ ทำใจให้แช่มชื่นเบิกบานไว้มากๆ เมื่อปราโมทย์นั้นเกิดจากการปฏิบัติที่ถูกต้อง จิตเดินดีแล้ว ท่านให้ความมั่นใจว่าจะลุถึงสันติบรมธรรมที่เป็นจุดหมาย ดังคาถาธรรมบท ที่ 376,381 ว่า

    ตโต ปาโมชฺชพหุโล ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสติ

    ลำดับนั้น เธอผู้มากด้วยปราโมทย์ จักทำทุกข์ให้หมดสิ้น



    ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ ปสนฺโน พุทฺธสาสเน

    อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ สงฺขารูปสมํ สุขํ

    ภิกษุผู้เลื่อมใสในคำสอนของพระพุทธเจ้า มากด้วยปราโมทย์ จะพึงบรรลุสันติบท ที่สงบระงับสังขาร เป็นสุข




    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNakUzTVRFMU5BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHhNUzB4Tnc9PQ==-

    .
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ประกันภัยต่อชะงักต่ออายุสัญญาปีหน้า


    [​IMG]


    ความเสียหายจากวิกฤตมหาอุทกภัยครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดประกันวินาศภัยอย่างมาก ปัญหาของธุรกิจประกันภัยต่อจากนี้ที่ต้องจับตามองไม่ใช่เรื่องแค่เรื่องที่ว่าบริษัทประกันจะจ่ายหรือไม่จ่ายค่าสินไหมให้ลูกค้าที่ได้รับความเสียหายเท่านั้น แต่คือท่าทีของบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ ที่ทำหน้ารับความเสี่ยงต่อจากบริษัทผู้รับประกันภัยในไทยว่าจะมีมุมมองต่อตลาดในไทยอย่างไร และจะมีผลอย่างมากกับการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่ลูกค้าต้องจ่าย
    ความเสียหายจากน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมประมาณการว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 200,000 ล้านบาท ความเสียหายขนาดใหญ่ทำให้กระทรวงการคลังสั่งการให้ปลัดกระทรวงนำทีมไปเจรจากับบริษัทรับประกันภัยต่อให้ช่วยรับต่ออายุสัญญา เพราะหากต่ออายุไม่ได้ หมายความว่าการทำธุรกิจจะไม่มีการทำประกันภัยรองรับความเสี่ยง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจของนักลงทุน

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สำหรับปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องรีบแก้ไขในเบื้องต้น คือ บริษัทประกันภัยต้องเร่งเข้าไปสำรวจความเสียหาย พิจารณาจ่ายค่าสินไหมตามความคุ้มครองในกรมธรรม์ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกค้าโดยเร็วที่สุด ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้พบว่าระดับน้ำในบางพื้นที่ เช่น นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ยังไม่ลดลงมากนัก บริษัทจึงยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจภัยได้ ในขณะที่ลูกค้าขณะนี้ไม่สามารถหาซื้อประกันคุ้มครองภัยน้ำท่วมได้แล้ว รวมถึงลูกค้าที่ต้องการต่ออายุกรมธรรม์คุ้มครองภัยน้ำท่วมที่หมดอายุในช่วงนี้ก็ไม่สามารถต่ออายุได้ เนื่องจากถูกบริษัทประกันภัยปฏิเสธ
    พิชิต เมฆกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินดิเพ็นเดนท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถรวบรวมตัวเลขมูลค่าสินไหมทดแทนกรณีภัยน้ำท่วมครั้งนี้ได้ทั้งหมด ต้องรอให้บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ (ไทยรี) เป็นผู้รวบรวมตัวเลขดังกล่าว หรือหากจะไปสอบถามจากแต่ละบริษัท บริษัทรายนั้นก็ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขได้เช่นกัน เพราะส่วนใหญ่บริษัทประกันภัยแต่ละบริษัทนอกจากส่งงานให้ไทยรีแล้ว มักจะส่งงานรับประกันภัยต่อให้บริษัทประกันภัยด้วยกันเองด้วย ดังนั้นจึงต้องรู้ตัวเลขที่แน่นอนของบริษัทอื่นก่อน จึงจะรู้ตัวเลขของบริษัทตัวเอง
    พิชิตกล่าวว่า โดยทั่วไปสัญญารับประกันภัยต่อจะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี และหลังจากนั้นจึงเจรจาต่อสัญญากัน ปัญหาขณะนี้คือไม่มีใครรู้ว่าตัวเลขความเสียหายเป็นเท่าไหร่ บริษัทรับประกันภัยจึงไม่มีข้อมูลมาพิจารณาประกอบการต่อสัญญา ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าบริษัทรับประกันภัยต่ออาจยืดอายุสัญญาเดิมออกไปอีก 1-2 เดือน เพื่อรอตัวเลขการจ่ายสินไหมที่ชัดเจน แล้วจึงค่อยมาเจรจากับบริษัทประกันเพื่อกำหนดราคาเบี้ยต่ออายุออกมา
    ความล่าช้าของกระบวนการจ่ายสินไหมส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างแน่นอน เพราะทำให้ขาดสภาพคล่องที่จะใช้ฟื้นฟูกิจการให้คืนกลับมาโดยเร็ว โดยในแง่ของลูกค้าที่ทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยของญี่ปุ่นน่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนบางส่วนได้เร็วที่สุด คือ ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากเป็นวัฒนธรรมของบริษัทญี่ปุ่นที่จะเน้นการให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างรวดเร็ว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=512 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=512>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้ความเสียหายจากน้ำท่วมที่มีผลกระทบทำให้ต้องจ่ายค่าสินไหมอย่างมหาศาลในครั้งนี้ พิชิตคาดว่าต่อจากนี้บริษัทรับประกันภัยต่อจะเปลี่ยนแนวทางใหม่ในการรับงานจากบริษัทประกันภัย โดยอาจแยกกลุ่มกรมธรรม์ที่คุ้มครองมหันตภัยที่สร้างความเสียหายรุนแรง เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลมพายุ ออกมาเป็นอีกหนึ่งสัญญาโดยเฉพาะ จากเดิมที่กรมธรรม์คุ้มครองภัยทุกประเภทเมื่อส่งต่อให้บริษัทรับประกันภัยต่อจะผนวกรวมอยู่ในสัญญาเดียวกัน ทั้งนี้บริษัทรับประกันภัยต่ออาจจะมีการระบุในสัญญาเพิ่มเติมถึงอัตราเบี้ยประกันขั้นต่ำที่บริษัทประกันภัยต้องเรียกเก็บจากลูกค้า เพื่อลดความเสี่ยงลง ซึ่งการบังคับให้แยกสัญญาอาจจะส่งผลทำให้บริษัทประกันภัยมีต้นทุนเพิ่มขึ้น เพราะต้องจ่ายเบี้ยเพิ่มขึ้น หรือต้องไปหาบริษัทรับประกันภัยต่อรายใหม่มารับงานในส่วนสัญญาที่เพิ่มขึ้น
    “จากการประชุมร่วมกับบริษัทรับประภัยต่อที่สิงคโปร์ เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นตระหนกอย่างมาก ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องจ่ายชดเชยค่าเสียหายเท่าไหร่บ้าง แต่คงไม่ร้ายแรงถึงขั้นว่าจะมีบริษัทไหนต้องปิดตัวเพราะความเสียหายจากประเทศไทยเพียงครั้งเดียว เราเชื่อมั่นว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ทิ้งตลาดเมืองไทย เพราะนี่คืออาชีพของเขา ถ้าเขาจะทิ้งตลาดเมืองไทยไป หากจะกลับเข้าตลาดมาอีกทีก็คงไม่ง่าย”
    ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือบริษัทรับประกันภัยต่อไม่ยอมรับงานจากประเทศไทย หรือไม่ยอมต่อสัญญา จะทำให้บริษัทประกันภัยไทยไม่สามารถรับประกันภัยที่มีมูลค่าทุนประกันสูงๆ ได้ เพราะหมายความว่าบริษัทประกันภัยรายนั้นจะต้องรับความเสี่ยงไว้เองทั้งหมด
    พิชิตกล่าวว่า ในมุมมองของบริษัทประกันภัยไม่ค่อยกังวลเรื่องการเกิดภัยครั้งใหญ่แล้วสร้างความเสียหาย แต่จะกังวลเรื่องภัยขนาดเล็กที่เกิดขึ้นซ้ำซากมากกว่า ขอให้ตลาดเมืองไทยอย่ามองแค่ว่ามีเงินพอจะจ่ายเบี้ย แต่ให้มองว่าเราจะสามารถมีระบบป้องกันตัวเองจากภัยต่างๆ ได้อย่างไร เพราะหากเกิดความเสียหายบ่อยครั้ง บริษัทประกันภัยคงไม่สามารถอยู่ได้ ในประเทศญี่ปุ่นแม้จะเกิดภัยพิบัติหลายครั้ง แต่บริษัทประกันภัยยังอยู่ได้ เพราะรัฐบาลมีการจัดตั้งกองทุนมหันตภัยมาช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ แต่ของประเทศไทยหากจะจัดตั้งก็มีปัญหาว่าจะบริหารจัดการกันอย่างไร หน่วยงานใดจะเป็นผู้ดูแล

