พระธาตุนาดูน พิมพ์นาคปรกใหญ่ เนื้อแกร่งเป็นหินไปแล้วครับ

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย พระธาต, 27 มกราคม 2012.

  1. มหากาพย์

    มหากาพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +492


    รบกวนพี่ Stoes และพี่ๆทุกท่านพิจารณาให้ผมหน่อยครับ ผมไม่ได้มาลองของใครนะครับ ผมดูไม่เป็นจริงๆครับ ขอบพระคุณครับ
     
  2. พระธาต

    พระธาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +115
    สวัสดีทุกท่านครับ

    สวัสดีคุณ พรหมธรรม คุณมหากาพย์ครับ
    (วันนี้ฟ้าฝนจะมาอีกแล้ว)

    แวะทาน เสตกปลา แซลมอน (ไปพลางๆ)

    รอท่านstoes และผู้เชี่ยวชาญครับ
    :cool::cool:



    [​IMG]
     
  3. มหากาพย์

    มหากาพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +492

    สวัสดีครับพี่ พระธาต เห็นแล้วหิวเลยครับพี่ อิอิ

    ผมรอพี่ๆมาช่วยพิจารณาพระนาดูนให้ผมต่อครับ ^^
     
  4. พรหมธรรม

    พรหมธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +496
    จริงๆไม่อยากเม้นท์พระคนอื่นเท่าไหร่
    เสนอข้อสังเกตุนิดนึง ดูภาพพระกรุนาดูนพิมพ์ใหญ่มามาก
    จะไม่เห็นหน้าตา (ตา ปาก จมูก ไม่มี ถ้าปรกเมืองไพรจะมีหน้าตาคมชัด)
    ถ้ามีมักจะปลอมเพราะของผมก็มี(ปลอม)
    เนื้อก็ดูไม่ใช่
    แต่รอ ท่านSTOES จะชัวร์กว่าครับ
     
  5. มหากาพย์

    มหากาพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    985
    ค่าพลัง:
    +492

    ขอบพระคุณครับ พี่พรหมธรรม สำหรับข้อคิดเห็น

    ขออนุญาติรอคำตอบจากพี่ Stoes กับพี่ๆท่านอื่นด้วยครับ
     
  6. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ขอโทษครับที่ตอบช้า ปรกเมืองไพร ร้อยเอ็ด
    องค์นี้พิมพ์ไม่ลึก เนื้อไม่เก่าครับ

    ถ้าได้ตัวอย่างข้างล่างก็ดีครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    ผมไม่กล้าชีขาดครับคุณพรหมธรรม ต้องดูองค์จริงอย่างเดียว
    หรือถ่ายภาพขั้นเทพ จึงจะบอกได้
     
  8. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    ตอบคุณเรือธรรมเป็นการล้อพิมพ์ ปางปฏิหารห์ ชนิดหนา
    คือมีพระสามองค์อยู่ข้างบน มีพระนอนสองข้างและชั้นปกติ
    มีพระโมคลาและพระสารีบุตร ตรงกลางมีพระพุทธ ครับ
     
  9. พรหมธรรม

    พรหมธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +496
    ขอบคุณครับท่านstoes
     
