เชิญร่วมอนุรักษ์พระกรุครับ

"ขอบคุณครับคุณโอ๋สะพาน"

 

"ขอบคุณครับคุณ stoes พระแก้วกรุฮอดบางพิมพ์ผมยอมรับว่าไม่เคยเห็นครับเช่นพระลีลาที่ละม้ายคล้ายคลึง พระลีลากำแพงขาว,พระพิฆเนศเป็นต้นครับ"

 

"พระคงกรุใหม่ จ.ลำพูนครับ"[/COLOR]

 

มองแล้วสวยสะอาดตาครับ ขอบคุณครับที่แชร์ให้ชม

 

"ขอบคุณครับคุณโอ๋สะพาน แต่ช่องข้อความของผมทำไม?จึงเล็กลงๆไม่ทราบครับ"

 

เช่นกันครับพี่ น่าจะเป็นที่เวป

 

"ขอบคุณครับคุณโอ๋สะพาน"

 

สวัสดีครับ

ผมต้องขอรบกวนคุณธรรมพลและคุณโอ๋สะพานอีกครั้ง คราวนี้เป็นหลวงพ่อทวด
ผมได้ลองตั้งกระทู้ถามไปในหมวดพระเครื่องแต่ไม่มีความเห็นเลยครับ พอดีผมต้องการบูชาหลวงพ่อทวดขึ่นคอและมีคนนำมาเสนอให้ จึงขอรบกวนช่วยดูให้หน่อยครับว่าพอจะรับเข้ามาได้ไหม....ขอขอบคุณล่วงหน้าในความกรุณาอีกครั้งครับ.

 

"สวัสดีครับ ไม่เป็นการรบกวนแต่อย่างใด?ครับ สำหรับพระหลวงพ่อทวด ผมเองยอมรับครับว่าไม่มีความชำนาญเลยครับ(ความจริงผมเองก็ไม่มีความชำนาญพระเครื่องสายใด?เป็นพิเศษครับ)ดังนั้นผมคิดว่า รอสมาชิกท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นจะดีกว่าครับ ขออภัยด้วยครับ"

 

หลวงปู่ทวดตามตำรับแล้ว ขึ้นคอได้ทุกองค์ใหม่เก่าหรือไม่แท้ ส่วนผมเองก็ไม่ถนัดนักครับ แต่มองรวมๆแล้วไม่ใช่ 97 ครับเป็นพระสร้างยุคหลัง

 

ขอบพระคุณทั้งสองท่านครับ รบกวนคุณstoes อีกซักท่านนะครับ.

 

พระเบญจภาคี คือ การนำเอาพระเครื่องที่เป็นพระเครื่องชั้นยอดมารวมกัน ๕ องค์ โดยผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่ง ในวงการพระเครื่องยุคแรก ที่วงการพระรู้จักท่านในนามปากกา "ตรียัมปวาย" เป็นผู้บัญญัติจัดตั้งขึ้น จนเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป

พระเบญจภาคี ๕ องค์ ประกอบด้วย พระสมเด็จ พระรอด พระซุ้มกอ พระนางพญา และ พระผงสุพรรณ

สืบต่อมาความนิยมใน พระเครื่องมีมากขึ้น ทำให้พระชุดเบญจภาคี ได้รับความนิยมสูง และเป็นที่ต้องการอย่างมาก ขณะเดียวกัน พระแต่ละองค์ในชุดเบญจภาคี ที่มีสภาพสวยงามจะต้องมีราคาเกินเลข ๗ หลักอย่างแน่นอน ถ้ารวมครบชุดแล้ว ราคาของพระชุดเบญจภาคีสวยๆ ชุดหนึ่งมิอาจจะประเมินเป็นตัวเลขได้ง่ายๆ กลายเป็นพระที่คนระดับเศรษฐี ผู้มีเงินทองมากสะสมเช่าหากัน

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้นักสะสมพระระดับชาวบ้านธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ มีโอกาสได้เป็นเจ้าของยาก แต่เมื่อศึกษาแล้วก็อยากจะมีโอกาสได้บูชาไว้บ้าง เพื่อเป็นสิริมงคล หรือเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ