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -http://www.manager.co.th/weekly54/ViewNews.aspx?NewsID=9540000145255-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ทีมกรุ๊ป ชี้ หลัง 2 ธันวา คลี่คลายทุกพื้นที่!



    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก TEAM GROUP


    ทีมกรุ๊ป ชี้ หลัง 2 ธันวาคมนี้ สถานการณ์คลี่คลายทุกพื้นที่ แนะรัฐสร้างวอเตอร์เวย์ "ทางด่วนน้ำ" ช่วยระบายลงทะเล

    วานนี้ (16 พฤศจิกายน) ในการประชุมเสวนา "ท่านถาม เราตอบ ทุกประเด็นเกี่ยวกับน้ำท่วม" โดยบริษัททีมกรุ๊ป นำโดย นายชวลิต จันทรรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำและกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุ่รกิจที่ปรึกษาในประเทศด้านแหล่งน้ำและพลังงาน รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์เป็นผู้ดำเนินการ ณ สถาบันปรีดี

    โดยนายชวลิต กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ในขณะนี้ถ้าบ้านใครตั้งอยู่ใกลแหล่งน้ำ หรือตั้งใกล้เครื่องสูบน้ำ น้ำก็ จะแห้งเร็วกว่า ส่วนเขตที่จะไม่ท่วมนั้น ได้แก่ เขตปทุมวัน ราชเทวี วัฒนา บางซื่อ ดุสิต เอกมัย พระโขนง คลองเตย และเขตที่ต้องเฝ้าระวังคือ พระรามสอง เพราะว่าโอกาสที่เป็นไปได้นั้น 50/50 เลยทีเดียว แต่พื้นที่ที่มั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบแน่นอนนั่นก็คือ สนามบินสุวรรณภูมิ รวมไปถึงถนนเส้นพระรามเก้าด้วย

    นายชวลิต ยังกล่าวอีกว่า ในภาพรวมนั้นสถานการณ์เริ่มจะคลี่คลายลงได้เรื่อย ๆ และในช่วงวันที่ 18 - 24 พฤศจิกายนนี้ ระดับน้ำทะเลลดลง ถือว่าเป็นข่าวดีที่น้ำจากทางฝั่งตะวันตก จะสามารถระบายได้มากขึ้น โดยจะระบายได้สองทางคือ ลงแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีน ซึ่งก็จะส่งผลให้สถานการณ์น้ำในคลองมหาสวัสดิ์คลี่คลาย และในส่วนบริเวณถนนบรมราชชนนี และพุทธมณฑลสาย 4 ปริมาณน้ำจะลดลง ทั้งนี้ คาดว่า ประมาณวันที่ 22 พฤศจิกายน ถนนเส้นนี้จะสามารถใช้การได้

    ผู้เชียวชาญจากทีมกรุ๊ป ยังกล่าวต่อว่า สำหรับมวลน้ำเหนือที่มีปริมาณ 12,000 ล้าน ลบ.ม. นั้น ขณะนี้ได้ถูกระบาย ออกไป เพียง 2,000 ล้าน ลบ.ม. โดยเป็นน้ำค้างทุ่งประมาณ 6,000 ล้าน ลบ.ม. รวมปริมาณน้ำที่เหลือทั้งหมดก็ประมาณ 10,000 ล้าน ลบ.ม. ที่ยังไม่ได้ระบายลงน้ำทะเล ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการระบายน้่ำประมาณ 30 วัน สถานการณ์จึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง และหลังวันที่ 2 ธันวาคม น้ำทะเลจะลดต่ำลงอีก สถานการณ์ต่าง ๆ ในทุกพื้นที่ก็จะเริ่มคลี่คลาย