  10. pk 05

    pk 05 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2012
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +14
    การที่พระเนื้อดิน หรือไม้่กลายเป็นหินนั้นต้องมีปัจจัยอะไรในการกลายสภาพ เรื่องนี้เคยศึกษาถึงประเด็นนี้ไมครับ ว่างๆลองเข้าไปค้นหาดูข้อมูลจากกรมธรณีวิทยาดูเล่นๆ มีคอมอยู่ในมืออย่าให้เสียเปล่า โดยเฉพาะการที่จะศึกษาพระกรุที่เราไม่มีทางรู้ถึงประวัติที่มาและขั้นตอนการผลิตอย่างชัดเจน ทุกเหตุผลจึงอยู่บนฐานของคำว่า "น่าจะเป็น" หรือเดา แต่การเดานั้นต้องอาศัยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานของการตั้งประเด็นและหาบทสรุป
    โดยเฉพาะพระเนื้อดิน ผมขอแนะนำผู้ที่จะเล่นพระเนื้อดินให้ศึกษาถึงเรื่องเครื่องปั้นดินเผายุคก่อนประวัติศาสตร์ จะมีให้เห็นมากมายที่ขุดพบในประเทศไทย ที่มาที่ไปและขั้นตอนของวิวัฒนาการของเครื่องปั้นดินเผาในแต่ละยุคสมัยเช่นบ้านเชียงเป็นต้น และที่สำคัญคือ ศิลปะ ขั้นตอนการผลิต และวิธีการผลิต เราจะรู้ทันทีว่า สิ่งที่เราได้ความรู้หรือได้อ่านบทวิจารณ์ของเหล่าบรรดาที่ตั้งตนว่าตนคือกูรู หรือผู้เชี่ยวชาญนั้น ทำให้เราหลงทางเข้าป่าไปเลย โอกาสในการที่จะเล่นพระเก๊เป็นแท้ พระแท้เป็นเก๊ และยิ่งเข้าไปในตลาดพระ ยิ่งลงเหวไปเลย ผมเคยคุยกันเซียนใหญ่คนหนึ่ง และผมตั้งคำถามให้เค้าว่า คุณรู้ไมว่า ในดินนี้มีอะไรที่เป็นส่วนประกอบ เค้าย้อนถามผมว่า หมายความว่าไง แค่นี้ผมก็หัวเราะแล้วเลิกคุยเลย สรุปคือ กูยกหางตนเองว่ากูคือเซียน ที่มีเิงินพร้อมที่จะกำหนดราคาซื้อขาย ซึ่งนั้นก็หมายความว่า กูนี้แหละ จะซื้อ หรือไม่ซื้อ จบแค่นี้เองเ้หตุผล ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ไม่เชื่อลองพิสูจได้ ยกเซียนขึ้นมาคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใคร แล้วลองดูประวัติที่มาซิ การศึกษาจบมาจากไหน สาขาอะไร จบปีไหน ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นนักวิชาการทางธรณีวิทยาระดับ9 ศ. เลยนะครับ เพื่อนผมคนนี้เค้าบอกว่า กูเรียนและวิจัยมาแทบตายทั้งขุดทั้งเจาะ ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ขุดแล้วขุดอีกส่องแล้วส่้องอีก เครื่องมือในการวิจัยเป็นล้านและเครื่องบางตัวประเทศไทยไม่มีต้องส่งไปต่างประเทศเพื่อพิสูจ กูยอมรับจริงๆว่าพวกเซียนพระนี้เก่งจริงๆ ยังเคยเป็นบทสนทนาในวงกาแฟกับนักวิชาการต่างประเทศที่มาขุดสำรวจในประเทศไทย ที่เค้าไปเห็นคนไทยยืนส่องพระ ซึ่งฝรั่งคนนั้นก็งงว่าเค้าทำอะไร เค้าเลยเข้าไปดูแล้วยืนฟังโดยผ่านเจ้าหน้าที่คนไทยที่มากับฝรั่งคนนั้น ทำเอาฝรั่งคนนั้นจะกลับไปที่อเมริกาแล้วเอาปริญญามาให้คนเหล่านี้จริงๆ แล้วก็กลายเป็นเรื่องตลกในหมู่นักวิชาการธรณีวิทยา ไม่เชื่อลองดูไปคุยดู ผมฝังเค้าพูดแล้วแทบจะถอดกางเกงมาคุมหัว ส่วนที่มาของคนที่เรียกตนว่าเซียนพระก็ เพียงชะตาหนุนให้บังเอิญมีพระแล้วขายได้สร้างเงินและฐานะ นี้แหละปัจจัยของคำว่าเซียน คราวนี้ก็ถามตนเองว่าคุณเล่นพระเพื่ออะไร เพื่อซื้อขายทำธุรกิจ หรือเพื่อศรัทธาในพระพุทธศาสนา หรือว่าเล่นตามกระแส หรือเล่นเพระนึกสนุกๆ ถ้าคุณคิดที่จะเล่นแบบผลันตัวเป็นเซียน ก็เดินตามตัวอย่างเซียนพระเลย แล้วศึกษาแบบเค้าความรู้ที่คุณได้มาก็จะถอดแบบมาจากเค้า ถ้าคุณคิดที่จะเล่นเพื่อศึกษาทั้งศิลปะและชอบวัตถุโบราณ เรื่องนี้คุณควรที่จะอิงวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ประวัติเป็นลอง เพราะประวัติก็ไม่ต่างอะไรกับการฟังนิทานเรื่องหนึ่ง เพราะคุณอย่างลืมว่า ไม่มีใครที่เกิดทัน แล้วถามว่า คนเหล่านี้เค้ารู้ได้ไง ก็ฟังต่อๆกันมา จิตวิทยาเบื้องต้นที่เราเรียนตอน ม. ปลาย ที่ว่าด้วยการพัฒนาของการสื่อความหมาย การสนทนาเริ่มจากใส้เดือน ไปจบลงที่มังกรเก้าหัว นี้และปากต่อปาก เช่นเรื่องของพระรอดกรุวัดมหาวัน ที่ผมอ่านในกระทู้ต่างๆของเวปต่างๆ ผมเองก็งง ผมเคยเดินทางไปศึกษาข้อมูลจากโบราณสถานแหล่งเก็บข้อมูลทั้งของลำพูน แม่จันเชียงราย ผมพยายามที่จะหาข้อมูลเรื่องของขั้นตอนการผลิตพระรอด ไม่มีระบุแม้แต่วัตถุประสงค์ของการผลิตแม้แต่บันทันเดียว หรือแม้แต่อักษรเดียวเลย แล้วเค้ารู้ได้อย่างไรว่า มีส่วนผสมอะไรในพระองค์นี้ จะบอกว่ามาจากการส่องด้วยกล้องวิเศษที่คนอื่นไม่มี มีที่เค้าคนเดียว มองเห็นเหตุการณ์ในครั้งอดีตกาล ทำให้รู้ว่าขั้นตอนการผลิต และวัตถุประสงค์ในการสร้างมีที่มาที่ไปอย่างไร และใครเป็นคนสร้าง สมเป็นเซียนจริงๆ ทำให้ผมเข้าใจได้เลยว่้า ตำว่าเซียนพระนั้นมาจากไหน เก่งจริงๆ ก็ดูจากการถอดส่วนประกอบขององค์พระออกมายิ่งกว่าห้องวิจัย รู้หมดเลยมีส่วนผสมอะไรบ้าง แร่อะไรบ้าง ว่านอะไรบ้าง ว่าน 108 โอโห แบบนี้ต้องให้ อย เชิญไปเป็นประธาน ไปส่องสิ้นค้าในตลาดหน่อย ประหยัดงบประมาณแผ่นดินที่ต้องไปซื้อเครื่องมือวิจัย แร่นี้ยังพอทำความเข้าในได้อย่างมีเหตุผล ส่วนว่านนี้ซิ ผ่านความร้อนเป็นพัน
    องศา แม้แต่ขี้เถ่าว่านยังไม่เหลือให้ส่อง สีขององค์พระเกิดจากอะไร ทำไมองค์นี้ถึงเป็นสีดำ ทำไมเป็นสีแดง ทำไมถึงเป็นสีต่างๆกัน คุณลองไปศึกษาจากโรงงานเซรามิคดูนะครับ หรือไปที่ปากเกร็ดที่เค้าทำกระถาง ไปดูขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การหาแหล่งดิน การเตรียมดิน การแกะแม่พิมพ์ การถอดแบบ การเตรียมพิมพ์ไปจนการเผา ขั้นตอนทั้งหมดมีกี่ขั้นตอน เราต้องศึกษาครับแล้วเราจะรู้ทันทีว่าที่เราอ่านและฟังมานั้น เป็นเช่นไร ทำไมพระบางองค์มีสีสองสีในองค์เดียวกัน ทำไมพระของเราไม่มีจุดตำหนิเหมือนของเซียนทั้งหลาย คำถามแค่สองคำถาม ตำตอบมากมาย ถ้าจะเอาคำตอบแบบนักวิชาการทั้งภาควิชาธรณีวิทยา และภาควิชาเซรามิคหรือเครื่องปั้นดินเผา คุณก็ต้องเอาสมุดมาจดในคำอธิบายแล้ว แต่ถ้าคุณเอาคำตอบแบบเซียนพระ มีคำเดียวสั้นๆว่า " ของกูแท้ ของมึงเก๊ " จบ
     