แล้วจะทำอย่างไรดี สำหรับท่านที่พอมีกำลังทรัพย์อยู่บ้าง แม้จะไม่มากนักก็ตาม

ฉบับนี้ผู้เขียนจึงขอแนะนำพระอีกชุดหนึ่ง ที่มีประวัติความเป็นมา ประสบการณ์พุทธคุณเทียบเคียงแล้วไม่น้อยหน้า กว่าพระชุดเบญจภาคีเลย โดยขอบัญญัติจัดตั้งขึ้นเป็นพระเบญจภาคี ชุด ๒ หรืออาจเรียกว่า ชุดเล็ก ก็ได้ ดังนี้



๑.พระสมเด็จปิลันทน์ วัดระฆัง ธนบุรี

๒.พระคง จ.ลำพูน

๓.พระนางพญา กรุวัดโพธิ์ (กรุโรงทอ) จ.พิษณุโลก

๔.พระนางกำแพงกลีบบัว จ.กำแพงเพชร

๕.พระถ้ำเสือ จ.สุพรรณบุรี

โดยขออรรถาธิบายถึงเหตุผลและความเป็นมาดังนี้

๑.พระสมเด็จปิลันทน์ นำมาบูชาแทน พระสมเด็จวัดระฆัง หรือ พระสมเด็จ บางขุนพรหม ที่สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ในส่วนของ พระสมเด็จปิลันทน์ สร้างโดย พระพุทธบาทปิลันทน์ ซึ่งท่านได้บวชเรียนและเป็นลูกศิษย์ในสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แบบใกล้ชิดโดยตรง

กล่าวกันว่า เมื่อท่านได้สร้างพระเครื่องปิลันทน์ชุดนี้ขึ้นมา ท่านก็ได้นำผงวิเศษของอาจารย์ท่าน (สมเด็จฯ โต) มาเป็นส่วนผสมด้วย จึงจะเห็นได้ว่า พระปิลันทน์เป็นพระเนื้อเทาอมดำ และจะมีเนื้อมวลสารสีขาวเป็นก้อนเล็กผสมอยู่ นอกจากนี้ เมื่อท่านสร้างพระชุดนี้เสร็จแล้ว ท่านยังได้นำไปให้สมเด็จฯ โต อาจารย์ของท่านปลุกเสกอีกทีหนึ่งด้วย จึงเป็นที่แน่นอนว่า การนำพระสมเด็จปิลันทน์มาบูชาแทนพระสมเด็จ ของสมเด็จฯ โต จึงไม่แตกต่างกันอย่างแน่นอน

๒.พระคง จ.ลำพูน นำมาบูชาแทน พระรอด จ.ลำพูน เพราะป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยเดียวกัน โดยสกุลช่างในสมัยหริภุญชัย (ลำพูน)

พระคง จ.ลำพูน พบมากที่กรุวัดพระคงฤาษี มีเนื้อหามวลสารเหมือนกับพระรอดเป็นอย่างมาก เพียงแต่พระรอดจะพบเม็ดแร่น้อยกว่าพระคงเท่านั้นเอง และเมื่อมีการขุดพบพระรอดจากกรุวัดมหาวัน ก็มีการพบพระคงบรรจุรวมอยู่ในกรุนี้ด้วยเช่นกัน

ปัจจุบัน พระคง จ.ลำพูน ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มีสนนราคาแลกเปลี่ยนตั้งแต่หลักพัน จนถึงหลักแสน ในพระองค์ที่สวยงามคมชัด การปลอมแปลงจึงมีความประณีตใกล้เคียงกับของแท้มาก

แต่ในปัจจุบันที่พอจะเห็นชัดที่สุดของ พระคงปลอม นั้นคือ เม็ดบัวที่ฐานขององค์พระจะมีความคมชัดไม่เท่ากับของพระแท้ ซึ่งมีความชัดคมมากเหมือนกับการนำเม็ดบัวมาปั้นแล้วแปะติดเรียงกันทีละเม็ด ลองพิจารณาพระแท้ดู แล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจน

๓.พระนางพญา กรุวัดโพธิ์ (กรุโรงทอ) จ.พิษณุโลก นำมาบูชาแทน พระนางพญา กรุวัดนางพญา จ.พิษณุโลก

พระนางพญา กรุวัดนางพญา เป็นหนึ่งในพระเบญจภาคีชุดใหญ่ที่นิยมมานาน มีลักษณะเป็นพระเนื้อหยาบ ใช้ตอกตัดด้านข้างเป็นทรงสามเหลี่ยม มี ๒ ขนาด คือ ขนาดเล็ก และขนาดใหญ่