    นอกจากนี้ นายชวลิต ยังเปิดกล่าวอีกว่า ในพื้นที่เมืองชั้นใน ที่ตอนนี้มีบิ๊กแบ็กมาช่วยทำให้น้ำจากคลองหกวาสายล่าง 60 % ไหลมาสู่คลองบางซื่อเพียง 40% ก็จะสามารถระบายน้ำได้ทัน แต่ถ้ามีการรื้อบิ๊กแบ็กอีก ก็จะทำไปยืดระยะเวลาให้น้ำท่วมนานเข้าไปอีก

    พร้อมกันนี้ นายชวลิต ยังได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาในระยะยาวเป็นแผน 7 มาตรการบริหารการจัดน้ำทั้งประเทศ โดย เสนอให้จัดทำทางด่วนน้ำใต้มอร์เตอร์เวย์ หรือ "มอเตอร์ - วอเตอร์ เวย์ ในระยะทาง 100 กิโลเมตร กว้าง 300 เมตร ลึก 8 เมตร เริ่มจาก อ.บางปะหัน ผ่านวังน้อย หนองเสือ ธัญญะ ลำลูกกา หนองจอก บางวัว บางบ่อและคลองด่าน ซึ่งในเส้นทางด่วนน้ำดังกล่าว จะทำให้การไหลของน้ำมากกว่า 1,000 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยโครงการนี้น่าจะใช้งบประมาณเกิน 1 แสนล้านบาทระยะเวลาในการก่อสร้าง 7 ปี

    โดยนายชวลิต ได้กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนได้เสนอรัฐบาลหลายยุคแล้ว แต่ไม่ได้รับความสนใจ เนื่องจากในตอนนั้นประเทศไทยยังไม่เกิดเหตุภัยพิบัติให้เห็นนัก ซึ่งตนคิดว่าในขณะนี้คงถึงเวลาแล้วที่สร้างวอเตอร์เวย์



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG]


    -http://thaiflood.kapook.com/view32894.html-

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ดร.เสรีชี้ บางบัวทองอ่วมต่ออีกเดือน! หางเลขกู้ถนน 340



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


    ดร.เสรี ชี้กู้ถนนสาย 340 กระทบบางบัวทองท่วมต่ออีกอย่างน้อย 1 เดือน ยันรื้อบิ๊กแบ็กพหลโยธินฯ ไม่มีผลต่อ กทม.ชั้นใน เพราะเครื่องสูบน้ำเอาอยู่

    เมื่อ คืนวันที่ 16 พฤศจิกายน รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร และผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์อุทกภัยผ่านสถานีไทยพีบีเอส โดยตอนหนึ่งระบุถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะกู้ถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี เพื่อเปิดทางลงสายใต้แทนเส้นพระราม 2 ว่า หากกู้ถนน 340 จะส่งผลให้อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ถูกน้ำท่วมไปอย่างน้อยอีก 1 เดือน เนื่องจากการนำแบร์ริเออร์ หรือถังซีเมนต์สำหรับใช้กั้นน้ำ มากั้นน้ำแล้วสูบน้ำออก แน่นอนว่า น้ำที่ถูกสูบออกจากถนนจะต้องไหลกลับเข้าไปท่วมอำเภอบางบัวทองอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่อำเภอบางใหญ่ที่ระดับจะทรงตัว ต้องรอให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงเท่านั้น น้ำในอำเภอบางบัวทองจึงจะลดลงได้

    ใน ส่วนของการที่ประชาชนเข้าไปรื้อบิ๊กแบ็กเพิ่มเติมที่บริเวณถนนพหลโยธิน แยกกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (คปอ.) ที่หลายคนกลัวว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานครชั้นในหนักขึ้น หรือไม่นั้น รศ.ดร.เสรี ได้ยืนยันว่าไม่มีผลต่อกรุงเทพฯ ชั้นใน เนื่องจากน้ำที่ไหลจากบริเวณดังกล่าวไหลเข้ามาเพียง 2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้นหากใช้เครื่องสูบน้ำเพียงตัวเดียวก็สามารถสูบน้ำออกได้แล้ว และที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ระบบการสูบน้ำมีประสิทธิภาพดีพอ เพราะระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดลงแล้ว ดังนั้นคนกรุงเทพฯ ชั้นในจึงยังสามารถนอนหลับฝันดีได้






    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG]


    -http://hilight.kapook.com/view/64849-

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ปภ.เปิดหลักเกณฑ์วิธีรับเงินช่วยเหลือน้ำท่วม

    ปภ. เปิดหลักเกณฑ์ วิธีรับเงินช่วยเหลือน้ำท่วมหลังละ 5,000 บาท

    17 พ.ย.54 นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไข การรับเงินช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบอุทกภัย 5,000 บาท ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร ว่า

    ผู้ประสบอุทกภัยที่มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือต้องเป็นผู้ประสบภัยที่มีบ้าน เรือนอาศัยอยู่ประจำในพื้นที่ประกาศภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินใน 2 กรณี คือ 1. กรณีน้ำท่วมถึงบ้านเรือนโดยฉับพลันและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
    2.บ้านพักอาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันไม่น้อยกว่า 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
    ทั้งนี้ โดย 2 กรณี ต้องมีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยที่สำนักงานเขตออกให้ หากเป็นผู้ประสบภัยซ้ำซ้อนทั้ง 2 กรณี จะได้รับการช่วยเหลือเพียงกรณีเดียวเท่านั้น
    สำหรับครัวเรือนที่อยู่อาศัยที่จะได้รับการช่วยเหลือต้องมีลักษณะดังนี้
    1. บ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้านและถูกน้ำท่วมถึง
    2.บ้านเช่า โดยผู้เช่าจะได้รับเงินช่วยเหลือ หากบ้านเช่ามีหลายชั้นจะได้รับการช่วยเหลือเฉพาะชั้นที่น้ำท่วมถึง
    3. สิ่งปลูกสร้างอื่น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยถาวรหรือชั่วคราวที่ครัวเรือนอาศัยอยู่เป็นประจำโดยไม่ มีทะเบียนบ้าน เช่น บ้านพักคนงาน เป็นต้น
    นายวิบูลย์ กล่าวต่อถึงการจัดเตรียมหลักฐานการแสดงสิทธิขอรับการช่วยเหลือ ว่า ผู้ประสบภัยต้องจัดเตรียมหลักฐานการแสดงสิทธิ ดังนี้
    1. บ้านพักอาศัยทั่วไปให้เจ้าบ้าน หัวหน้าครอบครัว ผู้รับมอบอำนาจยื่นคำร้องพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านที่ประสบภัย
    2. บ้านเช่าให้ใช้สัญญาเช่า หนังสือรับรองการเช่าจากเจ้าของบ้าน พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำร้อง และทะเบียนบ้านผู้ประสบภัย กรณีไม่มีทะเบียนบ้านให้ตรวจสอบจากสำนักทะเบียนของสำนักงานเขต หากมอบอำนาจให้ผู้อื่นยื่นคำร้องแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจและแนบบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ
    3. บ้านเรือนที่ไม่มีทะเบียนบ้าน ให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนและต้องมีพยานบุคคลรับรอง ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถสอบถามรายละเอียดการขอรับเงินช่วยเหลือจากสำนักงานเขต ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อจะได้จัดเตรียมเอกสารและหลักฐานได้ถูกต้องครบถ้วนตามที่แต่ละสำนักงาน เขตกำหนด ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะได้เร่งตรวจสอบข้อมูลรายชื่อครัวเรือน ที่ประสบอุทกภัยจากกรุงเทพมหานคร เพื่อจัดส่งข้อมูล ให้ธนาคารออมสินดำเนินการจ่ายเงินโดยเร็วที่สุด