  11. กตเวท

    กตเวท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +185
    พระนาคปรกเล็กนาดูนชุดที่1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0202.JPG
      IMG_0202.JPG
      ขนาดไฟล์:
      190.4 KB
      เปิดดู:
      507
    • IMG_0207.JPG
      IMG_0207.JPG
      ขนาดไฟล์:
      171.6 KB
      เปิดดู:
      275
    • IMG_0244.JPG
      IMG_0244.JPG
      ขนาดไฟล์:
      133.2 KB
      เปิดดู:
      203
    • IMG_0247.JPG
      IMG_0247.JPG
      ขนาดไฟล์:
      129.4 KB
      เปิดดู:
      238
    • 2.1.jpg
      2.1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      91.7 KB
      เปิดดู:
      307
  12. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    เขียนดีมากครับ แต่นิยามของพระแท้บางครั้งไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากมาย
    ตามหลักวิชาการครับ จริงครับที่เซียนต้องการขายพระให้ได้ราคา
    คนซื้อต้องการซื้อถูก นี่คือวัฒนะธรรมหรือคุณลักษณะของวงการพระ
    ที่สืบทอดกันมายาวนานเป็นสิบ ๆ ปี ถ้าไม่จริงไม่แท้สักวันก็ต้องบอกว่าจบ เช่นกัน
    แต่ถ้าสิ่ง ๆ นั้นยังดำเนินอยู่ก็แปลว่ายังมีอะไรดีอยู่