ส่วน พระนางพญา กรุวัดโพธิ์ (กรุโรงทอ) เป็นพระที่มีศิลปะแบบเดียวกับ พระนางพญา กรุวัดนางพญา ถ้ามองดูเผินๆ จะมีลักษณะคล้าย พระนางพญา พิมพ์สังฆาฏิ และพิมพ์ทรงเทวดา แต่มีขนาดเขื่องกว่าเล็กน้อย

วัดโพธิ์ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน ใต้โรงทอผ้าไทยมาเล็กน้อย (จึงได้ชื่อว่ากรุโรงทอ)

เมื่อนำพระนางพญา กรุวัดนางพญา กับพระนางพญา กรุวัดโพธิ์ มาเปรียบเทียบกัน ไม่ว่าลักษณะของศิลปะ สกุลช่าง ลักษณะเนื้อหา และกรรมวิธีการสร้างพระ การกดพิมพ์ ตัดข้าง ล้วนเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด รวมถึงประสบการณ์ของพุทธคุณจากผู้ที่อาราธนาติดตัว เป็นที่ยืนยันว่า สามารถบูชาพระนางพญา กรุวัดโพธิ์ แทน พระนางพญา กรุวัดนางพญา ได้ทุกประการ

๔.พระนางกำแพงกลีบบัว นำมาบูชาแทน พระกำแพงซุ้มกอ กรุทุ่งเศรษฐี จ.กำแพงเพชร มีการพบกรุพระเครื่องมากมาย หลายกรุ หลายพิมพ์ทรงมาตั้งแต่ก่อนรัชกาลที่ ๕ แต่ในวงการพระยกให้ พระกำแพงซุ้มกอ เป็นพระพิมพ์ที่นิยมที่สุด มีราคาแลกเปลี่ยนสูงมาก ไม่แพ้พระสมเด็จวัดระฆังเลยทีเดียว

แต่ก็มีพระอีกหลายพิมพ์ที่พบจากกรุเดียวกับพระกำแพงซุ้มกอ จากกรุวัดพิกุล วัดบรมธาตุ เป็นต้น

ที่มีขนาดและเนื้อหาใกล้เคียงกับพระกำแพงซุ้มกอมาก คือ พระกำแพงกลีบบัว หรือ พระกำแพงเม็ดมะลื่น นั่นเอง

จากศิลปะที่แม้ว่าพระกำแพงซุ้มกอ เป็นพระปางสมาธิ ส่วนพระกำแพงกลีบบัวเป็นพระมารวิชัย แต่พระทั้งสองแบบต่างก็เป็นพระศิลปะสุโขทัย และบรรจุในกรุเดียวกันด้วย

พระกำแพงกลีบบัวมีด้วยกันหลายพิมพ์ แต่ที่นิยมมี ๓ พิมพ์ ได้แก่ พิมพ์เกศปลี (มือตกเข่า) ซึ่งสัณฐานของพระพิมพ์นี้จะมีทรงแบบป้อมๆ ปีกห่อเข้าหาองค์พระ คล้ายกลีบของดอกบัวตูมจริงๆ พบมากที่กรุวัดพิกุล เช่นเดียวกับพระซุ้มกอ

พระนางกำแพงกลีบบัว พิมพ์เกศแฉก มีสัณฐานยาวกว่าพิมพ์เกศปลี และปลายเกศแตกออกเป็นสองแฉก

พระนางกำแพงกลีบบัว พิมพ์เกศตุ้ม มีลักษณะองค์พระป้อม เศียรโต มองคล้ายพระกำแพงเม็ดมะลื่นมาก แต่ผนังปีกองค์พระจะเป็นแบบลอนคลื่น ไม่เรียบตรง พบหลายกรุ เช่น วัดบรมธาตุ กรุวัดพระแก้ว กรุท่าเดื่อ เป็นต้น

พระนางกำแพงกลีบบัว เป็นพระที่มีศิลปะเนื้อหาและพุทธคุณไม่ต่างจากพระกำแพงซุ้มกอ เพราะเป็นพระที่พบจากกรุเดียวกัน ที่มีในจารึกลานเงินบันทึกไว้เลยว่า "มึงมีกูแล้วไม่จน"