    -http://www.komchadluek.net/detail/20111117/115281/%E0%B8%9B%E0%B8%A0.%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1.html-

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    พบเชื้อไข้หวัดนกระบาดในตลาดสัตว์ปีกแดนมังกรอีก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">17 พฤศจิกายน 2554 18:04 น.</td> <td align="left" valign="middle">


    </td></tr></tbody></table>


    [​IMG] <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="525"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="525"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ชาวนาจีนเตรียมฝังซากไก่ตาย 5 ก.พ. 2552 ณ มหานครฉงชิ่ง นับแต่เดือนม.ค.ปีเดียวกัน พบไก่ตาย 12,000 ตัวในหมู่บ้าน (ภาพเอเยนซีจีน)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ไชน่าเดลี - ไวรัสไข้หวัดนกหรือที่เรียกว่า H5N1 ดูเหมือนว่ายังไม่ล้มหายตายจากไปจากตลาดสัตว์ปีก โดยเฉพาะแถบตอนใต้ของแดนมังกร สร้างความลำบากให้กับภารกิจยับยั้งโรคระบาดของทีมเจ้าหน้าที่สาธารณ สุขจีนอย่างมาก

    กัว ฟู่เซิ่ง ที่ปรึกษาด้านเทคนิคสุขภาพสัตว์ประจำองค์การอาหารและเกษตรกรรมแห่งองค์การสห ประชาชาติ (FAO) อ้างข้อมูลสถิติกระทรวงเกษตรของจีน ระบุว่า สถานการณ์แย่ลงไปอีกเมื่อพบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ H5N1-2.3.2.1 ในสัตว์ปีกที่ยังไม่ตาย ซึ่งขณะนี้วัคซีนที่มีไม่สามารถยับยั้งเชื้อได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์

    “ย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วงและลมหนาวเริ่มพัดมา จีนต้องประสบกับภัยจากไข้หวัดนกระบาดในตลาดสัตว์ปีกอีก ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนติดเชื้อได้” กัวเตือน

    อี๋ว์ คังเจิ้น ประธานสัตวบาล แห่งกระทรวงเกษตรของจีน เผยก่อนหน้านี้ว่า เป็นการยากที่จะป้องกันไข้หวัดนกในช่วงใบไม้ร่วงและฤดูหนาว แต่โอกาสที่จะระบาดขนานใหญ่นั้นก็ถือว่ามีไม่มากนัก

    ในช่วงปลายเดือน ส.ค. FAO ได้เตือนถึงการกลับมาของไข้หวัดนกที่อาจจะระบาดไปทั่วโลกอีกครั้ง นับแต่มีการตรวจพบครั้งแรกเมื่อปี 2546 ซึ่งมีผู้ติเชื้ออย่างต่ำ 560 รายทั่วโลก และในจำนวนนี้เสียชีวิต 331 คน

    ซุน เหยียน เจ้าหน้าที่ของกรมสัตวบาลกระทรวงเกษตรจีนยอมรับว่า จีนมีความเสียงต่อไข้หวัดนกสูง เพราะจีนผลิตไก่ 25 เปอร์เซ็นต์ ห่าน 87 เปอร์เซ็นต์ และเป็ด 65 เปอร์เซ็นต์ของสัดส่วนทั้งโลก

    ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรเผยว่า สำหรับกรณีไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นในจีนนั้นมีถึง 50 กรณีนับแต่ปี 2547 ซึ่งในจำนวนดังกล่าวพบในปี 2548 ถึง 31 กรณี

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="410"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="410"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">การเผาซากไก่ เป็นบ้างตายบ้าง (ภาพเอเยนซี)</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ขณะที่สถิติของกระทรวงสาธารณสุขเผยว่า หวัดนกติดเชื้อในมนุษย์ 40 ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 26 ราย

    ซู เย่ว์หลง ผู้อำนวยการศูนย์ไข้หวัดแห่งชาติของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจีนเผย ผู้ป่วยคนสุดท้ายเสียชีวิตไปเมื่อเดือนมิ.ย. ที่มณฑลหูเป่ย ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า เขาติดเชื้อ H5N1-2.3.2.1 ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์

    องค์การอนามัยโลกเผยว่า การติดเชื้อไปทั่วโลกนั้น ความเสี่ยงต่อมนุษย์ก็คือการติดเชื้อทางตรงและทางอ้อม โดยอาจติดได้จากการสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ติดเชื้อโดยตรง หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการปนเปื้อนเชื้อหวัด

    กัวย้ำว่า “สัตว์ปีกนั้นกินได้ ปลอดภัย” พร้อมเสริมว่า เชื้อโรคจะถูกฆ่าไปอย่างง่ายดายในช่วงที่ปรุงอาหาร

    วัคซีนป้องกัน H5N1-2.3.2.1 พัฒนาขึ้นโดยกระทรวงเกษตรของจีน ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการทดลองใช้

    แต่ผลการฉีดวัคซีนในสัตว์ปีก ที่ว่ายน้ำได้เช่นเป็ดนั้นอยู่ในระดับต่ำไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่า หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว สัตว์จะออกไข่น้อยลง</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000146890-

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    UN คาดลานีญายาวถึงต้นปีหน้า แต่เบาลง



    [​IMG]
    ลานีญา


    [​IMG]