    อย่างในสารคดีตามรอยพระพุทธเจ้า ยังวิจารณ์ว่า
    พุทธดั่งเดิมนิกาย เถรวาท (หินยาน)และ พุทธนิกาย มหายาน
    ที่พุทธศาสนาสืบทอดต่อกันมาได้ยาวนานเป็นพันปีต้องขอบคุณพุทธฝ่ายมหายาน วงการพระถ้าไม่มีราคาค่างวดไม่มีความเชื่อ ก็จะจบไปนานแล้ว

    รายละเอียดเรื่องความแตกต่างระหว่าง หินยาน และมหายาน

    บทวิเคราะห์ข้อแตกต่าง ระหว่างมหายานกับเถรวาท ( หินยาน )
    <!--colorc--><!--/colorc-->

    <!--coloro:green-->
    <!--/coloro-->พุทธศาสนาฝ่ายมหายานกับฝ่ายเถรวาท ต่างเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า จุดมุ่งหมาย
    สูงสุดของสองนิกายนี้มีอยุ่ร่วมกันคือ วิมุตติ ความหลุดพ้น จะมีข้อแตกต่างเพียงนิกาย
    ว่า จะตีความตามพระธรรมวินัยอย่างไร และเมื่อนำสารัตถะของนิกายมหายานกับหินยาน
    มาเปรียบเทียบกันดู เราก็จะได้รับประโยชน์ทางปัญญาดังนี้คือ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->

    ๑. เถรวาท ( หินยาน ) ยึดมั่นอยู่ในธรรมวินัยอันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าตามแบบเดิม
    ตั้งแต่ครั้งปฐมสังคายนา ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ยกพระธรรมวินัยไว้ในฐานะอันสูงส่งและ
    ศักดิสิทธิ์ แม้พระไตรปิฎกก็ไม่เปลี่ยนแปลง คงรักษาของเดิมซึ่งเป็นภาษามคธเอาไว้เป็นหลัก
    เป็นธรรมนูญของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ใครจะแปลเป็นภาษาอะไรก็แปลไป แต่ไม่ทิ้ง
    ของเดิมคงรักษาของเดิมภาษามคธเป็นหลัก

    มหายานเป็นพวกก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลง มองพระพุทธพจน์ในแง่ปรัชญา วิพากษ์วิจารณ์
    ความหมายพระพุทธพจน์ไปในแง่ต่าง ๆ ตามความคิดของบุคคลแต่ละบุคคล ปรับปรุงธรรม
    วินัยไปตามกาละเทศะ เพื่อความเหมาะสมแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์แก่
    พระพุทธศาสนา มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาจีน แล้วใช้ต้นฉบับนั้นเป็นหลัก

    ๒. เถรวาทตั้งพระพุทธพจน์เป็นแกนกลาง แล้วดึงบุคคลให้เข้าหาพระพุทธพจน์ โดยอ้างเหตุผล
    เป็นเครื่องจูงใจ

    มหายาน ตั้งบุคคลเป็นแกนกลางคำนึงถึงสติปัญญาความคิดความรู้และความสามารถของบุคคล
    เป็นเกณฑ์ แทนที่จะปรับบุคคลให้เข้าหาพระพุทธพจน์ แต่ปรับพระพุทธพจน์เข้าหาบุคคล เพื่อ
    ประโยชน์แก่การเผยแพร่พระพุทธศาสนา ผ่อนปรนจนบางนิกายอนุมัติให้พระสงฆ์มีครอบครัว
    ได้ เพื่อประโยชน์ทางการเผยแพร่

    ๓. เถรวาทตั้งเป้าหมายและวิธีพื่อบรรลุเป้าหมายไว้สูงและยาก ต้องอาศัยความตั้งใจจริง ๆ
    จึงจะกล้าดำเนินการตามเป้าหมายและบรรลุตรงเป้าหมายนั้น ทำให้สามัญชนโดยทั่วไปมอง
    พระพุทธศาสนาในสิ่งสูงสุดยากที่จะเข้าถึง

    มหายาน ตั้งเป้าหมายไว้ง่าย ๆ โดยใช้หลักจิตวิทยาชั้นสูงจูงใจคนคือ ปรับพระพุทธพจน์ให้เข้า
    กับบุคคล ให้คนทั่วไปมีความรู้สึกว่าพุทธภาวะนั้นอยู่แค่เอื้อม เพราะมีอยู่ในทุกคนแล้ว ดังนั้น
    บุคคลทุกเพศทุกวัยก็อาจบรรลุพุทธธรรมได้ โดยไม่ต้องอาศัยวิธีที่ยากมากหรือการปฏิบัติมากนัก