๕.พระถ้ำเสือ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นำมาบูชาแทนพระผงสุพรรณ จ.สุพรรณบุรี เป็นพระแบบเดียว ในชุดที่ไม่ได้มาจากกรุหรือศิลปะเดียวกัน เนื่องด้วยในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี มีพระผงสุพรรณเป็นพระเนื้อดินแบบเดียวเท่านั้น

แต่ด้วยขนาดของพระถ้ำเสือที่ใกล้เคียงกับพระผงสุพรรณ และที่สำคัญประสบการณ์พุทธคุณ ที่เข้มขลังของพระถ้ำเสือ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าพระผงสุพรรณ ขนาดที่ว่าชาวสุพรรณบุรีเองนิยมใช้พระถ้ำเสืออย่างมั่นใจมาก ไม่น้อยกว่าพระผงสุพรรณเลย

พระถ้ำเสือ เป็นพระที่ขุดพบบนเทือกเขาอู่ทองหลายกรุ เช่น กรุเขาถ้ำเสือ กรุวัดหลวง กรุวัดเขาพระ กรุวัดดีสลัก เป็นต้น

พระถ้ำเสือ แบ่งขนาดองค์พระออกเป็น ๓ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก แต่ที่น่าจะจัดเข้าพระชุดเล็กนี้ได้นั้น น่าจะเป็น พระถ้ำเสือ พิมพ์เล็ก

พระถ้ำเสือเป็นพระเนื้อดินแห้งแกร่ง มีเม็ดแร่ปะปน แต่เวลาสัมผัสเนื้อจะดูจัดเข้ม ในซอกผนังขององค์พระมักปรากฏ รอยเหนอะของดินอยู่ทั่วไป ด้านหลังอูมเป็นรอยนิ้วมือ หรือรอยปาดเล็กน้อย สีของพระถ้ำเสือที่พบมากคือ สีพิกุล หรือโทนแดง

พุทธคุณเด่นมากทางแคล้วคลาดภัยพิบัติ และคงกระพันไม่แพ้ พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ

พระเครื่องทั้ง ๕ แบบ ที่นำมาจัดเป็น พระเบญจภาคีชุด ๒ หรือ ชุดเล็ก เป็นพระที่อยู่ในอันดับยอดนิยม ของวงการพระอยู่ก่อนแล้ว และได้มีผู้ที่นำมาใช้เป็นชุดแบบนี้อยู่พอประมาณ มิได้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนเพียงคนเดียว แต่ผู้เขียนเห็นว่า พระชุดนี้มีที่มา ประวัติ และประสบการณ์ ที่นักสะสมพระหลายท่านมีความฝันอยากที่จะบูชาพระเบญจภาคี ชุดใหญ่ติดกาย แต่ต้องยอมรับเรื่องค่านิยมที่สูงมากๆ ลองมามองพระเบญจภาคีชุดย่อยนี้ดูบ้าง รับรองว่า พระเบญจภาคี ชุดเล็กนี้มีประสบการณ์และพุทธคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า พระเบญจภาคี ชุดใหญ่ อย่างแน่นอ

 

"ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆที่สมาชิกจำนวนหนึ่งอาจไม่เคยได้อ่านมาก่อนครับ"

 

ขอบคุณมากสำหรับความรู้ครับ แต่ถึงจะเป็นเบญจภาคีชุดเล็กแต่คนเบี้ยน้อยอย่างผมก็ยังแพงอยู่ดีครับ T_T

 

"พระเปิม กรุดอนแก้ว จ.ลำพูน ครับ"

 

พระกรุกำแพงเพชรมีอยู่หลายกรุมากครับ
คาดว่าสร้างในยุคเดียวกันประมาณหกร้อยกว่าปีมาแล้ว
การแยกพระประเภทเดียวกันว่าขึ้นจากกรุใดนั้นทำได้ยากพอสมควร
จะทำได้บางประเภทเท่านั้น กรุที่นิยมก็คือ กรุวัดพิกุล กรุพระบรมธาตุ
กรุวัดป่ามืด ฯลฯ พระทุกกรุที่ขึ้นมาพุทธคุณจะเด่นทางโภคทรัพย์เหมือนกัน