    UNคาดลานีญายาวถึงต้นปีหน้าแต่เบาลง (ไอเอ็นเอ็น)
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก กรมอุตุนิยมวิทยา

    องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ปรากฏการณ์ลานีญาที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมและภัยแล้งกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในเขตโซนร้อนของมหาสมุทรแปซิฟิกตั้งแต่เดือนสิงหาคม คาดว่าจะดำเนินไปจนถึงสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า แต่จะส่งผลรุนแรงน้อยกว่าที่ผ่านมา

    องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติ แถลงว่า ปรากฏการณ์ลานีญาอาจจะรุนแรงขึ้นในระดับปานกลาง แต่มีแนวโน้มรุนแรงน้อยกว่าที่ผ่านมาที่ทำให้เกิดน้ำท่วมและภัยแล้งในหลายส่วนทั่วโลก ลานีญาเป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวหน้าน้ำทะเลเย็นลงอย่างผิดปกติในเขตตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก ตรงกันข้ามกับเอลนีโญ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวหน้าน้ำทะเลในเขตดังกล่าวอุ่นขึ้นอย่างผิดปกติ ทั้งสองปรากฏการณ์ล้วนทำให้สภาพภูมิอากาศโลกแปรปรวน

    ลานีญาปี 2551 ทำให้ยุโรปหนาวเย็นผิดปกติจนมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ปรากฏการณ์นี้อาจทำให้อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลียมีฝนตกหนัก ขณะที่อเมริกาใต้อาจเกิดภาวะแห้งแล้งในเวลาเดียวกัน




    [​IMG]



    -http://hilight.kapook.com/view/64885-

    .
     
  13. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    'หอยนางรม' บำรุงตับ-ไต สุขภาพเพศ

    วันศุกร์ ที่ 18 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    หลังจากน้ำท่วมเริ่มลดลง ลมหนาวก็ตั้งท่าแวะมาเยือน 'มุมสุขภาพ' จึงแนะนำสูตรซุปร้อนๆ ทำกินกันให้เหมาะกับสภาพอากาศ สำหรับซุปสูตรนี้มี 'หอยนางรม' เป็นส่วนผสมหลัก

    โดยหอยนางรมนั้น อุดมด้วยวิตามินเอ บี1 บี2 บี3 ซี และดี มีแร่ธาตุหลายชนิด อย่างเหล็ก คอปเปอร์ ไอโอดีน แมกนีเซียม แคลเซียม ซิลค์ แมงกานีส และฟอสฟอรัส ให้สรรพคุณเสริมการทำงานของตับและไต เพิ่มพละกำลัง เลือดลมไหวเวียนดี ลดความเสี่ยงโรคที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองและวัณโรค บำรุงสุขภาพทางเพศ เช่น แก้ปัญหาประจำเดือนไม่สม่ำเสมอของผู้หญิง ส่วนผู้ชายการแก้การหลั่งโดยไม่รู้ตัว

    ทั้งนี้มีคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เป็นโรคตับ และติดเชื้อเอชไอวี ไม่ควรกินหอยนางรมที่ไม่สุก เนื่องจากอาจมีเชื้อแบคทีเรียปะปนอยู่

    ส่วนสูตรซุปหอยนางรม มีเครื่องปรุงที่ต้องเตรียมดังนี้...
    • หอยนางรม 2 ถ้วย
    • เนื้อไก่ 1 ถ้วย
    • หอมหัวใหญ่ 2 หัว
    • อบเชย-กานพลู 2 ช้อนชา
    • พริกไทยเม็ด 2 ช้อนชา
    • เกลือป่น 2 ช้อนชา
    • ขึ้นฉ่าย 3-4 ต้น
    วิธีทำ หอยนางรมล้างให้สะอาด ส่วนเนื้อไก่ต้มสุกแล้วฉีกเป็นเส้น หอมหัวใหญ่หั่นเป็นชิ้นแว่น จากนั้นตั้งน้ำประมาณครึ่งหม้อ แล้วใส่อบเชย กานพลู พริกไทยเม็ด(ทุบพอแหลก) กระทั่งน้ำเริ่มเดือดจึงใส่ไก่ฉีก หอมหัวใหญ่ พร้อมเติมเกลือ หันไปตักหอยนางรมใส่ถ้วยไว้ เมื่อซุปเดือดได้ที่ให้ตักน้ำซุปใส่ถ้วยที่มีหอยนางรมรองอยู่ หอยจะสุกจากความร้อนของซุป สุดท้ายเด็ดขึ้นฉ่ายโรยหน้า และควรกินตอนซุปกำลังร้อนๆ.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  14. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    มีแผลในลำไส้'แครอต-กะหล่ำปลี'ช่วยแก้

    วันศุกร์ ที่ 11 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    หากรู้ตัวว่าเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ อาหารดีมีประโยชน์ที่ 'มุมสุขภาพ' อยากแนะนำให้ผู้ที่ปัญหาดังกล่าวคือ 'แครอต' และ 'กะหล่ำปลี' ที่มีสรรพคุณรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ทั้งยังช่วยบำรุงลำไส้อีกด้วย

    โดยแครอต อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ตัวการก่อโรคแก่ลำไส้ใหญ่ ทำลายอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ส่วนกะหล่ำปลี ช่วยทำความสะอาดลำไส้ บรรเทาอาการอักเสบของแผลในลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นท้อง แก้ท้องผูก ทั้งยังมีผลวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า กินกะหล่ำปลีสามารถลดอัตราการป่วยเป็นมะเร็งได้

    ดังนั้น การกินแครอตและกะหล่ำปลีจึงดีต่อลำไส้ ระบบขับถ่าย และต้านมะเร็ง โดยเฉพาะแครอต การจะได้รับสารอาหารเต็มเปี่ยมควรเลือกผลใหญ่ แก่จัด สีเข้ม ทว่ากินน้ำกะหล่ำปลีเขียวมักจะพบว่ามีกลิ่นรสที่ไม่ชวนรับประทาน ก็แก้ไขให้กินง่ายขึ้นได้ เพียงกินพร้อมกับน้ำแครอต น้ำแอปเปิ้ล น้ำขิง