    ๔.เถรวาทมุ่งที่ปัจเจกภาพหรือคุณภาพเฉพาะบุคคล คือ เริ่มที่ตนแล้วจึงไปหาผู้อื่น หมายถึงว่า
    เถรวาทถือคุณภาพเป็นสำคัญ

    มหายาน ถือ ปริมาณเป็นสำคัญ โดยมุ่งเอาปริมาณไว้ก่อน เพราะถือว่า คุณภาพย่อมเกิดจากปริมาณ
    โดยตั้งสมมติฐานไว้ว่า ในจำนวนผู้เศึกษา หรือใฝ่ใจในการปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมากนั้น ย่อมจะ
    มีอยู่จำนวนหนึ่งที่เข้าถึงพุทธธรรม และย่อมรู้แจ้งเห็นจริงในพุทธธรรมเองได้

    ๕. เกี่ยวกับอุดมคติในการดำเนินงาน การเผยแพร่เถรวาทมุ่งที่ตนเองก่อน คือตนเองต้องรู้ก่อน
    แล้วจึงสอนจึงช่วยผู้อื่น มิฉะนั้นจะนำอะไรไปช่วยเขาเมื่อตนเองยังไม่มีอะไร ยังไม่รู้อะไร

    มหายาน วางอุดมคติจูงใจไว้ก่อนว่าต้องบำเพ็ญตนเพื่อผู้อื่นก่อน เพื่อตนเองทีหลัง มีปณิธานว่า
    จะช่วยขนสัตว์ให้พ้นโอฆสงสารบรรลุะรรมจนหมดสิ้นก่อน ตนจึงขอบรรลุธรรมเป็นคนสุดท้าย

    ๖. ศูนย์กลางของการนับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทนั้นยึดมั่นอยู่กับพระสงฆ์ พระสงฆ์เป็น
    ผู้รักษาแบบแผนทำให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจว่า การจรรโลงพระพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องของ
    พระสงฆ์ พระสงฆ์เป็นผู้นำ พุทธบริษัทอื่นเป็นผู้ตาม

    มหายาน ศูนย์กลางของการนับถือพระพุทธศาสนามิได้อยู่เฉพาะในวงการคณะสงฆ์เท่านั้น ผู้สอน
    พยายามหลีกเลี่ยงและเบนความสนใจมิให้ติดอยู่ที่พระสงฆ์ เพื่อทำให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจว่า
    คนทุกคนมีส่วนจรรโลงพระพุทธศาสนาดังจะเห็นได้ว่า พระโพธิสัตว์ของฝ่ายมหายานจะมีทั้ง
    บรรพชิต ทั้งคฤหัสถ์ ช่วยกันประกาศพระพุทธศาสนา

    ๗. เถรวาท ถือเรื่องอริยสัจน์เป็นสำคัญ มหายานถือเรื่องบารมีเป็นสำคัญ เพื่อความเป็นพระโพธิสัตว์

    ๘. เถรวาท มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว คือ พระสมณโคดม หรือ พระศากยมุนี ( ที่กล่าวว่า
    มีพระพุทธเจ้ามากพระองค์และติดมาในพระไตรปิฎกนั้น ท่านผู้รู้ทั้งบรรพชิตทั้งคฤหัสถ์ว่า
    ติดมาจากคติของมหายาน )

    มหายาน ถือว่ามีมาก ประดุจเม็ดกรวดทรายในมหาสมุทร ( เพื่อจูงใจให้คนพอใจปรารถนาเป็น
    พระโพธิสัตว์ ให้เห็นว่า ไม่ยากจนเกินไปจนน่าท้อ ) บางนิกายแสดงว่ามีพระพุทธเจ้าองค์ดั้งเดิม
    คือ อาทิพุทธ ( ดุจปราตมันของพราหมณ์ ) เมื่อ อาทิพุทธพุทธเจริญญาณ เกิดเป็น ฌานิพุทธ คือ
    พระพุทธเจ้าเกิดจากฌานของอาทิพุทธอีกเป็นอันมาก เช่น พระไวโรจนพุทธะ อักโขภยพุทธะ
    อโฆสิทธิพุทธะ รัตนสัมภวพุทธะ ไภสัชชคุรุพุทธะ อมิตตาภาพุทธะ เป็นต้น เฉพาะ อมิตตาภะ
    พุทธะนี้ เมื่อเป็นมานุสสีพุทธ คือเป็นพระพุทธเจ้าในร่างมนุษย์ ( อวตาร ) ก็คือ พระศรีศากยมุนี
    พุทธนั่นเอง