พระที่จะแทนซุ้มกอ ก็อาจจะเป็น พระกำแพงเม็ดมะลื่นก็แสนต้น
นางกำแพงพิมพ์ตื้นก็หมื่นปลายถึงแสน นางกำแพงกลีบบัวมีตั้งแต่หมื่นต้นถึงหมื่นกลาง หมื่นปลายก็มีแล้วแต่ความสวย (องค์ทีเนื้อดีๆหนึกนุ่มไม่แพ้ซุ้มกอ) นางกำแพงฐานตารางก็หมื่นต้น

พระที่จะแทนพระนางพญา ก็เป็นนางพญากรุโรงทอก็แสนต้น
หรือจะเป็นวัดกรุวัดจุฬามณีก็ดีนะครับ พุทธคุณก็ทางเดียวกับพระนางพญา
มีพิมพ์ให้เลือกเยอะ พิมพ์หน้าฤาษีหลังหน้าก็ประมาณหมื่นต้นถึงหมื่นกลาง ถ้าเป็นหน้าเดียวอย่างซุ้มขีดก็แคหมื่นกว่าๆ เท่านั้นครับ

 

"พระคง กรุเก่า จ.ลำพูน ครับ"

 

เจอแล้วกระทู้นี้ แหะๆ

เอาพระกรุมาให้ช่วยพิจารณาครับ ผมอยู่ทางใต้ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้ครับ ไม่รู้ว่าที่มีแท้ไม่แท้ยังงัย และไม่แน่ใจว่าเป็นพระที่เค้าเล่นกันรึป่าว รู้แค่ว่าที่บ้านมีอยู่หลายองค์ เผื่อโชคดีครับ

รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ..

 

ผมขอแจมด้วย แต่ไม่ทราบว่า ผม ลงภาพ แบบนี้ได้ป่าว เพราะผม มีแต่ภาพอยู่ในใบประกาศได้รับรางวัลมา ถ้าไม่ได้ บอกด้วยนะครับผมจะได้ไม่ทำอีก ​

พระนางพญาเสน่ห์จันทน์
ประวัติพระนางพญาเสน่ห์จันทน์
พระนางพญาเสน่ห์จันทน์ เป็นพระที่กรมศิลปากรได้ทำการเปิดกรุพระได้จาก
วัดร้างนอกเมืองสุโขทัยเก่า 2 วัดด้วยกัน เมื่อคราวขุดแต่งบูรณะโบราณ สถานเมืองเก่าของ
จังหวัดสุโขทัย และได้ทำการเปิดกรุที่วัดต้นราวจันทน์เป็นวัดแรกเมื่อปี พ.ศ.2506 กับวัดตาเถรขึงหนัง
(วัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม) เป็นกรุที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2508
สำหรับการเปิดกรุนั้น ปรากฏว่ามีกลิ่นหอมตลบอบอวลออกมาเป็นกลิ่นหอมที่รัญจวนใจยิ่งนัก
กลิ่นหอมประหลาดนี้ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นกลิ่นหอมดอกว่านเสน่ห์จันทน์ พุทธคุณส่วนใหญ่
ดีเยี่ยมในด้าน เมตตามหานิยม และก็มีบ้างในด้านของ ความแคล้วคลาด และ ปลอดภัย
พระเครื่องที่พบภายในกรุนั้นก็อบอวลด้วยกลิ่นว่านเหมือนกัน จึงได้ขนานนามเป็นมงคลว่า
พระนางพญาเสน่ห์ ด้วยมีพุทธลักษณะขององค์พระละม้ายกับพระนางพญาของ เมืองพิษณุโลก
และกำแพงเพชร
พระนางพญาเสน่ห์จันทน์ที่ได้เปิดกรุทั้ง 2 ครั้งนี้ปรากฏว่ามีแต่เนื้อดินผสมว่านกับผงเกสรหอม
เนื้อค่อนข้างร่วนแก่ดินมีทั้งกรวดและทรายผสมอยู่ส่วนด้านหลังขององค์พระจะมีลายนิ้วมือ
ปรากฏอยู่​

พระนางพญาเสน่ห์จันทน์ สุโขทัย​

​

พระซุ้มกอ พิมพใหญ่ มี กนก​

​

 

"รอรับทราบการแสดงความคิดเห็นของคุณ Amuletism,คุณโอ๋สะพาน,สมาชิกท่านอื่นๆด้วยกันนะครับคุณ nmomthon"