    ส่วนสัปดาห์นี้พบกับสูตรเครื่องดื่มสุขภาพ ให้คุณประโยชน์อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้...
    • แครอต 2 ถ้วย
    • กะหล่ำปลีเขียว 1 ถ้วย
    • น้ำแข็งป่นพอประมาณ
    วิธีทำ ล้างผักให้สะอาด แล้วนำแครอตขูดเป็นเส้นเล็กๆ ส่วนกะหล่ำปลีให้หั่นเป็นชิ้นหยาบ ได้แล้วนำไปสกัดพร้อมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักผลไม้ เสร็จแล้วดื่มทันที หรือจะเติมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่นก็ย่อมได้.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  15. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    กินแอปเปิ้ล ลดไข้

    วันศุกร์ ที่ 04 พฤศจิกายน 2554 เวลา 0:00 น
    [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]<SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    บางคนพอร่างกายอ่อนแอ ก็เป็นไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ทว่าป่วยอย่างนี้บ่อยๆ แล้วจะต้องกินยาเรื่อยๆ คงไม่ดีนัก อีกทั้งคนกินยายากก็ยิ่งลำบากใจ วันนี้ 'มุมสุขภาพ' ภูมิใจแนะนำผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณลดไข้ได้ นั่นคือ 'แอปเปิ้ล'

    ในแอปเปิ้ล อุดมด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งวิตามินบี1 บี2 บี6 โพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก และแมกนีเซียม ช่วยคลายเครียด ล้างพิษในไตและตับ วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ไฟโตเคมิคอลเควอเซติน กรดมาลิก และเส้นใยแพ็กติน ให้สรรพคุณช่วยย่อย ล้างกระเพาะและลำไส้ ที่สำคัญน้ำซึ่งสกัดจากแอปเปิ้ล ดื่มแล้วช่วยลดไข้ได้

    เพื่อความอร่อย และเพิ่มคุณค่า ยังสามารถผสมน้ำแอปเปิ้ลรวมกับน้ำที่สกัดจากแครอต เป็นการเติมสรรพคุณกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกด้วย

    หากต้องการทำเป็นดื่มน้ำแอปเปิ้ลและแครอต มีส่วนผสมที่ต้องเตรียม ประกอบด้วย...
    • แอปเปิ้ลเขียว 1 ถ้วย
    • แครอต 1 ถ้วย
    • น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

    ขั้นตอนในการทำ
    ให้ล้างทำความสะอาดแอปเปิ้ลเขียวและแครอต จากนั้นขูดแครอตเป็นเส้นๆ ส่วนแอปเปิ้ลเขียวหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดเล็ก ได้แล้วนำส่วนผสมไปสกัดพร้อมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสร็จแล้วเติมน้ำแข็งป่นช่วยเพิ่มรสชาติ และควรดื่มทันที.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    แบงก์ชาติจัดพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เริ่มจอง21พ.ย.

    [​IMG]



    [​IMG]


    นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ วันที่ 5 ธ.ค. 2554 ธปท. น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณโดย จัดพิมพ์ธบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพรเจ้าอยู่หัวชนิด 100 บาท จำนวน 9,999,999 ฉบับ โดยมีลักษณะเด่น ด้วยการออกแบบที่สวยงาม มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากธนบัตรทั่วไป คือ ขนาด 84 มิลลิเมตร หมายถึงพระชนมพรรษา 84 พรรษา ยาว 162 มิลลิเมตร เมื่อบวกตัวเลขความยาวธนบัตรจะเท่ากับ 9 หมายถึง รัชกาลที่9

    โดยด้านหน้าของธนบัตร ได้อัญเชิญพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในฉลองพระองค์ครุย มหาจักรีบรมราชวงศ์บนลายพื้นสีเหลือบทอง เป็นภาพประธาน เบื้องซ้ายมีดวงฟอยล์สีเงินรูปวงกลมภายในมีอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และมีภาพประกอบอื่น คือ ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค. 2554 พระครุฑพ่าห์ และลายไทย


    เบื้องซ้ายมุมบนมีตัวเลขอารบิก “100” พิมพ์ด้วยหมึกพิเศษสีทองเหลือบเขียว เมื่อพลิกธนบัตรขึ้นและลงจะเห็นแถบแนวนอนสีทองเลื่อนขึ้นลงตามแนวตั้ง ซึ่งเทคนิคนี้ได้เริ่มใช้พิมพ์ธนบัตรในโลกมายังไม่ถึง1 ปี และครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในการใช้เทคนิคดังกล่าวในการพิมพ์ธนบัตรไทย


    ในส่วนหมวดอักษรและหมายเลข ธนบัตรทุกฉบับมีเลข 9 นำหน้าหมวดอักษาไทย “ธ” ซึ่งหมายถึงพระมหากษัตริย์ ตามด้วยเลขหมายจำนวน 7 หลัก


    ส่วนด้านหลัง ธนบัตร ภาพประธานเป็นพระบรมฉายาทิสลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตโครงการอ่างเก็บน้ำแม่เริมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงใหม่

    ส่วนภาพประกอบ เป็นภาพพระราชกรณียกิจ ได้แก่ 1.พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ในการเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎร์เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข พระบรมฉายาทิสลักษณ์ทรงปลูกหน้าแฝก แสดงถึงพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรดิน


    ภาพเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก และภาพกังหันน้ำชัยพัฒนา แสดงถึงพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาและจัดการทรัพยากรน้ำ และภาพที่แสดงถึงพระอัจฉริยภาพ ได้แก่ พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ทรงเป่าแซกโซโฟน แสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี ภาพเครื่องบินทำฝนหลวงด้วยเทคนิคการโจมตีเมฆฝนแบบซูเปอร์แซนด์วิช แสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


    ทั้งนี้ ประชาชน สามารถสั่งจองธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2554 เป็นต้นไป และรับธนบัตรได้ในวันที่ 2 ธ.ค. 2554 เป็นต้นไป ที่ทุกสาขาของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย


    โดยเลือกจองได้2 ประเภท คือ 1.ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมแผ่นพับ ราคาชุดละ 200 บาท และ 2.ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติฯ พร้อมแผ่นพับและบรรจุภัณฑ์ ราคาชุดละ 500 บาท


    ทั้งนี้ รายได้จากการจ่ายแลกธนบัตรฯ หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ธปท. จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนรายได้จากการจำหน่ายบรรจุภัณฑ์หลังหักค่าใช้จ่ายจะมอบให้มูลนิธิชัยพัฒนา