    ๙. เถรวาท มีความมุ่งหมายเพื่อบำเพ็ญอัตตัตถาจริยา คือ ประโยชน์ส่วนตน ญาตัตถจริยา
    ประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ โลกัตถจริยา คือ ประโยชน์ต่อสัตว์โลก โดยเห็นว่าการี่เราจะช่วย
    ผู้อื่นได้ เราต้องช่วยตัวเองให้มีหลักก่อน การี่เราจะช่วยคนตกน้ำ เราต้องว่ายน้ำเป็นก่อน
    การที่เราจะช่วยนำสัตว์ให้ข้ามโอฆสงสารได้ เราต้องมีเรือคือ ต้องรู้โพธิปักขิยธรรมก่อน
    ก็โพธิปักขิยธรรม คนจะรู้ได้ก็ต้องตรัสรู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าหรือเป็นพระอรหันต์ เมื่อยัง
    ไม่สำเร็จก็ยังไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็เท่ากับว่ายังไม่มีเรือ เมื่อไม่มีเรือจะใช้อะไรส่งสัตว์ข้ามโอฆะได้
    คติ ของเถรวาทเป็นอย่างนี้

    มหายาน มุ่งความเป็นพระโพธิสัตว์ หรือ พุทธภูมิ เพื่อบำเพ็ญ โลกัตถะจริยาได้เต็มที่ คือมุ่ง
    ช่วยผู้อื่นเป็นจุดสำคัญ และแสดงว่ามีพระโพธิสัตว์หลายองค์ เช่น พระอวโลกิเตศวร ,
    พระมัญชุศรี , พระวัชรปราณี , พระกษิติครรภ, พระสุมันตรภัทร และ พระอริยเมตไตรย
    เป็นต้น เป็นตัวอย่าง เพื่อจูงใจให้คนปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์

    ๑O. เถรวาทมี บารมี ที่จะให้สำเร็จบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้า ๑O ประการ
    มี ทาน, เนกขัมมะ, ปัญญา ,วิริยะ, สัจจะ, อธิษฐาน, เมตตา, อุเบกขา, ขันติ

    มหายาน มีบารมีอันให้ถึงความสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็น ปฏิปทาของพระโพธิสัตว์
    ๖ ประการ คือ ทาน ศีล วิริยะ ขันติ ฌาน ปัญญา ( บ้างก็ว่ามี ๑O เหมือนกับ ของ เถรวาท )

    ๑๑. เถรวาท พระอรหันต์อยู่จบกิจในพรหมจรรย์แล้วสิ้นกิเลสแล้ว สิ้นความสงสัยรู้ว่าตนบรรลุ
    พระอรหัตผลด้วยตนเอง โดยมิต้องมีคนบอก มีความรู้ในอริยมรรค อริยผล ไม่ฝันปรินิพพาน
    แล้วก็ดับหมดทั้ง กายสังขาร วจีสังขาร จิตสังขาร ( อนุสปรินิพพาน ) ไม่เกิดอีก ถือว่าเหนือกว่า
    พระโพธิสัตว์ เพราะสิ้นกิเลสแล้ว ไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว แต่พระโพธิสัตว์ยังมีกิเลสยังต้องศึกษา
    และ พระเถรวาทจะไม่ไหว้รูปพระโพธิสัตว์ เพราะถือว่ายังไม่เป็นพระภิกษุ

    มหายาน พระอรหันต์ยังฝันอย่างคนมีราคะ เพราะถูกมารยั่ว ยังความไม่รู้ในอริยมรรค อริยผล
    ยังต้องสงสัยใน อริยมรรค อริยผล เป็นต้น จะรู้ว่าตนบรรลุต้องมีผู้บอก ปรินิพพานแล้วยังเกิด
    อีก แต่เกิดเพื่อสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือว่าสู้พระโพธิสัตว์ไม่ได้ เพราะเห็นว่าพระ
    โพธิสัตว์มีโอกาสช่วยสัตว์โลกได้มากกว่า


    ๑๒. เถรวาท ในกายสาม เถรวาทยอมรับแต่ ธรรมกาย กับ นิรมาณกายบางส่วน นอกนั้นไม่รับ

    มหายาน รับทั้งสามคือ ทั้งธรรมกาย ได้แก่ พระธรรม สัมโภคกายคือ กายจำลอง หรือ กายอวตาร
    ของพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธเจ้าเป็นพระกกุสันธบ้าง โกนาคมะบ้าง กัสสปะบ้าง ศากยมุนีบ้าง
    เป็นต้น ล้วนเป็นสัมโภคกายของพระพุทธเจ้าองค์เดิมทั้งนั้น นิรมาณกายคือ กายที่ต้องแก่ เจ็บ
    ปรินิพพาน เป็นกายที่พระพุทธเจ้าองค์เดิมสร้างขึ้น เพื่อเป็นเครื่องสอนคนให้เห็นความจริงของ
    ชีวิต แต่พระพุทธองค์ที่แท้ ที่องค์เดิมนั้นไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เช่น พระอมิตตาภาพุทธะมีกาย
    จำลองเป็น พระศากยมุนี แต่พระอมิตตาพุทธะนั้น เป็นอมตะอยู่ที่แดนสุขาวดี

    ๑๓. เถรวาท อาศัยพระไตรปิฎก คือธรรมวินัย ยุติตามะ ปฐมสังคายนาเป็นหลักและไม่มีพระสูตร
    อะไรเพิ่มเติม

    มหายาน ธรรมวินัยของเดิมก็มี และมีการเพิ่มพระสูตรใหม่ในภายหลังจากการทำปฐมสังคายนา
    เช่น ปรัชญาปารมิตาสูตร สุขาวดียูหสูตร สัทธธรรมปุณฑริกสูตร ลังกาวตารสูตร เป็นต้น
    แม้ปฐมเทศนาก็มิได้มีครั้งเดียว


    ความคล้ายคลึง และ ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง นิกายมหายานและเถรวาท :-

    ข้อคล้ายคลึงกันของนิกายทั้งสอง เราพอสรุปได้เป็นหลักใหญ่ ๆ ๔ ประการคือ

    ๑. จุดมุ่งหมายปลายทางของทั้งสองนิกายเหมือนกันคือวิมุติ
    ๒. คำสอนทั้งสองนิกายเป็นประโยชน์แก่สังคมของมนุษย์ในด้านศีลธรรม และ จรรยา
    ๓. ทั้งสองนิกายสอนในเรื่องกฏแห่งกรรม
    ๔. ทั้งสองนิกายต่างยอมรับเรื่องความไม่จำกัดสรรพสิ่ง คือ ไม่มีเริ่มต้น ไม่มีสิ้นสุด
    ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ

    ส่วนข้อแตกต่างกันของนิกายทั้งสองที่สำคัญที่สุดคือ เถรวาทมุ่งอรหัตภูมิ โดยถือคติว่า
    ก่อนจะให้คนอื่นรู้ ตนต้องรู้ก่อน ก่อนจะช่วยคนอื่นได้ ตนต้องช่วยตนเองให้ได้ก่อน
    มิฉะนั้นจะนำอะไรไปสอนไปช่วยเขา ส่วนมหายานมุ่งพุทธภูมิ คือ ต้องบำเพ็ญตนเป็น
    พระโพธิสัตว์ก่อน เพื่อช่วยคนอื่นก่อนช่วยตัวเอง ยอมรับทุกข์ เพื่อสุขของคนอื่น
     
  13. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    เขียนดีมากครับ แต่นิยามของพระแท้บางครั้งไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากมาย
    ตามหลักวิชาการครับ จริงครับที่เซียนต้องการขายพระให้ได้ราคา
    คนซื้อต้องการซื้อถูก นี่คือวัฒนะธรรมหรือคุณลักษณะของวงการพระ
    ที่สืบทอดกันมายาวนานเป็นสิบ ๆ ปี ถ้าไม่จริงไม่แท้สักวันก็ต้องบอกว่าจบ เช่นกัน
    แต่ถ้าสิ่ง ๆ นั้นยังดำเนินอยู่ก็แปลว่ายังมีอะไรดีอยู่

    อย่างในสารคดีตามรอยพระพุทธเจ้า ยังวิจารณ์ว่า
    พุทธดั่งเดิมนิกาย เถรวาท (หินยาน)และ พุทธนิกาย มหายาน
    ที่พุทธศาสนาสืบทอดต่อกันมาได้ยาวนานเป็นพันปีต้องขอบคุณพุทธฝ่ายมหายาน วงการพระถ้าไม่มีราคาค่างวดไม่มีความเชื่อ ก็จะจบไปนานแล้ว
    ***********************************************
    ข้อความในส่วนข้างบนนี้....มิได้เข้าข้างใครคนใดหรือองค์กรใด
    แต่สะท้อนแง่มุมว่าสิ่งใดที่เราควรเชื่อ หรือไม่ควรเชื่อ วงการพระนี้ มีหลายรูปแบบ
    มีหลายลักษณะ ไม่อยากให้ผู้ที่ศึกษาหรือจะสะสมพระหลงเชื่อสิ่งใดง่าย ๆ
    วงการทุกที่มีทั้งคนดีและคนเลว วงการพระก็เช่นกัน
    ถ้าเราเชื่อหรือศึกษาแบบงมงาย ก็เหมือนเราตอกตะปูฝาโลงตัวเอง
    ไม่มีโอกาสได้แง้มฝาโลงเลย
     