    นายประสาร กล่าวว่า ในโอกาสเดียวกันนี้ ธปท. ยังได้จัดนิทรรศการ “ภัทรมหาราช ธนบัตรชาติไทย” จะเป็นการนำเสนอเรื่องราวอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ พระอัจฉริยภาพ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ธปท. ได้อัญเชิญมาเป็นภาพด้านหลังธนบัตรรุ่นต่างๆ โดยใช้สื่อจัดแสดงที่ทันสมัย คัดเลือกเฉพาะสิ่งที่หาชมได้ยาก เช่น ภาพต้นแบบของธนบัตรที่ไม่เคยจัดแสดงที่ใดมาก่อน ธนบัตรรัชกาลปัจจุบันที่หายากที่สุด ธนบัตรเลขสวย เป็นต้น รวมถึงมีการจัดเสวนาและกรรมกรรมที่เกี่ยวเนื่อง


    โดยประชาชนสามารถเข้าชมนิทรรศการ ได้ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 2554-13 ม.ค. 2555 ตั้งแต่ 9.00-16.30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร) ณ ตำหนักสมเด็จวังบางขุนพรหม ในบริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ ถนนสามเสน เขตพระนคร กรุงเทพฯ



    -http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1321595331&grpid=02&catid=no-

    .

    http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1321595331&grpid=02&catid=no

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    'ปิยะ' แจ้งเตือนปชช.อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ
    ข่าวอาชญากรรม วันศุกร์ที่ 18 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554 17:45 น.


    "พล.ต.ต.ปิยะ" แจ้งเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หลอกให้โอนเงิน

    พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติในสถานการณ์อุทกภัย เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์อุทกภัย ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนไปยังประชาชนผู้ประสบอุทกภัย เนื่องจากในขณะนี้

    ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุผ่านฟ้า (191) มีแก๊งมิจฉาชีพ โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ติดต่อมา เพื่อเยียวยาจ่ายเงินน้ำท่วม และสอบถามเลขที่บัญชีพร้อมที่อยู่อย่างละเอียด

    จากนั้นจะหลอกให้ไปทำรายการโอนเงินที่ตู้เอทีเอ็ม จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอให้ติดตามข่าวสารการจ่ายเงินชดเชยจากทางรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางตำรวจจะได้ทำการสืบสวนติดตามตัวแก๊งคนร้ายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    Link : ปิยะ แจ้งเตือนปชช อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ



    -http://www.innnews.co.th/ปิยะ-แจ้งเตือนปชช-อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ--322113_05.html-

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เฮ! กทม. เตรียมเพิ่มเงินเยียวยาน้ำท่วมเป็น 6,500 บาท




    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    สุขุมพันธุ์ เผย เตรียมศึกษาความเป็นไปได้ เพิ่มเงินเยียวยาผู้ประสบภัยเป็น 6,500 บาท และลดขั้นตอนการรับเงินลง น่าจะรับเงินได้วันแรก 20 ธันวาคมนี้

    เมื่อวานนี้ (17 พฤศจิกายน) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม. กำลังศึกษาแนวทางการเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอีก 1,500 บาท เป็น 6,500 บาทต่อครัวเรือน จากเดิมที่รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ครัวเรือนละ 5,000 บาท

    ทั้งนี้ กทม.เตรียมให้ผู้อำนวยการเขตเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการรับเงินเยียวยาของผู้ ประสบอุทกภัยให้กระชับขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเอกสารต่าง ๆ เช่น ไม่จำเป็นต้องมีรูปถ่ายสภาพบ้านมาด้วย หรือ เจ้าของบ้านเช่าลงนามรับรอง แต่ถ้าเอกสารไม่ชัดเจน สามารถเรียกดูเพิ่มเติมได้ โดยคาดว่าผู้ประสบภัยสามารถรับเงินเยียวยาได้วันแรก วันที่ 20 ธันวาคมนี้

    อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ยังกล่าวว่า ยังไม่ได้คำนวนงบประมาณในการฟื้นฟูกรุงเทพฯ หลังน้ำท่วมครั้งนี้





    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://news.thaipbs.or.th/content/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2-%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%9E-

    [​IMG]





    -http://thaiflood.kapook.com/view33495.html-

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    กนง. ส่งสัญญาณลด ดบ. "ประสาร" ป้องรัฐล้วงทุนสำรองฯ แนะออกบาทบอนด์แทน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">18 พฤศจิกายน 2554 11:51 น.</td> <td align="left" valign="middle">


    </td></tr></tbody></table>

    ผู้ว่า ธปท. ส่งสัญญาณให้ตลาดการเงิน เผยการประชุม กนง. วันที่ 30 พ.ย.นี้ ยังมีพื้นที่เพียงพอให้ลดอัตรา ดบ.นโยบาย โดยการปรับให้อยู่ในระดับ 3.5% ครั้งที่แล้ว ใกล้เคียงกับคาดการ์เงินเฟ้อปี 55 พร้อมเกาะติดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ความเชื่อมั่นภาคเอกชน และการบริโภคอย่างใกล้ชิด พร้อมเตือน ประธาน กยอ. ล้วงทุนสำรองฯ โดยกู้ตรงจาก ธปท. ไม่สามารถทำได้ เพราะผิด กม.ปี 51 มาตรา 9 แนะออกบอนด์สกุลเงินบาท เพื่อกู้ตรงจาก ปชช. ในตลาดการเงิน

    นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีพื้นที่ให้ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ ที่ผ่านมาได้มีการปรับดอกเบี้ยนโยบายให้ใกล้เคียงอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของ ปี 2555 ที่อยู่ในระดับ 3.5% แล้ว และในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554 นั้น ขณะนี้ กนง.กำลังติดตามคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ความเชื่อมั่นภาคเอกชน และการบริโภคอย่างใกล้ชิด

    ส่วนกรณีคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคต ( กยอ.) ที่มีนายวีระพงศ์ รางมางกูร เป็นประธาน ต้องการกู้เงินเพื่อนำไปฟื้นฟู เศรษฐกิจหลังน้ำท่วม ก็สามารถออกพันธบัตรกู้จากตลาดการเงินได้โดยตรง โดยเฉพาะการกู้เป็นเงินบาทได้ยิ่งดี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ถูกกว่าการกู้ในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ เพราะปัจจุบันนี้ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบลไทยอายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.44 % ส่วนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ที่ 4.3 % อัตราดอกเบี้ยการกู้โดยการออกพันธบัตร กู้ในตลาดเงิน น่าจะอยู่ในระดับที่รัฐบาลรับได้