  14. ขอพ้นทุกข์

    ขอพ้นทุกข์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +402
    ผมมีอยู่หนึ่งองค์ พระที่อยู่ขอนแก่นให้มา ดูในเน็ทเขาบอกเป็นพระนาคปกคพิมใหญ่ เอากล้องส่องดู เห็นเม็ดสีขาวๆๆลักษณะเหมือนพระธาตุคล้ายเม็ดข้าวเหนียวสุก ประมาณ เจ็ดเม็ด ทางด้านหน้าพระ เวลาแสงแดดจ้าๆๆมองดูระยิบระยับเหมือนมีแร่เหล็กด้วย ได้ยินแต่เรื่องปาฏิหารเรื่อความเมตตาของท่าน พึ่งเอามาใส่ได้สองวันครับ ปกติ ไม่ค่อยใส่พระเท่าไหร แบบนี้เขาเรียกว่าแท้หรือเทียม แต่ถ้ามีคนทำได้เลียนแบบนี้ ขึ้นมาไหม่ได้ ก็ถือว่าไม่ธรรมดา แต่ผมเชื่อว่าเป็นของแท้ ที่สร้างมาสมัยนั้น ดีนะ แจกเขาไปแล้ว นึกได้รีบไปขอแลกมาคืน เพราะปกติชอบแจกวัตถุมงคลมาตลอด ผมว่าถ้าไม่มีพลังจิต หรืออำนาจสมาธิ สัมผัสได้ เถึยงกันจนตายก็หาที่ยุติ ไม่ได้
     
  15. songvut11

    songvut11 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +1
    ของผมก็มีครับ สององค์
     
  16. songvut11

    songvut11 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +1
  17. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    คุณคนตรงก็อีกสายหนึ่ง
    แต่วงการพระเครื่อง มองให้แค่เป็นเรื่องธรรมดาดีกว่า
    พระกรุ คือคนโบราณยุคสมัยก่อน สร้างเอาไว้ มีการปลุกเสกเรียกว่าพระกรุ ง่าย ๆ
    เมื่อมีคนไปขุดพบ ก็นำมาแขวนคอ เมื่อมีค่านิยมสูง ก็มีคนทำปลอม


    พระเหรียญปั้มในยุคต่าง ๆ มีการปลุกเสก วงการพระให้ค่านิยม
    เราก็หาที่เขาปั้มให้เราเช่าบูชา ให้ตรงกับที่เขาสร้างมา
    ไม่ต้องไปจับพลังใด ๆ เมื่อมีของเก๊ ก็แยกให้ออก เราก็แยกของแท้จากของเก๊

    ส่วนพระปลอมหรือวัตถุใด ๆ เปรียบเหมือนแก้วที่ใส่น้ำ นำไปสวดมนต์
    ก็เป็นน้ำมนต์ เรียกว่าบรรจุพลังได้ พระปลอมหรือวัตถุใด ๆ ก็เช่นกัน
    สามารถนำไปพุทธาภิเษก ก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์ ต้องแยกให้ออกระหว่าง
    ดำ กับ แดง ครับ
     
  18. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    องค์นี้เก๊ 100 เปอร์เซนต์ครับ พระแท้พระกรุ
    สังเกตุง่าย ๆ พิมมพ์ลึกชัด มองเห็นชัดเจน ถ้าไม่สึก
    ถ้ามองภาพรวมผสมกลมกลืนกันไป ขออรุ่มอร่วย แบบชนิดไปที
    เป็นเก๊ทุกองค์
     
  19. หมูทะเล

    หมูทะเล ผู้ใดทำใจให้เป็นกลางได้ ผู้นั้นปราศจากทุกข์ทั้งปวง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,184
    เนื้อดูนตัดเก้าเนื้อมะขามเปียก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2614.jpg
      IMG_2614.jpg
      ขนาดไฟล์:
      167.9 KB
      เปิดดู:
      299
    • IMG_2615.jpg
      IMG_2615.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177.9 KB
      เปิดดู:
      220
    • IMG_2616.jpg
      IMG_2616.jpg
      ขนาดไฟล์:
      115.9 KB
      เปิดดู:
      590
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  20. stoes

    stoes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    8,343
    ค่าพลัง:
    +9,050
    แท้ดูง่ายครับ
    ************
     

แชร์หน้านี้

Loading...