    ทั้งนี้ ผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันว่า การที่รัฐบาลจะกู้โดยตรงกับ ธปท. คงไม่สามารถทำได้ เพราะขัดกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธปท. ปี 2551 ในมาตรา 9 ที่ห้ามให้กู้โดยตรง ยกเว้นเป็นการดำเนินการในนโยบายการเงิน ฉะนั้น ถ้ารัฐบาลอยากจะกู้เพื่อฟื้นฟูประเทศ ก็สามารถกู้ในตลาดเงินได้เลย เพราะไม่กระทบสภาพคล่องในระบบ โดยสภาพคล่องในปัจจุบันมีเพียงพอที่จะรองรับ และทาง ธปท. สามารถดูแลได้



    -http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9540000147197-

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    QA: อพยพหนีน้ำท่วมไปอาศัยบ้านญาติ ต้องปรับตัวอย่างไร? <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#CCCCCC" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">18 พฤศจิกายน 2554 13:13 น.</td></tr></tbody></table>

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">By Lady Manager

    Question: อพยพหนีน้ำท่วมอาศัยบ้านญาติ ต้องปรับตัวอย่างไร?

    Answer :
    โดย นพ.โยธิน วิเชษฐวิชัย จิตแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช


    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="320"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="320"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> "อันดับแรกต้องคิดก่อนว่า ญาติที่เราไปอยู่ด้วยสนิทระดับไหน ถ้ามีทางเลือกอื่นที่หาที่อยู่เองได้ และต้องเปรียบเทียบว่า ญาติที่เราต้องไปอยู่ด้วยนั้น เราไม่ได้สนิทมาก หมอก็แนะนำว่า หาที่อยู่เองก่อนดีกว่า

    แต่หากจำเป็นจริงๆ ไม่มีใครเหลือแล้ว ที่อยู่ก็ไม่มี ต้องมาอยู่บ้านญาติ อย่างนั้นก็ต้องปรับใจ เราต้องเลือกคนที่รู้สึกคุ้นเคยกันมาก่อน จะปรับกันได้ง่ายหน่อย หรือหากไม่ใช่คนที่สนิทกันมาก หรือเป็นแค่ญาติห่างๆ อย่างน้อยต้องดูก่อนว่าเขาเป็นคนสไตล์อย่างไร

    เราต้องใช้สุภาษิตโบราณ คือ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม สังเกตเขาใช้ชีวิตอย่างไร อย่าไปรบกวนชีวิตประจำวันเขามาก


    อีกสุภาษิต คือ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ถ้ามีอะไรช่วยเขาได้ เราควรช่วย เช่น ล้างจาน กวาดบ้านถูบ้าน และเราต้องมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เช่น หากเราไปอยู่บ้านคนอื่น อาจจะต้องช่วยแชร์ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายที่แม้ว่าเราไม่ได้ใช้ แต่เป็นส่วนที่เป็นสาธารณูปโภคทั้งหลาย ควรมีน้ำใจช่วยกันบ้าง


    รวมทั้งค่าอาหาร ถึงแม้จะไม่ได้ทาน เราก็ควรจะช่วยเหลือตรงนี้บ้าง เราควรจะถือเป็นน้ำใจ ไม่ใช่การแชร์ มิฉะนั้นจะเป็นอเมริกันจนเกินไป ควรคิดว่าเป็นน้ำใจ


    และถ้ารู้สึกว่า มีผลกระทบหรือเรื่องขัดแย้งอะไรกัน ไม่ควรรอนาน เช่น การทะเลาะ ต้องรีบเคลียร์ ไม่ควรสะสมปัญหา แต่ถ้าเคลียร์ไม่ได้ ก็ควรจะควบคุมอารมณ์ให้ดี และอาจจะต้องหาที่อยู่ใหม่ แต่ส่วนใหญ่คนที่เราเลือกอยู่ด้วย น่าจะเป็นคนที่เราไว้ใจอยู่แล้ว


    ส่วนเรื่องจิตใจของเราเองก็ควรระวัง เราต้องลดความคาดหวังลง เช่น บางคนไปอยู่บ้านคนอื่น จะนึกว่าเหมือนอยู่บ้านตัวเอง ทำได้ทุกอย่าง นอนตื่นสาย หรือกลับบ้านตีสาม เขาต้องลงมาเปิดประตูให้ ลดความคาดหวังของตัวเอง และเห็นอกเห็นใจเขาด้วย นี่คือปัจจัยในตัวเราเอง ไม่คาดหวังมาก จะได้ไม่ผิดหวังมาก

    บางคนคิดว่า เขาเป็นญาติเราต้องดูแลเรา ทว่าคนที่เราไปอยู่เขาอาจจะมีปัญหาส่วนตัว โรงงานอาจจะถูกน้ำท่วม เขาก็มีปัญหาของเขา เราก็ต้องเข้าใจด้วย คิดถึงใจเขาใจเรา


    หากมีปัญหา เราควรมีการผ่อนคลายแบบไม่รบกวนใคร เช่น ออกกำลังกาย ถ้าไม่มีเวลาก็ทำสมาธิในห้อง ฟังเพลง แต่ต้องไม่ดังมาก เล่นอินเตอร์เน็ตในมือถือ

    หรืออีกปัญหาหนึ่งซึ่งพบเจอได้บ่อย หากเราชอบดูทีวีช่องนี้ติดละครเรื่องนี้ รายการช่องนั้น แต่ทางญาติเราดูอีกช่อง เราควรจะงดดูละครเรื่องนั้นไปก่อน จะช่วยลดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน เราควรตามใจเขาไปก่อน เพราะเราไปอยู่บ้านเขา พยายามเลี่ยงความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าชอบเรื่องเดียวกันก็โชคดีไป


    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> นอกจากการดูหนัง พูดคุยกันแล้ว การแบ่งปันทุกข์สุขกันก็จำเป็น เราควรระบายออกมา และหัดฟังเขาด้วย เป็นแบบ Give and Take ให้เขาพูดด้วย แล้วเราพูดด้วย ผลัดกัน ระบายในส่วนที่ว่าเราเจออะไรมาบ้างในชีวิต แชร์ประสบการณ์ที่เราเจอมา เพื่อจะสร้างความเห็นอกเห็นใจต่อกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น

    ทว่าเราต้องถามเขาด้วยว่า เขาเจออะไรมาบ้าง มีอะไรที่กระทบไหม บางคนไปอยู่บ้านเขาอย่างเดียว แต่ไม่เคยถามสารทุกข์สุขดิบ ธุรกิจอะไรเขาเลย"


    # ท่าน ผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*</td></tr></tbody></table>

    -http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000146550-

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...